ตื่นเถิดสายญาณองค์เหนือหัวนเรศวรมหาราชเจ้า

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย weruwan, 14 เมษายน 2011.

  1. where?

    where? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +883
    เหล่าทหารหาญ

    ขอจงคลายซึ่งความโกรธ เกลียด เครียด แค้น ชิงชัง เถิดหนา({)
     
  2. pkdragon

    pkdragon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +35
    กุหลาบเมาะลำเลิง พระองค์หญิงมณีจันทร์<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ถ้าย้อนกลับไปยุคนั้นได้...ทำไม..ใคร ๆ ก็รุมเกลียดมณีจันทร์ เพราะว่ายังไงดีนะ ก้อ..พระองค์หญิงผู้นี้เป็นใคร มาจากไหน... เป็นมอญแท้ ๆ เป็นคนนอกแผ่นดินที่มาครองหัวใจพระองค์ท่าน..มหาบุรุษชาตินักรบ..สมเด็จนเรศวรมหาราช.. แล้วอย่างนี้จะไม่ให้อิสตรีในแผ่นดินนี้รุมเกลียดได้ยังไงกัน แต่ในชาตินี้มีแต่คนอยากชื่อมณีจันทร์...เฮ้ยคนหนอคน<o:p></o:p>
    .พระองค์หญิงมณีจันทร์ผู้นี้...ในพระชนม์ชีพของพระองค์ท่านมีแต่ความทุกข์ยากลำบากแสนเข็ญ พระชตาชีวิตมิได้มีความแตกต่างกับองค์สมเด็จนเรศวรและพระพี่นางพระสุพรรณกัลยาเลย จะแตกต่างกันตรงความเป็นอิสระเท่านั้น แต่ก็สูญเสียแผ่นดินเช่นกัน<o:p></o:p>
    มณีจันทร์...เป็นพระธิดาองค์โตของกษัตริย์เจ้ามอญ มีน้องร่วมพระมารดาเดียวกันสองพระองค์ คือน้องหญิงอายุประมาณ 12 ขวบ น้องชายอายุประมาณ 9 ขวบ แต่น้องทั้งสองของพระองค์ท่านก็สิ้นชีวิตเพราะสงครามที่พม่ารุกรานแย่งชิงเมือง ส่วนพระมารดานั้นท่านเป็นเหมือนคนสองสัญชาติหรือลูกครึ่งมอญกับฮอลันดาหรืออาจจะโปรตุเกต เพราะท่านมีผิวพรรณวรรณะเหมือนลูกครึ่งฝรั่ง ผิวขาวอมชมพูสวยมาก แต่ก็สิ้นพระชนม์ตั้งแต่อายุประมาณสี่สิบกว่าเท่านั้นพร้อมพระธิดาและพระโอรสเพราะการเกิดสงครามนั้น พระองค์หญิงมณีจันทร์จึงเป็นธิดาที่ติดตามพระบิดาไปอยู่ยังเมาะลำเลิง ซึ่งการติดตามไปนั้นพระองค์ท่านอายุไล่เรียงกับสมเด็จนเรศวร คือประมาณ 14-15 ปีเท่านั้น<o:p></o:p>
    พระองค์หญิงมณีจันทร์นั้น แท้จริงแล้วใครจะรู้ว่า พระองค์ท่านเป็นอิสตรีที่ถูกฝึกสอนอาวุธจากพระราชบิดาคือกษัตริย์เจ้ามอญ พร้อมด้วยคณาจารย์ทางด้านการรบ รวมถึงสมเด็จพระมหาเถรคันฉ่องสังฆราชของเจ้ามอญที่บังคับพระองค์ท่านฝึกเรียนทางด้านกรรมฐาน โดยเฉพาะวิชาอิทธิฤทธิ์ทั้งหลาย<o:p></o:p>
    พระองค์หญิงถูกฝึกการรบทุกชนิด ไม่ว่าจะโหดร้ายแค่ไหนพระองค์ท่านก็ต้องทำ เมื่อกษัตริย์เจ้ามอญและนักรบมอญทั้งหลายออกรบนั้น พระองค์หญิงต้องปลอมตัวเป็นบุรุษชาติอาชาไนย ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกษัตริย์เจ้ามอญพร้อมด้วยแม่ทัพนายกองมอญและเหล่าทหารของแผ่นดินมอญ ความชาญฉลาดของพระนางนั้นหาใครเปรียบได้ยากยิ่ง ทรงกำหนดพิธีการรบให้และแผนที่เดินทัพให้กองทัพมอญ รวมถึงวิธีการรบที่เรียกว่า สงครามกองโจร หน่วยจู่โจมม้าเร็วนั้นก็มาจากแผนการรบที่ทรงวางไว้ให้กับมอญเช่นกัน<o:p></o:p>
    องค์สมเด็จนเรศวรฯ นั้นพระองค์ท่านทรงผิดสังเกตุตลอดเวลาที่เจอกองทัพมอญ เจ้าทหารมอญ(มณีจันทร์)ผู้นี้ทำไมถึงตัวเล็กนิดเดียว แถมร่วมรบทีไรก็ใช้เขม่าควันไฟทาหน้าจนดำปี๊ดปี๋ บางครั้งก็เอาผ้าโพกหัวพันหน้าจนเห็นแต่ดวงตา บางครั้งใบหน้านั้นก็สวยหวาน แต่บางครั้งก็ดูผิดแผกจากทหารทั่ว ๆ ไป แถมเมื่อศึกประชิดตัวทีไรทหารฝ่ายมอญก็ช่วยห้อมล้อมกันท่าพาหนีรอดทุกครั้ง ผิดสังเกตุจนพระองค์ท่านตั้งพระทัยไว้ว่าสักวันหนึ่งถ้าโอกาสมาถึง จะต้องจับตัวทหารมอญผู้นี้ให้ได้ จะได้คาดคั้นเอาความจริงว่า เป็นบุคคลสำคัญเช่นไรในกองทัพมอญ จึงได้รับการอารักขาเป็นพิเศษจากทหารฝ่ายมอญ<o:p></o:p>
    ความสงสัยบังเกิดขึ้นในใจขององค์สมเด็จนเรศวรฯ ตลอดเวลามา แต่โอกาสยังมาไม่ถึง จนวันหนึ่งเมื่อเหตุจะเกิด..พระองค์ท่านพาทหารออกลาดตระเวณ ในขณะเดียวกันทหารมอญพร้อมด้วยพระองค์หญิงมณีจันทร์ที่ปลอมเป็นนักรบชายก็ออกลาดตระเวณเช่นกัน องค์สมเด็จนเรศวรนั้นทรงรู้ว่าโอกาสอันดีของพระองค์ท่านมาถึงแล้ว จึงให้กองลาดตระเวณของพระองค์ท่านช่วยโอบล้อมเหล่าทหารมอญพร้อมพระองค์หญิง และกล่าวคำท้าไปยังทหารมอญผู้นั้นผู้เดียวเพื่อประดาบประลองฝีมือกัน<o:p></o:p>
    ส่วนพระองค์หญิงมณีจันทร์นั้นไม่อยากรับคำท้า เพราะพระองค์ตรองดูแล้วมีแต่จะเสียเปรียบ ถ้าชนะก็รอดตัวไป ถ้าแพ้ถูกจับได้ความลับ ใหญ่หลวงของพระองค์ท่านก็จะต้องถูกเปิดเผย แต่ไม่รับก็ไม่ได้เพราะถูกโอบล้อมไว้หมดแล้ว การชิงชัยกันเป็นไปด้วยความดุเดือด ไม่มีใครยอมรามือให้ใคร เพียงเพราะฝ่ายหนึ่งต้องการเปิดเผยความลับแต่อีกฝ่ายต้องการปกปิดความลับไว้ แต่ในที่สุดพระองค์หญิงก็ต้องพ่ายแพ้แก่องค์สมเด็จนเรศวรท่านด้วยกำลังของชายชาตินักรบ พระองค์หญิงถูกจับและถูกคาดคั้นเอาความจริง<o:p></o:p>
    มิมีวาจาใด ๆ หลุดออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์หญิงท่าน สมเด็จนเรศวรทรงกริ้วยิ่งนักที่ไม่สามารถบังคับทหารมอญผู้นี้ได้ จึงได้ออกคำสั่งให้ทหารถอดผ้าคลุมศรีษะที่พันใบหน้านั้นออก สิ่งที่ปรากฏต่อสายพระเนตรของพระองค์ท่าน คืออิสตรีที่ปลอมแปลงพระองค์เป็นบุรุษชาติอาชาไนย ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารมอญทั้งหลายเพื่อกอบกู้แผ่นดินมอญ พระองค์ท่านทรงได้แต่ตะลึง เปล่งพระวาจาได้เพียงว่า "ทำไมถึงกล้าหาญชาญชัยเยี่ยงนี้" ความรักความพึงพอใจจึงเกิดขึ้นในพระทัยของพระองค์ท่าน คงเพราะทรงเกิดมาเพื่อกันและกัน ชตาชีวิตของทั้งสองพระองค์มิได้แตกต่างกันเลย ความทุกข์ยากในน้ำพระทัยทั้งหลายมีท่วมท้นเสมอเหมือนกัน ทรงถูกยึดครองแผ่นดินเหมือนกัน ทรงตกระกำลำบากระหกระเหินระเหเร่ร่อนเหมือนนกไร้รังไม่แตกต่างกันเลย ผู้หนึ่งสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินและต้องตกไปเป็นเชลยศักดิ์ อิสตรีผู้หนึ่งสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินจนไร้ที่อยู่เหมือนหงส์ไร้รัง ความทุกข์ยากในน้ำพระทัยไม่แตกต่างกันเลย ชีวิตจะมีความหมายอะไรเมื่อบัลลังก์ถูกกดขี่ยึดครอง ข้าคนอาณาประชาราษฏร์ต่างได้ร้อนนอนทุกข์จากการรุกรานของพม่า ความสัมพันธ์ของอโยธยาและมอญจึงเริ่มต้นตั้งแต่บัดนั้น<o:p></o:p>
    "กุหลาบเมาะลำเลิง"<o:p></o:p>
    องค์สมเด็จนเรศวรนั้น ทรงขอเข้าเฝ้ากษัตริย์เจ้ามอญเป็นการส่วนพระองค์ ทรงทูลขอพระธิดา พระองค์หญิงมณีจันทร์จากกษัตริย์เจ้ามอญ พระองค์ท่านไม่พึงประสงค์จะยกให้ แต่เมื่อตรองดูแล้วการยกพระธิดาให้แด่องค์สมเด็จนเรศวรนั้น ดีกว่าให้พระธิดาต้องตกไปเป็นสนมของกษัตริย์องค์อื่นเป็นไหน ๆ พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยยกพระธิดาให้แด่องค์สมเด็จนเรศวรท่าน ความรักความสัมพันธ์ของสองแผ่นดินจึงปรากฏขึ้นนับแต่เวลานั้น<o:p></o:p>
    พระองค์หญิงมณีจันทร์จึงถูกส่งไปอยู่กับพระพี่นางเพื่อฝึกหัดเรียนรู้ธรรมเนียมประเพณีของสยามประเทศ ซึ่งที่พระองค์ได้ไปอยู่นั้นถูกเรียกว่า "พระตำหนักนอก" เป็นตำหนักเรือนไทยอยุธยาที่ปลูกเรียงกันเป็นแถว เป็นตำหนักที่ปลูกไว้สำหรับเจ้านางทางฝ่ายอยุธยาที่ถูกขอตัวไป ที่พระตำหนักนอกนี้เป็นเรือนไทยใต้ถุนสูงประมาณ 1 เมตร 20 เซนต์ หน้าเรือนไทยมีระเบียงกว้าง ตัวระเบียงมีทางเดินรอบ ตัวเรือนทาสีเหลืองทองทั้งหลังเหมือนสีแป้งผงขมิ้นของพม่าที่เรียกว่า ตะนาคา เหตุที่เรียกว่า พระตำหนักนอกนั้น ทั้งนี้เพราะถูกปลูกอยู่นอกวังหลวง เป็นที่จัดไว้ให้สำหรับเจ้านางฝ่ายอยุธยา ที่พระตำหนักนี้พระองค์หญิงมณีจันทร์ทรงแต่งพระวรกายเป็นสตรี แต่ไม่ทรงพระยศและเครื่องยศของเจ้าหญิงมอญ ทั้งนี้เพราะทางพม่าไม่มีใครล่วงรู้ความลับนี้ เมื่อพระองค์ท่านแต่งกายเป็นหญิง เป็นอิสตรีเต็มตัวนั้น ทรงงามมาก ผิวพรรณขาวอมชมพู พระพักตร์สวยมาก รูปร่างสมส่วน องค์สมเด็จนเรศวรจึงทรงเรียกขานพระองค์หญิงว่าทรงเป็น "กุหลาบเมาะลำเลิง" นั่นจึงเป็นที่มาของพระนามนี้ เพราะทรงเป็นพระองค์หญิงที่พลัดถิ่นไปอาศัยอยู่ยังเมาะลำเลิง
     
  3. pkdragon

    pkdragon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +35
    จงนำความรัก ความเมตตาในหทัยนเรศวรนี้ แผ่ไปเป็นพลังแห่งจักรวาล ด้วยสายใยสีขาวสว่างสุกใสเป็นเส้นใยแห่งเมตตาแก่พี่น้องชาวไทยทุกท่านด้วยเถิด

    สถานที่อันนำพาหทัยนเรศวรนั้นกลับมา น่าจะอยู่ ชายแดนพิษณุโลกไกล้เขตศรีสัชนาลัย ทุ้งหญ้ากว้างใหญ่ ช่วยเราด้วยเถิด พาหทัยนเรศวร นั้นกลับมา
     
  4. pkdragon

    pkdragon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +35
    กุหลาบเมาะลำเลิง พระองค์หญิงมณีจันทร์<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    พระองค์หญิงผู้นี้เป็นใคร มาจากไหน... เป็นมอญแท้ ๆ เป็นคนนอกแผ่นดินที่มาครองหัวใจพระองค์ท่าน..มหาบุรุษชาตินักรบ..สมเด็จนเรศวรมหาราช.. แล้วอย่างนี้จะไม่ให้อิสตรีในแผ่นดินนี้รุมเกลียดได้ยังไงกัน แต่ในชาตินี้มีแต่คนอยากชื่อมณีจันทร์
    .พระองค์หญิงมณีจันทร์ผู้นี้...ในพระชนม์ชีพของพระองค์ท่านมีแต่ความทุกข์ยากลำบากแสนเข็ญ พระชตาชีวิตมิได้มีความแตกต่างกับองค์สมเด็จนเรศวรและพระพี่นางพระสุพรรณกัลยาเลย จะแตกต่างกันตรงความเป็นอิสระเท่านั้น แต่ก็สูญเสียแผ่นดินเช่นกัน<o:p></o:p>
    มณีจันทร์...เป็นพระธิดาองค์โตของกษัตริย์เจ้ามอญ มีน้องร่วมพระมารดาเดียวกันสองพระองค์ คือน้องหญิงอายุประมาณ 12 ขวบ น้องชายอายุประมาณ 9 ขวบ แต่น้องทั้งสองของพระองค์ท่านก็สิ้นชีวิตเพราะสงครามที่พม่ารุกรานแย่งชิงเมือง ส่วนพระมารดานั้นท่านเป็นเหมือนคนสองสัญชาติหรือลูกครึ่งมอญกับฮอลันดาหรืออาจจะโปรตุเกต เพราะท่านมีผิวพรรณวรรณะเหมือนลูกครึ่งฝรั่ง ผิวขาวอมชมพูสวยมาก แต่ก็สิ้นพระชนม์ตั้งแต่อายุประมาณสี่สิบกว่าเท่านั้นพร้อมพระธิดาและพระโอรสเพราะการเกิดสงครามนั้น พระองค์หญิงมณีจันทร์จึงเป็นธิดาที่ติดตามพระบิดาไปอยู่ยังเมาะลำเลิง ซึ่งการติดตามไปนั้นพระองค์ท่านอายุไล่เรียงกับสมเด็จนเรศวร คือประมาณ 14-15 ปีเท่านั้น<o:p></o:p>
    พระองค์หญิงมณีจันทร์นั้น แท้จริงแล้วใครจะรู้ว่า พระองค์ท่านเป็นอิสตรีที่ถูกฝึกสอนอาวุธจากพระราชบิดาคือกษัตริย์เจ้ามอญ พร้อมด้วยคณาจารย์ทางด้านการรบ รวมถึงสมเด็จพระมหาเถรคันฉ่องสังฆราชของเจ้ามอญที่บังคับพระองค์ท่านฝึกเรียนทางด้านกรรมฐาน โดยเฉพาะวิชาอิทธิฤทธิ์ทั้งหลาย<o:p></o:p>
    พระองค์หญิงถูกฝึกการรบทุกชนิด ไม่ว่าจะโหดร้ายแค่ไหนพระองค์ท่านก็ต้องทำ เมื่อกษัตริย์เจ้ามอญและนักรบมอญทั้งหลายออกรบนั้น พระองค์หญิงต้องปลอมตัวเป็นบุรุษชาติอาชาไนย ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกษัตริย์เจ้ามอญพร้อมด้วยแม่ทัพนายกองมอญและเหล่าทหารของแผ่นดินมอญ ความชาญฉลาดของพระนางนั้นหาใครเปรียบได้ยากยิ่ง ทรงกำหนดพิธีการรบให้และแผนที่เดินทัพให้กองทัพมอญ รวมถึงวิธีการรบที่เรียกว่า สงครามกองโจร หน่วยจู่โจมม้าเร็วนั้นก็มาจากแผนการรบที่ทรงวางไว้ให้กับมอญเช่นกัน<o:p></o:p>
    องค์สมเด็จนเรศวรฯ นั้นพระองค์ท่านทรงผิดสังเกตุตลอดเวลาที่เจอกองทัพมอญ เจ้าทหารมอญ(มณีจันทร์)ผู้นี้ทำไมถึงตัวเล็กนิดเดียว แถมร่วมรบทีไรก็ใช้เขม่าควันไฟทาหน้าจนดำปี๊ดปี๋ บางครั้งก็เอาผ้าโพกหัวพันหน้าจนเห็นแต่ดวงตา บางครั้งใบหน้านั้นก็สวยหวาน แต่บางครั้งก็ดูผิดแผกจากทหารทั่ว ๆ ไป แถมเมื่อศึกประชิดตัวทีไรทหารฝ่ายมอญก็ช่วยห้อมล้อมกันท่าพาหนีรอดทุกครั้ง ผิดสังเกตุจนพระองค์ท่านตั้งพระทัยไว้ว่าสักวันหนึ่งถ้าโอกาสมาถึง จะต้องจับตัวทหารมอญผู้นี้ให้ได้ จะได้คาดคั้นเอาความจริงว่า เป็นบุคคลสำคัญเช่นไรในกองทัพมอญ จึงได้รับการอารักขาเป็นพิเศษจากทหารฝ่ายมอญ<o:p></o:p>
    ความสงสัยบังเกิดขึ้นในใจขององค์สมเด็จนเรศวรฯ ตลอดเวลามา แต่โอกาสยังมาไม่ถึง จนวันหนึ่งเมื่อเหตุจะเกิด..พระองค์ท่านพาทหารออกลาดตระเวณ ในขณะเดียวกันทหารมอญพร้อมด้วยพระองค์หญิงมณีจันทร์ที่ปลอมเป็นนักรบชายก็ออกลาดตระเวณเช่นกัน องค์สมเด็จนเรศวรนั้นทรงรู้ว่าโอกาสอันดีของพระองค์ท่านมาถึงแล้ว จึงให้กองลาดตระเวณของพระองค์ท่านช่วยโอบล้อมเหล่าทหารมอญพร้อมพระองค์หญิง และกล่าวคำท้าไปยังทหารมอญผู้นั้นผู้เดียวเพื่อประดาบประลองฝีมือกัน<o:p></o:p>
    ส่วนพระองค์หญิงมณีจันทร์นั้นไม่อยากรับคำท้า เพราะพระองค์ตรองดูแล้วมีแต่จะเสียเปรียบ ถ้าชนะก็รอดตัวไป ถ้าแพ้ถูกจับได้ความลับ ใหญ่หลวงของพระองค์ท่านก็จะต้องถูกเปิดเผย แต่ไม่รับก็ไม่ได้เพราะถูกโอบล้อมไว้หมดแล้ว การชิงชัยกันเป็นไปด้วยความดุเดือด ไม่มีใครยอมรามือให้ใคร เพียงเพราะฝ่ายหนึ่งต้องการเปิดเผยความลับแต่อีกฝ่ายต้องการปกปิดความลับไว้ แต่ในที่สุดพระองค์หญิงก็ต้องพ่ายแพ้แก่องค์สมเด็จนเรศวรท่านด้วยกำลังของชายชาตินักรบ พระองค์หญิงถูกจับและถูกคาดคั้นเอาความจริง<o:p></o:p>
    มิมีวาจาใด ๆ หลุดออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์หญิงท่าน สมเด็จนเรศวรทรงกริ้วยิ่งนักที่ไม่สามารถบังคับทหารมอญผู้นี้ได้ จึงได้ออกคำสั่งให้ทหารถอดผ้าคลุมศรีษะที่พันใบหน้านั้นออก สิ่งที่ปรากฏต่อสายพระเนตรของพระองค์ท่าน คืออิสตรีที่ปลอมแปลงพระองค์เป็นบุรุษชาติอาชาไนย ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารมอญทั้งหลายเพื่อกอบกู้แผ่นดินมอญ พระองค์ท่านทรงได้แต่ตะลึง เปล่งพระวาจาได้เพียงว่า "ทำไมถึงกล้าหาญชาญชัยเยี่ยงนี้" ความรักความพึงพอใจจึงเกิดขึ้นในพระทัยของพระองค์ท่าน คงเพราะทรงเกิดมาเพื่อกันและกัน ชตาชีวิตของทั้งสองพระองค์มิได้แตกต่างกันเลย ความทุกข์ยากในน้ำพระทัยทั้งหลายมีท่วมท้นเสมอเหมือนกัน ทรงถูกยึดครองแผ่นดินเหมือนกัน ทรงตกระกำลำบากระหกระเหินระเหเร่ร่อนเหมือนนกไร้รังไม่แตกต่างกันเลย ผู้หนึ่งสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินและต้องตกไปเป็นเชลยศักดิ์ อิสตรีผู้หนึ่งสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินจนไร้ที่อยู่เหมือนหงส์ไร้รัง ความทุกข์ยากในน้ำพระทัยไม่แตกต่างกันเลย ชีวิตจะมีความหมายอะไรเมื่อบัลลังก์ถูกกดขี่ยึดครอง ข้าคนอาณาประชาราษฏร์ต่างได้ร้อนนอนทุกข์จากการรุกรานของพม่า ความสัมพันธ์ของอโยธยาและมอญจึงเริ่มต้นตั้งแต่บัดนั้น<o:p></o:p>
    "กุหลาบเมาะลำเลิง"<o:p></o:p>
    องค์สมเด็จนเรศวรนั้น ทรงขอเข้าเฝ้ากษัตริย์เจ้ามอญเป็นการส่วนพระองค์ ทรงทูลขอพระธิดา พระองค์หญิงมณีจันทร์จากกษัตริย์เจ้ามอญ พระองค์ท่านไม่พึงประสงค์จะยกให้ แต่เมื่อตรองดูแล้วการยกพระธิดาให้แด่องค์สมเด็จนเรศวรนั้น ดีกว่าให้พระธิดาต้องตกไปเป็นสนมของกษัตริย์องค์อื่นเป็นไหน ๆ พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยยกพระธิดาให้แด่องค์สมเด็จนเรศวรท่าน ความรักความสัมพันธ์ของสองแผ่นดินจึงปรากฏขึ้นนับแต่เวลานั้น<o:p></o:p>
    พระองค์หญิงมณีจันทร์จึงถูกส่งไปอยู่กับพระพี่นางเพื่อฝึกหัดเรียนรู้ธรรมเนียมประเพณีของสยามประเทศ ซึ่งที่พระองค์ได้ไปอยู่นั้นถูกเรียกว่า "พระตำหนักนอก" เป็นตำหนักเรือนไทยอยุธยาที่ปลูกเรียงกันเป็นแถว เป็นตำหนักที่ปลูกไว้สำหรับเจ้านางทางฝ่ายอยุธยาที่ถูกขอตัวไป ที่พระตำหนักนอกนี้เป็นเรือนไทยใต้ถุนสูงประมาณ 1 เมตร 20 เซนต์ หน้าเรือนไทยมีระเบียงกว้าง ตัวระเบียงมีทางเดินรอบ ตัวเรือนทาสีเหลืองทองทั้งหลังเหมือนสีแป้งผงขมิ้นของพม่าที่เรียกว่า ตะนาคา เหตุที่เรียกว่า พระตำหนักนอกนั้น ทั้งนี้เพราะถูกปลูกอยู่นอกวังหลวง เป็นที่จัดไว้ให้สำหรับเจ้านางฝ่ายอยุธยา ที่พระตำหนักนี้พระองค์หญิงมณีจันทร์ทรงแต่งพระวรกายเป็นสตรี แต่ไม่ทรงพระยศและเครื่องยศของเจ้าหญิงมอญ ทั้งนี้เพราะทางพม่าไม่มีใครล่วงรู้ความลับนี้ เมื่อพระองค์ท่านแต่งกายเป็นหญิง เป็นอิสตรีเต็มตัวนั้น ทรงงามมาก ผิวพรรณขาวอมชมพู พระพักตร์สวยมาก รูปร่างสมส่วน องค์สมเด็จนเรศวรจึงทรงเรียกขานพระองค์หญิงว่าทรงเป็น "กุหลาบเมาะลำเลิง" นั่นจึงเป็นที่มาของพระนามนี้ เพราะทรงเป็นพระองค์หญิงที่พลัดถิ่นไปอาศัยอยู่ยังเมาะลำเลิง

    ในคราที่ระลึกได้น้ำตาไหลอาบแก้ม
    จักท่านพี่ ,พี่นเรศ, ทูลกระหม่อมเหนือหัว , น้องนี้บาปกรรมนัก ให้พี่ที่รักหนักหนาได้ ห่วง จากสายใยรัก ได้ทุกทรมาณเพราะความรัก ได้สาปแช่งผู้ที่ไม่ประสงค์ดีกับเรา เป็นบ่วงผูกพันไม่ได้ บรรลุโพธิสัตว์
    คำสัญญาก่อนสิ้นใจในก้อมกอดนั้นผูกพันเรานัก จะห่วงหากันทุกภพทุกชาติ ทำให้ทูลกระหม่อมท่านทุกทรมาณ เราจะรอท่านที่พิษณุโลก ... เราจะรอท่านที่พิษณุโลก .. บ้านของเรา หทัยนเรศวร
    กรรมใดที่น้องทำให้พี่ได้ทุกข์ เป็นห่วงด้วยผูกพัน รอคอย ด้วยสัญญา อาฆาต แลสาปแช่ง คนเหล่านั้นเพื่อน้อง น้องขออโหสิกรรม กรรมที่เราได้ทำร้ายด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งที่ ตั้งใจและไม่ตั้งใจ น้องมณีจันทร์ ขออโหสิกรรม และร่วมอนุโมทนาบุญ
    เจ็บปวดนัก ... ลูกรักไม่อาจเกิด พ่อและแม่ขออโหสิกรรม กรรมอันใดที่พ่อและแม่ได้ทำไว้ ทั้งกายวาจาใจ รู้ก็ดีไม่รู้ก็ดี พ่อและแม่ขออโหสิกรรม ขอให้บุญที่เราทั้งสองจะสร้างในชาตินี้ ลูกแม่ได้ร่วมอนุโมทนาบุญ และเกิดยังภพภูมิที่สูงขึ้น
    เหล่า ขุนนางแลนางใน ที่ทำให้เราได้ทุกข์ แลทูลกระหม่อมได้สาปแช่งด้วยจิตอาฆาต เราได้เห็นความทุกข์ทรมาณของท่าน ท่านพี่ได้ดลใหเราเห็นท่านได้ชดใช้กรรมแล้ว เราขออโหสิกรรม ที่เป็นเหตุให้ผูกกันด้วยแรงอาฆาต กรรมอันใดที่ได้ทำร้าย ทั้งกายวาจาใจ รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี เราขออโหสิกรรม และขอให้ท่านร่วมอนุโมทนาบุญกับเราด้วย
    เหล่าพระยา ทหารกล้าทุกนายและข้าราชบริพาร ทั้งหลาย กรรมใดที่เราเคยล่วงเกินทั้งกาย วาจา ใจ ทั้งที่รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ขอท่านทั้งหลายโปรดอโหสิกรรม และร่วมอนุโมทนาบุญกับเราด้วย
    ท่านแม่ ถึงแม้นเาเกิดมาบุญน้อยนัก ท่านไม่ได้อยู่ดูแลลูกรัก ลูกเฝ้าเพ้อหาท่าน ชาตินี้ลูกได้กอดท่านแล้ว กรรมใดที่ลูกได้ ล่วงเกินท่าน ทั้งกายวาจาใจ ที่รู้ก็ดีไม่รู้ก็ดี ลูกขออโหสิกรรม และเชิญท่านร่วมอนุโมทนาบุญกับเราด้วย
    สาธุ.......................
    เทพ เทวดา ทั้งหลาย ที่คุ้มครอง ปกปักรักษาลูกและแผ่นดินที่เราหวงแหนนี้ กรรมใดที่ลูกได้ล่วงเกิน ทั้งกาย วาจาใจ ทั้งที่รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม
    มหาเทพ พระโพธิสัตว์ และ พระอริยะ ที่ลงมาโปรดลูกในชาตินี้ ให้ข้าพเจ้าได้รู้พลังความรักและเมตตาอันประเสริฐ ช่วยเยียวยาจิตใจมนุษย์และโรคภัยไข้เจ็บ โดยไม่เว้นยากดีมีจน ชนชั้น วรรณะ หากข้าพเจ้า ได้ล่วงเกินท่าน ทั้งที่รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม และเชิญท่านร่วมอนุโมทนาบุญกับข้าพเจ้า และสมเด็จพระนเรศวรในกาลครั้งนี้ ด้วย สาธุ..... อามิตตาพุทธ
     
  5. pkdragon

    pkdragon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +35
    ในคราที่ระลึกได้น้ำตาไหลอาบแก้ม <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ท่านพี่ ,พี่นเรศ, ทูลกระหม่อมเหนือหัว , น้องนี้บาปกรรมนัก ให้พี่ที่รักหนักหนาได้ ห่วง จากสายใยรัก ได้ทุกทรมาณเพราะความรัก ได้สาปแช่งผู้ที่ไม่ประสงค์ดีกับเรา เป็นบ่วงผูกพันไม่ได้ บรรลุโพธิสัตว์ <o:p></o:p>
    คำสัญญาก่อนสิ้นใจในก้อมกอดนั้นผูกพันเรานัก จะห่วงหากันทุกภพทุกชาติ ทำให้ทูลกระหม่อมท่านทุกทรมาณ เราจะรอท่านที่พิษณุโลก ... เราจะรอท่านที่พิษณุโลก .. บ้านของเรา หทัยนเรศวร <o:p></o:p>
    กรรมใดที่น้องทำให้พี่ได้ทุกข์ เป็นห่วงด้วยผูกพัน รอคอย ด้วยสัญญา อาฆาต แลสาปแช่ง คนเหล่านั้นเพื่อน้อง น้องขออโหสิกรรม กรรมที่เราได้ทำร้ายด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งที่ ตั้งใจและไม่ตั้งใจ น้องมณีจันทร์ ขออโหสิกรรม และร่วมอนุโมทนาบุญ <o:p></o:p>
    เจ็บปวดนัก ... ลูกรักไม่อาจเกิด พ่อและแม่ขออโหสิกรรม กรรมอันใดที่พ่อและแม่ได้ทำไว้ ทั้งกายวาจาใจ รู้ก็ดีไม่รู้ก็ดี พ่อและแม่ขออโหสิกรรม ขอให้บุญที่เราทั้งสองจะสร้างในชาตินี้ ลูกแม่ได้ร่วมอนุโมทนาบุญ และเกิดยังภพภูมิที่สูงขึ้น <o:p></o:p>
    เหล่า ขุนนางแลนางใน ที่ทำให้เราได้ทุกข์ แลทูลกระหม่อมได้สาปแช่งด้วยจิตอาฆาต เราได้เห็นความทุกข์ทรมาณของท่าน ท่านพี่ได้ดลใหเราเห็นท่านได้ชดใช้กรรมแล้ว เราขออโหสิกรรม ที่เป็นเหตุให้ผูกกันด้วยแรงอาฆาต กรรมอันใดที่ได้ทำร้าย ทั้งกายวาจาใจ รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี เราขออโหสิกรรม และขอให้ท่านร่วมอนุโมทนาบุญกับเราด้วย <o:p></o:p>
    เหล่าพระยา ทหารกล้าทุกนายและข้าราชบริพาร ทั้งหลาย กรรมใดที่เราเคยล่วงเกินทั้งกาย วาจา ใจ ทั้งที่รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ขอท่านทั้งหลายโปรดอโหสิกรรม และร่วมอนุโมทนาบุญกับเราด้วย <o:p></o:p>
    ท่านแม่ ถึงแม้นเาเกิดมาบุญน้อยนัก ท่านไม่ได้อยู่ดูแลลูกรัก ลูกเฝ้าเพ้อหาท่าน ชาตินี้ลูกได้กอดท่านแล้ว กรรมใดที่ลูกได้ ล่วงเกินท่าน ทั้งกายวาจาใจ ที่รู้ก็ดีไม่รู้ก็ดี ลูกขออโหสิกรรม และเชิญท่านร่วมอนุโมทนาบุญกับเราด้วย <o:p></o:p>
    สาธุ.......................<o:p></o:p>
     
  6. mikycar offroad

    mikycar offroad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +255
    เวลาไปถ่ายรูปหรือเที่ยวดูโบราณสถาน ผมก็น้อมจิตขอบคุณดวงวิญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องรักษาแผ่นดินไว้ให้ผมและคุณพ่อคุณแม่ผมได้อยู่อาศัย..และขอขอบคุณทุกดวงวิญญาณของ
    ท่านทั้งหลายทุกดวง..
     

แชร์หน้านี้

Loading...