ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อ่างเก็บน้ำป่าตึงเมืองพ่อขุนฯพัง/หลังทนรับน้ำฝนไม่ไหว </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>24 กรกฎาคม 2550 15:41 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เชียงราย - อ่างเก็บน้ำปางวุ้น บนเขาเขตแม่จันเมืองพ่อขุนฯ พังทลายเป็นแนวยาว หลังทนรับน้ำช่วงฝนตกชุกไม่ไหว

    นายศิรินิพนธ์ แจ้งจันทร์ นายอำเภอแม่จัน จ.เชียงราย ระบุว่า วันนี้ (24 ก.ค.50)ได้รับแจ้งเหตุด่วนว่าอ่างเก็บน้ำปางวุ้น ม.10 บ้านสันโค้ง ต.ป่าตึง ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำจากแม่น้ำจัน ได้เกิดการทรุดตัวและมีการพังทลายเป็นแนวยาว หลังจากที่ทนรับปริมาณน้ำจำนวนมากในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันไม่ไหว จึงรีบนำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกัน และประสานเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ป่าตึง เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

    ทั้งนี้ พบว่า อ่างดังกล่าวเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ พนังกั้นน้ำสร้างด้วยปูนซิเมนต์ แนวกำแพงดินกั้นยาวโดยรอบ เกิดการพังทลายของชั้นดินบริเวณด้านหน้าอ่าง ทำให้สปริงเวย์ ที่อยู่หน้าขอบอ่าง และท่อระบายน้ำลอดที่อยู่ในชั้นดินพังทลายหายไป จนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ ลึก 3 เมตร กว้าง 12 เมตร ยาว 20 เมตร กระแสน้ำจำนวนมาก ทะลักลอดผ่านชั้นใต้ดิน ไหลทะลักลงสู่ตัวหมู่บ้านด้านล่าง ซึ่งอยู่ตามเส้นทางไหลของน้ำ จึงมีการแจ้งให้ราษฎรทราบอย่างเร่งด่วน ส่วนความเสียหายอ่างเก็บน้ำครั้งนี้ประมาณ 700,000 บาท

    เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกัน อ.แม่จัน กล่าวว่า อ่างเก็บน้ำปางวุ้น รับน้ำจากแม่น้ำจัน ซึ่งไหลมาจากยอดดอย โดยในระยะนี้มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำในอ่างมีมาก เชื่อว่าท่อระบายน้ำลอด อาจจะมีการอุดตัน ทำให้น้ำระบายไม่ทัน จึงเกิดการรั่วซึมลงในชั้นดิน เมื่อชั้นดินรับน้ำไม่ไหว จึงเกิดการทรุดตัวและพังทลายลง จนเกิดหลุมลึกขนาดใหญ่และสปริงเวย์พังเสียหายไป ซึ่งมีชาวบ้านประมาณ 20 ครอบครัวอยู่ในทางไหลของน้ำ ซึ่งยังไม่ได้รับผลกระทบ

    แต่ในช่วง 2-3 วันนี้ มีการประเมินสถานการณ์หากมีน้ำหลากมาอีก ปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลจะไม่มีสิ่งขวางกั้น ก็จะไหลบ่าลงสู่หมู่บ้านชั้นล่าง และชาวบ้านจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงต้องเร่งซ่อมแซมโดยด่วน

    ด้านนายศิรินิพนธ์ กล่าวว่า ได้จัดงบประมาณฉุกเฉิน พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการซ่อมแซม เพื่อป้องกันการพังทลายของอ่างเก็บน้ำไปมากกว่านี้ และย้ำต้องทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุด จะได้ทันการณ์หากมีน้ำหลาก จะได้ไม่เกิดความสูญเสีย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right height=10>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000086368[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เพิ่งคุยกันอยู่เลยว่าเขื่อนไหนจะพังก่อน เริ่มพังกันแล้วระวังกันด้วยครับ
    ดูที่อังกฤษจะเห็นว่าน้ำมาเร็วมาก รถจมน้ำหมดขับหนีออกไปไม่ทัน
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เป็นบทเรียนบทหนึ่งที่สำคัญมากครับ ถึงมีรถก็อาจจะขับหนีภัยไม่ทันกันก็ได้ ดังนั้นอย่าลืมฝึกฝนร่างกายเอาไว้เตรียมรับมือภัยพิบัติกันเอาไว้ด้วย
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    จะหนีไปไหน...
    มันลำบากไปหมด


    *****************************
    บทสวดฆราวาส
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ตร.ภาค 3 ผงะ! ตรวจยึดอาวุธสงครามล็อตใหญ่ซ่อนโลงศพ-คาดส่งก่อเหตุภาคใต้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>24 กรกฎาคม 2550 20:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]
    [​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ตำรวจภาค 3 ตรวจยึดอาวุธสงครามรายใหญ่ ได้พร้อมของกลางเป็นจำนวนมาก ทั้งปืนอาก้าแบบพับฐาน-ปืนเอ็ม 16 -เครื่องยิงลูกระเบิด อาร์พีจี-ระเบิดขว้าง พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนกว่า 300 นัด เผยแก๊งพ่อค้าอาวุธลำเลียงมาจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ถูกตำรวจตั้งด่านตรวจสกัดกดดันหนัก จึงนำใส่โลงศพทิ้งป่าข้างทาง ถนนสายเสิงสาง-ปะคำ จ.บุรีรัมย์รอยต่อกับอำเภอเสิงสาง นครราชสีมาชาวบ้านพบโร่แจ้งตำรวจ ชี้เตรียมขนเข้ากรุงเทพฯ คาดส่งต่อให้ผู้ก่อการร้ายใน 3 จชต.

    ช่วงบ่ายวันนี้ (24 ก.ค.) ที่ห้องประชุมกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ พล.ต.ท.วราสิทธิ์ พรเลิศ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 แถลงข่าวผลการกวาดล้างอาชญากรรม ตามแผนการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.2550 ในพื้นที่ความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 3

    โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 (ศสส.ภ 3 )ร่วมกับเจ้าหน้าตำรวจ สภ.อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ สามารถตรวจยึดอาวุธสงครามรายใหญ่ได้เป็นจำนวนมาก จากกลุ่มพ่อค้าอาวุธนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน คาดเตรียมส่งต่อไปยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

    ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ สืบทราบว่า มีกลุ่มผู้ค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ พยายามลำเลียงอาวุธสงครามจากชายแดนประเทศกัมพูชาไปส่งที่กรุงเทพฯ เพื่อที่จะจัดส่งต่อไปยังพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงนำกำลังตำรวจตั้งจุดสกัดตามเส้นทางเป้าหมายตั้งแต่วันที่20 -24 ก.ค.นี้ ซึ่งขณะที่ตำรวจตั้งจุดสกัดอยู่ที่ถนนสาย อ.เสิงสาง-ปะคำ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ เขตรอยต่อกับ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมานั้น ได้มีชาวบ้านแจ้งให้ทราบว่า พบโลงศพอยู่บริเวณข้างป่าริมถนนทางเข้า ฝายปะคำหมู่ที่ 10 ต.โคกม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 จึงนำกำลังตำรวจ สภ.อ.ปะคำ เข้าตรวจสอบและเปิดฝาโลงศพออกมาพบอาวุธสงครามหลายรายการ ถูกห่อด้วยผ้าสีขาวคล้ายห่อศพซุกซ่อนอยู่ภายในโลงดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

    ประกอบด้วย อาวุธปืนอาก้าแบบพับฐาน จำนวน 5 กระบอก ,ปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก,เครื่องยิงลูกระเบิดอาร์พีจี 7 จำนวน 1 กระบอก ,อาวุธปืน เซกาเซ่ จำนวน1 กระบอก ,เครื่องกระสุนปืนอาก้า จำนวน 382 นัด,เครื่องกระสุนปืน ค.10 (เอ็ม79) จำนวน 4 นัด,เครื่องกระสุนปืน ขนาด 20 มม. จำนวน 5 นัด,เครื่องกระสุนปืนค.60 จำนวน 5 นัด , ซองบรรจุกระสุนปืนอาก้า จำนวน 9 อัน,ระเบิดเค-โมมาย พร้อมสายและแม็กนีโต จำนวน 1 ชุด,ลูกระเบิดขว้างแบบเอ็ม 26 จำนวน 2 ลูก,ลูกระเบิดขว้างแบบเอ็ม เค 2 จำนวน 1 ลูก,ซองบรรจุกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน1 อัน และเครื่องกระสุนปืนอ็ม 16 จำนวน 16 นัด

    เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดอาวุธสงครามและเครื่องกระสุนทั้งหมดไว้ เพื่อสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มผู้ค้าอาวุธสงครามมาดำเนินคดีต่อไป พร้อมขยายผลถึงขบวนการค้าอาวุธสงครามดังกล่าวทั้งหมดรวมทั้งสืบสวนว่าความเกี่ยวโยงในการนำอาวุธสงครามส่งให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายสร้างเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่อย่างไร

    นอกจากนี้ตำรวจ ศสส.ภ 3 ได้นำหมายค้นจากศาลจังหวัดนครราชสีมา เข้าตรวจค้นร้านจำหน่ายอาวุธปืนในเขต อ.เมือง จ.นครราชสีมา พร้อมจับกุมผู้กระทำความผิดและตรวจยึดอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนส่งพนักงานสอบสวน สภ.อ.เมืองนครราชสีมา ประกอบด้วย นายรัฐศาสตร์ หัตถากรณ์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 207 ถ.มิตรภาพ อ.เมือง เจ้าของร้านปืนราชสีมา โดยกล่าวหาว่า ไม่จัดทำบัญชีและไม่รับผิดชอบรักษาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่มีอยู่ให้ตรงตามบัญชีตามที่กำหนดในกฎกระทรวงพร้อมทั้งตรวจยึดอาวุธปืนพกสั้นมาทำการตรวจสอบ จำนวน 24 กระบอก

    นอกจากนี้ ยังจับกุม นายเริงชัย รังสิทานพมาศ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53ถ.มหาดไทย อ.เมือง จ.นครราชสีมา เจ้าของร้านปืน บัญชาและเพื่อน โดยกล่าวหาเช่นเดียวกัน พร้อมตรวจยึดสมุดบัญชีจำหน่ายอาวุธปืน , เครื่องกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 จำนวน 3,417 นัด , เครื่องกระสุนปืนลูกกรด จำนวน 6,250 นัด และเครื่องกระสุนปืนลูกโดดจำนวน 4,849 นัด มาตรวจสอบ

    พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.(สป.) กล่าวว่า การจับกุมอาวุธสงครามและเครื่องกระสุนได้จำนวนมากครั้งนี้ เป็นผลงานของตำรวจภูธรภาค 3 และเป็นไปตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการกวดขันจับกุมอาวุธ วัตถุระเบิดต่างๆ ที่อาจจะใช้ก่อความไม่สงบหรือก่อเหตุร้ายในช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง

     
  6. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    (f) "...คราวใดโลกห่างเหินจากศีลธรรมทางพุทธศาสนาแล้ว โลกอลหม่านจริงล้านเปอร์เซ็นต์ ห่างเหินมาก อลหม่านมาก ห่างเหินน้อย อลหม่านน้อย เพราะผลกรรมในเหตุดีเหตุชั่ว ย่อมไม่ลำเอียงกับชนชั้นวรรณะ..."(f)



    " .....ราคะจัดตายด้วยน้ำท่วม โทสะจัดตายด้วยไฟใหม้ โมหะจัดตายด้วยลมกระโชคพัดพาไปหรืออะไรหักทับ..."


    จาก...มรดกธรรม

    หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ความรู้เรื่องภพภูมิในพระไตรปิฎก

    [​IMG]

    ปรโลก และ ชีวิตหลังความตาย คืออะไร

    [​IMG]

    คำว่า ปรโลก หมายความว่า โลกหน้าหรือโลกอื่นที่ไม่ใช่โลกมนุษย์นี้ โลกนี้และโลกหน้ามีทั้งหมด 31 ภูมิ เป็น สถานที่อยู่ของชีวิตหลังความตาย และเป็นของสากลที่ทุกคนไปอยู่ได้ โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา อุปมา เหมือนผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย และต้องเข้าคุก ไม่ว่าผู้นั้นจะมีเชื้อชาติ ศาสนา หรือเผ่าพันธุ์ ใดก็ตาม หากกระทำผิดก็มีสิทธิ์เข้าคุกได้ แสดงให้ เห็นว่า คุกเป็นของสากล เพราะฉะนั้น สถานที่อยู่ของชีวิตหลังความตายหรือปรโลกก็เช่นกัน เป็นของสากล ที่มนุษย์ ทุกคนต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ใน 31 ภูมิ นี้จนกว่าจะกำจัดกิเลสให้หมดสิ้นไป จึงจะเข้าสู่นิพพาน

    *ปรโลก แบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายใหญ่ๆ คือ ฝ่ายสุคติภูมิ และฝ่ายทุคติภูมิ เป็น สถานที่หมุนเวียนให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่ประกอบกุศลกรรมและอกุศลกรรม ได้ วนเวียนไปมา เสวยสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ตาม แต่อกุศลและกุศลที่ได้สั่งสมไว้เมื่อครั้ง เป็นมนุษย์
    * มก. อรรถกถาสุปปวาสสูตร เล่ม 44 หน้า 233

    ปรโลก ฝ่ายสุคติ



    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=black3 vAlign=top>
    ทำบุญอะไรจึงได้ไปสวรรค์ในแต่ละชั้น?

    *สวรรค์

    คือ ภูมิอันเป็นที่อยู่ของเทวดา เป็นโลกที่อยู่อาศัยของกายละเอียดอันเป็นทิพย์ ที่มีรัศมีสว่างไสวรอบกายตลอดเวลา มีทั้งหมด 6 ชั้น ​

    เหตุที่ทำให้มาเกิดเป็นเทวดาเพราะได้ สร้างบุญกุศลไว้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ เมื่ออุบัติขึ้นก็ตั้งอยู่ในวัยหนุ่มสาวทันที งดงามตลอดเวลา จนกว่าจะถึงเวลาจุติ ไม่มีความแก่บังเกิดขึ้นเหมือนในเมืองมนุษย์​

    วิมานปราสาทคือที่อยู่อาศัยของเทวดา ล้วนมีความวิจิตรงดงาม มีขนาดแตกต่างกัน มี ความเป็นอยู่สะดวกสบาย มีอาหารทิพย์บังเกิด ขึ้น มีบริวารคอยรับใช้ใกล้ชิด เสื้อผ้าเป็นทิพย์ วิจิตรงดงาม บังเกิดขึ้นให้สวมใส่ กิจกรรมแต่ละวันก็มีการเที่ยวเพลิดเพลินบันเทิงอยู่กับการชมสวน​

    การสังสรรค์กันระหว่างทวยเทพทั้งหลาย ส่วนจะอุบัติขึ้น ณ สวรรค์ชั้นไหน เป็น เทวดาประเภทใด และอยู่ในฐานะอะไรนั้น ก็ ขึ้นอยู่กับบุญที่ตัวเองสั่งสมมาเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ ซึ่งได้มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 37 เรื่อง ทานสูตร สรุปย่อได้ดังนี้ ---------------------------------------------------
    * มก. อุโปสถสูตร เล่ม 34 หน้า 382
    </TD><TD class=black3 vAlign=top>[​IMG]










    </TD><TD class=black3 width=15></TD></TR><TR><TD class=black3 vAlign=top>

    เกิดบนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา

    มีจาก หลายสาเหตุ คือ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ทำบุญไม่ ค่อยเป็นไม่รู้หลักการทำบุญ และไม่ค่อยได้สั่งสม บุญ นานๆ ทำครั้งหนึ่ง เมื่อทำก็ทำน้อย หรือ ทำบุญเอาคุณ บุญที่ได้ก็ไม่บริสุทธิ์ ไม่สมบูรณ์ บาปในตัวก็มีอยู่ แต่ว่าบุญมากกว่า เมื่อละโลกใจนึกถึงบุญก่อนก็ไปสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่ ณ เชิงเขาสิเนรุ สวรรค์ชั้นนี้จะมีความหลากหลายมากที่สุด เพราะอยู่ใกล้ชิดกับพื้นมนุษย์มากกว่าสวรรค์ชั้นอื่นๆ และมีบางส่วนที่มีที่อยู่ซ้อนกับภูมิมนุษย์ ที่ได้ชื่อสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เพราะมีเทพผู้เป็นใหญ่ครองสวรรค์ชั้นนี้อยู่ 4 ท่าน คือ ท้าวธตรฐ ปกครองเทวดา 3 พวก ได้แก่ คนธรรพ์ วิทยาธร กุมภัณฑ์ ท้าววิรุฬหก ปกครองพวกครุฑ ท้าววิรูปักษ์ ปกครองพวกนาค ท้าวเวสสุวรรณ ปกครองพวกยักษ์ ​
    </TD><TD class=black3 vAlign=center>[​IMG]</TD><TD class=black3></TD></TR><TR><TD class=black3 vAlign=top>

    เกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

    คือเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ทำบุญเพราะเห็นว่าเป็นสิ่งดีงาม เป็นสิ่งที่ควรทำ กระทำแล้วก็สั่งสมบุญ สั่งสมเทวธรรม มีหิริ โอตตัปปะด้วย เมื่อละโลกก็จะไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่ที่หน้าตัดของเขาสิเนรุ ที่ชื่อว่า ดาวดึงส์ เพราะเป็นที่อยู่ของเทพผู้ปกครองภพถึง 33 องค์ โดยมีท้าวสักกเทวราช หรือพระอินทร์ เป็นประธาน และที่สำคัญมีพระธาตุจุฬามณี ซึ่งทุกวันพระเทวดาจะมาประชุมกันที่สุธรรมาเทวสภา เพื่อรับฟังโอวาทจากท้าวสักกะ ​
    </TD><TD class=black3 vAlign=center>[​IMG]


    </TD><TD class=black3></TD></TR><TR><TD class=black3 vAlign=top>

    เกิดบนสวรรค์ชั้นยามา

    คือเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ทำบุญเพราะอยากจะสืบทอดและรักษาประเพณีแห่งความดีงามนั้นไว้ ทำนองว่าวงศ์ตระกูลสร้างสมความดีมาอย่างไรก็อยากจะรักษาประเพณีไว้ หรือผู้หลักผู้ใหญ่สอนอย่างไร บรรพบุรุษทำมาอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ทำกันไปตามธรรมเนียม เช่น เห็น ปู่ย่าสร้างโบสถ์ บำรุงวัด สร้างพระประธาน ก็ทำตามนั้นด้วย หรือพระภิกษุที่รักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ที่พระต้องมีหน้าที่รักษาพระพุทธศาสนา เมื่อละโลกแล้ว ส่วนใหญ่จะไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่สูงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ขึ้นไป​
    </TD><TD class=black3 vAlign=center>[​IMG]</TD><TD class=black3></TD></TR><TR><TD class=black3 vAlign=top>

    เกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิต

    หรือในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันเรียกกันว่า ดุสิตบุรี คือ เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ ทำบุญเพื่อปรารถนาสงเคราะห์โลก ปรารถนาให้ชาวโลกมีความสุข มีความคิดที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เพื่อตนเองอย่างเดียว แต่เพื่อสงเคราะห์โลก เพื่อนมนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลายด้วย เมื่อละโลกแล้วก็จะไปสวรรค์ ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่สูงถัดจากสวรรค์ชั้นยามาขึ้นไป​
    </TD><TD class=black3 vAlign=center>[​IMG]</TD><TD class=black3></TD></TR><TR><TD class=black3 vAlign=top>

    เกิดบนสวรรค์ชั้นนิมมานรดี

    คือ เมื่อ ครั้งเป็นมนุษย์ เห็นผู้อื่นทำบุญแล้วได้รับ การยกย่อง ส่งเสริม จึงอยากจะทำบุญนั้นบ้าง อยากจะเป็นอย่างนั้นบ้าง เมื่อละโลกแล้ว จะไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่สูงจากสวรรค์ชั้นดุสิตขึ้นไป​
    </TD><TD class=black3 vAlign=center>[​IMG]</TD><TD class=black3></TD></TR><TR><TD class=black3 vAlign=top>

    เกิดบนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี
    คือ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ทำบุญด้วยความเลื่อมใส เคารพในทาน ทำแล้วมีความรู้สึกปลื้มใจ ในบุญที่ทำนั้น เมื่อละโลกแล้วจะบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่สูงจากสวรรค์ชั้นนิมมานรดีขึ้นไป​
    </TD><TD class=black3 vAlign=center>[​IMG]</TD><TD class=black3></TD></TR><TR><TD class=black3 vAlign=top>
    ความเป็นอยู่ของชาวสวรรค์แต่ละชั้น จะมีความประณีตยิ่งๆ ขึ้นไปตามลำดับชั้น ถ้าใครทำบุญมามาก จนครบทุกอย่างดังที่กล่าวมาแล้วนั้น ปรารถนาจะไปอยู่ ณ ที่ใด ก็สามารถจะไปสวรรค์ชั้นที่ต้องการได้ เหตุแห่งการกระทำที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นสาเหตุหลักๆ เป็นภาพรวมของการทำบุญที่ทำให้ไปเกิดในสวรรค์ในแต่ละชั้นแต่อาจ จะมีองค์ประกอบและปัจจัยอย่างอื่นเสริมอีกด้วย​
    </TD><TD class=black3 vAlign=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ปรโลกฝ่ายสุคติ คือสถานที่ที่ใคร ได้อยู่แล้ว ย่อมเป็นสุข มี 27 ภูมิ ได้แก่

    1. มนุสสภูมิ

    เป็นภูมิที่อยู่อาศัย ของมนุษย์เรา และเป็นที่อยู่ของผู้ที่มีใจสูง เพราะมนุษย์มีความรู้จักผิดชอบชั่วดี ถ้า ทำดีก็จะได้ถึงดีที่สุด หากทำชั่วก็จะถึงชั่ว ที่สุด

    2. เทวภูมิ หรือ สวรรค์

    (มี 6 ชั้น) คือ จาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี และปรนิมมิตวสวัตดี

    3. รูปภูมิ (พรหม 16 ชั้น)

    4. อรูปภูมิ (อรูปพรหม 4 ชั้น)



    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=black3 vAlign=top>
    ปรโลก ฝ่ายทุคติ

    ปรโลกฝ่ายทุคติ คือสถานที่ที่เต็ม ไปด้วยความทุกข์เรียกว่าอบายภูมิมี 4 แห่ง การแบ่งภูมิต่างๆ ในทุคติอาจเปรียบได้กับ การแบ่งแดนต่างๆ ในเรือนจำ ซึ่งแบ่งแดน กักขังนักโทษตามความหนักเบาของแต่ละคนดังนี้ ​
    1. นรก หรือ นิรยภูมิ

    จัดอยู่ใน อบายภูมิอันดับที่ 1 เป็นดินแดนที่ปราศจาก ความสุขสบาย สัตว์ที่ตกลงไปสู่นรก เพราะ บาปกรรมชั่วที่ตนกระทำไว้เป็นอาจิณกรรม เมื่อตกลงไปแล้วจะได้รับทุกข์ทรมานอย่าง แสนสาหัส ไม่มีเวลาว่างเว้นจากการทัณฑ์ ทรมาน นรก มีที่ตั้งอยู่ใต้เขาตรีกูฏ มีทั้งหมด 8 ขุมใหญ่ ที่เรียกว่า มหานรก และยังมีขุม บริวาร เรียกว่า อุสสทนรก อีก 128 ขุม มี นรกขุมย่อย ที่เรียกว่า ยมโลก อีก 320 ขุม ​
    </TD><TD class=black3 vAlign=top>[​IMG]





    </TD><TD class=black3></TD></TR><TR><TD class=black3 vAlign=top>

    2. ภูมิ เปรต หรือ เปตติวิสยภูมิ

    จัดอยู่ในอบายภูมิอันดับที่ 2 เป็นดินแดนที่ มีแต่ความเดือดร้อนอดอยาก หิวกระหาย เปรต แบ่งออกเป็นหลายประเภท แต่ที่นิยม แบ่งกันมาก คือ เปรต 12 ตระกูล ที่อยู่ของ เปรต นั้นอยู่ที่ซอกเขาตรีกูฏ และมีปะปน อยู่กับมนุษย์โลกด้วย แต่เป็นภพที่ละเอียดกว่า เหตุที่ทำให้มาเป็น เปรต เพราะได้ทำ อกุศลกรรมประเภทตระหนี่ หวงแหนทรัพย์ เป็นหลัก การเกิดเป็นเปรตนั้นมี 2 ลักษณะ คือ ผ่านมาจากมหานรก อุสสทนรก และยมโลก หรือเกิดจากมนุษย์ผู้กระทำอกุศลกรรม ละโลกแล้วไปเกิดเป็น เปรต​
    </TD><TD class=black3 vAlign=center>[​IMG]


    </TD><TD class=black3></TD></TR><TR><TD class=black3 vAlign=top>

    3. อสุรกาย ภูมิ

    จัดอยู่ในอบายภูมิ อันดับที่ 3 เป็นดินแดนที่ปราศจากความ ร่าเริง อสุรกายมีลักษณะคล้ายกับเปรตมาก แยกแยะได้ยาก และอยู่ในภพภูมิเดียวกัน กับเปรต คือ ที่ซอกเขาตรีกูฏ มีรูปร่าง ประหลาดพิลึกกึกกือ เช่น มีหัวเป็นหมู ตัวเป็นคน มีความเป็นอยู่ที่แสนยากลำบาก เช่นเดียวกับเปรต คือ อยู่ด้วยความหิว กระหาย แต่หนักไปทางกระหายน้ำมากกว่าอาหาร ที่ต้องเกิดมาเป็นอสุรกายเพราะ ความโลภอยากได้ของผู้อื่นในทางมิชอบ​
    </TD><TD class=black3 vAlign=center>[​IMG]</TD><TD class=black3></TD></TR><TR><TD class=black3 vAlign=top>
    4. ติรัจฉานภูมิ
    เป็นอบายภูมิอันดับสุดท้าย ที่ มีความทุกข์ทรมานน้อยกว่าสัตว์ที่เกิดใน นรก เปรต และอสุรกาย ที่ชื่อ เดียรัจฉาน เพราะมีลำตัวไปทางขวาง อกขนานกับพื้น และจิตใจก็ขวางจากหนทางพระนิพพาน ด้วย ที่อยู่ของสัตว์เดียรัจฉานนี้ อยู่ปะปน กับมนุษย์ทั่วไป ​
    </TD><TD class=black3 vAlign=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left colSpan=2>
    นรก คือ อะไร?

    ตายแล้วไปไหน? สถานที่ที่มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ต้องเวียนว่ายตายเกิดมีอยู่ 31 ภูมิ หาก อยากจะทราบว่าใครตายแล้วไปไหน หรือ อยากทราบว่า..ตัวเราเองเมื่อตายแล้วจะต้องไปอยู่ที่ใด ก็มีวิธีสังเกตง่ายๆ คือ เมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ เราชอบทำอย่างไร พอตายแล้ว ก็ต้องไปรับผลแห่งการกระทำ ของตนเองอย่างนั้น เรียกได้ว่า​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2007
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ภาพรวมของภัยพิบัติใหญ่บนโลกได้เริ่มเกิดขึ้นแล้วทั่วโลก และที่แน่นอน ก็คือความรุนแรงของภัยพิบัติทางธรรมชาติก็จะรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นกลไกในการปรับตัวของธรรมชาติ

    หากลองนำเรื่องกรรม มาพิจารณา ในเหตุในผล จะทำให้เข้าใจว่า ทำไมจึงเกิดแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น จนทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเสียหายจนกัมมันตรังสีรั่วไหล
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อังกฤษประสบอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 60 ปี

    [​IMG]

    ทางการอังกฤษกำลังทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่ ในการต่อสู้กับภาวะน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่วิกฤติที่สุดในรอบ 60ปี ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบนับล้าน ซึ่งนับเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    นักวิทยาศาสตร์ฟันธงว่า เหล่านี้ล้วนคือพลพวงมาจากภาวะโลกร้อนทั้งสิ้น แต่สิ่งที่สร้างความตื่นตระหนกให้นักวิทยาศาสตร์ก็คือ ปรากฎการณ์ฝนตกหนักเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในอังกฤษขณะนี้ และอีกหลายประเทศในแถบซีกโลกเหนือ ทั้งหมดนี้เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศโลกนั่นเอง รายงานเรื่อง
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เวียดนามผวาโรคจากหมูระบาดสู่คนรวดเร็วมาก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>24 กรกฎาคม 2550 18:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>โรคจากหมูระบาดในเวียดนาม มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย (AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรุงเทพฯ -- กำลังเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อบักเตรี และเชื้อไวรัสในสุกร อยู่ในเขตภาคกลางเวียดนาม พบผู้ป่วยแล้วกว่า 20 ราย และมีสุกรเสียชีวิตไปหลายพันตัว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพวิตก ว่า เชื้ออาจจะแพร่ลามไปสู่คนอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

    ผู้เชี่ยวชาญได้แถลงเรื่องนี้ที่ จ.กว๋างหงาย (Qunag Ngai) ในวันศุกร์ (20 ก.ค.) ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า ผู้ที่ทำงานเชือดหมู ชำแหละ และจำหน่ายเนื้อหมูที่มีเชื้อปนเปื้อนจะมีโอกาสติดโรคได้ง่าย

    สถาบันด้านโรคติดต่อในเขตร้อนของเวียดนาม รายงานเมื่อวันพุธสัปดาห์ที่แล้วว่า มีผู้ป่วยจำนวน 21 ราย เข้ารับการรักษาจากการติดเชื้อบักเตรีสเตรปโตโคคัส ซูอิส (Streptococcus suis bacteria) ขั้นรุนแรง มี 2 รายเสียชีวิตแล้ว ขณะที่อีก 2 รายอาการน่าเป็นห่วง

    เชื้อสเตรปโตโคคัส ซูอิส เป็นเชื้อบักเตรีที่พบได้ในพื้นที่หลายแห่งทั่วโลกที่มีการเลี้ยงหมู ซึ่งปกติจะพบในหมูที่เลี้ยง แต่บางครั้งอาจมีในหมูป่า ม้า สุนัข แมว และ นกที่อาศัยอยู่ในป่าได้เช่นกัน

    ผู้ที่ได้รับเชื้อจะมีไข้สูง คลื่นไส้ และอาเจียน ต่อมาจะทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ มีเลือดคั่งใต้ผิวหนัง และอาจมีอาการช็อกถึงขั้นโคม่าได้ในรายที่ป่วยหนัก

    ที่นครด่าหนัง (Danang) เมืองท่าหลักในภาคกลางเวียดนาม ได้มีการวางมาตรการเข้มงวดเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อ PRRS ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำให้สุกรล้มตายไปแล้วกว่า 20,000 ตัว ใน จ.กว๋างนาม (Quang Nam) ที่อยู่ติดกัน

    ทางการเทศบาลนครด่าหนัง สั่งห้ามการเชือดและขนส่งสุกรที่ตรวจพบเชื้อ PRRS ในบริเวณพื้นที่ที่อาจเกิดโรคระบาด ทั้งยังสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำกัดบริเวณในพื้นที่เสี่ยง มิให้นำสกุรที่ติดเชื้อออกสู่ภายนอก ทั้งนี้ เป็นรายงานของ นสพ.เหงือยลาวด่ง (Nguoi Lao Dong) หรือ
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คำทำนายดวงโลกของ "หลวงปู่เทพโลกอุดร" เป็นจริงหรือ ?

    [​IMG] [​IMG]

    คำทำนายจากโหราศาสตร์ มีความเหมือนตามคำทำนายของ หลวงปู่พระครูเทพโลกอุดร ที่ก่อนหน้านี้หลวงปู่ยังได้ทำทาย เอาไว้ว่า ในปี ๒๕๔๗ จะเกิดคลื่นยักษ์เป็นภัยธรรมชาติ และจะมีคนตายเป็นจำนวนมากบวกกับจะมีโรคระบาดที่มาจากสัตว์ก็คือ โรคไข้หวัดนก

    มาถึงวันนี้เราจึงสอบถาม คุณแม่มณีจันทร์ เลิศหิรัญปัญญา ซึ่งเป็นผู้ที่บอกเล่าถึงคำนายของหลวงปู่พระครูเทพโลกอุดรในปี ๒๕๔๙

    คุณแม่มณีจันทร์ กล่าวว่า หลวงปู่พระครูเทพโลกอุดร ทำนายดวงเมืองปี ๒๕๔๙-๒๕๕๐ ว่าจะเกิดภัยพิบัติ โรคระบาดต่างๆ ก็จะมา แต่ท่านบอกว่าลมจะมาก่อน ลมที่ว่าจะแรงมาก(ใต้ฝุ่น,ทอร์นาโด) ไม่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น ประเทศอื่นๆ ก็จะเจอเหมือนกัน ส่วนประเทศ ที่จะเจอลมพายุที่รุนแรงมากที่สุดก็คือประเทศสิงคโปร์ อินโดนีเซีย อินเดีย โดยเฉพาะแถบสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก จะโดนหนักที่สุด เรื่องลมแรงนี้ทางประเทศไทยจะโดนหนักที่สุดก็จะเป็นแถบภาคใต้ ส่วนภาคเหนือจะมีแผ่นดินไหว

    คำทำนายทางภาคใต้ยังอธิบายต่ออีกว่า ถ้าไม่ผิดพลาด เข้าเดือน ๗ จะมีลมพัดเข้ามาทางภาคใต้กับภาคเหนือ โดยมีแนวโน้มว่า ทางภาคใต้ยังต้องเจอมรสุมอย่างหนักก่อน ส่วนภาคอีสานจะเจอลมบางส่วน แต่คนกรุงเทพฯ ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาจะมีอันตราย เพราะน้ำพวกนี้จะกัดเซาะจนทำให้อาคารหรือตึกทรุดลงมา ขณะเดียวกันรอยต่อของปี ๒๕๔๙-๒๕๕๐ ในภาคใต้จะเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ รอบสอง ถือว่าใหญ่กว่าเดิมถึงสามเท่า คนที่จะอยู่ได้ไม่ฟั่นเฟือนคือคนที่มีสติ และไม่ต้องไปยึดติดกับวัตถุสิ่งของ

    ในนิมิตที่ได้เห็นอีกก็คือ โรคป่วยที่มากับน้ำ เนื่องจากคนเราแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เมื่อนำสัตว์ไปฝังไว้ในดิน พอนานไปก็ทำให้น้ำในดิน เกิดการเน่าเหม็น เกิดเป็นเชื่อโรค หรืออีกอย่างน้ำที่ว่านี้จะมีโรคตามมา อาจเหมือนกับฝนตกแล้วมีเชื้อโรคที่มาโดนผิวหนังของมนุษย์ และจะทำให้เนื้อเน่า

    ปี ๒๕๔๙ การลงทุนอะไรก็ขอให้ชะลอตัวกันไว้ก่อน เพราะข้าวของสินค้าจะมีราคาแพง โจรก็เกิดขึ้นมาก ลมแรงหนาวมาก คนจนชั้นรากหญ้ากับชั้นกลางจะอดอยาก และลำบากมากที่สุด ส่วนคนรวยมีเงินก็คงไม่เดือดร้อนอะไร "วันนี้ที่กล้าพูดคำทำนายของหลวงปู่ เพราะว่าวันนี้คำทำนายเมื่อ ๒-๓ ปีก่อน ได้ประจักษ์ให้เห็นแล้ว มันเกิดขึ้นจริงไม่ว่าจะเป็น เหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ โรคไข้หวัดนก แผ่นดินไหวในหลายประเทศ มาวันนี้ก็อยากที่จะช่วยโลกของเรา ช่วยคนให้รู้ทันเหตุการณ์ร้ายๆ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ขอให้เตรียมตัวกันไว้ก่อน จุดประสงค์จริงๆ ไม่ใช่ทำให้ทุกคนแตกตื่น แต่ต้องการให้คนเข้าหาธรรมะกันให้มากที่สุด ภัยธรรมชาติที่เราเห็นเป็นเพราะเทวดาได้ลงโทษเราแล้ว" คุณแม่มณีจันทร์ กล่าวทิ้งท้าย

    ประชาชนทั่วไปสอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานธรรมพระบรมครูหลวงปู่เทพโลกอุดร เลขที่ ๘๒ หมู่ ๙ ต.เก่างิ้ว อ.พล จ.ขอนแก่น ๔๐๑๒๐ (ติดถนนมิตรภาพทางไป อ.บ้านไผ่) หรือโทร.๐-๔๗๘๘-๓๐๗๙, ๐-๕๘๖๑-๕๗๑๙

    ที่มา http://www.komchadluek.net/column/pra/2006/02/16/01.php

    หมายเหตุ

    ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ได้เกิดขึ้นตามเวลาที่ได้ทำนายเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิดขึ้นในปีต่อๆไป เพราะนับตั้งแต่นี้ไปจะไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ มาช่วยชลอวิบากกรรมให้กับมวลมนุษย์อีกต่อไปแล้ว......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2007
  12. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    <CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
    อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
    </CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD width="100%" bgColor=darkblue hspace="0" vspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <CENTER></CENTER><CENTER>ธรรมิกสูตร</CENTER> [๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด พระราชาเป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรมสมัยนั้น แม้พวกข้าราชการ ก็เป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อพวกข้าราชการไม่ตั้งอยู่ในธรรม สมัยนั้น แม้พราหมณ์และคฤหบดีก็เป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อพราหมณ์และคฤหบดีไม่ตั้งอยู่ในธรรม สมัยนั้น แม้ชาวนิคมและชาวชนบท ก็เป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อชาวนิคมและชาวชนบทไม่ตั้งอยู่ในธรรม พระจันทร์และพระอาทิตย์ย่อมหมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ เมื่อพระจันทร์และพระอาทิตย์หมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ หมู่ดาวนักษัตรก็ย่อมหมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ เมื่อคืนและวันหมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ เดือนหนึ่งและกึ่งเดือนก็หมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ เมื่อเดือนหนึ่งและกึ่งเดือนหมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ ฤดูและปีก็ย่อมหมุนเวียนไม่สม่ำเสมอเมื่อฤดูและปีหมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ ลมย่อมพัดไม่สม่ำเสมอ เมื่อลมพัดไม่สม่ำเสมอ ลมก็เดินผิดทางไม่สม่ำเสมอ ย่อมพัดเวียนไป เมื่อลมเดินผิดทางไม่สม่ำเสมอพัดเวียนไป เทวดาย่อมกำเริบ เมื่อเทวดากำเริบฝนย่อมไม่ตกต้องตามฤดูกาลเมื่อฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าทั้งหลายก็สุกไม่เสมอกัน ดูกรภิกษุทั้งหลายมนุษย์ผู้บริโภคข้าวที่สุกไม่เสมอกัน ย่อมเป็นผู้มีอายุน้อย มีผิวพรรณเศร้าหมองมีกำลังน้อย มีอาพาธมาก ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด พระราชาเป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรมสมัยนั้น แม้ข้าราชการก็ย่อมเป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อข้าราชการตั้งอยู่ในธรรมสมัยนั้น แม้พราหมณ์และคฤหบดีก็เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อพราหมณ์และคฤหบดีตั้งอยู่ในธรรม สมัยนั้น แม้ชาวนิคมและชาวชนบท ก็ย่อมเป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อชาวนิคมและชาวชนบทเป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม พระจันทร์และพระอาทิตย์ก็ย่อมหมุนเวียนสม่ำเสมอ เมื่อพระจันทร์และพระอาทิตย์หมุนเวียนสม่ำเสมอกัน หมู่ดาวนักษัตรก็ย่อมหมุนเวียนสม่ำเสมอ เมื่อหมู่ดาวนักษัตรหมุนเวียนสม่ำเสมอ คืนและวันก็ย่อมหมุนเวียนสม่ำเสมอ เมื่อคืนและวันย่อมหมุนเวียนสม่ำเสมอ เดือนหนึ่งและกึ่งเดือนก็ย่อมหมุนเวียนสม่ำเสมอกัน เมื่อเดือนหนึ่งและกึ่งเดือนหมุนเวียนสม่ำเสมอ ฤดูและปีก็ย่อมหมุนเวียนไปสม่ำเสมอ เมื่อฤดูและปีหมุนเวียนไปสม่ำเสมอกัน ลมย่อมพัดสม่ำเสมอ เมื่อลมพัดสม่ำเสมอ ลมย่อมพัดไปถูกทาง เมื่อลมพัดไปถูกทาง เทวดาย่อมไม่กำเริบ เมื่อเทวดาไม่กำเริบ ฝนย่อมตกต้องตามฤดูกาล เมื่อฝนตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าก็สุกเสมอกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ผู้บริโภคข้าวกล้าที่สุกเสมอกัน ย่อมมีอายุยืน มีผิวพรรณดี มีกำลัง และมีอาพาธน้อย ฯ เมื่อฝูงโคข้ามไปอยู่ ถ้าโคผู้นำฝูงไปคด โคเหล่านั้นย่อม ไปคดทั้งหมด ในเมื่อโคผู้นำไปคด ในมนุษย์ก็เหมือนกัน ผู้ใดได้รับสมมติให้เป็นผู้นำ ถ้าผู้นั้นประพฤติอธรรม ประชาชนนอกนี้ก็จะประพฤติอธรรมเหมือนกัน แว่นแคว้น ทั้งหมดจะได้ประสบความทุกข์ ถ้าพระราชาเป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ ในธรรม เมื่อฝูงโคข้ามไปอยู่ ถ้าโคผู้นำฝูงไปตรง โคเหล่า นั้นย่อมไปตรงทั้งหมด ในเมื่อโคผู้นำไปตรง ในหมู่มนุษย์ ก็เหมือนกัน ผู้ใดได้รับสมมติให้เป็นผู้นำ ถ้าผู้นั้นประพฤติ ธรรม ประชาชนนอกนี้ย่อมประพฤติธรรมเหมือนกัน แว่น แคว้นทั้งหมดย่อมได้ประสบความสุข ถ้าพระราชาเป็นผู้ ตั้งอยู่ในธรรม ฯ<CENTER>จบสูตรที่ ๑๐</CENTER><CENTER>จบปัตตกรรมวรรคที่ ๒</CENTER><CENTER class=l>-----------------------------------------------------</CENTER><CENTER>รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ</CENTER> ๑. ปัตตกรรมสูตร ๒. อันนนาถสูตร ๓. สพรหมกสูตร๔. นิรยสูตร ๕. รูปสูตร ๖. สราคสูตร ๗. อหิสูตร ๘. เทว-*ทัตตสูตร ๙. ปธานสูตร ๑๐. ธรรมิกสูตร ฯ<CENTER class=l>-----------------------------------------------------</CENTER>
    เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ บรรทัดที่ ๒๐๑๓ - ๒๐๖๑. หน้าที่ ๘๖ - ๘๘.http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=21&A=2013&Z=2061&pagebreak=0 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=21&i=70 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑http://84000.org/tipitaka/read/?สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่_๒๑



    ----------------------------------------------------
    จากพระสูตรนี้ แค่ต่างคนต่างอยู่ในธรรม ธรรมชาติก็จะเป็นไปตามที่ควรเป็น​
    </PRE>
     
  13. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    ข่าวดี..ราชวงศ์จักรี..จะมั่นคงสืบไป..ไทยจะยั่งยืนนาน

    วันที่ 12 สิงหาคม ศกนี้
    วันแม่แห่งชาติ
    มีปรากฏการ์ณ..สำคัญ..แห่งจักรวาล..ในวันสำคัญของชาติ

    [​IMG]
    ฝนดาวตกเพอร์ซิอัส 2550

    14 กรกฎาคม 2550 วรเชษฐ์ บุญปลอด (worachateb@hotmail.com)
    เดือนสิงหาคมของทุกปีในช่วงใกล้วันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และถือเป็นวันแม่แห่งชาติอีกด้วย เป็นช่วงเวลาที่มีฝนดาวตกสำคัญกลุ่มหนึ่งเกิดขึ้น นั่นคือ ฝนดาวตกเพอร์ซิอัส (Perseid meteor shower) ดาวตกเกือบครึ่งหนึ่งของฝนดาวตกกลุ่มนี้สว่างมาก ส่วนใหญ่มีสีขาว-เหลือง และมีอัตราการเกิดค่อนข้างถี่ เคลื่อนที่เข้าสู่บรรยากาศโลกด้วยอัตราเร็วประมาณ 59 กิโลเมตรต่อวินาที
    การที่ประเทศไทยอยู่ในฤดูมรสุม จึงอาจไม่ค่อยได้มีโอกาสมองเห็นดาวตกจากฝนดาวตกเพอร์ซิอัสมากนัก ยกเว้นบางปีที่ท้องฟ้าเปิด ปี 2550 นี้หากสภาพท้องฟ้าเป็นใจ คาดว่าจะเป็นปีที่สามารถมองเห็นฝนดาวตกเพอร์ซิอัสได้ดีเนื่องจากไม่มีแสงจันทร์รบกวน ข้อมูลจากองค์การอุกกาบาตสากล คาดหมายว่าฝนดาวตกเพอร์ซิอัสในปี 2550 น่าจะมีอัตราสูงสุดในคืนวันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม (เข้าสู่เช้ามืดวันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม) และคืนวันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม ช่วงที่ถี่มากที่สุดประเทศไทยอาจเห็นได้เฉลี่ยราว 1 ดวงต่อนาที
    ฝนดาวตกเกิดขึ้นเมื่อโลกเดินทางผ่านธารสะเก็ดดาวอันเกิดจากดาวหาง รังสีจากดวงอาทิตย์ทำให้ผิวดาวหางระเหิดปลดปล่อยแก๊สและฝุ่นออกมาในอวกาศ สะเก็ดดาวจำนวนมากที่หลุดออกมาจากดาวหางยังคงล่องลอยอยู่ในอวกาศ หากวงโคจรของสะเก็ดดาวเหล่านั้นผ่านใกล้วงโคจรโลกจะทำให้เกิดดาวตกที่มีกำเนิดจากแหล่งเดียวกัน เรียกว่าฝนดาวตก ดาวหางต้นกำเนิดของฝนดาวตกเพอร์ซิอัส คือ ดาวหางสวิฟต์-ทัตเทิล ดาวหางที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยคาบประมาณ 130 ปี เข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2535
    ในการสังเกตฝนดาวตก เส้นทางการเคลื่อนที่ของดาวตกจะมีแนวที่ดูคล้ายพุ่งออกมาจากจุดหนึ่งบนท้องฟ้า จุดนั้นเรียกว่า "จุดกระจาย (ฝน) ดาวตก (radiant)" ฝนดาวตกเพอร์ซิอัสมีจุดกระจายอยู่ในกลุ่มดาวเพอร์ซิอัส ใกล้กับกลุ่มดาวแคสซิโอเปียในซีกฟ้าเหนือ แต่เราไม่จำเป็นและไม่ควรมองไปที่จุดนั้น
    เวลาที่สามารถดูดาวตกได้เริ่มตั้งแต่ประมาณ 4-5 ทุ่ม ต่อเนื่องไปจนถึงเช้ามืด ในช่วงแรกปริมาณดาวตกจะยังน้อยอยู่ (แต่อาจพบว่าหลายดวงที่เห็นในช่วงแรก ๆ มีเส้นทางยาวกว่าช่วงเวลาอื่น เนื่องจากสะเก็ดดาวพุ่งทำมุมเฉียดเข้ามาในบรรยากาศโลก) จากนั้นจะเริ่มเห็นถี่ขึ้นทีละน้อย ถี่มากที่สุดในช่วงเวลาประมาณ 4.00-5.00 น. การสังเกตดาวตกให้เห็นได้ชัดควรสังเกตจากสถานที่ที่ฟ้ามืด ห่างจากเมืองใหญ่ ไม่มีแสงไฟรบกวน ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ เพียงใช้เก้าอี้ผ้าใบหรือนอนดูแล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
    ดูเพิ่ม

    สมาคมดาราศาสตร์ไทย - http://thaiastro.nectec.or.th
    (verygood)
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193

    [​IMG]

    เส้นทางเดินของแม่น้ำเจ้าพระยา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2007
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#a77842>
    มังกรยุค 8





    </TD></TR><TR><TD>



    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>ณ บัดนี้ ประเทศชาติเข้าสู่มังกรยุค 8 มังกรยุค 8 นี้ ความเจริญรุ่งเรืองทั้งอำนาจและความร่ำรวยคือกลุ่มประเทศที่ตั้งอยู่ระหว่างองศา 105-150 องศาตะวันออก</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER>



    </PRE><CENTER>ประเทศที่อยู่ในโซนแห่งความเจริญรุ่งเรืองของมังกรยุค 8 นี้ ก็จะมี จีน,อินเดีย,รัสเซีย,ฮ่องกง,ไต้หวัน,ญี่ปุ่น,เกาหลีเหนือ,เกาหลีใต้,เวียดนาม,ลาว,กัมพูชา, ฟิลิปินส์,อินโดนีเซีย,ติมอร์ตะวันออก,บูรไน,ปาปัวนิวกินี,ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์</CENTER><CENTER></CENTER>สำหรับประเทศที่ตั้งอยู่ระหว่างองศา 105-150 องศาตะวันออกนี้ ที่น่าสนใจที่สุดก็ไม่พ้นหัวมังกร คือ ประเทศจีน และตั้งแต่ที่พระกษิติครรภทำหน้าที่เปิดกระดองเต่าของเต่ามังกรออกแล้วมังกร ก็คือ มังกรเต็มตัว ที่พร้อมที่จะบินได้ทั้งบก น้ำ อากาศชาวจีนในยุคปัจจุบันมีเงิน มีกำลังซื้อสูงมาก ปัจจุบันนี้การค้าคึกคัก ประเทศจีนจะเป็นหัวมังกร อีกทั้งที่ตั้งของเมืองปักกิ่งนั้น ก็อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งเป็นทิศทางที่ตั้งของดาวยุค 8 โดยตรงทีเดียว



    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>การที่ประเทศจีนมีฮวงจุ้ยที่สัมพันธ์กับจักรวาลและดวงดาวของมังกรยุค 8 จีนจึงร่ำรวยเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมากแบบฉุดกันไม่อยู่ และความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจนี้จะทำให้จีนกลายเป็นมหาอำนาจ ซึ่งคือการเป็นหัวมังกรนั่นเองมังกรยุค 8 นี้ เป็นมังกร 5 เล็บ มีอาณาบริเวณถึง 5 ทวีป 5 มหาสมุทร ทีเดียว</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#a77842>
    ยุค 8 สุวัณณภูมิ






    </TD></TR><TR><TD>

    จากการแบ่งภูมิภาคโลกของดาวยุค 8 ประเทศไทยถ้าดูในแผนที่องศาแล้ว จะเห็นว่าในส่วนของประเทศไทยนี้ได้รับ พลังดาวยุค 8 โดยตรงคือใน ภาคพื้นอีสาน


    [​IMG]


    ตามโองการนวกาพรหม นามแม่กาเผือกสู่แผ่นดินอิสานและสามเหลี่ยมมรกตให้บุรพชนต้นตระกูลเผ่าพันธุ์ลว้า ขอม และไทยที่อยู่ประจำแผ่นดินนี้ สะสางภพชาติให้คำนวณรวมเป็นหนึ่ง ด้วย รัก สันติ สามัคคี นี้คือธรรมเปลี่ยนผังที่ผิด ๆ มาแต่อดีตในภพชาติที่เข่นฆ่ากันมาสู่ความถูกต้อง เที่ยงตรงและเที่ยงธรรม คืนความอุดมสมบูรณ์พูนสุขตลอดแนวทั่วแผ่นดินความเจริญจะปกแผ่ไปทั่วภายใต้ร่มโพธิ์เงิน-ไทรทองภาคพื้นอีสานก็ก้าวขึ้นมาสู่ความเจริญ ประเทศไทยผลิตและส่งออกสินค้าการเกษตรได้มาก ฉะนั้นประเทศไทยก็สามารถสร้างความร่ำรวยในยุค 8 ได้จากการขายสินค้าเกษตรกรรม


    ในส่วนของประเทศลาวที่ถูกคำนวณในงานนวกาพรหม รหัส "สามมุมเมือง"จะสร้างเมืองใหม่เป็นประตูเชื่อมความเจริญให้ตลอดถึงแนวซึ่งกันและกันของประเทศต่าง ๆ ในสุวัณณภูมินี้



    </PRE>
    [​IMG]

    ปรมัตถ์ประเทศลาว คือ "เมืองทอง บ่อแตน" จะเป็นประตูเปิดต้นทางถนนสายเศรษฐกิจเหนือ - ใต้ เปิดทางให้จีนลงใต้เข้าสู่ภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และเปิดเส้นทางธุรกิจเข้าสู่ตลาดใหญ่มณฑลยูนาน ประเทศจีนความเจริญจะแผ่ขยายไปตลอดทั่วประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจ การค้าการบริการขนส่ง การท่องเที่ยว ของประเทศในอาเซียน ญี่ปุ่น จีนและเกาหลี ​


    ถนนสายเศรษฐกิจนี้จะเชื่อมผ่านจากจีน,ลาว,ไทยไปถึงสิงคโปร์และเชื่อมสู่กัน ผ่านประเทศไทย ไปสู่ฝั่งตะวันออก - ตะวันตก ถนนสายเศรษฐกิจที่เชื่อมทะเลจีนใต้ในประเทศเวียดนามกับทะเลอันดามันในพม่า ทุกประเทศจะเปิดประตูออกสู่ตลาดโลก ด้วยการลงทุนโดยตรงจากมิตรประเทศ การลงทุนร่วมซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะประเทศเวียดนามในอีก 10 ปีข้างหน้าจะขึ้นมาลำดับต้น ๆ ทีเดียว เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว ชาวเวียดนามเป็นมนุษย์ที่มีมันสมองเป็นหนึ่ง (อันดับสอง คือ ยิว ในวิชากระโหลกศีรษะและปุ่มสมอง)


    และดินแดนสุวัณณภูมิ 6 ประเทศบนบก..........เชื่อมต่อกับอีก 4 ประเทศในทะเล ซึ่งเป็นดินแดนที่มีศักยภาพจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของโลกได้ไม่แพ้มหาอำนาจอื่น ๆมันสามารถทำให้ลมพายุอันรุนแรงคลายตัว สงบลงได้เมื่อพัดมาถึงดินแดนแห่งนี้ มันจะกลายเป็นพื้นที่ที่บรรจบกระแสน้ำสองสายให้ไหลเข้าประสานกันได้สนิทเขตแดนที่เป็นรอยต่อระหว่างมหาสมุทรสองฝั่ง เขตแดนที่เป็นสะพานเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมของโลกทั้งหมดไม่ว่าตะวันออกหรือตะวันตก คนผมดำ และคนผมทองก็จะกลายเป็น........โลกเดียวกันในที่สุดดินแดนเหล่านี้ถูกภาคฟ้ากำหนดเป็น "เขตสันติภาพ"ในมังกรยุค 8 และ 9 จะรวมเป็นภราดรภาพและความร่วมมือร่วมใจระหว่างประชากรด้วยกัน

    ภายหลังมหันภัยพิบัติ ภัยเศรษฐกิจต่าง ๆ บรรดาผู้นำประเทศจะค้นพบวิธีการอยู่ร่วมกันด้วย รักเมตตา สันติ สามัคคี นี้คือธรรมสันติภาพที่จะนำมาซึ่งความสงบสุข ความมั่นคงของภูมิภาคอินโดจีนจะเกิดขึ้นจริง ๆ แม่น้ำสายต่าง ๆ เสมือนหนึ่งนิ้วแต่ละนิ้ว

    อินโดจีนทั้งหมดจะรวมกลับเป็นมือ ๆ หนึ่งที่ทรงไว้ซึ่งภราดรภาพ สันติภาพ และ เอกภาพแห่งความสมานฉันท์บ้านพี่ เมืองน้อง ดุจอดีตของแผ่นดินสุวัณณภูมิว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง


    กระแสความเปลี่ยนแปลง กระแสลมตะวันออกกับตะวันออกระหว่างเอเชียกับสากล และแหลมอินโดจีนแห่งนี้ดูจะมีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะทำให้มุมจบของมนุษยชาติเข้าถึงจิตสำนึกแห่งความสามัคคี นี้คือธรรม เข้าถึงความเป็นน้องพี่ การสร้างสันติภาพที่แท้จริงด้วยธรรม อดีตที่สูญเสีย บทเรียนอันเลวร้ายแห่งภัยสงคราม ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันก็จะถูกลดความสำคัญลงไป และมันคือการทำลาย "อุปสรรค" แห่งสันติได้ดีที่สุด ไม่มีสิ่งสมมติแห่งตัวตน เชื้อชาติ ประเทศชาติ อาณาจักร ลัทธิการปกครองหรือพรมแดนประเทศก็ตามที ความร่วมมือร่วมใจระหว่างผู้คนในชาติ ระหว่างประเทศต่อประเทศแผ่นดินสุวัณณภูมิที่หย่อนตัวลงไปในระหว่างมหาสมุทรอินเดีย และ ทะเลจีนใต้ เป็นเสมือนป้อมปราการสำหรับเส้นทางการคมนาคมของโลกที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา และ ทวีปเอเชียแผ่นดินแห่งนี้จึงเป็นสพานเชื่อมโลกเหนือและโลกใต้ และจะสร้างสรรโลกใหม่ที่ทั้งโลกเหนือและโลกใต้


    มังกรยุค 8 แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ
    1.ระยะเพาะปลูก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2007
  16. winny

    winny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +659
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พิษโลกร้อนทำหมึกยักษ์เปรูรุกล้ำน่านน้ำแคลิฟอร์เนีย </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 กรกฎาคม 2550 16:12 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>ชาวประมงสหรัฐฯโชว์หมึกยักษ์ที่จับได้ในเขตน่านน้ำแคลิฟอร์เนีย ตัวใหญ่สุดยาวถึง 2 เมตรและหนัก 45 กิโลกรัม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>หมึกยักษ์ที่ปกติพบเฉพาะในทะเลเขตร้อนแถบเปรูไปจนถึงคอสตาริกา แต่เพราะโลกร้อนขึ้นเลยทำให้หมึกยักษ์แพร่กระจายไปไกลถึงแคลิฟอร์เนีย</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เอพี/นิวส์ไซเอนติส – สภาพอากาศแปรปรวนและอุณหภูมิโลกสูงขึ้นจนเป็นเหตุให้หมึกยักษ์ที่เคยอาศัยอยู่ในทะเลเขตร้อนออกล่าเหยื่อไกลถึงเขตหนาว แย่งอาหารกับนักล่าท้องถิ่นทั้งฉลามและทูน่า รวมทั้งชาวประมงมะกันด้วย

    ชาวประมงสหรัฐฯ จับหมึกยักษ์ตัวเขื่องขนาดยาว 2 เมตร หนัก 45 กิโลกรัมได้ขณะออกหาปลาบริเวณชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเป็นเพราะอุณหภูมิโลกสูงขึ้นทำให้หมึกยักษ์ที่เคยพบเฉพาะเขตร้อนไปโผล่อยู่ในทะเลเขตอบอุ่น และเป็นนักล่าคู่แข่งกับปลาฉลาม ทูน่า ทั้งยังล่าเหยื่อที่เป็นปลาเศรษฐกิจ จึงส่งผลให้ชาวประมงเดือดร้อนกันถ้วนหน้า

    หลุยส์ ไซด์เบิร์ก (Louis Zeidberg) นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) สหรัฐฯ เปิดเผย ว่า หมึกยักษ์ ที่ชาวประมงแคลิฟอร์เนียจับได้ ปกติอาศัยอยู่ในทะเลเขตร้อน บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตั้งแต่เปรูถึงคอสตาริกา เคยพบปรากฏในเขตน่านน้ำเม็กซิโกเมื่อครั้งเกิดปรากฏการณ์เอล นีโญ (El Niño) ที่กระแสน้ำอุ่นไหลเข้าไปแทนที่กระแสน้ำเย็น

    เมื่อ 16 ปีก่อนหมึกยักษ์เริ่มขยายอาณาเขตมาถึงน่านน้ำแคลิฟอร์เนียโดยนักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยสัตว์น้ำมอนเทอเรย์ เบย์ (Monterey Bay Aquarium Research Institute) สังเกตเห็นจากกล้องที่สามารถส่องดูใต้ทะเลลึกได้ และยังเคยพบล่าเหยื่อแถวอลาสกาด้วย นับว่าพฤติกรรมของมันเปลี่ยนไปมาก อาจเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนที่ทำให้สัตว์ที่พบเฉพาะในทะเลเขตร้อนขึ้นมาหาอาหารไกลถึงเขตหนาว

    หมึกยักษ์โดซิดิคัส ไจกัส (Dosidicus gigas) หรือ ฮัมโบลดต์สควิด (Humboldt squid) เป็นนักล่าแห่งท้องทะเลน้องๆปลาฉลามและทูน่า นักวิทยาศาสตร์ยังตั้งข้อสังเกตว่า ปลาฉลามกับปลาทูน่าถูกล่ามากขึ้นจนลดจำนวนลงก็อาจมีส่วนทำให้หมึกยักษ์เพิ่มจำนวนและขยายเขตล่าเหยื่อ เพราะทั้งฉลามและทูน่าเป็นนักล่าคู่แข่งและเป็นศัตรูธรรมชาติของลูกหมึกยักษ์

    นอกจากนี้ ทุกครั้งที่มีหมึกยักษ์ปรากฏตัวขึ้นบริเวณชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย ปลาทะเลหลายชนิดลดจำนวนลงมากโดยเฉพาะปลาเฮก (hake) ปลาแอนโชวี (anchovy) ปลาเนื้อขาว (whitefish) เป็นต้น ซึ่งเป็นปลาที่คนนิยมบริโภค ทำให้การปรากฏตัวของหมึกยักษ์ส่งผลกระทบต่อการทำประมงของชาวแคลิฟอร์เนีย

    แม้ว่าหมึกยักษ์อาจไม่สนใจที่จะล่ามนุษย์เป็นอาหารอยู่และหากมันพบเห็นเราเข้ามันคงว่ายน้ำหนีไปทางอื่น แต่ผลจากความแปรปรวนของสภาพอากาศโลกจนทำให้พฤติกรรมของสัตว์ทะเลชนิดนี้เปลี่ยนไปก็น่าจะทำให้มนุษย์ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นและไม่อาจนิ่งดูดายอีกต่อไป</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    [​IMG]

    จากรูปนี้ จีนอยู่ตรงหัวมังกร ไทยอยู่ตรงท้อง ออสเตรเลียอยู่ที่หาง อินเดียอยู่ตรงเท้า หลายประเทศแถบนี้กำลังพาโลกตะวันออกกลับมาเป็นผู้นำ เบื้องบนเคยบอกว่า"ภาษาจีน"จะต้องใช้เยอะในอนาคตอันใกล้นี้ ช่วงยุค 8 เข้ายุค 9 หวังว่าไทยเราคงจะเปลื่ยนไปในทิศทางที่ดียื่งขึ้นครับ...สุวรรณภูมิของแท้100%
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2007
  18. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    ขณะเดียวกันรอยต่อของปี ๒๕๔๙-๒๕๕๐ ในภาคใต้จะเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ รอบสอง ถือว่าใหญ่กว่าเดิมถึงสามเท่า คนที่จะอยู่ได้ไม่ฟั่นเฟือนคือคนที่มีสติ และไม่ต้องไปยึดติดกับวัตถุสิ่งของ (b-oneeye)



    เรื่องสีนามิรอบสองในปี 2550 นี้ เราก็ได้ยินมาเหมือนกัน ตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว

    รอบนี้จะมาเกิดทาง ฝั่งอ่าวไทย ด้วย ยังนึกไม่ออกว่าความเสียหายจะยับย่อยขนาดไหน

    ใครได้ข่าวอย่างไร ช่วยเช็คข่าวแล้วมาโพสต์คุยกันด้วย นะครับ[​IMG]
     
  19. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ที่รู้มาปี'50นี้ภัยจะชัดมาก
    หลายๆท่านบอกตรงกันครับว่าอ่าวไทย มีโอกาสเกิดสินามิได้
    แต่ที่อันดามันจะอันตรายกว่าสามารถเกิดซ้ำที่เดิมได้และคลื่นอาจยกตัวสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า
    ที่เห็นๆมาปีนี้ ภัยจากแผ่นดินไหว ภัยจากลม ภัยจากน้ำก็เห็นหนักขึ้น ภัยจากอัคคี (ไฟ) ก็เริ่มผสมโรงแล้ว ภูเขาไฟหลายลูกกำลังออกอาการ ล่าสุดวันนี้ที่ฮาวายก็กำลังปะทุอยู่...มาทุกทิศทุกทางเลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2007
  20. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เขมรหวั่นศึกน้ำมันรอรัฐบาลใหม่ถกไทยให้จบ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>26 กรกฎาคม 2550 14:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>แปลง 11, 12, 13, และ 10A, 11A อยู่ในเขตไทย แต่ติดกันเป็นเขตของกัมพูชา ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่เว็บไซต์บริษัทน้ำมันญี่ปุ่นแห่งหนึ่งระบุว่า สองประเทศอาจจะต้องเจรจาตกลงกันให้เป็นเขตร่วมพัฒนา JDA (Joint Development Area) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผู้จัดการรายวัน-- เจ้าหน้าที่รัฐบาลกัมพูชาเตรียมการเจรจาปักปันเขตแดนทางทะเลกับฝ่ายไทย หลังมีการเลือกตั้งและมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพื่อหาทางจัดการกับปัญหาทรัพยากรโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ก๊าซและน้ำมันในเขตทะเลอ่าวไทยของทั้งสองประเทศ

    นายโสกอาน (Sok An) รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวถึงเรื่องนี้ระหว่างการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการนัดหนึ่ง ที่จัดขึ้นในกรุงพนมเปญเมื่อวันอังคาร (24 ก.ค.)

    รองนายกฯ กัมพูชากล่าวว่า ไทยกับกัมพูชาได้ลงนามในบันทึกช่วยความจำเพื่อความเข้าใจ (MoU) ฉบับหนึ่งเมื่อปี 2544 เพื่อร่วมกันหาวิธีแก้ไขปัญหาในดินแดนพิพาททางทะเล และกล่าวอีกว่าขณะนี้ได้เวลาแล้วที่ไทยกับกัมพูชาจะต้องเปิดการเจรจาตามที่เคยตกลงกันเอาไว้

    "ไม่ช้าก็เร็วเมื่อราชอาณาจักรไทยมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง.. เราจะหารือกันต่อไป เพราะเราคิดว่าทั้งไทยและกัมพูชาจะได้รับประโยชน์จากน้ำมันดิบและก๊าซที่มีมูลค่านับพันๆ ล้านดอลลาร์ จะไม่มีการปล่อยให้น้ำมันและก๊าซจมอยู่ใต้ทะเลอย่างไร้ค่า" นายโสกอานกล่าว

    พรรคฝ่ายค้านกัมพูชา ซึ่งคัดค้านการทำสนธิสัญญาปักปันเขตแดนระหว่างกัมพูชากับเวียดนามเมื่อปีที่แล้ว โดยหาว่ารัฐบาลกระทำโดยลุแก่อำนาจ ปกปิดข้อมูล ทำให้เสียเปรียบ และได้เรียกร้องให้รัฐบาลของนายฮุนเซน เจรจาปักปันพรมแดนกับประเทศไทยอย่างโปร่งใสและอย่างเปิดเผย

    นายสนชัย (Son Chay) สส.พรรคสมรังสี กล่าวว่าไม่เพียงแต่เรื่องพรมแดนเท่านั้น เรื่องก๊าซและน้ำมันทั้งหมดควรจะทำอย่างเปิดเผยด้วย

    ในเดือน ม.ค.2548 บริษัทเชฟรอนคอร์ป (Chevron Corp) เจ้าของสัมปทานสำรวจขุดเจาะก๊าซ ได้พบน้ำมันดิบใน 4 บ่อ จากบ่อเจาะทดสอบจำนวน 6 บ่อ ในแปลงสำรวจแห่งหนึ่งนอกชายฝั่งเมืองท่าสีหนุวิลล์ (Sihanoukville) ซึ่งทำให้กัมพูชาได้รับความสนใจจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก

    บริษัทเชฟรอนกล่าวว่าจะเจาะทดสอบอีกบ่อ 10 แห่งในปี 2549-2550 เพื่อยืนยันปริมาณคาดการอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใดๆ ตั้งแต่นั้นมา

    รัฐบาลกัมพูชายังไม่เคยเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับปริมาณน้ำมัน และความคืบหน้าในการสำรวจขุดเจาะ ท่ามกลางความวิตกกังวลของหลายฝ่ายที่เกรงว่า ประเทศที่มีการคอร์รัปชันแพร่ลามแห่งนี้จะตกเข้าสู่วังวน "คำสาปน้ำมัน" อย่างที่เคยเกิดขึ้นในบางประเทศแอฟริกา

    นายเฮียว วาสนา (Heav Vaesna) ผู้อำนวยการบริหารกลุ่มพันธมิตรเพื่อความโปร่งใส (Coalition for Transparency) กล่าวในที่ประชุมสัมมนาเมื่อวันอังคารว่า น้ำมันส่วนที่อยู่ในผืนแผ่นดินกัมพูชาควรจะเป็นของประชาชนกัมพูชา ส่วนในเขตแดนที่เหลื่อมล้ำหรือดินแดนพิพาทนั้นควรจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>แปลงสำรวจ 5 และ 6 นี้ก็เช่นเดียวกัน มีส่วนเหลือมล้ำที่เห็นได้ชัด จะแบ่งกันสำรวจหรือจะร่วมกันเป็นเจ้าของ การตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ง่าย ไม่ว่าจะโดยรัฐบาลชุดไหน </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "มีแต่กระทำเช่นนี้เท่านั้น จึงจะสามารถคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับรายได้จากน้ำมันและก๊าซได้" นายวาสนากล่าว

    นักวิชาการกัมพูชาผู้หนึ่งกล่าวว่า กัมพูชามีเขตน้ำแดนดินชัดเจนในแผนที่ที่จัดทำขึ้นในปี พ.ศ.2496 ปีที่ประเทศได้เอกราชโดยสมบูรณ์จากฝรั่งเศส จึงควรจะหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการพิสูจน์เส้นเขตแดนและดินแดนทุกตารางนิ้ว สหรัฐฯ จะสามารถช่วยยื่นยันเรื่องนี้ได้

    ในเดือน ก.พ.ปีนี้ ดร.อับดุลเลาะห์ อัล มาดานี (Dr Abdullah Al Madani) วิชาการที่มีชื่อเสียงในคูเวต ได้ตีพิมพ์บทความแสดงความวิตกว่าในอนาคตอันใกล้นี้ไทย-กัมพูชา อาจจะมีความขัดแย้งจนถึงขั้นเปิดสงครามย่อยๆ ขึ้นได้ ในยุคที่อุตสาหกรรมน้ำมันเริ่มพัฒนาและเขตแดนอ่าวไทยยังไม่ชัดเจน

    นักวิชาการผู้นี้ได้แนะนำให้ทั้งสองประเทศ รีบเจรจาหาทางปักปันเขตแดนทางทะเลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

    รายได้จากการส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซอาจจะทำให้กัมพูชาพลิกสภาพจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากปัจจุบันที่มีประชากร 14 ล้านคนเศษและ มีรายได้เฉลี่ยวันละประมาณ 50 เซ็นต์ หรือไม่ถึง 20 บาท

    อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซน ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แสดงความไม่มั่นใจเกี่ยวกับตัวเลข รวมทั้งเงื่อนเวลาที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่า กัมพูชาจะเริ่มการผลิตน้ำมันดิบในปี 2553

    นายฮุนเซนกล่าวว่าทั้งหมดยังเป็นสิ่งที่ "ไม่แน่นอน" (uncertain) เนื่องจาก "น้ำมันที่อยู่ใต้ทะเลยังเป็นความฝันอยู่"

    นายโจเซพ มุสโสเมลี (Joseph Mussomelie) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงพนมเปญก็กล่าวในทำนองเดียวกันว่า การที่กัมพูชาจะมีรายได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากน้ำมันหรือไม่อย่างไรนั้น ยังไม่แน่ไม่นอน

    นักวิเคราะห์ลงความเห็นตรงกันว่า จนถึงวันนี้ก็ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า น้ำมันจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อชาวกัมพูชาผู้ยากไร้

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>รอคอยน้ำมัน-- ภาพถ่ายวันที่ 5 มิ.ย.2550 เด็กๆ ที่หมู่บ้านตระเปียงกระแซง (Trapeang Krasaing) ในเขตรอบนอกกรุงพนมเปญ เล่นกันอยู่ใกล้ๆ กับถังน้ำมันของบริษัทต่างชาติที่เอาไว้รองน้ำฝน ชาวบ้านถูกไล่ที่ออกจากหมู่บ้านแห่งนี้ เพื่อเปิดทางให้แก่โครงการลงทุน ชาวกัมพูชา 14 ล้านคนรอคอยเงินรายได้จากการส่งออกน้ำมันดิบ. (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "ปริมาณอันแท้จริงของน้ำมัน รวมทั้งคำถามที่ว่าจะสามารถนำขึ้นมาใช้ได้สักเท่าไร ก็ยังไม่มีใครทราบ" สำนักข่าวเอเอฟพี อ้างคำกล่าวของนายเจรามี คาร์เตอร์ แห่ง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ (International Monetary Fund)

    แปลงสำรวจ A เป็นหนึ่งใน 6 แปลงที่รัฐบาลกัมพูชาเปิดให้บริษัทต่างชาติเข้าสำรวจ ไอเอ็มเอฟเคยประมาณการก่อนหน้านี้ว่าในแปลงสำรวจแห่งนี้แห่งเดียวอาจจะมีน้ำมันดิบอยู่ถึง 700 ล้านบาร์เรล

    รายงานการศึกษาหลายชิ้นที่จัดทำโดยสหประชาชาติ ธนาคารโลก มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และสถาบันที่ชื่อถือได้อื่นๆ ได้ข้อสรุปว่า ในกัมพูชาอาจจะมีน้ำมันดิบอยู่ถึง 2,000 ล้านบาร์เรล กับก๊าซธรรมชาติอีก 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต (tcf)

    นับตั้งแต่ต้นปี 2548 เป็นต้นมาจึงมีบริษัทน้ำมันจากประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และคูเวท หรือ กระทั่งบริษัทน้ำมันน้ำมันยักษ์ของจีนคือ CNOOC ต่างก็เข้าไปเสนอตัว เพื่อที่จะได้มีสิทธิ์ในแปลงสำรวจอื่นๆ.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9500000087085
     

แชร์หน้านี้

Loading...