หลักฐานงานวิจัยการกลับชาติมาเกิด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 14 พฤษภาคม 2012.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=9TxaADDtsac]หลักฐานงานวิจัยการกลับชาติมาเกิด - YouTube[/ame]
     
  2. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    ผมไม่ได้เปิดดู....เห็นชื่อเรื่อง...ก็สรุปได้
    คือพวกนักวิทยาศาสตร์ นักสงสัยศาสตร์พวกนี้ ก็พยายามเอางานด้านรูปธรรม การค้นคว้าวิจัยฯลฯ มาเพื่อเป็นการยืนยัน เป็นหลักฐาน....เพื่ออะไรของพวกนี้ก็ไม่รู้...แล้วบอกว่า ถ้าไม่มีหลักฐาน...ก็เชื่อไม่ได้..
    ...พวกนี้ก็ไปพิสูจน์ วิจัย เรื่องผี...ก็ปรากฏว่า คว้าน้ำเหลว...
    ..มาวิจัยการกลับชาติมาเกิด ก็ได้องค์ความรู้แบบ งูๆปลาๆ(รวมเรื่องผีด้วย)
    ...สรุปก็คือ มนุษยชาติพวกนี้ เป็นพวก ตาบอดคลำช้างทั้งนั้น...
    ..มีปัญญาแค่หางอึ่ง...คือ โง่กว่าไอน์สไตน์ล้านๆๆๆๆเท่า แล้วมาอวดรู้....
    ..ขนาดไอน์สไตน์ยังหาพระเจ้าไม่พบ...แล้วพวกบัวใต้น้ำทั้งหลายเวลานี้ในโลก จะหาพบเหรอะ
    .....ผีเอย การเวียนว่ายตายเกิดเอย...ภพภูมิเอย พระพุทธเจ้าบอกเรามาตั้ง2600ปีแล้ว
    ถ้าเราศรัทธา มีสัมมาทิษฐิ เราต้องเชื่อโดยสนิทใจ...หากเราไม่ศรัทธา ไม่เชื่อ เราต้องพิสูจน์ ด้วยการ"ปฏิบัติ"ตามแนวพระพุทธองค์เพื่อให้"รู้ด้วยตนเอง"
    ถ้าเป็นชายก็ไปบวช ไปเดินธุดงค์(กล้าไหม)....ไปภาวนาในป่า...ถ้าเป็นหญิงก็ไปเป็นผ้าขาวปฏิบัติธรรม....ค้นคว้าพิสูจน์ด้วยตนเอง.....หากมีวาสนาก็สามารถค้นพบสัจจธรรมได้โดยไม่ต้องไปถามใครหรือเชื่อใคร..
    ...เวลานี้ป่าในไทยก็ยังมีเสืออยู่แถวๆประจวบฯแถวๆห้วยขาแข้ง....บวชแล้วไปธุดงค์ดู เหมือนพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายเคยปฏิบัติมา...
    ...รับรอง...พวกนี้ เสือคาบเอาไปกินหมด....ฮา
     
  3. rainstorm

    rainstorm สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +16
    ยังไม่ทันได้ฟังคลิปก็วิจารณ์ตำหนิแล้ว

    คุณเคยได้อ่านประวัติของ หมอ Ian stevenson รึเปล่า ท่านเป็น ศ.นพ.สาขาจิตเวช ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่เคยทุ่มเทศึกษาคนที่เกิดใหม่แล้วระลึกชาติได้จากการลงพื้นที่จริงทั่วทุกมุมโลก โดยอาศัยหลักฐานต่างๆทางวิทยาศาสตร์เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าการกลับชาติมาเกิดนั้นมีอยู่จริง ไม่ได้ทำไปเพื่อโต้แย้งการกลับชาติมาเกิด
    Ian Stevenson - Reincarnation research

    คนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิด คนที่เชื่อจะมีสักกี่คนที่ปฏิบัติแล้วเห็นได้ชัดแจ้ง การพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อาจจะเป็นทางหนึ่งที่ทำให้คนเชื่อถือในสิ่งนี้ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 พฤษภาคม 2012
  4. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    เข้าใจ ในท่าน เพราะ เมื่อ พบ อะไร ที่ มี ค่า แก่ ตน แล้ว...

    พบ ใน สิ่ง ที่ ถูก ต้อง ของ การ แสวง หา สำหรับ ตน แล้ว


    การ อ่าน หรือ ความ รู้ ทาง วิทยาศาสตร์ ก่ เป็น สิ่ง ที่ ไม่

    เหมาะ สม ที่ จะ อ่าน เพราะ หา สาระ ความ ถูก ต้อง ไม่ เจอ


    ...ส่วน มาก จึง เป็น เรื่อง ที่ ไม่ มี ความ ปรารถนา จะ สัมผัส ด้วย

    เพราะ เมื่อ สัมผัส แล้ว จะ ทำ ให้ เรา เกิด ความ หลงไหล

    ใน สิ่ง ที่ อยู่ ใกล้ ชิด ที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นจริง

    เช่น หาก พิสูจน์ไม่ได้ เพราะโลกหน้าหรือมิติหน้าหลังตายไม่มีจริง

    ก่จะเชื่อว่าตายแล้วสูญ

    สิ่งอะไรก่ตามเมื่อไม่สามารถพิสูจน์เป็นจริงในรูปธรรมไม่มีจริง

    งั้นก่ไม่ต้องตั้งแรงขับดันเพื่อการหลุดพ้นจากทุกข์ ... จริง บ่

    เพราะไม่เห็นทุกข์ให้เป็นค่าที่วัดได้จากเครื่องมือวิทยาศาสตร์ให้เห็น

    เป็นประจักษ์.....

    .... แท้ จริง แล้ว ทุกข์ วัด ได้ ..ทำ ให้ เห็น ได้ แต่ ต้อง เห็น จาก ความ

    รู้ สึก ที่ ปรากฎ

    .... พวก ที่ บ้า วัตถุ นิยม มัน ต้อง การ แสดง ค่า ออก มา เป็น ตัว เลข

    มัน ก่ จะ กลาย เป็น บ้า .... ท่าน ก่ จะ หลง ไหล ใน สิ่ง ที่ พิสุจน์ ด้วย

    เครื่อง มือ วิทยาศาสตร์ (นี่คือมิติ หรือ ความรู้ พลังงานเก่า ก่ ตอบแบบพลังงานเก่า)

    หาก ไป ถาม ท่าน พุทธ ทาส ท่าน ก่ จะ ตอบ ว่า ไอ่ บ้า แน่ ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2012
  5. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    มนุษย์ ติด หล่ม กับ ความ รู้ ทาง วิทยาศาสตร์ ของ โลก ตะวันตก มา มาก มาย

    และ ความ รู้ ตะวันตก นี้ ล่ะ ทำ ให้ สังคม เกิด การ แบ่ง แยก .... และมี ปัญหา

    มาก มาย ...

    มนุษย์ จึง แสวง หา สิ่ง ที่ แบ่ง แยก นี่ ล่ะ ว่า ... สิ่ง ที่ แบ่ง แยก นี่ อะไร คือ

    สิ่ง ที่ สุด ยอด ที่ สุด และ มนุษย์ ก่ จะ นับ ถือ สิ่ง ที่ แบ่ง แยก สูง สุด นี่

    เป็น สรณะ

    ทั้ง ๆ มนุษย์ ผู้ คิด ค้น การ แบ่ง แยก ยัง เป็น เพียง ปุถุชน ธรรม ดา

    (โลภ โกรธ หลง) ดังนั้น สิ่ง ที่ แบ่ง แยก ต่าง ๆ จึง เป็น สิ่ง ลวง โลก

    ลวง ตา ผู้ คน ... เช่น คน จะ แสวง หา สิ่ง ที่ คน ทั้ง หลาย ต้อง การ คือ

    เกียรติ ชื่อ เสียง ร่ำรวย (เช่น ต้องจบปริญญาตรี โท เอก คนทั้งหลายจึงจะนับถือ)

    แต่ ก่ กลับ มา ดู ความ รู้ ที่ เรียน มา ไ ด้ มี โอกาส ใด้ ใช้ มาก น้อย เพียง ใด....

    หมายเหตุ

    เราไม่ได้ว่ากล่าว จขกท ที่ยกประเด็น ... การยกขึ้นมาย่อมมีประโยชน์อยู่ใน...
    และผู้พิสูจน์ฯ แต่เป็นความพยายาม ที่ตั้งอยู่ในความเชื่อ ... ผู้ที่มองเห็นว่า
    คือผู้ที่สมควร.... ผู้ที่ไม่เห็น ก่ ไม่ต้องแสดงเพราะ มนุษย์มีหลายเหล่า...
     
  6. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [​IMG]
    พระฌอน ชยสาโร

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
    พระฌอน ชยสาโร
    (ฌอน ชยสาโร)
    พระอาจารย์ชยสาโร

    เกิด พ.ศ. 2501
    อายุ 53
    วัด สถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี
    จังหวัด นครราชสีมา
    พระอาจารย์ชยสาโร มีนามเดิมว่า ฌอน ชิเวอร์ตัน (อังกฤษ: Shaun Chiverton) นามเดิมของท่านก่อนจะเปลี่ยน "ฉายา" เป็นชยสาโรภิกขุ เมื่อ 19 ปีก่อน และใช้ชวิตอยู่ในร่มกาสาวพักตร์มานานถึง 33 ปีแล้ว แต่สำหรับตัวท่านเองออกจะคุ้นหูกับคำว่า "พระฝรั่ง" มากกว่าพระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ แห่งสถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี จังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้มีศรัทธาในพลังแห่งพุทธศาสนา จนได้ชื่อว่าเป็นพระฝรั่งที่ถ่ายทอดความลึกซึ้งทางธรรมฉบับภาษาไทยได้สละสลวย และเป็นที่ประทับใจต่อพุทธศาสนิกชนทั่วโลก[1]

    การศึกษา

    ท่านเกิดที่ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2501 เมื่อยังเล็กท่านมีสุขภาพไม่ดี มีอาการหอบหืด แม้จะต้องต้องหยุดโรงเรียนบ่อย แต่ก็ได้ใช้เวลาในการศึกษาด้วยตนเอง ด้วยความเป็นคนที่ช่างคิด ช่างค้นคว้าจึงมีผลการเรียนที่ดีเยี่ยมจน บิดามีความหวังให้เข้าสอบชิงทุนเพื่อเรียน ต่อในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในประเทศอังกฤษ แต่สิ่งที่สนใจจริงแล้วก็คืออะไรคือสิ่งสูงสุดที่เราจะได้จากการเป็นมนุษย์ อะไรคือความจริงสากลที่ไม่ขึ้นอยู่กับสมมุติของแต่ละสังคม ทำไมคนเราอยากจะอยู่อย่างเป็นมิตรแต่กลับรบราฆ่าฟันกันอยู่เรื่อยไป
    [แก้]การแสวงหาสัจธรรมความจริง

    เมื่อไม่มีบุคคลใดสามารถให้คำตอบแก่ท่านได้ ท่านจึงเริ่มอ่านหนังสือต่างๆมากมายหลากหลาย จนกระทั่งพบคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาว่าเป็น "สัจธรรมความจริง" ที่กำลังแสวงหาอยู่ จึงสนใจการฝึกจิตและศึกษาหาความรู้ทางพุทธศาสนาตั้งแต่อยู่ในวัยรุ่น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญให้ท่านเริ่มทำงานเก็บเงินและออกเดินทางหาประสบการณ์ในประเทศต่างๆ อาทิ ประเทศอิหร่านซึ่งลำบากมาก ถึงขนาดที่ว่าเคยโดนซ้อม แต่ท่านก็ไม่ย่อท้อจนมีคนชวนท่านไปอยู่ที่บ้านเพื่อให้สอนภาษาอังกฤษให้แลกกับการให้ที่พักและอาหาร หรือเมื่อครั้งท่านไปประพฤติตนเป็นฤๅษีที่อินเดีย แต่สุดท้ายก็มีเหตุจากปัจจัยภายนอกทำให้ท่านต้องเดินทางกลับ ท่านเดินทางไปทั่ว จนแน่ใจว่าการศึกษาและปฏิบัติธรรม อันเป็นหนทางที่ต้องการแทนการเรียนต่อในมหาวิทยาลัย โดยท่านใช้เวลาค้นหาสิ่งที่ท่านต้องการตั้งแต่อายุ 17 ปี ใช้เวลา 2 ปี จนเมื่อพ.ศ. 2521 ท่านได้พบและเริ่มปฏิบัติกับพระอาจารย์สุเมโธ (พระราชสุเมธาจารย์ ในปัจจุบัน และเป็นพระชาวต่างชาติรูปแรกที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อชา) ที่วิหารแฮมสเตด ประเทศอังกฤษ และได้ถือเพศเป็นอนาคาริก (ปะขาว) อยู่กับท่านพระอาจารย์สุเมโธ ถือศีล 10 เป็นเวลา 1 พรรษา แล้วเดินทางมายังประเทศไทย
    [แก้]ชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์

    แม้ว่าท่านจะได้ปฏิบัติมาบ้างเมื่ออยู่กับพระอาจารย์สุเมโธมาแล้วก็ตาม แต่หลวงพ่อชาก็ยังไม่บวชให้ ท่านรับการฝึกฝนเคี่ยวเข็ญด้วยอุบายต่าง ๆ จากหลวงพ่อชา ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อหลวงพ่อชาถามว่าอยากบวชไหม หากบอกว่าอยากท่านก็จะตอบว่ายังไม่ให้บวช จนกว่าจะตอบว่าแล้วแต่หลวงพ่อท่านจึงได้บวช เมื่อพ.ศ. 2523 โดยอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดหนองป่าพง โดยมีพระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท) เป็นพระอุปัชฌาย์[2]
    ก่อนเดินทางมาประเทศไทย ท่านได้ตั้งใจว่าจะอยู่ที่วัดหนองป่าพง ให้ครบ 5 ปี โดยไม่มีเงื่อนไขเพื่อศึกษาปฏิบัติธรรม เมื่อมาพบหลวงพ่อชา ก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในปฏิปทาและความเป็นครูที่มีทั้งเมตตา และปัญญาในการสอนอย่างลึกซึ้ง จึงสามารถทนต่อความยากลำบากในการปรับตัวให้เข้ากับการใช้ชีวิตแบบพระวัดป่า ที่เข้มงวดในวินัย และการฝึกปฏิบัติตามรอยพระพุทธเจ้า และการอยู่ร่วมกับคณะสงฆ์ชาวไทยจนเกิดความก้าวหน้าและเบิกบานในธรรม แนวการสอนของหลวงพ่อชาเน้นการปฏิบัติการรักษาศีล และข้อวัตรปฏิบัติ ความอดทน ความเพียร การใคร่ครวญหลักธรรม และน้อมมาสู่ใจให้เฝ้าสังเกตจนรู้ทันอารมณ์ของตนเอง และสามารถใช้สติปัญญาในการสร้างประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่นพร้อมกันไป ทำให้ท่านผูกพันกับหลวงพ่อชามาก
    เหตุที่เลือกยึดหลักเถรวาท เพราะท่านมีความตั้งใจ ต้องการจะทุ่มเทกาย ถวายชีวิตให้กับพระพุทธศาสนา เพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานและที่ชอบฝ่ายเถรวาท เพราะถูกจริต ตรงไปตรงมา ไม่มีพิธีรีตรองมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เข้ามาเกี่ยวกับกาย กับใจ กับทุกข์ การที่จะอยู่กับป่ากับ ธรรมชาติ อย่างที่สาวกพระพุทธเจ้าเคยปฏิบัติในสมัยพุทธกาล
    แม้ว่าท่านจะเป็นชาวต่างชาติแต่เรื่องภาษาไม่ใช่อุปสรรค เพราะท่านเชื่อว่าภาษาพื้นฐาน คือบาลีสันสกฤต ซึ่งทั้งคนไทยและต่างชาติก็ต้องเริ่มมาเรียนรู้เหมือนกัน ภาษามีความยากพอกัน แต่คนไทยอาจจะง่ายกว่าที่ศัพท์ไทยมีบาลีสันสกฤต ท่านจึงต้องพยายามและขยันมากหน่อย แต่ก็ไม่นาน โดยท่านใช้วิธีการท่องตัวอักษรจนกระทั่งอ่านได้ จากนั้นก็อยู่คนเดียว ค่อยๆ อ่าน ดูศัพท์ในดิกชันนารี อีกทั้งอยู่กับครูบาอาจารย์ ไม่ได้เรียนทฤษฎีอะไรมากมาย ก็ปฏิบัติไปด้วย มีการพิสูจน์ไปด้วย ได้ปรึกษาหารือกับครูบาอาจารย์ ได้อ่านได้ฟัง พูดคุยกับพระด้วยกัน ทั้งหมดเป็นชีวิตของท่าน ท่านเองก็ต้องคลุกคลีกับสิ่งนี้อยู่แล้วจึงไม่ยากเท่าไร
    ปัจจุบันพระอาจารย์ชยสาโรพำนักอยู่ ณ สถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา[3]

    ที่มา พระฌอน ชยสาโร - วิกิพีเดีย
     
  7. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ว่าแล้วเชียว ต้อง มีประโยชน์
     
  8. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    แวะมาอ่านเฉยๆ
    คือหลักการมีว่า ถ้าจะเชื่อเพราะหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แล้ว...ผมไม่รับ...
    ..ไม่ใช่ปฏิเสธวิทยาศาสตร์ แต่ ผมรู้ว่า วิทยาศาสตร์ของมนุษยชาติในปัจจุบัน ยังไม่สามารถค้นพบความจริงแท้ได้...เป็นเพียงสมมุติฐานทางทฤษฎีเท่านั้น...ทุกสำนัก ทุกค่ายทางด้านนี้...ล้วนอ้างอิงหลักวิชา(ขาดๆเกินๆ)ทุกค่าย....
    ..ทฤษฎีพวกนี้ พอมีหลักฐานใหม่เกิดขึ้น ก็ละความเชื่อ แก้ไขตำรากันใหม่ฯลฯ เป็นอย่างนี้เรื่อยไป....
    ...ดังนั้น วิทยาศาตร์นั้น ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเป็นความจริงสุดท้ายเสมอไป...มีหลายสิ่ง หลายทฤษที่มันยังไม่ถึง ความจริงสุดท้ายได้...
    ...อีกอย่าง พวกที่พิสูจน์ความจริงหลังความตายว่ามีจริง พิสูจน์การละลึกชาติว่า มีจริง พิสูจน์การกลับชาติมาเกิดว่า มีจริงนั้น...
    โดยส่วนตัว...ถ้าผมมีอำนาจ ผมจะไม่ให้งบประมาณไปทำการวิจัยเลย....
    ...ผมจะด่าคนๆนั้นว่า.....มึงจะเอาเงินกู ไปวิจัยความจริงแท้ ที่มันเป็นจริงทุกกาลอวกาศ เวลา สถานที่นี่นะ....มึงเห็นกูโง่เหรอะ ที่จะให้เงินมึงไปละลายแม่น้ำ เอาความจริงแท้ มาบอกกูว่า มันเป็นความจริงแท้....มึงหรือกูบ้ากันแน่วะนี่ ฮา
     

แชร์หน้านี้

Loading...