ขอเชิญร่วมโมทนามหากุศลที่ได้ร่วมทำกับสมาชิกเว็ปพลังจิต ทำผ้าห่มคริสตัลและประวัติผ้าคริสตัล

ในห้อง 'อนุโมนาบุญ - อุทิศบุญส่วนกุศล' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 22 กรกฎาคม 2009.

  1. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
    [​IMG]


    ฝึกมโนมยิทธิ


    ตอนประมาณม.5 ผมไปได้ไปฝึกมโนมยิทธิ ที่บ้านสายลม ทั้งๆที่ไม่รู้ว่า คืออะไร คือไปฝึกสมาธิ พี่เค้าบอกให้ฝึกก็ฝึกตามเค้า ไม่รู้อะไรเกี่ยว หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ไปที่ซอยสายลม อาศัยว่าชอบทำบุญ เค้าชวนเราก็ไปทำกับเค้า ผมชอบทำบุญ ก็ทำตามกาลไม่ได้จริงจังอะไรมาก ใส่บาตร ก็อธิฐานเหมือนคนอื่นทั่วๆไป ผมก็ทำตามคน ที่เค้ามาฝึกกัน สวดมนต์ก็สวดไม่เป็น ได้แต่เอาใจตามเค้าไป เพราะว่าไม่มีพื้นฐานด้านนี้เลย เป็นอันว่าตามเค้าไปได้แหะ สงสัยพระท่านช่วย ตอบได้เหมือนคนอื่น ทั้งๆที่เราไม่รู้มาก่อน ก็ตามเค้าไปได้ตามหลักสูตรมโนมยิทธิ ก็เกิดความศรัทธา แต่ฝึกที่บ้านก็ไปเองไม่ได้หรอก แต่ว่ามีศรัทธาแล้ว เชื่อเรื่องบุญกุศล บาป นรก นิพพานแล้ว หนังสือ เล่มแรก คือไตรภูมิ ที่อ่าน เรื่อง สวรรค์ นรก พรหม นิพพาน ชอบใจมาก เพราะตัวเองก็มีความชอบ เรื่องลึกลับมากก่อน เป็นที่ตรงจริต มาก่อน ต่อมาก็อ่าน เรื่องจริงอิงนิทาน อันนี้ก็ชอบ หลังจากนั้นก็อ่าน ชื่นชอบหนังสือหลวงพ่อเป็นอย่างมาก มีก็จะอ่าน อ่านแล้วก็ให้คนอื่น เพื่อเป็นธรรมทานท่านบอกว่า ธรรมทานได้บุญมาก ธรรมะทานย่อมชนะทานทั้งปวง มีอนิสงค์มากสุด ในวัตถุทาน หลังจากที่ขยันอ่านไปพัก

    <O:p</O:p
    หลังจากนั้น นั้นก็เริ่มหาดูในเว็ป ก็ไปเจอ1 สวยดี เพลงเพราะจับใจ ชวนให้คิดถึงหลวงพ่อ เห็นเค้าบอกว่า ส่งบทความไปได้ ผมก็สน ก็พิมพ์ใหญ่เลย เพราะจะมีความรู้สึกว่า เราก็ทำได้ ได้บุญดีด้วย ทำครั้งเดียว คนมาอ่านเป็นร้อย เป็นพัน เหนื่อยครั้งเดียว รอบุญสบาย เรื่องแรกคือ พระจักขุบาล เรื่องพระอรหันต์ ที่หลวงพ่อเล่ายาวพอสมควร เอาไปส่งเค้า เค้าบอกว่ามีแล้ว ไม่ได้โพส ก็เสียใจนิดหน่อย จากนั้นก็ลองหาเว็ปอื่น ก็มาเว็ปพลังจิต เมื่อปีก่อน ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากวันเกิดไป จากนั้นก็เริ่ม โพสบทความหลวงพ่อฤาษีลิดำ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    [​IMG]

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ประวัติความเป็นมาของการทำผ้า<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ของผมมีครั้ง 1 ผมไปวัดท่าซุง แล้วเห็นผ้าที่เค้าถวาย ที่ วิหารหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์และวิหารสมเด้จองค์ปฐม เมื่อตอนม.6 ก็คิดว่าเราก็ทำได้ ดีออกหลวงพ่อบอกว่า การจัดเตรียมอะไรให้คนอื่น จัดเป็นธรรมทาน บุญเยอะ ถือว่ามีส่วนร่วมในของเค้าด้วย เหมือนหุ้นส่วนกัน ทุกครั้งที่มีคนมาทำเราก็ได้บุญ เราเหนื่อยทำครั้งเดียว คนมาถวายของ เรา 100 หน 1000หน เราจะได้บุญ แบบ สบายๆ เราเองก็ไม่ค่อยมีเงิน ผืนแรกเป็น นก ยุง ก็นั่งปักเอง อาศัยว่า เราชอบทำงานฝีมือ เป็นนิสัยอยู่แล้ว อุปนิสัย ที่ชอบทำงานไม่ค่อยหมือนชาวบ้าน แต่งจนกว่าจะสวย เพื่อนจะบอกว่า รก เราก็ไม่เป็นไร เรามั่น 555+ มั่นใจว่าสวย ก็ทำแล้วถวายที่ซอยสาย ลม ก็ไปถวายกับพระครูปลัดอนันท์ โดยไม่รู้ว่าเค้ามีที่ไว้สำหรับวางของที่จะไปวัดท่าซุง ใครจะถวาย ของอะไรไว้ที่วัดก็วางไว้ ตรงนี้ บัดนี้เพิ่งจะรู้ก็ไปถวายไปเรื่อยๆๆก็นั่งนับว่าถวายไปกี่ผืนแล้ว ทำเอง แรกๆก็ไม่ค่อยสวย เราก็ทำไปเรื่อยจน ครบ 15 ผืน ส่วนผืนที่15 อยู่วิหารองค์ปฐม ก็คิดว่าจะเลิกแหละ แต่มีไอเดีย อัน1 ที่คิดมานานแล้วแต่ยังไม่ได้ทำ คือ ผ้าคริสตัล คิดมานานแล้ว เพราะ ซื้อมาประดับผ้าอยู่บ่อยแต่ราคาสูงมาก 100 เม็ด 130 บาท พออยู่มหาลัย เริ่มโพสกระทู้ในเว็ปพลังจิต แล้ว ก็ชอบโพสแล้วมานั่งดูว่า มีคนมาดูกระทู้เรารึเปล่า ตื่นเต้น อิอิอิ ก็คิดว่า เราจะเริ่มทำผ้าคริสตัล แหละ เมื่อเรามีเงินจากค่าขนม ที่เก็บไว้ เราจะนั่ง รถไปสำเพ็งเพื่อ ซื้อคริสตัล มานั่งร้อย 2-3 ถุงก็ไม่เป็นไร เราไม่รีบ ไม่ค่อยมีตังค์ ของเค้าดี ค่อยๆ ซื้อไปก็ได้ ทำสัก 3 ปีเนอะ ของสวาร๊อปสกี้ สวยดี จากนั้นก็เห็น บอร์ดประชาสัมพันธ์ ก็ไม่คิดหรอกว่าใครเค้าจะทำกับเรานะครับ ก็เลยลองดู โพสดู ตอน นั้นยังไม่สวย เส้นเล็กๆ งิกๆ งอๆ และแล้วก็มีพี่คนแรกมา เปิดกระทู้ยัง เรียก พ่อกับแม่ บอกว่ามีคนบอกจะช่วยด้วย เลยลองกำหนดดูว่าจะถวาย กฐิน วัดท่าซุงได้บุญมากดี หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนมาช่วยเยอะขึ้น หลังจากก็เห็น ก็กระทู้กฐินของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เลยไปชวน พี่ตั้ม ปรึกษา ว่าจะให้เป็นนามเว็ปดีไหมครับ พี่ตั้มก็เสอนเว็ปให้ได้ การทำผ้าก็เจออุปสรรคการมากมาย แต่สำเร็จออกมาด้วยดีได้บุญกันทั่วหน้า<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผ้าห่มปฐมวัดเขาแร่

    <O:p</O:p
    จริงก็ไม่ใช่ความตั้งใจของผมตั้งแต่ ว่าจะทำแต่มีลูกศิษย์วัดเขาแร่ มากชวนให้เรา ทำ จริง ก็ไม่จักหลวง พี่เอก หรอก รู้จักแต่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เพราะเริ่มมาก็จากหลวงพ่อฤาษีลิงดำนั้นแหละครับ ที่ทำให้ทำบุญเป็นจริงจังมากขึ้น เราก็ดีใจ ได้ทำผ้าห่มถวายองค์ปฐม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ บอกว่า ทำแล้วจะไปนิพพานเร็วขึ้น เพราะพระพุทธเจ้าทุกองค์โมทนาหมด เราก็รับทำ ไปเจอหลวงพี่เอกครั้งแรกที่กรุงเทพ เพื่อนพา ไป ก็ไปขอทำผ้าห่มองค์ปฐมท่านก็อนุญาต เราก็ทำ ของให้เว็ปพลังจิตช่วยสนับสนุน เราก็ทำ ก็เจออุปสรรคมากมาย งานนี้ผ้าผืนใหญ่ เราทำคนเดียวไม่ไหวแล้ว เลยคิดว่า ถ้ามีใครมาช่วย ก็คงดี เราก็เลยประกาศในเว็ป ว่าใครจะช่วยเราจะส่งให้ช่วยร้อย ก็มีมาจากหลายภูมิภาค ทั่วประเทศ มาช่วยกันร้อยผ้าห่มองค์ปฐม เหนือ กลาง อีสาน ใต้ มาช่วยร้อย จากนั้นก็ทำเสร็จ แล้วจะไปถวายได้ยัง เราไม่รู้จักวัดหลวงพี่เอก มาเจอพี่เตอร์ พี่เตอร์งั้น จัดทริปไปถวายผ้าวัดเขาแร่ จ. สุโขทัย กัน ก็จัดกันไป ดูแผนที่ หาวัดเขาแร่ไม่เจอวนไปวน มาอยู่หลาย รอบ ดีใจที่ทุกคน มีอารมณ์ที่ดีไม่รู้เครียดอะไรเลย ทั้งๆ ที่หาวัดไม่เจอ ในที่สุดก็ไปถึงวัดไปถวาย ดีใจถึงแล้ว <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สาเหตุ ที่ทำรับทำกฐินวัดป่าศิริสมบูรณ์
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้เจอพี่คนหนึ่ง ก็ทำความรู้จักสนิทกันพอสมควร เป็นพี่ที่เก่งมาก เรื่องการนั่งสมาธิ ถึงเค้าจะป่วนๆ ในเว็ปบ้าง แต่ก็เป็นพี่ที่ดีมาก ก็รู้จักพอสมควร พี่เค้าก็บอกเสมอนะ พี่เค้าป่วยตลอดเป็นภูมิแพ้ ว่าสักวันพี่จะไม่อยู่ พี่จะตาย พี่จะต้องไปตายที่ต่างประเทศ ผมก็ถามพี่รู้เหรอครับ ว่าตายเมื่อไร พี่รู้เค้าครับ พี่เค้าก็บอกอย่างนี้มาตลอด เราช่วยทำผ้าให้พี่สักผืน 1 ทำจากเม็ดสีเงินๆ เราก็ยังได้ทำหรอกแต่ ส่งแบบที่เป็นผ้า ไป เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ที่เค้าโทรมา แต่เราไม่รู้หรอก ว่าพี่เค้าอยู่ต่างประเทศนะ นึกว่าเค้าอยู่ ที่ไทย ก็คุยกันปกติ แต่เสียง ที่ได้ยิน อย่าง1 คือเสียง เครื่องวัดหัวใจ ที่ดัง ตลอด ผมก็ถามพี่ป่วยรึครับ งั้นเราช่วยทำอะไรให้พี่หน่อย ทำกฐินนะครับ ไปที่วัดนี้ เดียวพี่จะรถให้เราคัน 1 ไปรับที่กรุงเทพ เราจัดกฐิน ให้พี่หน่อย ผมก็รับปาก ว่าจะทำให้ จากวันนั้นพี่เค้าเสียแล้วครับ เสียที่ต่างประเทศ เป็นกรรมเก่านะครับ กรรมหนัก ถามพระแล้ว ท่านก็บอกว่า พี่เค้าไปสบายแล้ว สบายมากด้วยนะซี ก็ตายในญาณ จากไปแล้ว<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    ผ้ากฐินวัดป่าศิริสมบูณ์ก็เริ่มแล้ว ตามคำสัญญาที่ไว้กับพี่ กฐินก็เริ่มแล้ว แต่ทุกอย่างก็ยังเสร็จ ทุกอย่างก็ดำเนินต่อไปจนถึงวันงาน ..........ที่จะสร้างตึกฝึกกรรมฐาน .........คงได้บุญที่เดียว คนยิ่งมาฝึกกรมฐาน นั่งสมาธิ จัดว่าเป็นวิหารทาน บวกด้วย ธรรมทาน บวกสังฆทานเพราะเป็นของสงฆ์ บุญได้ครั้งนี้ได้รวบรวมคำอธิฐานจากผ้าที่ช่วยกันทำจากทุกภาคอีกครั้ง ที่ส่งไปให้กำลังทยอยกับคืนมา แล้วจะนำมาต่อ เป็นผืน เป็นหนึ่งเดียวกัน <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ตอนนี้ผมอายุ 22 แล้ว 3-4ที่ผ่านมามีอะไรมากมายตั้งถึงฝึกมโนมยิทธิกับหลวงพ่อ เรียกว่า กรรมฐานเปลี่ยนชีวิตจริง ผมก็ยังคนธรรมดา เรื่อยๆเหมือนกับคนอื่นนั้นแหละ บางครั้งผมออกจะขี้อาย เสียด้วย ซ้ำ 555+ การอยู่หลังคอมพิวเตอร์อาจจะทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น ได้เจอเพื่อนมากมาย ทุกคนก็ดีกับเมตตาผมตลอด ผมได้ดูแลห้องพุทธเริ่มต้นก็ถือว่าเป็นความภูมิใจอีกอย่าง1 (ผมไปขอพี่เค้าทำเอง ผมเห็นว่าน่าสนใจดี แล้วเราก็ได้บุญด้วย ตอนนั้นห้องยังไม่มีใครมาดูแล ) จากที่ทำแกเลอร์รี่อยู่

    <O:p</O:p
    [​IMG]
    <O:p
    ผมก็พยายามบำเพ็ญบารมีมีที่หมายคือพระนิพพานเหมือนคนอื่น คิดว่าไม่ช้าก็เร็ว เร็วก็ชาตินี้ ช้าก็พระศรีอริยเมตตรัย ให้ให้ทุกคนร่วมกันโมทนาบุญที่ผมทำมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันด้วยนะครับ ผมของยกให้ทุกคนเลย ขอให้บุญที่ผมทำทั้งหมดมาร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน บุญใดที่เพิ่งจะเกิดประโยชน์กับผมขอให้เกิดกับทุกเสมอผมด้วยเถิด<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    กุศลที่เกิดจากการความสามัคคีของสมาชิกเว็ปพลังจิตได้รวมบุญร่วมใจกับผ้าทุกผืน<O:p</O:p
    ขอให้ร่วมโมทนาทุกอย่างที่ได้ร่วมทำกันมานี้ ผมขอให้ยกให้ทุกๆบุญให้กับทุกๆ คนจะช่วยเป็นแรงก็ดีจะช่วยเป็นเงินจะเข้ามาร่วมอนุโมทนาก็ดี สาธุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ความอภัยทานจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นประการใดในงานนี้ก็ขอให้ทุกท่านช่วยรวมกันอโหสิกรรมให้กับผมและทีมงาน ตั้งบัดนี้ตราบท้าวเข้าสู่พระนิพพาน<O:p</O:p


    รวมเรื่องที่ทำไว้ตั้งแต่ตอนเข้ามาแรก ๆก็จะพยายามรวบรวมไว้
    http://palungjit.org/threads/สารบัญ-รวมเรื่องหลวงพ่อฤาษีลิงดำและ“ธรรมะที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์-”.197575/


    <CENTER>คำขอขมาพระรัตนตรัย
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะฯ ( ว่า ๓ จบ )

    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต ฯ

    ( ถ้าหลายคนว่า.... ขะมะตุ โน ภันเต, ฯลฯ,.... ขะมะตุ โน ภันเต, อุกาสะ ขะมามิ ภันเต ฯ )








    </CENTER><DD>หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกาย หรือทางวาจาก็ดี และด้วยเจตนา หรือไม่มีเจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่นิพพานด้วยเทอญ

    คัดจากหนังสือสวดมนต์ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี <O:p</O:p





    </DD>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 9_2_.jpg
      9_2_.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.4 KB
      เปิดดู:
      1,917
    • DSC05037.jpg
      DSC05037.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.8 KB
      เปิดดู:
      1,757
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2009
  2. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
    [​IMG]





    ภาพผ้าคริสตัลกฐินที่วัดท่าซุงปีจำ2551 ในนามเว็ปพลังจิต ซึ่งถวายไปแล้ว

    http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมสร้าง-ผ้ากฐิน-คริสตัล-เพื่อถวายเป็นสังฆทาน-โดยจะนำไปรวมกับกฐินที่วัดท่าซุง.135219/

    ผืนที่2 ที่วัดเขาแร่ ผ้าห่มสมเด็จองค์ปฐมวัดเขาแร่ จ. สุโขทัย ในนามเว็ปพลังจิต</O:p



    [​IMG]


    [​IMG]


    ขอเชิญร่วมโมทนา<O:p
    ขอเชิญร่วมโมทนาผ้าคริสตัลห่มสมเด็จองค์ปฐม วัดเขาแร่ จังหวัดสุโขทัย110/ขอเชิญร่วมโมทนาผ้าคริสตัลห่มสมเด็จองค์ปฐม-วัดเขาแร่-จังหวัดสุโขทัยในนาเว็ปพลังจิต-155104-16.html


    [​IMG]

    http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสร้างตึกฝึกกรรมฐานและผ้ากฐินสีเงินประดับคริสตัลวันที่-10-11-ตุลาคม-พ-ศ-2552-a.184095/


    ผ้าห่มที่จะไปถวาย วันที่ 1 พ.ย. 2552
    ในกฐินปีนี้ที่ วัดเขาวง เป็นผ้าคริสตัลห่มองค์พระปัจเจกพระพุทธเจ้า เม็ดเล็กละเอียดมาก 2 มิล กับผ้าห่มพระพุทธรูป 1ผืนเนื่องในงานกฐิน

    [​IMG]


    และผ้าห่มพระพุทธรูปถวายในกฐิน 1ผืน ที่วัดท่าซุง วันที่ 18ตุลาคม 2552


    [​IMG]



    [​IMG]
    และขอบคุณสมาชิกทุกท่านและเว็ปพลังจิตไว้ณ ที่นี้

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cyhrG5412162-02.jpg
      cyhrG5412162-02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60 KB
      เปิดดู:
      1,796
    • 940.jpg
      940.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.6 KB
      เปิดดู:
      1,571
    • plg_logo.JPG
      plg_logo.JPG
      ขนาดไฟล์:
      30.7 KB
      เปิดดู:
      1,558
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2009
  3. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
    หลวงพ่อเล่าเรื่อง...ที่มาเครื่องมหาลดาปสาธน์ของนางวิสาขา(นางวิสาขาแต่งงาน)

    ตอนนี้จะพูดกันถึงเรื่อง นางวิสาขา ต่อไป สำหรับตอนนี้เป็นตอนที่เรียกว่า พุทธบูชา มหาเตชวัณโต การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชมีอำนาจ ทำให้มีเครื่องประดับประดาเครื่องแต่งกายสวยงามเป็นกรณีพิเศษ คือ นางวิสาขามีเครื่องประดับกาย ราคา 16 โกฏิ<O:p</O:p
    ในสมัยที่นางวิสาขามีอายุได้ 16 ปี ปรากฎว่า ท่านธนัญชัยเศรษฐี ได้รับหน้าที่เป็นพ่อตา คือมีคนมาขอนาง</O:p
    ในตอนที่ นางวิสาขาจะแต่งงาน ปรากฏว่า บ้านของนางวิสาขาเป็นเมือง ๆ หนึ่ง ที่เรียกว่า เมืองสาเกต มีคนมาก ท่านบิดา คือ ท่าน ธนัญชัยเศรษฐี จึงได้จัดเครื่องแต่งตัวให้แก่บุตรสาว มีราคาประมาณ 16 โกฏิ (เห็นจะเป็น 16 พันล้าน)<O:p</O:p
    เครื่องประดับประดานั้น ท่านบอกว่า หาด้ายสักเส้นหนึ่งก็ไม่มี ส่วนใดที่จะเป็นด้าย เขาใช้เงินทำเป็นเส้นด้าย พื้นเป็นทองคำร้อยเปอร์เซ็นต์ ประดับไปด้วยแก้วมณี (ซึ่งมีค่ามากกว่าเพชร) ถึง 20 ทะนาน และแก้วประพาฬ แก้วอินทนิล(แก้วอะไรต่ออะไรถึง 7 แก้ว จำไม่ได้ จำได้ก็ขี้เกียจพรรณนา) เป็นเสื้อคลุม คือเป็นเสื้อคลุมลงมาถึงข้อเท้ายาวถึงข้อมือ แล้วก็คลุมศีรษะ ข้างบนศีรษะเป็นนกยูงรำแพน ประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดาหลากหลาย ราคาถึง 16 โกฏิ นี่เป็นเครื่องทรงที่แต่งเป็นกรณีพิเศษ<O:p</O:p
    เครื่องทรงนี้มีน้ำหนักมาก เพราะนางวิสาขาเป็นพระโสดาบัน เมื่อนางเป็นพระโสดาบันแล้ว ท่านบอกว่า กำลังของนางกับช้าง 7 เชือก (เอาแรงของช้าง 7 เชือก มารวมกัน เท่ากับแรงของนางวิสาขา) แล้วก็มีหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นทาสของนางวิสาขา(เป็นเพื่อน ลูกของชาวบ้าน เป็นพระโสดาบันเหมือนกัน)มีกำลังเท่านางวิสาขา<O:p</O:p
    เสื้อตัวนี้ของนางวิสาขามีชื่อว่า มหาลดาปสาธน์ มีนางวิสาขา กับหญิงเพื่อนคนเดียวเท่านั้น ที่จะยกขึ้น คนอื่นยกไม่ขึ้น เครื่องประดับประดานี้สวยมากเหลือเกิน ท่านพุทธบริษัท บรรดาท่านหญิงทั้งหลายฟังแล้วอยากได้ บ้างไหม เครื่องประดับแบบนี้ ความจริงพวกเราจะมีสร้อยสักเส้นหนึ่งมีเพชรสักเม็ดหนึ่ง หรือมีเพชรสักพวงหนึ่ง แบบนี้มันก็แสนยาก หามาด้วยความลำบาก เครื่องประดับของนางวิสาขา เฉพาะแก้วมณีเท่านั้นตั้ง 20 ทะนาน แล้วก็มีแก้วประพาฬ มีเพชรนิลจินดามีอะไรอีกมากมายนัก แล้วเสื้อทั้งตัวเป็นทองคำล้วน ที่เป็นด้ายใช้เงินแทน(แหม ถ้าได้มาเวลานี้ เสร็จ ขายเรียบ รวยมหาศาล เฉพาะเสื้อตัวเดียว)<O:p</O:p
    เมื่อเวลาจะแต่งงาน ก็ปรากฎว่า ท่านธนัญชัยเศรษฐี ได้อัญเชิญ พระเจ้าปเสนทิโกศล ให้พระองค์เสด็จมาเป็นประธาน พระเจ้าปเสนทีโกศล ก็ถามว่า ทหารกองเกียรติยศของเรามาก จะให้ไปส่วนตัว หรือจะให้ ไปเต็มกองเกียรติยศ ถ้ากองเกียรติยศเต็ม ก็เป็น จตุรงคเสนา คือ กองทัพ 4 เหล่า ท่านธนัญชัยเศรษฐี พ่อของนาววิสาขา ก็บอกว่า ขอให้พระองค์มาเต็มกองเกียรติยศ ข้าพรพุทธเจ้ารับได้หมด<O:p</O:p
    เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลมาแล้ว ก็ปรากฎว่า เครื่องประดับของนาง</O:p
    เมื่อนางวิสาขาแต่งงานแล้ว นอกจากจะมีเครื่องมหาลดาปสาธน์แล้ว ปรากฏว่า ของที่เข้านำให้นางวิสาขาไปใช้ชั่วคราว พ่อให้ไปใช้ที่บ้านพ่อผัว แม่ผัว ก็อยู่กับผัวชั่วคราว เข้าให้เท่าไร ทราบไหม เข้าให้แบบนี้ เข้าให้ เงิน 500 เล่มเกวียน (นี่ชั่วคราวนะ ถ้าไม่พอมาเอาไปใหม่ได้) ทองคำ 500 เล่มเกวียน ภาชนะเครื่องใช้สอยที่เป็นทองคำ 500 เล่มเกวียน ภาชนะที่เป็นเงิน 500 เล่มเกวียน ภาชนะที่เป็นทองแดง 500 เล่มเกวียน อย่างนี้ เป็นต้น<O:p</O:p
    เป็นอันว่า อย่างละ 500 เล่มเกวียน (โอ้โฮ มันเท่าไรกันแน่) ถ้าเราเป็นอย่างนั้น จะเป็นอย่างไร ผลที่นางวิสาขาได้อย่างล่ะ 500 เล่มเกวียน (ถ้าไม่พอมาเอาใหม่) คือผลจากการถวายสังฆทาน บรรดาท่านพุทธบริษัท<O:p</O:p
    หากว่าบรรดาท่านผู้ฟัง ประสงค์จะมีทรัพย์มากอย่างนั้นบ้าง ก็ดูตัวอย่างที่กล่าวมาแล้วในตอนก่อนว่า นางวิสาขาร่ำรวย ได้เป็น ลูกมหาเศรษฐีใหญ่ ก็เพราะว่าถวายทานแต่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา พร้อมไปด้วยพระสงฆ์ ที่เรียกกันว่า ถวายทาน เวลานี้เราก็ถวายได้ แม้องค์สมเด็จพระพิชิตมารนิพพานแล้วก็ตาม เวลาเราถวายสังฆทานก็มีพระพุทธรูปเป็นประมุข จิตใจนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นประธาน พร้อมไปด้วยพระสงฆ์ผู้รับทาน เป็นกำลัง อย่างนี้ก็จัดว่า เป็นสังฆทานแบบนั้นเหมือนกัน <O:p</O:p
    ถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีกนิด ก็พากันสร้างวิหารทาน โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ตามแต่ที่เราจะมีทุน สร้างคนเดียวไม่ไหว ก็ร่วมกันสร้างปลาย ๆ คนก็มีประโยชน์ จะเป็นวิหารทานใหญ่ ที่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายมาทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ความจริง กฐิน หรือผ้าป่า ก็อยู่เฉพาะผ้าเท่านั้น ส่วนจตุปัจจัย ที่บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน นำไปถวายพระกล่าวว่า เป็นปัจจัยเพื่อวิหารทาน ถ้าพระท่านใช้อย่างนั้น<O:p</O:p
    ฉะนั้น การถวายกฐินผ้าป่า เป็นสังฆทานพร้อมไปด้วยวิหารทาน จึงมีอานิสงส์ใหญ่ ดีไม่ดี เราจะรวยกว่านางวิสาขาเสียอีก พูดกันด้วยความจริงใจ<O:p</O:p
    มาคุยกันถึงว่า ทำอย่างไรหนอ เราจึงจะมีเครื่องประดับสวยสด งดงาม อย่างนางวิสาขาได้บ้าง ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทลองฟังพระธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงโปรด พระองค์ตรัสไว้อย่างนี้(นี่เราพูดถึงเรื่องของนางวิสาขาเป็นตอน ๆ พูดทั้งหมดไม่ไหว เรื่องของนางยาวมาก)<O:p</O:p
    องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่า การที่นางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นพระโสดาบันก็ดี หรือว่าได้เครื่องมหาลดาปสาธน์ก็ดี ทั้งนี้เพราะว่า นางมีความเคารพในองค์สมเด็จพระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ เป็นต้นมา อาศัยที่นางวิสาขามีพุทธบูชาเป็นปกติ คือ บูชาพระพุทธเจ้าเป็นปัจจัย จะทำอะไรก็ตาม นึกถึงคุณพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ที่เราหัด ฝึกกันภาวนาว่า พุทโธ อย่างนี้เป็นต้น หรือว่า อิติปิโส ภควา อรหัง สัมมาสัมพุทโธ หรือ สัมมาอรหัง อะไรก็ได้ ในห้องพระพุทธคุณ การนึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์แล้ว และก็ปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วด้วย ไม่ใช่ภาวนาว่า พุทโธ อย่างเดียว จะสร้างความร่ำรวยให้เกิดขึ้น<O:p</O:p
    ความจริง ภาวนาว่า พุทโธ ก็รวยเหมือนกัน เพราะตายแล้วเป็นเทวดา มีทิพยสมบัติมาก กลับมาก็เป็นมหาเศรษฐีแต่ยังไม่ใหญ่เท่า นางวิสาขา นาง</O:p
    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัท เรามาคุยกันถึงว่า การได้เครื่องมหาลดาปสาธน์ เครื่องประดับพิเศษ ในสมัยเมื่อองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถ ยังดำรงพระชนม์อยู่ สาวกขององค์สมเด็จพระบรมครูซึ่งเป็นสาวิกา คือผู้หญิง มีเครื่องมหาลดาปสาธน์อยู่สองท่านด้วยกัน คือ นางวิสาขามหาอุบาสิกาท่านหนึ่ง กับ พระนางมัลลิกาเทวี เอกอัครมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศลท่านหนึ่งมีสองท่านด้วยกัน เพราะว่าหญิงทั้งสองนี้ ทำบุญมาสม่ำเสมอกัน การให้ทานก็สม่ำเสมอกัน ไม่แพ้กัน แต่การให้ทานไม่ได้แข่งขัน ต่างคนต่างมีศรัทธาเหมือนกัน<O:p</O:p
    เอาละ ตอนนี้ สำหรับท่านหญิงที่ได้เครื่องมหาลดาปสาธน์ มีค่าถึง 16 โกฏิ ได้มาจากไหน เราก็ต้องหาเหตุหาผลกัน เพราะว่า ในพระพุทธศาสนา มีเหตุมีผล องค์สมเด็จพระทศพลทรงเทศน์ไว้อย่างนี้ ท่านกล่าวว่า ถ้าสตรีผู้ใด ได้เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนา ถ้าหากว่าท่านผู้นั้นยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด เกิดเป็นมนุษย์ในชาติต่อไป จะมี เครื่องมหาลดาปสาธน์ เช่นเดียวกับนางวิสาขามหาอุบาสิกา<O:p</O:p
    ถ้าหากว่าเป็น ผู้ชาย ได้เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนาเมื่อเวลาที่พบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว มีความเลื่อมใสขออุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา เมื่อองค์สมเด็จพระบรมศาสดา ตรัสว่า เอหิ ภิกขุ ซึ่งแปลว่า เจ้าจงเป็นภิกษุมาเถิด เพียงเท่านี้ ก็จะมีผ้าไตรจีวรสำเร็จไปด้วยฤทธิ์ ลอยมาจากอากาศ สวมลงไปในร่างของท่านผู้นั้น(โดยไม่ต้องหาซื้อผ้า เพราะในสมัยนั้นหาซื้อผ้ายากแสนยากเพราะไม่มีพ่อค้าขายผ้าไตรมากมาย เหมือนสมัยนี้)<O:p</O:p
    นี่แหล่ะบรรดาท่านพุทธบริษัท การที่นางวิสาขามหาอุบาสิกา มีเครื่องมหาลดาปสาธน์ เป็นเครื่องประดับพิเศษ อีกองค์ หนึ่งก็คือ ท่านมัลลิกาเทวี เอกอัครมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศล มีเครื่องมหาลดาปสาธน์ เป็นเครื่องประดับ ก็เพราะอาศัยได้เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนา <O:p</O:p
    เวลานี้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยทั่วหน้า ก็เคยทำกันมาเป็นปกติ เช่น การทอดกฐินก็ดี การทอดผ้าผ่าก็ดี การถวายสังฆทานก็ดี ท่านทั้งหลายก็มักจะถวายผ้าไตรจีวร ไว้แก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาทั้งนี้ต้องจัดเป็นการถวายสังฆทาน การถวายสังฆทานนี้ มีอานิสงส์มากตามที่กล่าวมาแล้ว<O:p</O:p
    ฉะนั้น หากว่าท่านทั้งหลายมีความเคารพในองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ที่เรียกว่า พุทธบูชา คือบูชาความดีของพระพุทธเจ้า ด้วยการปฏิบัติตาม ถ้าโอกาสจะพึงมีแก่บรรดาท่านพุทธบริษัทแล้ว ก็ซื้อผ้าไตรจีวรถวายเป็นสังฆทาน ไว้ในพระพุทธศาสนา ความจริง พรุพุทธเจ้าไม่ได้ทรงจำกัดว่า ต้องถวายเป็นสังฆทาน ท่านบอกว่า เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนา (คำว่าสังฆทาน เฉพาะผ้าไตรจีวรนี้ อาตมาพูดเอง)<O:p</O:p
    ทั้งนี้ก็เพราะว่า การถวายสังฆทานมีอานิสงส์มาก มากกว่าการถวายเป็นปาฏิปุคคลิกทาน ถ้าเรามีผ้าผืนเดียว พระสงฆ์ท่าน ก็ให้แก่พระที่มีความจำเป็นต้องใช้ คือ ท่านจัดการกันเอง ตัวอย่าง<O:p</O:p
    ในสมัย เมื่อองค์สมเด็จพรจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ พระนาง<O[​IMG]</st1:personName>วิสาขาเป็นภรรยา เวลานั้น นางวิสาขามีอายุได้ 16 ปี แต่งงานเมื่ออายุ 16 ปี คลอดบุตรอายุ 16 ปี</B><O[​IMG]วิสาขา ทำยังไม่เสร็จ ต้องรออยู่ถึง 3 เดือน เลี้ยงกองทัพ 4 เหล่า 3 เดือน ก็ลองคิดดู เรียกว่า คนจำนวนนับแสนที่พระเจ้าปเสนทิโกศลนำมาเขาก็ตั้งค่ายให้อยู่ ตั้งพลับพลาเป็นที่ประทับ แล้วคนของบ้านนางวิสาขาก็มากมาย เป็นหมื่น ปรากฎว่าพ่อของนาววิสาขารับหมด แล้วก็ไม่หนักใจเรื่องการเลี้ยง เงินทองไม่ยุบ
    <st1:personName font พุทโธ< ด้วย ถวายสังฆทานด้วย จึงช่วยให้เป็นลูกของมหาเศรษฐีใหญ่ ตัวนางเองก็เป็นมหาเศรษฐีใหญ่ ด้วยอำนาจบุญบารมีทั้งสองประการ ควบคู่กันไป< st1:personName w:st="]"><st1:personName st1:personName w:st="[/IMG]กีสาโคตมี" ทอผ้า<>เย็บจีวร
    ถวายพระพุทธเจ้าผืนหนึ่ง เป็นผ้าเนื้อละเอียดมาก กรอด้ายเอง แล้วก็ทอผ้าเอง เย็บเป็นจีวรเอง ประสงค์ถวายเฉพาะองค์พระพุทธเจ้า เวลาไปถวายจริง ๆ พระพุทธเจ้าทรงเรียกประชมพระสงฆ์ทั้งหมด พระสงฆ์ทั้งหมดก็นั่งเรียงแถวตามลำดับอาวุโส (ไม่ใช่ตามสำดับยศ พระพุทธเจ้าไม่ทรงนิยมยศ ถือว่ายศ เป็นโลกธรรม) ตามลำดับอาวุโสของพระ<O:p</O:p
    เมื่อพระนางกีสาโคตมีถวายให้พระองค์ พระองค์ ก็ทรงรับ แล้วพระองค์ก็ส่งให้พระสารีบุตร พระสารีบุตรก็ส่งให้พระโมคคับลาน์ พระโมคคัลลาน์ก็ส่งต่อ ๆ ไป จนกระทั้งถึงองค์สุดท้าย ได้แก่ พระอชิตภิกขุ เป็นองค์สุดท้าย ไม่รู้จะให้ใคร ก็รับไว้<O:p</O:p
    พระนางกีสาโคตมีก็เสียใจว่า ปั่นด้ายเอง ทอผ้าเอง เย็บเอง ปรารถนาจะถวายกับพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้ากลับรับแล้วส่งให้พระอื่น ร้องไห้เสียใจ องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงมีพระพุทธฎีกาตรัสกับพระน้านางว่า การถวายแต่พระองค์ มีอานิสงส์มากก็จริงแล แต่ว่าเป็น ปาฏิปุคคลิกทาน ผ้ามันมีอยู่ฝืนเดียว จะให้เป็นสังฆทานโดยเฉพาะ แบ่งคนละผืนหรือคนละครึ่งผืน มันก็ทำไม่ได้ ฉะนั้น องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงให้ผ้านั้นเป็นสังฆทานเสีย คือ ส่งให้พระสารีบุตร พระสารีบุตรส่งให้พระโมคคัลลาน์ พระโมคคัลลาน์ส่งต่อ ๆ กันไป ถึงองค์สุดท้าย คือ อชิตภิกขุ อย่างนี้ได้ชื่อว่า พระทุกองค์ได้รับหมด แต่ไม่กำหนดนำมาไว้เพราะตัวมีผ้าใช้พอ และสำหรับองค์สุดท้าย ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ท่านมีผ้าน้อยเกินไป ชาวบ้านไม่ค่อยนิยมนัก จึงมีโอกาสรับผ้าไว้ได้ อย่างนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรบอกว่า เป็นสังฆทาน<O:p</O:p
    แล้วองค์สมเด็จพระพิชิตมารจึงได้กล่าวถึงทาน ตามที่กล่าวมาแล้วว่าการถวายแด่พระพุทธเจ้าเอง 100 ครั้ง ก็มีผลไม่เท่ากับ ถวายสังฆทาน 1 ครั้ง <O:p</O:p
    นี่แหล่ะ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การนำพระธรรมเทศนาใน พุทธบูชา มหาเตชวัณโต การบูชาพระพุทธเจ้า ย่อมมีเดช มีอำนาจมาก แม้วาเราจะปรารถนาเครื่องประดับมาก ๆ อย่างนางวิสาขา ก็ปรารถนาได้<O:p</O:p
    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เรื่องของ นางวิสาขาบูชาพระพุทธเจ้า แล้วได้เครื่องมหาลดาปสาธน์ ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน หากว่าท่านมีความประสงค์สิ่งใด ก็ขอให้ได้สิ่งนั้นจงทุกประการ สวัสดี

    ที่มาหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง หนังสือกฏของกรรม</st1:personName></st1:personName>
     
  4. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
    [​IMG]

    หลวงพ่อพระราชพรหมยานอธิบายเรื่องอานิสงส์ของกฐิน<O:p</O:p

    ผู้ถาม : "หลวงพ่อคะ การทอดผ้าป่า กับ การทอดกฐินอย่างไหนได้อานิสงส์มากน้อยกว่ากันคะ..?"
    หลวงพ่อ : "ความจริง ผ้าป่า กับ กฐินเป็นสังฆทานด้วยกันทั้งคู่นะ แต่ถ้าว่าอานิสงส์โดยเฉพาะกฐินได้มากกว่า เพราะว่ากฐินมีเวลาจำกัด จะทอดตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงกลางเดือน 12 แต่อานิสงส์ได้ทั้งสองฝ่าย คือ ผู้ทอดก็ได้ พระผู้รับก็ได้ พระผู้รับมีอำนาจคุ้มครองพระวินัยได้หลายสิกขาบท ทำให้สบายขึ้น

    ต้นเหตุแห่งการทอดกฐินนี้ ก็มี นาง<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>วิสาขา เป็นคนแรก ในสมัยนั้นพระพุทธเจ้าท่าทรงบัญญัติการจำพรรษา เพื่อป้องกันพระไปเดินเหยียบต้นพืชต้นข้าวที่ชาวบ้านเขาปลูกไว้ใน ฤดูฝนไม่ให้เสียหาย

    ครั้นเมื่อออกพรรษาแล้ว ภิกษุชาวปาฐา 30 รูปเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ในเวลานั้นพระสงฆ์ทั้งหลายมีผ้าจำกัดเพียง 3 ผืนเท่านั้น เมื่อมาถึงในขณะที่นางวิสาขา เฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่พอดี เห็นพระมีผ้าสบงจีวรเปียกโชกด้วยน้ำฝนและน้ำค้าง จึงได้กราบทูลขอพรแด่พระพุทธเจ้าว่า " หลังจากออกพรรษาแล้ว ขอบรรดาประชาชนทั้งหลายมีโอกาสถวายผ้าไตรจีวร แก่คณะสงฆ์ด้วยเถิด" พระพุทธเจ้าก็ทรงอนุมัติ ส่วนผ้าป่าก็เป็นสังฆทาน แต่อานิสงส์จะน้อยไปนิดหนึ่ง แต่ทั้งสองอย่างก็เป็นสังฆทานเหมือนกัน แต่เป็นสังฆทานเฉพาะกิจ กับสังฆทานไม่เฉพาะกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าป่าผู้ให้ก็ได้อานิสงส์ ผุ้รับก็มีอานิสง์แต่เพียงแค่ใช้ เป็นอันว่าทั้งสองอย่างนี้ถือว่าอานิสงส์การทอดกฐินมากกว่าผ้าป่า แต่ว่าการทอดกฐินปีหนึ่งครั้งเดียว ผ้าป่าทอดได้หลายครั้ง อานิสงส์ผ้าป่าย่อมได้มากกว่านะ"



    ผู้ถาม : "แล้วองค์กฐินที่แท้จริงเป็นอย่างไรคะ..?"


    หลวงพ่อ : "องค์กฐินจริง ๆ คือ ผ้าไตร นอกนั้นเป็นบริวาร เวลากรานกฐินจริง ๆ เรากรานกันแต่ผ้า การถวายก็ไม่ยาก เรามีผ้าจีวรผืนหนึ่งหรือว่าสบงผืนหนึ่ง หรือว่าสังฆาฏิผืนหนึ่งอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เขาเรียกว่า จุลกฐิน หรือจะถวายไตรจีวรครบทั้งวัด เขาเรียกว่า มหากฐิน

    ฉะนั้น จะถวายมากก็ได้ ถวายน้อยก็ได้ อานิสงส์เหมือนกัน โดยเฉพาะที่วัดท่าซุง จัดเป็นกฐินสามัคคี เป็นเจ้าภาพร่วมกันทุกคน ได้อานิสงส์เท่ากันหมด

    สำหรับการทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านเคยเทศน์คือพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระปทุมุตตระท่านเคยเทศน์วาระหนึ่ง สมัยที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็น มหาทุคคตะ

    คำว่ามหาทุคคตะนี้จนมาก เป็นทาสของท่านคหบดี ได้ไปฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าว่า อานิสงส์กฐินนี้มีมาก ท่านจึงกลับไปชวนนาย แต่นายก็มอบหมายทรัพย์สมบัติให้ท่านเป็นผู้จัดการทุกอย่าง ท่านมหาทุคคตะอยากมีส่วนร่วมในทานนี้ด้วย แต่ไม่มีอะไรมีแต่เสื้อผ้าเก่า ๆ ขอตนที่มีติดตัวอยู่เพียงชุดเดียว จึงนำไปแลกที่ร้านในตลาด มีด้าย 1 กลุ่ม เข็ม 1 เล่ม เอามาร่วมในการทอดกฐินกับเจ้านาย เพื่อปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล พระองค์ทรงตรัสว่า คนถวายผ้ากฐิน หรือ ร่วมในการถวายกฐินทานครั้งหนึ่ง
    จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนาเป็นพระอรหันต์ก็ได้ แต่ถ้าหากว่ายังไม่ถึงพระนิพพาน เพียงใดอานิสงส์จะให้ผลแก่ท่านผู้นั้น เมื่อตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดาแล้วก็จะลงมาเป็น พระเจ้าจักรพรรดิ ปกครองโลก 500 ชาติ เมื่อบุญน้อยลงมาจะเป็น พระมหากษัตริย์ 500 ชาติ เป็น มหาเศรษฐี 500 ชาติ เป็น อนุเศรษฐี 500 ชาติ เป็น คหบดี 500 ชาติ แต่คนที่ทอดผ้ากฐิน หรือว่าร่วม ในการทอดผ้ากฐินครั้งหนึ่งก็ดี บุญบารมีส่วนนี้ยังไม่ทันหมดก็ปรากฏว่า ท่านเจ้าของทานไปนิพพานก่อน"


    ที่มา http://www.putthapoom.com/answer/answer2.html<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    อานิสงส์กฐินทาน<O:p</O:p
















    </PRE>

    ความจริงการทอดกฐินไม่ใช่ประเพณีนิยม เป็นพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่าผ้ากฐินทานจะรับได้ก็ต่อเมื่อถึง วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ หลังจากนั้นจะทอดขนาดไหนก็ตามจะไม่เป็นกฐินฉะนั้นกฐินมีเวลากาลจำกัด ทีนี้ว่าถึงอานิสงส์กฐิน อานิสงส์กฐินนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยาท่านเคยเทศน์ และก็เทศน์ตามบาลี ท่านพูดถึงอานิสงส์ให้ทราบ ฉะนั้นการถวายวันนี้ทั้งหมด เมื่อวานก็ดี วันนี้ก็ดีจะเป็นเงินก็ตาม จะเป็นของก็ตาม ถือว่าทุกอย่างเป็น อานิสงส์กฐิน ต่อไปนี้ก็โปรดทราบ จะนำพระสูตรตามที่ท่านกล่าวไว้ในบาลีให้ทราบ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ในสมัยที่พระองค์เกิด เป็นมหาทุคคตะ ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระปทุมมุตระ เวลานั้นพระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นคนจนอย่างยิ่ง เป็นทาสของคหบดี เวลานั้นถอยหลังจากนี้ไป ๙๑ กัป ก็ปรากฏว่ามีพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระปทุมมุตระ วันหนึ่งมหาทุคคตะไปดูงานทอดกฐินเขา เมื่อเขาทอดกฐินเสร็จ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า บุคคลใดเคยทอดกฐินแล้วในชีวิตหนึ่ง ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพกฐินก็ดี และเป็นบริวารกฐินก็ดี (แต่ว่ากฐินวันนี้ไม่มีบริวาร มีแต่เจ้าภาพ เพราะเป็นกฐินสามัคคี) จะทำบุญน้อยจะทำบุญมาก มีอานิสงส์เสมอกัน แต่ทว่าปริมาณอาจจะแตกต่างกัน และอานิสงส์กฐินนี่ เวลานั้นพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า"โภ ปุริสะ ดูกรท่านผู้เจริญ บุคคลใดเคยทอดกฐินไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าตายจากความเป็นคน ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ท่านผู้นั้นจะไปเกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้า๕๐๐ ชาติ" นั่นหมายความว่า ถ้าหมดอายุเทวดา หรือนางฟ้าจุติแล้วก็เกิดทันที ๕๐๐ ครั้ง เมื่อบุญหย่อนลงมานิดหน่อย เกิดเป็นเทวดาเกิดเป็นนางฟ้าไม่ได้ ลงมาเป็นมนุษย์ จะเกิดเป็นพระเจ้า จักรพรรดิปกครองโลก ๕๐๐ ชาติ เมื่อเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ๕๐๐ ชาติแล้ว บุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระมหากษัตริย์ ๕๐๐ ชาติ หลังจากนั้น จะเป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ

    คำว่ามหาเศรษฐีนี่ มีเงินตั้งแต่ ๘๐ โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า มหาเศรษฐี แต่ว่าตั้งแต่ ๔๐ โกฏิ ขึ้นไป เขาเรียก อนุเศรษฐี

    เมื่อเป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติแล้ว ก็เป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ หลังจากเป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติแล้ว ก็เป็นคหบดี ๕๐๐ ชาติ<O:p</O:p
    ก็รวมความว่า การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านบอกว่านอกจากจะเป็นเทวดาเป็นนางฟ้า เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีแล้วบุคคลที่ทอดกฐินครั้งหนึ่งในชีวิต จะปรารถนาพระโพธิญานก็ย่อมได้ นั่นหมายความว่า จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนา เป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นมหาสาวกก็ได้ จะปรารถนานิพพาน เป็นพระอรหันต์ปกติก็ได้ ฉะนั้นการทอดกฐินแต่ละคราว ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทโปรดทราบถึงอานิสงส์คนที่เคยทอดกฐินแล้วแต่ละครั้ง รวมความว่าถ้ายังไม่ถึงพระนิพพาน<O:p</O:p
    เพียงใด คำว่า ยากจนเข็ญใจจะไม่มีแก่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกชาติ<O:p</O:p
    สำหรับวันนี้ การทอดกฐินมันมี ๓ อย่าง ความจริงอานิสงส์กฐินก็ย่อมเป็นอานิสงส์กฐิน แต่ในปัจจุบันจัดกฐินเป็น๓ อย่างคือ ๑. จุลกฐิน ๒. ปกติกฐิน ๓. มหากฐิน กฐิน ๓ อย่างย่อมเป็นเทวดานางฟ้าเหมือนกัน แต่ทว่าจะมีทรัพย์สมบัติมากกว่ากัน คำว่า จุลกฐิน เวลานี้แปลงไปคงจำของพระพุทธเจ้าไม่ได้ คำว่า จุลกฐิน ก็หมายความว่า เขาถวายผ้าโดยเฉพาะชิ้นเดียว คือ ผ้ากฐินจะเป็นผ้าสังฆาฏิตัวหนึ่งก็ได้ จะเป็นผ้าจีวรตัวหนึ่งก็ได้ สบงตัวหนึ่งก็ได้ ถ้าเราไม่มีทั้งไตร ถวายผ้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็เป็นกฐิน ทีนี้ถ้า ปกติกฐิน ก็มีผ้าไตรครบไตร ถวายผ้าไตรเดียวหรืออย่างน้อย ก็มีผ้าไตร ๓ ไตร คือองค์ครอง ๑ ไตร คู่สวด ๒ ไตร ทีนี้ถ้ามีผ้าไตรครบทุกองค์ อย่างที่วัดทำเป็นมหากฐิน อย่างนี้ถ้าบังเอิญจะไปเกิดในชาติใดก็ตาม จะเป็นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สมบัติมากที่สุดเป็นพิเศษ อย่างตระกูล นางวิสาขามหาอุบาสิกา มีทรัพย์มากเป็นพิเศษ อย่างมหาเศรษฐีเขาบอกว่า ต้องมีเงิน ๘๐ โกฏิ หรือว่า ๑๖๐ โกฏิ แต่ว่าตระกูลของนางวิสาขาจะนับเป็นโกฏิไม่ได้ ต้องนับเป็นโกฏิของเล่มเกวียน ไม่ใช่นับเป็นโกฏิของเหรียญ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าตระกูลนี้ร่ำรวยมาก ตระกูลนางวิสาขาจริงๆ เริ่มต้นมาจากคนที่ยากจนเข็ญใจ ต้นตระกูลนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเมณฑกเศรษฐี นี้ ท่านเมณฑกเศรษฐีเป็นปู่ของนางวิสาขา ในชาติก่อนโน้นท่านเป็นคนยากจนเข็ญใจมาก เรียกว่าเป็นคนแก่ ๒ คน ไม่มีลูก ลูกหญิงไม่มี ลูกชายไม่มี แล้วก็หาเช้ากินค่ำ หรือว่าหาค่ำกินเช้าไม่ได้เกิดพร้อมท่าน ไม่รู้ ใช่ไหม

    [music]http://palungjit.org/attachments/a.646451/[/music]<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2009
  5. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
    <TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 18 สิงหาคม 2550 15:01:57 น.-->
    <!-- Main -->คำอุทิศส่วนกุศล

    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้
    ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี
    ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่วันนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

    และข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด

    และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ ..(เอ่ยชื่อ)ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด

    คำกล่าวอุทิศส่วนกุศล แบบ2

    "ข้าพเจ้าขออุทิศ ส่วนกุศลผลบุญที่ได้บำเพ็ญแล้วในวันนี้
    (นึกถึงบุญกุศลที่ได้ทำ) ขออุทิศบูชาคุณพระพุทธ คุณพระธรรม
    และคุณพระสงฆ์ ที่แผ่พระบารมีอยู่ ณ หมื่นโลกธาตุ แสนโกฎิจักรวาลนี้
    และขออุทิศแด่ญาติสาโลหิตของข้าพเจ้า อันมีบิดา มารดา ปู่ย่า ตายาย
    ผู้ล่วงลับไปแล้วเป็นต้น ตลอดจนครูอาจารย์ และผู้มีพระคุณของข้าพเจ้า
    ผู้ล่วงลับไปแล้ว
    ขออุทิศแด่ท้าวสักกะเทวราช และท้าวจาตุมหาราชทั้งสี่ แด่พระพิรุณ
    พระยม พระกาฬ พระโพสพ พระแม่ธรณี พระแม่คงคา เจ้ากรุงพาลี
    พระภูมิเจ้าที่ และบุตรบริวารของท่านทั้งหลาย แด่พระสยามเทวาธิราช
    แด่พระปิยะมหาราช และบุรพกษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ แด่เทพเทวดาที่สถิตย์
    ณ สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี
    และชั้นปรนิมมิตวสวัตตี
    แด่พระยายมราชทุกองค์ แด่นายนิรยบาลทุกตน แด่อมนุษย์ทุกตน
    แด่ดวงวิญญาณทุกดวงวิญญาณ ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าทุกตน
    ซึ่งท่านทั้งหลายที่เอ่ยนามมานี้ ที่สถิตย์อยู่ ณ ที่นี้ก็ดี สถิตย์ในขันธ์ 5 ของ
    ข้าพเจ้าก็ดี อยู่ในภพภูมิของท่านก็ดี หรืออยู่ในสถานที่ทั่วไป ขอท่านทั้งหลาย
    เหล่านี้ โปรดมีจิตโสมนัสยินดี และตั้งจิตให้เป็นกุศล ร่วมอนุโมทนาในส่วนบุญที่
    ข้าพเจ้าอุทิศให้แล้วนี้ ขออานุภาพแห่งบุญนี้จงมีผลมาก มีอานิสงส์มากบังเกิดแก่
    ทุกท่านทุกตน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเทอญ
    พุทธประสิทธิ์ ธรรมประสิทธิ์ สังฆประสิทธิ์ ขอประสิทธิ์ด้วย นะโมพุทธายะ
    สาธุ สาธุ สาธุ "

    ตอนอธิษฐานจิต หลังจากพระให้พร
    และตอนที่พระให้พร เจ้าภาพและทุกท่านที่บำเพ็ญกุศลแล้ว มีการถวายสังฆทานก็ดี การเจริญพระกรรมฐานก็ดี ควรตั้งจิตอธิษฐานตามความประสงค์ การตั้งจิตอธิษฐานเรียกว่า "อธิษฐานบารมี" ถ้าท่านตั้งใจเพื่อพระนิพพานก็ต้องอธิษฐานเผื่อไว้ โดยอธิษฐานว่า

    "ขอผลบุญทั้งหมดนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าเข้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ แต่ถ้าหากข้าพเจ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด จะไปเกิดใหม่ในชาติใดก็ตาม ขอคำว่า "ไม่มี" จงอย่าปรากฏแก่ข้าพเจ้า"


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2009
  6. พระไตรภพ

    พระไตรภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,067
    ค่าพลัง:
    +7,521
    ด้วยเพราะความโดดเด่นที่มีอยู่ในตัวเรา คนอื่นๆอาจจะมองว่าเราเก่งกล้า แต่ใจเราแท้จริงอาจอ่อนไหวนักหนา รู้สึกบ่อยครั้งว่าเรายืนอยู่ตัวคนเดียว ไม่ว่าความรู้สึกเราจะเป็นเช่นใด หากเราเป็นผู้หมั่นนึกตรึกตรองด้วยปัญญา เราอาจจะผันแปลความรู้สึกนั้นให้กลายเป็นประโยชน์ได้อย่างน่าอัศจรรย์แท้

    ความอ่อนไหวในจิต บางครั้งมันก็ดี หากเรารู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์น้อมมันไปสู่ เมตตาอันยิ่งใหญ่ กรุณาอันไม่มีประมาณ มุทิตาอันหาที่สุดมิได้ อุเบกขาไม่รู้สิ้นสุด แต่ถ้าหากเราใช้มันไม่เป็นเสียแล้ว ความอ่อนไหวของจิตนั้นมันจะฆ่าเราให้ตายทั้งเป็น

    หากเรารู้ตัวว่าเป็นเช่นนั้น แต่ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ในกุศลธรรมได้ด้วยตนเอง ก็จงยึดหมู่เพื่อนที่เป็นสัจจวาที ธรรมวาที เถิด เราจะพ้นภัยในวัฏฏทุกข์นี้ได้อย่างมั่นคง

    ขอชัยพรอ่อนอุ่นจงบังเกิด จิตประเสริฐแก้วใสธรรมรักษา
    มีจิตดีเพียงดวงเดียวยากตีราคา ขอเจ้านี้หนาจงพ้นมารเหล่าพาลชน


    ขอท่านจงพ้นภัยแห่งใจเถิด


     
  7. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
    ;aa50;36rabbit_
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2009
  8. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    ขออนุโมทนา สาธ ๆ กับทุก ๆ ท่านที่ได้ร่วมกันทำบุญด้วยนะครับ สาธุ ๆ
     
  9. CHOLPRATAN

    CHOLPRATAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +184
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
    ด้วยกุศลผลบุญการอนุโมทนาบุญในครั้งนี้
    ขอให้ข้าพเจ้าได้มีดวงตาเห็นธรรมและปัญญาเห็นธรรมโดยฉับพลัน
    ด้วยกุศลผลบุญนี้ขอจงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด
    ภพภูมิอื่นใด ไม่ว่าจะเป็น อบายภูมิ โลกมนุษย์ สวรรค์ พรหม หรืออรูปพรหมก็ตาม ข้าพเจ้าไม่ปรารถนา...
    ข้าพเจ้าปรารถนาเพียงพระนิพพานเป็นที่สุด..ตายเมื่อไหร่ขอไปพระนิพพานเมื่อนั้น..
    นิพพานัง ปรมัง สุขขัง
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ

    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร ทั้งหลายที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่วันนี้ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
    และข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพและพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ขอจงเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด
    และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดีมิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้บำเพ็ญมาแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ในชาติปัจจุบันนี้เถิด<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     
  10. pontook

    pontook เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    250
    ค่าพลัง:
    +976
    ขออนุโมทนาบุญทุกบุญที่คุณ teporrarit และทุกท่านร่วมทำบุญและได้ผ้าคริสตัลไว้ในบวรพุทธศาสนา ในงานกฐิน วัดท่าซุง และผ้าห่มสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่วัดเขาแร่ จังหวัดสุโขทัย และผ้าห่มคริสตัลห่มองค์พระปัจเจกพุทธเจ้า และห่มพระพุทธรูปอีก 1 ผืน ในงานกฐินฯ วัดเขาวงด้วยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...