มหัศจรรย์พระพุทธบาทสี่รอย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย piyaa, 26 เมษายน 2012.

  1. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    รอยพระพุทธบาท 5 แห่งที่ปรากฏในพระไตรปิฎก ประกอบด้วย
    1. สุวัณณมาลิก (ลังกา)
    2. เขาสัจจพันธ์คีรี (สระบุรี ประเทศไทย)
    3. เขาสุมนกูฏ (ลังกา)
    4. แม่น้ำนัมมทานที (อินเดียหรือพม่า)
    5. โยนกปุระ (ดินแดนทางภาคเหนือของไทย)ที่เคยเป็นอาณาจักรล้านนา ที่นักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดีทั่วโลกต่างสืบเสาะแสวงหากันมาเนิ่นนานก็ได้ปรากฏหลักฐานทั้งทางฝ่ายวัตถุและบุคคล
    ดังเช่น คำบอกเล่าของพระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ) วัดวังก์วิเวการาม กาญจนบุรี ก็ได้เคยเล่าให้ผู้เขียน(เนาว์ นรญาณ) ฟังโดยตรงเมื่อประมาณปีพ.ศ. 2538-2539 ว่า
    พระพุทธบาทสี่รอยนี้ เราเคยได้ธุดงค์ไปกราบมาแล้ว...

    สมัยก่อน ตอนที่เรายังธุดงค์อยู่ในเขตภาคเหนือนั้นเราเคยได้ยินเขาเล่าลือกันว่า มีรอยพระพุทธบาทอยู่ที่โยนกนคร(ปุระ)เราก็ธุดงค์ไปหาอยู่ สมัยที่เราไปนั้น เป็นราวพ.ศ. 2490 ถนนหนทางยังไม่มีเราต้องธุดงค์ข้ามเขาไปหลายลูก จึงไปถึง พบเป็น 4 รอยพระบาท...
    และที่สำคัญที่สุด ก็คือการที่หลวงพ่ออุตตมะได้กล่าวย้ำอย่างหนักแน่นว่า
    พระพุทธบาทสี่รอยแห่งนี้เป็นรอยพระพุทธบาทที่พระพุทธเจ้าทรงเหยียบไว้เองจริงๆนะ..!!!!!
    และ
    พระพุทธบาทสี่รอยนี้ ทางเมืองนอก(พม่า)เขาก็รู้ และเสาะหาอยู่เหมือนกันคิดกันไปว่าน่าจะอยู่ในเขตพม่า แต่จริงๆแล้ว ก็มาอยู่ที่เมืองไทยเรานี่แหละ....
    นอกจากนี้ หลักฐานในทางวัตถุที่ยืนยันว่า รอยพระพุทธบาทแห่ง “โยนกปุระ” แท้จริงแล้วก็คือ “พระพุทธบาทสี่รอย” ก็คือ แผ่นศิลาจารึก ที่ติดอยู่บนพื้นผนังกำแพงมุขหลังพระวิหาร พระนาคปรก วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กทม. อันสถาปนามาแต่รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยในศิลาจารึกนั้น ได้บรรยายถึงรอยพระพุทธบาททั้ง 5 แห่ง โดยเฉพาะรอยพระพุทธบาทที่โยนกปุระนั้น ในศิลาจารึกแผ่นนี้ ได้ขยายความระบุถึงที่ประดิษฐานไว้อย่างชัดเจนยิ่งว่า
    รอยพระพุทธบาท อันพระพุทธเจ้าทรงประดิษฐานไว้บนยอดเขา “รังรุ้ง” แดนโยนกประเทศ คือเมืองเชียงใหม่
    ยิ่งไปกว่านี้ หลักฐานในทางวัตถุที่สำคัญอย่างยิ่งยวดอีกประการก็คือ “คำให้การของขุนหลวงหาวัด” อันว่าด้วยเรื่องราวต่างๆของกรุงศรีอยุธยา ที่พระเจ้ามังระ กษัตริย์พม่าให้อาลักษณ์บันทึกรับสั่งของเจ้าฟ้าอุทมพร(ขุนหลวงหาวัด) ภายหลังจากที่กรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2 เมื่อปีพ.ศ. 2310 ไว้อย่างละเอียด โดยตอนหนึ่งได้กล่าวถึงสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เสด็จพระราชดำเนินปทรง นมัสการพระพุทธบาทสี่รอย (สมัยโบราณเรียก “พระพุทธบาทรังรุ้ง) ไว้อย่างชัดเจนว่า
    “....สมัยสมเด็จพระนเรศวรยกทัพไปรบที่เมืองหางพระองค์ทรงทราบว่า มีรอยพระพุทธบาทอยู่บนยอดเขา เรียก เขารังรุ้งจึงได้เสด็จขึ้นไปนมัสการ ทรงเปลื้องเครื่องทรง ทั้งสังวาลและภูษาแล้วทรงถวายไว้ในรอยพระบาท และทำสักการบูชาด้วยธง ธูปเทียน ข้าวตอกดอกไม้มีเครื่องทั้งปวงเป็นอันมาก แล้วจึงทำการพิธีสมโภชอยู่เจ็ดราตรี
    ด้วยเหตุดังพรรณนามานี้เอง “พระพุทธบาทสี่รอย ที่มีหลายชื่อหลายนาม ไม่ว่าจะเป็น “พระพุทธบาทรังรุ้ง หรือ “พระพุทธบาทแห่งโยนกปุระ จึงเป็นรอยพระพุทธบาทรอยแรกที่คนไทยได้เคยค้นพบและกราบนมัสการ สมดังที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทยได้ทรงรับรองไว้ครั้งหนึ่งว่า

    “พระพุทธบาทสี่รอยแห่งนี้ เป็นรอยพระพุทธบาทที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย"
    ด้วยเหตุนี้ แม้พระเดชพระคุณพระญาณสิทธาจารย์ หรือหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร พระอริยเจ้าผู้ทรงคุณธรรมและญาณสมาบัติชั้นสูงสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ แห่งสำนักถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ก็เคยธุดงค์ไปกราบพระพุทธบาทสี่รอย และนำมาเทศนาบอกเล่ารับรอง ภายหลังจากตรวจการทั้งปวงด้วยญาณวิถีแห่งพระอรหันตเจ้าที่ไม่มีกิเลสาสวะใด มากีดกันปิดกั้นได้แก่บรรดาศิษยานุศิษย์เป็นหลายครั้ง จนพระพุทธบาทสี่รอยแห่งนี้ เป็นที่รู้จักมักคุ้นและแพร่หลายกันโดยทั่วไปในเวลาต่อมาว่า


    “ในเขตเชียงใหม่นี้ ยังมีพระบาทสี่รอย อยู่ในเขตอำเภอแม่ริม แต่ว่าลึกเข้าไปในภูเขาหลวงปู่ผู้เทศน์ไปดูมาแล้ว ไปกราบไปไหว้ มันเป็นก้อนหินก้อนใหญ่ เป็นก้อนสี่เหลี่ยมขึ้นไปอยู่ข้างริมแม่น้ำ.....พระพุทธเจ้ากกุสันโธ ได้มาตรัสรู้ในโลก ท่านก็มาเหยียบรอยพระพุทธบาทไว้ในยอดก้อนหินนั้น ยาวขนาด 12 ศอก...ขนาดนั้น.... พระพุทธเจ้ากกุสันโธก็โปรดเวไนยสัตว์ทั้งหลาย นำพระสาวก อุบาสก อุบาสิกาไปสู่นิพพาน

    เมื่อหมดศาสนาพระพุทธเจ้ากกุสันโธแล้ว ศาสนาพระพุทธเจ้าโกนาคมโน ก็มาตรัสมาสอนรื้อขนสัตว์ไปอีก ก่อนนิพพาน ท่านก็มาเหยียบไว้ที่พระบาทแม่ริมนี้ เป็นรอยที่สอง (ขนาด) ลดลงมา คือคนสมัยนั้นก็เรียกว่า มันกำลังทดลง ไม่ได้ใหญ่ขึ้น(ตัวเล็กลง)
    เมื่อพระพุทธเจ้าโกนาคมโนนิพพานไปพร้อมด้วยสาวกแล้วศาสนธรรมคำสอนท่าน หมดไป ก็ มาถึงพระสั มมาสัมพุทธเจ้ากัสสโปมาตรัสรู้ ท่านก็มาเหยียบไว้ ได้สามรอยละ....
    เมื่อศาสนาพระพุทธเจ้ากัสสโปหมดไปแล้ว มาถึงศาสนาพระพุทธเจ้าของเราในปัจจุบันนี้ ให้ชื่อว่าพระพุทธเจ้าโคตมโคตร พระพุทธเจ้าโคดมมาตรัสรู้ ก่อนที่ท่านจะนิพพาน ก็มาเหยียบรอยพระบาทไว้ในก้อนหินก้อนเดียวกัน จึงให้ชื่อว่า “พระพุทธบาทสี่รอย”.......
    คือในโลกนี้แผ่นดินนี้ ยังเหลืออยู่อีพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ที่เราทุกคนได้ยินได้ฟังกันมาจนชินหูแล้วก็มี ว่ายังมี
    พระศรีอาริยเมตไตรโยโพธิสัตว์ จะมาตรัสรู้เป็นองค์สุดท้ายเมื่อตรัสรู้แล้ว โปรดเวไนยสัตว์แล้ว ก็มาเหยียบไว้อีกเหยียบทีนี้น่ะดูเหมือนจะใหญ่ คือว่าเหยียบเต็มเลย ก็คล้ายๆกันกับว่า เหยียบปิดเลยละลายหินก้อนนั้นเพราะว่าเมื่อหมดศาสนาพระศรีอาริย์แล้ว.....ก็ไม่มีศาสดาใดที่จะมาตรัสรู้อีกเรียกว่า แผ่นดินที่เราเกิดนี้ นับว่าเป็นแผ่นดินที่ร่ำรวยที่สุด ....แผ่นดินนี้เรียกว่า ภัทรกัปมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ได้ห้าพระองค์....


    หรือแม้แต่ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม พระอริยเจ้าผู้ทรงฤทธิ์อย่างยวดยิ่งแห่งวัดป่าอรัญญวิเวก จ.นครพนม เมื่อครั้งยังเที่ยวธุดงค์อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้กล่าวรับรองไว้ด้วยเช่นกันว่า
    พระพุทธบาทสี่รอยนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งมหาภัทรกัป ที่มีความสำคัญที่สุดในจักรวาล...

    ด้วยเหตุดังกล่าวมาทั้งหมดนี้เอง จึงเป็นที่สมมุตยุติสรุปการทั้งปวงได้อย่างสิ้นสงสัยอย่างสิ้นเชิงแล้วว่า อัน “พระพุทธบาทแห่งโยนกปุระ” หรือ “พระพุทธบาทรังรุ้ง” และหรือ “พระพุทธบาทสี่รอย” ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ ที่วัดพระพุทธบาทสี่รอย ต.สะลวง อ. แม่ริม จ.เชียงใหม่ดังที่พรรณนามานี้ เป็นรอยพระพุทธบาทที่แท้จริง และมีความสำคัญอย่างที่สุด อย่างที่ไม่เคยปรากฏมีมาก่อนตลอดระยะเวลา 4 อสงไขย 100,000 มหากัปถึงเพียงไหน..???
    เพราะที่สุด พระคุณเจ้า หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่ พระผู้ที่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานแห่งยุคก็ยังได้เคยพยากรณ์ไว้ เมื่อครั้งที่หลวงปู่สิมยังเป็นสามเณรอยู่ว่า “เณรสิมนี้ ยังเป็นดอกบัวที่ยังตูมอยู่ ถ้าเบ่งบานเมื่อได้ จะหอมกว่าหมู่ เมื่อได้เล็งญาณพิจารณาการทั้งสิ้นแล้ว จึงได้กล่าวสรุปปิดท้ายไว้ก่อนละสังขารไม่นานว่า
    พระบาทสี่รอยนี้เป็นที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาเหยียบรอยพระบาทไว้เองจริงๆ....
    รอยพระบาทที่จังหวัดสระบุรีเป็นรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าโคดมเพียงพระองค์เดียว แต่ที่พระบาทสี่รอยนั้นเป็นรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าถึง 4 พระองค์ ไหว้พระบาทสี่รอยครั้งหนึ่งก็เท่ากับได้ไหว้พระพุทธเจ้ารวดเดียวถึง 4 พระองค์นั่นแหละ....
     
  2. ทะเลลึก

    ทะเลลึก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +80
    อยากดูรูปจัง มีให้ดูไหมครับ
     
  3. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    "หลวงปู่ครับ พระพุทธบาทสี่รอยนี้ เป็นรอยพระบาทที่พระพุทธเจ้าถึง 4 พระองค์ทรงประทับไว้ด้วยพระองค์เองจริงๆหรือขอรับ..???" จำได้แม่นยำว่า "พุทธวงศ์"เคยกราบเรียนถามเรื่องนี้กับหลวงปู่สิมเป็นการส่วนตัวขณะเข้ากราบ ท่าน 2 ต่อ 2 ที่โรงพยาบาลศิริราชครั้งหนึ่ง
    "อือ...!!!!!!"
    และ
    "เคยเห็นวีดีโอเทปไหม ญาณรู้ของหลวงปู่ก็เช่นนั้นเหมือนกัน เมื่อไปเจอคนหรือสถานที่แห่งใด หากอยากรู้เหตุการณ์ที่มาที่ไปของคนหรือสถานที่นั้นๆว่ามีประวัติความเป็นมา เป็นไปเช่นไร ก็ใช้ญาณตัวผู้รู้ย้อนเวลากลับไปดู ก็จะรู้เรื่องราวทั้งหมดทั้งสิ้นได้เลยนั่นแหละ...!!!!!!!!!"และเมื่อได้คอนเฟิร์มและการันตีที่เชื่อถือได้อย่างไม่มีใดจะเทียบจากพระอรหันต์เจ้าอย่างหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่อย่างมีที่มาที่ไปแจ่มแจ้งชัดเจน เพียบพร้อมไปด้วยหลักฐานอย่างสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ก็ไม่มีอะไรจะต้องรอรีอันใดอีกแล้ว จากนั้น "พุทธวงศ์"จึงได้ยอมเสียสละสมบัติดวงดอกฟ้า แล้วเร่งประกอบสรรพกุศลในมหาเนื้อนาบุญอันใหญ่หลวงนี้อย่างไม่การยั้งหรือ คิดชีวิตใดๆ มีทั้งโดยตรงและโดยอ้อม มีทั้งที่เป็นเบื้องหน้าและเบื้องหลังในแทบจะทุกแง่มุม ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านพายุฝนฟ้าคะนองของโลกและผู้คนมาจนคณานับแทบไม่ถ้วนใน สายบุญญาบารมี"ต๋ามหน้าบุญเต๊อะ เจ้าเฮ้ย"แห่งท่านพระครูบาพรชัย ปิยวัณโณ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทสี่รอยมาโดยตลอด ตั้งแต่หลวงปู่สิมได้"นิพพาน" ใหม่ๆในปีพ.ศ. 2535 มาจนเท่าถึงปัจจุบัน นับได้ถ้วน 20 ปีบริบูรณ์ในปีพ.ศ. 2555 นี้พอดี.....และในเมื่อการบูรณะและพัฒนาเผยแผ่ เกียรติประวัติแห่งวัดพระพุทธบาทสี่รอย จากที่เคยเป็นวัดร้างนิรนามบนยอดเขาสูงกลางป่าดงดิบอันห่างไกล แต่แต่ป้อแม่ปี้น้องจาวเจียงใหม่ในยุคแรกๆยังบ่ฮู้บ่หันอันใดทั้งนั้น แถมยังย้อนถามกลับแก่"พุทธวงศ์"สมัยที่จะขึ้นไปยังวัดพระพุทธบาทสี่รอยใน สมัยแรกๆเสียอีกต่างหากด้วยว่า "พระบาทสี่ฮอยอยู่ตี้ไหนหรือเจ้า..??!!??" ได้ เจริญรุ่งเรืองผ่องใส มีชื่อเสียงเกียรติคุณกว้างไกลไป เป็นที่เชื่อถือและยอมรับอย่างไม่มีอะไรต้องข้องใจด้วยประการทั้งปวงได้ สำเร็จลุล่วงไปสมดังที่ครูบาพรชัยได้มั่นหมายด้วยบุญญาบารมี และดังที่"พุทธวงศ์"ได้กำหนดยุทธศาสตร์เอาไว้ด้วยกุศโลบายวิธีแห่งสรรพกุศล นานา ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้ ก็ให้หมดห่วงสิ้นกังวลอย่างที่ไม่มีอะไรจะเปรียบปานได้
    แม้ส่วนตัวแห่ง"พุทธวงศ์"ถึงกับเคยออกปากกับคนใกล้ชิดทีเดียวว่า
    "ได้ช่วยพระพุทธบาทสี่รอยให้รุ่งเรือง ขึ้นมาได้ ก็ไม่นับว่าเสียทีที่ได้เกิดมาเป็นคนกับเขาชาติหนึ่ง หรือแม้ต้องตายในตอนนี้ ก็ไม่มีอะไรจะต้องเป็นห่วงเป็นกังวลแล้ว"
    และ
    "โดยส่วนตัว(ณ ตอนนั้น) บุญพระพุทธบาทสี่รอยนี้ ถือเป็นที่สุดแล้ว หากมีวาสนาได้สร้างบุญอื่นสืบต่อ ก็นับเป็นอติเรกกุศลพิเศษสำหรับต่อยอดให้บารมีมีความวิจิตรอลังการยิ่งๆขึ้น ไปโดยแท้ฯ"เมื่อครูบาพรชัย ปิยวัณโณ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทสี่รอย ผู้บุกเบิกพระพุทธบาทสี่รอยอย่างเป็นรูปธรรมองค์แรกยุคปัจจุบันได้ดำริสร้าง"พระเจ้าอินทร์สาน" พระพุทธรูปที่สานจากไม้ไผ่ตามคติโบราณแห่งล้านนา+พม่ารามัญเมื่อปีพ.ศ. 2554 และคิดสร้างสิ่งมงคลสักการะสำหรับสมทบสร้างพระวิหารที่ประดิษฐานพระ เจ้าอินทร์สานอย่างเป็นทางการ จึงได้นำความเรื่องการสร้างนี้มาปรึกษาด้วย"พุทธวงศ์"(บังเอิญอย่างยิ่งที่ เกิดปีเดียวกับครูบาพอดี เพียงแต่แก่อ่อนเดือนกว่าไม่กี่เดือนเท่านั้น)ซึ่งมักคุ้นนับถือและเห็น ฝีมือผลงานกันมานาน ซึ่งก็นับวาสนาอันประเสริฐสุดอย่างบรรยายไม่ถูก ซึ่ง"พุทธวงศ์"ก็ตอบตกลงที่จะสนองพระเดชพระคุณดังนี้ด้วยความยินดีเป็นที่ สุด หาใดเปรียบเทียบมิได้
    เพราะนับเป็นโอกาสอันวิเศษที่จะได้ สร้างมหากุศลอันใหญ่ยิ่งให้ยิ่งยวดขึ้นไปในเนื้อนาบุญที่เป็นสัญญลักษณ์ แห่งมหาภัทรกัป ซึ่งสำคัญที่สุดในจักรวาลอีกวาระ ที่ตลอด 4 อสงไขย 100,000 มหากัปที่ล่วงมา หรือแม้อีกไม่รู้จะอีกอสงไขยในอนาคตวงศ์ที่จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้อีก 10 พระองค์เมื่อหน้า ก็จะมีอาจจะมีให้พบให้เห็นให้สร้างมหากุศลอันใหญ่ยิ่งดังนี้ได้อีกเลยนั่น เอง..!!!!!!!
    เหตุที่กล่าวเช่นนี้ ก็เพราะในพระบาลี มีระบุไว้อย่างชัดแจ้งว่า
    เอโก พุทฺโธ สารกปฺเป
    มณฺฑกปฺเป ชินา ทุเว

    วรกปฺเป ตโย พุทฺธา
    สารมณฺเฑ จตุโร พุทฺธา

    ปญฺจ พุทฺธา ภทฺทกปฺเป
    ตโต นตฺถาธิกา ชินา


    ในสารกัป มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์
    ในมัณฑกัป มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์

    ในวรกัป มีพระพุทธเจ้า 3 พระองค์

    ในสารมัณฑกัป มีพระพุทธเจ้า 4 พระองค์

    ในภัทรกัป มีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์
    พระพุทธเจ้ามากกว่านี้ ไม่มี

     
  4. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    <table border="0" width="100%"><tbody><tr><td valign="middle">[​IMG]</td><td valign="middle"> วัดพระพุทธบาทสี่รอย ต.สะลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

    </td><td style="font-size: smaller;" align="right" height="20" valign="bottom">
    </td></tr></tbody></table> <hr class="hrcolor" size="1" width="100%"> [​IMG]

    ที่ตั้ง

    "พระพุทธบาทสี่รอย" แห่งวัดพระพุทธบาทสี่รอย ต.สะลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

    ประวัติและที่มาของวัด พระพุทธบาทสี่รอย

    [​IMG]

    เมื่อ ครั้งสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในศาสนาปัจจุบันนี้ได้เสด็จจาริกประกาศธรรม และโปรดเวไนยสัตว์มายังปัจจันตประเทศ ( ประเทศไทยปัจจุบัน ) จนกระทั่งมาถึงเทือกเขาทางตอนเหนือของประเทศชื่อ เขาเวภารบรรพตซึ่งขณะนั้นได้เสด็จพร้อมกับพุทธสาวก 500 องค์และได้ แวะฉันจังหันอยู่บนเขาเวภารบรรพตแห่งนี้ เมื่อพระพุทธองค์ฉันจังหันเสร็จขณะประทับอยู่ที่นั้นก็ได้ทราบด้วยญาณ สมาบัติว่าบนเทือกเขาแห่งนี้ได้มีรอย พระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ามาประทับอยู่บนก้อนหินใหญ่ คือ พระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้ภัทรกัลป์นี้แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงเล็งดูรอยพระ พุทธบาทแห่งพระ พุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ คือ พระพุทธเจ้ากกุสันธะ พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ พระพุทธเจ้ากัสสปะ อันมีในที่นี้พุทธสาวกทั้งหลายมีพระสารีบุตรเป็นประธาน เมื่อเห็นเช่นนี้จึงทูลถามว่าพระพุทธองค์ทรงเล็งดูด้วยเหตุใด

    [​IMG]

    พระพุทธองค์ตอบว่า ดูก่อนท่านทั้งหลายสถานที่แห่งนี้ แม้นว่าพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ที่ ล่วงมาแล้วในอดีตกาล ก็มาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี้ทุกๆพระองค์ และแม้นว่าพระศรีอาริยเมตไตร ก็จักเสด็จมาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี้ และ จักรประทับรอยพระบาทสี่รอยนี้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว ( คือ ประทับลบทั้งสี่รอยให้เหลือรอยเดียว ) เมื่อพระพุทธองค์ตรัสแก่สาวกทั้งหลายเสร็จแล้วพระ องค์ก็เสด็จไปประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ จึงมีรอยพระพุทธบาท ของพระพุทธเจ้า 4 พระองค์จึงกําเนิดเป็นพระ พุทธบาทสี่รอย เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาท ของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์นั้นแล้วก็ทรงอธิฐานว่า ในเมื่อกูตถาคตนิพพานไปแล้ว เทวดาทั้งหลายก็จักนําเอาพระ ธาตุของกูตถาคมมาบรรจุไว้ที่รอยพระบาทที่นี่

    [​IMG]
    พระพุทธรูป พุทธศิลป์แบบศิลปะล้านนาในพระอุโบสถ วัดพระพุทธบาทสี่รอย จ. เชียงใหม่
     
  5. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ในเมื่อกูตถาคตนิพพานไปแล้ว 2,000 ปี พระพุทธบาทสี่รอยนี้ก็จักปรากฏแก่ปวงคนและเทวดาทั้งหลาย ก็จักได้มาไหว้และบูชา เมื่อทรงอธิฐานและทํานายไว้ดังนี้แล้ว พระพุทธองค์ก็เสด็จไป เชตวันอารามอันมีในเมืองสาวัตถีวันนั้นแล เมื่อพระพุทธเจ้าทรงนิพพานไปแล้วเทวดาทั้งหลายก็นําเอาพระธาตุของพระ พุทธองค์มาบรรจุไว้ที่พระพุทธ บาทสี่รอยเมื่อพระพุทธองค์นิพพานล่วงแล้วประมาณ 2,000 วัสสา เทวดาทั้งหลายต้องการอยากให้พระพุทธบาทสี่รอยปรากฏแก่คนทั้งหลายตามที่พระ พุทธองค์ทรงอธิฐานไว้ก็จึงเนรมิตเป็นรุ้งตัวใหญ่ ( เหยี่ยว ) ก็บินลงจากภูเขาเวภารบรรพตอันเป็นที่ตั้งแห่งพระพุทธบาทสี่รอยในปัจจุบันนี้ เพื่อบินลงไป เอาลูกไก่ชาวบ้าน ( คนป่า )ที่อยู่ตีนเขาเวภารบรรพต แล้วก็บินกลับขึ้นไปอยู่ยอดเขา มันก็โกรธมากจึงตามขึ้นไปคิดว่าจะยิงเสียให้ตาย มันก็ติดตามไป ค้นหาดูแต่ก็ไม่เห็นรุ้งตัวนั้นอีก แต่เห็นรอยพระพุทธบาทสี่รอยอันอยู่พื้นต้นไม้และเถาวัลย์ พรานป่าผู้นั้นก็ทําการสักการะบูชา เสร็จแล้วก็ลงจากภูเขา พอมาถึงหมู่ บ้านก็เล่าบอกแก่ชาวบ้านทั้งหลายฟังความอันนั้นก็ปรากฏสืบๆกันไปแรกแต่นั้น ไปคนทั้งหลายที่ทราบก็พากันไปสักการะบูชามาก แต่นั้นมา จึงได้ชื่อว่า พระบาทรังรุ้ง ( รังเหยี่ยว ) ในสมัยนั้นมีพระยาตนหนึ่งชื่อว่าพระยาเม็งราย เสวยราชสมบัติในเมืองเชียงใหม่ ได้ทราบข่าวจึงมีพระราช ศรัทธาอยากเสด็จขึ้นไปกราบบูชาพระพุทธบาทสี่รอยก็นําเอาราชเทวีและเสนาพร้อม กับบริวารทั้งหลาย เมื่อพระยาเม็งรายกราบนมัสการเสร็จแล้ว ก็นําเอาบริวารของตนกลับมาสู้ เมืองเชียงใหม่ ก็ตั้งอยู่เสวยราชมบัติตราบเมี้ยนอายุขัยแล้ว ก็เจริญตามรอยและได้ขึ้นมากราบพระพุทธบาท

    [​IMG]
    ภายในวิหารที่มีรอยพระบาท

    [​IMG]
    รอยพระบาท ของพระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์ในภัทรกัลป์นี้

    ทั้งสี่รอย ทุกๆพระองค์ หลังจากนั้นมาพระบาทรังรุ้งหรือรังเหยี่ยวก็เปลี่ยนชื่อเป็น" พระพุทธบาทสี่รอย " เพราะมีรอยพระพุทธบาทประทับซ้อนกันถึงสี่รอย คือมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ที่ล่วงลับมาแล้วในภัทร กัลป์นี้ คือ รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากกุสันธะ รอยแรกเป็นรอย ใหญ่ยาว 12 ศอก รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโกนาคมนะ เป็นรอยที่ 2 ยาว 9 ศอก รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากัสสปะเป็นรอยที่ 3 ยาว 7 ศอก รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโคตะมะ ( ศาสนาปัจจุบัน ) เป็นรอยที่ 4 รอยเล็กที่สุด ยาว 4 ศอก เมื่อมาถึงสมัยพระยาธรรมช้างเผือกผู้ครองนคร เชียงใหม่ พร้อมด้วยบริวาร 500 คนก็ขึ้นไปกราบสักการะบูชาพระพุทธบาทสี่รอย และได้สร้างวิหารครอบพระพุทธบาทสี่รอยไว้ชั่วคราว

    [​IMG]
    พระประธานในพระอุโบสถ วัดพระพุทธบาทสี่รอย จ. เชียงใหม่


    โดยแต่เดิมถ้า ใครจะดูรอยพระพุทธบาทบนยอดหินก้อนใหญ่ ต้องใช้บันไดพาดขึ้นไปหรือปีนขึ้นไปดูซึ่งก็คงจะขึ้นได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น ดังนั้น พระยาธรรมช้างเผือก จึงตรัสสร้างแท่นยืนคล้ายๆนั่งร้านรอบๆก้อนหินที่มีพระ พุทธบาทสี่รอยและได้สร้างหลังคาชั่วคราวมุงไว้ ต่อมาในสมัยพระชายาเจ้าดารารัศมีก็ได้ขึ้นไป กราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอยและได้มีพระราชศรัทธา ก่อสร้างวิหารเป็นการกราบบูชารอยพระพุทธบาทไว้หนึ่งหลัง หลังเล็กปัจจุบันได้บูรณะปฏิสัง ขรณ์แล้วทั้งหลัง พอมาสมัยเมื่อปี พ.ศ. 2472 ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทยก็ได้ขึ้นไปกราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย และได้รื้อพระวิหารที่เจ้า พระยาธรรมช้างเผือกสร้างไว้ชั่วคราว และได้สรางพระวิหารครอบรอยพระพุทธบาทไว้ใหม่ และได้ฉาบปูนครอบรอยพระพุทธบาทสี่รอย พระพุทธบาทสี่รอยนี้เป็นพระพุทธบาทที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
     
  6. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    <table style="table-layout: fixed; width: 581px; height: 2540px;" cellpadding="5" cellspacing="0"><tbody><tr><td height="100%" valign="top" width="85%">เพิ่มเติมครับ

    [​IMG]

    ตำนาน พระพุทธบาท 4 รอย

    คำบูชาพระพุทธบาทสี่รอย
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (ว่า 3 จบ)
    สาธุ สาธุ โกสัมพิยัง อะวิทูเร เวภาระ ปัพพะเต
    กกุสันโธ โกนาคะมะโน กัสสะโป โคตะโม
    ปาทะ เจติยัง ชินะธาตุ จะฐะ เปตวา อะหัง วันทามิ ทูระโต


    คำ แปลสาธุ สาธุ ข้าพเจ้าขอวันทา นมัสการเจดีย์ คือรอยพระพุทธบาท และพระชินธาตุเจ้าทั้งหลายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า พระกกุสันโธ โกนาคะมะโน กัสสะโป และพระสิทธัตถะ โคตะโม ที่ประดิษฐานตั้งไว้ ณ. ภูเขาเวภารบรรพตนี้ ตลอดกาลนานเทอญ


    วัดพระพุทธบาทสี่รอย ต.สะลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
    ตำนานพระพุทธบาท 4 รอย

    เมื่อ ครั้งสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในศาสนาปัจจุบันนี้ได้เสด็จจารึกประกาศธรรม และโปรดเวไนยสัตว์มายังปัจจัยตะประเทศ (ประเทศไทยในปัจจุบัน)จนกระทั่งมาถึงเทือกเขาทางตอนเหนือของประเทศ ชื่อเขา เวภารบรรพต

    ซึ่งขณะนั้นได้เสด็จพร้อมกับพุทธสาวก 500 องค์ และได้แวะฉันจังหันอยู่บนเขา เวภารบรรพตแห่งนี้ เมื่อพระพุทธองค์ฉันจังหันเสร็จ ขณะประทับอยู่ที่นั้น ก็ได้ทราบด้วยญาณสมาบัติว่าบนเทือกเขาแห่งนี้ ได้มีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ามาประทับอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่คือ พระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้ภัทรกัลป์นี้ แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงเล็งดูรอยพระพุทธบาทแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ คือ พระพุทธเจ้ากกุสันธะ , พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ , พระพุทธเจ้ากัสสปะ

    อันมีในที่นี้พุทธสาวกทั้งหลาย มีพระสารีบุตรเป็นประธานเมื่อเห็นเช่นนี้จึงทูลถามว่า พระพุทธองค์ทรงเล็งดูด้วยเหตุใด

    พระ พุทธองค์จึงตรัสตอบว่า ดู ก่อนท่านทั้งหลายสถานที่แห่งนี้แม้นว่าพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ ที่ล่วงมาแล้วในอดีตกาล ก็มาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี่ทุกๆ พระองค์ และ แม้นว่าพระศรีอริยเมตไตร ก็จักเสด็จมาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี่ และจักประทับรอยพระบาท 4 รอยให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว ( คือประทับลบรอยทั้ง 4 ให้เหลือรอยเดียว )

    เมื่อพุทธองค์ตรัสแก่สาวกทั้งหลาย เสร็จแล้ว พระองค์ก็เสด็จไปประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ จึงมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ จึงเกิดเป็นพระพุทธบาท 4 รอย

    เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์นั้นแล้วก็ทรงอธิษฐานว่า

    ใน เมื่อ (เรา) ตถาคตนิพพานไปแล้ว เทวดาทั้งหลายก็จักนำเอาพระธาตุของตถาคต มาบรรจุไว้ที่รอยพระพุทธบาทที่นี่ ในเมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว 2000 ปี พระพุทธบาท 4 รอยนี้ก็จักปรากฏแก่ปวงชนและเทวดาทั้งหลาย ก็จักได้มาไหว้และบูชา

    เมื่อทรงอธิษฐานและทำนายไว้ดังนี้แล้วพระ พุทธองค์ก็เสด็จไปเชตุวันอารามอัน มีในเมืองสาวัตถีนั้นแล เมื่อพระพุทธเจ้านิพพานไปแล้วเทวดาทั้งหลายก็นำเอาพระธาตุของพระพุทธองค์มา บรรจุไว้ที่พระพุทธบาท 4 รอยเมื่อพระพุทธองค์นิพพานล่วงมาแล้วประมาณ 2000 วัสสา

    เทวดาทั้งหลายต้องการอยากให้พระพุทธบาท 4 รอย ปรากฏแก่คนทั้งหลายตามที่พระพุทธองค์ทรงอธิษฐานไว้ ก็จึงเนรมิตเป็นรุ้งตัวใหญ่ (เหยี่ยว) ก็บินลงจากภูเขาเวภารบรรพต อันเป็นที่ตั้งแห่งพระพุทธบาทสี่รอยในปัจจุบันนี้เพื่อบินลงไปเอาลูกไก่ของ ชาวบ้าน ( คนป่า ) ที่อยู่ตีนเขาเวภารบรรพต แล้วก็บินกลับขึ้นไปสู่ยอดเขา มันก็โกรธมากจึงตามขึ้นไปคิดว่าจะยิงเสียให้ตาย มันก็คิดตามไปค้นหาดู แต่ก็ไม่เห็นรุ้งตัวนั้น แต่เห็นรอยพระพุทธบาท 4 รอยอันอยู่พื้นต้นไม้และเถาวัลย์

    พรานป่าผู้นั้นก็ทำการสักการะบูชา เสร็จแล้วก็ลงจากภูเขา พอมาถึงหมู่บ้านก้เล่าบอกแก่ชาวบ้านทั้งหลายฟัง ข้อความอันนั้นก็ปรากฏสืบๆ กันไปแรกแต่นั้น คนทั้งหลายที่ทราบก็พากันไปสักการะบูชามาก แต่นั้นมาจึงได้ชื่อว่าพระบาทรังรุ้ง (รังเหยี่ยว)

    ในสมัยนั้นมี พระยาคนหนึ่งชื่อว่า พระยาเม็งราย เสวยราชสมบัติในเมืองเชียงใหม่ ได้ทราบข่าวจึงมีพระราชศรัทธาอยากเสด็จขึ้นไปกราบบูชาพระพุทธบาท 4 รอย ก็นำเอาราชเทวีและเสนาพร้อมกับบริวารทั้งหลาย เมื่อพระยาเม็งรายกราบนมัสการเสร็จแล้ว ก็นำเอาบริวารของตนกลับสู่งเมืองเชียงใหม่ ก็ตั้งอยู่เสวยราชสมบัติตราบเมี้ยนอายุขัย แล้วลูกหลายที่สืบราชสมบัติก็เจริญรอยตามและได้ขึ้นมากราบพระพุทธบาท 4 รอย ทุกๆ พระองค์

    หลังจากนั้นมาพระบาทรังรุ้งหรือรังเหยี่ยวนี้ก็ได้ เปลี่ยนชื่อเป็น พระพุทธบาทสี่รอย เพราะมีรอยพระพุทธบาทประทับซ้อนกันถึง4 รอย มาในสมัยยุคหลังคนทั้งหลายจึงเรียกขานกันว่าพระพุทธบาทสี่รอย คือมี

    รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์ ที่ล่วงมาแล้วในภัทรกัลป์นี้ คือ

    1 รอยพระบาทของพระพุทธเจ้ากกุสันธะ รอยแรก เป็นรอยใหญ่ยาว 12 ศอก

    2 รอยพระบาทของพระพุทธเจ้าโกนาคมนะ เป็นรอยที่ 2 ยาว 9 ศอก

    3 รอยพระบาทของพระพุทธเจ้ากัสสปะ เป็นรอยที่ 3 ยาว 9 ศอก

    4 รอยพระบาทของพระพุทธเจ้าโคตะมะ (ศาสนาปัจจุบันนี้) เป็นรอยที่ 4 รอยเล็กสุดยาว 4 ศอก

    เมื่อ มาถึงสมัยพระยาธรรมช้างเผือก ผู้ครองนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยบริวาร 500 คน ก็ขึ้นไปกราบสักการะบูชาพระพุทธบาท 4 รอย และได้สร้างพระวิหารครอบพระพุทธบาทสี่รอยไว้ชั่วคราวโดยแต่เดิมถ้าใครจะดู รอยพระพุทธบาทบนยอดหินก้อนใหญ่ ต้องใช้บันไดพาดขึ้นไป หรือปืนขึ้นไปดูซึ่งก็คงจะขึ้นได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น

    ดังนั้นพระยา ธรรมช้างเผือกจึงตรัสสร้างแท่นยืนคล้ายๆ นั่งร้านรอบๆ ก้อนหินที่มีพระพุทธบาท สี่ รอย เพื่อที่ผู้หญิงจะได้เห็นรอยพระพุทธบาทด้วย และได้สร้างหลังคาชั่วคราวมุงไว้ ต่อมาในสมัยพระชายาเจ้าดารารัศมีก็ได้ขึ้นไปกราบนมันสการพระพุทธบาท 4 รอย และได้มีพระราชศรัทธาก่อสร้างวิหาร เป็นการกราบบูชารอยพระพุทธบาทไว้ 1 หลัง หลักเล็ก ปัจจุบันได้บูรณะปฏิสังขรณ์แล้วทั้งหลัง จะเหลือไว้แค่ผนังวิหาร พื้นวิหารและแท่นพระซื่งยังเป็นของเดิมอยู่

    พอมาสมัยเมื่อปี พ.ศ. 2472 ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทยก็ได้ขึ้นไปกราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย และได้รื้อพระวิหารที่เจ้าพระยาธรรมช้างเผือกสร้างไว้ชั่วคราว และได้สร้างพระวิหารครอบรอยพระพุทธบาทไว้ใหม่และได้ลาบปูนครอบรอยพระพุทธบาท ไว้ เพื่อรักษาให้อยู่ค้ำชูพุทธศาสนาไปตลอดกาลนาน
    </td></tr><tr><td class="smalltext" valign="bottom" width="85%">
    <hr class="hrcolor" size="1" width="100%"> เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    </td></tr></tbody></table> <table style="table-layout: fixed; width: 581px; height: 2739px;" cellpadding="5" cellspacing="0"><tbody><tr><td height="100%" valign="top" width="85%"> <table border="0" width="100%"><tbody><tr><td valign="middle">
    </td><td style="font-size: smaller;" align="right" height="20" valign="bottom">
    </td></tr></tbody></table> <hr class="hrcolor" size="1" width="100%"> [​IMG]
    วิหารลังใหม่ที่เพิ่งจะสร้าง เสร็จ


    [​IMG]
    รูปปั้นเทวดา

    [​IMG]
    อีกมุมของวิหาร ครับ

    [​IMG]
    ตำนานของพระพุทธบาท 4 รอย

    [​IMG]


    </td></tr></tbody></table>
     
  7. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ

    สาธุ สาธุ โกสัมพิยัง อะวิทูเร เวภาระ ปัพพะเต
    กกุสันโธ โกนาคะมะโน กัสสะโป โคตะโม
    ปาทะ เจติยัง ชินะธาตุ จะฐะ เปตวา อะหัง วันทามิ ทูระโต


    สาธุ สาธุ ข้าพเจ้าขอวันทา นมัสการเจดีย์ คือรอยพระพุทธบาท และพระชินธาตุเจ้าทั้งหลายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า พระกกุสันโธ โกนาคะมะโน กัสสะโป และพระสิทธัตถะ โคตะโม ที่ประดิษฐานตั้งไว้ ณ. ภูเขาเวภารบรรพตนี้ ตลอดกาลนานเทอญ
     
  8. Thunthida

    Thunthida เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +122
    อนุโมทนา สาธุ แม้จะยังไม่ได้ไปเห็นด้วยตาตนเองแต่เห็นจากรูปภาพก็นับว่าเป็นบุญตาอย่างยิ่ง สาธุค่ะ ขออนุโมทนาในบุญกุศลครั้งนี้ด้วยค่ะ
     
  9. ศุภกร_ไชยนา

    ศุภกร_ไชยนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,122
    ผมไปมาแล้วสองครั้ง ใครที่เกิดในชาตินี้แล้วยังไม่ได้ไปสักการะ

    และท่านยังมีโอกาศที่จะไปได้อยู่

    แนะนำว่าควรอย่างยิ่ง นะคับ
     
  10. lowprofile

    lowprofile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +6,023
    ผมผ่านไปว่าจะแวะหลายทีแต่ไม่ได้แวะ น่าเสียดาย
    ครั้งหน้าต้องไปกราบนมัสการให้ได้ครับ
    สาธุกับเรื่องราวดีครับ สาธุ
     
  11. hmu111

    hmu111 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +391
    ไปมาแล้วครับ สวยงามมาก เป็นบุญจริง ๆ ครับ อนุโมทนาสาธุ

    ส่วน รูปภาพ อัลบั้มรูป ภาพถ่าย วัดพระพุทธบาทสี่รอย พระพุทธบาทสี่รอย อันนี้คือภาพล่าสุดครับ ไปนมัสการมาเมื่อวันที่ 22/04/2012 ครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  12. datchanee

    datchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,947
    ค่าพลัง:
    +1,276
    satu satu satu........
     
  13. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    [​IMG]
    กราบโมทนา สาธุ ขอบุญกุศลที่ท่านได้สร้าง ได้กระทำและข้าพเจ้ามีจิตยินดีร่วมโมทนา ด้วยอำนาจบุญกุศลนี้ขอความไม่มี ความไม่สำเร็จ และความไม่สมหวัง จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า ตราบเท้าเข้าสู่พระนิพพาน เทอญ อิทธิ ฤทธิ พุทธ นิมิตตัง ขอเดชะ เดชัง ขอเดช เดชะ จงมาเป็นที่พึ่ง แก่ มะ อะ อุ นี้ด้วยเถิด
     
  14. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    รถเก๋งขึ้นได้หรือเปล่าครับ อยากไปบ้างเหมือนกัน
     
  15. a5g1aeka

    a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,578
    หากเป็นเก่งควรติดเทอร์โบ เพราะบางชวงชันไม่น้อย และที่เห็นรถไปกันก็จะเป็นปิกอัพ มีเก๋งบ้างสภาพใหม่ และควรไปแบบมีคู่หูจะได้ช่วยเหลือยามฉุกเฉิน แนะนำได้เท่านี้เจ๊าเคยไปครั้งเดียวๆๆๆ
     
  16. upun2

    upun2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +92
    กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ ได้อ่านได้ดูรูปภาพก็เป็นบุญกุศลจริงๆค่ะ
     
  17. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    อัศจรรย์จริงๆครับ

    อายุรอยพระบาทนี้ คงจะหลายล้านปี
    (เพราะมีถึงสี่พระองค์แต่ละพระองค์จะห่างกันนับกัป)
     
  18. 108man

    108man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,794
    เคยไปเมื่อประมาณสิบปีที่แล้วได้

    ช่วงนั้นภรรยาไปทำงานที่เชียงใหม่ ก็เลยขอไปด้วย ไปถึงช่วงเย็น ๆ แล้ว รถก็ขับผ่าน ทางขึ้นวัดพระพุทธบาทสี่รอย ก็ขอขึ้นไปเลยพร้อมทีมงานอีกคน ขับขึ้นไปประมาณ ครึ่งชั่วโมง แสงแดดเริ่มอ่อนลงแล้ว แต่ก็ตัดใจบอกคนในรถ ว่า ขึ้นไปเถอะ "ทั้งชีวิตอาจมาได้แค่ครั้งเดียวก็ได้ ต้องขึ้นไปไหว้ ให้ได้ "
    ที่บอกอย่างนั้น เพราะว่า ผมเอารถเก๋งขึ้นไป ตลอดทางเป็นทางชัน ถึงชันมาก ถนนเป็น หนึ่งเลนเกือบทั้งหมด จะมี สวนกันได้ เป็นช่วงๆ ตรงซอกเขา และ ที่ฝืนใจสุด ๆ ก็คือ ด้านซ้ายของ รถ จะเป็นเหวเลย ที่ ไม่มีที่กั้นเกือบตลอดทาง เป็นเรื่องจริงๆ นะครับ ท่านอื่นที่เคยไปคงตอนนั้น คงจะยืนยันให้ผมได้
    แต่วาสนาของคนเราไม่เท่ากัน ขับไปเกือบมืด แล้ว ไปเจอชาวบ้านสวนทางมาก็ถามว่าใกล้ถึงหรือยัง เขาบอกอีกครึ่งทาง ขับไปอีกนาน จนจะไม่มีแสงแดดแล้ว ก็ตัดใจ ลงมาครับ เพราะดูแล้วจะอีกนานแน่นอน
    อีกวันตอนเช้าก็เลยชวนภรรยากับทีมไป แต่ปรากฏว่า มีแค่ผมกับภรรยาที่ไป คนอื่น(ไม่มีวาสนา ขอนอนรอที่ห้อง) ไม่ยอมไป (ก็ทางมันโหดชันลื่น และ เป็นหน้าฝนอีก) ก็สรุปว่าผมก็ได้ไปไหว้กับภรรยา พร้อมคำปิดท้ายว่า ได้มาไหว้ตอนนี้เป็นบุญแล้วต่อไปข้างหน้าอายุมากแล้ว คงขึ้นมามาได้อีก ครั้งนั้นก็เป็นครั้งเดียวที่ได้ขึ้นจนวันนี้ก็ยังไม่ได้ไปอีก

    แต่ผมให้เล่าให้ลูกน้องฟังและก็ให้เค้าขึ้นไปให้ได้ เค้าก็ไปมาแล้ว ก็เล่าว่า ถนนดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ก็เข้าใจว่าตอนที่ผมไปอันตรายขนาดไหนครับ

    ก็ดีใจที่ได้ไป คิดว่าถ้าลูกโตอีกหน่อย คงได้ไปอีกครั้งครับ

    อนุโมทนาด้วยคนครับ
     
  19. โคราชา

    โคราชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +66
    ผมมีโอกาสได้ไปกราบนมัสการมาแล้ว นับเป็นบุญจริงๆครับ
    ทางบางช่วงชันและแคบรถสวนกันลําบาก(ธ.ค.54)และที่
    สําคัญไม่มีแผลงกั้น ใครนั่งใกล้หน้าต่างกเสียวสุดสุด ถ้ามีโอกาส
    ไปนมัสการควรกลับลงมาก่อนคําจะเป็นการดีครับ.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04123.JPG
      DSC04123.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      146
    • DSC04115.JPG
      DSC04115.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      130
    • DSC04118.JPG
      DSC04118.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      191
    • DSC04111.JPG
      DSC04111.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      178
    • DSC04114.JPG
      DSC04114.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      212
    • DSC04113.JPG
      DSC04113.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      112
  20. klaichid

    klaichid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +807
    ข้าน้อยได้เคยเดินเท้าขึ้นไปกราบที่พระพุทธบาทสี่รอย. ได้2ครั้ง
    ในวันมาฆะบูชา.

    ครั้งแรกไม่คิดว่าจะเดินได้. ก่อนจะถึงเวลาเริ่มเดิน ได้มีพิธีสวดมนต์
    ข้าน้อยได้เข้าไปในโบสถ์. เห็นผู้คนนั่งสมาธิ เลยเดินเข้าไปนั่งด้วย

    และได้ตั้งจิตอธิษฐาน...
    ขอให้ข้าพเจ้าได้เดินถึงวัดระยะทางประมาณ17กิโลเมตร(ถ้าจำไม่ผิด)
    ได้สำเร็จด้วยเทอญ. ในระหว่างเดินแรกๆมีผ้คนจำนวนมากมายที่พร้อมใจ
    กันเดิน. ช่วยลากกลองยักษ์เพื่อขึ้นไปที่วัดข้างบน. (เป็นประเพณีทุกปี)

    ในระหว่างทางหากใครเดินไม่ไหวก้อสามารถรอรถที่ขับผ่านไปให้รับขึ้นไปที
    วัดได้เช่นกัน. ฉะนั้นการเดินของแต่ละคน. ก็มีช้าและเร็ว. ส่วนตัวข้าน้อย
    เองเดินทำสมาธิบ้าง สวดมนต์บ้าง. พอหยุดพัก....มองหาไม่พบผู้คนจำต้อง
    เดินต่อไปเรื่อย..... ได้เจอพระภิกษุเดินอยู่ข้างหน้ารีบเดินตามท่าน
    แล้วไม่ทราบว่าท่าน ได้หายไปตอนไหนอีก.
    ตั้งใจจะไปเดินให้ครบครั้งสาม. ไม่ทราบว่าไหวหรือเปล่าเพราะอายุข้าน้อย
    มากขึ้นทุกปี. .....หากมีโอกาสข้าน้อยจะพยามเจ้าค่ะ

    ขอแชร์ประสพการณ์ที่ได้ไปกราบมนัสการ. ที่วัดพระพุทธบาทสี่ร้อย
     

แชร์หน้านี้

Loading...