พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. TrainSSS

    TrainSSS สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +4
    มาทันพระงามๆกันบ้างแล้วครับ วันนี้ไม่ได้ทำงาน
    ขออนุญาตขออย่างละองค์เลยละกันครับ (ขอโหลดรูปอ่ะครับ...อิอิ:cool:)
     
  2. faidood

    faidood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    403
    ค่าพลัง:
    +31
    นี่ก็อีกหนึ่งองค์ ที่ห้อยบ่อยมาก ละครับท่าน พระวังหน้าที่เรียกกันว่า......ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มีนาคม 2012
  3. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ไม่เคยเห็นเลยลุง ลงอีกฮับ หุ หุ
     
  4. faidood

    faidood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    403
    ค่าพลัง:
    +31
    ตาลุงหนู๋คร้าบๆๆๆๆ ถามจริ้งงง ตอบตรงนะ ;) แล้วองค์นี้ละ
     
  5. faidood

    faidood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    403
    ค่าพลัง:
    +31
    ส่งไม่ไปสงสัยไม่ต้องการให้ใครเห็น ส่งใหม่นะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 มีนาคม 2012
  6. faidood

    faidood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    403
    ค่าพลัง:
    +31
    thaxxมีน้องที่มีความรู้เรื่องพระวังหน้า ที่ทำให้ลุงไม่ได้มองพระอื่นๆๆอีกเป็นคนที่ลืมไม่ลง มาบอกให้ฟังเมื่อปีที่แล้วว่าไปค้นคว้าหาความรู้เรื่อง รัก ชาด การลงรัก การปิดทองล่องชาด บางองค์ทำไมลงรักปิดทอง บางองค์ลงชาดลงรักปิดทอง และทำไมไม่ลงรัก ไม่ลงชาด ไม่ปิดทอง นั่งฟังเค้าเล่าให้ฟัง หู ตา สว่างทันทีเลย เพราะเป็นสิ่งที่เราได้รู้ได้เข้าใจ ในสิ่งที่เราก็นึกไม่ออก หาเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น หลังจากนี้ก็บอกต่อไปได้ว่าเพราะอะไร การที่เราได้คุยกันด้วยเหตุผลก็จะได้ความรู้มากขึ้น
     
  7. faidood

    faidood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    403
    ค่าพลัง:
    +31
    ตาลุงหนู๋นี่ต้องรูปนี้ถึงจะสดุ้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 มีนาคม 2012
  8. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พระวังหน้าอีกพิมพ์หนึ่ง..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2012
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  10. TrainSSS

    TrainSSS สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +4
    รูปพี่หนุ่มไม่ค่อยชัดครับ...ใช้กล้องใหม่หรือเปล่าครับ
    สงสัยยังไม่คุ้นมือนะครับ แต่ก็ขออนุญาติโหลดไว้ดุครับ :)
     
  11. TrainSSS

    TrainSSS สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +4
    เว็ปมีโชว์ผู้เข้าชมเหมือนเดิมแล้วครับ...อยู่คนเดียวเหงาจัง

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>train@sss </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. TrainSSS

    TrainSSS สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอความรู้คุณลุงสันติ ช่วยอธิบายเหตุแห่งการลงรัก ปิดทอง ล่องชาด
    ให้หลานๆได้หูตาสว่างบ้างนะครับ
    ขอบคุณครับ:cool:
     
  13. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  14. faidood

    faidood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    403
    ค่าพลัง:
    +31
    :)oสะดุ้ง จิงๆฮับ ลุง ก้อพาลัง อินฟีนิทไงฮับ หุ หุ<!-- google_ad_section_end --> ) ล้อเล่นอ่ะเปล่า ถ้างั้นให้ดูด้านหลังอีกรูปนะ อิอิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 มีนาคม 2012
  15. Chayaporn

    Chayaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +4,641
    น้องเพชร ดูพระรอด มหาวันได้ไหม
    ป้าได้มาองค์ ดูไม่เป็นจริงๆๆ ยังไม่ได้ถ่ายรูปเลย
    ขอเวลาหน่อยนะ ตอนนี้ยุ่ง
     
  16. faidood

    faidood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    403
    ค่าพลัง:
    +31
    (good)นี่ท่านป้าสองพันปีถามถูกคนแล้วละ จุจุจุจุ วันก่อนแอบเห็นที่อยู่ในบาตร แต่ไม่มีวิธีนำออกมา ก็ได้แต่ดู อายุผมว่าไม่ถึงหนึ่งพันปีนะ จุจุจุลุงเพชรยังไม่ว่างนะตอนนี้ ต้องเย็นไปแล้ว แต่ถามตาลุงข้างบ้านได้ต้องเป็นพระที่มีอายุเจ็ดร้อยอัพนะแกจะเก่งทางนี้ จุจุจุจุ
     
  17. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    - -" เข้ามาดูได้ดึกๆ เพราะกว่าจะเสร็จงาน ปรากฏว่าเดี๋ยวนี้ตามอ่านไม่รู้เรื่องเสียแล้ว รูปถูกลบเร็วมากๆครับ
     
  18. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137

    พระบาทสมเด็จพระปวเรนทราเมศมหิศเรศรังสรรค์ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระอนุชาของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงได้รับพระบวรราชาภิเษกเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (พระมหาอุปราช) หรือที่ออกพระนามกันว่า "วังหน้า" มีพระเกียรติยศเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่ 2 เสมอด้วยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2394 เมื่อทรงมีพระชนมพรรษาได้ 43 พรรษา มีพระนามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระปวเรนทราเมศ มหิศเรศ รังสรรค์ มหรรต วรรคโชไชย มโหฬารคุณอดุลยพิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์ บวรจักรพรรดิราช บวรนาถบพิตร พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

    ความข้างต้น เลยทำให้สงสัยว่า วังหน้าตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๓๙๔-๒๔๑๑ จะไม่มีสิทธิ์ใช้"ตราครุฑ"เลยหรือครับ ในพระราชฐานะพระเกียรติยศเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่ ๒...

    ผมนำมาให้ชมเพื่อให้เห็นตามความเป็นจริงว่า แท้จริงแล้วพระวังหน้า วังหลวง มีความพิเศษพิสดารเกินกว่าความคิดคนทั่วไปจะคิดถึงจริงๆ เคยเห็นไม๊ครับ พระวังหลวงที่ไม่ใช้ตราครุฑ แต่เป็นพระราชลัญจกรของรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(พระวังหลวงที่ประทับตราครุฑ มีมากมาย หรือพระวังหน้าที่ประทับตราครุฑ จะมีหรือไม่ด้วยเหตุผลข้างต้นในระหว่างปี พ.ศ. ๒๓๙๔-๒๔๑๑ รวม ๑๗ ปี) เนื้อสมเด็จวัดระฆัง เพราะฉนั้นพิมพ์นี้ และด้านหลังแบบนี้ ต้องเป็นพระวังหลวงเท่านั้นครับ ตราพระราชลัญจกรแบบนี้จะเป็นพระวังหน้าก็ไม่สมเหตุผล และไม่ควรจะเป็นด้วยครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2012
  19. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พี่สาวก็ลองนำมาวางให้ชมกันหน่อยครับ ผมคิดว่า เพื่อนๆในนี้เก่งๆกันทั้งนั้น ก็จะช่วยกันดู ก็น่าจะได้คำตอบ แต่เขามีเงื่อนไขว่า ไม่นำพระสกุลอื่นนอกจากพระวังหน้ามาลงนี่ครับ หุ...หุ...

    พระหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้าในโถบรรจุเก่าพบที่มหาวัน ผมนับได้ ๑๖ องค์ ตั้งใจเอาไว้ว่าจะแจก และมอบให้ทำบุญ และจะเหลือเก็บส่วนตัวเพียง ๕ องค์ ปรากฎว่า มอบไปให้บุคคลต่างๆ รวม ๑๒ องค์(มอบให้เปล่า ๙ องค์ และให้ทำบุญช่วงถวายพระบรมสารีริกธาตุ และผอบสำริด(สัมฤทธิ์)โบราณ ๓ องค์) เหลือ ๔ องค์ แต่พอไปดูในโถ พบว่ามี ๑ องค์ที่ติดในโถไม่สามารถนำออกมาได้เพราะคราบสนิมแดงติดแน่น สรุปว่า เหลือ ๕ องค์ตามเจตนาจริงๆ หลวงปู่ท่านทราบเจตนาจริงๆ ช่างจัดสรรเหลือเกิน ภายในก็มีพระรอดมากมาย พระรอดหลวงมี ๒ องค์ แต่ไม่สามารถนำออกมาได้ซักองค์

    ส่วนเรื่องอายุ ผมประเมินไว้จากที่เคยเห็น เคยสัมผัสมาอย่างที่แจ้งไว้ที่ราวๆ ๗๐๐ ปี ทางลุงอ.จ.กูรูน้องนู๋ประเมินเอาไว้กันพลาดที่ ๖๐๐ ปี อีกสายทางจ.....ประเมินเอาไว้ที่ ๘๕๐ ปี เท่าที่ผมอัญเชิญข้อ.....ขึ้นคอ จะทำการสิ่งใดก็ระลึกถึงหลวงปู่ท่าน และบอกหลวงปู่ท่านในใจ ทำการสิ่งใดก็ลุล่วงสำเร็จด้วยดี ไม่พบว่ามีอุปสรรคตรงไหนครับ...

    ตำนาน พระอุปคุต
    จากการค้นหาข้อมูลของพระอุปคุตนั้น เราทราบเพียงว่า ท่านเกิดหลัง พระพุทธเจ้า เสด็จปรินิพพานแล้ว ประมาณ พ.ศ. 218 ปี แต่ไม่ทราบ ภูมิเดิมของท่านละเอียด ว่าเป็นบุตรของใคร เกิดในวรรณะอะไร และที่ไหน

    จากการสันนิษฐานตามตำนาน พระเถระอุปคุต น่าจะเป็นชาวเมืองปาตลีบุตร เมื่อบวชแล้วบำเพ็ญเพียร จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ สำเร็จอภิญญาต่างๆ จนสามารถแสดงอภินิหาร เป็นที่เล่าลือมาจนทุกวันนี้ มีปฏิปทาดำเนินไปในทางสันโดษ มักน้อย นัยว่าท่านเนรมิตเรือนแก้ว (กุฏิแก้ว) ขึ้นในท้องทะเลหลวง (สะดือทะเล) แล้วก็ลงไปอยู่ประจำ ที่กุฏิแก้วตลอดเวลา เมื่อมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นในพระศาสนา หรือเมื่อมีพิธีกรรมใหญ่ๆ หรือมีผู้นิมนต์ ท่านก็จะขึ้นมาช่วยเหลือ ด้วยความเต็มใจเสมอ

    สรุปรวมความได้ว่า ท่านเป็นพระเถระสำคัญองค์หนึ่ง ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช (ผู้นำกองทัพธรรมแผ่กระจายไปทั่วโลก) เป็นพระเถระผู้เปี่ยมด้วยพุทธานุภาพ และฤทธิ์เดชเกรียงไกร สามารถปราบพญามารและกำจัดสิ่งชั่วร้าย ที่จะมาทำลายพิธีกรรมใหญ่ ๆ มาแต่ครั้งโบราณ

    เรื่องราวก็มีอยู่ว่า เมื่อประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 2 หลังพุทธปรินิพพาน ณ นครปาตลีบุตราชธานี (ปัจจุบันคือเมืองปัตนะ ภาคใต้อินเดีย) พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ครองราชสมบัติในขณะนั้น ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ตามตำนานกล่าวว่า ได้ทรงสร้างพระวิหารและพระสถูป มากมายทั่วทั้งชมพูทวีป (เค้าว่ามากถึงแปดหมื่นสี่พันองค์) เป็นผู้รวบรวมและขุดค้นพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อจะนำไปบรรจุในสถูปที่พระองค์ทรงสร้างไว้ทุกแห่ง

    เมื่อการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็ทรงปรารภ ที่จะจัดให้มีการฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมดนั้น เป็นการมโหฬารยิ่ง ตลอด 7 ปี 7 เดือน 7 วัน และเพื่อให้การฉลองสมโภช เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปราศจากอุปสรรค จึงใคร่จะอาราธนาพระสงฆ์ขีณาสพ ที่ทรงอิทธิฤทธิ์ มาเป็นผู้คุ้มครองงาน ให้ปราศจากการรบกวนจากมารร้ายต่าง ๆ

    แต่พระสงฆ์ในนครปาตลีบุตร ไม่มีรูปใดที่จะสามารถ เป็นผู้คุ้มครองงานมหกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ ให้พ้นจากภัยทั้งหลายทั้งปวงได้ (โดยเฉพาะภัยจากพญาวัสสวดีมาร ผู้มีฤทธิ์ยิ่งกว่าภูตผีปีศาจทั้งหลาย) นอกเสียจากพระอุปคุตเถระผู้เดียวเท่านั้น พระสงฆ์ทั้งปวงจึงตั้งตัวแทน ๒ รูป ลงไปอาราธนาพระอุปคุตเถระผู้เรืองฤทธิ์ มาช่วยรักษาความปลอดภัย ในงานสมโภชครั้งนี้ ซึ่งกล่าวกันว่า พระอุปคุตเถระองค์นี้ มีปกติสันโดษอยู่องค์เดียว เข้าฌานสมาบัติเสวยวิมุตติสุข อยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ภายในปราสาทแก้วที่เนรมิตขึ้น เหนือรัตนะบัลลังก์ จะออกจากสมาบัติ เหาะขึ้นมาบิณฑบาต ในโลกมนุษย์ ในวันพุธเพ็ญกลางเดือนเท่านั้น

    และในครั้งนี้เอง พระอุปคุตเถระ ถูกพระภิกษุสองรูป ผู้ได้อภิญญาสมาบัติ ชำแรกมหาสมุทร ลงมาถึงตัวท่านแจ้งว่า ให้ท่านจงเป็นธุระ ป้องกันพญามารอย่าให้รบกวนงานฉลองพระสถูปเจดีย์ ของพระเจ้าอโศกมหาราชได้

    เมื่อพระอุปคุตเถระได้รับนิมนต์ ก็เดินทางมานมัสการ และรายงานตัวต่อคณะสงฆ์ในวันรุ่งขึ้น พระเจ้าอโศกมหาราช จึงได้เสด็จเข้ามานมัสการคณะสงฆ์ เพื่อขอทราบเรื่อง ผู้จะที่จะมาทำหน้าที่รักษาการ งานฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์ เมื่อพระองค์ทรงทราบ ว่าผู้ที่จะมาทำหน้าที่นี้ คือพระอุปคุตเถระ ก็ทรงนึกแคลงพระทัย เนื่องจากพระอุปคุตเถระนั้น มีร่างกายผ่ายผอมดูอ่อนแอ ก็ทรงไม่แน่ใจ เกรงจะทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ แต่ไม่ทรงตรัสว่ากระไร

    ครั้นรุ่งเช้าวันใหม่ ขณะที่พระอุปคุตหาเถระ ออกบิณฑบาตในนครปาตลีบุตรนั้น พระเจ้าอโศกมหาราช ใคร่จะทดสอบฤทธิ์พระเถระ จึงทรงปล่อยช้างซับมัน (ช้างตกมัน) ให้เข้าทำร้ายพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระเห็นดังนั้น จึงสะกดช้าง ที่กำลังวิ่งเข้ามา ให้หยุดอยู่กับที่ ไม่ไหวติงประดุจช้างที่สลักด้วยศิลา พระเจ้าอโศกมหาราช ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ทรงเลื่อมใส จึงเสด็จไปขอขมาพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระ ก็ให้อภัยทั้งแก่พระเจ้าอโศกมหาราช และพญาคชสาร

    เมื่อเห็นว่าพระอุปคุตเถระ มีฤทธิ์เดชมาก พระเจ้าอโศกมหาราช ก็ทรงวางพระทัย ตรัสสั่งให้เตรียมฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมด ด้วยการปลูกปะรำร้านโรง ประดับธงทิว และประทีปโคมไฟ ตลอดระยะทางกึ่งโยชน์ ทำให้ตามแนวฝั่งแม่น้ำคงคา สว่างไสวไปทั่วทั้งบริเวณ

    บรรลุฤกษ์งามยามดีตามที่กำหนดไว้ บรรดาพระสงฆ์ขีณาสพ และพระสงฆ์ปุถุชน ตลอดจนพุทธศาสนิกชน ทั้งในนครปาตลีบุตร และต่างแดนจากจตุรทิศ ก็เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่บริเวณงาน พร้อมเครื่องสักการบูชา เพื่อร่วมพิธีฉลองสมโภช พระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในมหาเจดีย์ และเจดีย์ ทั้งแปดหมื่นสี่พันองค์ ด้วยความเลื่อมใส ศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง

    และในเวลานี้เอง พญามาร (พญาวัสสวดีเทพบุตรมาร) ก็มุ่งหน้าเข้ามาในงานกับเค้าเหมือนกัน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะก่อความวุ่นวาย ต่างๆ นานา ทั้งบันดาลให้เกิดลมพายุ ทั้งแปลงร่างเป็นสัตว์ป่า และสัตว์หิมพานต์ แต่ทุกครั้งก็โดนพระอุปคุตเถระ กำราบได้หมด และสุดท้าย เพื่อให้พญามาร ออกไปจากบริเวณพิธี พระอุปคุตเถระ จึงเนรมิตร่างหมาเน่าขึ้นมาตัวหนึ่ง แล้วดึงประคตจากเอวของท่าน ออกมาผูกร่างหมาเน่านั้น คล้องคอพญามารไว้ แล้วสำทับว่าไม่ว่าใครก็ตาม (นอกจากท่านเอง) จะเอาหมาเน่านี้ออก จากคอพญามารไม่ได้ แล้วขับพญามารออกไป จากบริเวณงานทันที

    ด้วยความอับอาย พญามารก็ออกมาจากบริเวณงาน และพยายามแก้ร่างสุนัขเน่า ออกด้วยฤทธานุภาพ แต่ทำอย่างไร ก็ไม่สามารถแก้ได้ เพราะเมื่อเอามือทั้งสอง ต้องสายประคตที่คล้องคอทีไร ต้องมีไฟลุกขึ้นไหม้คอ และมือทันที สุดจะแก้ไขด้วยตนเองได้ ก็ไปหาที่พึ่งอื่น (ที่คิดว่าน่าจะช่วยได้)
    แต่ถึงแม้จะไปหาท้าวมหาราชทั้งสี่ พระอินทร์ ท้าวยามา ท้าวสันดุสิต ท้าวนิมิตเทวราช ตลอดจนท้าวสหัสบดีพรม ก็ไม่มีใครสามารถช่วยได้ ต่างได้แต่แนะนำว่า ให้พญามารไปขอขมา และขอความเมตตา จากพระเถระผู้นั้นเสียดีกว่า

    พญามารเห็นดังนั้น จึงจำใจต้องกลับไปหาพระเถระ อ้อนวอน ให้ช่วยเอาซากหมาเน่าออกจากคอให้ แล้วจะไม่มารบกวน การจัดงานอีก พระอุปคุตเถระก็อนุโลมตาม แต่ยังไม่ไว้ใจพญามารนัก เกรงพญามาร จะกลับมาทำลายพิธีในภายหลัง จึงเดินนำพญามาร ไปยังเขาใหญ่ลูกหนึ่ง แล้วเอาร่างหมาเน่าทิ้งลงเหว และเนรมิตให้สายประคตยาวขึ้น แล้วพันคอพญามาร ไว้กับเขาลูกนั้น พร้อมทั้งแจ้งว่า เมื่อเสร็จพิธีฉลองสมโภช พระมหาเจดีย์สิ้นสุดลงแล้ว จึงจะแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ (7 ปี 7 เดือน 7 วัน)

    เวลาผ่านไปตามที่ตกลงกัน การจัดงานสมโภชน์ ก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พระอุปคุตเถระ จึงกลับมาหาพญามาร โดยแอบอยู่ห่างๆ เพื่อฟังเสียงพญามารว่า ละพยศร้ายหรือยัง

    พญามารเอง เมื่อจากทิพยวิมานอันบรมสุข มารับทุกขเวทนาเช่นนี้ ก็ละพยศร้ายในสันดาน หวนนึกถึงพระพุทธโคดม จึงกล่าวสดุดี ในความเมตตากรุณา ของพระพุทธเจ้า ในเรื่องที่ทรงมีมหากรุณาธิคุณ อันยิ่งใหญ่ว่า “ทรงบำเพ็ญสิ่งอันเป็นที่สุดหามิได้ เป็นที่พึ่งพำนักแก่สัตว์โลกทั้งมวล ในกาลทุกเมื่อ พระองค์นั้น เป็นผู้ประเสริฐหาผู้เสมอเหมือนมิได้ อนึ่ง ในกาลก่อน ข้าพเจ้าได้ทำร้ายพระองค์ โดยประการต่างๆ แต่พระองค์ ก็ยังทรงมหากรุณาธิคุณ มิได้กระทำการโต้ตอบ แก่ข้าพเจ้าเลย มาบัดนี้ สาวกของพระองค์นามว่าอุปคุต ไม่มีเมตตาแก่ข้าพเจ้าเลย กระทำกับข้าพเจ้า ให้ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส และได้รับความอับอาย เป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าข้ายังมีบุญกุศล ที่ได้สั่งสมไว้แต่กาลก่อน ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐาน ปรารถนาเป็นพระสัพพัญญูในอนาคต ดังเช่นพระองค์ต่อไป”

    กล่าวได้ว่า การตกระกำลำบากในครั้งนี้ ทำให้พญามาร ซึ่งความจริงแล้ว ในอดีตชาติ (ในยุคของพระกัสสปพุทธเจ้า) เคยมีจิตตั้งมั่น ที่จะบำเพ็ญเพียร ให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าเช่นกัน แต่ที่ได้กระทำการขัดขวาง พุทธศาสดาของพระพุทธโคดม ก็ด้วยความริษยา พระพุทธโคดม (มีมิจฉาทิฐิ) เนื่องด้วยพระองค์ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนตน ทั้งๆ ที่ตนบำเพ็ญบารมี มามากพอสมควรเหมือนกัน แต่การกระทำในแต่ละครั้ง ก็มิได้ล่วงเกิน ทำบาปหนักแต่ประการใด

    เมื่อพระอุปคุตเถระ ได้ยินคำปรารภดังนั้น ก็เห็นว่าพญามารสิ้นพยศแล้ว จึงแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ พร้อมทั้งขอขมาพญามาร และบอกว่า การกระทำครั้งนี้ ก็เพื่อให้พญามาร ระลึกได้ถึงพุทธภูมิ ที่ท่านเคยปรารถนาไว้เท่านั้นเอง มิได้มีเจตนา ที่จะล่วงเกินประการใด ซึ่งพญามารก็เข้าใจด้วยดี

    ต่อจากนั้นพระเถระ ก็ได้ขอให้พญามาร เนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์ เพื่อจะได้เห็น เป็นพุทธานุสติบ้าง ซึ่งพญามารก็รับคำ แต่ขอร้องว่า เมื่อเห็นเขาเนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์แล้ว อย่าหลงกราบไหว้เป็นอันขาด เพราะจะให้เขาบาปหนัก

    ครั้นเมื่อพญามารเนรมิตกาย เป็นพระพุทธเจ้า ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ และฉัพพรรณรังสี อันวิจิตร มีพระอัครสาวกเบื้องซ้าย เบื้องขวา แวดล้อมด้วย มหาสาวกทั้งหลายเป็นบริวาร เสด็จเยื้องย่าง ด้วยพุทธลีลาอันงดงามยิ่ง พระเถระ และบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เห็นเช่นนั้น ก็ลืมตัวพากันถวายนมัสการ ทำเอาพญามารตกใจ รีบคืนร่างเดิม และท้วงติงว่า ทำให้ตนมีบาปหนัก แต่พระเถระ ก็กล่าวให้พญามารสบายใจว่า ทุกคนกราบไหว้พระพุทธเจ้า และพญามารก็ไม่บาปหรอก จะได้กุศลมากกว่า

    จากนั้นพญามาร ก็กลับคืนสู่สวรรค์ ชั้นที่ 6 วิมานของตน และนับแต่นั้นมา พญามารได้มีจิตอ่อนน้อมเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนา หมดสิ้นน้ำใจริษยา และบำเพ็ญบารมี เพื่อพุทธภูมิต่อไป

    หมายเหตุ
    เนื้อเรื่องได้กล่าวถึง พระพระกัสสปพุทธเจ้า ดังนั้นเพื่อความเข้าใจ ในการอ่าน ขอเสริมว่าตามตำนาน โลกเรานั้น แบ่งช่วงเวลาเป็นกัลป์ ซึ่งแต่ละช่วง ในแต่ละกัลป์ ก็จะมีพระพุทธเจ้า ที่มาตรัสรู้ โปรดบรรดาสัตว์โลก เป็นคราวไป ดังนั้นพระพุทธเจ้า จึงมีหลายพระองค์ ซึ่งเวลาหนึ่งกัลป์นั้นนานนัก (กัลป์ที่เราอยู่นี้ มีพระพุทธเจ้า มาตรัสรู้แค่ 5 พระองค์ และมีหลายๆ ช่วงในแต่ละกัลป์ ที่ปราศจากพระพุทธศาสนา โดยสิ้นเชิง ดังนั้นถือว่าเราโชคดีมาก ที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาในชาตินี้
    ประวัติเพิ่มเติมตามตำนาน พระอุปคุต คัมภีร์อโศกอวทาน
    ประวัติเพิ่มเติมตามตำนาน พระอุปคุต คัมภีร์ปฐมสมโพธิ์
    ตำนาน พระอุปคุต
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P3210488.JPG
      P3210488.JPG
      ขนาดไฟล์:
      47.2 KB
      เปิดดู:
      50
    • P3210495.JPG
      P3210495.JPG
      ขนาดไฟล์:
      56.2 KB
      เปิดดู:
      64
    • P3210490.JPG
      P3210490.JPG
      ขนาดไฟล์:
      56.3 KB
      เปิดดู:
      77
    • P3210491.JPG
      P3210491.JPG
      ขนาดไฟล์:
      73.8 KB
      เปิดดู:
      71
    • P3210492.JPG
      P3210492.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55.2 KB
      เปิดดู:
      65
    • P3210493.JPG
      P3210493.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55.1 KB
      เปิดดู:
      59
  20. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    post นี้ ลงแล้ว จะกลับมาลบในภายหลังครับ เพราะไม่ได้เกี่ยวกับพระวังหน้า เพียงต้องการบอกว่า วาสนาของใครก็ของคนนั้น ตั้งใจหาบางทีไม่ได้ ไม่ตั้งใจหากลับได้ ไม่ได้เกี่ยวกับว่ามีตังค์หรือไม่ พี่ท่านหนึ่งเคยบอกไว้ว่า หากเป็นของท่าน ให้ท่านสังเกตุว่า นอกจากจะหาพบได้ง่ายๆแล้ว ยังมีราคาถูกอีกต่างหาก...

    ผมนำลูกปัดทวารวดีคลองท่อม ๒ ชิ้น เปรียบเทียบให้ชมกันว่า หนึ่งคือชิ้นสีฟ้าที่ผมพบที่ปราจีนบุรีเมื่อวันมาฆปูรมีศรีปราจีน-สัมพุทธชยันตี ๒๕๕๕ จากร้านค้าร้านหนึ่งบริเวณโบราณสถานสระมรกต ชิ้นนี้ได้มอบให้ลุงไฟดูดไปแล้ว อีกชิ้นหนึ่งคือชิ้นสีดำที่เพิ่งพบเมื่อวันจันทร์ที่ ๑๙ มีนาคมที่ผ่านมานี่เอง เป็นการพบของลุงไฟดูดเองที่ได้สวมใส่ลูกปัดชิ้นสีฟ้า ออกไปดูพระเล่นตามประสาคนวัยเกษียณอายุที่ยังกระฉับกระเฉงอยู่ เหมือนเอาภรรยาไปตามหาสามี หรือเอาน้องไปตามหาพี่ หรือพูดง่ายๆ คู่เขาเรียกหากันอยู่ ลองพิจารณากันดูเอาเองครับว่า ชิ้นสีฟ้า และชิ้นสีดำ มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันหรือไม่ เป็นไปตามที่ผม post ไว้ที่หน้า ๒๕๐๕ หรือไม่ละครับ ความรู้ทางประวัติศาสตร์-บุคคลที่จะให้ความรู้-สถานที่พบ-ความสนใจ-วาระ-วาสนา มันลง lock ทุกอย่าง แบบนี้จะไม่เป็นของลุงไฟดูดจะเรียกว่าอะไร ชิ้นสีฟ้าเหมือนเชื้อ เหมือนสื่อ ให้ได้พบชิ้นสีดำ และยังจะได้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเบื่อครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...