ไม่รู้ว่ามีใครเห็น Planet X หรือยัง?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 21.12.2012=11, 17 สิงหาคม 2010.

  1. worrior

    worrior เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +316
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับคุณ AmpeerA ไว้มีจังหวะเมื่อไหร่ผมจะจัดพี่แกให้เต็มคราบเลยทีเดียว เที่ยวงานวัดครั้งหน้าอย่าลืมแหงนมองฟ้ากันนะครับ:)
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อันนี้ก็ฟังหูไว้หู ใช้วิจารณญาณพิจารณาตามความเป็นจริง เนาะ
    ดูเหตุการณ์จริงประกอบกับการใช้วิจารณญาณ


    คำพยากรณ์ของนอสตราดามุสเกี่ยวกับ Doomsday 2012

    [​IMG]



    นอสตราดามุสดูเหมือนได้ทำนายว่า สงครามนิวเคลียร์เกิดในยุคเรานี้ ประมาณช่วงเวลาระหว่างปี 1999 – 2012 “หน้าต่างเวลา”นี้เข้ากันได้กับคำพยากรณ์ในรหัสพระคัมภีร์ และเห็นพ้องกับกรอบเวลามาตรฐาน ที่ระบุในพระวรสารโดยมัทธิว 24 : 32 นิทานเปรียบเทียบเรื่องต้นมะเดื่อ​

    นอสตราดามุสทำนายว่า สหรัฐจะเข้าสู่สงครามในอาฟกานิสถานและอิรัก ล่าตัวบินลาเดน และสงครามนี้จะขยายตัว กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3

    นอสตราดามุสได้ทำนายมากมายถึงดาวหางดวงหนึ่งหรือดาวพระเคราะห์ ดาวหางที่จะผ่านโลกอีกไม่นานหลังปี ค.ศ. 2000 และอาจก่อให้เกิดการทำลายโลกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทำนาย ปี 2012 ดาวพระเคราะห์น้อย (Asteroid) แบบดาวหางจะเป็นสาเหตุความพินาศของโลก

    นอสตราดามุสใช้ศิลปะเก่าแก่คือสีดำ เพื่อ”ปลุกเร้า” สัตวิญญาณที่ทำให้ตื่นกลัว และเป็นผู้ที่ใช้ภาพนิมิตในเรื่องอนาคต คำทำนาย “ ในปี 1999 และอีก 7 เดือน นั้น กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามจะมาจากท้องฟ้า พระองค์จะฟื้นชีพให้กษัตริย์ของพวกมองโกล ก่อนนั้นและหลังจากนั้น มนุษย์จากดาวอื่น ( อาจเป็นจากดาวอังคาร )จะมาครองโลก

    ผู้ศึกษาเรื่องนอสตราดามุสพิเคราะห์ว่า กษัตริย์น่าเกรงขามผู้ยิ่งใหญ่จากท้องฟ้าน่าจะเป็นดาวพระเคราะห์น้อยหรือดาวหางดวงหนึ่ง ซึ่งไม่เคยโคจรมาใกล้โลกระหว่างปี ค.ศ. 1999 หรือ 2000

    มีผู้เชื่อว่า “ความน่าสะพรึงกลัวจากฟ้า”ที่อ้างว่ากำลังมานั้น อาจไม่ใช่ดาวดวงใดที่นอสตราดามุสอ้างถึง เป็นไปได้ว่า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามจากฟ้า คือการมาของ “แอนตี้ไครสต์” (Antichrist) .ใน”ยานอวกาศ” ซึ่งการมาของท่านผู้นี้ ( มีในหนังสือวิวรณ์ – Relavation ด้วย ) จะก่อให้เกิดการทำลายล้างแบบเดียวกับที่ดาวหางโลกาวินาศจะมาถึงโลก เพราะ Antichrist จะสถาปนาศาสนจักรปีศาจ “โดยอาศัยวาติกันและพระสันตะปาปาในอนาคต”

    นอสตราดามุสยังกล่าวถึง การมาถึงของครูของโลก หรือพระเมสซีอาสเทียมซึ่งอาจจะ”เหาะ”มาหรืออาศัยยานแบบใดแบบหนึ่ง นอกนั้นการทำนายถึงการที่ดาวดวงใหญ่ตกกระทบท้องทะเลนั้น ก็บังเอิญไปตรงกับบริบทในหนังสือวิวรณ์ 8 : 8-10

    เป็นที่น่าประหลาดมากที่จะเป็นความบังเอิญหรือไม่ไม่ทราบได้ ที่การทำนายของนอสตราดามุสหลายข้อ ตรงกับข้อความการทำนายวันสิ้นโลกในพระคัมภีร์ แต่ คำพยากรณ์และการทำนายของนอสตราดามุสที่ว่า ผลกระทบยิ่งใหญ่จากดาวหางระหว่างปี ค.ศ. 2010 ถึง 2012 นั้นไปตรงกับสาเหตุหลายประการที่นักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ปัจจุบันให้แนวความคิดและเป็นแนวความคิดของความเป็นไปได้ โดยอาศัยหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า สาเหตุที่โลกจะถึงวาระแตกดับนั้น มีหลายประการจริง

    ดาวที่คาดว่าจะทำให้โลกถึงแก่ความพินาศ ในปี ค.ศ. 2012

    พระดำรัสชองพระเยซูเจ้าที่ว่ามนุษย์รุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายในโลก ทำให้หลายคนใจเสีย ก็..กลัวตายนะซีคุณ เราจะตายก่อนถึงเวลาแก่เฒ่าหรือตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บหรือโดยอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตไม่ว่ากัน แต่ตายด้วยสาเหตุที่คาดไม่ถึงว่าโลกจะระเบิดแตกดับ พวกเรามนุษย์จะสิ้นสูญไปจากโลกนี้นั้น ไม่อยากคิด! แต่..ไม่อยากคิดยังไงๆก็ต้องคิด เมื่อคิดแล้วก็อยากจะรู้ว่า อะไรคือสาเหตุที่โลกจะแตกดับ มนุษย์จะสิ้นไปจากโลก ก็คงต้องฟังนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามอธิบายให้เราฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงจะดีกว่า

    มีดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่นักดาราศาสตร์ตั้งรหัสชื่อว่า Planet-X-NIBIRU ดาวดวงนี้มีเส้นวงโคจรเป็นรูปวงรีตัดกับวงโคจรของโลกตลอดและจะมีช่วงหนึ่งที่เข้ามาใกล้โลกมากห่างไม่เท่าไร พูดได้ว่าเฉียดโลกเลยทีเดียว ผ่านเข้ามาใกล้โลกทีไรก็ทำให้โลกเกิดกลียุคทุกที ดาวดวงนี้จะโคจรเข้ามาใกล้โลกทุกๆ 3,600 ปี เมื่อ 3,600 ปีที่แล้วผ่านมาครั้งหนึ่งแล้ว เป็นสาเหตุให้ทวีปแอตแลนติกจมหายลงไปทั้งทวีปกลายเป็นมหาสมุทรแอตแลนติก ตอนนั้นน้ำท่วมโลกสูงมาก (หลายคนคิดว่าเป็นยุคน้ำท่วมโลกสมัยโนอา โปรดอ่านรายละเอียดจากพระคัมภีร์พันธะสัญญาเดิม)

    เรื่องเกี่ยวกับโนอาและน้ำมหาวินาศแรกของโลกมนุษย์ทราบรายละเอียดจากพระคัมภีร์ และยังจำพระสัญญาของพระเป็นเจ้าที่บอกโนอาและลูกหลานว่า จะไม่มีน้ำท่วมโลกอีก หากเห็นรุ้งปรากฏบนท้องฟ้านั่นคือพระสัญญาของพระองค์ ตอนนี้มนุษย์งงจริงๆ เพราะที่จะเกิดกลียุคกับโลกเราและทำให้มนุษย์สูญสิ้นไปคือน้ำท่วมโลกครั้งใหม่ โดยผลกระทบจากดาวเคราะห์ที่มีรหัสชื่อว่า Planet-X-NIBIRU ! ดาวดวงนี้จะโคจรเข้ามาใกล้โลกในปี 2009 มองเห็นได้ทางซีกโลกใต้ด้วยกล้องดูดาวพลังสูง

    ปี 2011 โคจรใกล้เข้ามา มนุษย์จะมองเห็นดาวดวงนี้ด้วยตาเปล่า โตขนาดเท่าดวงจันทร์ของเรา แต่สีจะออกสีแดงๆ

    ปี 2012 โคจรเข้ามาใกล้มาก จากนั้น จะเริ่มเกิดปฏิกิริยาต่อมวลสภาพอากาศบนโลก เศษหินจำนวนมหาศาลที่มากับดาวดวงนี้ จะพุ่งตกลงกระทบผิวโลก เป็นเหมือนฝนดาวตก และเป็นอันตรายต่อมวลชีวิตบนโลกเรา เพราะบรรยากาศของโลกไม่สามารถเสียดทานเอาไว้ได้

    ปี 2012 วันที่ 21 ธันวาคม ดาว NIBIRU โคจรเข้ามาใกล้โลกที่สุด หายนะครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดบนพื้นแผ่นดินโลก อย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

    ปี 2013 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันนั้นเป็นวันที่โลก + นิบิรุ + ดวงอาทิตย์โคจรมาอยู่ในเส้นแนวเดียวกัน แกนแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนขั้วกลับกัน ขั้วเหนือเป็นขั้วใต้และขั้วใต้เป็นขั้วเหนือ โลกจะหยุดหมุนรอบตัวเอง 3 วัน ( คือส่วนใดสว่างก็จะสว่างนาน 3 วัน ส่วนใดมืดก็จะมืดนาน 3 วัน) แผ่นดินจะแยกตัวเป็นเสี่ยงๆ น้ำทะเลจะปั่นป่วนเป็นคลื่นมหาสึนามิ ถล่มเมืองชายทะเลทุกแห่งของโลก เมื่อแผ่นหินเปลือกโลกเคลื่อนไหวตัว ลาวาใต้โลกจะพุ่งทะลักขึ้นมา เกิดเป็นภูเขาไฟมากมายทั่วทุกทวีป ที่เคยอยู่ใต้ทะเลก็จะโผล่ขึ้นเหนือทะเล ที่เคยเป็นยอดเขายอดเกาะก็จะยุบตัวลงต่ำสู่พื้นล่าง แน่นอน มนุษย์และสัตว์หลายล้านชีวิตต้องสิ้นไป บ้านเมืองถล่มทะลายไม่เหลือหรอ

    เหตุการณ์เลวร้ายเกินกว่าจะบรรยายได้ จะเกิดต่อไปจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2014 ดาวเคราะห์ NIBIRU จะโคจรห่างโลกออกไปเรื่อยๆ โลกจะเข้าสู่ภาวะสงบ แต่เมื่อถึงเวลานั้น จะเหลือชีวิตมนุษย์และสัตว์รอดจากหายนะหรือไม่ เท่าใด ไม่มีการทำนายไว้

    โดย: Petervich

    ที่มา http://forum.catholic.or.th/index.php?action=printpage;topic=296.0<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    เครดิตคุณเกษม ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่<!-- google_ad_section_end -->



    8 ก.พ. 54 รายงานข่าวแจ้งว่า ภาพปรากฎการณ์สุดประหลาด “รุ้งกินน้ำกลับหัว” ครั้งนี้ถูกเปิดเผยโดย ดร.แจ๊คกาลีน มิตตัน นักดาราศาสตร์อวกาศแห่งแคมบริดจ์ ของประเทศอังกฤษ หลังเธอสามารถบันทึกภาพดังกล่าวได้ที่หน้าบ้านของเธอเมื่อปี 2008
    เมื่อภาพดังกล่าวปรากฎออกมาก็ทำให้หลายๆ คนที่ได้เห็น ต่างพากันตื่นตกใจ และเชื่อว่าอาจเป็นสัญญาณเตือนกลียุคกำลังเกิดขึ้นก็เป็นได้
    โดยคำทำนายโบราณเรียกปรากฎการณ์นี้ว่าเป็น “รอยแสยะยิ้มพญายม (Cruach”s Grin)” ซึ่งเชื่อว่าเป็นคำเตือนจากเทพเจ้าถึงวาระสุดท้าย ของโลก
    ขณะที่ในคัมภีร์ไบเบิลของชาวคริสต์ ก็ได้มีภาพวาด “รุ้งกินน้ำกลับหัว” ประกอบอยู่ในคัมภีร์ด้วย โดยระบุว่าภาพดังกล่าวเป็นลางบอกเหตุโลกกำลังเกิดสงครามระหว่างธรรมะกับอธรรมขึ้น
    ขณะที่นักอุตุนิยมวิทยาได้มีคำอธิบายถึงปรากฎการณ์ดังกล่าวว่า เกิดจากภาวะภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง การเกิด “รุ้งกินน้ำกลับหัว” นั้นอาจเกิดจากการผสมผสานอย่างผิดธรรมชาติ โดยเรียกปรากฏการณ์นี้เรียกว่า ปรากฏการณ์แสง (the optical phenomenon a circumzenithal arc) โค้งออกไปยังดวงอาทิตย์ ซึ่งเกิดขึ้นจากการหักเหของแสงในมุมที่เหมาะสมกับผลึกน้ำแข็ง ละอองน้ำ หรือ อากาศชื้น ในชั้นบรรยากาศ แสดงสีรุ้งสดใส
    [​IMG]
    นั่นก็คือ อากาศร้อนกับอากาศหนาวเหนือชั้นบรรยากาศได้มาผสมผสานกันอย่างเฉียบพลัน ก็เลยทำให้เกิดแสงสะท้อนกลับมาเหมือนกระจก “รุ้งกินน้ำกลับหัว” จึงเกิดขึ้นดังกล่าว
    [​IMG]
    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai News
    เครดิตคุณวรเดช ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่<!-- google_ad_section_end -->

    เคยเห็นที่ชิลี 21 มีนา 2002<!-- google_ad_section_end -->


    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=610 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=std vAlign=top align=left>Circumzenithal arc, Atacama Desert, Chile. Imaged at the European Southern Observatory by Sylvain Rondi (site) on the morning of 21st March '02 when the sun was 22° high, the ideal altitude for CZAs. Image©2002 Sylvain Rondi, shown with permission.</TD></TR><TR><TD class=std vAlign=top align=left>
    The circumzenithal arc, CZA, is the most beautiful of all the halos. The first sighting is always a surprise, an ethereal rainbow fled from its watery origins and wrapped improbably about the zenith. It is often described as an "upside down rainbow" by first timers. Someone also charmingly likened it to "a grin in the sky".

    Look straight up near to the zenith when the sun if fairly low and especially if sundogs are visible. The centre of the bow always sunwards and red is on the outside.

    The CZA is never a complete circle around the zenith, that is the exceptionally rare and only recently photographed Kern arc.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    หรือหลายๆ ที่ในโลก ในสถานที่และเวลาที่แตกต่างกัน


    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    <!-- google_ad_section_start -->[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    เครดิตคุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Falkman http://palungjit.org/forums/ภา...<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2012
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การ จัด แนว แบบ ฟ้า

    [​IMG]
    On December 21, 2012 , for the first time in approximately 26,000 years ที่ 21 ธันวาคม 2012 สำหรับ ครั้ง แรก ใน ประมาณ 26,000 ปี

    [​IMG]


    ดวง อาทิตย์ จะ ขึ้น เพื่อ ร่วม กัน ตัด ของ น้ำ นม Way และ เครื่อง บิน เกี่ยว กับ สุริยุปราคา.

    [​IMG]

    ดวง อาทิตย์ aligning กับ ศูนย์ กา แลก ติก
    is referred to as the Cosmic Cross . หมาย ถึง จักรวาล Cross.

    [​IMG]

    ตาม โบราณ มา ยา วัน นี้ จะ ทำ เครื่องหมาย ที่ สิ้นสุด
    of one world as we know it and the beginning of another. หนึ่ง โลก ที่ เรา รู้ มัน และ ต้น อื่น.

    2012
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คำทำนายของโฮปิ

    โฮปิ (Hopi) เป็นชนเผ่าอินเดียนแดงโบราณที่ถูกกันให้อาศัยอยู่ในเขตสงวนบริเวณรอยต่อ ระหว่างรัฐแอริโซนา นิวเม็กซิโก ยูทาห์ และโคโลราโด ชาวโฮปิมีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลว่าวันหนึ่งแผ่นดินของ โฮปิจะถูกคนผิวขาวรุกรานและนำพาชาวโฮปิไปสู่หายนะ

    [​IMG]
    ภาพสลักหินของอินเดียนแดงเผ่า โฮปี(จาก The Hopi Prophesy Stone and Native American Tradition )

    บรรพบุรุษได้เตือน ว่าอย่าได้ต่อต้านผู้รุกรานด้วยกำลัง ขอเพียงให้ตั้งมั่นอยู่บนแหล่งที่อยู่อาศัยอย่าย้ายถิ่นฐานไปไหนและดำเนิน ชีวิตไปตามวิถีทางเดิมๆ รอจนกว่าผู้ปลดปล่อยชื่อพาฮาน่า (Pahana) จะกลับมาช่วยเหลือเมื่อโลกถึงจุดสุดท้ายของยุคที่สี่

    โลกยุคแรกสิ้น สุดลงในปี 1914 อันเป็นช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ยุคที่สองสิ้นสุดลงในปี 1940 อันเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และยุคที่สามสิ้นสุดลงในปี 1961 ส่วนยุคที่สี่จะสิ้นสุดลงเมื่อใดให้สังเกตสัญญาณบอกเหตุ 9 ประการ อันได้แก่

    1.คนผิวขาวปรากฏกายพร้อมกับสายฟ้าผ่า (ปืน)
    2.ล้อที่หมุนไปนำพาครอบครัวคนผิวขาวรุกล้ำแผ่นดินชาวโฮปิ (กองเกวียนผู้บุกเบิก)
    3.ฝูงสัตว์ป่าหน้าตาเหมือนควายแต่มีเขายาว เข้ายึดครองผืนดินชาวโฮปิ (ฝูงปศุสัตว์ของผู้บุกเบิก)
    4.งูเหล็กเลื้อยผ่านแผ่นดิน (ขบวนรถไฟ)
    5.แผ่นดินเต็มไปด้วยใยแมงมุมยักษ์ (สายไฟระโยงระยาง)
    6.แผ่นดินถูกแบ่งแยกด้วยสายธารหินที่สร้างภาพบนดวงอาทิตย์ (ถนนสร้างภาพสะท้อนลวงตา)
    7.ทะเลกลายเป็นสีดำ สิ่งมีชีวิตจำนวนมากล้มตาย (น้ำมันดิบรั่วลงสู่ทะเล)
    8.คนหนุ่มสาวไว้ผมยาวเหมือนชาวอินเดียนแดง หันมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนพื้นเมืองและให้ความสนใจในปรัชญา (ฮิปปี้)
    9.ที่พักอาศัยบนสรวงสวรรค์ร่วงหล่นจากท้องฟ้า (สถานีอวกาศ Skylab ตกในปี 1979)

    เมื่อสัญญาณบอกเหตุทั้ง 9 สิ่งเกิดขึ้นสมบูรณ์แล้ว อีกไม่กี่ปีหลังจากนั้นคนผิวขาวจะทำสงครามกับชนชาติต่างๆบนผืนแผ่นดินนอก ประเทศ ไม่นานนักจะมีผู้เก่งกาจเกิดขึ้นบนแผ่นดินเก่า (เช่น จีน อินเดีย แอฟริกา อาหรับ) เขาจะประกาศสงครามกับคนผิวขาว อเมริกาจะถูกทำลาย สถานที่หลบภัยไม่สามารถป้องกันภัยพิบัติได้ ผู้คนจำนวนมากจะล้มตาย ผู้ที่เหลือรอดคือคนที่มีสันติภาพอยู่ในใจ (อาจหมายถึงพวกที่ใช้ชีวิตสันโดดห่างไกลความเจริญทางวัตถุ) เมื่อถึงเวลานั้นพาฮาน่าจะกลับมาช่วยเหลือ ผู้ที่รอดชีวิตจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและสีผิว เป็นอันสิ้นสุดโลกยุคที่สี่

    เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นตรงกับคำทำนายของ บรรพบุรุษชาวโฮปิแล้วทุกประการนอกจากผู้เก่งกาจบนแผ่นดินเก่ายังไม่ปรากฏตัว หรืออาจจะปรากฏตัวขึ้นแล้วแต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเขา ก็รอดูกันว่าเหตุการณ์สุดท้ายของคำทำนายจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้หรือไม่

    ทฤษฎีคลื่นเวลา

    ต้นทศวรรษที่ 1970 เทอร์เรนซ์ แม็คเคนน่า (Terrence McKenna) นักเขียนและนักค้นคว้าให้ความสนใจกับคัมภีร์อี้จิงของชาวจีนโบราณ เขาสังเกตว่าคำพยากรณ์เขียนเป็นสัญลักษณ์ 64 รูปแบบที่ปรากฏในคัมภีร์นั้น ประกอบขึ้นจากเส้นเดี่ยวและเส้นคู่ 6 แถวเท่านั้น ซึ่งสัญลักษณ์เหล่านี้เมื่อเขียนกลับหัวจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของตัวถัดไปที่ อยู่ติดกันนอกจากสัญลักษณ์ตัวที่ 1, 2, 27, 29, 61 และ 62 เมื่อเขียนกลับหัวก็ยังคงมีรูปร่างเหมือนเดิม

    เทอร์เรนซ์ศึกษาคัมภีร์อี้ จิงอย่างเอาเป็นเอาตาย เขานำความรู้ที่ได้มาแปลงเป็นสมการคณิตศาสตร์แล้วให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำ การคำนวณอิทธิพลของดวงดาวต่อเหตุการณ์สำคัญตามหลักโหราศาสตร์แล้วนำมาเทียบ เคียงเปรียบเทียบกับวันเวลาตามความเป็นจริง ซึ่งเขาพบว่าเส้นกราฟจะตกลงถึงจุดต่ำสุดในวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญๆบนโลก ทุกครั้ง และไม่ต้องบอกก็คงจะเดากันได้ว่าเส้นกราฟตกลงถึงศูนย์ในวันที่ 21 ธันวาคม 2012

    หากยังไม่เชื่อคำทำนายเหล่านี้ ลองมาดูวิชาดาราศาสตร์สมัยใหม่กันบ้าง เวลา 23.11 น. ของวันที่ 21 ธันวาคม 2012 ดวงอาทิตย์จะโคจรเข้าสู่จุดที่เส้นศูนย์สูตรของดวงอาทิตย์หันตรงกับจุดกึ่ง กลางของทางช้างเผือก ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งในทุกๆ 26,000 ปี เหตุการณ์นี้ย่อมส่งผลกระทบต่อสนามแม่เหล็กโลก แต่จะรุนแรงแค่ไหนอีก 3 ปีเราจะได้รู้กัน

    [​IMG]


    นอกจากนี้ยังมีการตีความคำ ทำนายของนอสตราดามุส (Nostradamus) และโหรดังๆในอดีตหลายท่านว่าโลกจะถึงกาลอวสานในปี 2012 เช่นเดียวกัน เมื่อนำคำนายและความเชื่อเหล่านี้มารวบรวมเข้าด้วยกัน ทำให้ทฤษฎีวันสิ้นโลกฟังดูมีน้ำหนักมากขึ้น ทั้งๆที่หากวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดจะพบว่ามันเป็นการจับแพะมาชนแกะเท่า นั้นเอง

    ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 5 ฉบับที่ 233 วันที่ 14-20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 หน้า 42 คอลัมน์ ร้ายสาระ โดย ศิลป์ อิศเร

    2012 วันสิ้นโลก(หน้า 1) - Mysterious - Mythland | รวมเรื่องลึกลับ | The Mysterious World,เรื่องลึกลับ,UFO,จานบิน,มนุษย์ต่างดาว,เ<!-- google_ad_section_end -->
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อันนี้เอามาแปะไว้เพื่อบอกว่ายังมีระเบิดอีกลูกที่ถอดสลักแล้ว คือก๊าซมีเทนใต้น้ำแข็ง
    แบบว่า ถึงแม้ นิบิรุ หรือ planet x จะไม่มาตามนัด แต่ยุคน้ำแข็งกลับมาเยือนโลก
    ก็ใกล้เคียงความจริง


    ภาวะโลกร้อนกับก๊าซมีเทนใต้น้ำแข็ง

    ผมมีโอกาสได้ดูรายการจับเข่าคุยตอนที่ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ท่านมาเป็นแขกรับเชิญ และก็ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องภาวะโลกร้อน ซึ่งมีเนื้อหาที่น่าสนใจมากอยู่หลายเรื่อง วันนี้ผมขอยกเอาเรื่องของก๊าซมีเทนที่พบอยู่เป็นจำนวนมากในแถบเหนือของโลกมาเขียนเพื่อให้เพื่อนๆอ่านกันนะครับ

    ก๊าซมีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีความรุนแรงมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 23 เท่าตัวเลยทีเดียว และก็เป็นก๊าซที่มีส่วนที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนอยู่ในตอนนี้ เป็นข่าวร้ายที่นักวิทยาศาสตร์ได้พบก๊าซมีเทนจำนวนมากมายมหาศาลประมาณ 400,000 ล้านตัน อยู่ภายใต้น้ำแข็งทางแถบเหนือของไซบีเรีย และภาวะโลกร้อนก็กำลังทำให้น้ำแข็งละลาย จึงทำให้ก๊าซมีเทนพวกนี้กำลังค่อยๆถูกปล่อยออกมาทำลายชั้นบรรยากาศของโลกเรา
    ก๊าซมีเทนพวกนี้มาจากไหน? ดร.อาจองท่านได้บอกว่า แต่ก่อนบริเวณขั้วโลกเหนือในปัจจุบันไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งนั้น ไม่มีน้ำแข็งปกคลุม จึงมีสัตว์และพืชมากมายอาศัยอยู่บริเวณนั้น แต่เกิดเหตุการณ์ที่แกนโลกเปลี่ยนอย่างฉับพลัน จึงทำให้บริเวณนั้นกลายไปเป็นขั้วโลก และอุณหภูมิก็ลดลงอย่างรวดเร็ว จากประมาณ 20 องศาเซลเซียสขึ้นไป กลายเป็นติดลบกว่า 50 องศาในทันที สิ่งมีชีวิตทั้งหมดถูกแช่แข็งในทันที และเมื่อเวลาผ่านไปน้ำแข็งก็เริ่มปกคลุมหนาขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างที่ให้เห็นก็มีร่างของช้างแมมมอธที่มนุษย์ขุดพบ ถูกน้ำแข็งแช่ไว้จึงไม่เน่า และบางตัวยังมีหญ้าอยู่ในปาก เพราะว่าถูกแช่แข็งในทันทีขณะที่ยังกินอาหารอยู่
    เมื่อซากของสิ่งมีชีวิตมากมายถูกฝังไว้ใต้น้ำแข็ง จึงทำให้เกิดก๊าซมีเทนจำนวนมากเกิดขึ้น แต่ก็ขึ้นมาสู่ผิวโลกไม่ได้เพราะว่าถูกชั้นน้ำแข็งกักเก็บไว้ แต่ปัจจุบันภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเริ่มละลาย ก๊าซมีเทนพวกนี้กำลังค่อยๆถูกปล่อยออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ และจะเป็นอีกตัวการที่เร่งให้เกิดความรุนแรงของภาวะโลกร้อนที่มากขึ้น
    ถ้าพวกเรายังไม่ช่วยกันลดภาวะโลกร้อนตอนที่ยังมีเวลา มนุษย์อย่างเราอาจจะต้องตกอยู่ในสถาณการณ์เดียวกับช้างแมมมอธก็ได้ ไม่แน่ในอนาคตอาจจะมีใครขุดพบคุณถูกแช่แข็งไว้ และก็ยังมีอาหารอยู่ในปากก็เป็นได้ คราวหน้าผมจะเอาเรื่องที่แกนโลกมีโอกาสเปลี่ยนแปลงเพราะภาวะโลกร้อนมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะครับ อันนี้น่ากลัวมากๆ

    ภาวะโลกร้อนกับก๊าซมีเทนใต้น้ำแข็ง | ภาวะโลกร้อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2012
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ ศุกร์ มกราคม 2551
    อะไรจะเกิดขึ้น.. เมื่อน้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว .....
    <!-- Main -->ยุคน้ำแข็งยุคสุดท้ายบนโลกผืนแผ่นดินถูกปกคลุมด้วยธารน้ำแข็ง (Glaciers) จำนวน 32 เปอร์เซ็นต์ แต่ปัจจุบันนี้ธารน้ำแข็งเหลือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ หากธารน้ำแข็งทั้งหมดบนโลกและน้ำแข็งอื่นๆบนพื้นผิวละลายไปจนหมด ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น 270 ฟุต หรือ 70 เมตร ธารน้ำแข็งอาจมีอายุยาวนานหลายล้านปี การเปลี่ยนแปลงโดยการเพิ่มขึ้นหรือการหดตัวของธารน้ำแข็งขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ปกติธารน้ำแข็งจะไหลหรือเคลื่อนที่อย่างช้าๆ และใช้เวลาเป็นศตวรรษหรือนับพันปี ทว่าขณะนี้มันเปลี่ยนแปลงภายในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น

    [​IMG]
    ภาพถ่ายปริมาณน้ำแข็งบริเวณอาร์ติก เซอร์เคิล เมื่อปี ค[1].ศ. 2003 โดยดาวเทียมเทอรา


    ปี ค.ศ. 2003 ดาวเทียมตรวจสภาพแวดล้อม “เทอรา” ขององค์การนาซ่าตรวจพบว่าน้ำแข็งบริเวณ อาร์ติกเซอร์เคิล ขั้วโลกเหนือละลายไปเป็นจำนวนมาก นักวิทยาศาสตร์โครงการเทอรากล่าวว่านี่คือหลักฐานแสดงว่าโลกร้อนขึ้นซึ่งเกิดจากน้ำมือของมนุษย์และเป็นสัญญาณในระดับอันตราย
    ต่อมาในปี ค.ศ. 2004 นักวิทยาศาสตร์สองทีมเผยผลการศึกษาสภาวะโลกร้อนขึ้นซึ่งได้ผลตรงกันว่า อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นราว 1 องศาฟาเรนไฮต์มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1900 และในบริเวณอาร์กติกอุณหภูมิสูงขึ้น 4 ถึง 7 องศาฟาเรนไฮต์ในรอบ 50 ปีเลยทีเดียว มันทำให้ปริมาณหิมะลดลง และธารน้ำแข็งละลายลงสู่ทะเล การเปลี่ยนแปลงนี้ยังคุกคามต่อชีวิตหมีขั้วโลก 25 ปีที่ผ่านมาพวกมันลดจำนวนลง 15 เปอร์เซนต์และน้ำหนักตัวลดลดลงด้วย ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาธารน้ำแข็งบริเวณแอนตาร์กติกา ขั้วโลกใต้ และอาร์กติก ขั้วโลกเหนือ ละลายอย่างรวดเร็วรวมทั้งแผ่นน้ำแข็งชายฝั่งก็ละลายจนแตกออกเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาหลายก้อน
    การศึกษาล่าสุดโดยทีมวิจัย British Antarctic Survey(BAS) นำโดยอลิสัน คุก ซึ่งตีพิมพ์ผลงานในนิตยสาร journal Science. ฉบับวันที่ 22 เมษายน 2005 เผยว่า ธารน้ำแข็งจำนวน 84 เปอร์เซ็นต์ ในบริเวณบางส่วนของแอนตาร์ติกหดตัวจากการละลายตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ด้วยสาเหตุอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทีมวิจัยบาสทำการศึกษาจากภาพถ่ายทางอากาศจำนวน 2,000 ภาพ ซึ่งบางภาพถ่ายไว้ตั้งแต่ทศวรรษ 1940 รวมทั้งภาพถ่ายจากดาวเทียมด้วย คุกกล่าวว่า ครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาธารน้ำแข็งเกือบทั้งหมดบริเวณแอนตาร์กติกซึ่งไหลลงจากภูเขาสู่ทะเลยาวขึ้นอย่างช้าๆตลอดมา ทว่า เดี๋ยวนี้มันกลับตรงกันข้าม “ 5ปีหลัง ธารน้ำแข็งส่วนใหญ่หดตัวอย่างรวดเร็ว “
    เดวิด วอนจ์ นักธารน้ำแข็งวิทยา หนึ่งในทีมสำรวจบอกว่า “ การหดตัวของธารน้ำแข็งจำนวนมากบริเวณคาบสมุทรแอนตาร์กติกในช่วงเวลา 50 ปี มีสาเหตุใหญ่จากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ “ ทีมวิจัยบาสเคยทำนายไว้ในปี ค.ศ. 1998 ว่า แผ่นน้ำแข็งชายฝั่งหลายก้อนรอบๆคาบสมุทรแอนตาร์กติกจะละลายเพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้น คำทำนายนี้กลายเป็นความจริงและรุนแรงกว่าที่คาดหมายไว้มาก มันเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 31 มกราคม ถึง 7มีนาคม 2002 แผ่นน้ำแข็งชายฝั่งชื่อ ลาร์เซน บี (Larsen B ice shelf) ขนาด 3,250 ตารางกิโลเมตร และหนา 200 เมตร ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของคาบสมุทรแอนตาร์กติกแตกออกเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่และเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกนับพันชิ้น ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดยาว 100 ไมล์ ชื่อ B15A และกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และล่าสุดเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2005 แผ่นน้ำแข็งลาร์เซน บี แตกอีกครั้งหนึ่งส่วนที่แตกออกกลายเป็นภูเขาน้ำแข็ง ขนาด 16 คูณ 35 ตารางไมล์ ชื่อ A-53

    [​IMG]

    [​IMG]
    แผ่นน้ำแข็ง ลาร์เซน บี ถ่ายจากเรือสำรวจ เจมส์ คลาร์ก รอส ของทีมวิจัยบาส เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2002

    ทีมวิจัยบาสเชื่อว่าอากาศบริเวณคาบสมุทรแอนตาร์กติกคงที่เป็นเวลาอย่างน้อยที่สุด 1800 ปี แต่ปัจจุบันนี้มันกำลังเปลี่ยนแปลงไป 50 ปีที่ผ่านมา อุณหภูมิบริเวณนี้สูงขึ้น 4.5 องศาฟาเรนไฮต์หรือ 2.5 องศาเซลเซียส มากกว่าพื้นที่อื่นๆในบริเวณขั้วโลกใต้ ทางด้านอาร์กติกขั้วโลกเหนือ ธารน้ำแข็งก็หดสั้นลงและละลายอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันกับขั้วโลกใต้
    ปลายเดือน ธันวาคม 2004 ทีมสำรวจธารน้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์รายงานว่า ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดของกรีนแลนด์ชื่อ “Jakobshavn Isbrae” มีอัตราการละลายเป็นสองเท่าจากเดิมและไหลลงทะเลอย่างรวดเร็ว ธารน้ำแข็งนี้เคยไหลลงทะเลในอัตราความเร็ว 3.45 ไมล์ต่อปีในระหว่างปี 1992-1997 แต่ในปี 2003 มันไหลด้วยอัตราความเร็ว 7.83 ไมล์ต่อปี และความหนาของมันลดลงราว 49 ฟุตในทุกๆปีนับตั้งแต่ปี 1997เป็นต้นมา ผลจากการละลายอย่างรวดเร็วนี้ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น .002 นิ้วต่อปี(.06 มิลิเมตร) หรือราว 4 เปอร์เซนต์ของอัตราการเพิ่มของระดับน้ำทะเลในศตวรรษที่ 20 และธารน้ำแข็งอื่นๆในกรีนแลนด์ก็บางลงประมาณ 1 เมตรต่อปีซึ่งเกิดจากการละลายด้วยสาเหตุโลกร้อนขึ้น
    โลกร้อนขึ้นเป็นผลมาจากปรากฏการณ์เรือนกระจก(greenhouse effect) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ชั้นบรรยากาศของโลกถูกห่อหุ้มด้วยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งกั้นรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่ตกลงบนผิวโลกไม่ให้สะท้อนกลับขึ้นสู่อวกาศ เหมือนเรือนกระจกที่ใช้เพาะปลูกต้นไม้ในประเทศเขตหนาว ซึ่งพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านเข้าไปภายในเรือนกระจกได้แต่ความร้อนยังคงอยู่ภายใน ก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญมี 6 ชนิด ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซมีเทน (CH4) ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N2O) ก๊าซไฮโดรฟลูโรคาร์บอน (HFCS) ก๊าซเปอร์ฟลูโรคาร์บอน (CFCS) และก๊าซซัลเฟอร์เฮกซ่าฟลูโอโรด์ (SF6) โดยเฉพาะอย่างยิ่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมและยานยนต์เพิ่มปริมาณจาก 278 ส่วนในล้านส่วน ก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็น 380 ส่วนในล้านส่วนในปี 2003
    ผลการศึกษาภาวะโลกร้อนชิ้นล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์นาซ่า มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มหาวิทยาลัยนิวยอร์คและห้องปฏิบัติการลอว์เรนซ์เบิร์กเลย์ ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสารไซน์ฉบับล่าสุดสรุปว่าโลกดูดกลืนพลังงานจากดวงอาทิตย์มากกว่าที่สะท้อนหรือแผ่กลับไปสู่อวกาศทำให้พลังงานอยู่ในสภาวะ”ไม่สมดุล” ส่งผลให้โลกร้อนขึ้น ความไม่สมดุลของพลังงานมีค่าเท่ากับ 0.85 วัตต์ต่อตารางเมตร ซึ่งจะทำให้โลกร้อนขึ้น 0.6 องศาเซลเซียสหรือ 1 องศาฟาเรนไฮต์เมื่อสิ้นสุดศตวรรษนี้
    จิม แฮนเซน หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ จาก NASA's Goddard Institute for Space Studies อธิบายว่า ความไม่สมดุลของพลังงานเป็นผลมาจากพอลลูชั่นในชั้นบรรยากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ มีเทน โอโซน และอนุภาคคาร์บอนดำ พอลลูชั่นเหล่านี้กั้นความร้อนที่แผ่จากโลกที่ไปยังอวกาศและยังเพิ่มการดูดกลืนแสงอาทิตย์อีกด้วย
    เมื่อ 30 ปีก่อน นักอุตุนิยมวิทยาทำนายไว้ว่าภาวะโลกร้อนจะปรากฏเด่นชัดในบริเวณขั้วโลก ขณะนี้มันกลายเป็นความจริงแล้ว การเปลี่ยนแปลงของน้ำแข็งที่ขั้วโลกไม่เพียงแต่ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเท่านั้น แต่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาวะทางเคมีในมหาสมุทร การไหลเวียนของบรรยากาศและมหาสมุทรและระบบอากาศของโลกด้วย

    บทความโดย
    บัณฑิต คงอินทร์ bandish.k@psu.ac.th
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สึนามิญี่ปุ่นทำแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกใต้แตก!!!-11/08/2011 10:20

    เหตุการณ์สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา นับว่าเป็นปรากฎการณ์แผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สร้างความเสียหายให้กับชายฝั่งประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก แต่ล่าสุด เห็นทีว่ามันจะร้ายแรงกว่าที่เราคิดเสียแล้ว เมื่อนาซ่าได้เปิดเผยว่า เหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่นตอนนั้นมีแรงสั่นสะเทือนถึงกับทำให้แผ่นน้ำแข็งขั้วโลกใต้แตกและแยกตัวจากขั้วโลก ขนาดใหญ่เท่าเมือง ๆ หนึ่งเลยทีเดียว

    เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา องค์การวิทยาศาสตร์โลกของนาซ่า เปิดเผยภาพสุดอึ้งของการแตกของแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิที่เกิดขึ้นบริเวณชายฝั่งประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา

    โดยองค์การวิทยาศาสตร์โลกของนาซ่า ได้ระบุว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ทางองค์การนาซ่าได้สังเกตจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากร พบว่า มีก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาแตกออกมาจากแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกาที่เกาะกันเป็นแผ่นมานานหลายล้านปี โดยแผ่นน้ำแข็งที่แตกออกมานี้มีขนาดยาว 9.5 กิโลเมตร กว้าง 6.5 กิโลเมตร และหนาประมาณ 80 เมตร ซึ่งมีขนาดพอ ๆ กับแมนฮัตตันในนิวยอร์ค ก่อนจะค่อย ๆ ลอยสู่ทะเลในที่สุด

    จากปรากฎการณ์ดังกล่าวนี้ แสดงให้เห็นว่า คลื่นสึนามิที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น ส่งผลกระทบมากกว่าที่เราคิดมาก เพราะคลื่นซัดมาไกลถึงแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกที่อยู่ไกลจากพื้นที่เกิดเหตุกว่า 13,000 กิโลเมตร ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐฯ ได้วิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียมว่า แผ่นดินไหวใต้น้ำอาจจะทำให้เกิดคลื่นสูงและค่อย ๆ อ่อนกำลังลงเรื่อย ๆ ในพื้นที่ที่ไกลออกไป แต่คลื่นที่สูงเพียง 30 เซนติเมตรที่ซัดมาถึงชายฝั่งน้ำแข็งแอนตาร์กติกา และซัดเป็นจังหวะขึ้นลงซ้ำ ๆ นั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้แผ่นน้ำแข็งแตกออกมาได้แล้ว

    ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีรายงานเกี่ยวกับการแตกตัว และการละลายของแผ่นน้ำแข็งอายุหลายล้านปีบริเวณขั้วโลกถี่ขึ้นเรื่อย ๆ และขนาดก้อนน้ำแข็งที่แตกออกมาก็มีขนาดใหญ่มาก โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2551 ก็เคยมีรายงานว่าแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกขนาดพอ ๆ กับแมนฮัตตันเช่นกัน ได้แตกตัวออกจากขั้วโลกเหนือ ก่อนจะละลายลงสู่ทะเลอย่างรวดเร็ว และเมื่อปีที่แล้วก็มีรายงานว่ามีแผ่นน้ำแข็งขนาดพื้นที่ 260 ตารางกิโลเมตรแตกตัวออกมาจากธารน้ำแข็งปีเตอร์มานน์ทางตอนเหนือของกรีนแลนด์ ซึ่งปรากฎการณ์เหล่านี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดาผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเป็นอย่างมาก เนื่องจากโดยปกติแล้วแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกมีความมั่นคงแข็งแรง

    ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ ก็เปิดเผยว่าการแตกตัวของแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกนั้นน่าตกใจกว่าปรากฎการณ์น้ำแข็งขั้วโลกละลายเสียอีก เพราะน้ำแข็งชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่แตกตัวออกมาแล้วลอยสู่ทะเลที่มีอุณหภูมิที่สูงกว่าขั้วโลกนั้น ย่อมละลายเร็วกว่าแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ ซึ่งปรากฎการณ์นี้ยิ่งกระตุ้นให้เกิดการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในเวลาที่รวดเร็วขึ้นนั่นเอง

    <IFRAME src="http://www.youtube.com/embed/GL5gVPoz-uE" frameBorder=0 width=560 height=349 allowfullscreen=""></IFRAME>​

    อธิบายรูป
    รูปที่ 1 ภาพแผ่นน้ำแข็งในขั้วโลกใต้เมื่อวันที่ 12 มีนาคม (หลังเกิดสึนามิ 1 วัน)
    รูปที่ 2 ภาพแผ่นน้ำแข็งในขั้วโลกใต้เมื่อวันที่ 16 มีนาคม

    ปล. อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง Butterfly Effect เลย เกิดเหตุอะไรขึ้นมาแล้วก็จะมีผลกระทบต่อไปเรื่อยๆ
    <SCRIPT type=text/javascript><!-- google_ad_client = "ca-pub-1808080543569469"; /* top_banner_728x90_2 */ google_ad_slot = "8232723356"; google_ad_width = 728; google_ad_height = 90; //--> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20120111/r20110914/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><IFRAME id=google_ads_frame2 name=google_ads_frame2 marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-1808080543569469&output=html&h=90&slotname=8232723356&w=728&lmt=1327284527&ea=0&flash=10.3.183.7&url=http%3A%2F%2Fwww.dooview.com%2F463_%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B6%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%258D%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%259C%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2589%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%2581&dt=1327284527259&shv=r20120111&jsv=r20110914&saldr=1&prev_slotnames=4905594077&correlator=1327284525791&frm=20&adk=132037945&ga_vid=706685905.1327284526&ga_sid=1327284526&ga_hid=1215229559&ga_fc=0&u_tz=420&u_his=8&u_java=1&u_h=768&u_w=1024&u_ah=738&u_aw=1024&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&dff=trebuchet%20ms&dfs=14&adx=253&ady=1298&biw=1003&bih=644&oid=3&ref=http%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2Fsearch%3Fq%3D%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%2B2011%26hl%3Dth%26gbv%3D2%26prmd%3Divns%26ei%3DJ7ccT7GUDs7rrQfMou3QDQ%26sa%3DN%26gs_sm%3Ds%26gs_upl%3D1254211l1266477l0l1268149l28l26l0l13l1l0l437l2718l0.1.8.0.1l11l0%26oq%3D%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%2B2011%26aq%3Df%26aqi%3D%26aql%3D&fu=0&ifi=2&dtd=94" frameBorder=0 width=728 scrolling=no height=90 allowTransparency></IFRAME>​
    << Next
    Back >>
    [​IMG] <LINK href="/cache_img/photo/1/463/1313032814_29183-500x0.jpg" rel=image_src>
    รูปภาพ สึนามิญี่ปุ่นทำแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกใต้แตก!!! รูปที่ 1 ขนาดจริง
    [​IMG] <LINK href="/cache_img/photo/1/463/1313032816_75978-500x0.jpg" rel=image_src>
    รูปภาพ สึนามิญี่ปุ่นทำแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกใต้แตก!!! รูปที่ 2 ขนาดจริง

    สึนามิญี่ปุ่นทำแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกใต้แตก!!! รูป ภาพ รูปภาพ รูปถ่าย photo picture : Dooview.com
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    แกนโลกเอียงเพิ่มขึ้นอีก 26 องศา เป็น 49.5 องศา แล้วจริงหรือ ?

    ความจริงแล้วข้อมูลเรื่องนี้ไม่ใช่ข้อมูลใหม่อะไร แต่เป็นเพียงข้อมูลที่มีอยู่แล้วและน่าสนใจอย่างยิ่ง แม้ว่าในตอนนี้กระแสเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับภัยธรรมชาติ ภัยพิบัติ และการเปลี่ยนแปลงของโลกเราดูเงียบไป โดยเฉพาะประเทศไทยที่ตอนนี้นั้นข่าวทุกสำนักให้ความสำคัญไปที่การเลือกตั้ง ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ดังนั้น ผมจึงอยากนำข้อมูลเรื่องนี้มาเขียนเป็น Entry หากมีเพื่อนบล็อกเกอร์ และผู้อ่านท่านใดสนใจที่จะศึกษาและเก็บไว้เป็นองค์ควมรู้ของชีวิตต่อไปครับ.... และเพื่อทุกคนจะเตรียมพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ไม่ใช่วันสิ้นโลกอย่างที่เข้าใจกัน อาจะเป็นเพียง "การเปลี่ยนผ่านยุคหนึ่งไปสู่อีกยุคหนึ่งเท่านั้น..."

    ข้อมุลนี้มีแหล่งที่มาจาก http://atcloud.com/stories/47430 ซึ่งผมเองพยายามหาคลิปดังกล่าว แต่ยังไม่พบ ทั้งข้อมูลนี้ผมได้จากรุ่นพี่ที่ส่งมาให้ทางอีิเมล์ ประกอบกับการได้เข้าไปดูในเว็บที่อ้างอิงข้างต้น เพื่อความสมบูรณ์ในเนื้อหาข้อมูล....


    นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าทุก 4 หมื่นปีเศษ แกนโลกจะเอียงในแต่ละครั้ง !?! ...
    ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ แกนโลกเอียงอยู่ที่ 23.5 องศา ทำให้เกิดฤดูกาลปกติ แต่ปัจจุบันอะไรเป็นสาเหตุให้แกนโลกเอียงเพิ่มขึ้น จึงทำให้โลกร้อนเพิ่มขึ้นและโลกหนาวเพิ่มขึ้น เป็นเหตุให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วขึ้น ผลคือชายฝั่งทะเลทั่วโลกจมน้ำเพิ่มขึ้นทุกปี ฝนตกมากนานผิดปกติในแต่ละพื้นที่ ผลคือดินบนภูเขาพังทะลายทับหมู่บ้าน และน้ำท่วมนานนับเดือน เพราะน้ำทะเลเอ่อสูงดันน้ำแม่น้ำไว้ ...

    นักวิทยาศาสตร์หลายประเทศเริ่มเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า แกนโลกเอียงเพิ่มขึ้น ! แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดินหลายครั้งในหลายประเทศ หรือเพราะมนุษย์สร้างเขื่อนขนาดใหญ่กักเก็บน้ำในหลายประเทศเพิ่มมากขึ้น หรือเป็นเพราะทั้งสองอย่าง จนมีผลกับแรงเหวี่ยงประจำวันเพื่อรักษาสมดุลย์ในการหมุนรอบตัวเองของโลก ทำให้แกนโลกเอียงเพิ่มขึ้น ! ...

    หรือไม่น่าจะเกี่ยวข้องเลย !?! ... แต่เป็นเพราะว่า ถึงรอบ 4 หมื่นปีเศษ ตามธรรมชาติของโลกใบนี้แล้ว ? ... แล้วคุณล่ะ ! เตรียมรับผลกระทบกับชีวิตประจำวันอย่างไร หากธรรมชาติที่เริ่มผิดปกติกำลังคืบคลานมาเยี่ยมคุณและครอบครัวในทุก ๆ ฤดูกาล นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป !

    เมื่อ แกน โลก เอียงจากเดิม 23.5 องศา จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลและเวลาตามที่นักวิทยาศาสตร์ คาดการณ์ไว้ดังนี้
    [​IMG]

    เมื่อกำหนดเส้นตั้งฉากโลกกับพระอาทิตย์ ในเดือน มีนาคม
    [​IMG]

    [​IMG]

    กับภาพจำลองหลังแกนโลกเอียงจะพบว่า

    ประเทศไทยจะอยู่เหนือแกนเส้นศูนย์สูตรของโลก

    จะอยู่ในช่วง ฤดูใบไม้ผลิหรือใบไม้ร่วง บ้านเราก็อุ่นๆ
    [​IMG]

    [​IMG]


    การสมดุลย์ของเวลา ก็จะใช้ 12 ชั่วโมงทั้งกลางวันและกลางคืนเหมือนเช่นเคย
    [​IMG]




    แต่เมื่อกำหนดเส้นตั้งฉากโลกกับพระอาทิตย์ ในเดือน มิถุนายน

    [​IMG]


    [​IMG]



    ก็จะเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน และร้อนมากในเวลากลางวัน หนาวมากในเวลากลางคืน



    เพราะประเทศไทยจะหมุนตั้งฉากกับแกนของดวงอาทิตย์พอดีในเวลากลางวัน




    และขึ้นไปอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรในเวลากลางคืน



    [​IMG]




    [​IMG]



    เวลาก็จะเกิดความแตกต่างกันตามเส้นแบ่งของโลก จะเห็นได้ว่าเกิดการเหลื่อมของเวลามากขึ้น

    (เราอาจจะต้องมีการกำหนดวันที่ตั้งเวลาใหม่เหมือนประเทศออสเตเรียก็เป็นได้)



    [​IMG]





    ส่วนที่มีผลกระทบมากที่สุดคือ เราจะมีกลางวันที่นานขึ้น สว่างเร็วขึ้น กลางคืนที่สั้นลง




    อาจจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกตอนสองทุ่ม




    ที่ชัดเจนมากคือ ขั้วโลกเหนือ จะสว่าง 24 ชั่วโมง(น้ำแข็งละลายหมดแน่ๆ)




    และ ขั้วโลกใต้จะมืด 24 ชั่วโมง





    [​IMG]





    แต่เมื่อกำหนดเส้นตั้งฉากโลกกับพระอาทิตย์ ในเดือน กันยายน




    [​IMG]





    [​IMG]





    เราก็จะกลับมาเริ่มหนาวกะฝนกันอีกครั้งครับ


    [​IMG]




    การสมดุลย์ของเวลา ก็จะใช้ 12 ชั่วโมงทั้งกลางวันและกลางคืนเหมือนเช่นเคย




    [​IMG]


    เมื่อกำหนดเส้นตั้งฉากโลกกับพระอาทิตย์ ในเดือน ธันวาคม




    [​IMG]




    เราก็จะเข้าฤดูหนาว




    [​IMG]




    เวลาที่กลางคืนก็จะนานกว่ากลางวัน มืดเร็วขึ้น หนาวนานขึ้น

    เวลาก็อาจจะเปลี่ยนตามแกนโลกอีกครั้ง



    [​IMG]





    [​IMG]

    http://www.oknation.net/blog/Joseph/2011/06/09/entry-1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2012
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=XrvnArIaOl4]Snow in the desert, saudi arabia - YouTube[/ame]

    อัปโหลดโดย TheMegamoha88 เมื่อ 21 ม.ค. 2012
    http://www.drifting-king.com/
    Snow in the desert of saudi arabia, incredible phenomenon of nature, or climate change is something more than real, snow sahara algerian , africa
     
  11. AmpeerA

    AmpeerA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +900
    ก่อนหน้านี้ เคยรู้สึกว่า เม็ดมะยมที่ได้เห็นในเวบ อาจเป็นจุดสว่างที่สุดของภาพถ่ายดวงอาทิตย์ ที่ccd หลายสำนักออกแบบกันออกมาเมื่อความสว่างเกินค่าที่กำหนด เพื่อป้องกัน pixel เสียหาย ที่ผ่านๆมา เราจึงเห็นจุดดำมักอยู่ตรงกลางของการกระจายแสงเสมอ ซึ่งก็คือตัวดวงอาทิตย์นั่นเอง ถึงแม้จะมีเมฆมาบังในบางครั้ง ก็ยังคงเข้าconcept นี้อยู่ดี แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจ คลิปด้านล่างดูเหมือนมีดาวเคราะห์ ลอยอยู่ระหว่างกล้องกับดวงอาทิตย์ เมื่อดูจนจบ ทิศทางหรือจุดศูนย์กลางของแสงที่แผ่ออกมา ดูเหมือนไม่ค่อยสัมพันธ์กับจุดดำอย่างที่เคย แปลกดี

    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/EHqY3tYZdVE?version=3&feature=player_detailpage"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/EHqY3tYZdVE?version=3&feature=player_detailpage" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></object>
     
  12. AmpeerA

    AmpeerA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +900
    ขาประจำ ที่เคยถ่ายได้ก็ยังคงถ่ายได้ตลอดเวลา แถมยังจั่วหัวโต้งๆว่า เธอยังคงมาลอยอยู่บนหัว ให้จับภาพเล่น ที่อิตาลีทุกคืน

    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/xw852QA6T-U?version=3&feature=player_detailpage"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/xw852QA6T-U?version=3&feature=player_detailpage" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></object>
     
  13. AmpeerA

    AmpeerA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +900
    ข้อสังเกตุสภาวะอากาศและทิศทางของ jetstream
    แสดงให้เห็นว่า
    ขั้วเหนือกำลังขยับออกจากตำแหน่งเดิมไปทางไซบีเรียมากจนผิดปกติ
    แถมกำลังออกนอกเส้นทางเดิมที่เคยวนไปมา
    ถ้ามีแรงภายนอกมากระทำให้เกิดขึ้น
    สิ่งนั้นจะต้องลอยอยู่ในทิศตรงกันข้ามกับไซบีเรีย
    และค่อนไปทางใต้ กรณีขั้วโลกใต้ถูกดึง หรือ ค่อนไปทางเหนือกรณีถูกผลัก
    ที่แน่ๆ สิ่งนั้นจะอยู่ในแนวเส้นตรงนี้เท่านั้น

    มันอยู่แนวประเทศไหนนะนี่

    [​IMG] <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/BTa6hBVXzZE?version=3&feature=player_detailpage"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/BTa6hBVXzZE?version=3&feature=player_detailpage" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></object>
     
  14. AmpeerA

    AmpeerA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +900
    ข่าวด๋วน ข่าวด่วน จร้า....
    มีคนถ่ายดาวประหลาดชัดเป้ง อยู่แถวขั้วโลก
    ของจริงหรือเปล่า ไม่แน่ใจ ตัดสินใจกันเอาเองเด้อคับ

    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/G4kOSjm224Y?version=3&feature=player_detailpage"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/G4kOSjm224Y?version=3&feature=player_detailpage" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></object>
     
  15. AmpeerA

    AmpeerA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +900
    และ....ตอนนี้เมกากำลังจับตา ดาวเคราะห์ ประหลาด
    ที่ดันมาโคจรอยู่รอบ.....โลก
    ยังกะดวงจันทร์น้อย คอยรัก ยังไงยังงั้นเชียว
    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/ZHoVRkd-xbw?version=3&feature=player_detailpage"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/ZHoVRkd-xbw?version=3&feature=player_detailpage" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></object>
     
  16. AmpeerA

    AmpeerA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +900
    พวกเค้ากำลังดาหน้ากันเข้ามาอย่างพร้อมเพรียง
    อาทิตย์ที่แล้ว มีคนจับภาพดวงอาทิตย์ บนท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยเมฆ
    (chemtrails??เพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง)
    อยู่ดีๆ ดันมีดวงอาทิตย์อีกดวง โผล่ปาดหน้าเข้ามาหน้ากล้อง ดูแล้วช่างน่าตกใจ
    ไม่มีจุดดำ ไม่มีดาวดวงเล็กๆ เอากันจะๆตา กันไปเลย
    บังเกอร์เสร็จกันหรือยัง??? ชาวโลกแตรกกกกทั้งหลาย

    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/78ovMgWl3OU?version=3&feature=player_detailpage"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/78ovMgWl3OU?version=3&feature=player_detailpage" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></object>

    ปล ดูดคลิปเก็บกันไว้บ้างนะคับ เพราะเห็นหลายคลิป โดนปลดตั้งกะวันแรก
    ไม่มีใครได้เห็นกันอีกเลย
     
  17. soifon

    soifon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2010
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +42
    คลิปแรก แสงบนดาวดูไม่เป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่ น่าจะเป็นการทำขึ้นจากโปรแกรม 3D แล้วทำการซ้อนภาพ ( Composite ) และเพื่อความสมจริง จึงใช้กล้องของโทรศัพท์ถ่ายวีดีโอภาพนี้จากจอคอมอีกทีหนึ่งเพื่อให้ดูรู้สึกว่าเป็นการบันทึกมาจริง ๆ แล้วจึงยัดเสียงเข้าไปเป็นอันดับสุดท้าย .... อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ ^^
     
  18. AmpeerA

    AmpeerA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +900
    วิเคราะห์ไดัดีจังครับ คงต้องรอดูว่าจะมีใครทำออกมาอีกนะคับ

    ข้างล่างนี้ soviet ถ่ายได้อีกแร้ว ดูวังเวงดีจัง หัวโตพอๆกะอันข้างบน
    แต่ไหงเที่ยวนี้ลอยนิ่งๆ
    เพลงประจำชาวโลกแตกเพราะดี ฟังเพลินๆ

    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/_ARgGIM4I7U?version=3&feature=player_detailpage"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/_ARgGIM4I7U?version=3&feature=player_detailpage" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></object>

    ถ้าแถบเหนือเห็นได้บ่อย เราก็อาจเห็นได้บ้างนะ ...บางที
     
  19. krittima helga

    krittima helga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +247
    หวัดดี..AmpeerA..นึกว่า..นายโดนจับ..ไปผ่าพุงซะแล้ว..เห็นเงียบไป..ดีใจที่กลับส่งข่าวอีก...
     
  20. worrior

    worrior เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +316
    ดีใจที่คุณแอมแปร์ว่างมาส่งข่าวอีกรอบครับ คลิปแรกเห็นด้วยกับคุณ soifon เบสน่าจะเป็นดวงจันทร์เรานี่ล่ะ เอามาดัดแปลง+ตัดต่อเข้ากับไฟล์มือถือ คลิปที่ 2 และ 3 อึ้งมากๆ รู้สึกว่าน้ำมันรถต้องเต็มถังไว้ก่อน(ถ้าไม่ใช่ฝีมือพวกตัดต่อระดับเซียนนะ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...