เปิดตำนานหลวงพ่อทิม วัดละหารไร่

แก้วสว่าง · 8 กุมภาพันธ์ 2012

Lee_bangkok said: ↑

ต้องขอบคุณ อาจารย์ อย่างยิ่งครับ สำหรับของดีนั้น ผมได้รับจากน้าแล้วครับวันงานที่วัดหนองสะเดา และยังได้รับพระจากพี่รัก อีกหนึ่งองค์ครับผม แต่ก็ไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับพระรุ่นที่ได้จากพี่รัก แต่ไม่มีตระกุดนะครับอาจารย์
Click to expand...

ลองสอบถามโต้งชลบุรีดูนะครับเผื่อได้คำตอบที่ชัดเจน !

colt1991 · 8 กุมภาพันธ์ 2012

เอามาให้ชมครับ ไม่ทราบว่าจะดีหรือเปล่า

pkchalerm · 8 กุมภาพันธ์ 2012

แก้วสว่าง said: ↑

ถ้าขึ้นชื่อว่ากรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์หรือเสด็จเตี่ย ที่เหล่าทหารเรือจะเรียกกัน ท่านเป็นทั้งพระหมอยาที่เขาก็จะเรียกกันว่าหมอพร ท่านเป็นโอรสของรัชกาลที่ห้าท่านเป็นผู้ที่ชอบศึกษาทางด้านวิชาอาคมมากโดยเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ศุขแห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งท่านถือว่าเป็นจอมอาคมมากและท่านได้มารับราชการเป็นแม่ทัพของทหารเรือซึ่งท่านก็มีประวัติและเกียรติประวัติมากมาย และด้วยอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ของท่านที่มีต่อปวงชนทั้งหลายและเหล่าทหารเรือ จึงได้สร้างรูปเหมือนเป็นที่ประดิษฐานตามสถานที่ต่างๆมากมายและเหรียญของท่านก็สร้างกันมาหลายรุ่นมากมาย และมีประสบการณ์ที่เชื่อมั่นได้ เหรียญที่ออกที่ปากน้ำประแสนั้นสร้างตอนที่หล่อรูปเหมือนของท่านเท่าองค์จริง ซึ่งตอนนั้นจะมีพิธีการเข้าทรงอัญเชิญดวงวิญญาณของท่านมาเพื่อให้ท่านรับรู้ถึงเจตนาการสร้างซึ่งก็เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของกองทัพเรือ ซึ่งจากนั้นตามบันทึกที่กองทัพเรือได้สร้างไว้ก็จะเชิญหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า หลวงพ่อบุญ วัดบ้านนา หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดกระแสร์บน ส่วนอีกองค์มาจากจังหวัดชลบุรี เป็นผู้ร่วมพิธีปลุกเสก สำหรับเหรียญนั้นของเทียมนั้นทำได้ใกล้เคียงมากซึ่งบางครั้งมันคงยากแก่การพิจารณาในเรื่องของรูป ควรนำของจริงไปให้ผู้ที่เล่นหาในการพิจารณาจะแน่นอนกว่าได้ครับ
Click to expand...

ขอบคุณอาจารย์แก้วสว่างครับ สำหรับคำแนะนำ

แก้วสว่าง · 8 กุมภาพันธ์ 2012

tiger-k007 said: ↑

การใช้เสือ ให้ใช้แบบง่ายๆน่ะครับ เสือ คือเครื่องรางของขลัง ที่ทุกคนรู้จัก เสือสามารถพกพาไปไหนต่อไหนได้ทุกที่ จะใส่ในกระเป๋าเสื้อ ใส่ในย่าม ใส่ในกระเป๋าสะพาย คาดเอว หรือเหน็บเอว แต่ถ้าใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง ไม่แนะนำ เพราะเป็นการไม่ควร เพราะเสือมีดวงจิตดวงวิญญาณ ที่ได้รับการปลุกเสกมาอย่างดี แต่ถ้าใครไม่ถือก็สุดแต่ใจครับ การอาราธนาใช้ ก็ตั้งจิตอธิษฐานถึงหลวงปู่ เสร็จแล้วก็กล่าวกับเสือ ตามใจปรารถนา ว่าต้องการให้ช่วยอะไร ก็ว่าไปครับ เสือมีพุทธานุภาพ ทางด้านเมตตา บารมี มหาอำนาจ แคล้วคลาด คงกระพัน ปกป้องคุ้มครองเป็นอย่างดี หวงและห่วงเจ้าของครับ
Click to expand...

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CUsers%5CASUS%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> [FONT=&quot]ครับแนวทางการใช้เครื่องรางนั้นอาจจะต่างกับการใช้พระเครื่องซึ่งบางครั้ง[/FONT] [FONT=&quot]การปฏิบัติตัวหรือการถืออะไรนั้นอาจต้องระวังโดยเฉพาะพระซึ่งเป็นรูปพระพุทธ[/FONT] [FONT=&quot]ส่วนเครื่องรางนั้นโดยเฉพาะเสือนั้นการปฏิบัติหรือการถือคงไม่ต้องมีการ[/FONT] [FONT=&quot]ระมัดระวังมาก[/FONT] [FONT=&quot]การถือของให้ขลังนั้นมันอยู่ที่จิตและใจเท่านั้นถึงจะอานุภาพขึ้นได้ ซึ่งการพกพานั้นควรจะพกตามที่เราเห็นว่าเหมาะสมก็คงจะดีมาก[/FONT] [FONT=&quot]ผมเคยอ่านในหนังสือของหลวงพ่อเดิมมีข้อความหนึ่งนั้นกล่าวไว้ว่า[/FONT] [FONT=&quot]มีลูกศิษย์ของหลวงพ่อท่านได้รับมีดหมอของท่านไปแล้วได้นำไปใช้แล้วนำไปลอด[/FONT] [FONT=&quot]ราวผ้าและนำไปในสิ่งที่ไม่สมควรลูกศิษย์คนดังกล่าวจึงได้จึงได้นำมีดหมอเล่ม[/FONT] [FONT=&quot]นั้นมาให้หลวงพ่อเดิมท่านมาลงปลุกเสกให้ใหม่ ซึ่งเมื่อลูกศิษย์[/FONT] [FONT=&quot]ซึ่งเมื่อลูกศิษย์ได้นำมีดหมอไปให้หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อเดิมท่านได้บอกกับลูกศิษย์ว่า งูเห่ามันก็คืองูเห่าเวลาโดนกัดมันจะตายไหม [/FONT]![FONT=&quot]และเวลาเมื่องูเห่ามันลอดคูน้ำและราวผ้าหรือตามที่ต่างๆหรือที่ไม่อันควรต่างๆมันแล้วถ้าโดนกัดมันจะตายไหม[/FONT]![FONT=&quot] งูมีพิษก็ย่อมมีพิษอยู่เสมอ ซึ่งลูกศิษย์ได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจได้ ซึ่งมันเป็นคำเปรียบเปรยที่หลวงพ่อเดิมท่านได้กล่าวไว้ ซึ่งท่านก็มั่นใจในอาคมของท่านที่ได้เสกประจุไว้จึงไม่มีวันที่จะเสื่อมง่าย ซึ่งก็เปรียบกับเสือของหลวงปู่ทิมที่ท่านได้ปลุกเสกไว้ เมื่อทำยังไม่สำเร็จท่านจะไม่แจกเด็ดขาด เราจะเห็นว่าเกจิในยุคสมัยก่อนนั้นการสร้างเครื่องรางแต่ละอย่างนั้นท่านจะสร้างให้ถูกตามหลักวิธีการซึ่งมันอาจจะไม่มากด้วยจำนวน แต่จะเพียบพร้อมไปด้วยอานุภาพของความขลังที่เชื่อมั่นได้ ซึ่งเมื่ออาจารย์สร้างเสร็จหรือสำเร็จแล้วตามที่ได้ร่ำเรียนมากันก็จะนำไปแจกแก่ลูกศิษย์ลูกหาของท่าน คนที่ได้นำไปใช้ก็เชื่อมั่นในประสบการณ์ได้ ซึ่งการได้นำเครื่องรางไปใช้ให้ได้ผลมันก็อยู่ที่อำนาจจิตและพลังแห่งศรัทธาของเราได้ซึ่งมันก็จะเกิดผลที่ดีได้ และการที่จะใช้คาถาในการอาราธนาร่วมด้วยนั้นก็อาจจะส่งผลให้ไปในแนวทางนั้นได้หรือไม่อย่างไรต้องลองขอความเห็นจากพี่เสือหรือผู้ที่รู้อีกทีครับ[/FONT]![FONT=&quot] <o></o>[/FONT]

แก้วสว่าง · 8 กุมภาพันธ์ 2012

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

วิธีการเจริญเมตตานั้น เราสามารถกระทำได้โดยการแผ่สติให้ครอบคลุมทั่วร่างกาย ทั่วตัวทั่วพร้อมเอาไว้ จากนั้นจึงน้อมระลึกถึงอารมณ์เมตตาความปรารถนาดีที่ต้องการให้ผู้อื่นเป็นสุข พ้นจากความทุกข์และสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ให้บังเกิดขึ้นภายในร่างกายของเราก่อน ให้กายของเรานั้นคลุกเคล้าไปด้วยกระแสอารมณ์ของเมตตานั้น เมื่อจิตมีกำลัง มีสมาธิมากขึ้น กระแสเมตตาจิตนี้จะน้อมแผ่ซ่านกระจายออกไปทั่วทิศทั่วทาง ยิ่งจิตมั่นคงปล่อยวางจากความคิดและอารมณ์อื่นได้มากเท่าไหร่ กระแสของเมตตาจิตนี้ก็จะยิ่งมีกำลังและแผ่กระจายออกไปกว้างขวางมากเท่านั้น
หรือ บางครั้ง เพียงแค่เราทำจิตให้นิ่งสงบปราศจากความเศร้าหมองของใจ มีจิตที่ดำรงตั้งมั่นเป็นสมาธิอยู่ แล้วแผ่กระแสความสงบนั้นให้ครอบคลุมทั่วร่างกายทั่วตัวทั่วพร้อม ก็อาจสงเคราะห์เป็นเหมือนการแผ่เมตตาได้เช่นกัน (เพราะจิตที่ไม่มีความโกรธ ไม่มีความผูกโกรธเอาไว้)
สำหรับ กรณีที่จะแผ่เมตตาให้กับบุคคลนั้น ก็ให้กระทำหลังจากที่จิตดำรงตั้งมั่นเป็นสมาธิ มีกายคลุกเคล้าไปด้วยอารมณ์แห่งเมตตาได้แล้ว จึงค่อยน้อมแผ่ไปให้กับบุคคลนั้น โดยอาศัยการนึกถึงบุคคลนั้นแล้วน้อมอารมณ์ความรู้สึกจากกายให้ส่งต่อไปยัง ความคิดที่กำลังนึกถึงบุคคลนั้น (หากลืมตาเห็นบุคคลนั้นอยู่ก็ให้น้อมความรู้สึกออกไปทั้งทางกายและดวงตาด้วย หรือ อาจจะน้อมแค่เฉพาะความรู้สึกส่งไปให้โดยที่ตาเราไม่จำเป็นต้องมองไปทางบุคคล นั้นก็ได้)
อานิสงส์ของ การเจริญเมตตา(อัปปมัญญา)เช่นนี้ นอกจากจะทำให้เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายแล้ว ยังส่งผลช่วยในการบรรเทาวิบากกรรมที่ไม่ดีให้เบาบางลง และทำให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้กับเราได้ง่ายขึ้น ทำให้ชีวิตประสบแต่สิ่งที่ดี เป็นทางมาแห่งโภคทรัพย์ ลาภยศทั้งหลาย คลาดแคล้วปลอดภัยจากอันตรายหรือสิ่งไม่ดีทั้งหลาย รวมทั้งเป็นวิหารธรรมที่เป็นเครื่องอยู่ของจิตอันทำให้มีความสุขในปัจจุบัน

จุฬาลงกรณ์ · 8 กุมภาพันธ์ 2012

แก้วสว่าง said: ↑

วิธีการเจริญเมตตานั้น เราสามารถกระทำได้โดยการแผ่สติให้ครอบคลุมทั่วร่างกาย ทั่วตัวทั่วพร้อมเอาไว้ จากนั้นจึงน้อมระลึกถึงอารมณ์เมตตาความปรารถนาดีที่ต้องการให้ผู้อื่นเป็นสุข พ้นจากความทุกข์และสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ให้บังเกิดขึ้นภายในร่างกายของเราก่อน ให้กายของเรานั้นคลุกเคล้าไปด้วยกระแสอารมณ์ของเมตตานั้น เมื่อจิตมีกำลัง มีสมาธิมากขึ้น กระแสเมตตาจิตนี้จะน้อมแผ่ซ่านกระจายออกไปทั่วทิศทั่วทาง ยิ่งจิตมั่นคงปล่อยวางจากความคิดและอารมณ์อื่นได้มากเท่าไหร่ กระแสของเมตตาจิตนี้ก็จะยิ่งมีกำลังและแผ่กระจายออกไปกว้างขวางมากเท่านั้น
หรือ บางครั้ง เพียงแค่เราทำจิตให้นิ่งสงบปราศจากความเศร้าหมองของใจ มีจิตที่ดำรงตั้งมั่นเป็นสมาธิอยู่ แล้วแผ่กระแสความสงบนั้นให้ครอบคลุมทั่วร่างกายทั่วตัวทั่วพร้อม ก็อาจสงเคราะห์เป็นเหมือนการแผ่เมตตาได้เช่นกัน (เพราะจิตที่ไม่มีความโกรธ ไม่มีความผูกโกรธเอาไว้)
สำหรับ กรณีที่จะแผ่เมตตาให้กับบุคคลนั้น ก็ให้กระทำหลังจากที่จิตดำรงตั้งมั่นเป็นสมาธิ มีกายคลุกเคล้าไปด้วยอารมณ์แห่งเมตตาได้แล้ว จึงค่อยน้อมแผ่ไปให้กับบุคคลนั้น โดยอาศัยการนึกถึงบุคคลนั้นแล้วน้อมอารมณ์ความรู้สึกจากกายให้ส่งต่อไปยัง ความคิดที่กำลังนึกถึงบุคคลนั้น (หากลืมตาเห็นบุคคลนั้นอยู่ก็ให้น้อมความรู้สึกออกไปทั้งทางกายและดวงตาด้วย หรือ อาจจะน้อมแค่เฉพาะความรู้สึกส่งไปให้โดยที่ตาเราไม่จำเป็นต้องมองไปทางบุคคล นั้นก็ได้)
อานิสงส์ของ การเจริญเมตตา(อัปปมัญญา)เช่นนี้ นอกจากจะทำให้เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายแล้ว ยังส่งผลช่วยในการบรรเทาวิบากกรรมที่ไม่ดีให้เบาบางลง และทำให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้กับเราได้ง่ายขึ้น ทำให้ชีวิตประสบแต่สิ่งที่ดี เป็นทางมาแห่งโภคทรัพย์ ลาภยศทั้งหลาย คลาดแคล้วปลอดภัยจากอันตรายหรือสิ่งไม่ดีทั้งหลาย รวมทั้งเป็นวิหารธรรมที่เป็นเครื่องอยู่ของจิตอันทำให้มีความสุขในปัจจุบัน
Click to expand...

ขออนุโมทนาด้วย

ติ้งลิงติง · 8 กุมภาพันธ์ 2012

แก้วสว่าง said: ↑

วิธีการเจริญเมตตานั้น เราสามารถกระทำได้โดยการแผ่สติให้ครอบคลุมทั่วร่างกาย ทั่วตัวทั่วพร้อมเอาไว้ จากนั้นจึงน้อมระลึกถึงอารมณ์เมตตาความปรารถนาดีที่ต้องการให้ผู้อื่นเป็นสุข พ้นจากความทุกข์และสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ให้บังเกิดขึ้นภายในร่างกายของเราก่อน ให้กายของเรานั้นคลุกเคล้าไปด้วยกระแสอารมณ์ของเมตตานั้น เมื่อจิตมีกำลัง มีสมาธิมากขึ้น กระแสเมตตาจิตนี้จะน้อมแผ่ซ่านกระจายออกไปทั่วทิศทั่วทาง ยิ่งจิตมั่นคงปล่อยวางจากความคิดและอารมณ์อื่นได้มากเท่าไหร่ กระแสของเมตตาจิตนี้ก็จะยิ่งมีกำลังและแผ่กระจายออกไปกว้างขวางมากเท่านั้น
หรือ บางครั้ง เพียงแค่เราทำจิตให้นิ่งสงบปราศจากความเศร้าหมองของใจ มีจิตที่ดำรงตั้งมั่นเป็นสมาธิอยู่ แล้วแผ่กระแสความสงบนั้นให้ครอบคลุมทั่วร่างกายทั่วตัวทั่วพร้อม ก็อาจสงเคราะห์เป็นเหมือนการแผ่เมตตาได้เช่นกัน (เพราะจิตที่ไม่มีความโกรธ ไม่มีความผูกโกรธเอาไว้)
สำหรับ กรณีที่จะแผ่เมตตาให้กับบุคคลนั้น ก็ให้กระทำหลังจากที่จิตดำรงตั้งมั่นเป็นสมาธิ มีกายคลุกเคล้าไปด้วยอารมณ์แห่งเมตตาได้แล้ว จึงค่อยน้อมแผ่ไปให้กับบุคคลนั้น โดยอาศัยการนึกถึงบุคคลนั้นแล้วน้อมอารมณ์ความรู้สึกจากกายให้ส่งต่อไปยัง ความคิดที่กำลังนึกถึงบุคคลนั้น (หากลืมตาเห็นบุคคลนั้นอยู่ก็ให้น้อมความรู้สึกออกไปทั้งทางกายและดวงตาด้วย หรือ อาจจะน้อมแค่เฉพาะความรู้สึกส่งไปให้โดยที่ตาเราไม่จำเป็นต้องมองไปทางบุคคล นั้นก็ได้)
อานิสงส์ของ การเจริญเมตตา(อัปปมัญญา)เช่นนี้ นอกจากจะทำให้เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายแล้ว ยังส่งผลช่วยในการบรรเทาวิบากกรรมที่ไม่ดีให้เบาบางลง และทำให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้กับเราได้ง่ายขึ้น ทำให้ชีวิตประสบแต่สิ่งที่ดี เป็นทางมาแห่งโภคทรัพย์ ลาภยศทั้งหลาย คลาดแคล้วปลอดภัยจากอันตรายหรือสิ่งไม่ดีทั้งหลาย รวมทั้งเป็นวิหารธรรมที่เป็นเครื่องอยู่ของจิตอันทำให้มีความสุขในปัจจุบัน
Click to expand...

...................
ขออนุโมทนาสาธุ และขอขอบพระคุณครับ

บรม · 8 กุมภาพันธ์ 2012

ขอบคุณ อ.แก้วสว่างสำหรับคำแนะนำ บทความเรื่องราวดีๆจากครั้งก่อน

แก้วสว่าง · 8 กุมภาพันธ์ 2012

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

คติธรรมยามค่ำคืน,มงคลสำหรับชีวิต ๓๘ ประการ
เรื่องภายในย่อมสำคัญกว่าเรื่องภายนอกตน
คนที่รู้เพียงเปลือกนอกย่อมสู้คนที่รู้ถึงแก่นไม่ได้

อดีต คือ ความฝัน ปัจจุบัน คือ ภาพมายา อนาคต คือ ความไม่แน่นอน
คิดก่อนทำ อดทนไว้ พึงอภัย
ไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้แต่ตัวของเราเอง
โกงคนอื่น เหมือนจุดไฟเผาตัวเอง
เมตตาคนอื่น เหมือนสร้างบ้านให้ตัวเอง
อย่าระแวงคนอื่น ยิ่งกว่าระวังตัวเอง
ถ้าท่านทำงานแข่งกับสังคม ความพินาศล่มจมจะตามมา
ถ้าท่านทำงานเห็นแก่หน้า ท่านจะพบปัญหาเรื่อยไป
ถ้าท่านทำตัวเห็นแก่ได้ ท่านอย่าหวังน้ำใจจากเพื่อนฝูง
ถ้าท่านกล้าเกินไป ท่านจะทำอะไรไม่สำเร็จ
ถ้าท่านกล้าจนเกินงาม ท่านจะพบกับความเดือดร้อน
ถ้าท่านขาดความพอดี ท่านจะพบกับความทุกข์อย่างมหันต์
ถ้าท่านขาดความยังคิด ชีวิตทั้งชีวิตจะหมดความหมาย
ถ้าท่านทำใจให้สงบ ท่านจะพบกับความสุขที่เยือกเย็น
ถ้าท่านมีความพอดี ท่านจะเป็นเศรษฐีในเรือนยาจก
ถ้าท่านมีแต่ความงก ท่านจะเป็นยาจกในเรือนเศรษฐี
ถ้าท่านมีเมตตาจิต ท่านจะมีญาติมิตรทั่วบ้าน
ถ้าท่านเมตตาเกินประมาณ ท่านจะพบคนพาลทั่วเมือง
ถ้าท่านคิดถึงความหลัง ท่านจะพบรังแห่งความเศร้า
ถ้าท่านมีความมัวเมา ท่านจะพบความปวดร้าวภายหลัง
ถ้าท่านทำดีเพื่อเด่น ท่านจะถูกขเม่นจากญาติมิตร
ถ้าท่านทำดีเพื่อน้ำจิต ท่านจะมีชีวิตอยู่อย่างสบาย
ถ้าท่านหวังพึ่งแต่คนอื่น ท่านจะต้องกลืนน้ำตาตัวเอง
ถ้าท่านรู้จักใช้เวลา ชีวิตจะมีค่ากว่านี้
ถ้าไม่กินอยู่เท่าที่มี จะได้เป็นเศรษฐีเงินกู้
ถ้ามั่วสุมกับอมายมุข จะพบความทุกข์ในเบื้องปลาย
ถ้าทำหูเบาตามเขาว่า จะต้องน้ำตาตกใน
ถ้าพูดโดยไม่คิด เท่ากับพ่นลมพิษใส่คนอื่น
ถ้าจริงจังกับโลกเกินไป จะต้องตายเพราะความเศร้า
ถ้าต้องการความเป็นอิสระ ให้พยายามชนะ...ใจตัวเอง

บังรอน · 8 กุมภาพันธ์ 2012

ขอบพระคุณ...สำหรับคติ..ดีๆคับ

rungaran · 8 กุมภาพันธ์ 2012

แก้วสว่าง said: ↑

วิธีการเจริญเมตตานั้น เราสามารถกระทำได้โดยการแผ่สติให้ครอบคลุมทั่วร่างกาย ทั่วตัวทั่วพร้อมเอาไว้ จากนั้นจึงน้อมระลึกถึงอารมณ์เมตตาความปรารถนาดีที่ต้องการให้ผู้อื่นเป็นสุข พ้นจากความทุกข์และสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ให้บังเกิดขึ้นภายในร่างกายของเราก่อน ให้กายของเรานั้นคลุกเคล้าไปด้วยกระแสอารมณ์ของเมตตานั้น เมื่อจิตมีกำลัง มีสมาธิมากขึ้น กระแสเมตตาจิตนี้จะน้อมแผ่ซ่านกระจายออกไปทั่วทิศทั่วทาง ยิ่งจิตมั่นคงปล่อยวางจากความคิดและอารมณ์อื่นได้มากเท่าไหร่ กระแสของเมตตาจิตนี้ก็จะยิ่งมีกำลังและแผ่กระจายออกไปกว้างขวางมากเท่านั้น
หรือ บางครั้ง เพียงแค่เราทำจิตให้นิ่งสงบปราศจากความเศร้าหมองของใจ มีจิตที่ดำรงตั้งมั่นเป็นสมาธิอยู่ แล้วแผ่กระแสความสงบนั้นให้ครอบคลุมทั่วร่างกายทั่วตัวทั่วพร้อม ก็อาจสงเคราะห์เป็นเหมือนการแผ่เมตตาได้เช่นกัน (เพราะจิตที่ไม่มีความโกรธ ไม่มีความผูกโกรธเอาไว้)
สำหรับ กรณีที่จะแผ่เมตตาให้กับบุคคลนั้น ก็ให้กระทำหลังจากที่จิตดำรงตั้งมั่นเป็นสมาธิ มีกายคลุกเคล้าไปด้วยอารมณ์แห่งเมตตาได้แล้ว จึงค่อยน้อมแผ่ไปให้กับบุคคลนั้น โดยอาศัยการนึกถึงบุคคลนั้นแล้วน้อมอารมณ์ความรู้สึกจากกายให้ส่งต่อไปยัง ความคิดที่กำลังนึกถึงบุคคลนั้น (หากลืมตาเห็นบุคคลนั้นอยู่ก็ให้น้อมความรู้สึกออกไปทั้งทางกายและดวงตาด้วย หรือ อาจจะน้อมแค่เฉพาะความรู้สึกส่งไปให้โดยที่ตาเราไม่จำเป็นต้องมองไปทางบุคคล นั้นก็ได้)
อานิสงส์ของ การเจริญเมตตา(อัปปมัญญา)เช่นนี้ นอกจากจะทำให้เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายแล้ว ยังส่งผลช่วยในการบรรเทาวิบากกรรมที่ไม่ดีให้เบาบางลง และทำให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้กับเราได้ง่ายขึ้น ทำให้ชีวิตประสบแต่สิ่งที่ดี เป็นทางมาแห่งโภคทรัพย์ ลาภยศทั้งหลาย คลาดแคล้วปลอดภัยจากอันตรายหรือสิ่งไม่ดีทั้งหลาย รวมทั้งเป็นวิหารธรรมที่เป็นเครื่องอยู่ของจิตอันทำให้มีความสุขในปัจจุบัน
Click to expand...

ขออนุโมทนา..................ด้วยครับ

rungaran · 8 กุมภาพันธ์ 2012

แก้วสว่าง said: ↑

คติธรรมยามค่ำคืน,มงคลสำหรับชีวิต ๓๘ ประการ
เรื่องภายในย่อมสำคัญกว่าเรื่องภายนอกตน
คนที่รู้เพียงเปลือกนอกย่อมสู้คนที่รู้ถึงแก่นไม่ได้

อดีต คือ ความฝัน ปัจจุบัน คือ ภาพมายา อนาคต คือ ความไม่แน่นอน
คิดก่อนทำ อดทนไว้ พึงอภัย
ไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้แต่ตัวของเราเอง
โกงคนอื่น เหมือนจุดไฟเผาตัวเอง
เมตตาคนอื่น เหมือนสร้างบ้านให้ตัวเอง
อย่าระแวงคนอื่น ยิ่งกว่าระวังตัวเอง
ถ้าท่านทำงานแข่งกับสังคม ความพินาศล่มจมจะตามมา
ถ้าท่านทำงานเห็นแก่หน้า ท่านจะพบปัญหาเรื่อยไป
ถ้าท่านทำตัวเห็นแก่ได้ ท่านอย่าหวังน้ำใจจากเพื่อนฝูง
ถ้าท่านกล้าเกินไป ท่านจะทำอะไรไม่สำเร็จ
ถ้าท่านกล้าจนเกินงาม ท่านจะพบกับความเดือดร้อน
ถ้าท่านขาดความพอดี ท่านจะพบกับความทุกข์อย่างมหันต์
ถ้าท่านขาดความยังคิด ชีวิตทั้งชีวิตจะหมดความหมาย
ถ้าท่านทำใจให้สงบ ท่านจะพบกับความสุขที่เยือกเย็น
ถ้าท่านมีความพอดี ท่านจะเป็นเศรษฐีในเรือนยาจก
ถ้าท่านมีแต่ความงก ท่านจะเป็นยาจกในเรือนเศรษฐี
ถ้าท่านมีเมตตาจิต ท่านจะมีญาติมิตรทั่วบ้าน
ถ้าท่านเมตตาเกินประมาณ ท่านจะพบคนพาลทั่วเมือง
ถ้าท่านคิดถึงความหลัง ท่านจะพบรังแห่งความเศร้า
ถ้าท่านมีความมัวเมา ท่านจะพบความปวดร้าวภายหลัง
ถ้าท่านทำดีเพื่อเด่น ท่านจะถูกขเม่นจากญาติมิตร
ถ้าท่านทำดีเพื่อน้ำจิต ท่านจะมีชีวิตอยู่อย่างสบาย
ถ้าท่านหวังพึ่งแต่คนอื่น ท่านจะต้องกลืนน้ำตาตัวเอง
ถ้าท่านรู้จักใช้เวลา ชีวิตจะมีค่ากว่านี้
ถ้าไม่กินอยู่เท่าที่มี จะได้เป็นเศรษฐีเงินกู้
ถ้ามั่วสุมกับอมายมุข จะพบความทุกข์ในเบื้องปลาย
ถ้าทำหูเบาตามเขาว่า จะต้องน้ำตาตกใน
ถ้าพูดโดยไม่คิด เท่ากับพ่นลมพิษใส่คนอื่น
ถ้าจริงจังกับโลกเกินไป จะต้องตายเพราะความเศร้า
ถ้าต้องการความเป็นอิสระ ให้พยายามชนะ...ใจตัวเอง
Click to expand...

ขอโมทนา สาธุครับ
ชอบตรง สุดท้ายเลยครับ
ถ้าต้องการความเป็นอิสระ ให้พยายามชนะ...ใจตัวเอง

naygood · 9 กุมภาพันธ์ 2012

แก้วสว่าง said: ↑

คติธรรมยามค่ำคืน,มงคลสำหรับชีวิต ๓๘ ประการ
เรื่องภายในย่อมสำคัญกว่าเรื่องภายนอกตน
คนที่รู้เพียงเปลือกนอกย่อมสู้คนที่รู้ถึงแก่นไม่ได้

อดีต คือ ความฝัน ปัจจุบัน คือ ภาพมายา อนาคต คือ ความไม่แน่นอน
คิดก่อนทำ อดทนไว้ พึงอภัย
ไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้แต่ตัวของเราเอง
โกงคนอื่น เหมือนจุดไฟเผาตัวเอง
เมตตาคนอื่น เหมือนสร้างบ้านให้ตัวเอง
อย่าระแวงคนอื่น ยิ่งกว่าระวังตัวเอง
ถ้าท่านทำงานแข่งกับสังคม ความพินาศล่มจมจะตามมา
ถ้าท่านทำงานเห็นแก่หน้า ท่านจะพบปัญหาเรื่อยไป
ถ้าท่านทำตัวเห็นแก่ได้ ท่านอย่าหวังน้ำใจจากเพื่อนฝูง
ถ้าท่านกล้าเกินไป ท่านจะทำอะไรไม่สำเร็จ
ถ้าท่านกล้าจนเกินงาม ท่านจะพบกับความเดือดร้อน
ถ้าท่านขาดความพอดี ท่านจะพบกับความทุกข์อย่างมหันต์
ถ้าท่านขาดความยังคิด ชีวิตทั้งชีวิตจะหมดความหมาย
ถ้าท่านทำใจให้สงบ ท่านจะพบกับความสุขที่เยือกเย็น
ถ้าท่านมีความพอดี ท่านจะเป็นเศรษฐีในเรือนยาจก
ถ้าท่านมีแต่ความงก ท่านจะเป็นยาจกในเรือนเศรษฐี
ถ้าท่านมีเมตตาจิต ท่านจะมีญาติมิตรทั่วบ้าน
ถ้าท่านเมตตาเกินประมาณ ท่านจะพบคนพาลทั่วเมือง
ถ้าท่านคิดถึงความหลัง ท่านจะพบรังแห่งความเศร้า
ถ้าท่านมีความมัวเมา ท่านจะพบความปวดร้าวภายหลัง
ถ้าท่านทำดีเพื่อเด่น ท่านจะถูกขเม่นจากญาติมิตร
ถ้าท่านทำดีเพื่อน้ำจิต ท่านจะมีชีวิตอยู่อย่างสบาย
ถ้าท่านหวังพึ่งแต่คนอื่น ท่านจะต้องกลืนน้ำตาตัวเอง
ถ้าท่านรู้จักใช้เวลา ชีวิตจะมีค่ากว่านี้
ถ้าไม่กินอยู่เท่าที่มี จะได้เป็นเศรษฐีเงินกู้
ถ้ามั่วสุมกับอมายมุข จะพบความทุกข์ในเบื้องปลาย
ถ้าทำหูเบาตามเขาว่า จะต้องน้ำตาตกใน
ถ้าพูดโดยไม่คิด เท่ากับพ่นลมพิษใส่คนอื่น
ถ้าจริงจังกับโลกเกินไป จะต้องตายเพราะความเศร้า
ถ้าต้องการความเป็นอิสระ ให้พยายามชนะ...ใจตัวเอง
Click to expand...

ขอบคุณครับท่านอาจารย์เป็นคติเือนใจที่ดีมากครับ

Norragate · 9 กุมภาพันธ์ 2012

แก้วสว่าง said: ↑

คติธรรมยามค่ำคืน,มงคลสำหรับชีวิต ๓๘ ประการ
เรื่องภายในย่อมสำคัญกว่าเรื่องภายนอกตน
คนที่รู้เพียงเปลือกนอกย่อมสู้คนที่รู้ถึงแก่นไม่ได้

อดีต คือ ความฝัน ปัจจุบัน คือ ภาพมายา อนาคต คือ ความไม่แน่นอน
คิดก่อนทำ อดทนไว้ พึงอภัย
ไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้แต่ตัวของเราเอง
โกงคนอื่น เหมือนจุดไฟเผาตัวเอง
เมตตาคนอื่น เหมือนสร้างบ้านให้ตัวเอง
อย่าระแวงคนอื่น ยิ่งกว่าระวังตัวเอง
ถ้าท่านทำงานแข่งกับสังคม ความพินาศล่มจมจะตามมา
ถ้าท่านทำงานเห็นแก่หน้า ท่านจะพบปัญหาเรื่อยไป
ถ้าท่านทำตัวเห็นแก่ได้ ท่านอย่าหวังน้ำใจจากเพื่อนฝูง
ถ้าท่านกล้าเกินไป ท่านจะทำอะไรไม่สำเร็จ
ถ้าท่านกล้าจนเกินงาม ท่านจะพบกับความเดือดร้อน
ถ้าท่านขาดความพอดี ท่านจะพบกับความทุกข์อย่างมหันต์
ถ้าท่านขาดความยังคิด ชีวิตทั้งชีวิตจะหมดความหมาย
ถ้าท่านทำใจให้สงบ ท่านจะพบกับความสุขที่เยือกเย็น
ถ้าท่านมีความพอดี ท่านจะเป็นเศรษฐีในเรือนยาจก
ถ้าท่านมีแต่ความงก ท่านจะเป็นยาจกในเรือนเศรษฐี
ถ้าท่านมีเมตตาจิต ท่านจะมีญาติมิตรทั่วบ้าน
ถ้าท่านเมตตาเกินประมาณ ท่านจะพบคนพาลทั่วเมือง
ถ้าท่านคิดถึงความหลัง ท่านจะพบรังแห่งความเศร้า
ถ้าท่านมีความมัวเมา ท่านจะพบความปวดร้าวภายหลัง
ถ้าท่านทำดีเพื่อเด่น ท่านจะถูกขเม่นจากญาติมิตร
ถ้าท่านทำดีเพื่อน้ำจิต ท่านจะมีชีวิตอยู่อย่างสบาย
ถ้าท่านหวังพึ่งแต่คนอื่น ท่านจะต้องกลืนน้ำตาตัวเอง
ถ้าท่านรู้จักใช้เวลา ชีวิตจะมีค่ากว่านี้
ถ้าไม่กินอยู่เท่าที่มี จะได้เป็นเศรษฐีเงินกู้
ถ้ามั่วสุมกับอมายมุข จะพบความทุกข์ในเบื้องปลาย
ถ้าทำหูเบาตามเขาว่า จะต้องน้ำตาตกใน
ถ้าพูดโดยไม่คิด เท่ากับพ่นลมพิษใส่คนอื่น
ถ้าจริงจังกับโลกเกินไป จะต้องตายเพราะความเศร้า
ถ้าต้องการความเป็นอิสระ ให้พยายามชนะ...ใจตัวเอง
Click to expand...

อนุโมทนาครับบบบบ...ได้ข้อคิดมากกกก(^^)

แก้วสว่าง · 9 กุมภาพันธ์ 2012

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

...ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
เก็บความผิดพลาดในอดีตมาเป็นบทเรียนสำหรับอนาคต
อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ แล้วก็อย่าบอกว่าเวลาไม่เคยพอ
ทำวันนี้ให้มีความสุขก็พอ

อดีตไม่สำคัญ
ปัจจุบันทำให้ดีที่สุด...
.....สวัสดียามเช้าครับ.....

Lee_bangkok · 9 กุมภาพันธ์ 2012

สวัสดีครับอาจารย์ และทุกท่านยามบ่ายนะครับผม

rungaran · 9 กุมภาพันธ์ 2012

แก้วสว่าง said: ↑

...ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
เก็บความผิดพลาดในอดีตมาเป็นบทเรียนสำหรับอนาคต
อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ แล้วก็อย่าบอกว่าเวลาไม่เคยพอ
ทำวันนี้ให้มีความสุขก็พอ

อดีตไม่สำคัญ
ปัจจุบันทำให้ดีที่สุด...
.....สวัสดียามเช้าครับ.....

Click to expand...

อือ....อดีตไม่สำคัญ ปัจจุบันทำให้ดีที่สุด...

บรม · 9 กุมภาพันธ์ 2012

กราบหลวงปู่ิทิม สวัสดีเพื่อนสมาชิกยามค้ำ หลายท่านคงอิ่มกับมื้อวิเศษพร้อมครอบครัวกันแล้ว ขอให้มีความสุขมากๆ ครับ

บังรอน · 9 กุมภาพันธ์ 2012

กราบนมัสการหลวงปู่ทิม ด้วยความเคารพ ขอรับ
และสวัสดี อาจารย์ แก้วสว่าง ครับ
ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้ประสบ กับ เหตุการณ์พิเศษเกี่ยวกับลูกอมพรายกุมาร แต่เป็นรุ่นที่เคลือบทอง ผมได้มาตั้งแต่หลายปี ตอนนั้นต้องเก็บค่าขนมเพื่อไปเช่าลูกอม เขาบอกว่ามีผงพรายผสมด้วย
เมื่อได้มา พอค่ำก็ปิดไฟ สวดมนต์ นั่งสมาธิเล็กน้อย จากนั้นก็อธิษฐานขอลองหน่อย สักพักเมื่อผมจะถอนสมาธิลืมตา ก็ปรากฎแสงสว่างว๊าบ ยังกะแสงแฟลทถ่ายรูป
เข้าสองตาผม ผมตกใจขนลุกซู่ ทั้งๆในห้องก็ปิดไฟ(เป็นห้องอพาทเม้นท์) ถ้ามีแสงเข้ามาทางหน้าต่างก็คงจะไม่สว่างขนาดนี้ เพราะที่หน้าต่างก็มีผ้าแขวนตากอยู่ เป็นครั้งแรก และครั้งเดียว ที่ผมเจอประสบการณ์ที่สามารถสัมผัสได้แบบจะ เคยถามผู้รู้ท่านบอกว่าถ้าจิตผมดีกว่านี้คงเห็นเป็นตัวตนเลยทีเดียว ซึ่งจะว่าไปตอนนั้นจิตผมก็ไม่ได้สามารถถึงสมาธิ แต่ผมว่าคงเป็นเพราะอานุภาพจิตของหลวงปู่ทิมที่ได้ปลุกเสกไว้จนมีอานุภาพดังที่มาปรากฎให้ผมได้เห็น แสดงให้เห็นว่าของหลวงปู่นั่นเป็นของจริง ใช้ได้จริง
เป็นธรรมดา หากจะมีคนที่ไม่เชื่อ และ ลบหลู่ ในเรื่องผงพราย ก็อาจเพราะเขายังไม่ได้ประสบด้วยตัวเอง แต่สำหรับผมคงไม่ต้องบอกนะคับว่าเชื่อป่าว
เรื่องทั้งหมดนี้ เป็นความเห็นของผมคนเดียว หากจะทำให้เป็นการเพิ่มศรัทธาสำหรับท่านที่ได้อ่านม ก็ขอสาธุนะคับ แต่หากมีเรื่องที่ผิดพลาดที่เกิดจากข้อความของผม ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวครับ
ขอกราบบูชาคุณ หลวงปู่ทิม ขอรับ.......กราบ กราบ กราบ

kengnaja · 9 กุมภาพันธ์ 2012

บังรอน said: ↑

กราบนมัสการหลวงปู่ทิม ด้วยความเคารพ ขอรับ
ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้ประสบ กับ เหตุการณ์พิเศษเกี่ยวกับลูกอมพรายกุมาร แต่เป็นรุ่นที่เคลือบทอง ผมได้มาตั้งแต่หลายปี ตอนนั้นต้องเก็บค่าขนมเพื่อไปเช่าลูกอม เขาบอกว่ามีผงพรายผสมด้วย
เมื่อได้มา พอค่ำก็ปิดไฟ สวดมนต์ นั่งสมาธิเล็กน้อย จากนั้นก็อธิษฐานขอลองหน่อย สักพักเมื่อผมจะถอนสมาธิลืมตา ก็ปรากฎแสงสว่างว๊าบ ยังกะแสงแฟลทถ่ายรูป
เข้าสองตาผม ผมตกใจขนลุกซู่ ทั้งๆในห้องก็ปิดไฟ(เป็นห้องอพาทเม้นท์) ถ้ามีแสงเข้ามาทางหน้าต่างก็คงจะไม่สว่างขนาดนี้ เพราะที่หน้าต่างก็มีผ้าแขวนตากอยู่ เป็นครั้งแรก และครั้งเดียว ที่ผมเจอประสบการณ์ที่สามารถสัมผัสได้แบบจะ เคยถามผู้รู้ท่านบอกว่าถ้าจิตผมดีกว่านี้คงเห็นเป็นตัวตนเลยทีเดียว ซึ่งจะว่าไปตอนนั้นจิตผมก็ไม่ได้สามารถถึงสมาธิ แต่ผมว่าคงเป็นเพราะอานุภาพจิตของหลวงปู่ทิมที่ได้ปลุกเสกไว้จนมีอานุภาพดังที่มาปรากฎให้ผมได้เห็น แสดงให้เห็นว่าของหลวงปู่นั่นเป็นของจริง ใช้ได้จริง
เป็นธรรมดา หากจะมีคนที่ไม่เชื่อ และ ลบหลู่ ในเรื่องผงพราย ก็อาจเพราะเขายังไม่ได้ประสบด้วยตัวเอง แต่สำหรับผมคงไม่ต้องบอกนะคับว่าเชื่อป่าว
เรื่องทั้งหมดนี้ เป็นความเห็นของผมคนเดียว หากจะทำให้เป็นการเพิ่มศรัทธาสำหรับท่านที่ได้อ่านม ก็ขอสาธุนะคับ แต่หากมีเรื่องที่ผิดพลาดที่เกิดจากข้อความของผม ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวครับ
ขอกราบบูชาคุณ หลวงปู่ทิม ขอรับ.......กราบ กราบ กราบ
Click to expand...

ป๋าจัดหนักเลย
รู้งี้มุบมิบลูกอมลูกนั้นของป๋าซะก็ดี อิ อิ(ล้อเล่นจ้า)
กรรมใครกรรมมันครับ
ความคิดคนห้ามกันไม่ได้
แต่ถ้าเป็นคนควรห้ามสัญชาตญาณได้
ครูบาอาจารย์ใครก็เคารพทั้งนั้น
ผงหลวงปู่ทิมนั้นดีแท้แน่นอน
พิสูจน์ได้จากประสบการณ์
กราบหลวงปู่ทิมครับ

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

เปิดตำนานหลวงพ่อทิม วัดละหารไร่

แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

colt1991 สมาชิก

ไฟล์ที่แนบมา:

DSCF4872.JPG

DSCF4874.JPG

DSCF4883.JPG

DSCF4886.JPG

DSCF4889.JPG

DSCF4911.JPG

pkchalerm เป็นที่รู้จักกันดี

แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

จุฬาลงกรณ์ Active Member

ติ้งลิงติง เป็นที่รู้จักกันดี

บรม เป็นที่รู้จักกันดี

แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

บังรอน เป็นที่รู้จักกันดี

rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

naygood เป็นที่รู้จักกันดี

Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

บรม เป็นที่รู้จักกันดี

บังรอน เป็นที่รู้จักกันดี

kengnaja เป็นที่รู้จักกันดี

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

เปิดตำนานหลวงพ่อทิม วัดละหารไร่

ไฟล์ที่แนบมา:

DSCF4872.JPG

DSCF4874.JPG

DSCF4883.JPG

DSCF4886.JPG

DSCF4889.JPG

DSCF4911.JPG

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา