มรดกบาป "ชินคอร์ป" อวสาน "ชินวัตร-ดามาพงศ์"

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 4 เมษายน 2007.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    [​IMG]
    มรดกบาป "ชินคอร์ป" อวสาน "ชินวัตร-ดามาพงศ์"

    ถือเป็นวิบากกรรมของตระกูล "ชินวัตร" และ "ดามาพงศ์" กับปฏิบัติการไล่ต้อนเช็คบิล นำเงินของแผ่นดินคืนให้ประเทศ หลังจากตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีที่เกี่ยวกับความผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ตามที่ 11 คตส.กำลังไล่ต้อนอยู่ในยามนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา โดนข้อหาร่วมกันกระทำความผิด คดีการซื้อขายที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก ระหว่างกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ​
    ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่กำกับดูแล สอดส่องและควบคุมตรวจสอบหน่วยงานของรัฐต้องห้ามให้เป็นคู่สัญญา หรือทำสัญญากับหน่วยของรัฐ ตามมาตรา 100 (1) (3 ) ของกฎหมาย ป.ป.ช. โดยมีความผิดตามมาตรา 100 (1) มีโทษตามมาตรา 122 ของกฎหมาย ป.ป.ช. และความผิดตามมาตรา 152 เนื่องจากมีพฤติการณ์เข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อผลประโยชน์สำหรับตัวเอง เป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
    นอกจากนี้ยังมีความผิดมาตรา 157 และมีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1, 33 (2), 83, 86, 90, 91,152 พร้อมทั้งแนบความเห็นให้ศาล "ริบทรัพย์สิน" ที่ได้มาโดยมิชอบตามมาตรา 33 เมื่อกระบวนการสิ้นสุดในชั้นศาล ​
    ขณะที่ "คุณหญิงพจมาน" กับ พี่ชายบุญธรรม บรรณพจน์ ดามาพงศ์ ตกเป็นผู้ต้องหา คดีการเลี่ยงภาษีการซื้อขายหุ้น บริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 4.5 ล้านหุ้น มูลค่า 738 ล้านบาท พร้อมทั้งถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังเต็ม 100% รวม 546 ล้านบาท ​
    โดยคดีนี้อยู่ในระหว่างการไต่สวนในชั้นศาล ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดใช้หลักทรัพย์ประกันตัวเพื่อต่อสู้คดี ร่วม 15 ล้านบาท ซึ่งคดีนี้เป็นอีกหนึ่งเซคชั่น ในคดีการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของตระกูลชินวัตร-ดามาพงศ์ และล่าสุดวิบากกรรม จากผลการกระทำของผู้ใหญ่ กำลังจะตกมาถึง "ลูก" !!! ​
    เมื่อ "คตส." ชุดอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปในส่วนของหุ้นบริษัท แอมเพิล ริช อินเวสต์เมนท์ ที่ วิโรจน์ เลาหะพันธุ์ ในฐานะประธาน ประเมินเรียกเก็บภาษีจากกล่องดวงใจทักษิณ "ลูกโอ๊ค" พานทองแท้ ชินวัตร กับ "เอม" พิณทองทา ในฐานะเป็นกรรมการบริษัท แอมเพิลริช และเป็นผู้ทำการซื้อขายหุ้นไขว้กันไปมาระหว่างบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น กับ แอมเพิลริช โดยมีการพิจารณา 3 ประเด็นหลักคือ

    1.บริษัท แอมเพิลริช ขายหุ้นให้กับ โอ๊ค เอม ในราคา 1 บาทต่อหุ้น แม้จะเป็นการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ แต่ถือเป็นรายได้ที่พึงประเมิน

    2.บริษัท แอมเพิลริช เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในต่างประเทศ คือ เกาะบริติชเวอร์จิ้น ประเทศไอซ์แลนด์ แต่ปรากฏว่าบริษัทนี้ไม่ได้ประกอบกิจการในประเทศอื่นนอกจากประเทศไทย จึงถือว่ารายได้จากการขายหุ้นเป็นรายได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากรมาตรา 37 ​
    3.พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะกรมสรรพากร ที่ระบุไม่ให้ทั้งสองคนต้องเสียภาษีโดยมิชอบจะต้องได้รับการพิจารณาไต่สวนเรื่องความผิดทางวินัยร้ายแรง ​
    ที่สำคัญ คตส.ได้นำคำวินิจฉัยภาษีอากรที่ 28/2538 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2538 พิจารณาประกอบโดยระบุว่า บริษัทนำหุ้น หรือขายหุ้นนอกหรือในตลาดหลักทรัพย์ หรือแจกจ่ายหุ้น ให้กรรมการบริษัท ที่ปรึกษาแม้จะมีราคาต่ำกว่าราคาท้องตลาด ก็ต้องนำเงินเหล่านั้นมาหักภาษี จากหลักฐานพบว่าทั้ง "โอ๊ค-เอม" มีฐานะเป็นกรรมการบริษัท แอมเพิลริช ดังนั้นจึงเข้าเกณฑ์การประเมินภาษี
    แต่ปรากฏว่ากระทั่งเวลา 16.30 น. ทั้งสองคนกลับไม่ได้ยื่นแบบแสดงการเสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดา แต่ยื่นแบบแสดงการขอคืนเงินแทน โดยไม่ได้มีการยื่นแบบการชำระเงินเพิ่มเติม ดังนั้นทั้งสองคนจึงต้องชำระภาษีภายในวันที่ 2 เมษายนนี้ รวมกัน 5,691,216,177.70 บาท ​
    นอกจากนี้บริษัท แอมเพิลริช จะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย แม้จะมีการขายราคา 1 บาทต่อหุ้น แต่บริษัทได้ประโยชน์จากจำนวนราคาหุ้นจริงในท้องตลาดกว่า 48 บาทเศษ ดังนั้น บริษัท แอมเพิลริช ต้องหักภาษีนำส่งให้กรมสรรพากรภายในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2549 แต่ปรากฏว่าในช่วงนั้นไม่ได้มีการหักภาษีดังกล่าว จนล่วงระยะเวลานานร่วม 14 เดือน จึงทำให้ "พานทองแท้" ต้องชำระภาษี ณ ที่จ่ายอีก 3,443,049,416.85 บาท

    ส่วน "พิณทองทา" อยู่ในเมืองไทยไม่ถึง 180 วัน แต่ถือว่ารายได้ดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศไทย จึงต้องถูกหัก 15% รวมภาษีต้องจ่าย 1,441,463,925 บาท รวมทั้งสองคนต้องจ่ายภาษี ณ ที่จ่าย4,884,513,341.85 บาท โดย คตส.ขีดเส้นตาย ต้องมาจ่ายภาษีในส่วนภายในวันที่ 7 เมษายน 2550 ​
    หากพ้นระยะดังกล่าวจะต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1.5% รวมภาษีทั้งสองส่วน "โอ๊ค-เอม" ต้องจ่ายภาษีรวมกันกว่า 10,575 ล้านบาท หากไม่จ่ายตามนี้ จะมีความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 ข้อหา ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือจงใจ แจ้งข้อความเท็จมาแสดง เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ทำนองเดียวกับการเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร จะต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปี และปรับ 2,000-200,000 บาท

    ซึ่งหากทั้งสองคนยอมจ่ายก็จะไม่มีความผิดเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ยังหนีไม่พ้นข้อหา "นิติกรรมอำพราง" หรือการซุกหุ้นภาค 2 ซึ่ง "คตส." เตรียมตั้งแท่นสอบย้อนไปหาผู้เป็นพ่ออีกต่อหนึ่งอยู่ดี ​
    ข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
     
  2. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,329
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,273
    กรรมมีจริง เงินของประเทศจะใช้คนเดียวได้ไง
     
  3. *44*

    *44* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    528
    ค่าพลัง:
    +1,808
    คนฉลาดอ่านแล้วต้องคิด
     
  4. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    ขอถามหน่อย.....เถอะ

    หากไปขึ้นโรงขึ้นศาลกันแล้ว ตัดสินใม่ว่าผิด
    เคยคิดบ้างไหมครับว่า....เขาจะฟ้องกลับโดนเรียกค่าเสียหายกันแบบที่เรียกว่า
    ขายวงศ์ตระกูลก็ใช้ไม่หมด จะว่างัย

    คิดเผื่อไว้หน่อยนะครับ เพราะพระจันทร์ก็มีข้างขึ้น ข้างแรม
    ดวงคนเราก็เหมือนกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...