วิเคราะห์เรื่องเด็กชายปลาบู่และภัยพิบัติ พ.ศ. 2555 - 2556

เเชร์ข้อมูลครับ
อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ปญฺญาวโร
ข้อความที่ทำให้หลวงพี่ขนลุกมีเยอะนะครับเรื่องภัยพิบัติก็รู้บ้างแล้ว อันหลังนี่ หลวงพี่ได้ยินเค้าพูดเรื่องสงคราม ปืนไฟ
ไม่ต้องใช้เครื่องบินทิ้ง ยิงอยู่กับที่ ก็ไปตกที่นั่นที่นี่ได้ คือหลวงพี่เคยไปเรียน ม.ปลายที่เมืองจีนและใช้ชีวิตอยู่4ปี จีนมีขีปนาวุธที่สามารถ ยิงข้ามทวีปได้โดยไม่ต้องส่งออกนอกโลก เหมือนเมกาใช้อยู่ครับ*0* มังกรเค้าผยองนะครับ Modern Warfare 3 Coming soon เด็ก5ขวบรุ้ได้ไง
ป.ล คุย กับเพื่อนที่เมืองจีนเมื่อ10ปีก่อนแล้วนะเรื่องยุทโธปกรณ์ของจีนน่ะ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
เพิ่มเติมครับ


<TABLE><TBODY><TR><TD>ขีปนาวุธ ยิงไกลที่สุดในโลก ( Longest range missile )

​

DF-31A หรือชื่อเต็มคือ Dong Feng 31A ( Dong Feng แปลว่า สายลมตะวันออก "East wind") DF-31 เป็นขีปนาวุธข้ามทวีป ( Intercontinental ballistic missile ใช้ตัวย่อว่า " ICBM " ) ขีปนาวุธ DF-31A เป็น ขีปนาวุธ ยิงไกลที่สุดในโลก โดยมันได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมมาจากขีปนาวุธ DF-31 โดยเพิ่มขีดความสามารถ และมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้

• เข้าประจำการในกองทัพรัสเซียในปี 2007
• ผู้ผลิต Manufacturer Academy of Rocket Motors Technology (ARMT) ของประเทศจีน
• น้ำหนัก 42 ตัน
• ความยาว 13 เมตร
• เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.25 เมตร
• พลังงานในการขับเคลื่อน เป็น เชื้อเพลิงแข็ง ( Solid fueled )
• ระบบนำทาง Inertial + stellar update
• ระยะทางในการยิง จาก 10,000 กิโลเมตร เป็น มากกว่า 16,000 กิโลเมตร
• เพิ่ม เติมระบบ จรวดติดตั้งหัวรบหลายหัวเพื่อยิงไปหลายเป้าหมาย multiple independently targetable reentry vehicle (MIRV) ที่ทำให้สามารถขนหัวรบนิวเคลียร์ขนาด 20-150 กิโลตัน ได้ 3 หัวรบ ในขีปนาวุธ 1 ลูก

รูป ขั้นตอนการทำงานของระบบ multiple independently targetable reentry vehicle (MIRV)

1. สเตรทที่หนึ่ง ขีปนาวุธยิงออกจากฐานยิงจรวด โดยขับดันด้วย บูสท์มอเตอร์ ( Boot motor ) ตามรูปเป็นท่อน A
2. หลัง จากยิงจรวดออกจากฐานได้ประมาณ 60 วินาที จรวดส่วน A จะหลุดออก และสเตรทสองจะเริ่มจุดระเบิดต่อ ตามรูปเป็นท่อน B และส่วนที่ปิดหัวรบจะหลุดออก
3. หลังจากยิงจรวดออกจากฐานได้ประมาณ 120 วินาที จรวดส่วน B จะหลุดออก และสเตรทสามจะเริ่มจุดระเบิดต่อ ตามรูปเป็นท่อน C
4. หลังจากยิงจรวดออกจากฐานได้ประมาณ 180 วินาที จรวดส่วน C จะหมดกำลังแล้วหลุดออกจาก ส่วน Post-Boost Vehicle (D)
5. ส่วน Post-Boost Vehicle ประมวลเป้าหมาย และเตรียมพร้อมลงทำลายเป้าหมายตามที่โปรแกรม
6. ส่วน Post-Boost Vehicle จะปล่อยหัวรบนิวเคลียร์ออกมา พร้อมระบบลวงเพื่อป้องกันการถูกทำลายบนอากาศ ก่อนถึงเป้าหมาย
7. ระบบล่อลวงทำการแตกตัวอีกครั้งเพื่อลวงอีกจังหวะ
8. หัวรบนิวเคลียร์เข้าทำลายเป้าหมาย

แผนผัง บริเวณที่ขีปนาวุธ แต่ละประเภทสามารถยิง เข้าทำลายได้ ของขีปนาวุธ DF-31A เป็นเส้นสีแดงเข้ม​

รูป การยิงขีปนาวุธ DF-31A ที่ติดตั้งบนแท่นยิงเคลื่อนที่
​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ข้อมูลอ้างอิงจาก รูป ขีปนาวุธ ยิงไกลที่สุดในโลก ( Longest range missile )

เเล้วมาดูข้อมูลนี้ครับ

โลกมีรูปทรงกระบอกแบนขั้ว หมายความว่ามีรูปทรงกระบอกแต่บริเวณขั้วโลกทั้งสองแบนเล็กน้อย และโป่งออกทางเส้นศูนย์สูตร ความยาวรอบโลกประมาณ 40,000 กิโลเมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 12,700 กิโลเมตร

อ้างอิงจาก โลก - วิกิพีเดีย

สรุป ซี๊ดครับ ขีปนาวุธพี่จีนยิงได้ครึ่งโลก เเต่ความเป็นจริง เเค่ยิง วนซ้าย วนขวาครับ เท่ากับยิงได้รอบโลกเเล้วอะ *0* อยู่ไหนก็ไม่รอด*0* *0* *0*<!-- google_ad_section_end -->

__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->

 

www.news.impaqmsn.com/articles_hn.aspx?id=304394&ch=hn

มาดูความเสี่ยงการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยกันบ้าง เริ่มจากลักษณะแผ่นธรณีซึ่งไทยมีลักษณะเป็นติ่งอยู่ทางตอนใต้บนแผ่นธรณีขนาดใหญ่มาก เรียกว่ายูเรเซีย

โดยส่วนของไทยและแถบอินโดจีนมีลักษณะเฉพาะ คือถูกแรงดันจากแผ่นอินเดีย-ออสเตรเลียทางตะวันตกและใต้ ถูกแผ่นฟิลิปปินส์และแปซิฟิกเคลื่อนเข้าหาจากทิศตะวันออก และถูกแรงต้านกลับจากจีนตอนใต้

จึงทำให้พื้นที่แถบนี้ค่อนข้างสมดุลและมีความเสถียรสูงกว่าพื้นที่อื่น ส่วนแรงเฉือนเกิดขึ้นบางพื้นที่เท่านั้น ทำให้พื้นที่ประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวระดับรุนแรงน้อยกว่าประเทศอื่นที่กล่าวมาแล้วมาก

แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ที่ราบลุ่มภาคกลางตอนล่างรวมทั้งกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นชั้นตะกอนดินเหนียวและตะกอนแม่น้ำที่ยังไม่แข็งตัว ชั้นตะกอนเหล่านี้มีคุณสมบัติในการขยายคลื่นแผ่นดินไหวได้มาก แผ่นดินไหวรุนแรงระยะไกลหรือแผ่นดินไหวขนาดปานกลางระยะใกล้อาจก่อให้เกิดปัญหาได้

สำหรับการศึกษารอยเลื่อนโดยนักวิจัยคณะต่าง ๆ ได้ข้อสรุปว่า รอยเลื่อนที่มีความเสี่ยงเกิดหนาแน่น บริเวณภาคเหนือ เช่น รอยเลื่อน แม่ทา รอยเลื่อนแม่จัน รอยเลื่อนเชียงแสน ฯ

ภาคตะวันออก เช่น รอยเลื่อนเมย-แม่ปิง รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์

ภาคใต้ตอนกลางฝั่งทะเลอันดามัน เช่น รอยเลื่อนระนอง รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย

ถ้าดูตามธรณีสัณฐานหรือจากสถิติแล้ว มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กถึงปานกลางและมีโอกาสเกิดได้ตลอดเวลา

แต่ถ้าเป็นเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงมีโอกาส น้อยมากกว่าประเทศอื่นนับร้อยนับพันเท่า

ซึ่งเราไม่น่าจะต้องกังวลหรือวิตกจริตกันเกินเหตุ แต่ก็ไม่ควรประมาท














ที่ไหนบนโลก เสี่ยงแผ่นดินไหว ?

ดร.ปริญญา พุทธาภิบาล สาขาธรณีศาสตร์ มหา วิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี วิเคราะห์ถึงสถาน การณ์เหตุแผ่นดินไหวจากทั่วโลกว่า

แผ่นดินไหวส่วนใหญ่ กว่าร้อยละ 90 เกิดขึ้นบริเวณ โซนของรอยต่อหรือรอยตะเข็บระหว่างแผ่นธรณี ที่ต่อเนื่องกันเป็นพื้นผิวโลก ทั้งส่วนทวีปและใต้สมุทร และรอยเลื่อนมีพลังที่เชื่อมโยง

ส่วนน้อย พบเกิดบนพื้นทวีปที่ห่างไกลออกไป แต่ก็มักมีความสัมพันธ์กับการเคลื่อนตัวของแผ่นธรณี และการสะสมความเครียด ที่เกิดจากแรงอัดบีบนั้น

จากข้อเท็จจริงที่ว่า ภายในโลกยังร้อนอยู่มาก ชั้นธรณีภาคที่ประกอบด้วยเปลือกโลกและชั้นเนื้อโลกส่วนบนวางตัวอยู่บนหินหลอมหรือแม็กม่า ชั้นนี้ที่ใต้พื้นสมุทรหนาประมาณ 15 กม.

ประกอบด้วยหินสีเข้มที่มีความหนาแน่น มากกว่าส่วนที่เป็นชั้นใต้พื้นทวีปที่อาจหนาถึง 200 กม. และเป็นหินสีจางที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า หินหลอมจำนวนมหาศาลที่ไหลทะลักขึ้นมา

โดยเฉพาะตามรอยแตกลึกใต้สมุทรได้ดันแผ่นธรณีพื้นสมุทรให้แยกและเคลื่อนออกจากกันอย่างช้า ๆ เกิดร่องลึกและแนวสันภูเขาไฟใต้สมุทร ซึ่งเป็นแนวรอยตะเข็บระหว่างแผ่นแบบแยกออกจากกัน

กรณีที่แผ่นเคลื่อนมาชนกัน แผ่นที่มีความหนาแน่นมากกว่าจะมุดลงใต้อีกแผ่นหนึ่งเกิดแนวร่องลึกใต้สมุทรและแนวภูเขาไฟขนานกัน เมื่อแผ่นธรณีบริเวณรอยต่อเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เท่ากันเกิดแนวฉีกขาดและรอยตะเข็บระหว่างแผ่นธรณีแบบรอยเลื่อนเปลี่ยนรูป

กลไกเช่นนี้ทำให้ชั้นธรณีภาคแตกและแยกออกเป็นแผ่นอิสระที่เคลื่อนที่สัมพันธ์กัน แผ่นใหญ่บ้าง เล็กบ้าง เช่น แผ่นยูเรเซีย อินเดีย-ออสเตรเลีย แปซิฟิก อเมริกาเหนือและแผ่นแคริบเบียน เป็นต้น

อัตราความเร็วของการเคลื่อนที่ของแผ่นเหล่านี้ต่ำสุดคือ 1.4 เซนติเมตรต่อปีและสูงสุดคือ 13.4 เซนติ เมตรต่อปี

ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถวัดการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีได้แม่นยำมากด้วยเครื่องวัดพิกัดทางดาวเทียม ที่สามารถวัดว่า แต่ละแผ่นเคลื่อนที่ไปได้กี่มิลลิเมตรต่อปี โดยมีเครื่องวัดพิกัดทางดาวเทียมกระจายอยู่หลายร้อยตำแหน่งทั่วโลก

เมื่อย้อนดูเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงทั่วโลกในอดีต เริ่มจากจุดที่อยู่ใกล้ประเทศ ไทยก่อน ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน อินโด นีเซีย

ซึ่งจะเห็นว่าญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวค่อนข้างบ่อย และมีการบันทึกความเสียหายที่รุนแรง พบว่า ญี่ปุ่นอยู่ใกล้รอยตะเข็บหลายรอยจึงเป็นประเทศที่เกิดแผ่นดินไหว ทุกขนาดมาก

สำหรับไต้หวัน จริง ๆ แล้วเกาะไต้หวันก็เสี่ยงเนื่องจากอยู่ใกล้รอยตะเข็บระหว่างแผ่นธรณีชนกันในลักษณะแบบที่มุดตัวลง เป็นอีกโซนที่ได้ยินบ่อยว่าเกิดแผ่นดินไหว

ประเทศจีน เป็นประเทศที่ประสบหายนะมากกว่าประเทศอื่น โดยแผ่นยูเรเซียส่วนของจีนมีลักษณะเฉพาะที่ถูก แผ่นธรณีอินเดีย-ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นแผ่นขนาดใหญ่และแผ่นอาราเบียนดันขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือแนวเดียวด้วยความเร็วที่ต่างกันเกิดรอยเลื่อนหลายรูปแบบ

แรงเฉือน ทำให้เกิดรอยเลื่อนมีพลังตามแนวระดับ บริเวณมณฑลเสฉวนจึงดูเหมือนจะเป็นจุดหมุนพอดีที่แนวแรงถูกถ่ายลงมาทางตะวันออกเฉียงใต้ เป็นบริเวณที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวรุนแรงมานาน

บริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยอีกแห่ง คือสุมาตรา ทางตะวันตกของสุมาตราเป็นร่องลึกใต้สมุทร ถือเป็นโซนเกิดแผ่นไหวรุนแรงได้เสมอ

ห่างออกไปเป็น เอเชียใต้ แถวๆ อินเดีย ปากีสถาน เนปาล อยู่ใกล้ขอบตะเข็บเช่นกัน เมื่อแผ่นธรณีที่เป็นพื้นทวีปทั้งคู่มีความหนาแน่นใกล้เคียงกันในลักษณะทวีปชนทวีปเกิดแนวเทือกเขาหิมาลัย

การเคลื่อนตัวของแผ่นอินเดีย-ออสเตรเลียยังไม่หยุดนิ่ง จึงมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงบ่อยครั้งทั้งในปากีสถาน ตอนเหนือของอินเดีย และเนปาล

ส่วนทางเอเชียตะวันออกกลาง มีประเทศอิหร่าน ที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยและเสียชีวิตมากที่สุด เนื่องจากอยู่ใกล้แนวแผ่นดินไหวรุนแรง

ทางฝั่งยุโรป มีประเทศโปรตุเกส ภาคใต้อิตาลี โม ร็อกโก ตุรกี ที่มีรอยต่อของแผ่นธรณี

สำหรับทวีปอเมริกา จุดที่อันตรายที่สุดอยู่ทางตะวันตกในขอบแปซิฟิกบริเวณที่เรียกว่ารอยเลื่อน ซังนัง เดรส (San Andreas Fault) ซึ่งเป็นรอยต่อแผ่นแปซิฟิก กับแผ่นอเมริกาเหนือ พาดผ่านเข้าไปในอ่าวแคลิฟอร์เนีย มีแรงเฉือนเกิดรอยเลื่อนแนวระดับที่ทำให้แผ่นทั้งสองเคลื่อนที่สวนกันด้วยความเร็ว 5.4 และ 5.5 ซม.ต่อปี

ละแวกนี้ นครลอสแอนเจลิสและพื้นที่ใกล้เคียง ถือเป็นบริเวณที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวรุนแรงลำดับต้น ๆ ของโลก

ด้านทวีปอเมริกาใต้ ถือว่ามีรอยตะเข็บและร่องลึกใต้สมุทรที่ยาวที่สุดในโลก แถบนี้ มีแนวแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด ตั้งแต่ประเทศเอกวาดอร์ เปรู ชิลี เป็นโซนการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงและมีแผ่นธรณีนาซกาเคลื่อนเข้าหาและมุดลงใต้แผ่นทวีปฯ ด้วยความเร็วค่อนข้างมาก

จากการวิเคราะห์สถาน การณ์การเกิดแผ่นดินไหวทั่วโลก พบว่ามีหลายสาเหตุ

ฉะนั้น สิ่งที่เราต้องทำคือ ศึกษาติดตามตรวจสอบสภาพธรณีใต้พื้นดินและรอยเลื่อนต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงในประเทศไทย อย่างจริงจังต่อเนื่อง

โดยเฉพาะ พื้นที่รอบกรุงเทพฯ เพื่อความไม่ประมาท การก่อสร้างในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวมากกว่าควรทำตามประกาศ กรมโยธาธิการอย่างเคร่งครัด

ที่สำคัญควรเผยแพร่ข้อเท็จจริงเรื่องเกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหวต่อสังคมให้ครอบคลุมทุกด้าน

 

ติดตามเรื่องต่อได้ที่ http://www.rattanaphonchai.com

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ

 

เวป IRIS Seismic Monitor ที่สามารถดูข้อมูลแผ่นดินไหวจุดต่างๆในโลก

http://www.iris.edu/seismon/




แผ่นดินไหวภัยใกล้ตัว

ข้อมูลจาก "กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย " ระบุว่า "แผ่นดินไหว" นับเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ หรือพยากรณ์ระยะเวลาการเกิดสถานที่เกิด และระดับความแรงได้อย่างแม่นยำและแน่นอน

ต้นเหตุของแผ่นดินไหว เกิดจากการเคลื่อนตัวอย่างฉับพลันของเปลือกโลก โดยมักเกิดตรงบริเวณ "ขอบ" ของแผ่นเปลือกโลก การเคลื่อนตัวในลักษณะดังกล่าว เกิดขึ้นเนื่องจาก "ชั้นหินหลอมละลาย" ที่อยู่ภายใต้เปลือกโลก ได้รับพลังงานความร้อนจากแกนโลก และลอยตัวผลักดันเปลือกโลกตอนบนตลอดเวลา

ส่งผลให้เปลือกโลกแต่ละชิ้น มีการเคลื่อนที่ในทิศทางต่างๆ กัน พร้อมกับสะสมพลังงานไว้ภายใน บริเวณ "ขอบ"แผ่นเปลือกโลกจึงเป็นส่วนที่ชนกัน เสียดสีกัน หรือแยกจากกัน

หากบริเวณ "ขอบ" ของชิ้นเปลือกโลกใดๆ ผ่าน หรืออยู่ใกล้กับประเทศใด ประเทศนั้นจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภัยแผ่นดินไหวสูง เช่น ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย นิวซีแลนด์

นอกจากนี้ พลังงานที่สะสมในเปลือกโลก ยังถูกส่งผ่านไปยัง บริเวณรอยร้าวของหินใต้พื้นโลก หรือที่เรียกว่า "รอยเลื่อน" เมื่อระนาบรอยร้าว ที่ประกบกันอยู่ได้รับแรงอัดมากๆ จะทำให้รอยเลื่อน มีการเคลื่อนตัวอย่างฉับพลัน เกิดเป็นแผ่นดินไหวได้เช่นเดียวกัน
<O
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมบาง อย่างของมนุษย์ ก็ทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้เช่นกัน เช่น การทำเหมือง สร้างเขื่อน และขุดเจาะบ่อน้ำมัน

จากการบันทึกทางประวัติศาสตร์ พบว่า บนผืนแผ่นดินของเมืองไทย เคยเกิดแผ่นดินไหว ครั้งใหญ่ ปานกลาง และ เล็ก หลายครั้ง

มีบันทึกประวัติศาสตร์จารึกว่า ในปี พ.ศ.1558 เกิดแผ่น ดินไหวขนาดใหญ่เกิดขึ้น ทำให้บริเวณ "โยนกนคร" ยุบจมลงเกิดเป็นหนองน้ำใหญ่



<O</O
จับตา13 รอยเลื่อนอันตราย

ประเทศไทยมีรอยเลื่อน 13 จุด ที่ส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวได้ และยังมีรอยเลื่อนสะแกง ที่เป็นรอยเลื่อนขนาดใหญ่อยู่ทางฝั่งประเทศพม่า พาดผ่านทะเลอันดามัน ที่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 400 กม. ที่ต้องจับตามอง แต่ไม่สามารถระบุได้ว่า แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นเมื่อใดและที่ใด

สำหรับ 13 รอยเลื่อน ในประเทศไทยประกอบด้วย
<O</O
1. "รอยเลื่อนแม่จันและแม่อิง" ครอบคลุม พื้นที่ จ.เชียงราย และเชียงใหม่<O</O
2. "รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน" ครอบคลุม จ.แม่ฮ่องสอน และตาก <O</O
3. "รอยเลื่อนเมย" ครอบคลุม จ.ตาก และกำแพงเพชร <O</O
4. "รอยเลื่อนแม่ทา" ครอบคลุม จ.เชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย
5. "รอยเลื่อนเถิน" ครอบคลุม จ.ลำปาง และแพร่ <O</O
6. "รอยเลื่อนพะเยา" ครอบคลุม จ. ลำปาง เชียงราย และพะเยา <O</O
7. "รอยเลื่อนปัว" ครอบคลุม จ.น่าน <O</O
8. "รอยเลื่อนอุตรดิตถ์" ครอบคลุม จ.อุตรดิตถ์ <O</O
9. "รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์" ครอบคลุม จ.กาญจนบุรี และราชบุรี <O</O
10. "รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์" ครอบคลุม จ.กาญจนบุรี และอุทัยธานี <O</O
11. "รอยเลื่อนท่าแขก" ครอบคลุม จ.หนองคาย และนครพนม <O</O
12. "รอยเลื่อนระนอง" ครอบคลุม จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และพังงา <O</O13. "รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย" ครอบคลุม จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา

สำรวจพื้นที่เสี่ยงธรณีพิโรธ

สำหรับประเทศไทย แหล่งกำเนิดแผ่นดินไหวส่วนใหญ่ จะตั้งอยู่ใกล้ๆ กับแนวในมหา สมุทรอินเดีย เกาะสุมาตรา และประเทศพม่า ส่วนแนวรอยเลื่อนต่างๆ ในประเทศ ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคเหนือ และ ภาคตะวันตก
<O</O<O</O
และ จากการสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวของไทย พบว่า มี 4 จังหวัดที่เสี่ยงภัยแผ่นดิน ไหวมากที่สุด ได้แก่...กาญจนบุรี ตาก แม่ฮ่องสอน และเชียงราย โดยมี ความเสี่ยงประมาณ 7 - 8 เมอร์คัลลี (มาตราความรุนแรง) ซึ่งมีผลทำให้อาคารสูงเสียหายได้

ส่วนจังหวัดที่เสี่ยง รองลงมา ส่วนใหญ่ ตั้งอยู่ทางภาคเหนือ และภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา น่าน ลำปาง รวมทั้งกรุงเทพฯ ซึ่งมีความเสี่ยง ประมาณ 5 - 7 เมอร์คัลลี ซึ่งทำให้อาคารเสียหายเล็กน้อย

ส่วนพื้นที่ซึ่งปลอดภัยมากที่สุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ <!-- google_ad_section_end -->

 

ดูด้วยตา ฟังด้วยหู วิเคราะห์ด้วยปัญญา ปฏิบัติด้วยใจ เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต
พรุ่งนี้จะเป็นไง ก็ไม่ต้องกลัวแล้ว
ไม่ได้ขัดความคิดใครทั้งนั้น แต่ถ้าวันนั้นเป็นวันสุดท้ายจริงตามที่ท่านหรือหลาย ๆ คนวิเคราะห์ เราจะทำอะไรได้เพื่อคนที่เรารัก และหลาย ๆ คนที่เราต้องการช่วย สำหรับผม ผมขออยู่กับพ่อแม่ อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ท่านกลัวจนเกินไป บางทีผมอาจจะกลัวมากกว่าท่านเสียด้วยซ้ำ
ขอบคุณมากนะครับ สำหรับความรู้

 

ผมไม่อยากให้ตีความไปถึงหายนะ ที่เป็นรูปธรรม น้ำ ไฟ อาจจะเป็นเรื่องของจิตใจ เป็นนามธรรมก็ได้ที่กำลังเผาผลาญและครอบงำจิตใจมนุษย์ ดังหลวงปู่เทสก์ ได้กล่าวสอนไว้ว่า

[FONT=courier new,courier,monospace]"โลกฉิบหายด้วยน้ำ ด้วยลม ด้วยไฟ ด้วยน้ำคือราคะ ด้วยลมคือโมหะ ด้วยไฟคือโทสะ มันใหญ่โตกว้างขวางถึงขนาดนั้น แต่เราไปประมาทเสีย ทำให้มันเกิดขึ้นมา แล้วแพร่ออกกว้างขวาง จนไม่สามารถระงับได้[/FONT]"

_________

[FONT=courier new,courier,monospace]พระธรรมเทศนา : พระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (พระอาจารย์เทสก์ เทส์รังสี)
พิมพ์ครั้งที่ 2 กันยายน 2548 หน้า 28-30 [/FONT]

[FONT=courier new,courier,monospace]"ความ ทุกข์มันเกิดนิดเดียว ไม่ได้เกิดมากมายอะไร ถ้าหากประมาท ก็เป็นเหตุให้ใหญ่โตกว้างขวางออกไป เรามาคิดดูว่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดนิดเดียว เท่านั้นหล่ะ มันงอกงามมาเป็นต้นใหญ่โตมโหฬารได้ ใหญ่จนกระทั่งได้หม้อแกงหนึ่ง หรือใหญ่มากกว่านั้นอีก [/FONT]

[FONT=courier new,courier,monospace]ราคะ มัน อยู่ที่ใจของเรานั่นนิดเดียว ความกำหนัดย้อมใจ ความเพลิดเพลินยินดี อยู่ในนั้นนิดเดียวนั้นแหละ แตกหากปล่อยตามใจมัน มันเลยขยายกว้างออกไป แพร่หลายออกไป กว้างหมดทั้งโลก เดิมทีมันนิดเดียวเท่านั้น[/FONT]

[FONT=courier new,courier,monospace]โทสะ ก็เหมือนกัน มันนิดเดียวเท่านั้นหล่ะ แพร่หลายไปจนกระทั่ง ไปประหัตประหารฆ่าฟันกันตายนับไม่ถ้วน จนโลกอันนี้ฉิบหาย[/FONT]

[FONT=courier new,courier,monospace]โมหะ ก็เช่นนั้นเหมือนกัน[/FONT]

[FONT=courier new,courier,monospace]ท่านบอก ว่า โลกฉิบหายด้วยน้ำ ด้วยลม ด้วยไฟ ด้วยน้ำคือราคะ ด้วยลมคือโมหะ ด้วยไฟคือโทสะ มันใหญ่โตกว้างขวางถึงขนาดนั้น แต่เราไปประมาทเสีย ทำให้มันเกิดขึ้นมา แล้วแพร่ออกกว้างขวาง จนไม่สามารถระงับได้[/FONT]

[FONT=courier new,courier,monospace]เพราะ ฉะนั้น ผู้ที่ต้องการจะระงับดับ ต้องดับที่ใจ อบรมที่ใจให้สงบ เห็นเฉพาะในใจตนเท่านั้น ไม่ต้องไปไล่ขนาบฆ่าตีมันมากมายกว้างขวาง เห็นที่จิตแวบออกไปขณะใด ก็ระงับในขณะนั้นหล่ะ ตั้งสติคุมจิตให้อยู่ เพราะมันออกไปจากจิต เบื้องต้นต้องคุมจิตให้อยู่ก่อน เมื่อจิตอยู่แล้ว จึงค่อยไปพิจารณาเรื่องราคะ โทสะ โมหะ ก็จะเห็นของจริงขึ้นมา[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้าสอนนิดเดียว ไม่ได้สอนมาก สอนในที่เดียว สอนที่ใจ ให้เห็นใจอย่างเดียวก็หมดเรื่อง ดังนั้น จงคุมใจให้อยู่ รักษาใจให้ได้ จึงจะชำระใจของตนให้บริสุทธิ์" [/FONT]

 

วิเคราะห์เรื่องเด็กชายปลาบู่และภัยพิบัติ พ.ศ. 2555 - 2556 (361 คน กำลังดูอยู่) ( 1 2 3 4 5 6) karan20


.

 

ฝรั่งบอก What ever will be will be ! อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิด ก็อยากจะบอกให้ทุกท่านมุ่งหน้าเข้าหาพระธรรม คำสอนของพระศาสดา ของแต่ละศาสนา เร่งสร้างบุญสร้างกุศลกันเข้าไว้ เพื่อเป็นเสบียงติดตัวไปในภพหน้าถ้าหากต้องกลับมาอยู่ในวัฏสงสารอีก และถ้าเกิดมหันตภัยจริงเราคนได้เห็นมนุษย์พันธุ์ใหม่แน่เลย

 

ขออำนาจบารมี แห่งคุณพระรัตนตรัย โปรดคุ้มครองให้ทุกๆท่าน มีความสุข ปลอดภัยจากสิ่งไม่ดีทั้งปวง ขอให้ทุกท่านอย่าได้หวาดกลัวจนเกินไป ถ้าเกิดเหตุขึ้นจริงตามที่หลายท่านได้ทำนายไว้ ก็ต้องเกิด หรืออาจจะไม่เกิดก็เป็นได้ แต่ขอให้ทุกท่านอย่าลืม ความตาย เพราะสัตว์โลกที่เกิดมาล้วนแล้วแต่จะต้อง ตาย เป็นแน่แท้ เราไม่อาจหลีกหนีความเป็นจริงไปได้ ถ้าจะให้คิดในแง่ดี เป็นการดีที่เราท่านทั้งหลายจะได้ไม่ประมาทในการทำความดี เพื่อเป็นเสบียง ในภพหน้า หากยังไม่ ถึงซึ่ง พระนิพพาน

 

พวกเราท่านทั้งหลายควรจะ อยู่ในศีลธรรม เร่งรัดการปฏิบัติ ให้มากขึ้น ก็อาาจะรอดพ้นจากภัยก็เป็นได้

 

ขออนุญาตุออกความเห็นเรื่องเวลาที่จะเกิดโดยจับใจความที่ว่า"นับถอยหลังข้ามปีและมีการจุดพลุ" ผมมีความเห็นว่าจะเป็นช่วงต่อของปี2554เป็น2555 หรืออาจจะ2555 เป็น2556 เพราะเทศกาลสงกรานต์ตามปกติเราไม่มีการนับถอยหลังครับ.

 

ถ้าผู้คนรู้เวลาตายได้ อยู่เหนือกฏของกรรม-เอาชนะความตายได้ โลกนี้ก็ไม่มีแล้ว สวรรค-นรก-เทวดา-พรหม-นิพพาน... สมัยที่มี"สินามิ" ผู้คนก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่ากำลังจะต้องไปตายรวมกันจากหลายๆที่มารวมกัน แต่ในที่สุดก็ต้องไปตายรวมกันที่ใต้ "น้ำท่วม"ครั้งนี่ก็เหมือนกัน"กรรมหมู่"กรรมที่เคยไปช่วยล้อมเมืองเค้าก็เลยถูกน้ำล้อมบ้าน ในอนาคตถ้ามันจะเกิดภัยพิบัติก็คงไม่มีใครรู้วันเวลาที่แน่นอนเช่นกัน ไม่งั้น"มนุษย์และสัตว์"ก็คงอยู่เหนือกฏของกรรมได้ ผมว่าเรามาตั้งหน้าตั้งตาทำความดีมากๆกันดีกว่า(เพื่อรับมือภับพิบัติใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้) มีความรัก-ความเมตตาต่อกัน รักษาศีล-ภวานา ทำทานบรามีให้สูงๆ (บุญ)จะเป็นเกราะป้องกันภัยได้ทุกๆอย่าง อยู่ก็มีความสุข ตายก็มีความสุข(ขออภัยที่เห็นต่าง) คนไม่มีบุญอยู่ยากแล้ว ต่อไปคน"อกตัญญู"ต่อแผ่นดิน-ศาสนา-พระมหากษัตริ มีแต่จมกับจม

 

เห็นตาม ด้วยครับ เพราะฟังลุงเล่า ถึงเด็กชายรู้จัก รถไฟใต้ดิน รถไฟลอยฟ้า

มันจุดพลุด้วย เคาดาวด้วย

ผมว่า นี้แหละ 54 -55

 

เรามาเร่งสร้างกุศลผลบุญดีกว่า

 

ปลง .. สอบเสร็จ25 ธัันวา ไม่ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ขอกลับบ้านที่ราชบุรีไปล้างเท้าขอขมาแม่ เผื่อเกิดเหตุการณ์อะไรที่ไม่คาดคิด ..

 

มันก็แปลกๆอยู่เหมือนกันครับ อยู่ดีๆเมื่อวานฟ้าก็มืดฝนก็ตกลงมาทั้งๆที่เป็นหน้าหนาว ชักจะมีเค้าลางๆมาบ้างแล้ว

 

ทางใต้ก็รู้สึกหดหู่กับฟ้าฝนที่ท้องฟ้าดูแปลกไปเช่นกันครับ คิดว่าและรู้สึกถ้าเกิดอะไรขึ้นเช่นนั้นจริงทางใต้คงต้องเกิดอะไรบางอย่างที่หนักหนาเหมือนๆกันหมดครับ