เปิดตำนานหลวงพ่อทิม วัดละหารไร่

เห็นด้วยครับ

พระในรูปนั้นสวยงามมาก และดูขลังโบราณดี

คนมีบุญจริงๆ ถึงมีโอกาสครอบครองสิ่งดีๆครับ

 

ขอบคุณ มากครับสำหรับคำชม จริงๆที่ดูอิ่ม ลึกซึ้ง อาจจะเป็นเพราะ สีของภาพดูเก่าบวกกับ องค์พระ ดูเก่าแกะออกมาจากการแกะพิมโบราณ หรือป่าวครับ จริงๆแล้วผมพึ่งถ่ายเมื่อวานนี้เองครับ ใช้โปรแกรมแต่งสีแต่งขอบ ภาพนิดหน่อย ทำเสร็จแล้วผมยังชอบเลยแฮะ

 

การบูชาพระเครื่องหลวงปู่ทิมหรือการอาราธนาพระ จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรมากมันอยู่ที่จิตและใจของเราถือว่าเป็นหัวใจสำคัญเพราะพระเครื่องที่เราจะบูชาหรือการที่จะอาราธนานำพระเครื่องมาใช้มากแค่ไหนนั้นอยู่ที่จิตของเรานั้นว่ามีความยึดมั่นและศรัทธา อำนาจของพุทธคุณที่อยู่ในองค์พระนั้นก็จะช่วยคุ้มครองเราได้อย่างดีอยู่ที่เราจะอาราธนาไปในเรื่องใด ขอให้คิดดีพูดดีทำดีแล้วอำนาจพุทธคุณพระก็จะช่วยหนุนนำไปในเรื่องที่ดีๆได้

 

ขอบคุณอาจารย์มากครับ
รอติดตามประวัติหลวงปู่ต่อครับ

 

สงกะสัยด้วยคนครับ อิอิ
จริงๆแล้วไอ้ตำนานทั้งหลายถูกเขียนมาด้วยคนไม่กี่คนแล้วกลายเป็นตำราหลักๆไป แย่วุ๊ย ใกล้ชิดบ้าง คนสนิทบ้าง เฮง---เอ๊ย

 

Like.

 

ทุกครั้งที่มีการตั้งคำถามเพื่อหาความจริงเกี่ยวกับผงพราย หรือ ขุนแผน หลวงปู่ทิม

ในทุกเวปที่มีผู้รู้ มักจะได้รับคำตอบเหมือนกันว่า ไม่สามารถบอกเล่าได้เนื่องจาก

ความจริงจะไปขัดกับผลประโยชน์ของหลายๆ ฝ่าย


แล้วความจริงกับศรัทธาของเหล่าสานุศิษย์หลวงปู่ทิม ไม่สำคัญและเป็นประโยชน์สูงสุด

หรืออย่างไร

 

ความจริงมันมีอยู่ว่า...........เอ่อ..คือ......

ความจริงที่..1
เมื่อกลางปี 2515 คณะกรรมการวัดละหารไร่ มีนายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกร ประชุมกันเรื่องการสร้างพระเครื่องวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสมนาคุณแด่ชาว บ้านและสาธุชนทั่วไป ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินร่วมทำบุญกับวัดละหารไร่ ต่อไปในวันข้างหน้าโดยเฉพาะงานผูกพัทธสีมาพระอุโบสถ วัดละหารไร่ ในการนี้หลวงปู่ทิมได้กล่าวว่า หากได้ผงพรายกุมารมหาภูติผสมใส่ลงไปด้วย พระเครื่องที่สร้างขึ้นนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเพราะมีอานุภาพแห่ง พรายกุมารมหาภูติแฝงอยู่คอยช่วยเหลือเอื้ออำนวยพร เมื่อหลวงปู่ทิมมีความต้องการจะทำผงพรายกุมารมหาภูติ เพื่อนำมาเป็นมวลสารที่สำคัญยิ่งในการสร้างปลุกเสกพระเครื่องครั้งนี้นั้น ในบรรดาลูกศิษย์ยุคแรกของหลวงปู่ทิมอิสริโกทั้งหมดไม่มีใครกล้าเสนอตัว อาสากระทำการ เพราะต่างคนต่างก็เกรงกลัวความอาถรรพ์ของผีตายทั้งกลม ซึ่งโบราณกล่าวไว้ว่ามีความดุร้ายและหวงลูกมาก ถึงขั้นตามเอาชีวิตกันเลยทีเดียว มีแต่เพียง “หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ “ ผู้เดียวที่มีวิชาคาถาอาคมและสมาธิกล้าแข็งเพียงพอ กล้าขอเสนอตัวรับอาสาสนองพระคุณหลวงปู่ทิม จะไปนำ ” กะโหลกพรายกุมาร “ วัตถุอาถรรพ์สำคัญยิ่ง จากหญิงตายทั้งกลม (หญิงชาวบ้านท้องแก่ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุสยดสยอง ทางญาติได้นำศพมาฝังไว้ที่ป่าช้าวัดละหารใหญ่ ปัจจุบันเป็นบริเวณที่ชาวบ้านทำไร่สับปะรด ) มาเพื่อให้ท่านสร้างปลุกเสกเป็น ”ผงพรายกุมารมหาภูติ “ ซึ่งหมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ต้องพบกับอิทธิฤทธิ์ของอาจารย์พรายนายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร แต่ด้วยมูลเหตุแห่งวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างบุญกุศลในพระพุทธศาสนา บารมีของหลวงปู่ทิม และคาถาอาคมที่หลวงปู่ทิมได้ประสิทธิให้นั้น ทำให้นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร ได้ยินยอมและเต็มใจ เกิดความปิติในกุศลผลบุญที่ตนเองจะได้รับ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ จึงกระทำการครั้งนี้ได้สำเร็จเรียบร้อยทุกประการ “ วิญญาณของอาจารย์นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร มีอยู่จริงเห็นตัวตนเป็นเงาใสๆ ลางๆ เหมือนกับภาพที่สะท้อนบนพื้น ในปัจจุบันวิญญาณเหล่านี้ก็ยังอยู่คุ้มครองที่วัดละหารไร่ “ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวย้ำ การสร้างผงพรายกุมารมหาภูตินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เมื่อได้กระโหลกพรายกุมารมาแล้ว หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ใส่ห่อผ้าเก็บไว้หลังพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่า เป็นระยะเวลาประมาณสามถึงสี่เดือน จนกระโหลกพรายกุมารแห้งสนิทหมดกลิ่นดีแล้ว จึงนำมาโขลกตำให้ละเอียดแล้วผสมกับผงวิเศษสำคัญต่างๆ ที่หลวงปู่ทิมมอบให้มาจนครบทั้งหมดผสมน้ำแช่เกสรบัวทั้งห้า ปั้นเป็นแท่งขนาดใหญ่ แล้วตากแดดไว้จนแห้งสนิท เมื่อได้ฤกษ์งาม ยามดีวันดี ตามที่หลวงปู่ทิมได้กำหนดไว้ จึงจะนำแท่งผงปั้นนี้มาเขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ บนกระดานชนวน กระทำในพระอุโบสถหลังเก่า ท่ามกลางการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ ๙ รูป โดยหลวงปู่ทิมอิสริโก เป็นประธานสงฆ์ เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ ลงบนกระดานชนวนแล้วลบผงก่อนเป็นปฐมฤกษ์ แล้วจึงมอบให้หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ เป็นผู้ลงอักขระพระยันต์และลบผงต่อไป การปลุกเสกผงพรายกุมารมหาภูตินี้ หลวงปู่ทิมท่านได้ปลุกเสกพรายกุมารทั้งหลายให้เป็นกึ่งเทพกึ่งภูติเป็นมหา ภูติขวาและซ้าย(พระพรายคู่ เป็นรูปเทวดานั่งคู่กัน แทนรูปมหาภูติซ้าย-ขวา) วิญญาณพรายกุมารไม่ใช่มีอยู่ตนเดียว แต่มีมากมายประมาณมิได้

ความจริงที่...2

เนื่องจากวัตถุอาถรรพ์สำคัญที่ใช้ทำผงพรายกุมารก็คือ “กะโหลกพรายกุมาร” จากศพ “อาจารยืพรายนาป่าช้า” ซึ่งเป็นชายชราชาวบ้านนุ่งขาวไว้ผมมวยด้านหลัง มีวิชาถาถาอาคมแก่กล้า และเลี้ยงภูติพราย ปลุกกระท่อมอาศัยอยู่ในบริเวณวัดละหารไร่ ผู้คนเรียกท่านว่า “อาจารย์พราย” ต่อมาเสียชีวิตลง ได้นำศพฝังในบริเวณนั้นเป็นศพแรก “แม่นางพราย” หญิงชาวบ้านท้องแก่ ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุตายโหง “พ่อพรายกุมาร” เด็กทารกเพศชายที่เสียชีวิตในครรถ์ ของแม่นางพราย หมอกุหลาบ นำมาแต่เพียงศีรษะติดเส้นผมอ่อนขนาดประมาณไข่เป็ด


ความจริงที่...3

โยมสายเคยเล่าว่าผงพรายกุมารนั้นที่จริงแล้ว จะต้องเอาผีตายวันเสาร์ ฝังวันอังคาร ก็รอกันอยู่นานจนรู้ข่าวว่ามีคนตาย ตามตำราที่ว่านี้ก็เตรียมตัวกันในเวลากลางคืนหลังจากเขาฝังเสร็จเพื่อทำการ ผ่าท้องแม่เพื่อเอากระดูกเด็กโดยใช้มีดหมอและกระโหลกแม่ แต่ในที่สุดศพนี้เขาได้เผา ก็เลยจำเป็นต้องเอาแบบที่เผานี้ในเวลากลางคืน 2 คน กับหมอหลาบ หลังจากได้แล้วต่างขี่จัรยานกลับโดยมีข้อแม้ว่าห้ามหันกลับไปดูเด็ดขาดหลัง จากนั้นก็นำกระดูกมาตำรวมกันแล้วใช้ตะแกรงร่อนเอาส่วนที่ละเอียดอย่างเดียว ท่านล่าว่าได้แค่ไม่ถึงครึ่งแก้วเองส่วนเศษชิ้นใหญ่นั้นแยกไว้ต่างหาก ผมเคยได้จากครูตุ๋ยมา 1 ตลับ มีอยู่ 18 ชิ้น แล้วนำมาอุดไว้ในกุมารดูดรกที่ทำใหม่โดยให้พี่ชินพรฝากให้หลวงปู่ธรรมรังษี ปลุกเสกเมื่อปี 2540 ผมเคยให้โยมสายท่านทำอีก เพื่อให้หลวงพ่ออื่นปลุกเสก ท่านไม่กล้าทำโดยบอกว่าหลวงปู่ไม่อยู่แล้วพลาดพลั้งไปไม่มีใครช่วยได้


ความจริงที่...4

หลวงปู่ทิมเป็นคนบอกให้ใช้ "ผงพรายกุมาร" มาทำใช่มั้ยครับ?
ไม่ใช่ แต่มาจากลูกศิษย์ อันนี้ ก็ได้ปรึกษาหารือกันแล้ว
ว่าจะทำอย่างนี้ อย่างนี้นะ แล้วก็นำไปปรึกษาหารือกับหลวงปู่ทิม
ว่าจะทำได้ไหม แกก็บอกว่าได้ ถ้ามีความสามารถทำมาได้ แกก็ทำให้ได้
พวกลูกศิษย์ก็จึงไปจัดหากันมา เพราะคนตายสมัยนั้นเขาจะเอาฝังดิน
ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ไม่มีการฝังแล้ว โยมปูน สัปเหร่อของวัดในสมัยนั้น
ก็เป็นคนไปเอาผงพรายกุมารมา ก็จะเป็น "ลิ้น" กับ "เส้นผม"
ของเด็กที่อยู่ในท้องแม่ที่ตายท้องกลม
แต่ไม่ได้เอาหัวกะโหลกอะไร

ลูกศิษย์เป็นคนจัดการเองทั้งหมดเลยใช่ไหมครับ?
ลูกศิษย์จัดการเอง โดยท่านไม่ได้บอก พวกนั้นได้ไปขุดหากันมา
อย่างเส้นผมก็จะเอามาซอย ส่วนลิ้นก็จะเอาไปย่างแล้ว เอามาบด ให้ละเอียด
แล้วก็เอามาให้ท่าน ซึ่งทางท่านก็มีส่วนผสมอยู่แล้ว
เมื่อเอามาผสมกันแล้ว ก็ทำการปลุกเสก
ที่จริง พลังจิตของท่านที่มีเจตนาเป็นกุศลแรง เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว
ไม่จำเป็นต้องใส่ผงพรายกุมาร แต่ถ้ามีการใส่ผงพรายกุมารนี้ลงไป
เขาบอกว่าถ้าทำอะไรผิดแหวกแนว คนใหม่ๆ มันชอบ มันก็เชื่อ เป็นอุปทานไป

ตอนนั้น หลวงปู่ทิมปลุกเสกขุนแผนผงพรายกุมาร นานแค่ไหนครับ? ท่าน
ปลุกเสกคนเดียว ประมาณ 1 อาทิตย์เศษๆ แล้วเขาก็เอาออกมาใช้กัน


นี่แหละครับที่ทำให้ผม...งง...แหะๆ..... สังเกตุดูจะขัดกัน....จนเงาเลยหละครับ
ผมหาข้อมูลมาได้เท่านี้อะครับใครมีข้อมูลนอกเหนือจากนี้โปรดลงให้พิจารณาด้วยครับ
คำถามมีอยู่ว่า.....ทำไมขัดกัน ปกติถ้าเป็นเรื่องจริงไม่น่าจะขัดกันขนาดนี้
หรือมีเพียงหนึ่งเดียวแต่ถูกถ่ายทอดปากต่อปากเลยบิดเบือนไป.......
หรือ ไม่ใช่ทุกหัวข้อ อาจเป็นผงสำเร็จที่หลวงปู่ได้มาจากครูบาอาจารย์ของท่าน(ซึ่งมีฆาราวาสด้วย) ตอนไปร่ำเรียนวิชาอาคม ในส่วนผสมผงนั้นอาจจะมีส่วนผสมของพราย เพื่อให้ครบสูตรของวิชาบางแขนง
หรือ ไม่มีผงพรายกุมารเป็นเพียงเรื่องที่สร้างมาเพื่อทำจุดขาย
แต่จะมีผงพรายหรือไม่มีผงพราย ผมก็จะนับถือหลวงปู่ ทิม เหมือนเดิมครับ

 

แค่พลังจิตของหลวงปู่ก็สุดยอดแล้วครับ
ไม่ต้องเอาอะไรมาประกอบให้เสียเวลาเปล่า
ม่ายรุ๊ว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าตามหลักการค้าหรือเปล่า
หุหุ

 

ความจริงที่...5

หลวงปู่ทิม เป็นอริยสงฆ์ ผู้ทรงอภิญญา ย่อมไม่ทำผงพรายเป็นแน่

และผงพรายไม่มีอยู่จริง

(เคยอ่านพบความเห็นทำนองนี้เหมือนกัน)

 

ผมติดตามเรื่องผงพรายมานานแล้วครับ

เรื่องนี้ควรยุติที่ ตำราการสร้างผงครับ

ที่อ้างกันว่า นี่เป็นตำราของหลวงปู่ทิม ไม่เห็นมีวิธีการในการทำผงครับ

แม้แต่พระบางรูปที่อ้างตัวว่าเป็นศิษย์หลวงปู่ ก็ไม่มีตำราครับ บางรูปลงทุนซื้อตำราที่

มีรูปเด็กแล้วมาอุปโลกขึ้นก็มีครับ

ที่อ้างว่าเอามาผสมแล้วให้หลวงปู่ลบ ผมว่าผิดธรรมเนียมการสร้างผงนะครับ เขามีแต่ลบผง

สำเร็จแล้ว ถึงนำมาผสมที่หลัง

บางตำราเขียนผงจนครบสูตร แล้วผสมกับว่าน ใว้พอกลูกกรอกให้มีฤทธิ์ แต่ไม่ปรากฎให้นำ

มาตำทำผง มีหลายตำรา ให้ใช้ขี้เถ้า แล กระดูกผีตายวัน7เผาวัน3 ผสม เช่น ลพฮก

ลพเจิม หรือปิดตาวัดโพธิ์ แต่ไม่มีสำนักใหนใช่กระโหลกกุมารมาทำกัน

จริงหรือไม่จริงจึงวัดกันที่ตำราครับ ของลุงสายมีใหม? ของลปที่ยกให้กับพิพิธพันมีใหม?

หรือบรรดาผู้ทีอ้างทั้งหลายมีตำรามายืนยันใหม ?

ส่วนตัวผมแค่มีรูปถ่ายหลวงปู่ทิมใว้กราบให้วปฎิปทาอันดีของท่านผมก็เชื่อว่าหลวงปู่ก็ไม่

ทิ้งผมครับ

 

ความจริงข้างต้นนี้ มาจากปลายปากกาของคนคนเดียวทั้งหมดหรือเปล่าครับ
หรือเขาชี้ไม้ให้เป็นนก เราก็ต้องมองเป็นนกตามหรือเปล่า.....

 

ผม coppy มาจากหลายๆโพส และ บทความที่ผมอ่านเจอหนะครับ เลยเอามารวมๆให้ช่วยผม งง หน่อย
ผมมีลิ้งค์ให้ตามไปวิเคราะห์ด้วยครับ ไปติดตามว่าใครเป็นคนโพส โพสเมื่อไหร่ และที่เค้าโพสนั้นอ้างอิงมาจากที่ไหน.....ส่วนเป็นคนเดียวกันหรือไม่นั้น ผมคิดว่าคงไม่มีใครโพสฆ่าตัวเองหรอกครับ หรือไม่ก็ อาจจะคิดไม่ถึงว่าจะมีคนไปตามอ่าน มั้ง
ส่วนลิ้งค์ ผมจัดใว้ให้ด้านล่างครับ จัดเต็ม

http://www.amulet.in.th/forums/view_topic.php?t=2726

http://palungjit.org/groups/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A1-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%88-1830.html

http://palungjit.org/threads/ความเป็นมาของ-ผงพรายกุมาร-และการจัดสร้างพระพิมพ์ยุคแรก-หัวโต.34886/

http://www.prommapanyo.com/smf/index.php?action=printpage;topic=1209.0

ครบ 4 ลิ้ง 4 ความจริงครับ อ่านให้ตาแฉะเลยครับ ผมตาแฉะมาแว้ว

 

สวัสดีครับผู้ที่เคารพศรัทธาหลวงปู่ทิมทุกท่าน
ไม่ได้เข้ามาดูหลายวัน ตามอ่านซะหลายหน้าเลย.....

ขอให้ทุกท่านมีความสุขมากๆ นะครับ

 

หวัดดีอาจารย์แก้วสว่าง และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน ทุกคนครับ ศรัทธาในหลวงปู่ทิม เหมือนทุกท่านครับ เข้ามาอ่าน เข้ามารับฟังข้อมูลโดยตลอดครับ ทำให้ได้รู้อะไรเพิ่มมากขึ้นครับ ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับ เสี่ยโต้ง
ยินดีต้อนรับกลับสู่ประเทศไทยนะครับ

 

สวัสดีครับพี่
ขอบคุณมากครับ

 

ผมเห็นด้วยกับเหตุผลของท่านทั้งสอง เป็นอย่างยิ่งครับ

 

นั้นหล่ะครับที่ผมและใครๆก็อยากทราบความจริง อยากให้มีใครสักคนที่รู้จริงกล้าเปิดเผยและบอกให้คนทั่วไปได้รู้ความจริงกันเสียที พวกที่โกหกมันจะได้ไม่ต้องหากินกับชื่อเสียงลป.ทิม ที่มันบอกเคารพหลวงปู่ ไม่อยากให้ความจริงตายไปพร้อมกับผู้ที่ทราบและเป็นความรู้ผิดๆให้กับลูกหลานต่อๆไป

 

แต่จะมีผงพรายหรือไม่มีผงพราย ผมก็จะนับถือหลวงปู่ ทิม เหมือนเดิมครับ ?
ครับ...การที่เชื่อกันว่ามีผงพรายหรือไม่มีผงพรายนั้นไม่สำคัญขอให้เรามีจิตยึดมั่นในสิ่งที่ดีที่ควรบูชาและเคารพยึดมั่น หลวงปู่ทิมท่านได้สอนแก่ลูกศิษย์ให้ยึดมั่นในหลักคำสอนไม่ให้หลงติดในพระเครื่องเพราะไม่ใช่ทางแห่งการพ้นทุกข์หรือทางแห่งการนิพพาน พระเครื่องของหลวงปู่ย่อมคุ้มครองคนที่มีสัจจะหรือคุ้มครองคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริตหรือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนดี สวรรค์มีตาคนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ หลวงปู่ทิมท่านเคยกล่าวไว้......