การออกมาเตือนภัยพิบัติใหญ่ของมนุษยชาติ ของครูบาอาจารย์...เพื่อ ????

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ลุงไชย, 25 ตุลาคม 2011.

  1. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    ...การออกมาเตือนภัยพิบัติใหญ่ของครูบาอาจารย์หลายๆท่าน ก็เพื่อเตือนสติ เพื่อให้เตรียมกาย เตรียมใจให้พร้อม จากไม่เคยทำบุญทำทาน ก็ให้หันมาทำบุญทำทาน ไม่มีศีลมีธรรม ก็ให้เริ่มมาถือศีลละเว้นกรรมชั่ว ไม่เคยปฏิบัติภาวนาก็ให้มาปฏิบัติภาวนาใครเคยทำอยู่แล้วก็ให้เร่งความเพียรขึ้นไปอีก ทำได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีกับเราเท่านั้น
    <O:p</O:p
    ทั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกคนได้รีบเร่งกันทำความดีเป็นเสบียงบุญติดตัวกันไป เพราะเวลาใกล้เข้ามาแล้ว..สัญญาณภัยเตือนมาเป็นระยะๆแล้ว ผู้มีบุญพอจะทราบได้...การออกมาเตือน ไม่ใช่ให้เกิดความตระหนก แต่ให้เตรียมตัวเตรียมใจ การรู้การทราบสัญญาณบางอย่างล่วงหน้า เป็นการดีกับตัวเราเมื่อถึงเวลาจะได้ไม่ทุกข์ยากเข็ญใจมากนัก ถึงแม้ว่าท่านจะเตรียมตัวให้พร้อมทางโลก(ปัจจัยสี่)ให้ดีที่สุดแล้วก็ตาม หากท่านไม่เคยทำบุญทำทาน ไม่มีศีลมีธรรม ก่อแต่กรรมชั่ว โลภ โกรธ หลง เต็มจิตใจ ก็ยากที่จะมีชีวิตอยู่รอดได้
    <O:p</O:p
    ตรงกันข้ามหากเป็นคนดีมีศีลธรรม จิตใจประกอบไปด้วยความเมตตา กรุณา จิตใจกว้างขวาง ละวางปล่อยวาง เข้าใจและเข้าถึงพระไตรลักษณ์ ท่านอยู่ที่ใหนก็ตาม ย่อมตกน้ำไม่ไหลตกไฟก็ไม่ไหม้ บุญกุศลจะปกปักรักษาท่าน หากแม้นว่า วาระกรรมจะมาตัดรอนและไม่สามารถหลีกพ้นได้แล้ว ท่านก็เต็มใจยอมรับและไปอย่างสงบ สุขคติเป็นที่หมายสำหรับท่าน เพราะท่านไม่กลัวความตาย ความตายเป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งทุกอย่างทุกรูปทุกนามอยู่ภายใต้กฎพระไตรลักษณ์ทั้งสิ้น
    <O:p</O:p
    แท้ที่จริงแล้วความตายไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวเลย การเกิดเป็นเรื่องน่าสะพรั่นหวั่นกลัวมากกว่า เพราะการเกิดมีแต่ทุกข์ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าจักพรรดิ คหบดี ผู้มั่งมี ชาวบ้านทั่วไป คนยากจนเข็ญใจ คนพิกลพิการ ฯลฯ ก็มีแต่ทุกข์ทั้งนั้น ทุกข์ตามฐานานุรูปและวิบากกรรมของแต่ละคน (ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป) โลกนี้มีแต่ทุกข์ มองโลกตามความเป็นจริงกันเถิด อย่าหลงอยู่กับโลกอีกเลย ...ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย..รีบเร่งปฏิบัติภาวนาเพื่อให้พ้นจากกองทุกข์กันเถอะ...<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2011
  2. No matter what

    No matter what สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +19
    ขออนุญาติเผยแพร่นะคะ................
     
  3. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    กราบมหาอนุโมทนาสาธุการ ท่านคุณลุงไชย ค่ะ
    วันนี้ วันพระ แรม ๑๔ ค่ำเดือน ๑๑ เชิญชวนเจริญธรรมกันนะคะ


    [​IMG]




    เชิญชวน ชาวพุทธ รักษาความเป็นปกติมนุษย์ด้วยการ รักษ์ศีล ๕
    พร้อมเจริญธรรม เจริญจิต ร่วมกัน โดยการแวะเยี่ยมเยียนส่งเสริมกำลังใจ
    และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เป็นธรรมทานร่วมกัน
    เพื่อความก้าวหน้าในการบำเพ็ญเพียรด้วยกันนะคะ ที่กระทู้น้นะคะ





    หน้า ๑ - เสียง อาราธนาศีล

    <O></O>
    หน้า ๒ - เสียงธรรมเทศนาเรื่องศีลความเป็นปกติของมนุษย์โดยท่านพระมหาวุมิชัย.ชิรเมธี

    <O></O>
    หน้า ๓ - เสียง "การรักษาศีล" (ดอกไม้แห่งชิวิต) บรรยายโดยท่านอาจิตโตเกียรติรุ่งเรือง

    <O></O>
    หน้า ๔ - เสียงอ่านพระธรรมบท ว่าด้วย "กลิ่นศีล"

    <O></O>
    หน้า ๕ - เสียงเทศนธรรมเรื่อง "ศีล" หลวงพ่อพุธฐานิโยวัดป่าสาลวัน.เมือง.นครราชสีมา

    <O></O>
    หน้า ๖ - เสียงพระธรรมเทศนาศีลทำให้งามท่านพระอาจารย์เยื้อนขันติพโลวัดเขาศาลาอ.สุรินทร์

    <O></O>
    หน้า ๗ - เสียงเพลง "กราบพระ ๕ ครั้ง" (บทเพลงเสริมสร้างคุณธรรม)

    <O></O>
    หน้า ๘ - เสียงพระธรรมเทศนา "ศีลจริยธรรม" พระอาจารย์แบนธนากโร

    <O></O>
    หน้า ๙ - เสียงพระธรรมเทศนา "กฎแห่งกรรมเกี่ยวกับศีล" (หลวงพ่อจรัวัดอัมพวันสิงห์บุรี)

    <O></O>
    หน้า ๑๐ - เสียงอ่านเชิญชวนร่วมโครงการ - เรารักศีล

    <O></O>
    หน้า ๑๑ - เสียงพระธรรมเทศนา บุญเกิดขึ้นจากการรักษาศีล พระโพธิธรรมาจารย์เถระ (หลวงปู่สุวัจน์สุวโจ)

    <O></O>
    หน้า ๑๒ - เสียงธรรมเทศนาจาก : ศีลคือหลักของใจและการรักษาศีลให้บริสุทธิ์พระอาจารย์อนันต์อกิญจโนวัดมาบจันทร์ .ระยอง

    <O></O>
    หน้า ๑๓ - เสียงเพลงศีล ๕ ผลงานของ โต้รุ่ง Animation คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

    <O></O>
    หน้า ๑๔ - เสียงธรรมโอวาท "การปฏิบัติเพื่อความดี" ท่านพระอาจารย์วันอุตตโมวัดถ้ำอภัยธำรงสกลนคร

    <O></O>
    หน้า ๑๕ - บทเพลงแห่งความดี : ศีลห้าคิดสร้างสรรค์โดยพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ถ่ายทอดอารมณ์แห่งความดีโดยคุณพลพลและคุณอี๊ดวงฟราย

    <O></O>
    หน้า ๑๗ - เพลงศีล ๕ ผลงานของ โต้รุ่ง Animation คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

    <O></O>
    หน้า ๑๘ - เสียงเพลงศีลสื่อดนตรีฝึกร้องเผยแพร่เพื่อใช้ในการประกวดเวทีสะท้อนธรรมของเยาวชน

    <O></O>
    หน้า ๑๙ - เสียงพระเทศนาธรรมความสำคัญในการรักษาศีลของผู้ปฏิบัติ ท่านพระอาจารย์เปลี่ยนปญฺญาปทีโป

    <O></O>
    หน้า ๒๐ - เสียง อาราธนาศีล

    <O></O>
    หน้า ๒๑ - เสียงอ่านพระธรรมบทท่านพระอาจารย์สุดใจวัดป่าบ้านตาด

    <O></O>
    หน้า ๒๒ - เสียงพระธรรมเทศนา สีลนุสติ หลวงปู้เทศก์ เทศรังสี วัดหินหมากเป้ง หนองคาย

    <O></O>
    หน้า ๒๓ - เสียงธรรมเทศนาจาก : "ให้ศีลรักษาเรา" - พระโพธิญาณเถร (ชาสุภทฺโท)

    <O></O>
    หน้า ๒๔ - เสียงนำแผ่แผ่เมตตาอุทิศบุญ ท่านอาจารย์สุเทพ โพธสัททา

    <O></O>
    หน้า ๑๕ - เสียงอ่าน "มงคลชีวิตมงคลที่ ๑ ไม่คบคนพาล” โดยคุณนวพรสุปิงคลัดสถานีวิทยุสังฆทานธรรม

    <O></O>
    หน้า ๑๖ - เสียงอ่าน "มงคลชีวิตมงคลที่ ๒ คบบัณฑิต” โดยคุณนวพรสุปิงคลัดสถานีวิทยุสังฆทานธรรม

    <O></O>
    หน้า ๑๗ - เสียงอ่าน "มงคลชีวิตมงคลที่ ๓ การบูชาคนที่ควรบูชา” โดยคุณนวพรสุปิงคลัดสถานีวิทยุสังฆทาน

    <O></O>
    หน้า ๑๘ - เสียงบรรยายธรรม“ปกิณธรรม ว่าด้วยศีลข้อ ๔” โดยท่านอาจารย์สุเทพโพธิสัททา<O></O>




    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1643387/[/MUSIC][.65/CENTER]​
     
  4. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    หากใครเจริญถึงขั้นปัญญาญาณได้แล้ว

    ศีล..! ไม่จำเป็นที่จะต้องไปรักษา

    ส่วนพวกหัวเต่า ให้รักษาศีลไปก่อน แล้วให้ระลึกไปในอาการของสติสัมปชัญญะ

    จากนั้นให้มีธัมมวิจยะเฟ้นในธรรม ว่าเหตุใดศีลจึงบังเกิดขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2011
  5. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    โลกแห่งผัสสะ เป็นสิ่งที่ต้องประสบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ผัสสะบางอย่างมีผลเป็นทุกข์ ผัสสะบางอย่างมีผลเป็นที่น่าพอใจ

    นาทีทองของผู้จะก้าวเข้าสู่วิถีแห่งปัญญาญาณ เวลาเมื่อประสบพบเจอกับผัสสะอันแปรปรวน

    จะต้องน้อมระลึกไปยัง อนิจจสัญญา อนัตตสัญญา มรณสัญญา และลมหายใจเข้าออก
     
  6. เทพเมรัย

    เทพเมรัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +80
    แสดงว่าคนที่ตายเพราะเหตุน้ำท่วมสามร้อยกว่าคน ล้วนเป็นคนไม่ดี?

    คนที่ยังไม่ตายล้วนเป็นคนดี?

    ความตายมีวิจารณญาณด้วยหรือ ว่านี่คนไม่ดี สมควรตาย นี่คนดี ไม่สมควรตาย?

    คนดีก็ตายได้เมื่อภัยมา คนไม่ดีอาจไม่ตายก็ได้
    คนดีอาจไม่ตายเมื่อน้ำท่วม คนไม่ดีอาจตายก็ได้

    ความดีและไม่ดี ล้วนไม่เที่ยง แต่ความตายเที่ยง ล้วนมีสิทธิ์ตายได้ทุกที่ ทุกเวลา มิใช่หรือ

    ฆราวาสบางคนเมื่อฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า ได้สำเร็จอรหันต์ แต่ก็ต้องตายอย่างอนาจเพราะถูกควายขวิดเอา
     
  7. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    อ่านกระทู้ให้ดี แล้วจะเข้าใจ ...มากน้อยแค่ใหน อยู่ที่ท่าน
     
  8. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    เรื่องของกรรม.... เป็นเรื่อง..อจินไตย

    ประกอบไปด้วยเหตุและปัจจัยหลายๆอย่าง

    ไม่สามารถคาดคะเนกันได้ง่าย ๆ

    ทำเหตุและปัจจัยให้พร้อมกันเถอะ...ครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  9. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    ผลของกรรมดี หรือบาปกรรม
    ผลของคนดี หรือคนชั่ว
    ผลของผู้ปฏิบัติตน ตั้งมั่นในศีล ภาวนา
    หรือผู้ประมาท หมกมุ่นในกิเลสตัณหาทั้งหลาย

    ไม่ได้ตัดสินที่เป็นผู้อยู่รอด หรือผู้ต้องเสียชีวิตในภัยพิบัติ
    หากแต่คือ อนาคตกาล ท่านเหล่านั้นอยู่ที่ไหน
    อยู่ที่ภพภูมิที่ดี หรือไม่ ตอนนั้นและคือผลแห่งบุญกรรม
     
  10. ดูที่จิต

    ดูที่จิต Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2010
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +75
    เรื่องการตายนั้น ครูบาอาจารย์ ท่านกล่าว การตายแบบไหน เช่นคนทำบุญมาก แต่เวลาตายถูกรถชนตายนั้น จริงแล้วคือกรรมเก่าที่เขาได้เคยกระทำไว้เพื่อเขาจะได้ชดใช้ให้เจ้ากรรมนายเวรให้หมดไป แล้วเขาก็กลับคืนสู่เบื้องบน มนุษย์เราก็หาว่าทำบุญมากแล้วต้องมาตายแบบนี้ โดยมนุษย์เหล่านี้ไม่เข้าใจกฎแห่งกรรม แต่บางคนไม่เคยทำบุญทำแต่บาปเวลานอนตายสบาย จิตได้ลงสู่นรกไปชดใช้กรรม มนุษย์ก็ยังสงสัยว่าเห็นเขาตายสบาย หารู้ไม่ว่าจิตนี้ได้ลงไปสูนรกแล้ว ดังนั้นจงหมั่นสร้างความดีบารมีให้เกิดเพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากวัฏสงสารนี้เถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2011
  11. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    ขอบคุณ คุณบุญญสิกขาที่บอกกล่าว...และขออนุโมทนาในธรรม..ครับ
     
  12. ศรศิลป์

    ศรศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,232
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ทำได้ดีสุดคือ บอกลูกบอกหลานให้สร้างบุญกุศล มีศีลธรรม เป็นคนดีของสังคมประเทศชาติ ตอบแทนคุณแผ่นดิน
     
  13. ATM

    ATM สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2009
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +2
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=DYnNUdRUoRM&feature=related]โปรดปัญจวัคคีย์ตัวหนังสือ.WMV - YouTube[/ame]

    อ้างอิง : อรรถกถา สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค สัจจสังยุตต์ ธัมมจักกัปปวัตตนวรรคที่ ๒

    ��ö��� �ѧ�ص��ԡ�� ��������ä �Ѩ��ѧ�ص�� ����ѡ�ѻ��ѵ����ä��� � �. ��Ҥ��ٵ÷�� � [����ѡ�ѻ��ѵ���ٵ�] ˹�ҵ�ҧ��� � � �


    อ้างอิง : พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค

    ���Ҵ��� ������к�÷Ѵ ����ûԮ������� �� - ����ص�ѹ��Ԯ������� ��

    ขอขอบคุณ : youtube

    ขอความเจริญในธรรม จงมีแก่ทุกท่านทุกคนเทอญ
     
  14. ATM

    ATM สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2009
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +2

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    จะด้วยเหตุทั้งหลาย....และผลที่เกิดขึ้นทั้งปวง

    หลวงปู่ครูบาอาจารย์ ทั้งหลายที่เคยออกมาเตือนเหตุเภทภัย ท่านเคยบอกอยู่เสมอว่า....

    " บางครั้งด้วยบุพกรรมนำไปด้วยเหตุว่า...ที่เชื่อเพราะ...อย่างนั้นอย่างนี้
    ....ที่ไม่เชื่อเพราะ....อย่างนั้นอย่างนี้"

    (ซ้ำหนักอาจเกิดกรรมใหม่สะสมขึ้นมาอีก จากการปรามาสผู้สำเร็จคุณธรรมด้วยณาญบารมีเข้าไปอีก..ท่านจึงเตือนให้ผู่ถ่ายทอด หรื่อสื่อสารบอกต่อระมัดระวังให้มาก...)

    ท่านกล่าวว่า " การที่ต้องรับเหตุรับความทุกข์ยาก เกิดลำบากที่เหตุแห่งเภทภัย มากบ้าง น้อยบ้าง หรือเชื่อว่าเหตุจะเกิดขึ้นจริงแต่หาหนทางออกจากภัยร้ายไม่ได้ นั่นหาใช่ความบังเอิญไม่....

    ...เช่นเดียวกันบางครั้ง บางคน ตนนั้นพ้นภัยแล้วแต่ต้องการสั่งสม ทาน บุญกุศลครั้งใหญ่..เห็นความทุกข์ยากผู้อื่นแล้ว ไม่นิ่งนอนใจกลับหาโอกาสช่วยเหลือคนกลุ่มมากเหล่านั่นก็มีใช่น้อย....เรียกว่าพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสอันนี้ น่าบูชาอนุโมทนาในการสร้างทุนบุญกุศล..."

    เพราะคนเราทั้งหลายยังมิอาจย้อนหลังดูรู้เห็น อดีตกรรมชาติ ในทุกภพเก่าได้ จึงไม่เข้าใจว่า ผลดีผลร้ายที่ตนได้รับจากเภทภัยพิบัติแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้น ทุกๆสรรพชีวิต ทั้งเราๆท่านๆทั้งหลายล้วนเคยสร้างกรรมดี กรรมชั่วมาแต่เหตุมาจากอดีตทั้งสิ้น...แล
     
  16. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    ชวนกันรักษา กาย วาจา ใจ กันนะคะ

    บุญ...บาป...ทางอินเทอร์เน็ต


    โดย ดังตฤณ



    [​IMG]



    ถาม – การเขียนข้อความหรือนำเสนอเนื้อหาอะไรผ่านอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝง ถือเป็นกรรมหรือไม่? เพราะไม่มีใครรู้จักชื่อเรา ไม่มีใครเห็นหน้าเรา ไม่มีใครได้ยินเสียงเรา เหมือนเราไม่มีตัวตน


    ตอบ – ผมเห็นว่าคำถามนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจเรื่องกรรมได้ลึกซึ้งขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่ยังนึกว่าการก่อกรรมเป็นเรื่องที่ต้องโชว์ตัว โชว์เสียง หรืออย่างน้อยก็ต้องมีชื่อแซ่ของเจ้าตัวปรากฏเป็นที่รับรู้เสียก่อน ความเข้าใจดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนนะครับ กรรมนั้นคือเจตนา ต่อให้คุณนอนคิดร้ายอยู่บนยอดเขา ไม่มีใครเห็น คุณก็ทราบชัดอยู่แก่ใจ และสามารถสำเหนียกรู้สึกได้ว่าใจคุณดำมืดเพราะโดนเมฆหมอกอกุศลทาบทับแล้ว

    สำหรับกรรมที่ทำอยู่ในใจจริงๆ มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจคุณเองคนเดียวนั้น เรียกว่า ‘มโนกรรม สำหรับมโนกรรมนั้นจะสำเร็จสมบูรณ์เต็มขั้นในทันทีที่ตั้งใจคิดและมีความ ยินดีกับความคิดนั้น หากจะพูดว่ามโนกรรมคือกรรมที่ก่อแล้วยังไม่ทันส่งผลกระทบดีร้ายกับผู้อื่นก็ คงได้ ตัวอย่างเช่นคุณคิดจะด่าเขา แต่ระงับใจไม่ด่า อย่างนั้นก็เป็นเพียงมโนกรรมอันเป็นอกุศล มีผลให้จิตคุณทุกข์ร้อนอยู่คนเดียว ยังไม่เป็นวจีกรรม ยังไม่มีเสียงกระทบหูใครให้ใจเป็นทุกข์ขึ้นมา

    แต่หากคลื่นความคิดแรงจนทะลักรั้วกั้น หลุดจากสมองไปกระทบผู้อื่น ไม่ว่าจะทางภาษาพูดหรือภาษาเขียน ทำให้เขาเกิดความเข้าใจว่าคุณคิดอย่างไร ตรงนั้นจัดว่าเป็นวจีกรรมได้หมด พูดง่ายๆว่า ‘ภาษา’ นั่นเองคือเครื่องมือก่อวจีกรรมของมนุษย์




    [​IMG]



    ฉะนั้นคุณจะแอบเขียนอะไรทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝงเฉพาะกิจ ไม่มีใครอื่นรู้เห็น ไม่มีใครรู้จักเลย แม้เพียงครั้งเดียวก็นับว่าสร้างวจีกรรมไปแล้วหนึ่งครั้ง และกรรมก็จะติดตามคุณเป็นเงาตามตัว ไม่ผิดต่างไปจากกรรมอื่นๆที่กระทำโดยเปิดเผยหน้าตาตัวตน


    เจตนาเกิดขึ้นที่จิตของคุณ กรรมก็เกิดที่จิตของคุณเช่นกัน เพราะกรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าบุคคลคิดแล้วจึงก่อกรรมทางกาย วาจา ใจ

    อินเตอร์เน็ตเปิดโอกาสให้เราเห็นอะไรหลากหลายจริงๆ แม้แต่การทำงานของกรรม อย่างเช่นที่ผมรู้จักหลายๆคน เห็นกรรมทางวาจาของเขาในเบื้องต้น แล้วได้เห็นพัฒนาการหรือความเสื่อมทรามทางจิตใจในเวลาต่อมา เป็นไปตามวิธีคิดเขียนให้ดีให้ร้ายแก่ผู้อื่น

    ผู้ก่อความวุ่นวาย นานไปย่อมมีจิตใจที่วุ่นวาย ปั่นป่วนเหมือนพายุ และแสดงแนวโน้มที่จะฟุ้งซ่านแส่ส่ายไปในเรื่องเหลวไหล พูดจาจับต้นชนปลายไม่ติดมากขึ้นเรื่อยๆ

    ผู้ก่อกระแสความเยือกเย็น นานไปย่อมมีจิตใจเยือกเย็น สงบราบคาบผาสุก และแสดงแนวโน้มที่จะแน่วนิ่งหนักแน่นในเรื่องเป็นเหตุเป็นผล พูดจามีต้นมีปลายมากขึ้นเรื่อยๆ

    บอกได้เลยครับว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตนั้น อาจจะให้ผลเร็วและแรงเสียยิ่งกว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงเสีย อีก



    ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร? เพราะบนอินเตอร์เน็ตอาจมีผู้รับคำพูดของคุณจำนวนมาก ขอให้ลองนึกดู หากคุณพูดเบาๆว่า ‘ไอ้โง่’ ก็อาจมีคุณคนเดียวในโลกที่ได้ยินเสียงอกุศลของตัวเอง แต่ถ้าคุณพิมพ์คำว่า ‘ไอ้โง่’ ลงในกระทู้ของเว็บบอร์ดที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมคับคั่ง คุณไม่มีทางปรับให้ดังหรือเบาได้ตามใจชอบได้เลย คุณทำอกุศลกรรมกับคนแบบไม่เลือกหน้าเข้าแล้ว คำด่านั้นอาจทำให้คนนับพันนับหมื่นเกิดความแสลงใจ ความแสลงใจของคนนับไม่ถ้วนนั่นแหละ จะย้อนกลับมาก่อเหตุให้คุณแสลงใจยิ่งกว่าพวกเขาได้

    ผมเห็นแล้วนึกเสียดายครับ หลายคนยังเป็นเด็ก และมีความสนุกที่จะขีดเขียนข้อความฝากไว้ในอินเตอร์เน็ตด้วยความคึกคะนอง บางทีไม่รู้ตัวเลยว่าเอาอนาคตมาทิ้งเสียด้วยการสนทนาแบบไร้หน้าไร้เสียงนี่ เอง

    โอกาสก่อกรรมในยุคไอทีของพวกเรานี้ มีได้เป็นร้อยเป็นพันเท่ามากกว่ายุคอื่นครับ กระดิกนิ้วง่ายๆไม่กี่ที ผล(กรรม)อาจใหญ่หลวงยิ่งกว่าพยายามพูดในห้องประชุมใหญ่หลายๆอาทิตย์เสียอีก หากจิตตั้งไว้ดีแล้วก็สบายตัวไป แต่หากจิตยังตั้งไว้ในมุมมืด อย่างนั้นก็คงน่าเป็นห่วงหน่อยล่ะ


    บุญ...บาป...ทางอินเทอร์เน็ต
     
  17. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    ด้วยสำนึกขอบคุณ ทุกสรรพสิ่งมีบุญคุณ


    [​IMG]


    [​IMG]

    [FONT=4711_AtNoon_Traditional]ช่วนกันน้อมจิต รักษา กำลังใจ อุดมเมตตาเป็นอารมณ์ ไม่มีประมาณ[/FONT]
    [FONT=4711_AtNoon_Traditional]ส่งกำลังใจ ทุกๆท่าน ยามนี้</O>[/FONT]
    [FONT=4711_AtNoon_Traditional]<O>ดำรงสติ อุดมจิต เข้มแข็ง มั่นคง ไม่หวั่นไหว </O>[/FONT][FONT=4711_AtNoon_Traditional]<O>กันนะคะ</O>[/FONT]


    ข้อความส่งต่อจากเพื่อน :VO

    แก้วที่คว่ำอยู่กลางสายฝน
    ต่อให้ฝนตกกระหน่ำทั้งคืน
    ก็ไม่อาจเต็มไปด้วยน้ำ
    คนที่ไ ม่ยอมเปิดใจเรียนรู้
    ต่อให้คลุกคลีอยู่กับนักปราชญ์ทั้งคืนทั้งวัน
    ก็ยังโง่เท่าเดิม

    ว. วชิรเมธี ​

    ........................
    นัยอันล้ำลึกของคำว่า "ขอบคุณ"

    ขอบคุณความไม่รู้ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้
    ขอบคุณความยากจนที่ทำให้เป็นคนมุมานะ
    ขอบคุณความล้มเหลวที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ
    ขอบคุณความผิดพลาดที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม
    ขอบคุณความริษยาที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่
    ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ
    ขอบคุณความไม่รู้ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์
    ขอบคุณความผิดหวังที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นมาใหม่
    ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้าที่ทำให้รู้ว่าเรายังไม่ใช่มืออาชีพ
    ขอบคุณมหกรรมคอรัปชั่นที่ทำให้เราอยากสร้างสรรค์การเมืองใหม่
    ขอบคุณความป่วยไข้ที่ทำให้เราตั้งใจดูแลสุขภาพ
    ขอบคุณความทุกข์ที่ทำให้เรารู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน
    ขอบคุณความพลัดพรากที่ทำให้เราสละจากความยึดมั่น ถือมั่น
    ขอบคุณเพลิงกิเลสที่ทำให้เรามีเหตุอยากถึงพระนิพพาน
    ขอบคุณความตายที่ทำให้ฉากสุดท้ายของชีวิตสมบูรณ์แบบ​

    เจริญพร
    ว วชิรเมธี ​

    (good)​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2011
  18. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    ชวนกันรักษา กาย วาจา ใจ กันนะคะ

    บุญ...บาป...ทางอินเทอร์เน็ต



    โดย ดังตฤณ



    [​IMG]



    ถาม – การเขียนข้อความหรือนำเสนอเนื้อหาอะไรผ่านอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝง ถือเป็นกรรมหรือไม่? เพราะไม่มีใครรู้จักชื่อเรา ไม่มีใครเห็นหน้าเรา ไม่มีใครได้ยินเสียงเรา เหมือนเราไม่มีตัวตน


    ตอบ – ผมเห็นว่าคำถามนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจเรื่องกรรมได้ลึกซึ้งขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่ยังนึกว่าการก่อกรรมเป็นเรื่องที่ต้องโชว์ตัว โชว์เสียง หรืออย่างน้อยก็ต้องมีชื่อแซ่ของเจ้าตัวปรากฏเป็นที่รับรู้เสียก่อน ความเข้าใจดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนนะครับ กรรมนั้นคือเจตนา ต่อให้คุณนอนคิดร้ายอยู่บนยอดเขา ไม่มีใครเห็น คุณก็ทราบชัดอยู่แก่ใจ และสามารถสำเหนียกรู้สึกได้ว่าใจคุณดำมืดเพราะโดนเมฆหมอกอกุศลทาบทับแล้ว

    สำหรับกรรมที่ทำอยู่ในใจจริงๆ มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจคุณเองคนเดียวนั้น เรียกว่า ‘มโนกรรม สำหรับมโนกรรมนั้นจะสำเร็จสมบูรณ์เต็มขั้นในทันทีที่ตั้งใจคิดและมีความ ยินดีกับความคิดนั้น หากจะพูดว่ามโนกรรมคือกรรมที่ก่อแล้วยังไม่ทันส่งผลกระทบดีร้ายกับผู้อื่นก็ คงได้ ตัวอย่างเช่นคุณคิดจะด่าเขา แต่ระงับใจไม่ด่า อย่างนั้นก็เป็นเพียงมโนกรรมอันเป็นอกุศล มีผลให้จิตคุณทุกข์ร้อนอยู่คนเดียว ยังไม่เป็นวจีกรรม ยังไม่มีเสียงกระทบหูใครให้ใจเป็นทุกข์ขึ้นมา

    แต่หากคลื่นความคิดแรงจนทะลักรั้วกั้น หลุดจากสมองไปกระทบผู้อื่น ไม่ว่าจะทางภาษาพูดหรือภาษาเขียน ทำให้เขาเกิดความเข้าใจว่าคุณคิดอย่างไร ตรงนั้นจัดว่าเป็นวจีกรรมได้หมด พูดง่ายๆว่า ‘ภาษา’ นั่นเองคือเครื่องมือก่อวจีกรรมของมนุษย์




    [​IMG]



    ฉะนั้นคุณจะแอบเขียนอะไรทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝงเฉพาะกิจ ไม่มีใครอื่นรู้เห็น ไม่มีใครรู้จักเลย แม้เพียงครั้งเดียวก็นับว่าสร้างวจีกรรมไปแล้วหนึ่งครั้ง และกรรมก็จะติดตามคุณเป็นเงาตามตัว ไม่ผิดต่างไปจากกรรมอื่นๆที่กระทำโดยเปิดเผยหน้าตาตัวตน


    เจตนาเกิดขึ้นที่จิตของคุณ กรรมก็เกิดที่จิตของคุณเช่นกัน เพราะกรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าบุคคลคิดแล้วจึงก่อกรรมทางกาย วาจา ใจ

    อินเตอร์เน็ตเปิดโอกาสให้เราเห็นอะไรหลากหลายจริงๆ แม้แต่การทำงานของกรรม อย่างเช่นที่ผมรู้จักหลายๆคน เห็นกรรมทางวาจาของเขาในเบื้องต้น แล้วได้เห็นพัฒนาการหรือความเสื่อมทรามทางจิตใจในเวลาต่อมา เป็นไปตามวิธีคิดเขียนให้ดีให้ร้ายแก่ผู้อื่น

    ผู้ก่อความวุ่นวาย นานไปย่อมมีจิตใจที่วุ่นวาย ปั่นป่วนเหมือนพายุ และแสดงแนวโน้มที่จะฟุ้งซ่านแส่ส่ายไปในเรื่องเหลวไหล พูดจาจับต้นชนปลายไม่ติดมากขึ้นเรื่อยๆ

    ผู้ก่อกระแสความเยือกเย็น นานไปย่อมมีจิตใจเยือกเย็น สงบราบคาบผาสุก และแสดงแนวโน้มที่จะแน่วนิ่งหนักแน่นในเรื่องเป็นเหตุเป็นผล พูดจามีต้นมีปลายมากขึ้นเรื่อยๆ

    บอกได้เลยครับว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตนั้น อาจจะให้ผลเร็วและแรงเสียยิ่งกว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงเสีย อีก



    ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร? เพราะบนอินเตอร์เน็ตอาจมีผู้รับคำพูดของคุณจำนวนมาก ขอให้ลองนึกดู หากคุณพูดเบาๆว่า ‘ไอ้โง่’ ก็อาจมีคุณคนเดียวในโลกที่ได้ยินเสียงอกุศลของตัวเอง แต่ถ้าคุณพิมพ์คำว่า ‘ไอ้โง่’ ลงในกระทู้ของเว็บบอร์ดที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมคับคั่ง คุณไม่มีทางปรับให้ดังหรือเบาได้ตามใจชอบได้เลย คุณทำอกุศลกรรมกับคนแบบไม่เลือกหน้าเข้าแล้ว คำด่านั้นอาจทำให้คนนับพันนับหมื่นเกิดความแสลงใจ ความแสลงใจของคนนับไม่ถ้วนนั่นแหละ จะย้อนกลับมาก่อเหตุให้คุณแสลงใจยิ่งกว่าพวกเขาได้

    ผมเห็นแล้วนึกเสียดายครับ หลายคนยังเป็นเด็ก และมีความสนุกที่จะขีดเขียนข้อความฝากไว้ในอินเตอร์เน็ตด้วยความคึกคะนอง บางทีไม่รู้ตัวเลยว่าเอาอนาคตมาทิ้งเสียด้วยการสนทนาแบบไร้หน้าไร้เสียงนี่ เอง

    โอกาสก่อกรรมในยุคไอทีของพวกเรานี้ มีได้เป็นร้อยเป็นพันเท่ามากกว่ายุคอื่นครับ กระดิกนิ้วง่ายๆไม่กี่ที ผล(กรรม)อาจใหญ่หลวงยิ่งกว่าพยายามพูดในห้องประชุมใหญ่หลายๆอาทิตย์เสียอีก หากจิตตั้งไว้ดีแล้วก็สบายตัวไป แต่หากจิตยังตั้งไว้ในมุมมืด อย่างนั้นก็คงน่าเป็นห่วงหน่อยล่ะ


    บุญ...บาป...ทางอินเทอร์เน็ต



    [​IMG]







    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1752343/[/MUSIC]​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...