ศาลาพักใจ มลายทุกข์ ของ ชาวสโมสรก๊วนบุญ (คณะเบิกบานบันเทิงบุญ)

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย พรหมประกาศิต, 23 กุมภาพันธ์ 2007.

  1. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541
    ในเมื่อน้องมะเขือเทศเผ็ด ถามมาพี่ก็เลยต้องไปค้นคว้าเอามาให้อ่าน โดยอ้างอิงมาจากพระไตรปิฎกฉบับประชาชน รวบรวมโดย คุณสุชีพ ปุญญานุภาพ ซึ่งอ่านแล้วเข้าใจง่ายกว่าพระไตรปิฏกต้นฉบับ
    เรื่องที่นอนสูงนั้นถ้าเกินกว่าพระวินัยบัญญัติ คือ ๘ นิ้วขึ้นไปก็ถือว่าผิดวินัย คือต้องอาบัติแล้ว (เราไม่สามารถจะอนุมาณว่านิ้วพระสุคต คือนิ้วของพระพุทธเจ้านั้นยาวเท่าใดกันแน่ ก็คงต้องใช้นิ้วมาตรฐานที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน)
    เหตุที่ทรงอนุญาตให้มีเท้าหรือขาเตียงเข้าใจว่าป้องกันสัตว์เลื้อยคลานจะมาอาศัยนอนด้วย
    สำหรับเรื่องที่มีผู้หญิงซักผ้าจีวรให้พระนั้น ใพระวินัยบ่งเฉพาะห้ามภิกษุณีที่มิใช่ญาติซัก ดังนั้นภิกษุณีที่เป็นญาติหรือหญิงอื่นที่มิใช่ภิกษุณี น่าที่จะซักผ้าให้พระภิกษุได้ โดยที่พระภิกษุนั้นไม่ต้องอาบัติ (แต่เป็นสิ่งที่ไม่น่าสมควรกระทำ ที่เรียกว่า โลกวัชชะ คือบุคคลทั่วไปติเตียน) เหตุผลก็คือ ถ้าพระใช้หญิงซักผ้าหรือหญิงอาสาซักผ้าให้พระ ในทางปฏิบัติก็ต้องมีการคุยกัน ถามว่าแล้วคุยกันที่ไหนแบบใด เปลื้องผ้าให้ตอนไหน อุ้ย...ฟังแล้วเสียว...
    แค่เฉพาะพระคุยกับหญิงสองต่อสองในที่ลับตาคน ก็ต้องถูกปรับอาบัติแล้ว ผมไม่เห็นด้วยในกรณีที่ผู้หญิงอาสาซักผ้าให้พระภิกษุหรือถูกพระภิกษุใช้ให้กระทำ ในกรณีที่พระผู้นั้นอาพาธ ก็ไม่สมควรจะใช้ผู้หญิงซักผ้าอยู่ดี น่าจะให้เด็กวัดหรือโยมอุปฐากที่เป็นชายกระทำมากกว่า เหตุผลก็ดังในพระวินัยได้บัญญัติไว้แล้ว กรณีที่ผ้านุ่งนั้นเปื้อนเปรอะสิ่งที่หญิงไม่สมควรจะได้เห็น แถมเจ้าสิ่งนั้นมีโอกาสทำให้หญิงตั้งครรภ์ได้เสียด้วย...แปลกแต่จริง...หุ..หุ
    เอามาลงให้อ่านกันด้วยครับ
    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t75 stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" o:preferrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"> </v:shapetype>
    สิกขาบทที่ ๕ รตนวรรค ในปาจิตติยกัณฑ์ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    (ห้ามทำเตียงตั่งมีเท้าสูงกว่าประมาณ)<o:p></o:p>
    พระอุปนนทะ ศากยบุตร นอนบนเตียงสูง พระผู้มีพระภาคเสด็จตรวจวิหารพบเข้า จึงทรงบัญญัติสิกขาบทว่า ภิกษุจะให้ทำเตียงหรือตั่งใหม่ พึงทำให้มีเท้าเพียง ๘ นิ้ว ด้วยนิ้วสุคต เว้นไว้แต่แม่แคร่เบื้องล่าง ถ้าทำให้มีเท้าเกินกำหนด ต้องปาจิตตีย์ ที่ให้ตัดทิ้ง (จึงแสดงอาบัติตก).
    <o:p></o:p>
    <v:shape id=_x0000_i1025 style="WIDTH: 3.75pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\heyday\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image004.gif" o:href="http://wwww.palungjit.org/dict/template/altavista/image/dot.gif"></v:imagedata></v:shape>สุคตประมาณ ขนาดหรือประมาณของพระสุคต คือ พระพุทธเจ้า , เกณฑ์หรือมาตราวัดของพระสุคต <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เล่มที่ ๗ ชื่อจุลลวัคค์ ( เป็นพระวินัยปิฏก ) <o:p></o:p>
    หน้า ๒ <o:p></o:p>
    เครื่องนั่งเครื่องนอน <o:p></o:p>
    ทรงอนุญาตเตียงนอน ( เพื่อไม่ต้องนอนบนพื้นดิน) และตั่งสำหรับนั่งหลายชนิด ทรงอนุญาตอาสันทิกะ ( ม้าสี่เหลี่ยม) ทั่งชนิดที่สูง และชนิดที่มีส่วน ๗ (ที่เท้าแขน ๒ ที่พิง ๑ และที่เท้า ๔ มีลักษณะตรงกับเก้าอี้เท้าแขนหรืออาร์มแชร์) และเตียงตั่งอีกหลายชนิด ทรงห้ามใช้เตียงสูง แต่ให้มีที่รองเตียงได้ ที่รองเตียงมิให้สูงเกิน ๘ นิ้ว และทรงอนุญาตส่วนประกอบอื่น ๆ . ทรงอนุญาตหมอนยัดนุ่น ๓ ชนิด คือนุ่นต้นไม้, ไม้เลื้อยและหญ้า ( โปฏกี). ทรงห้ามใช้หมอนยาวครึ่งตัว โดยใช้หมอนขนาดพอกันกับศีรษะ. ทรงอนุญาตฟูกยัดด้วยของ ๕ ชนิด คือ ขนสัตว์, เศษผ้า , เปลือกไม้, หญ้าและใบไม้. <o:p></o:p>
    ต่อจากนั้นเป็นการอนุญาตการห้ามเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยเบ็ดเตล็ดอีกเป็นอันมาก เช่น ห้ามเขียนรูปผู้หญิง ชายในวิหาร ลงท้ายด้วยทรงอนุญาตหลังคา ๕ ชนิด คือที่ทำด้วยอิฐ, ศิลา, ปูนขาว, หญ้าใบไม้. <o:p></o:p>
    สิกขาบทที่ ๔ จีวรวรรค ในนิสสัคคิยกัณฑ์ <o:p></o:p>
    (ห้ามใช้นางภิกษุณีซักผ้า)<o:p></o:p>
    พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เชตวนาราม. อดีตภริยาของพระอุทายีเข้ามาบวชเป็นภิกษุณี รับอาสาซักผ้าของพระอุทายี ซึ่งมีน้ำอสุจิเปรอะใหม่ ๆ นางได้นำน้ำอสุจินั้นส่วนหนึ่งเข้าปาก ส่วนหนึ่งใส่ไปในองค์กำเนิด เกิดตั้งครรภ์ขึ้น จึงทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามใช้นางภิกษุณีที่มิใช่ญาติ<SUP></SUP> ซัก, ย้อม, หรือทุบ จีวรเก่า (คือที่นุ่งหรือห่มแล้วแม้คราวเดียว) ทรงปรับอาบัตนิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ล่วงละเมิด. <o:p></o:p>
    ๒. คำว่า มิใช่ญาติ คือไม่เกี่ยวเนื่องทางสายโลหิต ทางสายมารดา หรือบิดา ส่วนเขย หรือสะใภ้ ตลอดจนผู้เคยเป็นสามี ภริยา ก็ไม่นับเป็นญาติ. เพราะในตัวอย่างนี้ ผู้ก่อเหตุ คือผู้เคยเป็นสามีภริยากัน<o:p></o:p>
     
  2. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,025
    เห็นด้วยกะลุงเม้าส์ เรื่องจีวรพระ พระไม่ถูกผู้หญิง
     
  3. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    บางทีเราก็รู้สึกว่าสิ่งที่เห็นนั้น ไม่ควร ไม่ถูกต้อง
    ที่ถูกควรเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
    ดังนั้น พระท่านว่า " การที่จะให้เขาเป็นเหมือนดั่งใจเรานั้น เป็นไปไม่ได้
    เขาก็คือเขา เราก็คือเรา "

    เมื่อเราเห็นสิ่งที่ดีที่ถูกเราก็ควรเก็บมาใช้ แต่ถ้าเห็นสิ่งนั้นไม่ถูกไม่ควร
    ก็เก็บไว้ละ ตรงกับคำพระท่านว่า . ..เก็บดีไว้ใช้ เก็บชั่วไว้ละ.....
    แล้วสุข ก็จะเกิดที่ตัวเรา นะจ๊ะพระท่านบอก(f)

    (วันนี้นิมนต์พระมาบอกจ้า)
     
  4. tomato_patt

    tomato_patt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +328
    ขอกราบขอบพระคุณท่านผู้รู้ทั้งหลายที่ให้ความกระจ่างแจ้งแก่น้องนะคะ ก็ได้ความรู้ใหม่เพิ่มขึ้นอีกแล้วหละค่ะ ไว้วันหลังจะหาข้อสงสัยมาถามใหม่ พี่ประกาศิตและพี่เม้าส์จะมาเที่ยวอุบลไหมค่ะ (งานวัดพระอาจารย์ชยางกรูน่ะค่ะ)ถ้าได้มาหากมีโอกาสคงได้พบปะสนทนาธรรมด้วยนะคะ หนูเห็นพี่ประกาศิตครั้งที่แล้วที่มาอุบลรู้สึกว่าถูกชะตาพี่โต้งด้วยนะคะ อยากจะสนทนาด้วยอยู่แต่ก็อย่างว่าหละเจอกันครั้งแรก อีกทั้งช่วงเวลาที่เจอกันมีน้อย น้องว่าถ้าได้สนทนากันพี่คงมีเรื่องเล่าสนุกๆให้น้องฟังแน่นอนค่ะ ครั้งที่แล้วก็พึ่งได้สนทนากับพี่อนุชาเป็นครั้งแรกก็สนุกไม่เบา น้องชอบฟังประวัติเกจิต่างๆ และการไปสถานที่ต่างๆ ที่คนอื่นได้ไปพบเจอมาทั้งทางกายหยาบและกายละเอียดน่ะค่ะ วันนี้แค่นี้ก่อนนะคะ ไปอ่านหนังสือสอบก่อน สวัสดีค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2007
  5. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541
    อ๋อ...ไปแน่นอนครับ อุบลราชธานี ตอนนี้อยู่ที่ชัยภูมิแล้วครับ คาดว่าจะไปถึงในวันที่สองมีนาคม และคงอยู่อีกหลายวัน ถ้าเรื่องสนทนาธรรมก็คงต้องคุยกับพระอาจารย์แล้วล่ะครับ ผมมันความรู้น้อย ถ้าคุยเล่นคุยหัว(สำนวน) ล่ะก็พอได้
    อิ...อิ.. แต่ว่าไปอยู่วัดมันก็ต้องสำรวมนะน้องนะ คุยกันบนบอร์ดสนุกกว่า..จ้า
     
  6. tomato_patt

    tomato_patt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +328
    ครับ ๆ พี่ประกาศิตสุดหล่อ 5555....น้องก็ว่าไปงั้นหละเพราะไม่รู้ว่าจะว่างไปไหม ช่วงนี้สอบครับ อีกอย่างไม่มีรถไปด้วยถ้าจะซิ่งแมงกะไซด์ไปก็กลัวหนุ่มข้างทางจะอดใจไม่ไหว(อดใจลุมกระทืบไม่ได้ 55555.....)หน้าตายิ่งดีอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2007
  7. sodalith

    sodalith เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +1,083
    ลุงพรหมประกาศิต กะ ป้า โทมาโท แผด คุยกันหนุกดี มาคุยบ่อยๆนะ
     
  8. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,025
    อยู่ดีๆก้อมีเรื่องราวให้คิดมากมายยย...ปวดหัวค่ะ น้าแผน..
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ผมขออนุญาตนำเรื่องวันมาฆะบูชามาให้อ่านกันครับ

    ที่มา http://www.learntripitaka.com/History/MakhaBucha.html



    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=598 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=580 bgColor=#ffffcc colSpan=2>มาฆบูชา

    </TD></TR><TR><TD width=18></TD><TD vAlign=top width=580 colSpan=2>มาฆบูชา เป็นวันสำคัญของพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า เป็นวันเกิดพระธรรม ถือว่าเป็นวันที่ พระพุทธเจ้า ได้ประกาศ หลักธรรม คำสั่งสอนของพระองค์ เพื่อให้พระอรหันต์ทั้งหลาย ที่มาประชุมกันในวันนั้น นำไปเผยแผ่

    วั น"มาฆบูชา" เป็นวันบูชาพิเศษที่ต้องทำในวันเพ็ญเดือนมาฆะ หรือในวันที่พระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
    ( ซึ่งโดยปกติทำกันในกลางเดือน ๓ แต่ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ เดือนแปดสองแปด ก็เลื่อนไปกลางเดือน ๔ )
    ถือกันว่าเป็นวันสำคัญ เพราะวันนี้ เป็นวันคล้ายกับ วันประชุมกันเป็นพิเศษ แห่งพระอรหันตสาวก โดยมิได้มีการนัดหมาย ซึ่งเรียกว่า วันจาตุรงคสันนิบาต ซึ่งได้มีขึ้น ณ บริเวณเวฬุวันมหาวิหาร หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้เป็นเวลานับได้ ๙ เดือน วันนี้เอง ที่พระพุทธองค์แสดง "โอวาทปาฎิโมกข์" ซึ่งถือกันว่า เป็นหลักคำสอนที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา

    </TD></TR><TR bgColor=#ffffcc><TD width=18></TD><TD vAlign=top width=580 colSpan=2>
    จาตุรงคสันนิบาต คือ การประชุมพร้อมด้วยองค์ ๔ คือ ๑. วันนั้น เป็นวันมาฆปูรณมี คือวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำกลางเดือนมาฆะ จึงเรียกว่า มาฆบูชา
    ๒. พระภิกษุ ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย (สาเหตุของการชุมนุม)
    ๓. พระภิกษุทั้งหมดล้วนเป็นพระอรหันต์ ประเภทฉฬภิญญา คือ ได้อภิญญา ๖
    ๔. พระภิกษุ เหล่านั้น ทั้งหมด ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง (เอหิภิกฺขุอุปสมฺปทา)
    [​IMG]


    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=18></TD><TD vAlign=top width=580 colSpan=2>โอวาทปาฏิโมกข์ เป็นหลักคำสอนที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้กล่าวถึง จุดหมาย หลักการ และวิธีการ ของพระพุทธศาสนาไว้อย่างครบถ้วน
    ๑. จุดหมายของพระพุทธศาสนา คือ พระนิพพาน (นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา)

    ๒. หลักการของพระพุทธศาสนา คือ ต้องมีความอดทน ในการฝึกตนเอง เพื่อบรรลุจุดหมาย (ขนฺติ ปรมํ ตโป ตีติกฺขา) ต้องประกอบด้วย
    ก. ไม่ทำความชั่วโดยประการทั้งปวง ทั้งทางกาย วาจา และทางใจ (สพฺพปาปสฺส อรกณํ)
    ข. ทำความดีทั้งทางกาย วาจา และใจ (กุสลสฺสูปสมฺปทา) การไม่ทำความชั่วนั้น จะเรียกว่า เป็นคนดียังไม่ได้ การเป็นคนดี จะต้องทำความดี ทั้งทางกาย วาจา ใจ มิฉะนั้นแล้ว คนปัญญาอ่อน คนเป็นอัมพาต เป็นต้น ก็จะเป็นคนดีไปหมด
    ค. การชำระจิตใจให้สะอาด ผ่องใส สงบ (สจิตฺตปริโยทปนํ)

    ๓. วิธีการที่จะบรรลุจุดหมาย คือ ต้องฝึกอบรมตนแบบต่อเนื่อง ให้เกิดมรรคสามัคคี คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ ** รวมพลังกัน เหมือนเชือก ๘ เกลียว หรือให้มี ศีล สมาธิ และปัญญา รวมพลังกัน เหมือนเชือก ๓ เกลียว พัฒนากาย วาจา ใจ ให้พูดดี ทำดี คิดดี ไม่ตกอยู่ในอำนาจแห่งกิเลส คือ โลภะ โทสะ โมหะ หรือ ราคะ โมสะ โมหะ ไม่ตกอยู่ในอำนาจแห่งกิเลส ตัณหา หรือความใคร่ ความอยากมี อยากเป็น แบบมืดบอด ความไม่อยากมี ไม่อยากเป็น ที่มันเป็นไปไม่ได้ เช่น ไม่อยากเป็นคนเสื่อมลาภ, ยศ, สรรเสริญ, สุข เป็นต้น โดยอาศัยวิธีการดังต่อไปนี้.

    ก. ฝึกวาจา ระวังเสมอ มิให้กล่าวคำเท็จ คำหยาบ คำส่อเสียด คำเพ้อเจ้อ (อนูปวาโท)
    ข. ฝึกกาย ระวังเสมอมิให้มีการฆ่า ทำลายชีวิต ตลอดจนถึงการเบียดเบียนทางกาย (อนูปฆาโต)
    ค. ละเว้นข้อที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสห้ามไว้ และทำตามข้อที่พระพุทธองค์อนุญาต (ปาฎิโมกฺเข จ สํวโร)
    ง. รู้จักประมาณในการบริโภค อาหาร ตลอดจน รู้จักประมาณในการใช้สอยปัจจัย ๔ (มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺสมึ)
    จ. ฝึกตนอย่างจริงจัง ในที่ที่สงัดจากสิ่งรบกวน (ปนฺตนฺ จ สยนาสนํ)
    ฉ. ภาวนาอยู่เสมอ คือ พัฒนาตนเองให้พ้นจากอำนาจของกิเลสตัณหา การภาวนา หมายถึง การใช้ทั้งสมาธิ และวิปัสสนา แก้ปัญหา หรือจัดการกับกิเลส (อธิจิตฺเต จ อาโยโค) เป็นการตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอ มิให้จิตใจเศร้าหมอง ให้จิตใจผ่องใสอยู่เสมอ (สจิตฺตปริโยทปนํ)

    จุดหมาย หลักการ และวิธีการ ที่พระพุทธเจ้าได้ประกาศไว้จะเป็นไปด้วยดี และบรรลุวัตถุประสงค์ที่พระพุทธเจ้าทรงมุ่งหมายไว้นั้น พระองค์ได้ย้ำเตือนไว้ว่า จะต้องปฏิบัติตนให้เป็นอย่างบรรพชิต และเป็นอย่างสมณะ คือ เว้นจากความชั่วทุกประการ และเป็นผู้ปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่าง เพื่อระงับบาปอกุศล ได้แก่ ผู้ปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นอริยบุคคล ทั้งไม่เบียดเบียนและไม่ก่อให้เกิดความเดือนร้อนแก่คนที่ประพฤติดี ปฏิบัติชอบทั้งหลาย (น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต)



    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=18 bgColor=#ffffcc height=252></TD><TD width=580 bgColor=#ffffcc colSpan=2 height=252>หมายเหตุ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=321 align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>** อริยมรรคมีองค์ ๘ ได้แก่

    </TD></TR><TR><TD width=137>สัมมาทิฏฐิ</TD><TD width=184>ความเห็นชอบ </TD></TR><TR><TD width=137>สัมมาสังกัปปะ</TD><TD width=184>ความดำริชอบ</TD></TR><TR><TD width=137>สัมมาวาจา</TD><TD width=184>การพูดจาชอบ</TD></TR><TR><TD width=137>สัมมากัมมันตะ</TD><TD width=184>การทำงานชอบ</TD></TR><TR><TD width=137>สัมมาอาชีวะ</TD><TD width=184>การเลี้ยงชีวิตชอบ</TD></TR><TR><TD width=137>สัมมาวายามะ</TD><TD width=184>ความพากเพียรชอบ</TD></TR><TR><TD width=137>สัมมาสติ</TD><TD width=184>ความระลึกชอบ</TD></TR><TR><TD width=137>สัมมาสมาธิ</TD><TD width=184>ความตั้งใจมั่นชอบ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=463 align=center border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD></TD></TR><TR><TD colSpan=2>อภิญญา ๖
    อภิญญา คือความรู้อันยอดยิ่งมี ๖ ประการได้แก่
    ๑.แสดงฤทธิ์ได้ (อิทธิวิธิ)
    ๒.หูทิพย์ (ทิพยโสต)
    ๓.รู้จักกำหนดใจผู้อื่น (เจโตปริยญาณ)
    ๔.ระลึกชาติได้ (ปุพเพนิวาสานุสติญาณ)
    ๕.ตาทิพย์ (ทิพยจักษุ)
    ๖.ทำอาสวะกิเลสให้สิ้นไป-คือญาณหยั่งรู้ในธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย (อาสวักขยญาณ)
    </TD></TR><TR><TD colSpan=2></TD></TR><TR><TD colSpan=2>สาเหตุของการชุมนุม
    คงเนื่องมาจากภิกษุเหล่านั้นล้วนเคยนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อนและในวันเพ็ญเดือนมาฆะ
    เป็นวันที่ทางศาสนาพราณ์ได้ประกอบพิธีศิวาราตรี คือ การลอยบาปในแม่น้ำคงคา และประกอบพิธีสักการบูชาพระเป็นเจ้าในเทวสถาน เมื่อถึงวันนั้น พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าซึ่งเคยประกอบพิธีดังกล่าวจึงต่างพากันไปเฝ้าพระพุทธองค์
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. thongchat

    thongchat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +2,195
    สวัสดีครับ

    ผมเป็นสมาชิกใหม่ของเว็บ แล้วก้อติดตามผลงานการโพสต์ข้อความของพี่ๆ ทุกท่าน ซึ่งนับว่าได้ประโยชน์ สาระ อย่างมาก และยังไม่เคยไปร่วมกิจกรรมใดๆ ของเว็บเลย หวังว่าพี่ๆ คงไม่รังเกียจที่จะขอจอยด้วยนะครับ แต่อาจจะไม่ค่อยได้โพส์ตข้อความเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยว่างครับ แต่รับรองว่าจะติดตามความเคลื่อนไหวของพี่ๆ เป็นระยะๆ และ ห่างๆ
     
  11. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    สวัสดีครับ แล้วมาเยี่ยมเยียนกันบ่อยๆนะครับ ........ที่นี่ยินดีต้อนรับเสมอ
     
  12. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ยินดีต้อนรับคุณ ทองชาติ ครับ
    ทีนี้พวกพี่ๆ คงต้องระวัง เพราะมีคนคอยติดตามความเคลื่อนไหว
    เป็นระยะๆ และห่างๆ
    ค่อยยังชั่วตรงที่ ห่างๆ..แต่อย่าให้ห่างมากเกินไปนะครับ
    เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิด คิดว่าพวกพี่กลิ่นเต่าแรง 5555555
    (b-oneeye)
     
  13. tomato_patt

    tomato_patt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +328
    สวัสดีค่ะทุกท่าน วันนี้ไปอำเภอนาจะหลวยมาไปกราบศพแม่ของเพื่อนรักมา
    ก็เจอเหตุการณ์เศร้าเสียใจและเหตุการณ์ที่หน้าปลื้มใจในเวลาเดียวกันมาค่ะ
    เรื่องก็มีอยู่ว่าทางภาคอีสานหารมีงานบุญหรืองานพิธีกรรมต่างๆ จะมีการล้ม
    สัตว์ใหญ่ประเภทวัว หรือ หมูเพื่อมาต้อนรับแขกผู้มาเยือน แต่วันนี้ไปที่งานเขา
    ก็นำอาหารออกมาต้อนรับ อาหารที่นำมาต้อนรับนั้นทำให้รู้สึกว่าปลื่มใจเล็ก
    น้อย-ปานกลาง-อย่างมาก ในขณะที่อาหารมาวางไว้ตรงหน้า คุณพ่อได้เข้ามา
    นั่งสนทนาด้วย พอบอกอย่างอ่อนโยนว่าก่อนแม่จะเสียแม่ได้สั่งไว้ว่าข้าวปลา
    อาหารที่จะนำมาเลี้ยงแขกในงานไม่ให้เอาสัตว์ใหญ่มาทำ ถ้าจะเอาอาหารที่
    เป็นเนื้อสัตว์ขอให้เป็นเนื้อปลาเท่านั้น เพราะการฆ่าสัตว์ใหญ่เป็นบาปยิ่ง ได้ฟัง
    ความตามที่พ่อบอกก็รู้สึกดีใจที่ก่อนท่านจะลาโลกนี้ไปแม่ท่านยังมีสติที่จะ
    บอกกล่าวความประสงค์ที่ตนตั้งใจให้ลูกและสามีได้ทราบก่อนจะจากไปอย่าง
    ไม่มีวันกลับ......รักและอาลัย

    อีกเรื่องนะคะ อยากฝากเตือนสติสำหรับผู้ที่เดินทางไม่ว่าจะรถยนต์หรือ
    มอเตอร์ไซด์ทั้งหลายให้ระวังอุบัติเหตุ เราไม่ชนเขา เขาก็ชนเรา วันนี้ตอนเดิน
    ทางได้เจอเหตุการณ์มอเตอร์ไซด์ชนกัน คนเจ็บขาท่อนล่างประมาณหน้าแข้ง
    เห็นจะได้ขาดออกจากกันเหลือเพียงเนื้อบางส่วนติดห้อยจะขาดบ้างไม่ขาด
    บ้างเห็นแล้วสลดใจ ขาท่อนล่างขาดไม่พอ ขึ้นมาท่อนบนยังหักอีกต่างหาก ยัง
    ไงก็ฝากไว้ให้ระวังตัวกันหน่อยนะคะ ไม่เราก็เขาที่ทำให้เจ็บและเกิดอุบัตเหตุ
    รักและห่วงใยทุกท่านค่ะ.....
     
  14. จันทร์เจ้า

    จันทร์เจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,948
    ผมอาจจะเข้าใจคำถามผิดก็ได้เพราะเท่าที่ดูจากคำตอบของคุณ DJ และทุกๆท่านนั้นต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
    แถมคุณ "พรหมประกาศิต" เจ้าของคำถาม ยังยืนยันในความเห็นที่ 20 ว่าตอบถูกกันหมดทุกคนแล้วด้วย
    แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังขอตอบว่า:

    พระวินัยหรือศีล ๒๒๗ ข้อที่พระภิกษุถืออยู่นั้น
    มีต้นเหตุมาจากตัวของพระภิกษุเอง ในตอนแรกนั้นศีลของพระภิกษุนั้นมีไม่แตกต่างจากฆารวาส
    เพราะศีลเป็นเกณฑ์ที่ใช้วัดว่าขณะนี้ปฏิบัติตนได้ในทางที่เหมาะสม ไม่นำความเดือดร้อนมาสู่ตัวเองและผู้อื่นแล้วหรือยัง
    แต่ด้วยสถานะของความเป็นพระภิกษุผู้เผยแพร่ศาสนา จำเป็นต้องปฏิบัติให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ฆารวาสอย่างเคร่งครัด
    หากมีสติจดจ่ออยู่กับทุกการกระทำ ทุกลมหายใจ ก็จะสามารถทราบและระวังไม่ให้เกิดอาบัติได้ด้วยปัญญาของตนเอง
    แต่ก็ยังมีการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจำเป็นต้องบัญญัติศีลเพิ่มขึ้น
    อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างให้พระภิกษุร่นใหม่ใช้ศึกษา เข้าใจการปฏิบัติที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมได้อีกด้วย
    ส่วนสาเหตุที่ศีลของพระภิกษุมีมากมายถึง ๒๒๗ ข้อนั้นเป็นเพราะมีพระภิกษุบางส่วนพยายามหาช่องทางปฏิบัติอันไม่เหมาะสม
    และไม่ขัดต่อศีลที่บัญญัติในขณะนั้น จึงจำเป็นต้องบัญญัติศีลเพิ่มขึ้นอีกสำหรับรายละเอียดปลีกย่อยเป็นจำนวนมาก
    หากพิจารณาศีลแต่ละข้อแล้ว จะเห็นว่าบางข้อไ่ม่มีความจำเป็นต้องบัญญัติขึ้นมาเลย แต่ก็ยังมีการปฏิบัติเกิดขึ้นให้เห็นเป็นตัวอย่างอยู่

    ปล. หลักฐานของคำตอบไม่มีครับ เคยได้ฟังมาจากหลายๆที่แล้วพิจารณาว่าน่าจะเป็นตามเช่นนี้จริงครับ
    บางข้อความก็ยืมคำที่เคยสนทนากับเจ้าอาวาสในขณะที่บวชมาด้วย (ให้ Credit ท่านหน่อย ^_^)
     
  15. A~MING

    A~MING เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,734
    ค่าพลัง:
    +1,730
    กระทู้ที่ดีมากเลยคะ สนับสนุนๆ
    (แวะเข้ามาอ่าน)
     
  16. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ผมก็ว่า เป็นกระทู้ที่ดีมากจริงๆครับ
    คุณพรหมประกาศิต เข้าใจตั้งกระทู้ เพื่อให้ เพื่อนสมาชิก
    ได้มีโอกาสเข้ามาสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
    หลากหลายเรื่องราว เข้ามาสนทนากันได้ครับ ถ้าไม่ขัดศีลธรรม

    (verygood) :cool: (f)
     
  17. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,025
    แต่ว่า...ไม่ค่อยเจอน้าแผนเหล๊กไหล เลยนะคะ
     
  18. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    น้าแผน......หายไปไหน......ศาลาเงียบเหงาแล้วนะ...........
     
  19. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ตอนนี้อยู่วัดป่าโนนจ่าหอม ครับ
    วุ่นอยู่กับการช่วยสกรีนยันต์ลงบนผ้า
    และวันนี้จะถวายผ้าป่าสร้างพระประธานและอุโบสถ

    เรื่องงานบุญขอให้บอก น้าแผนเล็กไหล ไม่เคยพลาด
    โมทนาสาธุครับ
    (verygood)
     
  20. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,025
    โห ดีจังเลยค่ะ..ขออนุโมทนา สาธุ ด้วยค่ะ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...