หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    เมื่อสามสี่วันที่ผ่านมา ขณะที่ผมและภรรยากำลังนั่งสมาธิประมาณสามสี่ทุ่ม ปรากฏว่า ภรรยาของผมได้เห็นภาพพ่อแม่ครูอาจารย์ (พ.สุรเตโช) มาโปรดถึงที่บ้าน ท่านถือไม้เท้าที่เราเคยเห็นกันและมีรัศมีสว่างไสวมาก เธอปีติ แต่ก็ปิดเงียบมาหลายวัน ที่จริงเวลาเธอนั่งสมาธิเธอมักจะเห็นภาพครูอาจารย์หลายๆท่านแม้แต่องค์พุทธะเบื้องบนเธอก็เคยเห็น ผิดกับผมที่ไม่เคยเห็นอะไรเลย สงสัยเธอจะไปเร็วกว่าผมเป็นแน่แท้ เหล่านักรบธรรมชายอย่าประมาทอิสตรีเชียวนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2011
  2. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    กุศลได้บังเกิดขึ้นตั้งแต่เจตนาแรกแล้ว รอเพียงท่านเจ้าของพระมาทำให้เต็มทั้งสองฝ่าย

    แต่ตอนนี้...ขอโมทนาสาธุและให้สัมฤทธิ์ผลตามปราถนาครับ
     
  3. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    อ้าว...เป็นงั้นไป 555 สงสัยจำมาผิดมั๊งครับ
    บอกสิ่งที่ผิดแล้ว...เมตตาชี้แนะด้วยนะครับว่า ที่ถูกนั่นคือสิ่งใดหนอ...?
     
  4. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    อืม...โมทนาสาธุครับ คงได้บารมีร่วมจากท่านน่านแล...
     
  5. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    "องค์สร้างบารมีธรรม" โมทนาสาธุทุกประการอีกหลายๆรอบครับ

    เหล็กไหล:
    ผมเคยเห็นที่มีการนำไปประมูลกันเพียง 1 องค์ ก็เริ่มกันที่ 300,000- แล้วครับ แต่ชุดประคำฯ องค์สร้างบารมีธรรม มีถึง 108+2 องค์ แถมพลัง แถมอิทธิคุณ แถมเบื้องบนผู้ดูแลรักษา แถม ฯลฯ แต่นั่นก็เรื่องทางโลกเขาจะว่ากันเนาะ...

    เราได้ทำบุญใหญ่ สร้างวัดกับพ่อแม่ครูอาจารย์นี่สิ ยิ่งใหญ่กว่าเป็นไหนๆครับ เหล่านักรบธรรมก็ต่างโล่งใจด้วยว่า...งานปลูกสร้างศาลาปฏิบัติธรรมหลวงปู่ศรีสุทโธ ได้เริ่มแน่นอน (เดิมทียังกล้าๆกลัวๆ เพราะกลัวงบบาน)

    แต่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเน้นจริงๆก็คือการสร้างคน สร้างธรรมให้เกิดในคน มากกว่าการสร้างวัตถุที่เป็นที่พึ่งอาศัยเพียงชั่วคราว ทุกอย่างที่กล่าวมา...ดำเนินไปเพื่อรองรับเหล่าญาติธรรมที่จักขึ้นมาฟังธรรม ปฏิบัติธรรม ให้มีความสะดวก หลบฝน หลบแดด หลบลมได้ เราจักทำให้กลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด

    พื้นที่ป่า 100 ไร่พึ่งได้มาดูแลอย่างน่าอัศจรรย์ พื้นที่ 15 ไร่ สามารถเป็นสิ่งปลูกสร้างได้ หากมิใช่เพราะ "พระบารมีธรรม" เราจักเรียกเป็นเพราะบารมีอะไรเล่าเพื่อนเอย...(ไม่เสียตังส์วิ่งเต้นสักสลึง)

    มารีบเข้ามา มาทำญานนิมิตของเหล่าผู้มีตาทิพย์ให้เป็นความจริง มาทำความฝันของเราเหล่าพุทธบุตรให้เป็นจริงดั่งคำทำนาย มาทำให้โลกรู้ว่า เหล่าคนหนุ่ม คนสาว ต่างพากันมาร่วมสร้างวัด สร้างพระมหาเจดีย์เกศแก้วเกสาธรรม เป็นกลุ่มแรก เราจักทำให้สำเร็จฝากไว้ในโลกนี้ เราจักทำให้เป็นแหล่งนาบุญที่พึ่งทางใจที่บริบูรณ์ต่อพุทธศาสนิกชนอีกสักหนึ่งชาติเถิดเพื่อนเอย...
     
  6. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    คล่องแคล่ว ว่องไว ไร้เสียง เสี่ยงตาย มุ่งหมายพระนิพพาน

    รสชาติของหมากฮุยฮาย...ยังจำได้ดีครับ ทานบ่อยๆมีภูมิต้านทาน รักษาโรคทางธรรมได้ดีแท้
     
  7. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388


    โมทนาสาธุครับ จะน้อมนำมาปฏิบัติและเผยแพร่...
     
  8. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ครับผม ถึงแล้วจะรู้เอง หุหุ 55 ผู้ยังไม่ถึงก็??? และรอ...ต่อไปเด้อ...
     
  9. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 31 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 27 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>IT Man, nontayan+, naicharty+, somlatri+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เพื่อนธรรมมากันน้อยเนาะ แม่นบ่ครูชาติ คุณอ๊อด ท่าน ดร.นนต์ ?
     
  10. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 31 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 27 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>nontayan, IT Man, naicharty, somlatri </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวัสดียามเที่ยงครับทุกท่าน
    ตอนนี้ผมกำลังศึกษาอาณาจักรเจนละ บรรพบุรุษของอีสาน ก่อนยุคขอม เพื่อไปนำเสนอผู้จัดทำแผน....โครงการ "นครชัยบุรินทร์" (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) กับ ดร.จตุรวิทย์ผู้ทรงญาณและเกี่ยวข้องกับอาณาจักรเจนละและขอมโบราณในอดีต ท่านอยากให้ผมไปร่วมงานเพื่อ...เกี่ยวกับเบารมี.. .. งานนี้คงได้ไปเรียนรู้ในอีกมิติหนึ่ง เสมือนถูกจัดวางไว้กระมัง (ดร.จตุวิทย์ท่านมีตาที่สามและเป็นหนึ่งเดียวกันกับดวงจิตของภววรมันครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2011
  11. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ลูกเอ๋ย จงอย่ามัวเพลิดเพลินอยู่กับสิ่งเหล่าต่างๆบนโลกนี้อยู่เลย ให้รีบเร่งสร้างบารมีอย่าชักช้า เดี๋ยวจะไม่ทันคนอื่นเขา....

    ....รู้แต่เพียงว่าต้องรีบเร่งสร้างบารมี หากเวลาหมดลง ในภพใหม่จะเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้ได้ และในภพนั้นกว่าจะระลึกรู้ต่อสายธรรมกับอดีตได้ เวลาจะเพียงพอหรือไม่ ก็ต้องเวียนว่ายไม่รู้อีกยาวนานแค่ไหน

    โมทนาสาธุกับฝันดีๆครับ
     
  12. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394
    นับว่าเป็นบุญเป็นกุศลโดยแท้ ขออนุโมทนากับท่านอ๊อดด้วยนะครับ ของให้ความปรารถนาของท่านจงสมหวังได้บรรลุมรรคนิพพานในกาลนั้นด้วยเทอญ...ขออนุโมทนาด้วยครับ...
     
  13. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394
    อนุโมทนาสาธุกับภรรยาของท่าน ดร.นนต์ด้วยนะครับ ที่จริงพ่อแม่ครูอาจารย์เราท่านมีความเมตตามากเสมอๆ อย่างก่อนหน้านี้คุณธรรมของท่านก็ได้ไปปรากฏกายให้ญาติผู้ใหญ่ของท่านที่บ้านขุมขี้ยาง ได้ฝันเห็นพระมีแสงสว่างมากเจิดจ้ามองไม่ได้จนแสบตา พอตื่นนอนคิดว่ายังมีพระแบบนี้หรือ และตอนเช้ามาทำงานก็เลยเตรียมข้าวมาใส่บาตรด้วย และเห็นท่านกำลังบิณฑบาต และปรากฏว่าเหมือนกับในฝัน และวันนั้นก็ได้ไปทำงานปรากฏว่ามีความสุขตลอดทั้งวัน และอีกหลายวันต่อมาก็ได้ขึ้นมากราบไหว้พ่อแม่ครูอาจารย์ที่วัดปรากฏว่าเขาปิติมากจนน้ำตาไหล และบอกว่าแสงที่ออกมาตรงอกสว่างจ้ามากจนมองไม่ได้... และอีกเรื่องเมื่อวันพระก่อน 14 ส.ค. 54 มีญาติโยมขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่วัดช่วงเวลากลางคืน ทุกคนมองเห็นแสงคล้ายๆ เพชรส่องประกายออกมาจากซานจมูกพ่อแม่ครูอาจารย์ ....จึงฝากบอกให้นักรบธรรมทั้งหลายร่วมกันหมั่นสร้างคุณงามความดี พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านไม่ได้ตั้งใจแสดงให้พวกเราเห็นแต่เป็นตัวคุณธรรมของท่านที่แสดงออกมาเอง การที่ภรรยาของท่าน ดร.นนต์ เห็นก็อาจจะเป็นว่าภรรยาของท่าน ดร.นนต์ อาจจะเคยอุปฐาก พ่อแม่ครูอาจารย์ก็ได้....หรือท่านอาจจะไปดูของมงคลที่ ท่าน ดร.นนต์ หามาก็ได้ เพราะท่านเคยบอกว่าของที่เคยเป็นเจ้าของก็ย่อมกลับมาหาเจ้าของ....ครับ...ขอให้เจริญในธรรม
     
  14. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181
    เรียน ครูชาติและเพื่อนนักรบธรรม
    สโลแกนของนักรบธรรม คล่องแคล่ว ว่องไว ไร้เสียง เสี่ยงตาย มุ่งหมายพระนิพพาน
    ที่ครูชาติบอกกล่าวฝากถึงผม เป็นประโยคที่มีนัยยะความหมาย อันทรงคุณค่า ที่พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตามอบให้กับศิษย์ ผมนำมาพิจารณาในเชิงปริศนาธรรม ที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์นับแต่โบราณมักจะตั้งปุจฉา ให้ศิษย์วิสัชนา มันมีคำตอบในใจผมที่อยากแบ่งปันเพื่อนนักรบธรรม ในมุมมองหนึ่ง ดังจะขอวิสัชนาในปุจฉาของพ่อแม่ครูอาจารย์ดังนี้ครับ คล่องแคล่ว ว่องไว ไร้เสียง นั้นคือ จิต อันประกอบด้วยสติ ที่มีสมาธิตั้งมั่น รับรู้อยู่ในความสงบ(ไร้เสียง) เป็นจิตที่ควรแก่การงาน มีความคล่องแคล่ว ว่องไวในการรับรู้ มองเห็นทุกสิ่งที่รับรู้ตามความเป็นจริง นั้นคือทุกสิ่งอยู่ในกฏแห่งไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) คือมีความไม่เที่ยง ทนอยู่ในสภาพสภาวะเดิมไม่ได้ ไม่อาจบังคับควบคุมให้คงอยู่อย่างนั้นได้ เมื่อจิตเห็นความจริงนั้นอยู่เนืองๆ จะเบื่อหน่าย ค่อยๆปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น จิตจักมีความกล้า ไม่มีความกลัว เพราะปล่อยวางความยึดถือแม้รูปร่างกาย นั้นคือในความหมายของคำว่าเสี่ยงตาย ส่วนคำว่ามุ่งหมายพระนิพพาน นั้นเมื่อจิตไม่ข้อง ไม่เข้าไปเจ้ากี้เจ้าการกับสิ่งที่รับรู้ รู้ก็สักแต่ว่ารู้ จิตมีสติตั้งมั่นอยู่ ไม่ไหลเข้าไปในอารมณ์นั้น ปล่อยวางความยึดถือหมายมั่น จิตก็มุ่งตรงเข้าสู่อริยมรรค ที่จะดำเนินไปสู่อริยผลต่อไป
    คำตอบในความหมายที่แท้จริงนั้น ต้องรับฟังจากพ่อแม่ครูอาจารย์ครับ ผมเป็นเพียงผู้นำถ้อยคำมีความหมาย ลึกซึ้ง จับใจและทรงคุณค่าสำหรับผม สนทนาแบ่งปันกับญาติธรรม หมู่เพื่อนนักรบธรรม เป็นเมตตาของพ่อแม่ครูอาจารย์ที่มีต่อศิษย์ ชี้ทางให้ศิษย์ได้เห็นสัจจธรรมที่มุ่งสู่อริยมรรค อริยผล และศิษย์ผู้น้อยด้อยปัญญาผู้นี้แม้อาจพอเข้าใจ แต่ก็ยังมิอาจเข้าถึง ต้องขอความเมตตาจากพ่อแม่ครูอาจารย์ช่วยสงเคราะห์ต่อไป

    ขอเจริญในธรรมครับ
     
  15. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    คล่องแคล่ว ว่องไว ไร้เสียง เสี่ยงตาย มุ่งหมายพระนิพพาน

    ในคำวิสัชชนาของท่านภูเบศวร์นั้น ผมเห็นชอบด้วยนะครับ ขอโมทนาสาธุ :cool:

    สำหรับคำวิสัชชนาของผม...ในอีกมุมมองมีดังนี้

    1. คล่องแคล่ว ว่องไว: คือการจะทำการหรือทำงานใดๆก็แล้วแต่ ต้องมีความรวดเร็ว ฉับไว มีสติกำกับเสมอ คำว่างานในที่นี้ คืองานหลักกับงานรอง งานหลักคืองานอะไรก็แล้วแต่ที่มุ่งสู่กระแสแห่งองค์มรรค 8 ส่วนงานรองก็คืองานอะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ภายใต้สภาวะของโลกธรรม 8

    2. ไร้เสียง: ต่อเนื่องจากข้อ 1 แต่คำว่าไร้เสียงในที่นี้ จะกินความไปถึงความเงียบ ความสงบ ซึ่งแน่นอนว่า...การจะทำการใดๆหรือทำงานใดๆ ก็จะต้องมีสติกำกับ ให้ก่อเกิดทั้งความสงบทางกาย (ภายนอก) และความสงบทางใจ (ภายใน)

    3. เสี่ยงตาย: สรรพสิ่งในโลกต่างล้วนมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ มุ่งสู่การดับไป(ดับ=ตายไปจากสภาพเดิม เกิดเป็นอีกสภาพใหม่)อยู่เสมอ บางอย่างเกิด-ดับช้า บางอย่างเกิด-ดับเร็ว หากได้ปัญญาจากงานหลักในข้อ 1 มาพิจารณาการเกิด-ดับอยู่เนืองๆ ก็จักมองเห็นว่า...เป็นธรรมดา ก็สมควรจักเหนื่อยหน่ายคลายถอน และพร้อมที่จะผจญกับความตายในที่สุด

    4. มุ่งหมายพระนิพพาน: เมื่อเข้าใจในความหมายของข้อ 3. แล้ว ว่าจะต้องเกิดขึ้นกับทุกๆสรรพสิ่ง(รวมทั้งตัวเราเองด้วย) ก็จักต้องทำงานหลักในข้อ 1. ให้เป็นจริงขึ้นมา โดยการดำเนินตามครรลองแห่งมรรค 8 ก็เพื่อให้พ้นจากสภาพของข้อ 3. นั่นคือเสี่ยงตาย ซึ่งจะไม่มีให้เห็นอีกแล้วใน...พระนิพพาน

    นิพพานัง ปรมัง สุขัง : การเข้าถึงพระนิพพาน เป็นความสุขอย่างยิ่ง
     
  16. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394

    ดีทั้ง 2 ท่านครับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง และขออนุโมทนาในภูมิปัญญาของท่าน Phoobes และท่าน IT MAN ด้วยบอกตรงๆ ว่า สุดยอดครับ...การพิจารณาอย่างไรถูกต้องทั้งหมดขอให้ใช้ปัญญาพิจารณาเป็นธรรม แล้วน้อมธรรมนั้นมาสู่ใจของตน...ส่วนความหมายที่แท้จริงเอาไว้มาที่ภูดานไห พ่อแม่ครูอาจารย์จะเฉลยให้ฟังครับ...
    ขออนุโมทนากับความเห็นของทั้งสองท่าน และขอให้เจริญในธรรม..
     
  17. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394
    ยินดีต้อนรับนักรบธรรมคนใหม่ คงได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมร่วมกันนะครับ ผมบอกตรงๆ พวกเรานักรบธรรมทั้งนี้ส่วนมากเป็นเชื้อสายพญานาค เพราะในช่วงกึ่งพุทธกาลจะมีพญานาคอาสาลงช่วยทำนุบำรงพระพุทธศาสนา จึงไม่เป็นเรื่องแปลงที่พวกเราจะได้รู้จักกัน...และตรงกับในนิมิตรของพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ท่านบอกผมว่าวัดภูดานไห จะมีลูกหลานเชื้อสายพญานาคมาร่วมกันสร้างวัด... ยินดีต้อนรับนักรบธรรม ขอแสดงความยินดี และขอให้มีความเจริญในธรรม...
     
  18. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976

    ขออนุโมทนาสาธุกับวิสัชนาของท่านภูเบศร์และท่านสมบัติ ผู้เจริญในธรรมย่อมเป็นดั่งนี้แล ท่านกล่าวถูกต้องแล้วทุกประการครับ

    ปริศนาธรรมของพ่อแม่ครูอาจารย์หรือผู้พ้นแล้ว ย่อมมีความหมายต่อภูมิธรรมของเหล่าบรรดาลูกศิษย์ที่พึงจะเข้าใจตามบุญบารมีและบุญวาสนาที่สั่งสมมาด้วย บางคนสั่งสมฤทธิ์มามากก็อาจเข้าใจธรรมนี้ได้ช้าหน่อย ผู้ใดสั่งสมมาทางด้านปัญญาโดยอาศัยวิปัสนาเป็นหลักก็มักเกิดปัญญาสามารถรับรู้ในอุบายธรรมนั้นได้ไม่ยาก และแต่ละบุคคลสามารถนำมาพิจารณาได้หลากหลาย

    พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านได้แสดงธรรมให้เหล่านักรบธรรมได้ดูตั้งแต่การขึ้นภูภาผึ้งแล้ว หากใครสังเกตจะเข้าใจได้ไม่ยาก แม้ทางกายภาพท่านแสดงให้เห็นความคล่องแคล้วและว่องไวในการเดิน การไต่หน้าผาอย่างรวดเร็ว ไม่เหน็ดเหนื่อย แม้ร่างกายของท่านจะรับอาหารเพียงมื้อเดียว แต่การฝึกของท่านกลับทำให้ท่านมีพละกำลังมากกว่าพวกเราที่อยู่ดีกินดีมากมายนัก ความคล่องแคล้วว่องไวยังรวมไปถึงสติระลึกรู้อย่างที่ท่านภูเบศร์กล่าวไว้นั้นยิ่งสำคัญ เมื่อกายคล่องแคล้วว่องไวแล้ว จิตก็ต้องยิ่งคล่องแคล้วว่องไวเป็นหลายเท่านัก รวดเร็วในการเข้าการออกฌาน รวดเร็วในการใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหาและอุปสรรคในทุกขณะจิต รวดเร็วในการรับรู้ รวดเร็วในการละวาง รู้แล้ววางทันที เราจะเห็นได้ว่า นิสสัยของพระอรหันต์สามารถตัดและละวางความโกรธที่เข้ามาปะทะได้ทันทีจึงไม่เหลือความโกรธใดๆอีกเลย ส่วนนิสสัยของปุถุชนอาจใช้เวลาในการละวางความโกรธเป็นปี เดือน อาทิตย์ วัน ส่วนสามัญชนอาจละวางได้เร็วขึ้นภายในชั่วโมง ส่วนอริยบุคคลอาจละวางได้ภายในนาทีหรือวินาที

    ไร้เสียง ผู้รู้มากยิ่งนิ่ง ความรู้เกิดในใจไม่ต้องอธิบายหรือพูดออกมาให้คนอื่นได้ยินก็ได้ ยกเว้นเมื่อถึงคราแสดงธรรมจึงค่อยแสดงออกมา ผู้พ้นแล้วหรืออริยบุคคลแค่มองกันก็รู้ความในไม่ต้องใช้เสียง บางทีความนิ่งความสงบที่ไร้เสียงช่วยทำให้เกิดสมาธิและเกิดปัญญาญาณได้เร็วขึ้น แต่หากเราได้ยินเสียงดังรอบกายของเราก็จงตัดเสียงนั้นด้วยการไม่ยึดติดในเสียง ฝึกไปเสียงนั้นก็จะหายไปเอง (เสมือนมีแขกมาบ้านเรา หากเราไม่ยินดีไปเปิดประตูต้อนรับ สักพักเขาก็จะกลับไปเอง) ให้พิจารณาที่อายตนะทั้งหมด การติดต่อกันทางจิตก็เป็นคลื่นที่ไร้เสียง จงเดินไปให้ถึงตรงนั้น แล้วจะเข้าใจได้ว่า การไร้เสียงนี้มันวิเศษมากมายขนาดไหน หลายๆคนเริ่มเข้าสู่สภาวะการสื่อสารทางจิตกันแล้วครับ ต่อไปอาจจะมีภาพตามมา ส่วนเสียงนั้นคุยกันด้วยภาษาจิตครับ

    ไร้เสียงอีกประการหนึ่งคือ ยิ่งไร้เสียง ยิ่งเสียงดัง....

    เสี่ยงตาย วันที่เดินขึ้นภูผาผึ้งนั้น พ่อแม่ครูอาจารย์ได้แสดงธรรมให้รู้ว่า ท่านมักไปนั่งภาวนาตรงชะง่อนหน้าผาแบบหมิ่นเหม่ เพื่อฝึกจิตไม่ให้ประมาทหรือเผลอหลับไป ท่านกล้าเสี่ยงตายเพื่อการละวางกิเลสทั้งหลายทั้งมวล ถ้าเราพิจารณาถึงความตายอยู่ทุกวัน ความกลัวตายในลูกพระพุทธเจ้าย่อมไม่มี เสี่ยงตายเพื่อความหลุดพ้นย่อมคุ้มค่ามากกว่าสิ่งใดๆ แต่จิตใจของท่านต้องเข้าถึงสภาวะอันควรก่อนนะครับ ถึงจะไปเสี่ยงอย่างท่านได้ เสี่ยงตายเพื่อละวางกิเลส มิได้เสี่ยงตายเพื่อยึดเอาถือเอา

    มุ่งหมายพระนิพพานนั้น เป็นหัวใจของลูกพระพุทธเจ้า แม้บุคคลใดจะปรารถนาพุทธภูมิ อรหันตภูมิ ก็ย่อมปรารถนาพระนิพพานเป็นที่สุดของชีวิต การบำเพ็ญบารมีใช้ตัวเดียวกันทั้งหมดทั้งพุทธภูมิและอรหันตภูมิ ไม่ย่อหย่อนไปกว่ากัน ต้องบำเพ็ญทศบารมีให้เต็ม ละสังโยชน์ทั้งสิบให้หมดเช่นกัน เพียงแต่ระยะเวลาในการเข้าสู่พระนิพพานนั้นต่างกัน แม้พวกเราจะปรารถนาติดตามองค์พุทธะพระองค์ใด เราก็ต้องมุ่งหมายพระนิพพานอยู่ทุกลมหายใจ มิใช่จะรอไปปฏิบัติเพื่อพระนิพพานในพุทธกัปในอนาคต เมื่อเข้าถึงได้ในภพนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามอะกาลิโก หากเข้าถึงไม่ได้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ และตามคำอธิษฐานต่อไป หากลาไม่ได้ในภพนี้ เราก็ยังบำเพ็ญเพื่อพระนิพพานอยู่เช่นเคยไม่ย่อหย่อน ไม่ประมาทตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ประเสริฐยิ่งแล้ว จิตที่มุงพระนิพพานจะสงบเยือกเย็น ไม่หวนกลับไปสู่กระแสร้อนอีกต่อไป

    ขอให้เหล่านักรบธรรม จงเป็นคนช่างสังเกต ฝึกวิปัสสนาทุกสถานการณ์แม้แต่เวลาทำงาน ก็สามารถทำได้โดยมีสะติระลึกรู้ว่ากำลังทำอะไร แล้วจิตมันจะเรียนรู้เอง ปัญญาญาณจะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ผู้ใดมีจริตมาทางเจโตวิมุติ ก็จงใช้หลักวิปัสสนาในสมาธิให้มากขึ้น

    ปริศนาธรรมหนึ่ง สามารถแตกรู้ไปได้หลากหลาย การบรรลุธรรมในปริศนาธรรมข้อเดียวกัน ก็ไม่จำเป็นต้องตีความได้เพียงข้อเดียว ดั่งที่ท่านทั้งสองได้แสดงเป็นตัวอย่างข้างต้นนั้นแล

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2011
  19. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    ขอแสดงความยินดีและขอต้อนรับท่านทั้งสองสู่เส้นทางธรรม ผู้แสวงหาธรรม ย่อมได้พบกับธรรม ผมคิดว่าเราคงได้พูดคุยกันที่งานบวชท่านอ๊อดแล้ว หลายๆอย่างเราได้พูดคุยกัน คงจำได้นะครับ ขออนุโมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2011
  20. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD style="OVERFLOW: hidden" vAlign=top rowSpan=2 width="16%">Jit สมาชิกแบบเต็มตัว
    [​IMG][​IMG]

    พลังใจ: 9
    [ให้พลังใจ]
    [​IMG] ออฟไลน์

    กระทู้: 63


    [​IMG] [​IMG]
    </TD><TD height="100%" vAlign=top width="85%"><TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center>[​IMG]</TD><TD vAlign=center>Re: ละปัจเจกโพธิญาณ บรรลุธรรมในคราวเดียว
    « ตอบ #3 เมื่อ: วันนี้ เวลา 04:25:27 PM »
    </TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" height=20 vAlign=bottom align=right>[​IMG]อ้างถึง [​IMG]แก้ไข </TD></TR></TBODY></TABLE><HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">จากนั้นหลวงปู่เสาร์ได้อธิบายต่อ สำหรับผู้ที่ภาวนา พุทโธๆๆๆใหม่ จิตยังไม่เชื่อง จิตไม่สามารถเข้าสู่ความสงบ ละวางคำภาวนาได้ดังนี้
    "แล้วทำไมเราจึงมาพร่ำบ่น พุทโธๆๆ ไนขณะที่จิตไม่เป็นเช่นนั้น. ที่เราต้องมาบ่นว่าพุทโธนั้น ก็เพราะว่า เราต้องการจะพบพุทโธ ในขณะที่พุทโธยังไม่เกิดขึ้นกับจิตนี้ เราก็ต้องท่องพุทโธๆๆๆ เหมือนกับว่าเราต้องการพบเพื่อนคนใดคนหนึ่ง เมื่อเรามองไม่เห็นเขา หรือเรามองไม่เห็นเขา หรือเขายังไม่มาหาเราเราก็เรียกชื่อเขา ทีนี้เมื่อเขามาพบเราแล้ว เราได้พูดจาสนทนากันแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเรียกชื่อเขาอีก. ถ้าขืนเรียกซ้ำๆ เขาจะหาว่าเราบ่นร่ำไร ประเดี๋ยวเขาด่าเอา
    ทีนี้ในทำนองเดียวกัน ในเมื่อเราเรียกพุทโธๆๆเข้ามาในจิตของเรา เมื่อจิตของเราได้เกิดเป็นพุทโธเอง คือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน. จิตของเราก็หยุดเรียกเอง
    ทีนี้พอเรามีความรู้สึกอันหนึ่งแทรกขึ้นมา. เอ้า! ควรจะนึกพุทโธอีก พอเรานึกขึ้นมาอย่างนี้ สมาธิของเราจะถอนทันที แล้วกิริยาที่จิตมันรู้ ตื่น เบิกบาน จะหายไป เพราะสมาธิถอน"

    พอหลวงปู่ใหญ่อธิบายถึงตรงนี้ ท่านก็สอนวิธีการแก้ไข. สำหรับนักภาวนาบางคนกลัวว่า คำภาวนา"พุทโธ" จะหายไปจากใจ. แม้จิตจะนิ่งสว่างไปแล้วยังไปบริกรรมพุทโธ จนจิตหลุดจากความผ่องใส. ท่านแก้ไขทางจิตภาวนาดังนี้
    "ทีนี้ตามแนวทางของครูบาอาจารย์ที่ท่านแนะนำพร่ำสอน ท่านจึงให้คำแนะนำว่า เมื่อเราภาวนาพุทโธไป จิตสงบ วูบลงนิ่ง สว่าง รู้ตื่น เบิกบาน แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่านก็ให้ประคองจิตให้อยู่สภาพปกติอย่างนั้น
    ถ้าเราสามารถประคองจิตให้อยู่ในสภาพอย่างนั้นได้ตลอด จิตของเราจะค่อยสงบ ละเอียดๆๆลงไป. ในช่วงเหตุการณ์ต่างๆ มันจะเกิดขึ้น ถ้าจิตส่งกระแสออก (จะ). เกิดมโนภาพ ถ้าวิ่งมาเข้าข้างใน จะเห็นอวัยวะภายในร่างกายทั่วหมด. ตับ ไต ไส้ พุง เห็นหมด
    แล้วเราจะรู้สึกว่า ร่างกายของเรานี่เหมือนกับแก้วโปร่ง ดวงจิตที่สงบสว่างเหมือนกับดวงไฟที่จุดไว้ในครอบแก้ว สามารถเปล่งรัศมีออกมารอบๆ จนกว่าจิตจะสงบละเอียดลงไป จนกระทั่งว่ากายหายไป แล้วจึงเหลือแต่จิตสว่างไสวอยู่ดวงเดียว ร่างกายตัวตนหายหมด
    ถ้าหากจิตดวงนี้มีสมรรถภาพพอดีจะเกิดความรู้ ความเห็นอะไรได้ จิตจะย้อนกายมาเบื้องล่าง เห็นร่างกายตัวเองนอนตายเหยียดยาวอยู่ ขึ้นอืดเน่าเปื่อยผุพัง สลายตัวไป"

    คำสอนครั้งสำคัญนี้ถือเป็นกุญแจภาวนาทัเดียว สามารถแก้ไขการติดขัดข้องทั้งปวงได้ รวมยอดเข้าถึงวิปัสสนาโดยตรง รวมถึงแก้ไขอาการเกิดนิมิตและติดนิมิตสำหรับนักภาวนาบางคนอีกด้วย

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...