ข่าวดี ชาวโลกจะได้พบพระศรีอารย์ในปี 2549

เมื่อก่อนเคยได้ยินคนพูดว่ายุคนี้ไม่มีพระอรหันต์แล้ว แต่จากหลายๆปีที่ผ่านมาผมได้ศึกษา สภาวะแห่งโลกุตรภูมิ ของพระอริยะในอดีตหลายๆท่าน และจากพระคัมภีร์ ทำให้ผมเห็นบางอย่าง ที่เมื่อผู้บรรลุธรรมแล้วจะกล่าวออกมา(ถ้าท่านไม่กล่าวเราก็ไม่รู้) เป็นสภาวะธรรมจำเพาะของพระอริยะ ผมได้เสาะแสวงหาพระอริยะที่ยังมีธาตุขันธ์อยู่เพื่อกราบนมัสการและทำบุญกับท่าน ผมพบประมาณ 10 พระองค์ ส่วนใหญ่เป็นสายหลวงปู่มั่น ที่เหลือเป็นสายหลวงพ่อเทียน และสายอื่นๆ เช่นในสายมหายานและวัชรยานที่บำเพ็ญ เพื่อบรรลุพุทธโพธิสัตต์(พุทธโพธิสัตต์ในความหมายของมหายานและวัชรยาน คือ ผู้ที่บำเพ็ญจนบรรลุ พุทธะ แล้ว) หลังจากนั้นผมกลับผมว่ามีผู้บรรลุธรรมในยุคนี้เกิดขึ้นจำนวนมาก(ขอเน้นว่าโดยเฉพาะสายหลวงปู่มั่น ธรรมะมีความสมบูรณ์มาก ทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด มีผู้บรรลุตามจำนวนมาก) จนผมอัศจรรย์ใจ ซึ่งต่างจากที่หลายๆคนคิดว่ายุคนี้ไม่มีพระอรหันต์แล้ว
พอได้มาอ่านคำพยากรณ์ที่ว่า ยุคนี้มีผู้บรรลุธรรมมาก ก็เลยเข้าใจครับ

 

มีความเชื่อว่าอีกไม่นาน เมื่อเวลานั้นมาถึง ตอนนี้ท่านเป็นคนธรรมดาอยู่ครับ

 

เมื่อเกิด "ศรัทธา" ก็ใช้ศรัทธาเป็น "พละ"
เมื่อมี "พละ" ก็ฝึกจิตให้พร้อม



เมื่อนั้นมาถึง... ก็ได้ใกล้สู่ธรรม ...

 

50 แล้ว ยังไม่เหนมี

 

ปี 50 แล้วนะคับ

 

เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์...จริงๆ

 

กัลกยาวตาร​

​

กัลกยาวตาร หรือ กัลกิยาวตาร(พระนารายณ์ อวตารเป็นมนุษย์ผู้ขี่ม้าขาว หรือ กัลกี)เป็นอวตารที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่เป็นการทำนายอนาคตไว้ว่า ในยามที่เป็นปลายแห่งกลียุค ที่เมื่อผู้คนไม่รู้จักธรรมะ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป โลกทั้งโลกต้องเผชิญกับยุคเข็ญไปทุกหย่อมหญ้า จะมีบุรุษขี่ม้าปรากฏตัวขึ้นเพื่อปัดเป่าความทุกข์ยาก และนำธรรมะกลับมาสู่มวลมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง ​

​

เมื่อโลกเยือนย่างเข้า กลียุค​

บาปบั่นบุญบี้บุก ทั่วหล้า​

ทั่วถิ่นทุกทางทุกข์ เหลือหลาย​

เกิดก่อกิเลสกล้า มล้างมลายธรรม​

ยามทรามลามสุดแล้ว ฉันใด​

จักเกิดท่านเทพไท้ จากฟ้า​

อวตารดับเภทภัย พาพ้น​

ปาฏิหารย์ประจักษ์หล้า แต่ต้องหวังขลัง​

วิษณุเทพผู้ รักษา​

ซึ่งหมั่นธำรงโลกา จากร้าย​

ปางสิบเสด็จมา ยามยาก​

มามุ่งพามารร้าย ดับสิ้นโสมม​

เป็นบุรุษขี่ม้า สีขาว​

มีดาบเชิดชูวาว แกว่งแกล้ว​

แต่ต้องจัก รอยาว เมื่อมา​

ปราบบาปให้คลาดแคล้ว ชื่อนั้น"กัลกี"​

จงตั้งตัวตั้งมั่น ไว้เถิด​

สักวันจักก่อเกิด ประจักษ์หล้า​

ครานั้นบาปจักเตลิด แพ้พ่าย​

จากบาปให้คลาดแคล้ว ทั่วทั้งสากล​

โปรดทำดีอย่าท้อ พวกเรา​

ยามบาปบุกมัวเมา อย่าใกล้​

ใครมัวหมุ่นปลุกเขา ช่วยเถิด​

เพราะว่าท่านเทพไท้ จักได้เสด็จมา​

บทกวีโดย ขาว-กรมท่า​

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem88519.html​

 

คนมีตาจงดูเถิด
ส่วนคนตาบอด ย่อมไม่เห็น

 

ธรรมะ คือ สัจจะธรรม...

อย่า... มัวหลง รูป วัตถุ พิธีการ ...
ท่านจะไม่เจออะไรเลย !!!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** มีประโยชน์ยิ่ง...คนยังหลงทางมีมาก ****

ข้อมูลนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง !!!
หาก นำไปเปิดเป็นกระทู้ใหม่...จะทำให้เราทุกคนได้ศึกษา พิจารณา เข้าใจไปในทางที่ถูก

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

จริงสิ

หลายๆ คนหลงในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ประเภทไหลไปตามน้ำ เรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะ ไปเอาเรื่องนั้นมาโปะ ไปเอาเรื่องนี้มาแปะ แถมโยงใยเกี่ยวเนื่องกันไปหมด ไปเชื่อฝรั่งมั่งหล่ะ ไปเชื่อตำราโน่นตำรานี่เยอะแยะมากมายก่ายกอง

ถามจริงๆ เถิดว่า พวกคุณเชื่อในเรื่องที่คนอื่นเชื่อ แต่พวกคุณเคยสัมผัสพลังแห่งดวงจิตของตัวเองได้หรือไม่ หากถามหาหลักฐานใดๆ คงไม่มีใครให้คำตอบหรอกนะเจ้าเอ๋ย ทฤษฎีไม่มีใดๆ หรอกที่จะเทียบเคียงในทฤษฏีแห่งจิตสัมผัส แต่อย่าลืมนะว่า กฏหน่ะมีแน่นอน อยากรู้ว่ามีกฏอะไรใช่มั๊ย เราจะตอบให้ก็ได้ คือ

1. กฎแห่งไตรลักษณ์ คือ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา
2. กฎแห่งกรรม คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
3. กฏแห่งบุญกุศล คือ ตกน้ำไม่ไหม้ ตกไฟไม่ไหล

เชื่อหรือไม่ เราไม่บังคับใคร แต่เราเชื่อในกฎที่ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ในทางทฤษฏี หรือสมการทางคณิตศาสตร์ หรือ พีชคณิตเหล่านี้ แต่สิ่งที่เราเชื่อนั้นพิสูจน์ได้ในเชิงคณิตศาสตร์ชั้นสูง หรือว่าคุณจะดิฟเฟอเรนเทียล หรือว่าคุณจะอินทิเกรต ที่ใช้ในวิญญาณจิต หรือวิญญาศาสตร์นั่นเอง เออ ....ถ้าจะพูดแบบง่ายๆ ก็คือ ใดๆ ในคือสิ่งที่สมมติทั้งนั้น คุณสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาหรือ .... นี่คือคำถาม


หากคุณไม่ได้สร้างสิ่งสมมติเหล่านี้ขึ้นมา แล้วใครคือผู้สร้างที่แท้จริง

เก่งจริงตอบสิ ตอบมาเลย เดี๋ยวนี้ !!!

 

เชื่อหรือไม่? เป็นสิทธิส่วนตัวของทุกๆ ท่าน

กระผมไม่ใช่พระศรีอารย์ ไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้

เพียงมาทำหน้าที่แจ้งข่าวการมาปรากฎตัว ของพระมหาโพธิสัตว์

เพื่อให้เป็นความหวัง เป็นพลังใจ ให้กับผู้ท้อแท้และสิ้นหวัง

ได้มีกำลังใจ ปฎิบัติตน ให้อยู่ในศีลธรรม

เพื่อจะได้อยู่ทันเห็น ได้พบหน้ากับพระยาธรรมิกราชท่านนี้

 

ก็แสดงว่า ไม่มีในตัวเราคือเรา / เราไม่มีในตัวเรา
สุดท้ายก็ตัดขันธ์ไปให้สิ้นทั้ง รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ

 

ผู้ใดเข้าใจธรรมะผู้นั้นย่อมเห็น ผู้ที่เห็นคือผู้เข้าใจธรรมะ

ปล.เห็นนี้หมายถึงเห็นหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
อย่ายึดติดกับข่าวนี้มากนะคับ แต่ขอให้ยึดติดในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า

 

พระศรีอาริย์องค์จริง ท่านอยู่ดุสิตแน่นอนครับ

 

เราผู้หนึ่งที่เชื่อมั่นและศรัทธาในพระศรีอาริย์ ท่านบำเพ็ญบารมีมานานแล้ว
มีกิจวัตรเหมือนเราๆท่าน ถือศีล 5 บำเพ็ญเพียรมิขาด ถ้าท่านมาจุติแล้วจริงๆ
จะนั่ง จะนอน จะทำอะไร ท่านก็คือพระศรีอาริย์ ถึงวันนี้ บุญคุณพระแม่โภสพ
พระแม่ธรณี พระแม่คงคา ยังเลี้ยงดูค้ำชูท่านอยู่
เราๆท่านๆ อย่าลืมคุณพระแม่ทั้งหลายนะ
ถึงกาลนั้นแล้วเราจักจับต้องไม่ได้เลย ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร
และจะเกิดในภพนี้แหละ
ขอขอบคุณคุณเกษมที่เป็นแรงบันดารใจที่ ทำให้ผมได้พบพระธรรมของพระศรี
อาริย์ ธรรมของท่านน่าอัศจรรย์ใจ 9,984,000 พระธรรมขันธ์ จะไม่มีที่ติแม้แต่นิดเดียว
ทำความดีเท่านั้นจึงจะได้อยู่ และจะได้เห็นพระศรีอาริย์
เชื่อว่าอีกไม่นานครับ

 

.....เมื่อไหร่ัวันโลกแตกจะมาถึงซะทีนะ...
เฮ้อ.....................

 

ก่อนตายก็อธิษฐานให้เกิดมาเจอยุคล้างกัลป์น่ะจ้ะ
ได้เจอสมใจแน่

 

ก็มีตั้งหลายคนแล้วนิ อยู่แถวๆ นี้แหล่ะ ...

 

กายทิพย์ ภพภูมิ แง่ วิทยาศาสตร์

(verygood) หลักปกิจสมุทปบาท (bb-flower (ทฤษฎีสัมพันธภาพ)​

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า <O

ทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาล มีหน่วยย่อยที่เล็กที่สุด เป็น สิ่งเดียวกัน<O></O>​

นั่นคือ<O
สรรพสิ่ง คน สัตว์ พืช มวลสาร เทหวัตถุใดๆ ในสากลจักรวาล ประกอบด้วย<O
โมเลกุล หลายๆโมเลกุลรวมกัน ซึ่งแต่ละ โมเลกุล ประกอบด้วย<O
อะตอม หลายๆอะตอมรวมกัน ซึ่งแต่ละ อะตอม ประกอบด้วย<O
อิเล็กตรอน วิ่งรอบ นิวเคลียส ซึ่งมี โปรตรอน นิวตรอน ฯลฯ เช่นเดียวกันหมด <O
โดยมี พลังงาน แรงยึดเหนี่ยว(พันธะ) ต่อกันและกัน จึงคงอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล<O
สิ่งมีชีวิตจิตใจ ประกอบด้วย<O
กาย+จิตวิญญาณ โดยมี แรงยึดเหนี่ยว คือ เวทนา สัญญา สังขาร ก็คือ ขันฑ์ 5 นั่นเอง<O
ดังนั้น<O
จิตวิญาณ คือ รูปของพลังงาน มวลสาร นั่นเอง โดยมี สัญญา เวทนา สังขาร ทำให้เราระลึกได้ว่าเป็นเรา และหลอมรวมพลังงานจิตวิญญาณ ให้เป็นหนึ่งเดียวคือ เรา เพียงแต่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หยาบๆของมนุษย์เรา ยังไม่สามารถสัมผัสได้ ยกเว้น พระอริยะ หรือผู้มีสมาธิขั้นสูง<O
ดังนั้น<O
จิตวิญาณ จึงไม่มีวันสูญหาย ตามกฎพลังงาน แม้กายหยาบจะสลาย?(ตาย)??ไปก็ตาม<O
และแน่นอนพลังงานสามารถถ่ายเท แบ่งปันได้ จึงไม่น่าแปลก ที่เราจะถอดจิตวิญญาณได้ ในขณะที่ ร่างกายยังคงมีชีวิตอยู่ โดยใช้พลังงานจิตวิญญาณต่ำที่สุด คือ การหายใจ ท่านจึงสอนไว้ว่า การทำสมาธิ ที่ถูกต้องโดยกำหนดการหายใจ พุธ โธฯลฯ<O

ธรรม จักรวาล<O​

ธรรม ธรรมชาติ สรรพสิ่งในสากลจักรวาล<O

ทุกสิ่งคงอยู่ได้ด้วยหลักแห่ง​