ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ขอขอบคุณทุกๆ ท่านแทนพระสงฆ์อาพาธทั้งหลายด้วยใจจริงครับ สำหรับทุกท่านข้างต้น และท่านที่ได้เคยบริจาคปัจจัยผ่านทุนนิธิฯ นี้มาแล้ว ผมมีพระวังหน้าองค์เล็กๆ แต่ปิดทองล่องชาดบรรจุในถุงทองที่เคยลงไว้เมื่อเดือนที่แล้ว โดยเหลือจากการแจกในงานกิจกรรมถวายสังฆทานที่ รพ.สงฆ์ ประจำเดือนมิถุนายนอยู่ประมาณ 20 องค์ หากท่านใดอยากได้ ให้ pm.มาหาผมเพื่อลงบัญชีไว้ก่อน โดยผมจะได้แจ้งที่อยู่ของผมให้ทราบกลับไป ส่วนการรับพระนั้นก็ขอท่านส่งจดหมายมาตามที่อยู่ตามที่ได้รับ และขอให้ใส่ซองเปล่าติดแสตมป์มาด้วย เพื่อที่ผมจะได้ส่งพระคืนไปให้ท่านต่อไป พระองค์น้อยเท่าปลายนิ้วก้อย แต่สุดยอดของพลังแรงครับ ท่านใดที่เคยทำบุญกับทุนนิธิฯ นี้มาแล้ว อยากได้ก็ pm. มาก็แล้วกัน หมดแล้วก็หมดเลย

 

พระที่แจกเป็นอย่างนี้ครับ

 

<TABLE class=MainTb cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR class=SubIntroR><TD class=BorderA colSpan=3>รายการเสร็จสมบูรณ์</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL width=200>โอนจากบัญชี</TD><TD class=RightCL width=250 colSpan=2>aaa01 </TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>ชื่อบัญชีผู้โอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>นาย บุรักษ์ ศาลากิจ </TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ธนาคารผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>ธ.กรุงศรีอยุธยา - BAY </TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>เลขที่บัญชีผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>348-1-23245-9 </TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ชื่อบัญชีผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>PRATOM F. </TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>จำนวนเงิน (บาท)</TD><TD class=RightCL colSpan=2>500.00 </TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ค่าธรรมเนียม </TD><TD class=RightCL colSpan=2>0.00</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>กำหนดวันโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>06/08/2011 06:07:52 PM </TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>หมายเลขอ้างอิงรายการ</TD><TD class=RightCL colSpan=2>tmbi11523746 </TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>หมายเลขอ้างอิงระหว่างธนาคาร</TD><TD class=RightCL colSpan=2>312628851947 </TD></TR></TBODY></TABLE>
..............................................................................
อิทัง ปุญญะผะลัง บุญกุศลใด ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลผลบุญนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินมา แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลผลบุญนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเถิด

และ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลผลบุญนี้ ให้แก่เทพเทวดาทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า ที่ปกป้องทรัพย์สินบ้านเรือนของข้าพเจ้า และเทพเทวดาทั้งหลายทั่วสากลจักรวาลอันไม่มีประมาณ และพระยายมราช ขอเทพเทวดาทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลผลบุญนี้ และขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญบุญกุศลของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลผลบุญนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลผลบุญนี้ พึงได้รับประโยชน์และความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด


ผล บุญกุศลใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ขออำนาจแห่งผลบุญกุศลนี้ จงเป็นกำลังปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด อีกทั้งเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าเป็นผู้บริบูรณ์ด้วยกาย กำลัง สัมมาทิฏฐิ สติปัญญา วิชชา และความเพียร แวดล้อมด้วยมิตรและบริวารที่ดีทั้ง 8 ทิศ ศัตรูผู้คิดร้ายขอให้กลับกลายมาเป็นมิตร แม้นข้าพเจ้าคิดปรารถนาสิ่งใดโดยชอบด้วยธรรม ขอจงสำเร็จโดยพลันประการ ขอผลบุญกุศลทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้กระทำแล้ว จงบังเกิดปรากฏผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

 

วันนี้ผมได้โอนเงินร่วมบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ จำนวนเงิน 100.99 บาท เรียบร้อยแล้วนะครับ
โมทนาสาธุครับ...^-^

 

ทดสอบ link
https://sites.google.com/site/pratomfoundation/2011august

 

ภาพบรรยายทุนนิธิ ประจำเดือนกรกฎาคม 2554 ตอนที่ 1

เช้าวันนี้ผมได้รับสายโทรศัพท์ว่า ให้ลงรูปถ่ายการทำบุญทุนนิธิ

ผมเองนั้นก็ติดตรงที่ว่าเครื่องโดน Virus ทำให้รีรอไม่กล้าลงรูป พร้อมกับ

หลายๆ เรื่องครับ ตอนนี้กลับเข้าเรื่องกันนะครับ


ในเริ่มต้นของการทำบุญในครั้งนี้ ก็พบกับน้องสองท่านที่แต่งชุดขาวมา
ทำบุญด้วยครับ สมาชิกประจำทั้งสองท่านครับ




และที่อาคารรับบริจาค พี่ผู้นำก็นำสตางค์ที่พวกเราชาวยกันทำบุญมาบริจาคครับ





ซึ่งยอดบริจาคตามบันทึกภาพบรรยายครับ



หลังจากนั้นเราก็มาที่ตึกกัลยาณิวัฒนา เพื่อถ่ายรูปร่วมกันครับ



มาพบกับครอบครัวน่ารัก



ที่นำพามาทำบุญกันประจำเสมอมา



ตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมถ่ายรูปครับ



แต่บนภาพนี้ พร้อมแล้วครับ



หลังจากนั้นเราจะมาที่ชั้น 6 เพื่อจะอธิฐานจิตร่วมกันครับ



ผมเองนั้นก็ไม่ยากพลาดครับ ดีนะจ๊ะ

สาธุครับ

 

ภาพบรรยายทุนนิธิ ประจำเดือนกรกฎาคม 2554 ตอนที่ 2







ผมถ่ายรูปขณะที่ทุกท่านอธิฐานจิตคราใด รู้สึกเสียวๆ เรื่อยไปครับ



บรรดาพี่น้องญาติธรรมร่วมบุญกันครับ









เสร็จพิธีเราก็เริ่มถวายให้หลวงพ่อกันเลยครับ





สาธุครับ
<!-- google_ad_section_end -->

 

ภาพบรรยายทุนนิธิ ประจำเดือนกรกฎาคม 2554 ตอนที่ 3



การถวายแต่ละครั้ง หลวงพ่อท่านก็ให้พรครับ

เราทำกันทั้งตึก ทุกชั้น ตั้งแต่ชั้น 6 ถึงชั้น 2



เรายังทำโรงพยาบาลในต่างจังหวัดอีกด้วยครับ



ตามการประกาศของพี่ประทาน เราได้รักษาดวงตาให้หลวงพ่อท่านด้วย

ถ้าผมจำไม่ผิดก็ประมาณ 6 รูปแล้วที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัด





หลังจากนั้นก็มาฟังการประชุมยอดบุญต่างๆ ที่ทำโดยท่านประธานเป็นผู้ประกาศครับ







ในตอนท้ายก็มีบุญพิเศษๆ ให้ช่วยกันทำครับ

ผมเองก็จำกันไม่ได้แล้ว ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ครับ

แต่ขอเชิญขอชวนครับ มาร่วมกันทำบุญครับ ไม่จำเป็นดอกว่าต้องรู้จักกันก่อน

มาดูก่อนก็ได้ มาถวายด้วยตนเองก็ได้ เพื่อให้ใจ ได้รู้ใจ


ขอทุกท่านมีสุขทุกวัน ร่างกายแข็งแรง จิตใจร่าเริง และพบกันอีกครั้งครับ ในเดือนสิงหาคม 2554

สาธุครับ
<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- attachments -->

 

อนุโมทนาบุญด้วยครับผมกระผม มีแต่ภาพงามๆทั้งนั้นครับ

 

วันนี้เวลา 13.19 น. ผมได้โอนเงิน 300.- บาท
ร่วมทำบุญฯ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ

 

สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

ตรี โท เอก...ถึง เป็น ได้

การปฏิบัติกรรมฐานตามที่หลวงปู่สอนนั้น ท่านได้ให้ข้อสังเกตถึง
ความก้าวหน้าโดยแบ่งไว้เป็น ๓ ขั้นคือ ตรี โท เอก หรือบางครั้ง
ท่านก็เรียกว่า ถึง เป็น ได้
ถึง คือ จิตเข้าถึงพระไตรสรณคมน์ น้อมนำเอา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึกที่ใจตนเอง
เป็น คือ จิตเข้าใจในพระธรรม และนำคำสอนมาปฏิบัติ ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างตามความเข้าใจ แต่ก็เพียรเรื่อยไป แก้ไขไปไม่ลดละ หมั่นทำไปก็มีความเข้าใจมากขึ้นๆ ได้รับผลของธรรมตามควรเท่าที่ปฏิบัติได้
ได้ คือ จิตได้รับผลของการปฏิบัติอย่างน้อย ๑ ใน ๔ (คือโสดาบัน)
ไม่มีขึ้นๆลงๆ ไม่มีถอยหลังอีกต่อไป
หลวงปู่ยังได้บอกต่อว่า แต่ละขั้นก็ยังมี ตรี โท เอก อีก อย่างเช่น
เป็น ในขั้นตรี เปรียบได้กับการรู้ธรรมเห็นธรรมเข้าใจในธรรม ขั้นโท
นี่เห็นพระเห็นเทวดาได้ ฟังได้บ้างแต่พูดคุยยังไม่ได้ ถ้าขั้นเอกก็พูดคุยได้
มีอิทธิฤทธิ์ มีบุญฤทธิ์
ได้ ในขั้นตรี คือ โสดาบัน สกิทาคามี ขั้นโท คืออนาคามี ขั้นเอกคืออรหัตผล
สุดท้ายก็ขอจบตรงคำสอนที่หลวงปู่พูดบ่อยที่สุด
ของดีนั้นอยู่ที่เรา หมั่นทำเข้าไว้ หมั่นทำเข้าไว้
ให้ดูจิต รักษาจิต

http://www.luangpordu.com/?cid=453342&f_action=forum_viewtopic&forum_id=41281&topic_id=104653

 

ก่อนจะขาดใจ แกได้พุทโธคำเดียวก็สบายแล้ว

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff"></TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff">เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ชาวพุทธ ว่าจิตสุดท้ายในตอนจะละสังขารนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะมันจะเป็นคติส่งต่อไปภพชาติใหม่
ดังอุปมาจิตสุดท้ายที่เปรียบได้กับวัวที่เข้าคอกทีหลังสุด วัวตัวนั้นย่อมจะเป็นตัวแรกที่ออกจากคอกไปได้ก่อน
ฉันใดก็ฉันนั้น จิตสุดท้ายที่เป็นกุศลจิต ภพภูมิที่ละเอียดก็ดูดให้ไปเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา หรือพรหม ตามกำลังความดี เป็นต้น แต่หากจิตสุดท้ายเป็นอกุศลจิต ภพภูมิที่หยาบก็จะดูดให้ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย หรือสัตว์นรก ตามกำลังความชั่ว เป็นต้น
กับชาวบ้านที่เพิ่งจะมีศรัทธาในการปฏิบัติ หลวงปู่จะพูดทั้งเป็นการเตือน และเป็นการให้กำลังใจว่า "ก่อนจะขาดใจ แกได้พุทธคำเดียวก็สบายแล้ว"
หลวงปู่จะยกตัวอย่างเรื่องกุมารหูตุ้มซึ่งเป็นเรื่องราวเมื่อครั้งพุทธกาลให้ลูกศิษย์ฟังอยู่บ่อยครั้ง เพื่อตอกย้ำว่าจิตที่มีศรัทธาในพระพุทธเจ้านั้นมีพลานุภาพเพียงใด
กุมารหูตุ้มเป็นตัวอย่างของบุคคลที่ไม่เคยรักษาศีล อีกทั้งไม่เคยเจริญจิตภาวนามาก่อนเลย กระทั่งใกล้จะละสังขาร อาศัยเพียงจิตสุดท้ายของเขาได้น้อมเลื่อมใสในคุณพระพุทธเจ้าแล้วละสังขารลงไปในขณะนั้น สุคติภูมิย่อมเป็นอันหวังได้แก่บุคคลนั้น ดังกุมารหูตุ้มที่ตายไปในขณะที่น้อมจิตเลื่อมใสในพระพุทธองค์ (ขณะที่กุมารหูตุ้มกำลังจะตาย พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปปรากฏกายให้เขาเห็น ยังความเลื่อมใสให้เกิดขึ้นกับกุมารหูตุ้ม)
กุมารหูตุ้มมีจิตเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าแล้วก็มีอาการเหมือนคนนอนหลับไป แล้วไปเกิดใหม่เป็นเทพบุตร พร้อมวิมานใหญ่โต
ในเมื่อจิตสุดท้ายมีความสำคัญเช่นนี้ ปัญหาคือเราจะบังคับให้จิตสุดท้ายเป็นกุศลได้อย่างไร (ยังไม่ต้องพูดถึงจิตชนิดเหนือกุศลและอกุศล) คำตอบก็คือต้องให้จิตของเราเสพคุ้นกับกุศลให้มากที่สุด ถ้าเป็นกระดานปาเป้าที่มีช่องให้ปาลูกศรสักร้อยช่อง เราก็ต้องพยายามให้ช่องที่เขียนว่ากุศลมีมากที่สุด ...ใกล้ร้อยช่องให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เรียกว่าปาลูกศรไปตรงไหนในเป้า ก็จะต้องเจอแต่คำว่ากุศล
แต่เป็นธรรมชาติของจิตที่ไม่ได้ฝึก หรือยังฝึกไม่ดีพอ ย่อมจะมีช่วงขาดสติให้จิตดำรงอยู่ในฝั่งอกุศลเป็นส่วนมาก หากเป็นผู้มีปรกติเสพคุ้นกับอกุศลจิต ก็เหมือนปาเป้าไปตรงไหนก็มีแต่เรื่องอกุศล อันนี้ก็ตัวใครตัวมัน บอกให้พุทโธ ก็อาจคิดไปว่า "พัทโธ่" บอกให้ "อรหัง" ก็อาจคิดไปว่า "อะไรหาย" ทีนี้ภพภูมิชนิดไหนล่ะ จะเป็นคติของผู้ละสังขารไปด้วยจิตสุดท้ายเช่นนั้น ถ้าไม่ใช่อบายภูมิ

http://www.luangpordu.com/?cid=453342&f_action=forum_viewtopic&forum_id=41281&topic_id=105634


</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff" align=middle width=25 height=25></TD><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff">“เข้าใจ” แต่ยังไม่ “ถึงใจ”


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

​

ในตอนเช้า ๆ เมื่อหลวงปู่เปิดประตูและก้าวเท้าออกจากกุฏิ หลวงปู่มักจะพูดว่า "เกิด แก่ เจ็บ ตาย เน้อ"
หลวงปู่ท่านพูดของท่านทุกเช้าเป็นประโยคแรกให้คนที่มารอถวายภัตตาหารเช้าได้น้อมพิจารณาตาม ...แต่ทว่าคนที่ได้ยินก็มักจะนึกสงสัยว่า "หลวงปู่พูดทำไมบ่อย ๆ นะ เรื่องนี้ใคร ๆ ก็รู้กันอยู่แล้วนี่นา"
ก็ถ้าการพิจารณาเกิดแก่เจ็บตาย เป็นสิ่งที่เห็นหรือตระหนักได้โดยง่าย พระพุทธองค์ก็คงไม่ให้เราพิจารณาเนือง ๆ ดังที่ปรากฏในบทสวดมนต์ทำวัตรที่ว่า "เรามีความแก่ ความเจ็บไข้ และความตายเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นจากความแก่ ความเจ็บไข้ และความตายไปไม่ได้ ฯลฯ"
แม้ในอริยสัจ ๔ ก็ยกเรื่องทุกข์มาเป็นอันดับแรก เพราะถ้าไม่ตระหนักในทุกข์ การปฏิบัติก็เป็นไปแบบแกน ๆ ไม่มีแรงขับเคลื่อน และไม่มั่นคง ศรัทธาพร้อมจะถูกสั่นคลอนได้โดยง่าย
ถ้าไม่ตระหนักว่าเราเป็น "ไก่ในสุ่ม" ที่รอการถูกเชือด เราก็คงใช้ชีวิตแบบหายใจทิ้งไปวันๆ
ท่านพุทธทาสจึงกล่าวเป็นโศลกกวีว่า พวกเราอยู่กับทุกข์แต่ก็ไม่เห็นทุกข์ เหมือนดั่ง "นกไม่เห็นฟ้า ปลาไม่เห็นน้ำ ไส้เดือนไม่เห็นดิน หนอนไม่เห็นอาจม"
เคยมีคุณยายท่านหนึ่ง พอฟังคำให้พรที่ว่า "นิพพานะปัจจะโยโหตุ" แกก็ยกมือท่วมหัว พร้อมกับกล่าวว่า "สาธุ"
พระท่านจึงถามว่าถ้าจะให้ไปนิพพานเดี่ยวนี้เลย จะไปไหม
"ไม่ได้เจ้าค่ะ อิฉันยังต้องดูหลาน ๆ แล้วก็ยังมีสัตว์เลี้ยงอีกหลายตัว ไร่นาของอิฉันก็มาก อิฉันต้องช่วยคนดูแล ฯลฯ"
นี้ไงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าพวกเรา (โดยเฉพาะตัวผู้เขียนนี้) ฟังธรรม มีความ "เข้าใจ" แต่มันยังไม่ "ถึงใจ" จึงยังพร้อมจะเผลอเพลินอยู่กับเรื่องโลก ๆ ชอบนั่น ไม่ชอบนี้ วนเวียนกับความยินดียินร้ายอยู่อย่างนี้
นี้เองเป็นเหตุให้หลวงปู่ต้องพูดย้ำเตือนให้ศิษย์ได้น้อมพิจารณาในเรื่องเกิดแก่เจ็บตายอยู่เนือง ๆ ท่านคงหวังว่าสักวันบรรดาศิษย์ที่ยังเป็นเด็กเล็กทางธรรมเหล่านี้จะกระเทือนใจกันบ้าง หวังว่าสักวันมันจะ "ถึงใจ"

http://www.luangpordu.com/?cid=453342&f_action=forum_viewtopic&forum_id=41281&topic_id=103383

 

<TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">เหรียญกันปืนกันระเบิด

เหรียญหลวงพ่อเปลี้ย รุ่นทศบารมีปี 38(ปืนแตก)

วัดชอนสารเดช จ. ลพบุรี ศิษย์หลวงพ่อเดิม เหรียญมากประสพการณ์

คัดลอกจาก บทความของคุณ อำพล เจน

ถ้าถามผมผมว่าผมเชื่อหรือไม่ ให้นึกเอาเถิดว่าคนยิงเหรียญทศบารมี 38 ของหลวงปู่เปลี้ย คุณสมฺปนฺโน ไม่ได้เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ ไม่รู้จักหลวงปู่มาก่อน ชื่อก็ไม่เคยได้ยิน เขาให้ยิงก็ยิง ยิงเสร็จเหมารถจากอุดรธานีไปวัดหลวงปู่เปลี้ยที่ลพบุรีในวันรุ่งขั้นทันที เฉพาะแกคนเดียวกวาดเอาเหรียญรุ่นที่ได้ยิงจนปืนแตกคามือกลับอุดรฯ 400 กว่าเหรียญ ผมจะตอบว่าไม่เชื่อจะสำคัญที่ไหน ในเมื่อคนยิงนั้นเชื่อจนหมดใจไปแล้ว ว่าจะไม่บอกว่าคนยิงเป็นใครแล้วเชียว ส.ต.อ. ชัยวัฒน์ นามวรรณ หน่วย สืบสวนพิรุณ สภอ.อุดรธานี เป็นการเพิ่มน้ำหนักและลบ “เขาเล่าว่า” ไปในตัว เห็นจะต้องบอกกันว่า เหรียญทศบารมี 38 ของหลวงปู่เปลี้ย คุณสมฺปนฺโน วัดชอนสารเดช กิ่ง อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี ที่ได้ทดลองยิงนั้นเป็นเหรียญเนื้อเงินสร้างแค่ 200 เหรียญ หมดจากวัดแล้วที่เหลือยู่กับวัดเป็นเหรียญทองแดง จำนวนสร้าง ยังไม่ทราบชัด คาดว่าน่าจะราว 3 พัน ไม่เกิน 5 พันเหรียญ.



</TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2><HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

​

​

​

​

ยังมีให้ดูอีกหลายองค์ครับ ลองเข้าไปดูที่

http://www.udon108.com/board/index.php?

 

ผมขออนุโมทนาสาธุ ในบุญกุศลที่ได้บำเพ็ญมาทั้งหมดทั้งปวงด้วยครับ

 

วันหยุดวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้ไปทำบุญถวายสังฆทาน ผ้าไตรจีวร 5 วัด และถวายพระบรมสารีริกธาตุ ประมาณ 600-800 ชุดทั้งหมด นิมนต์พระ 5 รูปแต่ละวัด รวมทั้งสิน 25 รูปครับผม
องค์พระสวยงามมากสำหรับพระพิชิตมารบรมไตรโลกนาก และอีกหนึ่งองค์ผมจำชื่อไม่ได้ แต่อายุประมาณ 1500 ปีครับผม ขอน้อมนำบุญมาให้ทุกท่านนะครับผม แด่กัลยามิตรทุกท่านเลยนะครับ ส่วนวัดที่ 6 นี่ไปไห้วพระและถวายปัจจัยเท่านั้นครับ

 

ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ

 

วันนี้ครอบครัวผมได้โอนเงินร่วมบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ จำนวนเงิน 500.09 บาท เรียบร้อยแล้วนะครับ(18/08/11 เวลา 14:12 น.)
โมทนาสาธุครับ...<!-- google_ad_section_end -->

 

ร่วมบุญสงเคราะห์พระสงฆอาพาธ เดือนสิงหา
โอนเมื่อ 19 สิงหาคม 54 เวลา 10.37 เครื่องฝากเงิน 6661
จำนวน 500 บาท

บุญกุศลใด ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลผลบุญนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินมา แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลผลบุญนี้
ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเถิด สาธุ

 

ร่วมบุญสงเคราะห์พระสงฆ์อาพาธ เดือนสิงหาคม 2554
โอนเมื่อ 21 สิงหาคม 2554
จำนวน 290 บาท
โมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วย
ขออนิสงค์นี้ผลบุญนี้ จงเป็นดังแก้วสารพัดนึกให้กับข้าพเจ้าด้วย.