ทำบุญอย่างไรจึงจะรวยเร็วทันตาเห็น?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย slamb, 19 มิถุนายน 2008.

  1. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    ถาม – ผมเข้าใจถูกไหมว่าการทำทานเป็นเหตุแห่งความร่ำรวย? ถ้าหากเข้าใจผิด หรือยังทำบุญไม่ถูกอย่างไร จะขอคำแนะนำหน่อยได้ไหม?


    ขอสรุปง่ายๆคือถามว่าทำบุญอย่างไรจึงจะรวยเร็วทันตาเห็นนะครับ ประทานโทษ นี่พูดตามเนื้อผ้า ไม่ได้ว่ากระทบกัน แต่ผมเห็นคนตั้งคำถามแบบนี้หรือคิดทำนองนี้เมื่อใด ดูแล้วทำบุญด้วยจิตของนักเก็งกำไรทุกที คือคิดในแง่การลงทุนที่ต้องการได้ผลตอบแทน ไม่ใช่ทำทานด้วยจิตคิดสละเอาเลย และเมื่อไม่ได้ทำทานด้วยจิตคิดสละ ไม่ได้ทำเพราะอยากอนุเคราะห์อย่างแท้จริง ทานนั้นก็มักมีผลน้อย หรือให้ผลช้า เนื่องจากความโลภเป็นของหนัก นอกจากทำจิตให้ทึบ ไม่ปลอดโปร่งเป็นกุศลเต็มที่แล้ว ยังบั่นทอนกำลังบุญ หรือหน่วงเหนี่ยวไม่ให้เกิดผลเร็วอีกด้วย

    ลงทุนทำธุรกิจยังมีความเสี่ยง ยังผิดหวังบ้าง สมหวังบ้าง แล้วลงทุนในรูปแบบของทาน จะให้ได้ดังใจทุกครั้งอย่างไรไหว? กฎแห่งกรรมวิบากเขาไม่ได้ทำงานแบบให้ทานแล้วต้องรวยทันทีเสมอไปครับ เขาดูก่อนว่าคุณคิดให้ด้วยเจตนาอะไร ดูว่าใจคุณ ‘จริง’ แค่ไหน ถ้าตรวจสอบแล้วผ่าน เขาก็ให้ ไม่มีการอั้นไว้ ไม่มีการเลือกที่รักมักที่ชังใดๆอย่างแน่นอน

    เพื่อให้เปรียบเทียบง่ายว่าทานที่ดีต้องหลีกเลี่ยงอาการท่าไหน ผมจะพาสำรวจการทำงานของจิตขณะให้ทานแบบเก็งกำไรดังนี้

    ๑) ก่อนให้มีความโลภครอบงำ จิตจึงมืด ไม่สว่าง

    ๒) ขณะให้อาจมีความรู้สึกดีๆบ้าง จิตจึงอาจสว่าง แต่ก็ยืนอยู่บนฐานของความโลภอยู่ดี

    ๓) หลังทำจะมีความคาดหวัง รอคอย ชนิดแทบจะชะเง้อออกมานอกหน้าต่างทุก ๕ นาทีว่าเมื่อไหร่ลาภจะชะลอลงมาจากฟากฟ้า

    เห็นชัดๆทั้งก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำอย่างนี้ ลองหาให้เจอสิครับว่ากุศลจิตขนานแท้อยู่ตรงไหน กฎแห่งกรรมวิบากที่ชัดเจนข้อหนึ่งคือถ้าก่อกรรมโดยมีโลภะ โทสะ โมหะเจืออยู่ กรรมนั้นจะเป็นอกุศล หรือกระเดียดไปในทางอกุศล หรืออย่างน้อยที่สุดถึงตั้งต้นเป็นกุศลจริงก็จะถูกแย่งพื้นที่ความสว่างไป ด้วยเพราะมีเงาอกุศลทาบทับอยู่ดี

    ไม่ใช่ว่าทำบุญแบบเก็งกำไรแล้วสูญเปล่าหรอกนะครับ ผลบุญยังมีอยู่ดี เพียงแต่จะมาช้า แล้วก็ไม่หนักแน่น ทำนองเดียวกับนักดนตรีที่เล่นไม่เก่ง ใช่ว่าทำให้เสียงดนตรีดังไม่ได้ แต่ดังแล้วไม่เพราะ ไม่ได้จังหวะจะโคน ไม่หนักแน่นเร้าใจเท่านั้นเอง

    มาถึงข้อที่ว่าทำทานอย่างไรจะเรียกว่าเป็นทานอย่างแท้จริง เป็นบุญที่อำนวยผลใหญ่รวดเร็ว ก่อนอื่นคุณต้องเลื่อมใสว่าทานมีผลทั้งปัจจุบันและอนาคต

    ผลปัจจุบันคือมีความสุขที่จะให้ มีความสุขกับการได้ช่วยเหลือ มีความสุขจากการสละขยะหมักหมมพะรุงพะรังออกจากจิต พูดง่ายๆคือได้เสพสุขจากจิตอันทรงภาวะเมตตากรุณานั่นเอง

    ผลในอนาคตคือการสะท้อนตอบแบบให้ไปย่อมได้มา คุณช่วยคนอื่น ก็คือการสร้างแรงขึ้นมาแรงหนึ่งส่งออกไป ย่อมมีแรงสะท้อนกลับเป็นการมีมือมนุษย์ช่วยเหลือ หรือมีเหตุการณ์ประจวบเหมาะช่วยเหลือ หรือถือกำเนิดใหม่ในแดนเกิดที่พร้อมช่วยเหลือให้คุณอยู่สบายไม่เดือดร้อน

    การมีความเลื่อมใสว่าทานมีผลนั้น แตกต่างจากการโลภว่าทำทานต้องได้ผลตอบแทนคืนมา จิตคุณจะเชื่อมั่นว่ากำลังทำดี สร้างทางน่าอบอุ่นใจให้ตนเองเดินทั้งในปัจจุบันและอนาคต ก่อนทำคุณไม่คาดหวังว่าต้องได้ผลคืนเป็นเงินทองเท่าใด ขณะทำคุณเป็นสุขกับบุญอันวิเศษ หลังทำคุณอิ่มใจที่ประกอบกรรมดีสำเร็จ

    เมื่อไหร่ที่คุณให้จนเกิดความรู้สึกราวกับซื้อของให้ตัวเอง นั่นแหละคุณ ‘ทำทาน’ อย่างแท้จริง ฝึกจนถึงจุดจริงๆจะรู้ครับว่ารู้สึกอย่างไร เหมือนดีใจที่ได้ของเอง เพราะเข้าใจล่วงหน้าอย่างลึกซึ้งว่าผู้รับเขาจะเกิดปีติสุขและอิ่มเอมกับการใช้ของขนาดไหน แล้วคุณพลอยร่วมยินดีในระดับเดียวกันหรือเกินกว่าเขา

    สิ่งที่เกิดขึ้นจริง และทุกคนเห็นได้ด้วยตาเปล่า ก็คือมีคนจนมากกว่าคนรวย ซึ่งก็สอดคล้องกันดีกับความจริงที่ว่ามีคนอยากเอามากกว่าอยากให้ นี่เป็นกฎธรรมชาติ และธรรมชาติก็แสดงผลให้ดูกระจะตาอยู่ตลอดเวลาชั่วกัปชั่วกัลป์ เพียงแต่สิ่งมีชีวิตทั่วไปไม่อาจจับเหตุมาชนผลได้ถูก ต้องอาศัยผู้รู้เช่นพระพุทธเจ้ามาประกาศ ท่านทั้งยืนยันและตรัสในลักษณะคะยั้นคะยอให้ทำบุญอย่างถูกต้อง ทำบุญให้มากเถิด ผลคือความสุขความสวัสดีย่อมบังเกิดอย่างแน่นอน

    จะว่าไปถ้าคิดตามสามัญสำนึกของคนทั่วไปที่ถูกครอบงำด้วยความไม่รู้และอุปาทาน ก็เป็นเรื่องน่าเห็นใจเหมือนกันนะครับ เพราะหลักการเบื้องต้นฟังขัดแย้งกันชอบกล อยากมีมาก แต่หากให้คนอื่นไปแล้วมันจะมีมากได้อย่างไร ก็ต้องมีน้อยลงน่ะซี เห็นด้วยตาเปล่าชัดๆ

    นี่แหละ เรามัวแต่เชื่อตาเปล่าจนลืมชำเลืองกลับมาที่ใจ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง คนยิ่งคิดให้มากเท่าไหร่ จิตก็ยิ่งเบาลงจากความโลภและความตระหนี่เท่านั้น เป็นกุศลสว่างยิ่งๆขึ้นเท่านั้น

    ขอให้สังเกตเถิดครับ นักให้ทานมือใหม่ โดยเฉพาะที่ให้แบบนักลงทุนเก็งกำไรนั้น จะให้แบบเกร็งๆ ยั้งๆ เหนียวๆ ไม่ค่อยให้เต็มที่หรอก สมมุติว่าในมือมีอยู่ร้อย ก็จะเจียดให้เพียงหนึ่ง หรือไม่ใจป้ำที่สุดก็สิบ แต่เวลาหวังผลจะให้คูณแสนคูณล้าน กลายเป็นเสริมความงกไปเสียนี่ พูดง่ายๆ ยิ่งจนก็ยิ่งหลงประกอบเหตุแห่งความยากจนหนักเข้าไปใหญ่

    คำแนะนำที่ดีที่สุด คือประกอบสัมมาอาชีพ ขยันขันแข็งให้เต็มกำลัง และอย่าหวังรวยทางลัด การมีอาชีพซื่อสัตย์สุจริตและความขยันขันแข็งนั้น ไม่ใช่อำนวยผลเฉพาะหน้าที่การงานนะครับ แต่ยังเหมือนเป็นฐานรองรับความกินดีอยู่ดีที่สมตัวในระยะยาวด้วย

    เมื่อประกอบอาชีพสุจริต มีรายได้มา ก็ลองฝึกที่จะเผื่อแผ่ เจือจาน ได้น้อยก็ทำน้อย แต่ขอให้มีใจใหญ่เป็นหลักก็แล้วกัน คุณจะพบด้วยตนเองว่าการให้ในแต่ละครั้งนั้น มีปรากฏการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับใจตน คือเบาลงเรื่อยๆ ยินดีมากขึ้นเรื่อยๆ เลื่อมใสในการให้มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงตรงนั้นต่อให้ไม่มีผลตอบแทนเป็นรูปธรรมใดๆ ใจคุณก็ไม่รอแล้ว เพราะอิ่มสุขอิ่มปีติอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว

    ตรงจุดนั้นแหละครับ ความช่วยเหลือจากธรรมชาติจะเริ่มไหลมาเทมา คุณไม่อยากได้ก็ต้องได้ คุณไม่อยากรวยก็ต้องรวย เพื่อเอาไว้เป็นทุนทำทาน เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวต่อไปไงครับ




    ขอขอบคุณที่มา..
    โดย ดังตฤณ
    http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare031.htm
     
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โมทนาครับ เด๋วจะลองไปทำดู ถ้ารวยแล้วจะบินไปเยี่ยมพี่นะครับ หุหุ
     
  3. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    ยินดีครับ ขอให้รวย ขอให้รวยครับ รวยทั้งภายนอกภายใน ใด้อริยะทรัพยิ่งดีใหญ่ครับ..สาธุ
     
  4. chocolatus

    chocolatus Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +58
    อนุโมทนา ค่ะ

    ยิ่งทำยิ่งได้ ยิ่งให้ยิ่งมี ตนเองเคยใช้เหตุนี้เช่นกันค่ะ
    แต่ใช้เป็นกุศโลบายในการชักชวนบุคคลอื่นให้ทำทาน จากคนที่ไม่เคยทำทานเลย ก็กลับใจมาทำทาน

    ตอนแรกก็คิดเหมือนกันว่าเป็นกิเลสรึเปล่า แต่ตอนนี้ได้คำตอบที่ดีแล้วค่ะ


    สำหรับตนเอง จุดที่สำคัญสุดตรงความปิติค่ะ เมื่อเห็นผู้อื่นมีความสุข เช่น ปล่อยปลา ภาพที่เราเห็นตอนมันโดนขัง กับ ตอนที่มันว่ายน้ำในคลองกว้าง ๆ ก็เกิดปิติแล้ว
     
  5. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    ทาน แปลว่า ให้
    เมื่อให้ ก็ไม่ได้แปลว่า เอา

    สิ่งทั้งหลายบนโลกนี้อย่าไปตั้งเอา
    เพราะสิ่งทั้งหลายเป็นอนิจจัง

    ให้ แบบสละออกเพื่อประโยชน์ และอย่าไปตั้งเอา
    จะงดงามมาก

    หากให้เพื่ออยากรวยเป็นการสร้างอนุสัยความโลภให้ตนเอง
    การให้แบบนี้จะยิ่งทำให้ท่านห่างพระนิพพาน

    ขออนุโมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2008
  6. nundhawat

    nundhawat สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    ทำบุญอย่างไรถึงจะรวย

    การที่คนเราจะรวยได้นั้น ต้องสั่งสมบุญเป็นทุนเดิมมาด้วย และสร้างบุญใหม่ควบคู่กันไป การทำบุญเหมือนกับการลงทุนทำการค้า ทำถูกที่ ก็ได้มาก ทำไม่ถูกที่ก็ได้น้อย ผมแบ่งปันไว้ หากท่านใดมีความเห็นเป็นอย่างอื่นก็ยินดีที่ช่วยแนะนำ
    ลองอ่านดูนะครับ
    [URLI="http://dharmareveal.blogspot.com/2011/07/blog-post.html"]http://dharmareveal.blogspot.com/2011/07/blog-post.html[/URLI]
     
  7. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    กฏแห่งกรรมตรงไปตรงมานะครับ
    คิดจะให้คนอื่น คนอื่นก็คิดจะให้เรา
    คิดจะเอาจากคนอื่น คนอื่นก็คิดจะเอาจากเรา

    คิดจะให้คนอื่นในสิ่งที่ดี ที่ประณีต ที่เกิดประโยชน์เร็วต่อเค้าแค่ไหน
    คนอื่นก็คิดจะให้เราในสิ่งที่ดี ที่ประณีต ที่่เกิดประโยชน์เร็วต่อเราแค่นั้น
     
  8. bangbal

    bangbal สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +6
    เคยทุกข์เพราะขาดเงิน ไหว้รอบทิศขอให้สิ่งศักสิทธ์ช่วย
    แต่เราทำบุญตลอดตามอัฒภาพก็ถิอว่าดีระดับหนึ่ง
    ต้องชื่อบุญกรรมเก่าด้วยที่สำคัญ
    ทำบุญได้บุญจริง
     
  9. moto2u

    moto2u สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    คุณก็ทำได้

    THE FIRST POWER SYSTEM
    ระบบ The First - Power เปิดรับสมัครจำนวนมาก สำหรับผู้ที่กำลังมองหางาน,รายได้เสริม,ทำงานเสริม,อยากมีรายได้พิเศษ,งาน Part-time,Full-time (การันตีรายได้ขึ้นต่ำ)
    อยากมีอิสระทางด้านเวลา,อิสรภาพด้านการเงิน,และเบื่อกับการเป็นลูกจ้าง,เบื่องานประจำ
    ใช้เวลา 3 - 5 ชม./วัน ทำงานผ่านระบบการใช้สื่อรูปแบบใหม่ รายได้ตั้งแต่ 5,000 – 15,000 บาท/เดือน ขึ้นไป ( ตามความขยัน )
    สามารถทำเป็นรายได้เสริมจากงานหลัก เลือกเวลาทำงานเองได้
    และมีที่ปรึกษาส่วนตัวคอยสอนทำงานอย่างเป็นขั้นตอน มีการการันตีรายได้ขึ้นต่ำ
    ( หากคุณเป็น )
    * นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่กำลังเตรียมตัวก้าวเข้าสู่วัยทำงาน หรือ ต้องการมีรายได้เสริม
    * ผู้ที่คิดจะเปลี่ยนงานใหม่หรืออยากมีธุรกิจของตัวเอง
    * ลูกจ้างกินเงินเดือนประจำที่อยากมีรายได้เพิ่ม
    * ผู้ที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น และกำลังมองหาธุรกิจหรืองาน ที่สามารถสร้างรายได้จากที่บ้านผ่านระบบ internet ออนไลน์ และ ออฟไลน์ ที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างรายได้จริง
    คุณสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับรายละเอียด และเอกสารข้อมูลของงานได้ฟรี !!
    ที่ website ด้านล่างโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่มีข้อผูกมัดใดๆครับ
    >>>>>>http://modup_dubom.igetweb.com/
    >>>>>> http://modup_dubom.igetweb.com/
    >>>>>> http://modup_dubom.igetweb.com/

    หากคลิ้กไม่ได้ให้ Copy ลิ้งค์เว็ปไซต์ด้านบนลงในช่องใส่ URL ด้านบน ขอบคุณครับ
    ( กรุณากรอกข้อมูลเฉพาะผู้ที่มีความสนใจจริงๆ เท่านั้นนะครับ ขอบคุณครับ )
    ลองศึกษาดูรายละเอียดก่อนนะคะอย่าพึ่งมีอคตินี่เป็นอีกหนึ่งช่องทางใน
    การหารายได้เพิ่มอีกทาง ในสถาพเศรษฐกิจขณะนี้ครับ.
     
  10. aces

    aces เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    193
    ค่าพลัง:
    +587
    ตอนนี้ผมก็อยากจะทำบุญให้ถูกสลากกินแบ่งเหมือนกันครับ
    ไม่ใช่ว่าโลภอยู่ดีๆอยากได้เงินแบบนั้นนะครับ

    แต่ตอนนี้มันจำเป็นต้องใช้มากๆ
    ตัวเองก็ป่วย น้องก็ไม่สบาย ต้องส่งน้องเรียน ป.ตรีอีก
    แต่ถ้าได้รางวัลที่ 1 ก็ดี เงินที่เหลือจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่างๆ
    ผมจะเอาไปพัฒนาชุมชน ส่วนพวกสิ่งของต่างๆที่ผมอยากได้
    เดี๋ยวทำงานหาเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...