เมื่อเรากลายเป็น “ของมัน”

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย honey_bee414, 1 กรกฎาคม 2011.

  1. honey_bee414

    honey_bee414 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,665
    เมื่อเรากลายเป็น “ของมัน”
    เรื่องโดย พระไพศาล วิสาโล

    [​IMG]


    เคยสังเกตไหมว่า เวลาเพื่อนทำกระเป๋าเงินหาย เราสามารถสรรหาเหตุผลมาได้มากมายเพื่อช่วยให้เธอทำใจ
    (ยังดีที่ไม่เสียมากกว่านี้ ถือว่าใช้กรรมก็แล้วกัน เงินทองเป็นของนอกกาย ฯลฯ)


    ในทำนองเดียวกัน เวลาเพื่อนอกหัก ถูกแฟนทิ้ง เราก็รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรเพื่อให้เธอปล่อยวาง แต่เวลาเราประสบเหตุอย่างเดียวกัน กลับทำใจไม่ได้ เอาแต่เศร้าซึมจ่อมจมอยู่กับความสูญเสีย คำแนะนำดีๆ ที่ให้เพื่อน กลับมาใช้กับตัวเองไม่ได้ บ่อยครั้งก็นึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าควรทำใจอย่างไร ใช่หรือไม่ว่าสาเหตุที่เราสามารถแนะนำเพื่อนได้อย่างฉาดฉาน ก็เพราะเงินของเพื่อน ไม่ใช่เงินของฉัน แฟนของเพื่อน ไม่ใช่แฟนของฉัน เราจึงไม่รู้สึกทุกข์ร้อนเท่าใดนัก ปัญญาจึงทำงานได้เต็มที่ แต่เมื่อใดที่เหตุร้ายเกิดกับเงินของฉันหรือแฟนของฉัน อารมณ์จะท่วมท้นใจ จนนึกอะไรไม่ออก


    ไม่มีอะไรที่จะทรงพลังเท่ากับคำว่า “ของฉัน” ไม่ว่าความวิบัติจะรุนแรงเพียงใดก็ตาม หากมันไม่เกี่ยวข้องกับ “ของฉัน” เราก็ไม่ค่อยรู้สึกรู้สาด้วย แต่ทันทีที่มีอะไรมากระทบกับ “ของฉัน” แม้เล็กน้อยเพียงใด มันกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที


    หลายคนดูข่าวแผ่นดินไหวในอิหร่านที่มีคนตายนับแสนคนด้วยความรู้สึกเฉยๆ แต่จะขุ่นเคืองไปทั้งวัน เมื่อพบว่ารถของตนมีรอยขีดข่วนที่ตัวถัง


    สาเหตุที่ผู้คนยอมเหนื่อยยากทำงานตัวเป็นเกลียว ก็เพื่อรักษาและเพิ่มพูน “ของฉัน” ให้มากที่สุด ความยึดอยากให้ทุกอย่างเป็น “ของฉัน” ทำงานอยู่ในส่วนลึกของจิตใจตลอดเวลา แม้เก้าอี้ในโรงภาพยนตร์ที่เพิ่งมานั่งได้ไม่กี่นาที เราก็เรียกว่า “เก้าอี้ของฉัน” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ


    แต่เราเคยสังเกตไหว่า ทันทีที่ยึดอะไรก็ตามว่าเป็น “ของฉัน” เราจะกลายเป็น “ของมัน” ไปทันที เราจะยอมทุกข์เพื่อมัน ถ้าใครวิจารณ์เสื้อของฉัน ตำหนิรถของฉัน เราจะโกรธและจะแก้ต่างให้มันบางครั้งถึงกับแก้แค้นแทนมันด้วยซ้ำ ถ้าเงินของฉันถูกขโมย เราจะทุกข์ข้ามวันข้ามคืนทีเดียว


    คนจำนวนไม่น้อยยอมตายเพื่อรักษาสร้อยเพชรไว้ไม่ให้ใครกระชากเอาไป บางคนยอมเสี่ยงชีวิตฝ่าเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้บ้าน เพราะกลัวอัญมณีจะถูกทำลายวายวอด ฉะนี้แล้วควรจะเรียกว่ามันเป็น “ของฉัน” หรือฉันต่างหากเป็น “ของมัน”


    เป็นเพราะหลงคิดว่ามันเป็น “ของฉัน” ผู้คนทั้งโลกจึงกลายเป็น “ของมัน” ไปโดยไม่รู้ตัว มีชีวิตอยู่เพื่อมัน ยอมทุกข์ก็เพื่อมัน ทั้งๆที่รู้อยู่ว่ามีเวลาอยู่ในโลกนี้จำกัด แต่ใช้เวลาไปอย่างไม่เสียดายก็เพื่อมัน ซ้ำร้ายกว่านั้นหลายคนยอมทำชั่ว อกตัญญูต่อผู้มีพระคุณก็เพื่อมัน กลายเป็นว่าถูกมันใช้ ยิ่งกว่าเป็นผู้ใช้มัน


    ยิ่งยึดมั่นว่าทรัพย์สินเป็นของฉัน เรากลับกลายเป็นทาสของมัน จิตใจนี้อุทิศให้มันสถานเดียว เศรษฐีนีเงินกู้คนหนึ่งเป็นโรคอัลโซเมอร์ในวัยชรา จำลูกหลานไม่ได้แล้ว แต่สิ่งเดียวที่จำได้แม่นก็คือสมุดจดบันทึกทรัพย์สิน ทุกวันจะหยิบสมุดเล่มนี้มาพลิกดูไม่รู้เบื่อ แม้ลูกหลายจะชวนสวดมนต์หรือฟังเทปธรรมะ ผู้เฒ่าก็ไม่สนใจ จิตใจนั้นรับรู้ปักตรึงอยู่กับเงินทองเท่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อสิ้นลมผู้เฒ่าจะนึกถึงอะไร และจะไปสุคติได้หรือไม่


    ไม่ว่าจะมีเงินทองมากมายเพียงใด เมื่อตายไปก็ไม่มีใครเอาไปได้แม้แต่อย่างเดียว นั่นเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้ทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตเพื่อทรัพย์สมบัติ แต่ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ หากหวงแหนติดยึดมัน แม้กระทั่งในยามสิ้นลม มันก็สามารถฉุดลงอบายได้


    ถ้าไม่อยากเป็น “ของมัน” ก็ควรถอนความสำคัญมั่นหมายว่ามันเป็น “ของฉัน” การให้ทานเป็นวิธีการเบื้องต้นในการฝึกจิตให้ถอนความสำคัญมั่นหมายดังกล่าว ถ้าให้ทานอย่างถูกวิธี ไม่เพียงเป็นประโยชน์แก่ผู้รับเท่านั้น หากเป็นประโยชน์แก่ผู้ให้


    ประโยชน์ประการหลังมิได้หมายถึงความมั่งมีศรีสุขในอนาคตเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ช่วยลดความยึดติดในทรัพย์ “ของฉัน” แต่อานิสงส์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ ต่อเมื่อเราให้โดยไม่ได้หวังอะไรกลับคืนมาหากให้เพื่อมุ่งประโยชน์แก่ผู้รับเป็นสำคัญ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นพระหรือไม่ก็ตามและเมื่อให้ไปแล้วก็ให้ไปเลย โดยไม่คิดว่าของนั้นยังเป็นของฉันอยู่ (หรือเฝ้ามองว่าทำไมหลวงพ่อยังไม่ฉันอาหาร “ของฉัน”)


    การให้ทานและเอื้อเฟื้อเจือจานเป็นการสร้างภูมิต้านทานให้แก่จิตใจ ทำให้ไม่ทุกข์เมื่อประสบความสูญเสีย ในทางตรงข้าม คนที่ตระหนี่แม้จะมีความสุขจากเงินทองที่พอกพูน แต่หารู้ไม่ว่าจิตใจนั้นพร้อมที่จะถูกกระทบกระแทกในยามเสียทรัพย์ แม้จะเป็นเรื่องที่จำเป็นก็ตาม


    ชาวอินเดียผู้หนึ่งเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวมาก วันหนึ่งได้รับโทรศัพท์จากภรรยาว่าเธอปวดท้องและปวดศีรษะมากจนต้องเข้าโรงพยาบาล หมอจึงสั่งตรวจเลือดและทำอัลตราซาวนด์เพราะเกรงว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ พอรู้เช่นนี้เขาจึงสั่งให้ภรรยารีบหนีออกจากโรงพยาบาลโดยไม่ต้องจ่ายอะไรทั้งสิ้น แล้วเขาก็โทรศัพท์ไปด่าหมอว่าเห็นแก่เงิน สั่งตรวจเลือดทำอัลตราซาวนด์โดยไม่จำเป็น หมอพยายามอธิบายอย่างไรเขาก็ไม่ยอมเข้าใจ


    ต่อมาเขามีเหตุต้องเข้าโรงพยาบาลเดียวกันนั้นเพื่อผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี เขาต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหลายวัน เนื่องจากมีการติดเชื้อ ค่าใช้จ่ายจึงเป็นจำนวนมาก วันสุดท้ายที่เขาอยู่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินมาเก็บเงินจากคนไข้ถึงในห้อง ทันที่เขาเห็นตัวเลขค่าใช้จ่ายก็เกิดอาการช็อกและสิ้นลมคาเตียง

    เงินนั้นมีไว้ใช้ แต่เมื่อใดที่เผลอใจกลายเป็นของมันไป มันก็สามารถทำร้ายจนถึงแก่ชีวิตได้

    ขอขอบคุณข้อมูลจากชมรมกัลยาณธรรม ���и��� ..�������ҡ������� ��ͧ�ѹ�
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2011
  2. Snow

    Snow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    698
    ค่าพลัง:
    +2,385
    ถูกต้องอย่างไม่มีข้อโต้แย้งค่ะ
     
  3. มาลาภรณ์

    มาลาภรณ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +22
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ก็คือตัดกิเลส ไม่ยึดติดนั่นเองค่ะ
     
  4. mmie

    mmie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +1,986
    ปัจจัยภายนอกมีไว้เพื่อสร้างอริยทรัพย์ภายในให้กว้างใหญ่ไพศาล สร้างบุญบารมีให้สมควรตามสภาวะของแต่ละบุคคล...
     
  5. Alonegirl

    Alonegirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +192
    เคยมีเพื่อนคนนึงให้แง่คิดกับเรา..เพราะเรามีปัญหากับแฟนบ่อย
    เพื่อนคนนั้นสอนเราว่า..อย่าคิดว่าของของเค้า..ตัวเค้า..เป็นของเรา แม้กระทั่งเราใช้รถของเค้าอยู่ แต่เราก็ยึดติดว่าเป็นของเรา ถ้าไม่อย่างนั้น..เรา..ชีวิตเรา..ก็จะเป็นของเค้าทันที
     

แชร์หน้านี้

Loading...