มีแนวทางไหนบ้างครับ ที่จะรักษาคุณไสยได้

สมมุติมีอยู่ วิชาในสมมุติมีอยู่
ผู้ทรงคุณทรงมีอยู่ ไสยขาวย่อมแก้ไสยดำ

อำนาจพระรัตนตรัยมีอยู่ ดำรงจิตให้สะอาด พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์คุ้มครอง เทพรักษา เทวดาช่วยเหลือ

 

สวดมนต์(เช่น อิติปิโสฯ พาหุงมหากา หรือพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณหรือชินบัญชร)
ทำบุญ แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรและศัตรูหมู่มาร

 

รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ เช่น พาหุง ชินบัญชร เป็นต้น ทุกอย่างอยู่ที่จิตเป็นใหญ่ พยายามรักษาสติ ดำรงสมาธิจิตให้มั่น อนิจจังมันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ แปรปรวนไปในท่ามกลางสุดท้ายก็สลายตัวไปในที่สุด

 

อ้า .. อีตาใบไม้นอกกำมือ รับแก้คุณไสย์กะเขาด้วย


ผมเอามั่ง ผมก็รับแก้คุณไสยเหมือนกัน อิอิ นี่เบอร์อีเมล์ของผม tong_20@hotmail.com รับรองได้ผลทันตาเห็น ฟรีไม่มีชาร์ท

 

หาพระหลวงปู่ทวดมาบูชาซักองค์ครับท่านศักสิทธ์มากครับกะท้าวเวสสุวรรณและเบี้ยเเก้ครับและหามีดหมอซักเล่มและสวดพระคาถาชินบัญชรเช้าเย็นครับ

 

ตั้งนะโม3จบ จากนั้นสวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ3จบ ทำจิตให้เป็นสมาธิ แลวภาวนาว่า สัมปะจิตฉามิ ภาวนาไปเรื่อยๆจนจิตเป็นฌานก็จะเป็นผลแก้คุณไสยได้และสนองกลับผู้กระทำด้วยครับ

 

รู้ลงไปที่ตัวครับ

เมื่อไหร่ กลัว ให้รู้ว่า กลัว อยู่
เมื่อไหร่ ไม่อยากมีอาการ ให้รู้ว่า ไม่อยากมีอาการ อยู่
เมื่อไหร่ โกรธอยากตอบโต้ ให้รู้ว่า โกรธอยากตอบโต้ อยู่

รู้ลงไปแบบนี้ ให้เป็นปัจจุบัน รู้แล้ว ก็แค่รู้ว่ามีอาการ มีอารมณ์นั้น

แล้วมันจะมีจังหวะหนึ่งครับ ที่ คุณไสยเขาหมดกำลัง ไม่อาจตั้งอยู่ที่ใจเรา

เมื่อนั้น

เมื่อไหร่ ไม่กลัว ให้รู้ว่า ไม่กลัว อยู่
เมื่อไหร่ ปราศจากอาการ ให้รู้ว่า ปราศจากอาการ อยู่
เมื่อไหร่ ไม่คิดโกรธ ไม่อยากตอบโต้ ให้รู้ว่า ไม่ได้โกรธ ไม่ได้คิดอยากตอบโต้ อยู่

แล้วจดจำสภาวะ หรือ น้อมสภาวะ ตอนที่คุณไสยทำอะไรเราไม่ได้ ให้ใช้
สภาวะธรรมตัวนี้ เจริญตั้งมั่นให้อยู่ในใจ รับรู้ได้ว่าอาการคุณไสยนั้น ไม่ปรากฏ
ก็ได้ ถึงแม้ปรากฏขึ้นมาในใจคุณ ก็ให้น้อมไปว่า ภาวะไม่ปรากฏนั้นก็มีอยู่ แล้ว
น้อม ระลึกภาวะสุขในตอนที่ไม่มีขึ้นมา เมื่อคุณน้อมภาวะสุขที่ไม่มีอาการคุณไสยได้
น้อมอยู่ ตั้งอยู่ ภาวะสุขนั้น จะสร้างสัมมาสมาธิ และจิตของคุณจะจดจำได้ว่า สุข
จากการไม่ยึดถือ ไม่รับเอาคุณไสยมาเป็นของตนนั้นมีอยู่ เมื่อนั้น คุณก็ถอดถอนได้
หมด ได้ทุกอย่าง ได้ทุกตัว สิ้นภพของการโดนคุณไสย สิ้นภพของกิเลสใดๆที่ยิ่งกว่าคุณไสย
เป็นของแถมครับ

ภาวะสุขนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องน้อมเอาเฉพาะตอนไม่มีคุณไสย คุณสามารถนึกถึง
ภาวะสุขสงบใดๆ ก็ได้ เช่น ระลึกถึงความสุข ความอิ่มใจ ที่ได้จากการตักบาตร อันนั้น
ก็นึกน้อมขึ้นมาเจริญได้ เป็นต้น เมื่อน้อมสุขแล้ว มันจะสร้างจะเป็นบาทให้เกิดสมาธิ
อัตโนมัติ ถ้าน้อมหรือระลึกได้นาน ตั้งมั่น ยิ้มสู้โลก ยิ้มสู้โรค ครับ

แต่ถ้าได้ยินอย่างนี้แล้ว ได้รู้วิธีแก้นี้แล้ว ยังคิดอยู่ว่า ตัวเองไม่มีปัญญาทำได้อย่างนั้น

ก็คงต้องพึ่งพระ ไปกราบพระ สร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นตรงต่อพุทธศาสนา เมื่อศรัทธา
คุณตรงต่อไตรสรณะ แน่นอนครับ ผลของการศรัทธา จะโน้มคุณให้เกิดปัญญาได้
เมื่อมาอ่านวิธีแก้นี้อีกครั้ง ลองตรองดูครับ เอาศรัทธานั้นตรองดู ถ้าศรัทธาไม่ถึง
จะน้อมเอาวิธีแก้นี้ไปไม่ได้ แต่จริงๆไม่ยากเลยครับ ก็แค่ศรัทธาเท่านั้น
ครับถึงตรงนี้ทำให้ผมนึกถึงประวัติสมเด็จโตตอนที่ท่านไปธุดงค์ใหม่ๆยังไม่มีวิชา ตอนที่ท่านเข้าไปเจอพวกที่เล่นของมาลองท่าน ปกติท่านจะภาวนาพุทโธตอนนอนจนหลับไป ที่นี่เรื่องมีอยู่ว่าพวกเล่นของมันลองปล่อยของมา (ตะขาบป่าสมัยก่อนมีเยอะเดียวนี้ศูนย์พันแล้ว) แต่ทำไรท่านไม่ได้ ตอนนั้นท่านก็รู้ตัวอยู่แต่ไม่ได้ออกกฏไปดู เมื่อเช้ามาปรากฎว่ามีลอยสัตว์เลื้อยคลานตัวใหญ่ดูเหมือนตะขาบแต่รอยใหญ่กว่ามากไม่ใช่งูแน่ แต่ท่านก็มั่นใจในความดีไม่หนีไปไหน จนผ่านไปซักระยะ ชายเจ้าของคุณไสยที่ปล่อยข้องใจประมาณมาของๆกูว่าแน่แล้วทำไมทำไรพระป่านี่ไม่ได้ว่ะจึงแบกหน้าไปถามท่านว่าท่านมีวิชาไรดีจึงทนอยู่ได้ ท่านตอบว่าอาตมาไม่ได้มีวิชาไรมีแต่พุทโธเท่านั้นเองที่อยู่ในใจ อ้ายคนเล่นของมานไม่เชื่อเลยบอกว่างั้นคืนนี้พระคุณเจ้าลองไม่ภาวนาดูผมจะปล่อยของมาแต่แค่ลองสาบานจะไม่ทำอันตรายแค่อยากทดสอบว่าจริงหรือกะอีแค่พุทโธจะกันของๆเราได้ขนาดนี้ ท่านรับนิมนต์ คืนนั้นท่านไม่ภาวนาเลยและเข้านอนไปตามปกติ ซักพักก็ได้ยินเหมือนมีตัวอะไรมาอยู่รอบๆกฏท่านจึงลืมตามดูปรากฎว่าเห็น ตะขาบยักษ์ตัวใหญ่พอๆลำไผ่เลื้อยตรงมาจะมาหาท่านด้วยความเคยชิน+ตกใจทำให้ท่านหลุดภาวนาพุทโธอีก ผลคือตะขาบยักษ์หายไปไหนไม่รู้ รุ่งเช้าชายคนดังกล่าวมาหาท่านบอกว่ากระผมเชื่อแล้วว่าพุทโธดีจริงอยากจะขอเรียนวิชานี้จากท่าน(ด้วยความเป็นคนถือผีเลยนึกว่าพุทโธเป็นวิชาคุณไสยอย่างหนึ่ง) เนื้อเรื่องต่อจากนี้ไม่ขอกล่าวแต่ที่อยากจะเน้นคือ แนวทางที่คุณเอกวีร์ นำเสนอ มันเข้าเค้าเดียวกัน เรื่องการวิเคราะห์นั้นผมไม่ขอกล่าวอีกเพราะเกรงว่าจะยาวไปแต่ที่อยากจะบอกคือแนงทางที่คุณเอกวีร์นำมาเสนอนั้นไม่ผิดครับ แต่จะยากกับคนที่มีความเชื่อเรื่องนี้แบบคิดว่ามีแต่ต้องใช้คาถาเท่านั้นที่ช่วยได้ ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าก็เคยกล่าวทำนองที่ว่า "สัตว์โลกจะดีชั่ว สุขทุกข์ก็อยู่ที่จิต" เรื่องคุณไสยเป็นเรื่องทางจิตงั้นเราก็แก้ที่จิตเราให้แข็งแกร่งกว่านี้สิ เว้นแต่ คนที่ปล่อยมาเขาจิตแน่กว่าอันนี้คงต้องมีตัวช่วยครับซึ้งแล้วแต่คุณจะพิจารณา

<!-- / message --><!-- edit note -->

 

มีสิ่งหนึ่งช่วยได้ครับ คือ"น้ำเสียที่ใสสะอาด" เข้าใจไหมครับ ก็ให้ใช้ดื่ม หรือ ล้างหน้า หรือ อาบน้ำ หรือ อะไรก็ได้ครับที่ทำให้ถูกต้องกาย แต่ที่ดีที่สุดก็คือดื่มครับ

 

อยากรู้เรื่องของไสยศาสตร์จีนอ่ะคับแบบพวกที่เต้าหยินนักพรตอะไรเค้าทำกันว่ามันเป็นอย่างไงอ่ะคับ คือผมแค่รู้คร่าวๆแต่อยากรู้ให้มากกว่านี้อ่ะคับ

 

ถ้ามี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ
ศีลบริสุทธิ์ดี คุณไสยทำอะไรไม่ได้เลย

 

มีโอกาส ไปรับยันต์เกราะเพชรก็ดีนะครับ
แนะนำให้สวดมนต์ บทชินบัญชร พระคาถาข่ายเพชรพระพุทธเจ้า คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า อย่างน้อยตอนเราสวด เทพเทวดาจะมาฟังครับ ของไม่ดีคงอยู่ไม่ได้
ลองไปกราบหลวงปู่ทองอินทร์ วัดกลางคลองสี่ ปทุมธานีดูนะครับ
ตอนนี้ท่านอายุ90กว่าแล้วเป็นศิษย์หลวงปู่ด๊วด และศิษย์พระเกจิในละแวกปทุมธานี อยุธยาครับ ผมเคยป่วยไม่สบายไม่หายซักที(ตอนนั้นไม่คล้องพระ)
ไปหาท่าน ท่านบอกว่าผีมันตามอยู่ ท่านถามว่าหนักตัวมั๊ย ผมบอกว่าหนักครับ
แล้วท่านก็หยิบส้มส่งให้ผมลูกหนึ่ง ท่านบอกว่า เอาส้มไปแกะให้ผีมันกินแล้วบอกว่าอย่ามารบกวนอีก ผมก็ทำตามท่านบอก เอาส้มไปแกะวางไว้กลางแจ้ง
แล้วกราบลาท่านกลับบ้าน ตอนขึ้นรถกลับอาการสดชื่นขึ้น อีกวันต่อมาก็หายครับ
เคยเห็นคนที่โดนของมาหาท่านหลายรายเหมือนกันครับ

 

หลวงพ่อฤาษีฯบอกว่า มโนฯ ถ้าทำการฝึกบ่อยๆของเหล่านี้จะค่อยๆสลายไปเอง
อ้อ อาจเริ่มด้วยการทำบุญบ่อยๆ ครั้งละน้อยๆก็ได้ครับ
แต่ทำแต่สังฆทานขึ้นไปก็ดี หากทำวิปัสสนากรรมฐานซึ่งเป็นบุญสูงสุด
จะทำให้ดวงเราแข็งขึ้น ยิ่งทรงฌาณได้ ไอ้พวกเล่นของจะแพ้ภัยตัวเองเร็วขึ้นไปอีก(ฝึกมโนฯต้องทรงฌาณสมาบัติ)
ส่วนตัวผม ไอ้คนที่มันเล่นกับผมอย่างนี้ ไปแล้วไม่รู้กี่คน
บางคนเป็นญาติ ต้องไปช่วยที่สำนักพยายมก็มี(แต่เขาต้องสัญญาว่าจะกลับใจ)
พวกที่ยังทำกับผมอยู่ พระ ท่านรับรองว่าเป็นมะเร็งหมดทุกคน
แต่มีของดีติดตัวไว้ยิ่งดี เผื่อดวงตก จะได้อาศัยบารมีพระรัตนตรัยคุ้มครองได้

 

ใช้น้ำมนต์จักรพรรดิก็ได้นะครับ


การอธิษฐานทำน้ำมนต์รักษาโรค
หลักการ

พระสูตรหลวงปู่ดู่ ใช้แช่น้ำมนต์รักษาโรคได้ทุกประการ ยิ่งได้ถ้าได้ใช้ร่วมกับน้ำมนต์จักรพรรดิ (ขอได้ที่วัดถ้ำเมืองนะ กับหลวงตาได้ครับ ท่านแจกฟรี) และเหรียญทำน้ำมนต์ สูตรหลวงปู่ดู่ (ซึ่งตอนนี้มีผู้ยังทรงธาตุขันต์ 1 องค์กับอีก 1 ท่าน คือหลวงตาม้า กับลูกศิษย์หลวงตาท่านหนึ่งเท่านั้นที่สืบทอดวิชามา เท่านั้นที่ทำได้) + กับวิชาการรักษาโรคของหลวงปู่แล้ว จะหายได้ดีขึ้น แต่ถ้าไม่หนักหนานัก ลองเพียงแค่สูตรที่ผมกำลังแนะนำนี้สิครับ
วิธีการ

๑. ให้นำพระเลี่ยมก็ได้ไม่เลี่ยมก็ได้ไม่ต่างกัน มากำสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ 7 จบ แล้ว อธิษฐานว่า

ข้าพเจ้าผู้เป็นผู้รับใช้พระพุทธศาสนา ขออัญเชิญบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทุก ๆพระองค์ นับตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีพระบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด (อันนี้จำเป็นต้องขอบารมีท่านโดยตรง)ขอได้โปรด ให้น้ำใด ๆก็ตาม ไม่ว่าเล็กว่าน้อย หรือมากมายดังมหาสมุทร ที่ถูกแช่ในพระผงกำลังพระจักรพรรดินี้ จงมีพุทธานุภาพ ธรรมมานุภาพ สังฆานุภาพ และมหิทธานุภาพ เฉกเช่นเดียวกับหัวเชื้อน้ำมนต์จักรพรรดิทุกประการ เพื่อใช้ในการมงคลทั้งปวง เพื่อใช้ในการปรับธาตุทั้ง 4 และรักษาโรคภัยทุกประเภท ขอบารมีอันหาที่สุดมิได้ของหลวงปู่ จงโปรดให้เป็นไปตามคำอธิษฐานแห่งข้าพเจ้านี้ด้วยเถิดจึงค่อย ๆ จุ่มพระลงในภาชนะใส่น้ำ (พระสูตรท่านชอบน้ำครับ สำหรับองค์ที่ยังไม่เลี่ยมแช่ได้เลยไม่ต้องห่วงยิ่งแช่น้ำยิ่งแกร่ง ไม่ต้องเกรงว่าพระจะร่วนแตกหักครับ)

๒. จากนั้นจึงกล่าว คำอัญเชิญพระเข้าตัว

สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส

(ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัว หรือผู้ที่ได้แล้ว จะเห็นเองว่าจะมีพระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างวาบไปหมด ในขณะเดียวกับแสงนั้นก็พุ่งตรงไปยังน้ำทั้งภาชนะ และจะรู้สึกว่าน้ำนั้นจะมีกระแสเย็นชุ่มชื่น ดื่ม กินแล้วก็รู้สึกสดชื่น) ปิดท้ายด้วย

พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ

การนำไปใช้จริง

๑. บ้านใดที่มีถังน้ำใหญ่ หรือโอ่งมังกร แนะนำให้แช่พระไว้ตลอดอย่างนั้น จะได้ไม่ต้องอธิษฐานหลายครั้งครับ ให้กินอาบ ใช้ จนเลือดจนเนื้อ เป็นกำลังพระจักรพรรดิเลยครับ ทำได้อย่างนี้ ผิวพรรณจะเยาว์ลง และยังมีผลเรื่องป้องกันรังสีด้วย

๒. จะใช้กิน อาบ ล้างอะไรก็แล้วแต่ ได้ทั้งนั้น มีคนเคยถามหลวงปู่ว่าไม่เป็นอะไรหรือ หลวงปู่ก็ว่า " น้ำมนต์ข้าเป็นของดี จะเอาไปทำอะไรก็ดีหมด "

๓. หัวเชื้อน้ำมนต์จักรพรรดินี้ต่อได้เหมือนน้ำมันชาตรีของหลวงพ่อปาน หรือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงตาม้าท่านบอกว่า " แม้เพียงหยดเดียวของน้ำมนต์จักรพรรดิ เมื่อหยดลงในตุ่ม น้ำทั้งตุ่มนั้นก็จะกลายเป็นน้ำมนต์จักรพรรดิหมด " เราก็แช่พระไว้ในภาชนะใดก็ได้ตลอดเวลา แล้วคอยเติมอยู่เสมอไม่ให้แห้ง แล้วก็เอาน้ำมนต์หัวเชื้อนี้คอยเติมภาชนะต่าง ๆ เอา จะเอาไปแจกจ่ายก็ได้ครับ และการต่อนี้ก็ไม่ได้มีเคล็ดการต่อใด ๆ เพียงนึกถึงท่านขอบารมีท่านแล้วก็สามารถต่อได้เลย

๔.ไม่ต้องกลัวพระธรรมธาตุหลุดครับ พระธรรมธาตุท่านเกาะที่ผิวพระอยู่แล้ว เพียงแต่อย่าเอาอะไรไปขัดไปถูเป็นใช้ได้
๕. อีกประการหนึ่งที่สำคัญมาก การรักษาโรคนั้น หากจะให้หายโดยไม่กลับมาเป็นใหม่ ต้องทำการแผ่บุญ ส่งวิญญาณให้แก่เจ้ากรรมนายเวรก่อน ให้เขาอโหสิกรรมให้เรา โรคร้ายใด ๆ จึงจะทุเลาได้เร็ว และหายขาด ไม่กลับมาเป็นอีก นั่นคือ ตามปกติเมื่อเราตรวจโรคด้วยจิต เราจะเห็นร่องรอยดำในบริเวณที่จะเกิดโรค หรือกำลังเกิดโรคอยู่ หากมองให้ลึกจะเห็นเจ้ากรรมนายเวร และสาเหตุแห่งกรรม ก็ขอบารมีหลวงปู่ท่านพาเจ้ากรรมนายเวรมารับบุญ ให้อโหสิกรรมต่อกัน อย่างนี้โรคจะหายเร็วและไม่กลับเป็นซ้ำ….


ถ้ายังไม่มีพระกำลังจักรพรรดิ หรือ ลูกแก้วมหาจักรพรรดิ ก็ขอรับได้ที่นี่นะครับ ฟรี!!

http://watthummuangna.com/board/showthread.php?t=1860

<!-- / message -->

 

เรื่องของคุณไสย เวทมนต์คาถา และความลี้ลับต่าง ๆ ผมคนหนึ่งครับที่เชื่อ ถึงจะเป็นคนที่ไม่ค่อยหัวโบราณสักเท่าไหร่ แต่ก็เชื่อเพราะประสบมากับตัวครับ ขอรับรองว่ามีจริง ส่วนท่านที่ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรครับ ท่านลองหันหน้ามาปฏิบัติในสมาธิจิต ในสายกรรมฐาน 40 กองใดก็ได้ แล้วท่านจะรู้เอง อย่ามัวติดอยู่กับตำรามากนักครับ