อัจฉริยธรรม ธรรมอันน่ามหัศจรรย์

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 23 มิถุนายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    พระอาจารย์ กล่าวว่า "ส่วนหนึ่งใน ปฐมสมโพธิกถา ท่านกล่าวถึง นางผุสดี ที่ขอพร ๑๐ ประการจาก พระอินทร์ แล้วจุติลงมาเกิดเป็น พระนางสิริมหามายา พร ๑๐ ประการนั้น มีอยู่ประการหนึ่งว่า ตั้งท้องจนถึงเดือนสุดท้ายจะคลอด ก็อย่าให้ท้องนูนออกมาจนมองเห็น

    พระนางสิริมหามายาเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก ไม่มีใครสวยกว่านั้นอีกแล้ว เพราะนอกจากจะสมบูรณ์ด้วยเบญจกัลยาณีแล้ว ยังมีอิตถีลักษณะอีก ๖๔ ประการที่คู่ควรที่จะเป็นพระพุทธมารดา

    เราเคยชินกับการทำนายลักษณะของ สิทธัตถะราชกุมาร ที่พราหมณ์ทั้ง ๑๐๘ ท่าน ลงความเห็นไป ๑๐๗ ท่านว่า ถ้าหากไม่เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชปกครองโลก ก็จะต้องเป็นศาสดาเอกของโลก ยกเว้น โกณฑัญญะพราหมณ์ พราหมณ์หนุ่มที่สุด ฟันธงอย่างเดียวเลยว่า จะต้องเป็นศาสดาเอกของโลกโดยสถานเดียวเท่านั้น

    นี่เราเคยชินกับคำทำนายนี้ แต่ถ้าเราไม่ได้ศึกษาให้ลึกลงไป เราไม่เคยชินกับคำทำนายของพระนางสิริมหามายา พราหมณ์ที่มาทำนายในลักษณะที่ฟันธงว่าจะเป็นพระพุทธมารดา เขาเอาคำว่าพระพุทธมารดามาจากไหน ? แสดงว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จะต้องมีจารึกอยู่ในคัมภีร์ต่างๆ ของศาสนาพราหมณ์อยู่แล้ว

    อย่างเรื่อง มหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ อนุพยัญชนะ ๘๐ ประการ ของพระพุทธเจ้า ที่เป็นลักษณะของมหาบุรุษ เขาก็บอกว่า ท้าวมหาพรหม ลงมาชี้แจงลักษณะเหล่านี้ให้แก่ผู้นำศาสนาของเขา แล้วได้บันทึกไว้เป็นคัมภีร์ เพื่อที่ถึงเวลาเมื่อมีมหาบุรุษปรากฏขึ้น ก็จะได้รู้ว่านี่ใช่แล้ว เพราะตรงกับตำรา

    แต่ทางด้านของพระนางสิริมหามายาที่จะเป็นพระพุทธมารดา เราไม่รู้ว่าตำรานี้มาจากไหน เพราะว่าไม่ได้เขียนเอาไว้ อาตมาก็ไม่อยากจะมั่วว่าก็คงจะมาแบบเดียวกัน

    พระนางสิริมหามายานอกจากที่จะสวยงามสมบูรณ์พร้อมที่จะเป็นพระพุทธมารดาแล้ว ยังมีความมหัศจรรย์ส่วนตัวอยู่อีก ๑๒ ประการด้วยกัน ความมหัศจรรย์ส่วนตัว ๑๒ ประการนี้ ในบาลี เรียกว่า อัจฉริยธรรม คำว่า อัจฉริยะ แปลว่า มหัศจรรย์ เหนือมนุษย์ ไม่เหมือนคนอื่นเขา"



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2011
  2. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    .

    "ความอัศจรรย์ประการแรก ก็คือ ถ้าหากพระพุทธมารดาจะให้ทานโดยอาหารที่บรรจุไว้ในถาดทองคำ บาลีเขาบอกไว้ละเอียดเลยว่า ต่อให้ผู้คนมาขอรับอาหารทั่วทั้งชมพูทวีป อาหารนั้นก็ไม่ได้พร่องลง ลักษณะคล้ายๆ ท่านเมณฑกเศรษฐี ที่ตักข้าวออกไปเลี้ยงคนทั้งเมือง ก็แหว่งไปแค่ทัพพีเดียว

    แต่กรณีของพระพุทธมารดาไม่ได้เลี้ยงคนทั้งเมือง หากแต่เลี้ยงคนทั้งชมพูทวีป ซึ่งสมัยนั้นเขาหมายถึงโลกมนุษย์ คือเลี้ยงคนทั้งโลก..!

    ความอัศจรรย์ประการที่ ๒ ของพระนางสิริมหามายา ก็คือ ใครเจ็บไข้ได้ป่วย แค่ท่านยกมือแตะคนป่วยก็หาย ฟังแล้วคุ้นๆ ไหม ? มีใครอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลมาบ้าง ? พระคริสต์ก็คือ พระเยซู..ใช่ไหม ? สัมผัสตัวคนป่วยก็หาย แสดงว่าเรื่องแบบนี้ มีอยู่ในทุกศาสนา ขึ้นอยู่กับว่า บุคคลนั้นประกอบด้วยบารมีธรรมระดับไหน ดังนั้น..ใครที่เป็นมะเร็ง รีบไปหาพระพุทธมารดาโดยด่วน ขอให้พระองค์ท่านช่วยจับให้หน่อย

    ความมหัศจรรย์อย่างที่ ๓ อยากให้ท่านมาช่วยจับแถวๆ นี้หน่อย ท่านบอกว่า จับต้องใบของติณชาติ (หญ้า) หรือรุกขชาติ(ต้นไม้) ก็จะกลายเป็นสุวรรณ (ทองคำ)ทั้งหมด นี่ดีกว่า พระราชาไมดาส

    พระราชาไมดาสขอพรจากเทพเจ้า เพราะว่าท่านชอบทองคำมาก ขอพรว่าทุกอย่างที่พระองค์จับต้องขอให้กลายเป็นทองคำ จับอาหารก็เลยเสวยไม่ได้เพราะกลายเป็นทอง เผลอหน่อยเดียว ลูกที่รักวิ่งเข้ามา จับเข้าก็กลายเป็นทองไปอีก นั่นท่านขอพรแบบไม่รอบคอบ แต่ว่าของพระนางสิริมหามายา จับต้นไม้ใบหญ้า ต้นไม้ใบหญ้าเหล่านั้นจะกลายเป็นทอง แต่อย่างอื่นไม่เป็น

    ความมหัศจรรย์อย่างที่ ๔ ก็คือ ถ้าพระองค์ท่านปลูกต้นไม้ จะโตทันตาและออกดอกออกผลให้เดี๋ยวนั้นเลย"

    "ถ้าเราอ่านพุทธประวัติในช่วงพรรษาที่ ๗ ที่ นายคัณฑะ นำผลมะม่วงมาถวายพระพุทธเจ้า ความจริงนายคัณฑะเป็นนายอุทยานอยู่ ปลูกผลมะม่วงแล้วออกลูกสุกเหลืองอร่าม มีหน้าที่ต้องเก็บไปถวายพระราชา แต่นึกขึ้นมาได้ว่า ถวายพระพุทธเจ้าได้บุญมากกว่า จึงตัดสินใจนำไปถวายพระพุทธเจ้า ถ้าพระราชาจะประหารชีวิตเราก็ยอม

    พอพระพุทธเจ้าเสวยผลมะม่วงแล้ว จึงสั่งให้นายคัณฑะขุดหลุม หย่อนเม็ดมะม่วงลง กลบดิน เอาน้ำล้างพระหัตถ์รดลง พอรดด้วยน้ำล้างพระหัตถ์เท่านั้น ก็งอกขึ้นมากลายเป็นต้นมะม่วงโตทันทีเลย เพราะพระองค์ท่านบอกว่า จะแสดงยมกปาฏิหาริย์ที่ต้นมะม่วง

    พระพุทธเจ้า ตรัสว่า วิชาเหล่านี้ทางด้านศาสนาอื่นๆ เขาทำกันได้เป็นปกติ เรียกว่า ตัชชารีวิชา ถ้าหากว่าเป็นเราสมัยนี้เรียกว่า "เล่นกล" แต่ของพระองค์ท่านนั้นเกิดด้วยบุญญาบารมีจริงๆ

    คนสมัยก่อนทำได้เป็นปกติ จนกระทั่งทุกวันนี้ แขกก็เล่นกลหลอกเราเป็นปกติ ตัชชารีวิชาจัดเป็นมายาการอย่างหนึ่ง มายาการนี่จะต้องประเภทหลอกชาวบ้านเขาได้ ไม่อย่างนั้นหากินไม่ได้หรอก

    ความมหัศจรรย์ประการที่ ๕ ก็คือ ถ้าหากว่าพระนางเสด็จไปที่ไหนก็ตาม แม้กระทั่งขึ้นไปบนยอดเขาที่ไม่มีน้ำ ถ้ากระหายน้ำขึ้นมา ท่านบอกว่าก็จะมีน้ำผุดขึ้นมาโตเท่าลำตาล จะเสวยหรือจะสระสรงอย่างไรก็ได้

    ให้เราสังเกตว่า เนื้อหาเหล่านี้ต่อเนื่องกันมาในลักษณะเดียวกัน ก็คือ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ที่เกิดขึ้นจากบารมีที่พระองค์ท่านสั่งสมมา จนกระทั่งเหมาะสมที่จะเป็นพระพุทธมารดา"



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2011
  3. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    .

    "ความอัศจรรย์ประการที่ ๖ ของพระพุทธมารดา ก็คือ ไม่ว่าจะเสด็จไปไหน ก็ไม่ต้องเตรียมอาหารไป ถึงเวลาเทวดาจะนำโภชนะอันเป็นทิพย์มาถวาย ไม่ได้ถวายคนเดียวนะ ถวายมากพอที่จะเลี้ยงบริวารของพระนางทั้งหมดได้ด้วย

    ความอัศจรรย์ประการที่ ๗ ของพระพุทธมารดาก็คือ ไม่ว่าจะเสด็จไปประพาสสระสวนอุทยานที่ไหน ก็ไม่ต้องเตรียมเครื่องแต่งตัวไป จะสระสรงสนานอย่างไร เทวดาจะนำเครื่องทิพย์ของหอมและนำพัสตราภรณ์ต่างๆ มาถวายให้ได้ใช้ทุกครั้ง

    พวกเราอย่าเผลอนะ อยากเป็นพระพุทธมารดาเดี๋ยวได้เป็นจริงๆ เพราะเท่ากับว่าเราได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ ฉะนั้น..เป็นเรื่องที่เราต้องคอยระมัดระวังด้วยว่า จิตของเราจะคล้อยตามหรือเปล่า ?

    ความอัศจรรย์ประการที่ ๘ ก็คือ เมื่อพระนางเข้าที่บรรทม ท่านใช้คำว่า ยักขราชา ๘ ตน คือ บรรดาหัวหน้าเทวดาที่เป็นบริวารของท่านท้าวเวสสุวรรณทั้งหลาย จะถือวชิราวุธแวดล้อมคอยป้องกันอันตรายให้ตลอดคืน แสดงว่าอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีเทวดาระดับมหาอำมาตย์ขึ้นไปมาให้การดูแลอยู่

    ความอัศจรรย์ประการที่ ๙ คือ ไม่ว่าจะเสด็จไปที่ไหนก็ตาม บรรดา อสูรราช ก็คือราชาของอสูร น่าจะเป็นระดับ ท่านท้าวเวปจิตตาสูร ท่านอสุรินทราหู จะแปลงกายเหมือนกับเป็นนักแสดงมหรสพติดไปกับขบวน เพื่อคอยแวดล้อมระมัดระวังอันตรายต่างๆ ให้

    พูดง่ายๆ ว่า กลางวันก็มี รปภ.ส่วนตัวขบวนหนึ่ง กลางคืนก็ขบวนหนึ่ง แบ่งสรรหน้าที่กันเสร็จสรรพเลย เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ พวกเราฟังๆ แล้วก็ต้องมาคิดว่า บุญคนนี่ส่งให้เป็นไปถึงขนาดนั้นเลยหรือ ?"



    .
     
  4. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    .

    "เรามานึกดูว่า ตอนก่อนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสรู้ กาลนาคราช และบริวารทั้งหลายก็ขึ้นมาแสดงมหรสพต่างๆ ถวายเป็นปกติ

    อย่าลืมว่ากาลนาคราชหลับไปงีบเดียวพระพุทธเจ้าก็ตรัสรู้อีกหนึ่งองค์แล้ว นอนงีบเดียวแต่นานเป็นพุทธันดรเลย นอนยังไม่ทันจะหายง่วง ถาดทองคำตกลงมาอีกใบหนึ่งแล้ว

    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์จะมีพระพุทธประเพณีอย่างหนึ่งก็คือ ก่อนจะตรัสรู้จะลอยถาดทองคำ เพื่อเสี่ยงบารมีว่าสามารถที่จะตรัสรู้ได้หรือไม่ ? เมื่อลอยถาดทองแล้ว ก็ไม่ใช่ลอยตามน้ำ แต่จะลอยทวนน้ำไปประมาณ ๘๐ ศอกแล้วก็จะจมลงไปที่บาดาลซึ่งกาลนาคราชนอนหลับอยู่ ก็ไปซ้อนกับใบเดิม ได้ยินเสียงดัง "แกร๊ก..!" พ่อเจ้าประคุณก็ลืมตาดู "จะตรัสรู้อีก ๑ องค์แล้วหรือ ?"

    แสดงว่ากาลนาคราชนี่บุญดีจริงๆ นะ เพราะว่าคนอื่นๆ รอกัน ชาติแล้วชาติเล่า อย่างเมื่อวานที่พูดถึง เอรกปัตตนาคราช ก็รอแล้วรอเล่า ไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าจะตรัสรู้เมื่อไร แต่กาลนาคราชนั้น พระพุทธเจ้ากี่พระองค์จะตรัสรู้ กาลนาคราชรู้ก่อนเพื่อนเลย จะบอกว่าท่านบุญดีหรือกรรมหนักก็ไม่รู้นะ นอนเพลินเหลือเกิน เรามีโอกาสนอนอย่างนั้นบ้างหรือเปล่า ?

    พระพุทธเจ้าเคยตรัสถึงบุรพกรรมของคน ๔ คน มีอยู่คนหนึ่งที่พระองค์ท่านเทศน์ขนาดไหนก็ตาม หลับลูกเดียว ในอดีตชาติท่านนั้นเคยเกิดเป็นงูใหญ่ ชินกับการพาดหัวบนขนด แล้วก็หลับติดต่อกันมา ๕๐๐ ชาติ พอเกิดเป็นคนก็มีนิสัยเหมือนเดิม อยู่ที่ไหนก็หลับที่นั่น

    พระอานนท์ ก็สงสัย ทูลถามว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมประดุจมหาเมฆที่บันลือขึ้น เราฟังอย่างนี้ก็แปลไม่ออก ต้องบอกว่าเหมือนพระพุทธเจ้าแสดงธรรมเหมือนฟ้าผ่าลงมาข้างหู เขายังหลับได้..!

    มหาเมฆบรรลือขึ้นก็เหมือนกับฟ้าร้อง..ใช่ไหม ? เปรี้ยงปร้างโครมครามขนาดนั้น ยังหลับอย่างเดียวไม่รับรู้อะไรเลย พระอานนท์ถึงได้ทูลถามว่าเกิดจากกรรมอะไร ? พระพุทธเจ้าก็ตรัสให้ฟังถึงบุรพกรรมว่า เขาเคยเกิดเป็นงูใหญ่ติดต่อกันมา ๕๐๐ ชาติ มีใครบ้างที่นั่งที่ไหนหลับที่นั่น ถ้ามีก็คงจะเป็นอย่างนั้นแน่เลย"



    .
     
  5. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    .

    ความอัศจรรย์ประการที่ ๑๐ ก็คือ ถ้าเป็นฤดูร้อน เหล่าเทวดาจะนำน้ำทิพย์จากสระอโนดาต บรรจุในหม้อทองคำ มาถวายให้สรงทุกวัน

    ความอัศจรรย์ประการที่ ๑๑ ก็คือ ถ้าเป็นหน้าหนาว เทวดาจะนำผ้าทิพย์จากต้นกัลปพฤกษ์ในป่าหิมพานต์ มีความยาว ๘๐ ศอก มาถวายเป็นผ้าห่มกันหนาว

    ความเชื่อเรื่อง ต้นกัลปพฤกษ์ บางคนก็ตีความว่า ประเทศชาติอุดมสมบูรณ์ถึงขนาดว่าไปทางไหนก็ตาม พวกเครื่องใช้ไม้สอย ข้าวปลาอาหารไม่ขาดแคลน คือท่านที่ไม่เชื่อในเรื่องนี้ ก็ไปตีความอีกอย่าง

    ความอัศจรรย์ประการที่ ๑๒ ของพระพุทธมารดา คือ ถ้าพระองค์ท่านต้องการให้ทานต่อบรรดาสมณชีพราหณ์ หรือคนยากจนเข็ญใจเมื่อไร ฝนจะตกลงมาเป็นแก้วแหวนเงินทอง เก็บไปให้ทานได้เดี๋ยวนั้นเลย

    ดังนั้น..รวมความแล้วว่า นอกจากพระองค์ท่านจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดแล้ว ยังประกอบไปด้วยบารมีอันเป็นอัศจรรย์ ๑๒ ประการด้วยกัน บาลีเรียกว่า อัจฉริยธรรม ธรรมอันน่ามหัศจรรย์ แต่ก็มหัศจรรย์สำหรับบุคคลที่ไม่เข้าใจเรื่องการส่งผลของกรรมเท่านั้น


    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๔



    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=2603&page=4



    .
     
  6. na-te

    na-te สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอโมทนากับความดีอันไม่มีประมาณขององค์พระพุทธมารดาขอรับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  7. cwarawan

    cwarawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +43
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
    หากไม่มีพระพูทธมารดาแล้วจะมีพระพุทธเจ้า?
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...