หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ทุเรียนทอด, 16 พฤษภาคม 2011.

  1. เฉียวฟง

    เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    อยากทราบเรื่อง..หลวงปู่พูดถึงพระกริ่งเจริญลาภนี้อีกซักครั้ง..รบกวนคุณทุเรียนทอดเล่าอีกครั้งได้หรือเปล่าครับ(deejai)
     
  2. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    สวัสดีครับพี่ กวาวชไม ยินดีต้อนรับสู่บ้านใหม่หลังนี้ครับ ว่างๆก็เอาวัตถุมงคลมาลงโชว์กันได้นะครับ สาธุ
     
  3. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    ได้เลย เราจะดึงกันไปทุกแห่งหน ในฐานะศิษย์ร่วมสำนักครับพี่น้อง :boo:
     
  4. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    ได้ครับ เดี๋ยวกลับมาเล่าอีกรอบ เชื่อว่าหลายท่านคงอยากทราบเหมือนกันครับ
     
  5. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    เจอแล้วครับ เรื่องนี้แหละ จากกระทู้หลวงปู่หมุน
     
  6. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981


    โอโห..ขอบคุณมากเลยครับ ที่อุตส่าห์ไปค้นมาจนเจอ มาให้ท่านที่สนใจได้อ่านกันอีกรอบครับ สาธุ :cool:
     
  7. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    มีเรื่องคล้ายๆกันกันเกี่ยวกับเรา 2 คนมาเล่าสู่กันฟังค่ะ เป็นการช่วยยืนยันไปในตัวเรื่องที่น้อง x ได้กล่าวถึงเรื่องกลิ่นทิพย์ของหลวงปู่ เพราะพี่หนูก็เคยมีประสบการณ์เช่นนี้เหมือนกัน (ครั้งนึงที่วัดเทพธารทอง อีกครั้งนึงที่ Norway) รวมไปถึงเรื่องที่หลวงปู่สวดมนต์และสอนธรรมะแก่เทพเทวดาทั้งหลายที่กุฏิของท่านด้วย

    ครั้งแรกที่ได้ไปกราบหลวงปู่ที่วัดเทพธารทอง ตอนนั้นหลวงปู่เพิ่งไปผ่าตัดหัวเข่ามาใหม่ๆ พี่หนูไปกับหลานสาว ขี่มอเตอร์ไซด์ไปจากระยอง ตอนไปถึงวัดก็ไม่มีใครเลยนอกจากลูกศิษย์ผู้ดูแลอุปฐาก พอไปถึงก็เข้าไปกราบพระที่หน้ากุฏิของท่าน สักพักพี่ลูกศิษย์คนนึง (จำชื่อไม่ได้... พี่คนที่ไปเจอกันที่ รพ.วิชัยยุธพร้อมกันกับน้อง x วันที่พี่หนูพาคณะพี่ๆน้องๆจากเว็บพลังจิตไปกราบหลวงปู่เมื่อปลายปีนี้อ่ะ) ก็เดินมาบอกว่าหลวงปู่ยังไม่ว่าง ให้ออกไปนั่งรอข้างนอกก่อน (ที่ด้านนอกระเบียงนู่นเลย) พี่หนูก็ทำตามนั้น ช่วงที่นั่งรออยู่สักพักก็สังเกตว่าไม่เห็นมีรองเท้าใครคนอื่นอยู่เลยนอกจากพวกเรา 3-4 คน แล้วที่พี่คนนั้นบอกว่าหลวงปู่ยังไม่ว่างมันหมายความว่างัย เริ่มสงสัยแล้ว แต่ก็ไม่ถามเกรงจะเป็นการเสียมารยาท จึงนั่งรอต่อไป สักพักพี่คนนั้นก็เดินออกมานั่งคุยด้วย ถามว่ามาจากไหน มากับใครและรู้จักหลวงปู่ได้ยังงัย ก็ตอบไปตามที่ถาม..... ก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆเกี่ยวกับเรื่องวัดและหลวงปู่ จนกระทั่งพี่หนูได้กลิ่นอะไรไม่รู้ซึ่งเป็นกลิ่นหอมที่ไม่เคยได้กลิ่นนี้มาก่อนในชีวิต ตอนแรกก็นึกว่าเป็นกลิ่นธูป กลิ่นดอกไม้หรือกลิ่นผลไม้ แต่พอมานึกดูอีกทีก็รู้ว่าไม่ใช่เพราะตอนที่มาก็เข้าไปไหว้พระตรงนั้น (ด้านใน) ก็ไม่เห็นได้กลิ่นนี้ อีกอย่างประตูหน้าต่างกระจกก็ปิดมิดชิดคงไม่ใช่แน่นอน ก็เลยถามพี่คนนั้นว่าพี่ได้กลิ่นอะไรหอมๆมั้ย เป็นกลิ่นหอมที่บอกไม่ถูกว่าหอมยังงัย รู้แต่ว่าไม่ใช่กลิ่นอะไรที่ธรรมดา หอมๆ เย็นๆชื่นใจเป็นที่สุด พอพี่คนนั้นได้ยินคำถามก็ยิ้มปนหัวเราะหน่อยๆแล้วถามกลับมาว่า"ได้กลิ่นกายทิพย์ของหลวงปู่เหมือนกันด้วยเหรอ... มีบุญนะเนี่ย... แปลว่ามีวาสนาต่อหลวงปู่... เพราะไม่ใช่จะได้กลิ่นทุกคน... บางคนมาเป็นสิบๆครั้งก็ไม่เคยได้กลิ่น... บางคนมาหลายครั้งถึงจะได้กลิ่น... แต่นี่มาครั้งแรกก็ได้กลิ่นเลย" พอฟังคำบรรยายจบก็รู้สึกปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะในชีวิตไม่เคยสัมผัสความเป็นทิพย์ในรูปแบบ "กลิ่น" มาก่อนเลย ครูบาอาจารย์ที่พี่หนูนับถือที่เป็นพระอริยสงฆ์บารมีขั้นสูงก็มีมากมายหลายองค์ แต่ก็ไม่เคยได้กลิ่นทิพย์ของท่านเลย

    พอพี่คนนั้นรู้ว่าพี่หนูสัมผัสตรงนี้ได้คราวนี้ก็เลยพูดคุยแบบไม่กั๊กแล้ว พี่เค้าบอกว่าที่หลวงปู่ไม่ว่างเพระหลวงปู่กำลังสวดมนต์ให้เทพเทวดาฟังอยู่ ก็คงจริงตามนั้นเพราะได้ยินเสียงสวดมนต์มาจากกุฏิของหลวงปู่ สรุปแล้ววันนั้นนั่งรออยู่ 3 ชั่วโมงก็ไม่ได้เข้ากราบหลวงปู่อย่างใกล้ชิด แต่ก็ดีใจอยู่ดีที่หลวงปู่ท่านยังมาโปรดสงเคราะห์ด้วยวิธีอื่น ก็ได้ฝากปัจจัยให้พี่คนนั้นถวายให้แทน ในใจก็มุ่งมั่นไว้แล้วว่าครั้งนี้มาแล้วไม่ได้เข้ากราบท่านใกล้ๆครั้งหน้าจะมาใหม่และจะรอเข้ากราบท่านอย่างใกล้ชิดให้ได้ จึงตัดสินใจจะกลับมาทำบุญกับหลวงปู่อีกครั้งในวันคล้ายวันเกิดของตัวเองก่อนเดินทางกลับ Norway และแล้ววันนั้นก็ได้ประจักษ์แก่ใจถึงเจโตที่แจ่มใสของท่านและได้รับความเมตตาจากท่านในหลายรูปแบบ... โอกาสหน้าจะมาเล่าสู่กันฟังใหม่นะคะ
     
  8. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    แสดงความยินดีในการเปิดกระทู้ใหม่น่ะครับ ตอนหลวงปู่ทรงขันธ์อยู่ ก็ไม่สามารถเปิดได้เต็มร้อยแต่ตอนนึ้เต็มร้อยแล้ว กราบหลวงปู่น่ะครับ ว่าแต่ตอนนึ้เรื่องประชุมเพลิงสรีระสังขารท่านไม่มีกำหนดน่ะครับ
     
  9. เฉียวฟง

    เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    สาธุครับ.....ขอบคุณมากๆครับ :cool:
     
  10. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    [​IMG] [​IMG]
    ..พระผงพุทธะมงคล..
    พิมพ์ขุนแผน แหวกม่าน ซุ้มเรือนแก้ว
    (ยอดขุนพลแห่งเมืองจันทบูรณ์)

    พระผงชุดนี้จัดสร้างโดยท่านผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาล จังหวัดชลบุรี(ในสมัยนั้น) และคณะ โดยได้ขออนุญาติองค์หลวงปู่พิศดู จัดสร้างอย่างเป็นทางการ เพื่อแจกจ่ายให้แก่ญาติสนิทมิตรสหาย และผู้ใต้บังคับบัญชาได้มีไว้บูชาเพื่อความเป็นศิริมงคลโดยจัดสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 หลวงปู่อธิษฐานจิตให้เป็นกรณีพิเศษและยังตั้งชื่อพระรุ่นนี้ด้วยว่า " พระผงพุทธะมงคล " เนื่องจากนำผงพุทธะมงคลมาผสมเป็นมวลสารหลักอีกด้วย..

    อันผงพุทธะมงคลนี้ แท้จริงแล้วก็คือ การรวมมวลสารต่างๆหลายๆอย่าง ที่เกี่ยวกับองค์หลวงปู่ และมวลสารที่อยู่ในวัดเทพธารทอง เช่น.. ผงที่ใช้ทำพระรุ่นเก่าๆของหลวงปู่ ดอกไม้ มาลัย และของที่ใช้บูชาพระและที่ลูกศิษย์นำมาบูชาหลวงปู่ ผลไม้ อาหารที่หลวงปู่ฉันเหลือ กากยาสมุนไพรต่างๆที่หลวงปู่เสกไว้ ผงไม้มงคล ผงธูป กำยานหอมต่างๆ แป้งกะแจะ น้ำอบ น้ำมันหอมต่างๆที่หลวงปู่ท่านเสกไว้ ฯลฯ เหล่านี้รวมเรียกว่าผงพุทธะมงคล หรือมวลสารพุทธะมงคล เนื่องจากว่าสิ่งเหล่านี้องค์หลวงปู่ท่านได้น้อมถวายบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธะเจ้า จัดเป็นของมงคลชั้นสูง ท่านมักจะสั่งว่าให้เอาไปทำผง สร้างพระ สร้างเครื่องราง ห้ามเอาไปทิ้งเดี๋ยวจะเสียประโยชน์ เป็นของมีคุณค่า ฯลฯ ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้จึงเป็นอีกหนึ่งที่มาของชื่อ พระผงพุทธะมงคลนั่นเอง

    นอกจากนี้ยัง ได้รับความเมตตาจาก หลวงปู่เปรี่ยม วัดโพธิ์เรียง , หลวงปู่มหาปลอด วัดโพธิ์นิมิตรอธิษฐานจิตอีกเป็นกรณีพิเศษสุด
    โดยคณะท่านผู้สร้างได้นำมวลสารต่างๆมาผสมมากมายอาทิ..
    - ผงกสิณ ของหลวงปู่พิศดู ที่สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2520
    - ผงพุทธะมงคล
    - ผงพรายกุมารหัวเชื้อ ของหลวงปู่ทิมวัดระหารไร่
    - ผงพรายกุมาร ของหลวงพ่อเต๋ , หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม
    - ผงพรายเจ้าเงาะ ของหลวงปู่ทอง วัดเกาะ

    - สีผึ้งของหลวงปู่พิศดู
    - สีผึ้ง ของหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่
    - สีผึ้งเขียว ของหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง

    - สีผึ้งเกจิอาจารย์ต่างๆ จำนวนมาก
    - น้ำมันเมตตา จากที่ต่างๆจำนวนมาก
    - ผงอิทธิเจ ของหลวงพ่อสละ วัดประดู่ทรงธรรม
    - ผงพระขุนแผนต่างๆ จำนวนมาก
    - ชาญหมากหลวงปู่คำบุ
    - ข้าวก้นบาตร ของหลวงปู่พิศดู
    - ผงยาจินดามณี ของหลวงปู่พิศดู
    - กล้วยเสก ของหลวงปู่พิศดู
    - น้ำผึ้งเสกของหลวงปู่พิศดู
    - ผงไม้เทพธาโร ของหลวงปู่พิศดู
    - ผงว่านยา ของหลวงปู่เชยเขาเจ้าหลาว
    - ผงพญาไก่กุก
    - ดอก ว่านดอกไม้ทองจำนวนมาก
    - ว่านเมตตาต่าง อาทิ ว่านเสน่จันทร์ ,ว่านสาวหลง , ว่านดอกไม้ทอง , ...ฯลฯ ที่ปลุกแล้วรดด้วยน้ำมนต์ทุกวัน
    - ว่าน 108 ชนิด ที่ปลุกแล้วรดด้วยน้ำมนต์ทุกวัน
    - เกษรดอกไม้มงคล
    - ผงพุทธคุณของเกจิอาจารย์ต่างๆ อีกจำนวนมาก
    - ............. ฯลฯ
    ในการนี้ก่อนที่จะทำการกดพิมพ์พระท่านครูบากฤษดาได้เมตตาทำพิธี เจิมแท่นพิมพ์และแม่พิมพ์ให้ก่อนเพื่อความเป็นศิริมงคล จากนั้นได้กดพิมพ์เป็นปฐมฤกดิ์ไว้อีก 21 องค์ด้วย

    จำนวนพระที่สร้างทั้งหมด
    กดพิมพ์นำฤกษ์ 21 องค์ (โดยท่านครูบากฤษดา สุเมโธ)
    เนื้อมาตรฐาน 1,400 องค์
    (ในการนี้จะมีพระที่กดเป็นเนื้อลองพิมพ์ อีกประมาณ 5 - 6 โทนเนื้อ เนื้อละประมาณ 3 - 10 องค์ เป็นเนื้อพระไม่มีมาตรฐานตายตัว เนื่องจากเป็นการทดลองผสมเนื้อ และกดพิมพ์ดูเพื่อหาความเหมาะสมเท่านั้น แต่ว่าหายากมาก และเข้าพิธีเสกพร้อมกัยกับพระเนื้อมาตรฐานครับ..)

    ลักษณะของพระพุทธพิมพ์
    ออกแบบได้สวยงามลงตัวอย่างมากและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของทางวัดเอง ไม่ซ้ำแบบของใคร..

    ด้านหน้า
    เป็นรูปพระพุทธเจ้าประทับนั่งขัดสมาธิเพชรปางมารวิชัยอยู่ในซุ้มเรือนแก้วมีม่านแหวกออก สื่อแสดงถึงความหมายในการแหวกปัญหาอุปสรรคต่างๆให้เปิดออกพบหนทางสว่าง ที่สดใสราบรื่น โดยด้านซ้าย-ขวาจะมีเทวดาองค์น้อยนั่งคุกเข่าพนมมืออยู่ข้างๆ ด้านบนทางซ้ายมือเรามีอักขระคาถาอ่านว่า นะจังงัง พระอะระหัง ด้านบนทางขวามือเรา มีอักขระคาถาอ่านว่า พุทโธ โสทายะ ซึ่งเป็นคาถานะจังงังมีอานุภาพในทางเป็นที่ต้องตาต้องใจให้ผู้คนเมตตา ตะลึง งวยงงหลงไหล..

    ด้านหลัง
    เป็นอักขระยันต์ต่างๆโดยยันต์ประธานตรงกลางเป็นยันต์มหาอำนาจ(ซึ่งนอกจากจะดีเด่นทางด้านเมตตาแล้วยังต้องมีอำนาจวาสนาด้วยจึงถือว่าครบเครื่องพระยอดขุนพลเมืองจันทบูรณ์)อักขระแนวตั้งด้านซ้าย-ขวาเป็นพระคาถาหัวใจนกยูงทอง อ่านว่า นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา ซึ่งคาถาหัวใจนกยูงทองนี้หลวงปู่พระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต ได้เคยใช้และถ่ายทอดให้กับลูกศิษย์รุ่นต่อๆมาซึ่งมีอานุภาพเด่นในเรื่อง เมตตา และแคล้วคลาดปลอดภัย จึงถือได้ว่าเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ประจำสายพระป่า เหนือขึ้นไปอีกเป็นยันต์พระพุทธเจ้าเรียกนางภิกษุณี มีอานุภาพในทางเมตตามหานิยม เรียกโชคลาภและความสำเร็จต่างๆ ส่วนด้านล่างสุดคือ ชื่อ-ฉายา และชื่อวัด ขององค์ หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี วัดเทพธารทอง

    พระผงพุทธะมงคล หรือที่หลายๆคนเรียกว่า ขุนแผนพุทธะมงคล ถือว่าเป็นพระที่สร้างได้เป็นเอกลักษณ์ และแหวกแนวพระทุกรุ่นขององค์หลวงปู่เลยก็ว่าได้ ก็คือ พระชุดนี้เป็นพระรุ่นเดียวที่มีการนำผงพรายกุมาร มาผสมเป็นมวลสารเพื่อจัดสร้างด้วยครับ นับว่าไม่เหมือนกับพระชุดใดๆที่หลวงปู่ท่านเคยสร้าง และเสกเลย


    งดงามด้วยพุทธศิลป์ .. เปี่ยมล้นพุทธานุภาพ .. เอกลักษณ์แห่งความเมตตาในสากล .. พระผงพุทธะมงคล ยอดขุนพลเมืองจันทบูรณ์..


    [​IMG] [​IMG]

    สมเด็จพุทธะมงคล และวัตถุมงคลอื่นๆ ที่สร้างจากเนื้อที่เหลือจากการกดพิมพ์นำฤกษ์

    สร้างจากผงมวลสาร พุทธะมงคลที่เหลือจากการกดนำฤกษ์ ขุนแผนผงพุทธะมงคล(21 องค์) เนื้อที่เหลือดังกล่าว ได้ถูกนำมาผสมมวลสารอื่นๆเพิ่มเติมเพื่อให้ได้เนื้อที่มากยิ่งขึ้น แล้วจึงนำมาสร้างเป็นวัตถุมงคลดังต่อไปนี้ (เพื่อแบ่งกันใช้ในหมู่ลูกศิษย์ผู้ช่วยงาน..)
    - พระสมเด็จประโพธิ์ หลังพิมพ์ขุนแผนเล็ก 16 องค์
    - พระสมเด็จปรกโพธิ์ ด้านหลังเรียบ 2 องค์
    ( * พระทุกองค์ จะมีปั๊มโค๊ดลายเซ็น ธมฺมจารี ด้วย )

    นอกจากพิมพ์สมเด็จปรกโพธิ์แล้ว เนื้อที่เหลืองยังนำไปสร้างวัตถุมงคลอื่นๆอีก เช่น..
    - พิมพ์พระกริ่งธัมมะจารี 1 องค์
    - พิมพ์ขุนแผนพิมพ์เล็ก(ล้อพิมพ์ของหลวงปู่ทิม) 9 องค์

    - วัวธนู(พระโคมหาฤทธิ์) ปั้นได้ประมาณ 10 กว่าตัว
    - ลูกอม ปั้นได้ประมาณ 30 ลูก (ปั้นในวันที่กดพระผงพุทธะมงคลนำฤกษ์..)

    และพระทั้งหมด เข้าพิธีตักบาตรพระมหาอุปคุตประจำปี 2553 อันเป็นพิธีสุดท้ายที่องค์หลวงปู่ยังทรงขันธ์อยู่ที่วัดเทพธารทอง และยังได้นำวัตถุมงคลเหล่านี้ มาขอเมตตาองค์หลวงปู่อธิษฐานจิตเพิ่มเติมให้ที่โรงพยาบาล เมื่อครั้งเข้ารักการรักษาตัวใหม่ๆอีกด้วยครับ..


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2015
  11. หิมาลัย

    หิมาลัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +227
    สวัสดีค่ะ พี่ทุเรียนทอด กระแสตอบรับดีมากเลยนะคะ แค่วันเดียวผ่านไป 3หน้าแล้วค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้หลวงปู่พิศดูโดยเฉพาะเลย ขอบคุณที่นำเสนอเรื่องราวดีๆให้ทราบค่ะ
     
  12. jirayarn

    jirayarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +4,290
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่พิศดู และแวะเวียนมาเยี่ยมเยียน เจ้าของกระทู้ ครับผม
     
  13. จันท์คับ

    จันท์คับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,334
    ค่าพลัง:
    +11,056
    กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีครับพี่ทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่านครับ แวะมาอ่านเรื่องราวอันเป็นมงคลของชีวิตครับ (ชอบล็อคเก็ตพ่อ-ลูกมากๆ)
     
  14. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    ครับ ขอบคุณครับ แน่นอนเราจะหาเรื่องราวดีๆมาเสนอให้ทุกท่านได้ทราบและร่วมอนุโมทนา รวมทั้งข่าวงานบุญเกี่ยวกับองค์หลวงปู่ด้วยครับ สาธุ
     
  15. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    นามบัตร หลวงปู่พิศดู
    นามบัตรนี้ลูกศิษย์จาก จ.นครราชสีมา สร้างถวาย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 หลังจากที่องค์หลวงปู่กลับจากเยือนประเทศอินเดียไม่นาน เนื่องจากมีผู้คนที่เห็นรูปโฉมขององค์หลวงปู่แล้วเกิดศรัทธา และถามมามากว่าท่านเป็นใคร อยู่วัดไหน ทางลูกศิษย์จึงได้จัดทำนามบัตรถวายสำหรับแจกผู้สนใจ ที่มากราบที่วัด หรือหากองค์หลวงปู่ท่านเดินทางไปทำกิจนอกวัด ใครถามก็จะได้แจกนามบัตรนี้ให้เพื่อเป็นที่รู้จัก ซึ่งหลังจากสร้างถวายเสร็จ ก็ไม่ได้มีการแจกให้ใครแต่อย่างใด นามบัตรนี้อยู่กับองค์หลวงปู่จนกระทั่งถึงปี พ.ศ.2552 จึงได้มีการแจกออกไป สรุปแล้วนามบัตรนี้รับกระแสเมตตาจากองค์หลวงปู่ถึง 4 ปีเต็ม นามบัตรนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ จำนวนสร้างทั้งหมด แบบละ 100 ใบ รวมทั้งหมดมีอยู่ 200 ใบครับ



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2013
  16. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    ชาญว่านห่อจีวร
    วัตถุมงคลชิ้นนี้ เป็นของมงคลที่ลูกศิษย์ทำให้องค์หลวงปู่ท่านอธิษฐานครับ เป็นจำพวกว่านมงคลต่างๆหลายชนิดมาก ผสมกับมวลสารต่างๆขององค์หลวงปู่และมวลสารจากที่อื่นๆ แต่เนื้อหลักเป็นว่านสด ที่โขลกผสมกันกับมวลสารต่างๆ แล้วคั้นเอาน้ำไปทำวัตถุมงคลอื่นๆ เหลือแต่กากมวลสารล้วนๆ จึงนำมาปั้นเป็นลูกอมได้ไม่เกิน 20 ลูก พอแห้งดีแล้วจึงนำจีวรเก่าขององค์หลวงปู่ มาห่อไว้แล้วจึงนำมาขอเมตตาจากองค์หลวงปู่ช่วยอธิษฐานจิตให้ครับ..





    [​IMG]

    พระมหาอุปคุต เนื้อหินหยกแม่น้ำโขง
    ตามตำราการสร้างพระมหาอุปคุตนั้น วัสดุที่ใช้ในการสร้างก็มีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง อาทิ ไม้โพธิ์นิพพาน ว่าน ดิน และ หิน โดยเฉพาะ " หิน " นั้นตามตำราได้กล่าวไว้ว่า ต้องใช้หินที่อยู่ในแม่น้ำที่น้ำไหลผ่าน เพราะมีความเชื่อกันว่า องค์พระมหาอุปคุตนั้นท่านจำพรรษาอยู่ในสะดือทะเล หรือในเมืองบาดาลใต้มหาสมุทร เพราะฉะนั้นหากได้นำหินที่อยู่ใต้น้ำมาแกะสลักเป็นรูปองค์พระมหาอุปคุตไว้เพื่อสักการะบูชา ก็จะยิ่งเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ ช่วยให้บังเกิดความร่มเย็นเป็นสุขแก่ผู้บูชา และอีกประการหนึ่ง หินที่แช่อยู่ใต้น้ำนั้น ยังเป็นปฐวีธาตุอีกด้วย

    พระมหาอุปคุตชุดนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2553 โดยคณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงปู่พิศดู โดยองค์พระนั้นได้แกะสลักจากหินหยกแม่น้ำโขงขององค์หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม วัดเขาน้อยสามผาน และพระชุดนี้ได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกจากที่ต่างๆด้วยกันหลายพิธี รวมถึง งานตักบาตรพระมหาอุปคุตด้วย และจึงนำพระทั้งหมดมาขอความเมตตาจากองค์หลวงปู่พิศดูช่วยอธิษฐานจิตอัญเชิญบารมีให้อีกวาระหนึ่ง จำนวนการสร้างทั้งหมด 35 องค์ ใต้ฐานพระหุ้มด้วยฝาเงินแท้ 30 องค์ ฝาทองคำ 5 องค์ และตอกโค๊ดกำกับไว้ทุกองค์ครับ..

    อานุภาพของพระหินหยกนี้ สามารถใช้อธิษฐาน แช่น้ำทำน้ำพระพุทธมนต์เพื่อรักษาโรค ภัย ไข้ เจ็บต่างๆได้ และเป็นมงคลต่างๆตามแต่อธิษฐาน..




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2014
  17. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    [​IMG] [​IMG]
    เบี้ยแก้ รุ่นแรก

    - เบี้ยแก้รุ่นแรกสร้างในปี พ.ศ.2550 โดยองค์หลวงปู่เป็นผู้สั่งให้สร้างขึ้นด้วยองค์เอง ท่านเคยบอกว่า สมัยก่อนตอนเดินธุดงค์ไปตามชายทะเล เห็นเปลือกหอย(เบี้ย)สวยๆมากมาย แต่ไม่เคยคิดสนใจ แต่มาตอนนี้หาเปลือกหอยสวยๆยากแล้ว หลวงปู่ท่านทิ้งประโยคนี้เอาไว้เพียงไม่กี่วัน ท่านก็รับสั่งอีกว่า..ให้ไปหาเปลือกหอยเบี้ยมา ปรอท ชันโรง และอุปกรณ์มาทำเบี้ยแก้ให้ที เราจะเสกให้เอาไว้ให้ใช้ ไว้กันพวกไสยศาสตร์ ต่อไปมันจะมีภัยนะ พวกไสยศาสตร์จะกลับมาอีก.. ท่านจึงให้ทำเบี้ยแก้เอาไว้ใช้

    หากองค์หลวงปู่ท่านสั่งแล้วเป็นต้องทำให้สำเร็จ เพราะว่าปกติท่านไม่ค่อยสั่งอะไรแบบนี้ หากว่าสั่งแล้วต้องมีอะไรแน่นอนครับ
    และอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งบางคนอาจไม่ทราบว่า องค์หลวงปู่พิศดูท่านมีความรู้จักกันกับ หลวงปู่เจือ ปิยสีโล ผู้สืบสานวิชาเบี้ยแก้ของสำนักวัดกลางบางแก้ว ก็ไม่แน่ว่าท่านอาจจะเคยและเปลี่ยนวิชากันมาก่อนก็ได้ เพราะตามปกติครูบาอาจารย์สายพระป่าคงยังไม่เคยปรากฏว่ามีท่านใดคิดสร้างเบี้ยแก้เลย หรืออาจเป็นเพราะว่า เป็นคำสั่งจากพระข้างบนให้ทำก็อาจเป็นได้

    ก็พอดีได้พบกับองค์หลวงปู่ดี ธัมมะธีโร สมัยตอนท่านยังอยู่ที่วัดเทพากร ก็เลยขอคำปรึกษาในวิชาการสร้างเบี้ยแก้ของสำนักหลวงปู่ภักร์ วัดโบสถ์ สายอ่างทอง ท่านก็เมตตาบอกเคล็ดวิธีต่างๆให้ เพราะท่านทราบว่าจะสร้างเพื่อการกุศลถวายครูบาอาจารย์ท่าน และเรายังได้รู้จักกับพระอาจารย์ท่านหนึ่งที่ได้เรียนวิชาทำเบี้ยแก้จากสายวัดกลางบางแก้วให้การแนะนำเพิ่มเติม พร้อมทั้งยังมอบปรอทและมวลสารมาให้อีกจึงนำมาประยุคเข้าด้วยกัน โดยขั้นตอนการทำที่สลับซับซ้อน

    มวลสารที่ใช้สร้างเบี้ยแก้ มีดังนี้
    - หอยเบี้ย ทั้งแบบหลังลายจุด และแบบหลังสีม่วง ขนาดต่างๆกัน
    - ปรอทธรรมชาติ ที่มีลูกศิษย์ไปดักมาถวาย..และที่มีลูกศิษย์ไปหามา จากที่ต่างๆ..ฯลฯ
    * ปรอทของครูบาอาจารย์ต่าง อาทิ หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ,หลวงปู่แช่ม วัดบ่อพุ ,หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน ,หลวงปู่หลวง กตปุญโญ ,หลวงปู่ละมัย ..ฯลฯ
    - ผงมวลสารสำคัญต่างๆ มากมาย อาทิ แร่ธาตุต่างๆ ผงพุทธคุณจากครูบาอาจารย์ต่างๆ รวมทั้งผงพุทธคุณที่หลวงปู่ท่านทำไว้เมื่อปี 2520 ผงกสิณ + ผงพุทธะมงคล
    - ผ้าสบงเก่า เป็นของที่หลวงปู่เคยใช้มา
    - ชันโรงใต้ดิน ใต้จอมปลวก ที่อยู่กลางนา
    - ชิ้นส่วนโลหะอาถรรพ์(นำไปบรรจุในตัวเบี้ย)
    - ตะกั่วนม
    .........ฯลฯ

    เบี้ยแก้รุ่นแรก สร้างทั้งหมด 150 ตัว


    - ตอกโค๊ต 2 ตัว บน-ล่าง



    (จะมีตอกโค๊ตอยู่ 3 ตัว สร้างเพียง 15 ตัว เพื่อมอบสำหรับผู้ที่บริจาคปัจจัย เพื่อหาซื้ออุปกรณ์ในการสร้างครับ แต่เบี้ยจำนวนนี้จะไม่ได้ถักเชือกหุ้ม)

    หลังจากทำการบรรจุตามกรรมวิธีแล้วจึงปิดทับด้วยตะกั่วนม และตอกโค๊ตกำกับเอาไว้ทุกองค์
    เบี้ยแก้รุ่นแรก ส่วนใหญ่จะมีถักเชือกหุ้ม (โดยมากเชือกถักเป็นสีเขียว มีสีกรักน้ำตาลบ้างแต่น้อย)




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2014
  18. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    [​IMG] [​IMG]
    เบี้ยแก้รุ่น 2 หลวงปู่พิศดู
    - เบี้ยแก้รุ่น2 จัดสร้างในปี พ.ศ.2551 สร้างขึ้นเพราะว่าเบี้ยแก้รุ่นแรกนั้นไม่พอแจกลูกศิษย์ มีบางคนที่ยังไม่ได้ จึงสร้างรุ่น2 ออกมาอีก กรรมวิธีการสร้างก็คล้ายกันกับเบี้ยแก้รุ่นแรก แต่เบี้ยแก้รุ่นนี้ได้นำเข้าขอความเมตตาจากหลวงปู่ดี ธัมมะธีโร วัดเทพากร อธิษฐานจิตให้เป็นปฐม ก่อนจะนำมาถวายให้หลวงปู่พิศดูอธิษฐานจิตและแจกต่อไป โดยทางวัดจะตอกโค๊ตไว้เป็นสัญลักษณ์เพื่อให้แยกแยะกันได้ชัดเจน ระหว่างรุ่นแรก กับรุ่นสอง และไม่มีการถักเชือกหุ้มครับ เบี้ยแก้รุ่น2 สร้างทั้งหมด 120 ตัว


    - ตอกโค๊ต 2 ตัวซ้าย-ขวา และตอกเลข ข้างล่าง เพื่อให้รู้ว่าเป็น รุ่นสอง





    - ตอกโค๊ต และเลข ๒ ๒ ตัว มีเพียง 15 ตัว เพื่อมอบสำหรับผู้ที่บริจาคปัจจัย เพื่อหาซื้ออุปกรณ์ในการสร้างครับ )

    หมายเหตุ: โค๊ตตัวที่ใช้ตอกเป็นสัญลักษณ์ดังกล่าว ได้ใช้ตอกในวัตถุมงคลบางอย่างของหลวงปู่ด้วย เช่น เหรียญพระอุปคุต พระรูปเหมือนขนาดบูชา เบี้ยแก้ ฯลฯ ปัจจุบันโค๊ต ได้ทำลายลงไปแล้ว จึงสบายใจได้ถึงเรื่องของเสริม ว่าจะไม่มีแน่นอน เบี้ยแก้ของหลวงปู่จึงสามารถบูชาได้เป็นมาตรฐานครับ ฯลฯ

    ............................................................................................................................




    [​IMG] [​IMG]
    เบี้ยแก้รุ่นแรก หลวงปู่เปรี่ยม
    เบี้ยแก้ชุดนี้ สร้างโดยคณะศิษย์หลวงปู่พิศดู ถวายให้หลวงปู่เปรี่ยม เพื่อช่วยสมทบทุนสร้างพระอุโบสถวัดคลองทรายเหนือ จ.สระแก้ว โดยกรรมวิธีการสร้างเบี้ยแก้ชุดนี้นั้น ก็เหมือนเบี้ยแก้ของหลวงปู่พิศดูทุกประการ ต่างกันแต่เพียงด้านหลัง จะมีตอกโค๊ดยันต์พระเจ้า 5 พระองค์ และโค๊ดลายเซ็น ปู่เปรี่ยม และรันหมายเลข ตั้งแต่ 0 - 300 ทุกตัวมีถักเชือกหุ้ม มีทั้ง สีแดง สีดำ สีน้ำตาล (สีละ 100 ตัว)

    เบี้ยแก้ ที่ออกให้วัดหลวงปู่เปรี่ยมนั้น นอกจากจะมีองค์เล็กขนาดพกพาแล้ว ยังมีขนาดบูชา หรือ ตัวครู อีกด้วย โดยตัวครูนั้น จะเป็นหอยเบี้ยตัวใหญ่สร้างทั้งหมด 9 ตัว แบ่งหอยเบี้ยออกเป็น 2 ลักษณะ(ลาย)ดังนี้ครับ..


    [​IMG][​IMG]
    ลายแบบนี้ มีสร้างอยู่ 4 ตัวเท่านั้น



    [​IMG] [​IMG]
    ส่วนลายนี้ มีสร้างอยู่ 5 ตัวครับ (ปกติจะต้องมีเชือกสีเหลืองถักหุ้มด้วย แต่อยากให้เห็นการตอกโค๊ตกันชัดๆครับ)

    เบี้ยแก้ตัวครูนี้มีทั้งหมดรวมกันแล้ว 9 ตัว และเบี้ยตัวครูจะมีความแตกต่างจากเบี้ยธรรมดาหลายประการดังนี้ครับ..
    มวลสารมงคลที่บรรจุไว้ในเบี้ยมีเพิ่มเติมดังนี้..
    1.ตะกรุดหัวใจแก้วมณีโชติ จารอักขระโดยองค์หลวงปู่เปรี่ยมทุกดอก ตอกโค๊ตลายเซ็น ปู่เปรี่ยม
    2.สายสิญจน์หลายพิธี
    3.เหล็กไหลเปียก
    4.เพชรหน้าทั่ง
    5.ข้าวตอกพระร่วง
    6.เหล็กละลายตัว
    7.พลอยเสก

    ครูบาอาจารย์ที่ได้เมตตาอธิษฐานจิตเบี้ยแก้ชุดนี้ ..
    - หลวงปู่พิศดู ธัมมะจารี วัดเทพธารทอง
    - หลวงปู่เปรี่ยม อติภัทโธ วัดโพธิ์เรียง
    - หลวงปู่ดี ธัมมะธีโร
    - และเข้าพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ

    และที่สำคัญเบี้ยแก้ตัวครูทั้ง 9 ตัวนี้ ได้นำมาเข้าพิธีพุทธาภิเษกพร้อมกับพระกริ่งธัมมะจารี และพระกริ่งมังกรฟ้า ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2553 อีกด้วยครับ


    [​IMG]

    หลวงปู่เปรี่ยม อติภัทโธ




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2014
  19. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    ไหนๆก็บอกแล้วก็จะขอบอกข้อมูลให้ละเอียดขึ้นอีกถึงวัตถุธาตุ และวิธีการต่างๆ
    ....วิธีทำเบี้ยแก้ของหลวงปู่พิศูนั้นได้ประยุคกรรมวิธีการสร้างที่สลับซับซ้อนขึ้นไปอีกเพื่อให้ คงความเข้มขลังในด้านของธาตุศักดิ์สิทธิ์ และกรรมวิธี ด้วยความเชื่อว่าจะเป็นการเสริมพลังอานุภาพยิ่งๆขึ้น โดยได้บรรจุมวลสารพุทธคุณที่ได้จากหลายๆที่ ลงไปในตัวเบี้ยด้วย พร้อมทั้งแร่ธาตุสำคัญๆ เช่น จ้าวน้ำเงิน แร่เกาะล้าน เหล็กน้ำพี้ เหล็กเปียก เหล็กละลายตัว แร่เขาเจ้าหลาว ปรอทดำของหลวงปู่หมุน ฯลฯ

    ปรอท ปรอทธรรมชาติได้มีลูกศิษย์ดักมาถวายหลวงปู่เพื่อสร้างเบี้ยแก้ และรวมกับปรอทของครูบาอาจารย์ต่าง อาทิ หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ,หลวงปู่แช่ม วัดบ่อพุ ,หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน ,หลวงปู่หลวง กตปุญโญ ,หลวงปู่ละมัย ,หลวงปู่หลวง..ฯลฯ ปรอททั้งหมดนำมารวมกัน และเลี้ยงไว้ด้วยแผ่นทองคำแท้ เพื่อให้ปรอทได้จับทอง หรือกินทองคำนั้นเอาไว้

    รวมทั้งชันโรงก็หามาจาก จ.อุบลราชธานี(เมืองดอกบัว) โดยได้ชันโรงตามลักษณะอาถรรพ์ถึง 3 ประการคือ 1.ชันโรงใต้ดิน 2.ชันโรงใต้จอมปลวก 3.ชันโรงกลางนา ทั้งหมดนี้ได้รวมกันทั้งหมด 9 รัง
    จากนั้นนำของทั้งหมดเข้าพิธีเสกจากหลวงปู่ก่อน เพื่อให้กระแสธรรมของท่านเข้าสถิตเพื่อ ปรับ ล้างสิ่งที่อาจไม่เป็นมงคล ที่ติดมากับแร่ธาตุต่างๆได้ แล้วจึงนำมาสร้างตามกรรมวิธีต่างๆต่อไป
    กรรมวิธีที่ทำนั้นต้องขอบอกว่าบางอย่างทางลูกศิษย์ได้ปรับประยุควิธีการเข้าไปอีก แต่ยังคงลักษณะวิธีการของครูบาอาจารย์ดั้งเดิมไว้อยู่ เพื่อเพิ่มความพิเศษหลากหลายเข้าไว้ในเบี้ยแก้ชุดนี้ กรรมวิธีที่เพิ่มขึ้นก็มีดังนี้
    - ได้นำแร่ธาตุ อัญมณีบด และมวลสาร ของครูบาอาจารย์ต่างๆ อันมีผงปถมัง ,อิทธิเจเป็นต้น รวมทั้งว่านยามงคลเข้าบรรจุเอาไว้ในตัวเบี้ย แทนที่จะเป็นเพียงปรอทธรรมดา
    - ได้นำหอยเบี้ย และปรอทนำมาแช่น้ำในลำธารศักดิ์สิทธิ์ของวัด ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ และแช่น้ำพระพุทธมนต์จากที่ต่างๆ เพื่อรับกระแสพลังธาตุจาก น้ำ และ ดิน อีกนัยหนึ่งมีพระท่านผู้รู้ ท่านบอกมาว่าการนำไปแช่ในน้ำที่ไหลผ่านจะเป็นการล้างสิ่งที่ไม่ดีออกด้วย และเป็นการคืนหรือเพิ่มพลังธรรมชาติเข้าไว้ในนั้นด้วย
    - นำของที่จะทำทั้งหมดมาถวายให้หลวงปู่ท่านเสกเป็นวาระแรก
    - จึงนำมาบรรจุเข้ากรรมวิธีการสร้างต่อไป ตามหลักครูบาอาจารย์สายเบี้ยแก้ ทั้งของสายอ่างทอง และนครปฐม
    - เมื่อบรรจุของต่างๆ และอุดชันโรงแล้ว จึงเอาผ้าสบงเก่าของหลวงปู่ที่ท่านเคยใช้มา ปิดทับที่ปากเบี้ย จากนั้นนำไปคลุกกับผงมวลสารต่างๆอีกครั้งหนึ่ง เพราะด้วยความเหนียวของชันโรง สามารถจับเอาผงมวลสารได้ดี..
    - หลวงปู่ท่านมอบเหล็กจารของท่านมาให้เพื่อลงตะกรุดปิดปากเบี้ย โดยลงที่แผ่นตะกั่วที่ตีปิดนั่นแล พร้อมทั้งตอกโค๊ตกำกับเป็นสัญลักษณ์ของทางวัด
    - จึงนำมาถวายให้หลวงปู่ท่านอธิษฐานจิต และแจกต่อไป

    มีก็แต่เบี้ยแก้รุ่น2 และเบี้ยแก้ของหลวงปู่เปรี่ยม วัดโพธิ์เรียงเท่านั้นที่ได้นำมาถวายให้หลวงปู่ดี วัดเทพากรอธิษฐานให้ ส่วนเบี้ยแก้ รุ่นแรก หลวงปู่พิศดูอธิษฐานจิตเดี่ยว

    แม้แต่เบี้ยแก้ที่ออกให้หลวงปู่เปี่ยมก็ทำตามกรรมวิธีนี้เช่นกัน ถวายท่านเพื่อช่วยท่านหาปัจจัยสร้างโบสถ์ครับ






    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2012
  20. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    ขี้(สี)ผึ้งมหานิยม

    - สีผึ้งนี้จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2551 โดยคณะศิษย์ญาติโยมที่ศรัทธา มาขออนุญาติหลวงปู่สร้างสีผึ้งถวายให้ท่านแจกลูกศิษย์ที่มากราบเยี่ยม และจะทำไว้แจกรับฤดูหนาวเอาไว้ใช้ประโยชน์ในการทาปากกันปากแตกปากแห้ง หลวงปู่ท่านก็อนุญาติ การสร้างสีผึ้งนี้ไม่ใช่ซื้อจากตลาดแล้วเอามาบรรจุตลับนะครับ เขามีวิธีการหุงตามตำราของเขาที่ได้ศึกษามา ผู้ที่ให้ข้อมูลบอกว่า ต้องใช้ว่านในทางเมตตาหลายอย่าง พร้อมทั้งรวบรวมสีผึ้งจากครูบาอาจารย์ต่างๆได้จำนวนมาก เท่าที่ผมได้บันทึกไว้ มีดังนี้ครับ

    สีผึ้งของครูบาอาจารย์หลายองค์มากๆ
    - สีผึ้ง หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ จ.ระยอง
    - สี้ผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง จ.ระยอง
    - สีผึ้ง หลวงพ่อผุด วัดวังเวียน จ.จันทบุรี (ของประจำตระกูล ตกทอดมาร้อยกว่าปี)
    - สีผึ้ง ท่านก๋งอินทร์(อินทร์เทวดา) วัดลาด จ.จันทบุรี
    - สีผึ้งเขียว หลวงพ่อจิ่ม วัดไผ่ล้อม อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี(อายุกว่า 50 ปี)
    - สีผึ้ง หลวงพ่อกล้วย วัดหมูดุด จ.จันทบุรี
    - สีผึ้ง หลวงพ่อหยด หลวงพ่อวร วัดสิงห์ จ.จันทบุรี
    - สีผึ้ง หลวงปู่เชย อมโร เขาเจ้าหลาว จ.จันทบุรี
    - สีผึ้ง พระอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา
    - สีผึ้ง หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน จ.ศรีษะเกศ
    - สีผึ้ง หลวงปู่หงษ์ สุสานทุ่งมน จ.สุรินทร์
    - สีผึ้ง หลวงปู่เจียม จ.สุรินทร์
    - สีผึ้ง หลวงปู่สุรินทร์ วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์
    - สีผึ้งนารายณ์เกลือนจิต หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม จ.อุบลราชธานี
    - สีผึ้ง หลวงปู่นวน วัดป่าก้าว จ.อุบลราชธานี
    - สีผึ้ง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    - สีผึ้ง หลวงปู่ทอง วัดเกาะ กรุงเทพฯ
    - สีผึ้ง หลวงปู่เปรี่ยม วัดโพธิ์เรียง กรุงเทพฯ
    - สีผึ้งอธิษฐานของ หลวงปู่ทอง วัดสามปลื้ม กรุงเทพฯ
    - สีผึ้งหลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่
    - สีผึ้ง ของพ่อแม่ครูอาจารย์สายป่า และเทียนทำน้ำมนต์ขององค์หลวงตาพระมหาบัว ในวันประทายข้าว
    - สีผึ้งช้างประสมโขลง
    - สีผึ้งสาริกาหลงรัง
    - สีผึ้ง ต่างๆอีกจำนวนมากมาย ทั้งเก่าและใหม่

    น้ำมันเมตตาต่างๆ
    - น้ำมันชาตรี หลวงพ่อฤาษีลิงดำ จ.อุทัยธานี
    - น้ำมันเมตตา หลวงปู่เชย อมโร จ.จันทบุรี
    - น้ำมันเมตตา ครูบาแบ่ง วัดบ้านโตนด จ.นครราชสีมา
    - น้ำมันเมตตา หลวงปู่หงษ์ วัดเพชรบุรี จ.สุรินทร์
    - น้ำมันเมตตา หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่
    - และน้ำมันเมตตา อีกหลายสำนัก และไม่ทราบที่ทั้งเก่าและใหม่

    ผงวิเศษต่างๆ
    ผงอิทธิเจ ,ผงพุทธคุณต่างๆ ,ผงพญาไก่กุก ,ผงกาฝากต่างๆร้อยแปด ,ผงพระขุนแผนหลายวัด , และผงเมตตาต่างจำนวนมาก...ฯลฯ

    มวลสารต่างๆ และรังผึ้งที่ทิ้งรังเอาไว้แล้วอย่างน้อย 3 รัง นำตาเทียนเทศมหาชาติกัณพระนางมัทฑรี เทียนคาถาพัน น้ำตาเทียนบูชาพระพุทธบาท และพระบรมสารีริกธาตุ และเทียนศักดิ์สิทธิ์จากสำนักต่างๆ และน้ำตาเทียนศักดิ์สิทธิ์ในพิธีมงคลสมรสที่คู่บ่าวสาวจุดได้มา 2คู่วิวา และเทียนในพิธีมงคลต่างๆ เทียนที่พระเจ้าแผ่นดินทรงจุดในพระราชพิธี ฯลฯ...

    นำมวลสารต่างๆ มาคลุกให้เข้ากันหมักไว้ 2-3วัน ส่วนที่เป็นเทียนต่าง นำมาลงอักขระยันต์ในด้านเมตตาทั้งสิ้น รวมทั้งภาชนะที่ใช้ในการหุง ไม้พายใช้ไม้รักขาวทิศตะวันออก และทุกๆอย่างก็ต้องลงอักขระเลขยันต์ทั้งสิ้น
    และต้องหุงกันในวันขึ้น 15 ค่ำ ที่ตรงกับวันจันทร์(เพ็ญวันจันทร์) และพอดีปีนั้นวันจันทร์ขึ้น15 ค่ำตรงกับวันมาฆบูชาพอดี และอีกวันหนึ่งตรงกับวันลอยกระทง ในปีเดียวกันเลย ก็เลยจัดการหุงสีผึ้งในวันพิเศษดังกล่าว โดยหุงกันที่วัดเทพธารทองตรงหน้าพระมหาเจดีธัมมะจารี โดยรับแสงจันทร์ในเวลาใกล้เที่ยงคืน แล้วเสร็จประมาณเที่ยงคืนครึ่ง โดยมีพระอาจารย์ที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มาทำพิธีให้ เสร็จแล้วฝากไว้กับพระประธานในพระมหาเจดีย์แห่งนั้นตลอดราตรี ทำอย่างนี้ประมาณ 2 ครั้งในวันสำคัญ แล้วจึงนำมาบรรจุตลับแล้วนำเข้าถวายองค์หลวงปู่แจกต่อไป หลวงปู่ท่านเรียกสีผึ้งนี้ว่า ขี้ผึ้งมหานิยม พร้อมกับให้คาถามาด้วย ว่า....
    "นะโมพุทธายะ นะชาลีติ เมกะมุอุ"

    จำนวนสร้างบรรจุตลับยาแล้วน่าจะประมาณ 1,000 ตลับได้ครับ และทางวัดทำการตอกโค๊ตกำกับเอาไว้ที่ฝาตลับเพื่อจะได้แยกแยะกันได้ชัดเจนครับ




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...