ขอเชิญร่วมทำบุญบูรณะส้วมใหม่ 1 ห้อง ณ กุฏิพระวัดท่าซุงครับ

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย rux_c, 22 มกราคม 2007.

  1. rux_c

    rux_c เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +313
    สืบเนื่องจากที่ผมได้ไปบวชที่วัดท่าซุงมาเมื่อต้นปีนี้
    ได้พบกับหลวงตาท่านหนึ่งชื่อ "หลวงตาแสวง"

    ท่านอายุ 80 ปี แล้วครับ แต่ยังมีความเข้มแข็งในการปฏิบัติธรรม ทุกวันท่านต้องทำวัตรเช้า กรรมฐานเที่ยงที่วิหารแก้ว ทำวัตรเย็นแล้วต่อด้วยกรรมฐาน

    เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ผมได้ไปเห็นพระ ท่านที่อยู่กุฏิไกล้ๆ กับผม ท่านได้เปลี่ยนจากส้วมซึม(นั่งยองๆ) เป็นส้วมชักโครก ผมจึงคิดที่จะเปลี่ยนส้วมใหม่ให้กับ "หลวงตาแสวง" ทันที เพราะ

    1. ส้วมซึมในกุฏิพระ สร้างแบบยกสูง ถ้าลื่น เหยียบพลาด ก็พุ่งลงมา ท่านอายุขนาดนี้ ไม่ต้องบรรยายผลที่ตามมานะครับ
    2. อายุท่านมากแล้ว นั่งยองๆ มีโอกาสหน้ามืด ศรีษะทิ่มลงมา

    ของที่จะถวายมีดังนี้
    1. ส้วมแบบชักโครก
    2. อ่างล้างมือ+ก๊อกน้ำ
    3. สายฉีดน้ำชำระ
    4. ปูกระเบื้องพื้นคืน เพราะการเปลี่ยนส้วมต้องทุบกระเบื้องทิ้ง
    มูลค่าทั้งหมด ไม่น่าเกิน 5,000 บาท
    ถ้าเงินที่ถวายมาเกินมูลค่าของ ก็จะขอนำไปเป็นค่าน้ำมันเดินทางไปกลับ และทำบุญอื่นๆ เพิ่มเติมครับ

    อานิสงส์การสร้างส้วม
    1. เป็นวิหารทาน ไม่ใช่ทานส่วนบุคคล (ปาฏิปุคลิกทาน)เพราะกุฏิเป็นของสงฆ์ ไม่ใของพระรูปใดรูปหนึ่ง (ถวายทานพระพุทธเจ้า 100 ครั้ง ไม่เท่าถวาย สังฆทาน 1 ครั้ง .........ถวายสังฆทาน100 ครั้ง ไม่เท่าถวาย วิหารทาน 1 ครั้ง)

    2. หลวงพ่อท่านเคยพูดไว้ ว่าการล้างส้วมที่วัด ได้อานิสงส์มหาศาล โดยเฉพาะด้านการปัดอุปสรรคทุกอย่าง เพราะ การล้างส้วมก็เปรียบเสมือนกับการสร้างความสะดวกให้ผู้มาใช้ คนล้างก็สะดวกไปด้วย คือทำอะไรก็ไม่มีอุปสรรค หรือมีก็น้อยเต็มที (โดยเฉพาะคนที่ตกงาน จะได้งานเร็วมากๆ)
    แล้วนี่เรามาสร้างส้วมกัน อานิสงส์ มันเกินล้างไปเยอะ

    3. ตามพระไตรปิฎก สมัยพระพุทธองค์ มีคนยากจนท่านหนึ่ง ผมจำชื่อท่านไม่ได้ ต้องขออภัยด้วยครับ ท่านมีทองคำเปลวเล็กๆ อยู่แผ่นหนึ่ง เลยคิดที่จะบูชาพระรัตนตรัยด้วยทองคำเปลวแผ่นนี้ จึงนำไปติดไว้ที่ส้วม เพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ผลคือเกิดในชาติต่อๆ มา ท่านกลายเป็นมหาเศรษฐีทุกชาติ

    4.อานิสงส์สร้างเวจกุฏี (ห้องน้ำ)

    .....ใจความว่า พระศาสดาได้เสด็จประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร แห่งกรุงสาวัตถี
    มีมาณพคนหนึ่งเป็นช่างทองทำการขายทองรูปพรรณอยู่ในกรุงสาวัตถีนั้น จนมั่งมีโภค
    ทรัพย์สมบัติมากอยู่มาวันหนึ่งมาณพนั้นมาคิดว่า เราค้าขายทองก็มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ
    ทรัพย์ที่หามาได้โดยยาก ก็ไม่อยากจะให้สูญหายไปโดยเร็ว ตริตรองหาวิธีที่จะเก็บทรัพย์ให้ได้อยู่นาน
    ก็ไม่พบวิธีที่จะป้องกันความเสื่อมเสียของทรัพย์ได้ เพราะว่าทรัพย์เป็นของกลางเป็นเครื่องอาศัยของคน
    ทุกคน สุดแล้วแต่ใครจะขยันหมั่นเพียรหามาได้เท่านั้น ถึงแม้จะหามาได้มากก็ดี ถ้าขาดปัญญาเป็น
    เครื่องรักษาทรัพย์แล้วทรัพย์นั้นก็ไม่คงทนอยู่ได้ แม้จะอยู่ได้ตลอดไปตนเองก็มีชีวิตยืนนานที่จะบริโภค
    ต่อไปไม่ได้เพราะความตายย่อมมาพรากตนให้หนีไปเสียจากทรัพย์เมื่อสิ้นชีพแล้วทรัพย์เหล่านั้น ก็ไม่
    ติดตามตนไปปล่อยไว้ให้คนอื่นเขาใช้สอยอย่างสบาย เห็นมีอยู่แต่อย่างเดียวเท่านั้น ที่จะติดตามตัวไป
    ในอนาคต คือฝังทรัพย์ไว้ในพุทธศาสนาเมื่อคิดเช่นนี้แล้วก็คิดดูว่าจะทำอะไร สิ่งอื่น ๆ ก็มีผู้ทำไว้หมด
    แล้ว ก็เห็นแต่เวจกุฎีเท่านั้นที่ยังไม่มีใครทำเลย

    เมื่อคิดเช่นนี้แล้วจึงได้สร้างขึ้นเมื่อสำเร็จแล้วยังได้สร้างโรงไฟ แลที่สำหรับอาบน้ำอีกด้วย
    เมื่อเสร็จสรรพดีแล้ว ก็ทำการฉลองอย่างมโหฬารและมอบถวายแก่ ภิกษุสงฆ์
    มีพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นประธานแล้วตั้งปฏิธานความปรารถนาว่าข้าแต่ท่านผู้
    เจริญ เมื่อข้าพเจ้ายังไม่ถึงพระนิพพานตราบใด ขึ้นชื่อว่าความทุกข์อันเกิดแต่โรคต่าง ๆ อย่าได้มาแผ้ว
    พานต่อข้าพเจ้าเลย อิมินาทาเนน ด้วยอำนาจผลทานนี้พระสารีบุตรก็อนุโมทนาว่า ขอให้ความ
    ปรารถนาจงเป็นผลสำเร็จเถิดมาณพนั้นเป็นผู้ไม่ประมาทผลทาน ให้สมาทานศีลครั้นทำกาลกิริยาตาย
    ไปแล้วไปเกิดบนสวรรค์เทวโลก มีสมบัติวิมานทอง มีเทพอัปสรเป็นยศบริวาร อยู่มาวันหนึ่งภิกษุทั้ง
    หลายนั่งสนทนา ถึงมาณพผู้นั้นอยู่พระศาสดาเสด็จมาถึงในที่นั้นแล้วตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลายเธอ
    นั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร ภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบ

    พระองค์ทรงแสดงธรรมเทศนา แก่ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย
    นรชนทั้งหลายเกิดมาได้พบพระพุทธเจ้าและในขณะที่พุทธศาสนายังประดิษฐานอยู่
    จะเป็นผู้เศร้าโศกในอบายภูมิ เป็นจำนวนมากมาณพที่เป็นช่างทองนี้ได้พบทั้ง
    สองประการแล้วไม่เป็นผู้ประมาท ได้สร้างเวจกุฎีถวายบูชาพระรัตนตรัยด้วยศรัทธาเลื่อมใส ได้เสวย
    สุขในสุคติโกลสวรรค์ และเป็นปัจจัยให้ถึงซึ่งพระนิพพาน แม้ในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าทรงพระ
    นามว่าตัณหังกร เราตถาคตก็เคยสร้างเวจกุฎี และที่สำหรับอาบแก่พระภิกษุสามเณรได้ตั้ง
    สัตยธิษฐานว่า ขอให้ข้าพระองค์ได้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์หนึ่ง ในอนาคตกาล ด้วยผลแห่งอานิงส์
    ที่ข้าพระองค์ได้สร้างเวจกุฎีให้เป็นสาธารณะทานนี้ ตถาคตครั้นทำลายขันธ์แล้วก็ไปบังเกิดสวรรค์เสวย
    ทิพย์สมบัติอยู่ชั้นดุสิตครั้นจุติจากชาตินั้นแล้ว ได้ท่องเที่ยงอยู่สังสารวัฎฎ์จนบารมีเต็มเปี่ยมแล้วจึงตรัส
    เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือตถาคตนี้เอง ก็สมดังคำปรารถนาในครากาลครั้งโน้นทุกประการ เมื่อจบ
    พระธรรมเทศนาจบลงแล้วชนทั้งหลายเป็นอันมากได้ดวงตาเห็นธรรม ต่างก็รื่นเริงบันเทิงใจในเวจกุฎี
    เป็นยิ่งนัก
    ที่มา: จาก
    www.84000.org

    ท่านใดสนใจที่จะร่วมบุญนี้สามารถโอนเงินเข้ามาที่
    ชื่อบัญชี นายรักษ์ จันทนสาร
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนประชาชื่น
    ประเภทบัญชี ออมทรัพย์
    เลขที่บัญชี 0932394022
    ติดต่อ 08-1901-3248/ 08-1989-9042

    ***ร่วมบุญกันก่อนสิ้นเดือนมกราคมก็ดีนะครับ อุปกรณ์เป็นเซ็ท ลดราคาถึงแค่สิ้นเดือนนี้เท่านั้นครับ ราคาในรูปยังไม่รวมค่ากระเบื้อง ก๊อกน้ำ ปูนยาแนว ข้อต่อท่อต่างๆ"
     
  2. rux_c

    rux_c เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +313
    อัพเดทยอดเงินทำบุญบูรณะส้วมกุฏิพระวัดท่าซุง เช็คเมื่อ 18.30 น. ของวันที่ 31 มกราคม 2550 ยอดรวมทั้งสิ้น 18,500 บาท
    โดยเงินทั้งหมดจะนำไปทำบุญซื้ออุปกรณ์ห้องน้ำในวันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2550 (ซึ่งหลายๆ ท่านคงไปที่ซอยสายลม) ท่านใดสนใจติดรถไปปฏิบัติธรรม สามารถติดต่อมาได้ตามเบอร์ด้านบนนะครับ
    ปล. กลับวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ ตอนเช้าครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...