ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ไปทำบุญที่วัดป่ามณีกาญจน์ทั้งให้น้องโมเยเนื่องในวันเกิดและให้คุณแม่ที่ป่วยอยู่ คุณFlorenceโทรเข้ามือถือของทางสายธาตุพอดี จึงเล่าให้ฟังว่าในจังหวัดนนทบุรีนี้มีวัดป่าอยู่วัดหนึ่ง สายหลวงปู่มั่น ปฎิบัติแบบพระป่าทุกประการ หากคุณflorence มีโอกาศลอ
    มาทำบุญที่นี่ดูค่ะ อยู่ใกล้ๆบ้านคืออยู่ในอำเภอบางใหญ่ค่ะ

    วันนี้เจอข้อมูลเรื่องคนไทยมาจากไหน สอดคล้องกับเรื่องอาณาจักรน่านเจ้าที่ทางสายธาตุสนใจอ่านอยู่ คนไทยมาจากไหนทั้งหมดมี 5 ทฤษฏีค่ะ ค่อยๆโพส

    ขอร่วมจิตส่งบุญอุทิศแด่ผู้พันร่มเกล้าฯด้วยค่ะ
     
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ทฤษฎีที่ 1 ถิ่นกำเนิดคนไทยอยู่ที่บริเวณเทือกเขาอัลไต

    [​IMG]


    ภาษาเขียนของไทยเรา หลายคนเชื่อกันว่าพ่อขุนรามคำแหงเป็นผู้ประดิษฐ์ลายสือไทย หลายคนก็ไม่เชื่อโดยมีหลักฐานต่างๆมาหักล้างและยืนยันว่า หลักศิลาจารึกนั้น มิใช่พ่อขุนรามคำแหงเป็นผู้สร้าง แต่จะอย่างไรก็ตาม หากพ่อขุนรามคำแหงประดิษฐ์ลายสือไทยจริง ภาษาพูดของเราก็จะต้องมีมาก่อนมีลายสือไทย หรือก่อนอาณาจักรสุโขทัยแน่ และคงจะมีมานานนับเป็นพันหรือหลายพันปีก่อน ประเด็นที่หลายคนสนใจคือ ภาษาไทยที่เราใช้กันอยู่นี้ บรรดาคนพื้นเมืองทางตอนใต้ของจีนก็มีภาษาพูดที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือคนที่อาศัยอยู่ในแถบนี้ หรืออาจกล่าวได้ว่า คนไทย คนจีน เป็นพี่น้องกันมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลก่อนการก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัยเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นนอกจากเรื่องภาษาไทยแล้ว คำถามที่น่าสนใจคือ "คนไทยมาจากไหน" หลายปีก่อนมีภาพยนต์สารคดีโลกสลับสี ฉายทางโทรทัศน์ช่อง 5 มีอยู่ช่วงหนึ่งที่นำเสนอสารคดีชุด "น่านเจ้า" ในสารคดีนั้นพูดถึงทฤษฎีที่เกี่ยวกับกำเนิดของคนไทยว่ามีอยู่ 5 ทฤษฎี

    ทฤษฎีที่ 1 พูดถึงว่าคนไทยเดิมอาศัยอยู่ที่แถบเทือกเขาอัลไต ซึ่งเป็นเทือกเขาในเอเชียกลาง บริเวณพรมแดนร่วมของประเทศรัสเซีย จีน มองโกเลีย และคาซัคสถาน ต่อมาถูกจีนรุกราน จึงอพยพลงมาทางใต้ในดินแดนสุวรรณภูมิที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้
     
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    ทฤษฎีนี้มีที่มาที่ไปครับ คือเรื่องมีอยู่ว่า (อ้างอิง:ตามรอยหมอด็อดด์ แกะรอยคิดไทยอัลไต ) หมอด็อดด์ ชื่อเต็มๆว่า สาธุคุณ วิลเลียม คลิฟตันด็อดด์ เข้ามาพำนักที่จังหวัดเชียงรายระหว่าง พ.ศ.2429 จนถึง พ.ศ. 2461 ต่อมาเดินทางไปเชียงรุ่ง (ภาษาจีน: 景洪; พินอิน: Jǐnghóng; หรือ จิ่งหง เจียงฮุ่ง เจงฮุ่ง คือเมืองเอกในเขตปกครองพิเศษไท-สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน จะเห็นว่าคำในภาษาจีนยังออกเสียงแบบภาษาเหนือ หรือภาษาอีสาน) แล้วไปเสียชีวิตที่เชียงรุ่งนั้นเอง ตลอดชีวิตหมอด็อดด์ เดินทางไปเผยแผ่คริสต์ศาสนาในถิ่นต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นถิ่นที่มีคนพูดภาษาตระกูลไต ระหว่างการเดินทาง ท่านได้บันทึกไว้ทั้งวิถีการดำเนินชีวิต ความเชื่อ วัฒนธรรม ประเพณีเอาไว้อย่างน่าศึกษา ข้อมูลเกี่ยวกับคนพูดภาษาตระกูลไตนั้น หมอด็อดด์ได้เขียนออกมาเป็นรายงาน ต่อมาจัดพิมพ์เป็นหนังสือ ชื่อ The Tai Race : Elder Brother of the Chinese แบ่งเนื้อหาเป็น 17 บท หนังสือเล่มนี้ แม้จะเล่าถึงคนพูดภาษาตระกูลไตเผ่าต่างๆ แต่ก็ไม่มีระบุว่า คนไทยย้ายถิ่นมาจากภูเขาอัลไตแต่อย่างใด เพื่อความกระจ่างในเรื่องนี้ มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย กระทรวงวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และอีกหลายหน่วยงาน ร่วมกันจัดวงเสวนาทางวิชาการ เรื่อง ชนชาติไทย ของหมอด็อดด์ในความรับรู้ของคนไทย นายธงชัย ลิขิตพรสวรรค์ กรรมการผู้จัดการสำนักพิมพ์ต้นฉบับ ผู้มีหนังสือหมอด็อดด์ฉบับแปลแล้วจัดพิมพ์แต่ละครั้ง รวมทั้งหนังสืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องบอกว่า หมอด็อดด์ท่านกล่าวรวมๆ ไว้เพียงว่า คนไทยมีเชื้อสายมาจากมองโกล อาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลเสฉวนเท่านั้น ท่านไม่ได้ระบุว่า คนไทยตั้งถิ่นฐานอยู่จุดไหน อาจด้วยความคิดนี้ ตอนหลัง ขุนวิจิตรมาตราจึงเสนอแนวคิดเขียนเป็นหนังสือว่าคนไทยมีถิ่นกำเนิดแถบเทือกเขาอัลไตแล้วต่อมาจึงย้ายลงมาทางใต้ ผมได้มีโอกาสไปแถบมณฑลซินเจียง แถบคาซัคสถาน และไปสอนหนังสือในรัสเซีย เมื่อปีกลายนี้ พบว่าผู้คนส่วนใหญ่ ไม่ใช่เป็นแบบคนไทย แต่เป็นเผ่าพันธุ์ที่ผสมปนเปกันหลากหลาย และส่วนใหญ่เป็นมุสลิม หน้าตาออกไปทางแขกๆมากกว่าจะเป็นไทย ภาษาที่ใช้จะเป็นพวกตระกูลภาษาอาหรับมากกว่าภาษาไทยในแถบมณฑลยูนนาน............................................................................

    ที่มาของชื่อเมืองเชียงรุ่ง มีตำนาน "พะเจ่าเหลบโหลก" อยู่ว่า เมื่อครั้งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จ มาโปรดสัตว์ถึงยังดินแดน ริมฝั่งแม่น้ำของ(ภาษาลื้อเรียกน้ำของ ภาษาจีนเรียก หลานชาง คำว่าน้ำโขงจึงไม่มีในภาษาลื้อ) ของอาณาจักรชาวไทลื้อแห่งนี้ ก็เป็นเวลารุ่งอรุณของวันใหม่พอดี จึงเรียกแห่งนี้ว่า "เชียง" ที่แปลว่า "เมือง" และ "รุ่ง" ที่แปลว่า "รุ่งอรุณ" ว่า "เชียงรุ่ง" จึงแปลได้ว่าเมืองแห่งรุ่งอรุณอันสดใส .....

    เชียงรุ่ง หรือ เชียงรุ้ง หากเทียบภาษา และสำเนียงไทลื้อแล้ว จะออกเสียงว่า เจงฮุ่ง ซึ่งหมายถึง เมืองแห่งรุ่งอรุณ คำว่า "เชียงรุ้ง" นั้นไม่ถูกต้องเพราะเมื่อเทียบภาษาของชาวไทลื้อ เมื่อเทียบสำเนียงภาษาลื้อแล้ว จะได้ความหมายดังนี้ * ฮุง แปลว่า ตะไคร่น้ำ (หากฮุง)มีลักษณะสีเหลือง อาศัยอยู่บริเวณที่เป็นตาน้ำ หรือบ่อน้ำตามริมห้วย หรือ
    * ฮุ่ง แปลว่า เวลารุ่งเช้า (ยามค่ำคืนฮุ่ง) (น.)ต้นละหุ่ง ผลของลูกละหุ่ง หรือ
    * ฮุ้ง แปลว่า นกชนิดหนึ่ง เป็นประเภทเดียวกับเหยี่ยว (ส่วนรุ้ง หรือ สายรุ้ง ที่เกิดบนฟ้านั้นชาวลื้อเรียกว่าแมงอี่ฮุม)....................

    ภาษาลื้อไม่มีคำว่ารุ้ง การเรียกชื่อเมืองเชียงรุ้ง นั้นจึงไม่ถูกต้อง เพราะภาษาลื้อ ออกเสียงว่า เจงฮุ่ง (เดิม อาจออกเสียงว่า เจียงฮุ่ง แต่ปัจจุบัน (พ.ศ. 2552) อาจได้รับอิทธิพลจากการออกเสียงในภาษาจีนกลาง) เมื่อเทียบกับภาษาเขียนแล้วเชียงรุ่งในอักษรลื้อ ใช้ตัว ร แต่อ่านออกเสียงตัว ฮ ซึ่งการเรียกชื่อเมืองเชียงรุ่งในศัพท์ภาษาไทยนั้นถูกต้องที่สุด (อ้างอิง : เชียงรุ่ง - วิกิพีเดีย )

     
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ทฤษฏีที่ 2 ถิ่นกำเนิดคนไทยอยู่ที่บริเวณมณฑลเสฉวน

    [​IMG]

    ............................................................ ในสารคดึโลกสลับสี เล่าต่อไปว่า ในทฤษฎีที่ 2 บอกว่า กำเนิดคนไทยนั้น เดิมทีอาศัยอยู่ในมณฑลเสฉวน ตอนกลางของจีน ต่อมาอพยพลงมาตอนใต้เนื่องจากถูกรุกราน
     
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ทฤษฎีที่ 3 ถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ในอาณาจักรน่านเจ้า

    [​IMG]


    ทฤษฎีที่ 3 เชื่อว่า แต่เดิมคนไทยอาศัยอยู่ทั่วไปในบริเวณตอนใต้ของจีน รวมทั้งดินแดนในแคว้นอัสสัมของอินเดีย ดังเราจะพบว่าพวกไทยอาหม ก็มีลักษณะและภาษาพูดคล้ายคลึงกับคนไทยในปัจจุบัน ไทอาหม มีประวัติที่สำคัญไม่น้อย เป็นประวัติแห่งการต่อสู้ของชาติไท ต่อสู้เพื่อตั้งราชอาณาจักรไทเพื่อดำรงรักษาราชอาณาจักรที่ตั้งไว้ และเพื่อรักษาความเป็นชาติไท ไทอาหมได้ทำการต่อสู่ถึง 6 ศตวรรษ นับแต่ตั้งอาณาจักรขี้น ในดินแดนอัสสัม เวลานี้ คำว่า อัสสัม นั้นนักค้นคว้าได้อธิบายอย่างเดียวกันว่า มาจากเชื้อชาติไทพวกนี้ ที่เรียกว่า"อาหม" ชาวอาหมเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มหนึ่งซึ่งอาศัยในรัฐอัสสัมของประเทศอินเดีย เดิมใช้ภาษาอาหม ในกลุ่มภาษาย่อยไท พายัพ ซึงเป็นภาษาในกลุ่มภาษาคำ-ไต ตระกูลภาษาไท-กะได แต่ชาวอาหมในปัจจุบันนั้นหันไปใช้ภาษาตระกูลอินโด-ยูโรเปียนแล้ว ชาวอาหมในปัจจุบันมีจำนวนทั้งหมด 745,000 คน ซึ่งมากกว่าชาวไทกลุ่มอื่นที่อพยพมายังอัสสัมที่นับรวมกันเพียงแค่ 2 แสนคนหรือมากกว่านั้น (อ้างอิง: อาหม - วิกิพีเดีย )
    [​IMG]

    ไทยอาหมรับตัวหนังสือของไทยใหญ่ไปใช้พร้อม ๆ กับวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีของไทย ในตอนเริ่มแรก แต่ตอนหลัง ได้รับอิทธิพลของอินเดียเข้ามาผสมผสาน รูปตัวหนังสือจึงเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ตัวหนังสือของไทยอาหม มีพยัญชนะอยู่ 23 ตัว และสระ 18 ตัว สำหรับตัว อ ใช้เป็นได้ทั้งพยัญชนะ และสระ เช่นเดียวกับของไทย แต่ไม่มีวรรณยุกต์...............................................

    มีพยัญชนะ 23 ตัว คือ ก ข ค ฆ ง จ ฉ ช ญ ต ถ ท ธ น ป ผ ว ภ ม ร ล ส ห .............................

    มีสระ 18 ตัว คือ อ อะ อา อิ อี อุ อู เอะ เอ โอะ โอ อือ ไอ เอา เอีย เอือ เอาะ ออ (อ้างอิง: �˹ѧ�����µ�ҧ��͡�ҳҨѡ����6 ) ในแผนที่แสดงให้เห็นว่าพวกไทยอาหมอยู่ตรงไหน

    [​IMG]

    ....................................................................................ทฤษฎีนี้เองที่เชื่อว่า กำเนิดของคนไทยอยู่ในอาณาจักรน่านเจ้า
     
  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ทฤษฎีที่ 4 ถิ่นกำเนิดคนไทยอยู่ที่ประเทศไทยในปัจจุบัน

    [​IMG]


    ทฤษฎีที่ 4 เชื่อว่าคนไทยไม่ได้อพยพมาจากที่ไหน เราก็อยู่ของเราตรงนี้มานานแล้ว ทั้งนี้จากการค้นพบโครงกระดูกของมนุษย์โบราณที่จังหวัดกาญจนบุรี และไม่พบความแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับกระดูกคนไทยในประเทศไทยปัจจุบัน
     
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    ทฤษฎีที่ 5 ค่อนข้างแปลกกว่าทฤษฎีอื่นๆ คือเริ่มจากความเชื่อที่ว่า ถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ที่คาบสมุทรมลายู แล้วอพยพขึ้นมาทางเหนือ ไปจนถึงตอนใต้ของจีนคือ มณฑลยูนนานและมณฑลกวางสี ต่อมาถูกจีนรุกราน กลับถอยร่นลงมาอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิในปัจจุบัน ผมเองก็ยังไม่เคยเห็นหลักฐานที่นำมาโต้แย้ง แต่จากการที่ผมได้มีโอกาสไปเยือนมาหลายแห่งทั้งดินแดนในจีนและคาบสมุทรมลายู ผมไม่ค่อยเชื่อทฤษฎีนี้เท่าไรครับ




     
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    ในบรรดาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับกำเนิดของคนไทย นักวิชาการจำนวนมากให้ความสนใจกับอาณาจักรน่านเจ้า เนื่องจากมีข้อมูลที่ตล้ายคลึงกันเกี่ยวกับ ภาษา ประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิต ตลอดจนหลักฐานต่างๆที่ถูกบันทึกไว้หลายๆรูปแบบ ...................................................................................................... อาณาจักรน่านเจ้า - เป็นคำผสมจากคำในภาษาจีน หนาน แปลว่า ใต้ ส่วนเจ้าเป็นก็เป็นคำเหมือนไทยเราคือ เจ้า เมื่อรวมกัน จะหมายถึง เจ้าทางใต้ (จีน: 南詔) หรือจีนเรียกว่า สานสานโกวะ ตั้งขึ้นประมาณ พ.ศ. 1192 โดยพระเจ้าสีนุโล แห่งเหม่งแซ ต่อมาพระเจ้าพีล่อโก๊ะ (พ.ศ. 1240-1291)ได้ รวบรวมเมืองต่างๆ ที่แยกกันตั้งอยู่เป็นอิสระ 6 แคว้นคือ เหม่งแซ (Mengshe;蒙舍) ม่งซุย (Mengsui;蒙嶲) ลางเซียง (Langqiong;浪穹) เต็งตัน (Dengtan;邆賧) ซีล่าง (Shilang;施浪) และ ยู่ซี (Yuexi;越析) เข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเหม่งแซได้สำเร็จ ตั้งเป็นอาณาจักรใหม่ขึ้น เรียกว่า อาณาจักรน่านเจ้า (พ.ศ.1281 - 1445) โดยมีเมืองต้าหลี่เป็นราชธานี ในยุคแรกๆนั้น น่านเจ้าก็มีสัมพันธ์กับรัฐรอบๆ ทั้งราชวงศ์ฝ่ายใต้ของจีน และแคว้นเล็กๆในสุวรรณภูมิ ......... เมื่อพระเจ้าพีล่อโก๊ะสวรรคต พระราชโอรสคือ พระเจ้าโก๊ะล่อฝง ขึ้นครองราชย์แทน (ตามประเพณี ชือกษัตริย์องค์ต่อมาจะต้องเอาคำสุดท้ายของกษัตริย์องค์ก่อนมาเป็นคำแรกของกษัตริย์องค์ใหม่) ต่อมา พ.ศ. 1291 พระเจ้าโก๊ะล่อฝง ก็ทรงส่งกองทัพไปโจมตีราชวงศ์ถัง เพื่อขยายอำนาจ กองทัพน่านเจ้าประสบชัยชนะใหญ่ๆหลายครั้ง ราชสำนักถังเริ่มอ่อนแอลง กองทัพถังก็ต้องเจรจาและยอมรับอำนาจของพระเจ้าโก๊ะล่อฝงในแดนใต้ พ.ศ. 1372 กองทัพน่านเจ้าสามารถบุกลึกเข้าไปถึงใจกลางมณฑลเสฉวน และยึดเอาเฉิงตูเมืองเอกของมณฑลมาได้ สร้างความพรั่นพรึงให้ราชสำนักถังมาก ภายหลังจากรัชสมัยของพระเจ้าโก๊ะล่อฝง น่านเจ้าก็ค่อยๆอ่อนแอลง แต่ก็ยังมีกษัตริย์ปกครองสืบต่อกันมาอีกหลายพระองค์ ทว่ากษัตริย์พระองค์ต่อๆมามักตกอยู่ในวังวนของการชิงอำนาจระหว่างชนเผ่าต่างๆในอาณาจักร รวมถึงการแย่งชิงอำนาจของตระกูลขุนนาง จวบจนถึงปี พ.ศ. 1445 อาณาจักรน่านเจ้าก็ล่มสลายลง จากการก่อกบฎของชนเผ่าต่างๆในอาณาจักร ดินแดนยูนนานจึงกลายเป็นสุญญากาศทางอำนาจไปอีกหลายปี ก่อนที่ ต้วนซีผิง จะนำชาวเผ่าไป๋และเผ่าพันธมิตรลุกขึ้นรวบรวมดินแดนในยูนนานเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง และก่อตั้งอาณาจักรใหม่ที่ชื่อว่า อาณาจักรต้าหลี่ ขึ้นมาแทนในปี พ.ศ. 1480 ในยุครุ่งเรืองนั้นอาณาจักรน่านเจ้า มีอาณาเขตกว้างขวาง คือเขตมณฑลยูนนานทั้งหมด รวมแคว้นสิบสองปันนาด้วย กล่าวคือ ทิศเหนือจดมณฑลเสฉวน ทิศใต้ จดพม่า ญวน ทิศตะวันออกจดดินแดนไกวเจา กวางสี ตังเกี๋ย ทิศตะวันตก จดพม่า ทิเบต มีกษัตริย์ปกครองอย่างเป็นอิสระไม่ขึ้นกับแคว้นใดได้ยาวนานหลายร้อยปี (อ้างอิง : อาณาจักรน่านเจ้า - วิกิพีเดีย) .....อาณาจักรต้าหลี่ ปัจจุบันเป็นเขตปกครองตนเองของชนชาติไป๋


    น่าสนใจมิใช่น้อยสำหรับข้อมูลนี้ นั่นคือทางสายธาตุใช้เวลาว่างหาความหมายของคำว่า เจ้า ที่ปรากฏในพระนาม คาดว่าเป็นคำว่า "เจ้า" ที่ใช้แทนชนชั้นปกครอง ซึ่งคนแถบนี้ใช้คำว่า "เจ้า" เรียกชนชั้นปกครองมานานแล้ว สังเกตุได้จากคำว่า น่านเจ้า แปลว่า เจ้าทางใต้ หรือเจ้าผู้ปกครองดินแดนทางใต้ และคำว่าเจ้าก็ยังคงใช้กันเพื่อเอ่ยถึงตระกูลของผู้ปกครองอาณาจักรต่างๆในแถบนี้อยู่หลายอาณาจักรต่อๆกันมาจนถึงปัจจุบัน ........
     
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรืองมากในอาณาจักรน่านเจ้าและอาณาจักรต้าหลี่นี้มานานนับพันปีจวบจนปัจจุบัน พุทธศาสนิกชนที่มาเยือนเมืองต้าหลี่ จะต้องมาเยี่ยมเยือนและสักการะปูชนียสถานทางพุทธศาสนาที่สำคัญและเก่าแก่ของเมือง คือ "เจดีย์สามองค์" อย่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็น "เจดีย์สามองค์" ที่จังหวัดกาญจนบุรีนะครับ เจดีย์ที่ว่านี้ เป็นเจดีย์เก่าแก่สร้างตั้งแต่สมัยอาณาจักรน่านเจ้าและอาณาจักรต้าหลี่ เจดีย์ทั้งสามตั้งเรียงกันเป็นรูปสามเหลี่ยมในลักษณะสมมาตร เจดีย์องค์ใหญ่ตรงกลางสร้างสมัยอาณาจักรน่านเจ้า มีความสูง 69.13 เมตร เรียงกัน 16 ชั้น ส่วนเจดีย์องค์เล็กสององค์ด้านหลังนั้น สร้างในสมัยอาณาจักรต้าหลี่ ตั้งอยู่ในแนวเหนือ-ใต้ ทั้งสององค์ห่างกัน 97 เมตร และห่างจากองค์ใหญ่ 70 เมตร มี 10 ชั้น สูง 42.19 เมตร บนองค์เจดีย์องค์ใหญ่ประดับด้วยพระพุทธรูปปางต่างๆ ดังภาพที่ผมถ่ายรูปซูมให้ดูประกอบ



    พุทธศาสนาคือแก่นแห่งจิตญาณของคนไทยมาตั้งแต่โบราณกาลแล้วและ ข้าพเจ้าขอกราบระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณด้วยเศียรเกล้า

    อ้างอิง http://www.vcharkarn.com/vcafe/170766
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2011
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    อาณาจักรน่านเจ้า หรือหนองแส หรือตาลีฟู หรือต้าลี่ในปัจจุบัน

    [​IMG]

    <CENTER></CENTER>
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ชนชาติลาวกับชนชาติไทยมีประวัติศาสตร์ร่วมกันมาตั้งแต่โบราณกาล กล่าวคือชนชาติลาวก็เริ่มอธิบายความเป็นมาเริ่มต้นบรรพบุรุษอยู่แถบเทือกเขาอันไต (ประเทศมองโกเลีย) เหมือนกัน ต่อมามีพลเมืองมากขึ้นจึงหลั่งไหลลงสู่ที่ราบตอนใต้ โดยเลียบไปตามลำน้ำสองสายด้วยกันคือ ฮวงโห และ แยงซีเกียง [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]แล้วเริ่มก่อร่างสร้างเมืองขึ้นสองเมืองก่อนคือ นครลุง กับ นครปา ต่อจากนั้นจึงตั้งขึ้นอีกเมืองหนึ่งคือ เชียงอาน มีความสงบสุขอยู่ได้ไม่นาน พวกจีนซึ่งอาศัยอยู่มาก่อนไม่พอใจ จึงยกกำลังเข้าตีเมืองทั้งสามแตก ประชาชนชาวลาวทั้งสามเมืองจึงอพยพไปทางตะวันตกและไปรวมตัวกันที่หนองแส สร้างเมืองขึ้นมาใหม่ ซึ่งจีนก็ไม่ตามมารุกรานอีกแล้วเพราะจีนถือว่าพ้นอาณาเขตของตนไปแล้ว อาณาจักรหนองแสจึงสงบสุขและแผ่ขยายออกไปอีกหลายเมืองจนกระทั่งจีนขนานนามว่า น่านเจ้า หรือ ตาลีฟู อยู่ราวๆต้นพุทธศตวรรษ [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]สืบต่อมาอีกราว ๑๐๐๐ ปี ถึง พศ ๑๒๗๒ ขุนบรม ขึ้นเสวยราช พระองค์ทรงฟื้นฟูอาณาจักรอย่างยิ่งใหญ่จนมีความเจริญถึงขีดสูงสุด พระองค์จึงได้ส่งโอรสทั้ง ๗ คนออกไปครองเมืองต่างๆ คือ [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]๑.ขุนลอ ไปครองเมืองชวา (เชียงทอง หรือ หลวงพระบาง) [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]๒.ผาล้าน ไปครองเมืองหอแต หรือ สิบสองปันนา [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]๓.ท้าวจุสง ไปครองเมืองแท่นบัว [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]๔.ท้าวคำผง ไปครองเมืองเชียงใหม่ [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]( หมายเหตุ สมัยนั้นเมืองเชียงใหม่ยังไม่เกิด เข้าใจว่าคงเป็น เชียงแสน มากกว่า ) [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]๕.ท้าวอิน ไปครองเมืองอโยธยา [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]( น่าจะเป็นแถว นครปฐม ราชบุรี ปัจจุบันยังมีซากเมืองโบราณเหลืออยู่ ) [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]๖.ท้าวกรม ไปครองเมืองมอญ หรือ หงสา [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]( น่าจะแถว กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ไม่ใช่หงสาวดี ) [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]๗.ท้าวเจือง ไปครองเมืองเชียงขวัญ หรือ พวน (เชียงขวง ) [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ล่วงมาอีกราว ๕๐๐ ปี กองทัพจีนขยายอาณาเขตมาตีอาณาจักร น่านเจ้า แตกอีก ประชาชนพลเมืองก็อพยพลงมาทางลำน้ำโขงสู่ทิศใต้ แล้วมาตั้งบ้านเมืองกระจัดกระจายไปตลอดลำน้ำโขง โดยดินแดนส่วนนี้เป็นที่อาศัยของช้างจำนวนมาก จึงได้สมญานามว่า อาณาจักรล้านช้าง [/FONT]


    อ้างอิง ต้นกำเนิดอาณาจักรล้านช้าง http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=buddha_story&topic=200


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2011
  11. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    [MUSIC]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=60708[/MUSIC]


    ฟอร์ทขอร่วมรำลึกถึง ท่าน พล.อ.ร่มเกล้าฯ ด้วยอีกคน และขออนุญาต
    นำเพลง "แด่ยอดรัก...นักรบไทย" ของพี่โมเย (คุณกัญญนัทธ์ ศิริ)
    มาร่วมสดุดีวีรกรรมทหารกล้า พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ด้วยขอรับ
     
  12. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    Mon âme à Dieu

    Mon Bras au roi,

    Mon Coeur aux dames,

    L'honneur moi,

    มโนมอบพระผู้ เสวยสวรรค์

    แขนมอบถวายทรงธรรม์ เทอดหล้า

    ดวงใจมอบเมียขวัญ และแม่

    เกียรติศักดิ์รักข้า มอบไว้แก่ตัว


    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.6

    ทรงแปลจากคติธรรมทหารฝรั่งเศส


    แหล่งที่มา: Daily News - Manager Online - ���. ����õ��ѡ������á���
     
  13. Florence125

    Florence125 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +6
    รำลึกถึง พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ค่ะ
     
  14. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ....การสื่อสารด้วยภาพยนตร์เป็นการสื่อสารรูปแบบหนึ่ง ที่แตกต่างจากหนังสือประวัติศาสตร์ หรืองานเขียนของนักวิชาการ ในสภาพการณ์ที่คนไทยไม่รู้ประวัติศาสตร์ ไม่สนใจประวัติศาสตร์ ไม่ให้ความสำคัญกับความเป็นมาของบ้านเมือง

    นักเรียนอย่างผมแทบไม่รู้อะไรเลย ไม่ได้เรียนวิชาประวัติศาสตร์ ได้เรียนเล็กน้อยในวิชาสปช. และสังคมศึกษา ดูหนังอย่างตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯแล้วก็มึนงงกับชื่อ ตำแหน่งและเหตุการณ์ต่างๆมากมาย ปะติดปะต่อเรื่องราว ลำดับเหตุการณ์ไม่ได้อะไร

    คิดในแง่นี้ ผมว่าถ้าหนังได้ทำให้คนดูสงสัย ตั้งคำถาม หาคำตอบ คิดโต้แย้ง วิพากษ์วิจารณ์ แล้วถ้าได้จุดประกายให้คนไทยหรือเด็กไทยได้ไปค้นคว้าหาอ่านข้อมูลหลักฐานประวัติศาสตร์กันบ้าง ก็ถือว่าเป็นคุณประโยชน์แล้ว....


    แหล่งที่มา :ภาพยนต์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช...ในมุมมองของท่านมุ้ย คุณยุรชัฎ ชาติสุทธิชัย เขียนไว้ใน
    Columnists - Manager Online - �Ҿ¹����ӹҹ����稾�й���������Ҫ... ������ͧ�ͧ��ҹ����
     
  15. อาสน์

    อาสน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +84
    ขออนุโมทนาสาธุการกับทุกๆท่านในกระทู้นี้
    สุดยอดของความจงรักภักดี.........ด้วยข้อมูลการให้ความรู้
    เป็นธรรมทานแก่อนุชน:cool:....สุดยอด
     
  16. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    มิกล้าจริงๆครับ คุณป้าบัวศรี เราเป็นแค่เพียงแสงหิ่งห้อยน้อยในยามราตรีที่มืดมิดเท่านั้น ขอขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมเยีอน หากมีเวลาผ่านมาเมื่อใด แวะเข้ามาทักทายกันอีกนะครับ
     
  17. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    วันนี้ วันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๔ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๕ ปีเถาะ

    จศ. ๑๓๗๒ เป็นวันเริ่มเข้าเทศกาลสงกรานต์

    ดาวจันทร์เกาะสมโณฤกษ์ โคจรเข้าเกาะทลิทโทฤกษ์ เวลา 03.43 น. และ

    ยกเข้าราศีสิงห์ในเวลาเดียวกัน (คืนวันนี้)
     
  18. อาสน์

    อาสน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +84
    เหมาะกับการปฏิบัติบำเพ็ญเพียรภาวนาตามหลักศาสนา(สมโณ)
    และขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์(ทลิทโท)ให้ คนไทยมีสัมมาทิฏฐิ สัมมาปฏิบัติ
    ชาติบ้านเมืองพ้นภัย ทั้งภายในภายนอก
    น้ำท่าฟ้าฝนตกต้องตามกาล
    พืชผลอุดมดี เศรษฐกิจจำเริญ ทั่วหน้าฟ้าใส
    ..........ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่านทั้งหลาย..........สาธุ
     
  19. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    วันนี้ วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔

    ณ เมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๑๒๗ (เมื่อ ๔๒๗ ปีที่ผ่านมา )

    เป็นวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า ทรงประกาศอิสระภาพ ให้ไทยเป็นไทหลุดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของพม่า


    ณ แต่นี้ ไมตรี มิมีให้<O:p</O< font>
    เราคนไทย ใช่ข้า มาแต่ก่อน<O:p</O< font>
    ประกาศขาด ไมตรี ชี้แน่นอน<O:p</O< font>
    ไม่อ้อนวอน ร่วมจิต มิตรร่วมใจ<O:p</O< font>
    เราองค์ดำ จำประกาศ หน้าอาสน์สงฆ์<O:p</O< font>
    ไม่ขึ้นตรง ชาติพม่า ข้าร่วมใคร<O:p</O< font>
    ขอฟื้นฟุ กู้ชาติ มาตรเมืองไทย<O:p</O< font>
    ไม่ยอมใคร ใจสู้ หมู่ไพรี<O:p</O< font>
    เมื่อพม่า ครองแผ่นดิน สิ้นอิสระ<O:p</O< font>
    หมดชนะ ต้องแพ้พ่าย ได้เจ็บแสน<O:p</O< font>
    ต้องเป็นข้า รับใช้ ไทยทั่วแดน<O:p</O< font>
    กูเจ็บแค้น แน่นทรวง หวงแผ่นดิน<O:p</O< font>
    มาบัดนี้ กูมุ่งมาด ประกาศสั่ง <O:p</O< font>
    สัจจะตั้ง ไทยจะสู้ มิรู้สิ้น<O:p</O< font>
    อธิษฐาน ยกบุญญา ฟ้าจรดดิน<O:p</O< font>
    ประกาศสิ้น ถิ่นเมืองแครง แจ้งทั่วกัน ..



    ประพันธ์โดยพระมหาฤทธิชัย กัลยาโณ


     
  20. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    <TABLE id=post4206425 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>29-12-2010, 05:25 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#3282 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ดอกไม้เมืองบน<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4206425", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Mar 2008
    ข้อความ: 186
    พลังการให้คะแนน: 88 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]





    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4206425 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    แม้ต่างกันเพียงใด..ในความจริง
    แต่มีสิ่งทียิ่งใหญ่..ให้..เรา..เหมือน
    คือสำนึกแห่งวิญญาณ..มิลบเลือน
    ถึงกาย..เคลื่อน จิตจดจาร..แสนมั่นคง

    แม้เพียงภาพ..จำลอง.. ยังก้องกึก
    ร้าวรำลึก...หวนอดีต..คิดใหลหลง
    เสียงช้าง..ม้าศึก กัมปนาท ดาบ..ฟาดลง
    ไทยจึงคงมีวันนี้....ที่ควรจำ

    เวลากาลผ่านกลายไปไกลลับ
    กี่ร้อยปี...วิญญาณกลับ...ไร้คำถาม
    ยัง..จงรักภักดี...พลีติดตาม
    พลิกฟ้าต่ำ ดินสลาย...หมายพบองค์<!-- google_ad_section_end -->



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...