เหตุคือ ความว่าง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย อศูนย์น้อย, 3 มีนาคม 2011.

  1. อศูนย์น้อย

    อศูนย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +495
    ว่างเกิดจากอะไรมีใครรู้แน่ชัดไหมครับ
    ว่างนะที่นี้หมายถึง ว่างจากความคิด หยุดคิดหยุดนึก แม้กระทั้งลมหายใจยังรู้สึกว่า
    ไม่มี มีแตตัวรู้อย่างเดียว ว่างแบบนี้ คือว่างแบบไหน ทำได้แค่ประคองใจในอารม์
    นั้น ไปเรื่องๆ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ แต่ที่แปลกคือ หมือนกับว่านั่งแค่ ครึ่งชั่งโมงเอง
    แต่ดูเวลาจริงแล้ง 9 ชั่วโมง แล้วเวลาที่เหลือ หายไปไหน............ยังหาไม่เจอ
    ครั้งที่สองที่จะเข้าความว่างแบบนั้น ช่างอยากมากเข้าเท่าไหล่ก็ไม่เจอ
    ความว่าง แบบครั้งแรก ก็เลยสงใส ว่ามีความหยากมาไปหรือเรา แต่เอ๋ ก็ไม่มีนะ
    จนสุกท้ายก็ได้เข้าใจ ว่าเป็นเช่นไร ทำอย่างไรถึงเข้าสู่ความว่างครั้งที่สองได้อย่าง
    แท้จริง ไม่ไช่แค่อารม์เสมอเหมือน ผมไช้ระยะเวลา หนึ่งปีเต็มๆ กว่าจะเข้าใจ
    แค่บางบท บางตอน ของนิยามความไม่มีตัวตน ....... หาอะไรในความว่าง.....
    เจออะไรในความว่าง....แล้วสุดท้าย..คุญเข้าใจอะไรในคำว่าว่าง....คำตอบสิ่ง
    ที่ท่าน แสวงหา มันอยู่ในตัวของมันเอง......
     
  2. moshininja

    moshininja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +103
    ขอบพระคุณครับ ความสงบนั้นมีอยู่ในทุกชั่วขณะ เพียงแต่เรานั้นกำลังตามหาความสงบหรืออยู่กับความสงบ อนุโมทนาสาธุ ขอให้เจริญในธรรม
     
  3. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    -ความสงบมีหลายขั้นหลายระดับ เช่น เดียวกับ ปัญญา
    -ยกตัวอย่าง ตึก มีชั้น 1 2 3 4 5 เป็นต้น หากจะเดินขึ้นไปชั้น 3 จำเป็นต้องผ่านชั้นที่ 1
    -เมื่อผ่านชั้นที่ 1 2 ย่อมรู้ว่าชั้น 1 2 เป็นอย่างไร
    -แต่ถ้าหลับแล้วโดนแบกขึ้นไป ย่อมไม่รู้จักชั้นที่ 1 และ 2
     
  4. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    จิตเข้าภวังค์ เวลานานเหมือนไม่นาน
    เอาสิ่งที่มีออก โดยการหยุดการปรุงแต่งสังขารทั้งหลาย ก็เหลือแต่ความไม่มี นั่นคือว่าง นี่เป็นสมาธิ
    หากไม่เจริญปัญญาต่อ ก็จะได้แค่นั้น ต้องหมั่นพิจารณาตัวเองว่า เข้าใจอะไรเิพิ่มบ้างหรือไม่ เท่าทันกิเลสตัณหามากขึ้นหรือไม่? แล้วจะละมันได้อย่างไร? พิจารณาเข้าไปมากๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำไปซ้ำมา จนเกิดความชำนาญ กลายเป็นธรรมวิจัยยะ เมื่อเพียรมากๆ เป็นวิริยะ พอรู้แล้วสลัดออก เข้าสู่สมาธิ ปิติ ปัสสัทธิ อุเบกขา ความรู้แจ้งจึงปรากฏตามมา

    การที่เราท่านยังวนเวียนอยู่ ไปไม่ถึงไหนเสียที หนึ่งเดือนก็แล้ว หนึ่งปีก็แล้ว สิบปีก็แล้ว สาเุหตุมาจากการที่รู้มากปรุงมากคิดมากเกินไป พระท่านถึงว่า คิดมากยากนาน...
     
  5. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ดีๆเลย ท่านอศูนย์

    ตรงจุดที่ จะกลับไปอย่างเดิมยากมาก แล้ว สังเกตเห็นว่า มีความอยากมาแทรก
    โดยหลักการ คือ ใช่ เป็นเพราะ ความอยากมาแทรก และ มันเป็นการเข้ามาแทรก
    ดังนั้น เราจะไม่รู้สึกว่า เราอยาก

    หากเรารู้ว่า อยาก มันก็ไม่เรียกว่ามัน มาแทรก ซิ แต่เพราะมันมาแทรก คือ
    มันแอบย่องเข้ามากุมจิต ชักชวนจิตออกไป อาการแบบนี้ ท่านๆจึงเรียกกันว่า
    "มันมาแทรก" "มันย้อกย้อน" "มันเหยีบหัวใจ" "มันทำกับกูขนาดนี้เชียวหรือ"

    แต่ที่นี้ อศูนย์ยังพูดเหมือนจะอยู่กับความว่างชนิดนี้

    อันนี้ ต้องขออนุญาติทักว่า เราไม่ได้ปฏิบัติมาเพื่อเอาความว่าง ไปอยู่กับ
    ความว่าง หากมีความว่างปรากฏแล้วเราเอาตัวเราไปอยู่กับความว่าง ไป
    เกาะความว่าง อาศัยความว่างเป็นที่อาศัย เป็นสรณะ ก็จะถือว่า ไปสร้าง
    ภพชาติขึ้นเพื่อยู่

    การสร้างเพื่ออยู่ กับ การอาศัยระลึกเพื่อเป็น วิหารธรรม นั้นคนละตัวกัน

    การสร้างเพื่ออยู่ หรือ เกาะ มันจะ มีความยึดมั่นถือมั่น มีการหมายๆ จึง
    เกิดความเหมือนๆ เป็นการ เผลอยึดจิตเป็นตน เป็นการสำคัญว่า สมาธิคือนิพพาน

    การสร้างเพื่อเป็นวิหารธรรม อันนี้ จะไม่มีความยึดมั่นถือมั่น ไม่มีการหมายๆ
    จะแค่ อาศัยระลึก คำว่าอาศัยระลึกคือ อาศัยการดูความดับไปของความว่าง
    คู่กันกับ การอยู่ในความว่าง

    เมื่อไปอยู่กับความว่าง จิตมันก็สะอาดสดใส เพราะมันไม่ได้ไปเปรอะกับอกุศลมูล

    แต่เมื่อออกจากความว่าง เราก็ต้องอาศัยระลึกเห็นว่า การอยู่กับความว่างดับไป
    แล้ว

    ตรงที่เราเห็น ความว่างดับไปแล้ว หากจิตเกิด ตัณหาแทรก มันจะดึงเรากลับ
    ไปอยู่กับความว่าง อาการนี้เรียกว่า ติดสมาธิ เนื้อติดฟัน (คือเวลาแคะเนื้อติด
    ฟันมันจะแคะไม่ออก แล้วเราก็ง่วนอยู่กับการ แคะขี้ฟัน ขี้ฟันในที่นี้ก็คือรส
    ความว่างนั้นแหละ ที่เราต้องแคะต้องแกะ ก็เพราะว่า มองไม่เห็น--คิดว่า
    ไม่มีตัณหาแทรกนั่นแหละ )

    ดังนั้น หากมันพาเรากลับไปสู่ความว่างทุกครั้งที่ความว่างดับ ก็ให้ระลึกไปว่า
    มีตัณหาแทรก แต่ไม่ต้องดิ้นรนทำลายมัน ให้ระลึกดูมันอย่างเป็นกลาง มันจะ
    พาไปติดว่างก็ดูมันไป เพราะตัณหามันหมดแรงเป็น(สัพเพธรรมาอนัตตา)
    มันก็ถอยออกจากสมาธิอีกจนได้นั้นแหละ ดังนั้น ดูตัณหาแบบนี้ก็ได้ โดยอาศัย
    การดับของความว่างขึ้นมาระลึกเป็นสำคัญ (ไม่ใช่การเอาการอยู่เป็นสาระสำคัญ)

    แต่ถ้า ดูอยู่นานปี ก็รู้สึกว่า งานไม่เดิน เอาแต่ติดสงบ ติดนิ่ง อันนี้ก็
    ลองกลับมาพิจารณาขี้ตา ขี้หู ขี้ฟัน ขี้ไคร ขี้ขี้ ขีเล็บ ขี้ทีน ขี้เทียน
    ก็ยังได้ ดูให้มันเสมอกับเนื้อหนังมังสาอันเป็นกายนี้ของเรา แล้วจะพบว่า

    ฐานของจิตในการเห็นธรรม อยู่ตรงนี้ ไม่ได้อยู่ในความว่างนั่น แล้วทุก
    อย่างจะเสมอเสมือนกัน เป็นเพียง สภาวะธรรม เมื่อนั้นก็จะเข้าใจ
    "เย ธัมมา....."


    คว่ามว่างนั้น เป็นเพียงสิ่งแปลกปลอม ไม่ต่างอะไรกับ เนื้อติดฟัน(ขี้ฟัน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2011
  6. อศูนย์น้อย

    อศูนย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +495
    ขอบพระคุญทุกท่านที่ชี้เนาะครับ คำว่าติดในความว่างนั้นไม่มีแล้วครับ สงสัยอ่านไม่เข้าใจที่เขียนด้านบน.... สงสัยผมจะพิมไม่เก่ง ....งับขอเปลี่ยนละกันนะครับ
    ว่าผม เข้าใจ ... เข้าใจ ... ในความว่างแล้วซึ้งในคำนิยามของคำว่าว่างแล้วครับ ผมแค่เข้าใจบางบทบางตอนเท่านั้น
    และตัวผม ยังต้องเป็นผู้สึกษาอีกมาก มิอาจเทียบกับท่านผู้รู้หลายๆท่านได้เลย
    ทุกสิ่งที่เข้าใจ มันแจ้งที่ใจของผมเองทั้งนั้น... ติด ...ผมก็ยังติดอยู่ครับ ยังติดอยู่กับธรรมชาติ ก็ต้องปล่อยมันไปตามเหตุปัจใจที่เกิดดับ ว่าง ก็ไม่จีรัง ปัญญาก็ยังมีดับ บางครั้งผมก็แค่ หาที่พัก มุมสงบ พักผ่อนจิตใจเท่านั้นเอง ใช่ว่า จะเข้าได้เสมอไปสมาธินั้นบังคับบันชาไม่ได้
    วันนี้ดี พรุ่งนี้ก็อาจจะฟุ้งก็เป็นได้ ผมคิดว่า มันอยู่ที่แรงบรรดานใจเหตุจูงใจมากกว่า ที่จะพาไป ถึงหรือไม่ อันนี้ตัวของท่านต้อบตอบตนเองได้
    ทุกสิ่งมีความหมายแอบแฝงอยู่แม้นแต่คำพูดของผมเอง ผมเจออยู่หนึ่งท่านที่ตีความหมายสิ่งที่ผมบรรณญายออก น่านับถือมาก
    แต่ท่านนั้นยังไม่ได้มาตอบกระทู้นี้เท่านั้นเอง ตัวผมเองมองดูตัวเองทุกขณะ ว่าดีหรือยังพล้อมหรือยัง ผมนั้นยังดีไไม่ได้เลย ยังต้องเป็นผู้แสวงหาคำตอบอีกมากมาย ทั้งที่คำตอบเหล่านั้นมิได้มีคำถาม แค่อยากจะบอก แง่มุมและมุมมองที่แตกต่างในสิ่งที่ผมนั้นมองเห็น
    ฉะนั้นที่กล่าวว่า.....ความว่าง....ก่อนที่จะทำอะไรสึกษาสิ่งไหนตัวผมเองก็จะทำความว่างไห้เกิดก่อง และเก็บเกี่ยว องความรู้ของทุกๆท่าน ว่างคือจุดเริ่ม ว่างคือจุดจบ
    เช่นเดียวกับ งูกินหาง หรือ 1-0........ขอ แค่เข้าใจ เส่นแบ่งบางๆ
    ระหว่างความรู้ กับความไม่รรู้เท่านั้น ถ้าท่านว่างจักเข้าใจ และถ้าท่านเปิดใจ จะเข้าใจมากขึ้นยิ่งกว่า ทุกสิ่งล้วนแร้วสำเหล็ดได้ด้วยใจทั้งสิ้น..................???
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ความไม่มีตัวตนนี่เป็นความจริงของทุกสิ่งอยู่แล้วครับ และตัวตนก็เป็นเพียงมายาเท่านั้น แต่การให้รู้ความจริงข้อนี้อย่างไรดีกว่าที่สำคัญ
     
  8. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    [​IMG]
     
  9. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    นึกแล้วต้องเจอจอมยุทธ..อีกหนึ่งท่าน..!
    ขณะที่ตนเอง....SET ZERO...ใช้อะไรเป็นสื่อทำ ทำโดยวิธีใด เหตุใดจึงจำทางมิได้ล่ะ..จึงมองว่ายากนะหากอยากจะเป็นอีกครั้ง..!
    กำลังจิตจะเกิด ส่วนจะแรง..ต้องสะสม ต้องสะสม ..มีแรงแต่ไม่รู้จะเอาแรงไปทำอะไร..เลยดูแต่ความว่าง "ลอยเด่น"...!
    เหตุใด มิยกจิตขึ้นวิปัสสนาเล่า..สหายในทางธรรม..!
     
  10. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เรื่องว่าง ให้สังเกตุตัวเองบ่อยๆ

    เอามันชีวิตปกติธรรมดานั่นเลย ผลของการเข้ารู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง
    ใครจะว่าสภาพรู้ก็ได้ หรือ ปัญญาไปสัมผัสความว่าง ด้วยการพิจารณาแล้ว ไม่น่ายึด มันวางของมันเอง จนเกิดปัญญาญาณ พูดกันที่ผลปฏิบัตินั่นเลย

    ชีวิตปัจจุบันมันจะว่างซะส่วนใหญ่ ว่าง เบา เย็นใจ ไกลของร้อน มีเหตุให้พูดก็พูด หมดเหตุก็ว่างต่อ เป็นธรรมชาติของเขาเอง ไม่ได้ไปทำให้มันว่างใดๆ

    ส่วนว่าง สงบ เย็นในสมาธิ อันนี้ขอผ่าน

    ลองเทียบเคียงดูครับ
     
  11. อศูนย์น้อย

    อศูนย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +495
    ขอบคุญทุกท่านที่ชี้เนาะ ถ้าบอกว่ายกจิตขึ้นวิปัสสนาแล้วละ แล้วเข้าใจแล้ว
    เราแจ้งแล้ว จะเชื่อไหมละ แล้วตัวผมเองจะเน่าไหมโดนรุมด่าอีกเพราะคนเวปนี้ก็เป็น
    เช่นนี้สะส่วนไหญ่ ก็เลยนำสิ่งที่ผ่านมา เคยรู้มาเมื่อปีก่อนเล่าสู่กันฟัง เพราะทางของผม
    เดินมามางนี้ แค่หนทางเท่านั้น......สิ่งที่เรารู้ไช่ว่าจักเข้าใจ..สิ่งที่เราเข้าใจไช่ว่าจะรู้...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • budback.jpg
      budback.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.8 KB
      เปิดดู:
      403
  12. สามเณรผู้เดียว

    สามเณรผู้เดียว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +16
    โอ ว่างแบบนี้ขอโมทนาด้วยครับ คงมีความสุขและมีพลังมากมาย
    ขอให้ใช้พลังนั้นไปในทางที่ดีนะคับ ว่างแล้วมาดูความมีเยอะๆเข้า ถ้าเห็นอะไรมาบอกกันด้วย
     
  13. สามเณรผู้เดียว

    สามเณรผู้เดียว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +16
    ความว่าง...
    ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไร แต่รู้ว่ามันก็เคยมี กำลังมี แล้วก็จักมีต่อไป
    ที่น่าสนคืออะไร ที่ไปรู้ความว่าง มันเข้าไปรู้อย่างไรคิดว่าเป็นstepๆนะ แล้วตัวมันเองคือไร อาศัยไรครองอยู่ มันใช่ตัวเรา หรือเราใช่มัน หรืออย่างไรกัน!
     
  14. moshininja

    moshininja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +103
    ดีแท้ประเสริฐแท้ เป็นหนึ่งเดียวแท้ ท่านน่าจะหาจุดเริ่มต้นและจุดจบของวงกลมเจอแล้วใช่ไหมครับ รูป คือ ว่าง ว่าง คือ รูป โลกเป็นของคู่ แต่ธรรมมีเพียงหนึ่ง เจริญในธรรมยิ่งๆ ครับ อนุโมทนาสาธุ
     
  15. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    ไม่รู้หาอะไรกัน หาเหตุ หาว่าง หาปัญญา หาวิมุตติ ความไม่มี ธรรมะไม่มีอะไรให้หา
    ธรรมะไม่มีอะไร ถ้ามีก็ยึด นิพพานต้องไม่มีอะไร กินน้ำชาดีก่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2011
  16. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    -------------------

    ในความว่าง ที่เหนือ ว่าง ยังมีอีกหลายความว่าง
    อนุโมทนา ด้วยค่ะ
    อยากว่างให้ได้เเบบคุณพี่ จัง
     
  17. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ใครอื่นจะรุมด่ารึไม่ ผมไม่ทราบครับ..แต่ตัวผมขอเป็นกัลยา ณ มิตร ณ ธรรมด้วย หวังเก็บเกี่ยวสภาวะธรรมที่เกิดกับท่านมาเป็นกรณีศึกษา เพื่อหาทางพ้นทุกข์ด้วยอีกคนหนึ่ง..ขอถาม ท่านวิปัสสนาด้วยเรื่องอันใด และเกิดผลเยี่ยงใด พอเล่าสู่กันฟังได้รึไม่ ขอบพระคุณครับ:'(
     
  18. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ว่างจัด ว่างๆมากนัก ก็ชวนกันไปส่องพระเครื่องกัน


    ในมวลสาร มีธาตุ ในธาตุมีความว่าง เป็นอนัตตา
    ในเกจิ มีธาตุ ในธาตุมีความว่าง เป็นอนัตตา
    ในตัวเรา มีธาตุ ในธาตุมีความว่าง เป็นอนัตตา
    ในขันธ์ มีใจรู้ธาตุ และ ใจรับธาตุ ในธาตุมีความว่าง เป็นอนัตตา
    ในศรัทรา มีใจคอยรับธาตุ ในธาตุมีความว่าง เป็นอนัตตา
    ในปัญญา มีใจคอยรู้ธาตุ ในธาตุมีความว่าง เป็นอนัตตา


    ว่างนี้แปลว่า ไม่ต่างกัน ไม่เที่ยงเหมือนกัน มันก็วางได้ ว่างได้
     
  19. อศูนย์น้อย

    อศูนย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +495
    ทราบหรือไม่ ใจเราเท่านั้นที่รู้ แจ้งที่ใจ แล้วพูดไปแล้วเพื่ออะไร แค่หนึ่งใน
    60 ล้าน มันไม่มีประโยชน์ ร้อยพ่อพันแม่ สุดแล้วแต่ใจจะคิดเช่นไร
    ก็แค่เส่นแบ่ง บางๆเท่านั้นครับ ^^
     
  20. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ประโยชน์ตนประโยชน์ท่านยังไงล่ะ..ท่านอศูนย์น้อย ธรรมทาน ชี้ทางให้ผู้มืดมนต์อยู่ สาธุ:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...