ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สวัสดีค่ะ พี่จงรักภักดี

    วันนี้เป็นวันแห่งความรัก ขอให้มีความสุขสดชื่นสมหวังในความรักกันทุกๆคนจ้า

    ครบรอบ 2 ปีแห่งการรับรู้เรื่องราวของวัดชุมพลนิกายารามราชวรวิหาร เมื่อสองปีก่อน ในวันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2552 ที่นำถังสังฆทานไปถวายพระเดชพระคุณ พระราชญานรังษี ท่านเจ้าอาวาสวัดชุมพลฯ และได้ไปเห็นจิตรกรรมบนเสาโบสถ์ ครบสองปีแล้วค่ะที่ทำให้ทางสายธาตุมีโอกาศได้รู้จักทุกท่านในกระทู้ผ่านเรื่องราวต่างๆที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้มาเป็นคนเล่าเรื่อง ปกติก็ขายซอฟท์แวร์อยู่ดีๆไม่เคยจับประวัติศาสตร์แบบลึกซึ้งแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์และบรรพบุรุษที่คุ้มครองลูกหลานให้อยู่รอดปลอดภัย สงบสุขเสมอมา

    นำดอกไม้มาฝากในวันวาเลนไทน์ค่ะ

    [​IMG]
     
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    กุหลาบเมาะลำเลิง
    พระอาจารย์มหาฤทธิชัย ท่านแชร์ข้อมูลว่า ท่านคิดว่าพระนางมณีรัตนา เจ้าขรัวมณีจันทร์ เจ้านางมณีอินทร์ อาจจะเป็นคนละองค์กันก็ได้ ไม่แน่ใจ

    ก็เรียนท่านไปว่า ที่หนูคิดว่าเจ้าขรัวมณีจันทร์เป็นพระอัครมเหสีเพราะแผนที่ฝรั่งระบุไว้ว่าวัดไชยวัฒนารามเป็น Pagod De La Reine ทำให้หนูสันนิษฐานว่าทรงเป็นองค์เดียวกันกับพระนางมณีรัตนา

    ท่านก็ว่าน่าคิด คนชื่อจันทร์สมัยก่อนมีเยอะ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ท่านบอกว่ามันเป็นชื่อโหล ใช้กันทั่วไป เหมือนคนชื่ออิน ชื่อแดง เป็นต้น

    และอาจเป็นไปได้นะที่ว่ากุหลาบเมาะลำเลิงหมายถึงสาวมอญจริงๆก็ได้ ใครจะไปรู้ เพราะที่ทางสายธาตุรับทราบ ดอกโบตั๋นน่าจะหมายถึงใครเท่านั้น แต่ในสมัยนั้นชื่อดอกไม้ชนิดนี้ก็ยังไม่มีบัญญัติศัพท์เป็นภาษาไทย คนไทยสมัยนั้นจะเรียกดอกโบตั๋นว่าอย่างไรก็ไม่ทราบค่ะ ท่านผู้อ่านว่าอย่างไรคะ​
     
  3. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    [​IMG]

    กุหลาบเมาะลำเลิง​


    มีความรู้สึกที่ผูกพันกับคำว่า "กุหลาบเมาะลำเลิง" อยู่ไม่น้อย จำได้ว่าเคยมีเพลงกุหลาบเมาะลำเลิง ด้วยนะครับ

    ปล.เกี่ยวกับสูตรยาสลายนิ่วในถุงน้ำดี น่าสนใจมากนะครับ ซื้อหาตัวยาและวิธีปรุงไม่ยาก จะลองไปจัดทำดู และอยากแนะนำให้ท่านที่ได้อ่านพบได้นำไปทดลองดูนะครับ เพราะโรคนี้จะเป็นกันมาก สาเหตุเท่าที่ทราบก็เนื่องมาจากคลอเลสเตอรอล เป็นสาเหตุสำคัญ (รายละเอียดเสิร์จหาจากกูเกิ้ลได้ครับ) เพียงแต่จะแสดงอาการหรือไม่เท่านั้น แต่ถ้า x-ray ตรวจพบแน่ ผมเองไป x-ray เพื่อตรวจหัวใจ ยังได้ของแถมมาครับ ขอบคุณคุณทางสายธาตุ และท่านเจ้าของสูตรยาด้วยนะครับ
     
  4. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พระเจ้าอู่ทองมาจากนครวัดในเขมร (หลักฐานเพิ่มเติมครั้งที่ ๓)</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ทวิช จิตรสมบูรณ์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>13 กุมภาพันธ์ 2554 18:22 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; HEIGHT: 35px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000019405&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เพื่อนแจ้งให้ทราบว่าที่ “สยามมิวเซียม” มีทฤษฎีที่มาของพระเจ้าอู่ทองนำเสนอไว้หลากหลาย หนึ่งในทฤษฎีนั้นระบุว่า พระเจ้าอู่ทอง “เป็นกษัตริย์มาจากเขมร” อ้าว...แบบนี้ผมไม่หัวเดียวกระเทียมลีบอีกต่อไปแล้วสิ ในบทความนี้ผมจะนำเสนอหลักฐานเสริมทฤษฎีนี้เพิ่มเติม

    Charles Higham นักโบราณคดีที่โดดเด่น ในหนังสือ “Civilization of Angkor” ได้ยกอ้างบันทึกของนักสำรวจชาวโปรตุเกสที่ได้ศึกษานครวัดในปี ค.ศ. 1601 (ซึ่งขณะนั้นเป็นเมืองร้าง เต็มไปด้วยป่าปกคลุม) สรุปสาระสำคัญได้ว่า 1) คนพื้นเมือง (ซึ่งคงยังมีหลงเหลืออยู่บ้างรอบๆ นครวัด) ให้การว่านครวัดนี้สร้างโดย “คนต่างชาติ” 2) นักสำรวจโปรตุเกสมีความเห็นว่า กษัตริย์ผู้สร้างสยาม (ศรีอยุธยา) ไปจากนครวัด

    หนังสือชินกาลมาลีปกรณ์ ซึ่งถือเป็นพงศาวดารสำคัญของล้านนาบันทึกไว้ว่า “...ครั้งหนึ่ง เมืองชัยนาทเกิดทุพภิกภัย พระเจ้ารามาธิบดีกษัตริย์อโยชชปุระเสด็จฯ มาจากแคว้นกัมโพช ทรงยึดเมืองชัยนาทนั้นได้....”

    พระเจ้ารามาธิบดี ก็คือพระเจ้าอู่ทอง นักวิชาการประวัติศาสตร์ไทยส่วนใหญ่ตีความกันว่า กัมโพช เป็นชื่ออีกชื่อหนึ่งของ ลพบุรี แต่ผมขอแย้งว่าไม่ใช่ โดยผมเห็นว่ากัมโพช หมายถึงอาณาจักรกัมพูชาโบราณ (ซึ่งไม่ใช่กัมพูชาวันนี้หรอกนะ)

    ลพบุรี..มีตัวตนเป็นที่รู้จักไปทั่วสารทิศว่า ลวปุระ (และละโว้ด้วย) มานาน 500 ปี..จู่ๆ จะไปใช้ชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า “กัมโพช” ซึ่งเป็นชื่อที่นครวัดก็ได้ใช้มาจนเป็นที่รู้จักกันทั่วไปนานกว่าสามร้อยปีอีกแล้วด้วย จู่ๆ เมืองสองเมืองที่ยิ่งใหญ่ด้วยกันทั้งคู่จะไปใช้ชื่อเหมือนกัน เช่น ลอนดอน จะไปใช้ชื่อว่า ปารีส อีกชื่อหนึ่งด้วย..มันจะเป็นไปได้หรือ อีกทั้งชินกาลฯ นั้นเวลาเอ่ยถึงลพบุรีและอยุธยาจะเรียกว่า “เมือง” ลวปุระ และเมืองอโยชชปุระ แต่พอเอ่ยถึงกัมโพชเรียกว่า “แคว้น” กัมโพช ซึ่งคำว่า “แคว้น” ในสมัยโน้นหมายถึง “ประเทศ” ในสมัยนี้

    การที่ชินกาลฯ ใช้ภาษาเช่นนี้ เป็นเพราะเกิดจากความเข้าใจของกษัตริย์ล้านนาว่า...พระเจ้าอู่ทองเป็นกษัตริย์กัมพูชาที่ย้ายเมืองหลวงจากนครวัด มาอยู่ที่อโยชชปุระ ดังนั้นพระเจ้าอู่ทองคือ “ผู้เป็นใหญ่แห่งแคว้นกัมโพช” ดังเดิม

    นับเป็นพระปรีชาทางการทูตของพระเจ้าอู่ทองที่ทำให้ล้านนายอมรับว่าพระองค์ยังคงเป็นผู้เป็นใหญ่แห่งแคว้นกัมโพช แม้นว่าความจริงแล้วถูก ทาสแตงหวาน (ตระซ็อกประแอม) ไล่ฆ่าเสียจนเสียมเรียบ จนต้องกระเจิงหนีมาสร้างกรุงศรีอยุธยา

    แม้พระเจ้าบุเรงนองแห่งพม่าก็เรียกสยามในสมัยโน้นว่า กัมโพชา หลักฐานคือชื่อพระราชวังที่หงสาวดีที่เรียกชื่อว่า “กัมโพชาธานี” ซึ่งมีบันทึกว่าสร้างด้วยแรงงานเชลยศึก ผมเลยต่อกระเบื้องแตกว่าคงตั้งชื่อเอาไว้เย้ยหยันกรุงโยเดีย (อยุธยา) แห่งแคว้นกัมโพชาที่ช่วยส่งเชลยไปสร้างวังให้ฟรีๆ

    การออกเสียงนับเลขของชาวเขมรตั้งแต่สมัย ๘๐๐ ปีก่อนจนถึงวันนี้ใช้ระบบฐานห้ามาตลอด เรื่องนี้เป็นหลักฐานสำคัญที่สุดว่าเขมรไม่ใช่ขอม ซึ่งผมได้อรรถาธิบายไว้ในบทความก่อนๆ แล้ว

    ระบบการเขียนเลขขอมโบราณนั้นเป็นฐานสิบ แต่จะออกเสียงหนึ่งถึงสิบว่าอย่างไรคงต้องไปศึกษากันต่อ แต่น่าเชื่อได้ว่าสำเนียงออกเสียงนับเลขคงคล้ายๆ มอญนี่แหละ เพราะอักษรขอมโบราณนั้นไม่อาจเรียกว่าคล้ายแต่ต้องบอกว่าเหมือนอักษรมอญโบราณทีเดียวแหละ ซึ่งในวันนี้ภาษามอญออกเสียงนับเลขเป็นระบบฐานสิบ เหมือนกับสยามโบราณ

    บทก่อน ตอนที่ ๓ มีคนทักผมไว้ท้ายบทความว่าแปลภาษาอังกฤษเรื่องเข็มด้าย (ในตอนที่ ๒) แบบลำเอียง..ภาษาอังกฤษที่แปลบันทึกโจวตากวนจากภาษาจีนโดยตรง (A RECORD OF CAMBODIA โดย Peter Harris) คือ:- None of the locals produced silk. Nor do the women know how to stitch and darn with a needle and thread. ผมแปลว่า “ชาวบ้านไม่รู้จักใช้เข็มในการเย็บและชุนผ้า” ผมไม่เห็นว่าลำเอียงตรงไหน ซึ่งทำให้ผมต่อกระเบื้องแตกไปแล้วว่า ชาวเขมรทอผ้า เย็บผ้าก็ยังไม่เป็น (นับเลขก็ได้แค่ ๕ อีกต่างหาก) แล้วจะไปมีความรู้สูงในการสร้างปราสาทหินได้อย่างไร

    ผมได้เสนอทฤษฎีใหม่ที่ต่างจากทฤษฎีเก่าอย่างสิ้นเชิง ซึ่งทฤษฎีเก่านั้นมันมีรากมาจาก จอร์จ เซเดส์ ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นนักวิชาการแห่งเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส ที่กำลังจะฮุบเอาดินแดนเขมรไปจากสยาม เขาก็สร้างนิยายว่าเขมรเป็นเชื้อสายวรมัน ทั้งที่พงศาวดารเขมรฉบับแรกระบุด้วยความภาคภูมิใจว่าบรรพบุรุษเขาคือนายแตงหวาน ที่ฆ่าวรมันตายเรียบ (เสียมเรียบ) ต่างหาก (ซึ่งเซเดส์ น่าจะรู้เต็มอก แต่ทำเป็นมองไม่เห็น)

    ส่วน “สยาม” นั้นตอนแรกฝรั่งว่ามาจากเขาอัลไต ต่อมาเซเดส์ สร้างทฤษฎีใหม่ว่าไม่ได้อยู่ตรงนี้มาแต่แรก แต่หนีกุบไลข่านลงมาจาก “น่านเจ้า” ทั้งที่ไม่มีหลักฐานสนับสนุนอะไรเลย นอกจากบริบทหลวมๆ แต่เราก็น้อมรับทฤษฎีฝรั่งกันทั้งเมือง

    ทฤษฎีใหม่ที่เสนอไว้นี้มีหลักฐาน เหตุผล บริบทสนับสนุนหนาแน่น แต่คงยากที่จะก้าวขึ้นเป็นทฤษฎีหลักของคนไทยได้ยกเว้นถ้ามีฝรั่งเห็นด้วยสักสองคน

    www.manager.co.th

    คัดลอกมาแบ่งปันกันครับ ประวัติศาสตร์ก็คือประวัติศาสตร์นะครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ...ถ้าถามว่า "ทางออก-ทางจบ" ของไทย-กัมพูชา ในกรณีปราสาทพระวิหารนี้ มีบ้างมั้ย ตอบได้เลยว่ามี และในความเห็นผม
    มี ๔ ทางเลือก คือ....

    คุณเปลว สีเงิน เสนอ 4 ทางเลือกในการแก้ปัญหา ไทย-กัมพูชา

    พร้อมน้อมสนองใน ๔ ทางเลือก

    พร้อมน้อมสนองใน ๔ ทางเลือก | ไทยโพสต์
     
  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434

    มีเคล็ดลับนิดนึงค่ะ ท่านผู้เป็นเจ้าของสูตรยาและท่านที่มาบอกสูตรยาในฝันให้เด็กหนุ่มน้อยผู้ป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมียนั้น เมื่อหายป่วยแล้วให้ผู้ป่วยอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเจ้าของสูตรยาและผู้บอกสูตรยาด้วย พวกเราผู้นำสูตรยาไปใช้ก็ให้ปฎิบัติแบบเดียวกันค่ะ เทวดาที่มาบอกท่านคงมาช่วยมนุษย์เพื่อสร้างบารมีกระมังคะ

    เรื่องของพระเจ้าอู่ทอง โอ้ เป็นแนวคิดใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยค่ะพี่ ยิ่งกำลังมีปัญหาชายแดนแบบนี้ เหมือนโดนหมัดฮุกแล้วมึนนิดๆ โอ้ ถ้าประวัติศาสตร์เป็นอย่างนี้จริง อย่างนี้ก็ต้องรื้อฟื้นการค้นคว้ากันใหม่ทั้งหมดซิคะ

    จอร์จ เซเดส์ ผู้นี้ ทางสายธาตุจำได้แม่นเพราะว่าเขาเป็นผู้เผยแพร่รูป an unusual siamese bronze ในวารสารศิลปะวัฒนธรรมของประเทศฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1929 รูปนี้ค่ะ

    [​IMG]
    วันนี้ไปเฝ้าแม่ฟอกไต ได้อ่านข่าว เดอะทวายโปรเจ็คส์ ดีใจจัง ไทยเราจะกลับมาเป็นศูนย์กลางการค้าและการขนส่งในภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดอีกครั้ง เพราะเรากำลังจะมีด่านชายแดนการค้าที่กาญจนบุรี ติดกับทวาย ในพม่า เมืองที่ออกญาศรีถมอรัตน์ไม่อยากไปปกครองนั่นแหละ ที่มะริด ทวาย เป็นเมืองหน้าด่านการค้าที่สำคัญของกรุงศรีฯ คิดว่ากษัตริย์โบราณต่างแย่งกันครอง บุเรงนองก็ต้องการครองโดยแย่งมาจากมอญก่อน พอกรุงศรีฯมีแสนยานุภาพมากขึ้นก็เข้าไปครอง ภายหลังพม่าก็กลับมาครองอีก แล้วพม่าก็เสียเอกราชให้อังกฤษไป เมืองนี้จึงไม่กลับมาเป็นของไทยอีก แต่ปัจจุบันอาศัยความร่วมมือสองประเทศ พม่า-ไทย กลับจะได้ประโยชน์ทั้งสองประเทศ โดยไม่ต้องขุดคอคอดกระ น่ายินดีกับข่าวนี้ค่ะ​
     
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ทุนต่างชาติแห่แจมโปรเจกท์ทวาย อลงกรณ์เร่งพัฒนาท่าเรือรองรับ

    หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- อังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 15:55:21 น.
    <STYLE>.expanded { Z-INDEX: 9999; WIDTH: 620px}</STYLE>
    นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า รัฐบาลพม่าได้ประกาศให้เมืองทวายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจตะวันตก ภาคตะนาวศรีแทนเมืองมะริดแล้ว เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา โดยโครงการทวาย ประกอบด้วย ทางหลวงระหว่างประเทศทวาย-กาญจนบุรี ท่าเรือน้ำลึก และนิคมอุตสาหกรรม มูลค่า 400,000 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ราว 200,000 ไร่ มีเม็ดเงินที่จะต้องเข้าไปลงทุนหลายหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง บมจ.อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ ได้รับสัมปทานดังกล่าว โดยนักลงทุนทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่น จีน และสิงคโปร์ ต่างมุ่งมาที่เมืองทวาย เพื่อวางแผนลงทุนสร้างโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร และโรงงานขนาดเล็ก โดยเฉพาะสิงคโปร์ ที่ล่าสุดกลุ่มเทมาเส็กได้ขอเข้าร่วมลงทุนในพื้นที่บางจุดกับ บมจ.อิตาเลียนไทยฯแล้ว

    "เชื่อว่า โครงการนี้จะเปลี่ยนโฉมหน้าเศรษฐกิจของพม่าเป็นอย่างมาก พร้อมๆกับยกระดับภาคตะวันตกของไทยเป็นอีสเทิร์นซีบอร์ด เส้นทางการค้าใหม่ของโลก และเป็น 1 ใน 5 ประตูการค้าที่จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค โดยจะพัฒนาด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ เชื่อมต่อไปยังเมืองมูดอง และเมืองมะริดด้วย นอกจากนี้จะสนับสนุนให้พัฒนาท่าเรือระนอง เพื่อช่วยให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าของโลก คาดว่าไม่เกินปี 2558 การก่อสร้างในเฟสแรกจะแล้วเสร็จ" นายอลงกรณ์ กล่าว

    ด้านนายสมภพ ธีระสานต์ ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาสภาอุตสาหกรรม จ.กาญจนบุรี ได้เสนอให้รัฐบาลจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่คืบหน้า จึงต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรม เพราะฝั่งไทยล่าช้ากว่าฝั่งพม่ามาก

    ส่วนนายสิงห์ ตั้งเจริญชัยชนะ ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคกลาง กล่าวว่า จะร่วมกับสมาคมศูนย์ประสานงานองค์กรเอกชน จ.กาญจนบุรี จัดตั้งศูนย์ศึกษาและพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนชายแดน เพื่อรองรับความเจริญจากโครงการทวาย โดยเฉพาะชุมชนบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี ที่ต้องยกระดับอาชีพและคุณภาพชีวิต โดยจะของบประมาณสนับสนุนจากสหประชาชาติ โดยปัจจุบันบ้านพุน้ำร้อนเป็นเพียงจุดผ่านแดนชั่วคราว ซึ่งสภาความมั่นคงแห่งชาติอนุญาตให้เฉพาะบุคลากรของ บมจ.อิตาเลียนไทยฯผ่านเข้าไปได้เท่านั้น ถ้าประกาศเป็นจุดผ่อนปรนชั่วคราวจะส่งผลให้เกิดการค้าขาย เกิดชุมชนในฝั่งพม่า เศรษฐกิจชายแดนทั้ง 2 ฝั่งจะคึกคักอย่างแน่นอน จึงต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าว
     
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พี่จงรักภักดีเคยวิเคราะห์ถึงความสำคัญของหัวเมืองด้านตะวันตกแถบๆนี้ไว้ด้วย ขอยกกลับมาอ่านอีกทีค่ะ
    <TABLE id=post2417724 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>10-09-2009, 08:28 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #561 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->จงรักภักดี<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2417724", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Feb 2009
    ข้อความ: 983
    พลังการให้คะแนน: 250 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2417724 class=alt1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "ca-pub-2576485761337625";/* 336x280 */google_ad_slot = "0551074580";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px" id=google_ads_frame1_anchor><IFRAME style="POSITION: absolute; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=google_ads_frame1 height=280 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-2576485761337625&output=html&h=280&slotname=0551074580&w=336&lmt=1297695767&flash=10.1.102.64&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff179%2F%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A-184672-29.html&dt=1297695767109&shv=r20101117&jsv=r20110208&saldr=1&correlator=1297695767125&frm=0&adk=1895654240&ga_vid=1377196858.1296022563&ga_sid=1297692064&ga_hid=1628075371&ga_fc=1&ga_wpids=UA-7034934-1&u_tz=420&u_his=11&u_java=1&u_h=768&u_w=1024&u_ah=738&u_aw=1024&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=1003&bih=468&ref=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff179%2F%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A-184672.15/&fu=0&ifi=1&dtd=78&xpc=salMWpx61N&p=http%3A//palungjit.org" frameBorder=0 width=336 allowTransparency name=google_ads_frame marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME></INS></INS>
    ".....พระยาศรีไสยณรงค์ ไม่ได้ครองหัวเมืองชั้นเอกเหมือนพระยาชัยบูรณ์ แต่ได้ไปครองหัวเมืองชั้นโทคือเมืองตะนาวศรี ไม่รู้ว่าเรื่องความสำคัญของชั้นหัวเมืองจะทำให้พระยาศรีไสยณรงค์น้อยใจหรือเปล่านะคะ....."


    -เรื่องนี้น่าจะมีส่วนสำคัญอยู่ไม่น้อย วิสัยทหารหรือนักรบนอกจากจะอุทิศ

    เลือดเนื้อและชีวิต เพื่อชาติบ้านเมืองและเพื่อเจ้าเหนือหัวแล้ว ความต้องการ

    ในลาภ ยศ สรรเสริญ ก็เป็นสิ่งที่ควบคู่กัน จึงเป็นประเพณีที่จะต้องมีการปูนบำ


    เหน็จความดีความชอบกันโดยไม่ชักช้าเมื่อเสร็จศึกสงครามในแต่ละครั้งกัน

    ครับ

    -แต่สมเด็จพระนเรศวรผู้เป็นเจ้า ในครั้งกระโน้น พระองค์ท่านทรงรู้จักฝีมือและ

    นิสสัยใจคอของขุนพลคู่พระทัยของพระองค์ดี พระองค์ท่านจึงน่าจะทรงวาง

    ตำแหน่งของแต่ละคนไว้ในจุดยุทธศาสตร์ที่เกื้อกูลต่อการปฎิบัติในอนาคต พูด

    กันง่ายๆก็คือเพื่อแผนการศึกสงครามในภายหน้า ผมได้เคยอ่านข้อเขียนของ

    พี่ภาวิโตจำได้ว่า พี่ภาวิโตวิเคราะห์ไว้ว่า ยุทธศาสตร์ของชาติในสมัยสมเด็จ

    พระนเรศวรมหาราชเจ้านั้น คือการยึดครองพม่า ถึงได้เสด็จยกทัพใหญ่เพื่อไป

    ตีอังวะ (เผอิญพระองค์ท่านไปสิ้นพระชนม์เสียก่อน) และเมื่อยึดครองพม่าได้

    แล้ว พระองค์ท่านก็น่าจะสถาปนาเมืองมอญหรือประเทศมอญขึ้นมาใหม่ ด้วย

    พระราชประสงค์ที่หลายๆท่านคงจะคาดเดากันได้ เพราะฉะนั้นการที่พระองค์

    ท่านทรงวางตำแหน่งพระยาศรีไสยณรงค์ ไว้ที่เมืองตะนาวศรีจึงน่าจะเป็นสิ่งบ่ง

    บอกว่าเมืองตะนาวศรีนี้น่าจะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่เกื้อกูลต่อการสงคราม

    ในอนาคต พูดกันชัดๆพระองค์ท่านทรงวางหมากตัวขุนไว้บนกระดานนี้เรียบ

    ร้อยแล้วนั่นเอง (ความคิดเห็นส่วนตัวครับ )

    <!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สภาพัฒน์ขานรับท่าเรือทะวาย

    สภาพัฒน์หนุนตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษกาญจนบุรีรองรับท่าเรือน้ำลึกทะวายของพม่า พร้อมเร่งลงทุนรถไฟรางคู่และมอเตอร์เวย์เชื่อมท่าเรือแหลมฉบัง ชี้ประโยชน์โยงสองฐานการผลิตใช้ทะวายเป็นประตูสู่ตะวันตกของไทย


    [​IMG]


     
  10. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เที่ยวตลาดน้ำกันครับ

    [​IMG] MIRA RED <TAN>

    • รหัสเครื่อง: ED เดิม ๆ 847 cc.
    • รุ่นรถ: Mira เก๋ง
    • ใช้รถที่ไหน: นนทบุรี บางใหญ่
    [​IMG]
    มีโปรเเกรมมาเเนะนำ หนีเที่ยวธรรมบุญ ช่วง วันมาฆบูชา 18/2/2554

    « เมื่อ: วันนี้ เวลา 08:47:07 AM »


    ที่เเรก ตลาดน้ำวัดตะเคียน จ.นนทบุรี
    ตลาดน้ำวัดตะเคียน ถูกเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2552 โดยหลวงปู่แย้ม ได้มาทำพิธีเปิดพร้อมได้พรมน้ำมนต์ให้กับเหล่าบรรดาพ่อค้า แม่ค้า ที่เตรียมตัวมาพายเรือค้าขายอยู่บริเวณตลาดน้ำวัดตะเคียนแห่งนี้ ด้วยแนวความคิดที่ต้องการพลิกฟื้นวิถีชีวิตของคนในอดีตให้กับคนรุ่นใหม่ได้สัมผัส และ ท่านต้องการที่จะใช้พื้นที่บริเวณลำคลองแห่งนี้ให้เป็นประโยชน์กับชาวบ้านที่มาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ให้สามารถทำมาหากินได้โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ โดยการนำพืชผักต่างๆ ที่ปลูกกันเอง รวมถึงของกินที่หลากหลาย มาพายเรือขาย เพราะถือเป็นการตอบแทนให้กับชาวบ้านเหล่านี้ด้วยเช่นกัน เพราะว่าวัดแห่งนี้อยู่มาได้ก็เพราะชาวบ้านในระแวกนี้ ที่มาทำบุญ บริจาค ถวายอาหาร อยู่เป็นประจำ ปัจจุบันตลาดน้ำวัดตะเคียนแห่งนี้เริ่มได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก

    ความน่าสนใจของการมาเที่ยวที่ตลาดน้ำแห่งนี้คือ การล่องเรือชมทัศนียภาพสองฝั่งคลองบางคูเวียง และ คลองบางราวนก ชมวิถีชิวีตของชาวบ้านริมคลองที่ยังรักษาบ้านเรือนไทยโบราณ ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันของธรรมชาติ และร่องรอยอารยธรรม ศิลปกรรม

    ข้อมูลเพื่อการเดินทางไปตลาดน้ำวัดตะเคียน
    เริ่มต้นจากแยกแคราย จ.นนทบุรี วิ่งตรงไปข้ามสะพานพระราม 5 จากนั้นวิ่งตรงไปตาม ถ.นครอินทร์ ถึง ถ.กาญจนาภิเษก ให้กลับรถใต้สะพานก่อนข้ามแยก แล้วมุ่งหน้าย้อนกลับมาทางเดิมประมาณ 1 ก.ม. จะเห็นสะพานลอยให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปช่องคู่ขนาน และเลี้ยวซ้ายเข้าไปตรงป้าย "วัดตะเคียน"

    ในกรณีที่มาจากบางใหญ่เมื่อถึงแยกที่จะเลี้ยวซ้ายไปสะพานพระราม 5 ให้เลี้ยวซ้าย แล้ววิ่งตรงไปประมาณ 1 ก.ม. ก็จะเจอสะพานลอยและทางเข้าวัดอยู่ซ้ายมือ จากนั้นวิ่งไปตามถนนประมาณ 1 ก.ม. ก็จะเจอวัดข้างหน้า ให้ข้ามสะพานเข้าไปจอดในลานวัดได้เลย




    มีโปรเเกรมมาเเนะนำ หนีเที่ยวธรรมบุญ ช่วง วันมาฆบูชา 18/2/2554
     
  11. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    วัดนี้ขอเชิญเหล่าทหารเสือของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ครับ



    MIRA RED <TAN>

    วัดเสาธงหิน ตั้งอยู่เลขที่ 38 หมู่ที่ 1 ตำบลเสาธงหิน เดิมชื่อวัดสัก ในสมัยอยุธยาตอนปลาย พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงรวบรวมไพร่พลมาตั้งทัพบริเวณวัด และได้ปักธงไว้กับกองหิน เพื่อให้ทหารมองเห็นได้แต่ไกล และโปรดให้สร้างพระพุทธรูปเนื้อชินเงิน 3 องค์ คือ ประธาน 1 องค์ พระสาวก 2 องค์ ต่อมาเมื่อสิ้นสุดสงครามได้กลับมาบูรณะวัดอีกครั้งหนึ่ง และเปลี่ยนชื่อเป็นวัดเสาธงหิน มาจนตราบทุกวันนี้

    หลวงพ่อโต พระประธานอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเคารพนับถือมาก ชาวบ้านเล่าว่าครั้งหนึ่งน้ำเค็มขึ้นถึงจังหวัดนนทบุรี แต่หน้าวัดเสาธงหินเป็นน้ำจืด ชาวบ้านโจษขานกันไปทั่วและพากันตักไปดื่มกินโดยทั่วไปในขณะนั้น นอกจากความศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว หลวงพ่อโตยังได้รับความเคารพบูชาจากชาวบ้านมาบนบานอยู่เสมอและมักจะประสบความสำเร็จ จึงพากันสักการะเป็นประจำ


    มีโปรเเกรมมาเเนะนำ หนีเที่ยวทำบุญ ช่วง วันมาฆบูชา 18/2/2554
     
  12. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ลองอ่านบทความนี้ดู แล้วท่านจะเข้าใจ ครับ

    ดอกมะลิ...ที่ขึ้นอยู่ในดินแดนอาณาจักร คาร์เทจ แต่ดั้งเดิม หรือในประเทศ ตูนิ
    เซีย ทุกวันนี้ เอาไป-เอามาแล้ว มันอาจจะไม่ถึงกับหอมหวนยวนใจซักเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้ การปฏิวัติดอกมะลิ อันถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกโลกอาหรับ เมื่อมาถึงทุกวันนี้...มันยังไม่ถึงกับก่อให้เกิดความสุข ความสงบเรียบร้อย ความมีสันติภาพ ตามความกระหายใคร่อยากที่จะได้ลิ้มรส ได้สัมผัสระบอบประชาธิปไตยแบบจริงๆ จังๆ ซะที...
    -------------------------------------------
    ความปั่นป่วน วุ่นวาย หลังการปฏิวัติตูนิเซีย ในทุกวันนี้...ว่ากันว่า ถึงกับส่งผลให้คลื่นมนุษย์ชาวตูนิเซีย พยายามลอยเรือเท้งเต้ง อพยพหนีความวุ่นวายไปยังอิตาลี ระลอกแล้ว ระลอกเล่า นอกไปจากนั้น...บรรดากลุ่มผู้จงรักภักดีต่ออดีตประธานาธิบดี อัลอาบิดีน เบน อาลี ผู้ซึ่งหลบลี้หนีภัยไปซุกหัวอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ได้ ก็ยังคงแสดงอาการฮึดฮัด ก่อความสับสน วุ่นวาย ไม่ต่างไปจากพวก กองกำลังเสื้อดำ ในบ้านเราอะไรประมาณนั้น กว่าที่ประชาธิปไตยในตูนิเซียจะกินได้ ทาได้ ดมได้ ทาผัวเมียหาย ทาแม่ยายพ่อตาฟื้น อย่างที่ชาวตูนิเซียหวังและต้องการ มันอาจต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย หรือดีไม่ดีอาจจะเกิดกระแสทวน พลิกขวา พลิกซ้าย ไปสู่ทิศทางอื่นๆ ได้เสมอๆ...
    ---------------------------------------------
    เช่นเดียวกับการปฏิวัติมวลชนในอียิปต์...ที่นำมาซึ่งการล่มสลายของ ระบบมูบารัก คราวนี้ ก็ใช่ว่าจะกลายเป็น คำตอบเบ็ดเสร็จ ไปซะทั้งหมด หลังจากมวลชนนับล้านที่ไร้หัว ไร้หาง ไร้การจัดตั้ง มีแต่ความหวังและความต้องการ ที่จะโค่นล้มระบบมูบารักเป็นศูนย์รวมเท่านั้น พากันแยกย้ายกลับไปบ้านใคร บ้านมัน อำนาจการบริหารจัดการทั้งหมด ซึ่งตกอยู่ในมือของทหาร ก็ได้ถูกแปรสภาพให้กลายเป็น การอยู่ยาว อย่างน้อยก็ในอีก 6 เดือนข้างหน้า หรือไม่ก็จนกว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ณ ช่วงไหน เวลาใด และแบบไหน อย่างไร ก็ยังไม่อาจคาดคะเนได้...
    -----------------------------------------------
    ด้วยเหตุนี้...ใครก็ตามที่คิดว่า การปฏิวัติมวลชน หรือการอาศัยพลังประชาชนนับแสน นับล้าน เข้ากดดันทำลายอำนาจทางการเมืองของฝ่ายตรงข้าม แล้วจะนำมาซึ่งความหวัง ความต้องการใดๆ ได้ทั้งหมดนั้น คงต้องหาทางคิดทบทวนกันให้หนักๆ เข้าไว้ ....


    http://www.thaipost.net/news/150211/34396
     
  13. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สนามรบ : แบ่งประเภทนักรบ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย สามารถ มังสัง</TD><TD class=date vAlign=center align=left>14 กุมภาพันธ์ 2554 16:52 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นักรบ 5 ประเภทคือ

    1. เห็นฝุ่น ก็ไม่กล้าเข้าสู่สงคราม

    2. เห็นธง ก็ไม่กล้าเข้าสู่สงคราม

    3. ได้ยินเสียงกึกก้องของกองทัพ ก็ไม่กล้าเข้าสู่สงคราม

    4. ถูกฆ่าตายในสงคราม

    5. เอาชนะข้าศึกได้

    นักรบทั้ง 5 ประเภทดังกล่าวข้างต้นเป็นคำสอนของพระพุทธองค์ โดยการนำมาเปรียบเทียบกับการประพฤติพรหมจรรย์ของภิกษุในการรักษาศีล และปฏิบัติธรรมเพื่อต่อสู้กับกิเลสอันเปรียบได้กับข้าศึกภายในจิตใจ และเป็นศัตรูของคุณธรรมซึ่งมีที่มาในพระไตรปิฎกเล่มที่ 22 ปัญจากนิบาต ทุติยปัณณาสก์ หมวด 50 ที่ 2

    โดยนัยแห่งการแบ่งประเภทของนักรบทั้ง 5 ประเภท จะเห็นได้ว่าเป็นไปตามภาวะแวดล้อมในทางสังคม และความเป็นจริงอันเกิดจากการสู้รบของกองทัพในยุคนั้น จะเห็นได้จากรูปแบบและเนื้อหาของการแบ่งแต่ละประเภทดังนี้

    ประเภทที่หนึ่ง เห็นฝุ่น ก็ไม่กล้าเข้าสู่สงคราม อธิบายขยายความได้ว่า กองทัพในยุคนั้นประกอบด้วยกำลังคน ม้า และช้าง และส่วนใหญ่กองทัพเคลื่อนที่เร็วก็คือ กองทัพม้า และถ้ามีม้ามากเท่าไหร่ โอกาสที่จะมองเห็นฝุ่นตลบมาแต่ไกลย่อมเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในสภาพพื้นที่ที่เป็นทุ่งกว้าง โล่งเตียน และแห้งแล้ง

    ดังนั้น นักรบประเภทขี้กลัว ไม่ว่าจะกลัวแพ้ กลัวบาดเจ็บ หรือแม้กระทั่งกลัวถูกศัตรูจับตัวเป็นเชลย แน่นอนว่าจะถอดใจยอมแพ้ด้วยการหลบหนีก่อนที่จะเกิดการสู้รบ และน่าจะด้วยมีนักรบประเภทนี้อยู่ในกองทัพ จึงทำให้ขงเบ้งในเรื่องสามก๊กใช้กลศึก โดยให้ทหารเอากิ่งไม้ผูกกับหางม้าวิ่งสวนกันไปมาเป็นวงกลมเพื่อทำให้เกิดฝุ่นตลบ ดูประหนึ่งว่ามีกองทัพม้าจำนวนมากเพื่อข่มขวัญศัตรู และทำให้ฝ่ายตรงกันข้ามไม่กล้าจู่โจม

    ประเภทที่สอง เห็นธง ไม่กล้าเข้าสู่สงคราม ในยุคโบราณ กองทัพยกไปพร้อมกับมีการชูธง อันเป็นการแสดงถึงสัญลักษณ์ของเผ่าพันธุ์ และเป็นการแสดงแสนยานุภาพด้วยการชูธงประจำตัวผู้นำทัพ เช่น กองทัพจีนที่นำโดยฮ่องเต้ ก็มีธงประจำโดดเด่นอยู่หน้ากองทัพในเวลาเคลื่อนไป และอยู่เหนือค่ายเมื่อมีการพักแรม

    ถ้าผู้ที่นำทัพมามีศักยภาพในการรบเป็นที่เกรงขาม นักรบฝ่ายตรงกันข้ามเมื่อได้เห็นธงก็เกิดความกลัวและถอดใจถอยหนีก็เกิดขึ้นได้

    ประเภทที่สาม ได้ยินเสียงกึกก้องของกองทัพ ก็ไม่กล้าเข้าสู่สงคราม ข้อนี้น่าจะเกิดในกรณีที่กองทัพที่บุกเข้ามามีไพร่พลจำนวนมาก และฮึกเหิมด้วยการโห่ร้องลั่นกลองรบ ทำให้นักรบประเภทตัวใหญ่ใจเล็ก หรือประเภทเล็กทั้งกายและใจ ถอดใจไม่ยอมเผชิญหน้าได้

    ประเภทที่สี่ ตายในสงคราม ประเภทนี้แน่นอนว่าเป็นนักรบทั้งกาย และใจ ยอมพลีชีพเพื่อปกป้องดินแดน และป้องกันเผ่าพันธุ์ของตนเองด้วยชีวิต และจะได้รับการขนานนามว่า วีรบุรุษแห่งสงคราม เป็นเกียรติแก่ตนเองและวงศ์ตระกูล

    ประเภทที่ห้า เอาชนะข้าศึก ประเภทนี้เรียกได้ว่าเป็นนักรบแท้จริงที่สามารถรักษาไว้ได้ทั้งกายและเกียรติของตนเอง วงศ์ตระกูล และชาติ ควรแก่การยกย่องและให้รางวัลตอบแทนในทุกรูปแบบ และแม่ทัพที่เป็นนักรบประเภทนี้เองที่ได้ชื่อว่า ขุนพลแก้วของจักรพรรดิในยุคโบราณ ควบคู่กับช้างแก้ว และม้าแก้ว ดังที่ปรากฏในจักรกวัติสูตร หรือสูตรว่าด้วยพระเจ้าจักรพรรดิผู้มีแก้ว 7 ประการ คือ 1. จักรแก้ว 2. ช้างแก้ว 3. ม้าแก้ว 4. แก้วมณี 5. นางแก้ว 6. ขุนคลังแก้ว และ 7. ขุนพลแก้ว

    ทั้งหมดที่ยกมาเป็นเรื่องของการสู้รบในยุคโบราณสมัยเมื่อ 2,000 กว่าปีมาแล้ว แต่ในปัจจุบันถึงแม้จะไม่มีสงครามในรูปแบบของการขี่ช้าง ขี่ม้า แกว่งดาบ รำขวานเข้าห้ำหั่นกันเฉพาะหน้า แต่การศึกการสงครามก็ยังมีอยู่และดูเหมือนว่ารุนแรงและโหดร้ายกว่าในยุคก่อน ทั้งนี้ด้วยเหตุปัจจัยในเชิงตรรกะดังต่อไปนี้

    1. อาวุธยุทโธปกรณ์ในปัจจุบันมีอานุภาพทำลายล้างสูง และทำลายเป้าหมายในระยะไกลได้ โดยที่ไม่ต้องนำกำลังพลมาประจันหน้ากันเหมือนกัน

    2. ในด้านกำลังพล บุคลากรในกองทัพมีศักยภาพสูง ทั้งในด้านการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ และด้านการวางแผนสู้รบ ประกอบกับเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัย ทำให้การสั่งการทำได้รวดเร็วไม่ต้องพึ่งม้าเร็วหรือนกพิราบสื่อสารเหมือนก่อน

    3. นอกจากกำลังพลและกำลังอาวุธแล้ว สงครามในปัจจุบันยังใช้เศรษฐกิจเป็นเครื่องมือในการทำสงครามได้ด้วย

    ด้วยเหตุปัจจัย 3 ข้อดังกล่าวแล้ว สงครามในปัจจุบันทำให้ประเทศที่มีความพร้อมทั้ง 3 ประการที่ว่ามานี้ได้เปรียบประเทศที่ด้อยกว่าในด้านใดด้านหนึ่งหรือ 3 ด้านรวมกัน

    แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าประเทศที่เหนือกว่าจะใช้ความได้เปรียบรุกราน และคุกคามประเทศที่ด้อยกว่าได้โดยอิสระตามอำเภอใจ เพราะในโลกปัจจุบันได้มีสหประชาชาติที่มีประเทศสมาชิกอยู่ทั่วในทุกทวีป จะเป็นเครื่องมือคอยถ่วงดุลมิให้เกิดสงครามขึ้นได้อย่างเต็มรูปแบบ หรือที่เรียกว่าสงครามประกาศอย่างเปิดเผย จะมีบ้างก็แค่กระทบกระทั่งกันเป็นการสู้รบย่อยและยุติลงด้วยการเจรจา ดังที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างไทยกับเขมรอยู่ในขณะนี้

    ถึงแม้ว่าถ้าดูจากท่าทีที่แข็งกร้าวของผู้นำเขมรที่ตั้งท่าจะลากยาวออกไปให้เป็นสงครามใหญ่ และดึงสหประชาชาติเข้ามาดูแล โดยอ้างว่าป้องกันไม่ให้ถูกรุกราน แต่จากความเป็นจริงที่ปรากฏเชื่อได้ว่า สหประชาชาติจะไม่เข้ามาและคงจะขอให้เปิดการเจรจาในรูปของทวิภาคี และสุดท้ายคงจะจบลงด้วยดี ด้วยเหตุที่ว่าเขมรเองก็จะเดือดร้อนไม่น้อยไปกว่าไทยจากการปะทะกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเศรษฐกิจอันเกิดจากการค้าขายตามแนวชายแดนถ้าขืนมีการสู้รบยาวนานออกไป

    ส่วนปัญหาขัดแย้งเรื่องเขตแดนจะจบลงพร้อมกับจบการสู้รบหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องนำมาแก้ไขกันต่อไป เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาเรื้อรังและไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังมาก่อนหน้านี้นานแล้ว จึงยากที่จะแก้ไขให้จบลงในยุคของรัฐบาลชุดนี้ จะทำได้อย่างมากก็แค่เจรจากำหนดเงื่อนไขในการปักปันเขตแดน และปักปันให้แล้วเสร็จบางส่วนที่มีความชัดเจนแล้วอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย

    แต่อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับการปะทะกันในครั้งนี้ ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าประเทศไทยมีความพร้อมทางด้านการทหารมากน้อยเพียงไร และนักรบไทยอยู่ในประเภทไหนของ 5 ประเภท


    Daily News - Manager Online - ʹ
     
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    น้องอ๊อฟ พระมหาฯบอกว่าข้อความส่วนที่ขาดไปคือ

    .... เพื่อทำหน้าที่ผู้นำในสังคมต่อไปค่ะ.....
     
  15. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    อนุโมทนาค่ะน้อง Fort ที่นำคำสอนของสมเด็จพระสังฆราชมาเผยแพร่

    เรื่องท่าเรือน้ำลึกทวายกำลังเป็นที่สนใจของพี่ทางสายธาตุ จึงย้อนกลับไปอ่านความเห็นเก่าๆหน้า ๔ และหน้า ๘๑ เกี่ยวกับการเป็น International Hub ของไทยเราในครั้งก่อน
     
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE id=post2184563 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>15-06-2009, 09:56 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#78 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ทางสายธาตุ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2184563", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jan 2009
    ข้อความ: 2,302
    พลังการให้คะแนน: 624 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2184563 class=alt1><CENTER><!-- google_ad_section_start -->สมัยอยุธยา ทำไมพม่าจึงหมายปองสยามเป็นประเทศราชนัก<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>

    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->อยุธยา เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรสยามอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 1351-1767 คือจากกลางคริสตศตวรรษที่ 14 ถึงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 18 ก่อนที่เมืองหลวงนี้จะถูกทำลายโดยสงคราม และได้ย้ายลงมาตั้งอยู่ ณ กรุงธนบุรีและกรุงเทพฯ อยุธยาถือได้ว่าเป็นทั้งเมืองหลวงและเมืองท่า ที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดเมืองหนึ่งในภูมิภาค และมีลักษณะสำคัญ 2 ประการ คือ

    ในด้านหนึ่ง อยุธยาเป็นเมืองหลวงที่มีพื้นฐานอยู่กับภาคพื้นแผ่นดิน คือมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยข้าว อาหารจากสัตว์และปลา และผลผลิตทางการเกษตร ตลอดจนผลิตภัณฑ์จากป่า ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับอาณาจักรโบราณในแถบนี้ ที่รุ่งเรืองและมีมาก่อนหน้า เช่น พุกาม อังกอร์ และชวากลางเป็นต้น

    ในอีกด้านหนึ่ง อยุธยาก็เป็นเมืองหลวง ที่มีสถานที่ตั้งที่ทำให้มีฐานทางทะเล อยู่ในเส้นทางการค้าหลักของเอเชีย เป็นศูนย์กลางของการค้า การแลกเปลี่ยนสินค้า ดังเช่นอาณาจักรทางทะเลก่อนหน้านั้น เช่น ฟูหนาน ศรีวิชัย หรือในระยะเวลาเดียวกัน เช่น มะละกา ฮอยอัน บันเทน-ปัตตาเวีย มะนิลา





    <CENTER style="BORDER-RIGHT-WIDTH: 0px; BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; BORDER-LEFT-WIDTH: 0px" class=mosimage>[​IMG] </CENTER><CENTER style="TEXT-ALIGN: center; BORDER-RIGHT-WIDTH: 0px; BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; BORDER-LEFT-WIDTH: 0px" class=mosimage_caption>Manila-Acapulco Galleon</CENTER><CENTER style="TEXT-ALIGN: center; BORDER-RIGHT-WIDTH: 0px; BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; BORDER-LEFT-WIDTH: 0px" class=mosimage_caption></CENTER>
    อยุธยา สถาปนาขึ้นมาในยุคเดียวกับการเกิดใหม่ของราชวงศ์หมิงในประเทศจีน (Ming Dynasty 1368-1644) และด้วยนโยบายของราชสำนักของจักรพรรดิหมิง ที่ให้ความสนใจต่อดินแดนทางบกภาคพื้นดินด้านทิศเหนือของตน การย้ายเมืองหลวงจากนานกิงไปปักกิ่ง



    การไม่ให้ความสำคัญกับภาคพื้นทะเลและกับระบบการค้าอย่างเป็นทางการของรัฐ ก็ทำให้การค้าของเอกชนชาวจีนรุ่งเรืองขึ้นมาแทน ในขณะเดียวกันบรรดาอาณาจักรต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิเช่น มะละกา อยุธยา และเวียดนาม ก็สามารถเข้ามาทำการค้าขาย ทำการส่งสินค้าเข้าและออก


    (โดยอิงกับระบบบรรณาการจิ้มก้องของจีน Tributary System) แลกเปลี่ยนถ่ายเทสินค้ากันในช่วงที่มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในคริสต์ศตวรรษที่ 15 และ 16 รวมทั้งในระยะเวลาต่อจากนั้นด้วย ดังที่รู้จักกันในนามของ Age of Commerce ในเอเชีย





    สถานการณ์ของการค้าขายของเมืองท่าในยุคนั้น ก็ยังตรงกับยุคสมัยที่ชาวยุโรปจำนวนมากได้หลั่งไหลเข้ามา เพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการค้าเครื่องเทศ และผ้าแพรไหม กับเครื่องสังคโลกอีกด้วย นี่เป็นยุคของ The Age of Discovery ของโปรตุเกส สเปน ฮอลันดา อังกฤษ ฯลฯ ที่ต่างก็ตั้งสิ่งที่เรียกว่า Seaborne Empires คือ ยึดเมืองท่าและตั้งให้เป็นสถานีการค้าของตนจากอินเดีย ข้ามทะเลอันดามัน มาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยึดได้จากมะละกา ถึงปัตตาเวีย ถึงมะนิลา เพื่อติดต่อไปยังจีน เกาหลี ริวกิว และญี่ปุ่น รวมทั้งข้ามมหาสมุทรปาซิฟิคไปยังลาตินอเมริกาด้วย




    ในแง่ของภาคพื้นดินหรือทางบกนั้น อยุธยาได้แสดงแสนยาภาพขยายอาณาเขตของตนขึ้นไปยึดครองอาณาจักรสุโขทัยทางทิศเหนือ พยายามเข้าไปรุกรานในล้านนา กับทั้งยังได้พิชิตอาณาจักรพระนครหลวง ของกัมพูชาทางทิศตะวันออก รวมทั้งในบริเวณที่ราบสูงโคราชอีกด้วย

    และจากการที่ได้คุมผืนแผ่นดินอย่างกว้างขวางนี้ ก็ทำให้อยุธยาสามารถคุมและมีผลิตผลทางการเกษตร เช่น ข้าว อาหารแห้ง ของป่า ไม้ราคาแพงที่เป็นที่ต้องการของตลาดภายนอก เช่น ไม้ฝาง ไม้หอม หนังสัตว์ เช่น กวาง เขาสัตว์และงาช้าง



    ดังนั้น ในทางภาคพื้นทะเล อยุธยาก็ขยายแสนยานุภาพของตน เข้าไปควบคุมชายฝั่งทะเลจากด้านที่ติดกัมพูชา คือ เมืองจันทบุรี ข้ามมายังด้านของเพชรบุรี เมืองกุย (ประจวบ) ไล่ลงไปยังศูนย์กลางสำคัญ คือ นครศรีธรรมราช จนถึงปัตตานี และในบางสมัยก็พยายามข้ามเลยไปยังทะเลฝั่งตะวันตก คือ ทางด้านอันดามัน เพื่อควบคุมทวาย มะริด ตะนาวศรี ในดินแดนของมอญและพม่า และพยายามคุมใต้ลงไปอีกถึงยังรัฐเคดะห์ ตลอดจนมะละกาในแหลมมลายูอีกด้วย



    กล่าวโดยย่อ อยุธยาได้เข้ามาแทนที่อาณาจักรเก่า เช่น ฟูหนานและเจนละ (Funan-Chenla) หรือแม้แต่ศรีวิชัย โดยการควบคุมทะเลและเส้นทางการค้าระหว่างโลกด้านตะวันออกและตะวันตก ระหว่างทะเลจีนตอนใต้กับมหาสมุทรอินเดีย สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการค้าเครื่องเทศ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งพริกไทย) และการค้าผ้าแพรไหมกับเครื่องสังคโลกกับจีน ญี่ปุ่น และริวกิว รวมทั้งยังได้นำเข้าโลหะเงิน เมื่อการค้าของโลกเอเชียได้ถูกผนวกเข้ากับสิ่งที่เรียกว่า Manila-Acapulco Galleon Trade ที่ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิคไปยังเม็กซิโกในลาตินอเมริกา (ก่อนที่จะข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังสเปนอีกด้วย)



    ดังนั้น ในความเป็นเมืองท่าของอยุธยา ก็เป็นผลพลอยได้มาจากสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ บนเส้นทางของการค้าโบราณของเอเชียนั่นเอง สามารถทำการค้าส่งออกและนำเข้า กลายเป็นจุดแลกเปลี่ยน (export-import goods)

    และที่น่าสนใจยิ่งก็คือการใช้ลูกเรือจีน วิชาความรู้และเทคนิคของเรือจีน หรือ สำเภา (junks) เป็นหลักในการทำการค้าทางทะเล รวมทั้งมีการจัดระบบของการค้าในรูปของการผูกขาดของรัฐ/หลวง/กษัตริย์ (state-royal monopoly of trade) การเก็บภาษีอากรเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น “ร้อยชักสิบ” หรือ 10 % ของสินค้านำเข้า

    และในของส่วนสินค้าที่จะส่งออก ก็เป็นการเก็บภาษีมาในรูปของ “ส่วย” ไม่ว่าจะเป็นข้าวปลาอาหาร หรือของป่า และก็มีการตั้งตำแหน่งของหน่วยงานราชการที่ดูแลเรื่องของการผูกขาดการค้าทางทะเลนี้ เช่น จัดตั้งกรมพระคลัง (สินค้า) หรือ กรมท่า มีการแบ่งเป็นกรมท่าซ้าย กรมท่าขวา เป็นต้น

    ระบบการค้าผูกขาดของรัฐ/หลวง/กษัตริย์นี้ ได้ดำเนินสืบทอดกันมาจนสมัยธนบุรี/กรุงเทพฯ ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 4 (1851-1868) และที่ 5 (1868-1910)




    เพราะอยุธยาร่ำรวย รุ่งเรืองมากนั่นเอง จึงเป็นที่หมายปองนัก มีย่านการค้าใหญ่ งดงาม คึกคัก อยู่ในเกาะเมือง เรือสำเภา เรือฝรั่ง จอดทอดสมอกันเต็มลำน้ำเจ้าพระยา แม้จะอยู่ในยามสงคราม การค้าระหว่างประเทศก็ดำเนินไปมิได้หยุด
    อาณาจักรนี้จึงเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาคแถบนี้เลยในสมัยนั้น หรือแม้แต่ในสมัยนี้ก็ตาม ไทยเราก็ยังเป็นศูนย์กลางของย่านนี้อยู่จริงไหมคะ




    เขียนไว้ตั้งแต่กลางปี 2009 เกือบสองปีแล้วค่ะ แต่จำได้ว่าเคยเขียนไว้ จึงนำกลับมาเสนอให้อ่านกันอีกครั้งค่ะ
    <!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พี่ศรัทธา_พิสุทธิ์ ได้กรุณาเข้ามาให้ความคิดเห็นในครั้งนั้นด้วย ซึ่งเรื่องการขุดคอคอดกระเป็นโปรเจ็กส์ที่คนวัยกลางคนจะเคยได้ยินมาตั้งแต่เล็กๆว่าจะขุดคอคอดกระเพื่อให้เรือสมุทรข้ามไปมาระหว่าทะเลอันดามันกับอ่าวไทยได้

    <TABLE id=post2184629 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>15-06-2009, 10:14 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #80 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ศรัทธา_พิสุทธิ์<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2184629", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2007
    ข้อความ: 146
    พลังการให้คะแนน: 70 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2184629 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->"...อาณาจักรนี้จึงเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาคแถบนี้เลยในสมัยนั้น หรือแม้แต่ในสมัยนี้ก็ตาม ไทยเราก็ยังเป็นศูนย์กลางของย่านนี้อยู่จริงไหมคะ..."

    -ชัดเจนเลยค่ะ นี่ถ้าเราสามารถขุดคอคอดกระได้เมื่อไหร่ล่ะก็ เมื่อนั้น
    ...เลยค่ะ โครงการถึงได้มีอันต้อง
    ล้มไปทุกครั้ง?


    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เราจำเป็นต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพราะประวัติศาสตร์ ...... จะสอนเรา ......

    <TABLE id=post2184755 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>15-06-2009, 10:58 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#81 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Fort_GORDON<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2184755", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Apr 2008
    ข้อความ: 282
    พลังการให้คะแนน: 93 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]





    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2184755 class=alt1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "ca-pub-2576485761337625";/* 336x280 */google_ad_slot = "0551074580";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
    "เราจำเป็นต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพราะประวัติศาสตร์

    จะสอนเรา...."

    จำได้ว่าคุณครูท่านหนึ่งเคยสอนไว้นานแล้ว ทันทีที่อ่าน

    ข้อเขียนของคุณพี่ทางสายธาตุ และคุณพี่ศรัทธา_พิสุทธิ์

    ก็พลันนึกขึ้นมาได้เลยครับ ขอขอบคุณสำหรับข้อเขียน

    ดีๆครับ

    <!-- google_ad_section_end -->



    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขออนุโมทนากับความเห็นนี้ของน้อง Fort_GORDON
    <SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
    <SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
    <SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2011
  20. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
     

แชร์หน้านี้

Loading...