พอใจรูม

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ppojai, 3 ตุลาคม 2010.

  1. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width=600 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>หมายเลขสลาก 938607 ประจำวันที่ 16/01/54

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width=600 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>ท่านไม่ถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลค่ะ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]
     
  3. pimapinya

    pimapinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +2,044
    [​IMG]น้องน่านเอาแตงโมมาปลอบใจคนม่ายถูกหวยเหยอคะ แอ่แอ่
     
  4. pimapinya

    pimapinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +2,044
    ลิง กับ ถั่ว.....

    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%"><TBODY><TR><TD style="TEXT-ALIGN: justify" width="100%">
    </TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: justify; FONT: 16px MS sans serif; COLOR: #666" width="100%">
    ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในบาร์ พร้อมกับเจ้าลิงแสนรัก
    ลิงน้อยกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะสนุ้กฯ และหยิบลูกสนุ้กใส่ปาก กลืนเอื๊อกลงไป
    บาร์เทนเดอร์เห็นเข้าจึงถามว่า "อ้าว ทำไมมันทำอย่างนั้นหล่ะ?"
    ชายผู้นั้นตอบว่า "อ๋อ มันกินทุกอย่างที่ขวางหน้าเลยล่ะ"
    เหตุการณ์ผ่านไปหลายวันถัดมา ชายผู้นั้นก็กลับมาที่บาร์เดิม พร้อมกับเจ้าลิงจอมตะกละอีกครั้ง
    คราวนี้เจ้าลิงหยิบถั่วขึ้นมาเม็ดหนึ่ง แล้วยัดเข้าไปที่ก้น จากนั้นจึงค่อยกินถั่วเม็ดนั้นเข้าไป
    บาร์เทนเดอร์เห็นเข้าจึงถามว่า "อ้าว แล้วคราวนี้ทำไมมันทำอย่างนั้นล่ะ?"
    ชายผู้นั้นตอบว่า "อ๋อ มันก็ยังกินทุกอย่างที่ขวางหน้าเหมือนเดิมนั่นแหละ
    แต่หลังจากที่มันกินลูกสนุ้กฯ เข้าไป ทีนี้ก่อนจะกินอะไรมันจะต้องเช็กก่อนว่าพอดีกับรูตูดของมันมั๊ย"
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ที่มาจาก fwdmail[​IMG]
     
  5. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    น้องน่าน เขาหวาน ๆ ๆ หมูน่ะจ๊ะ นู่พิมพ์ ช่วยเงินบำรุงสำนักงานสลากฯ กันปาย ตามระเบียบเรียบร้อย รร.จีน
    โชคดีจังที่พี่ใจ่ใจ๋ซื้อใบเดียว....
    ซื้อไม่เคยถูก แต่เวลามีคนพิการมาตื้อขาย ก็จะช่วยซื้อนะ ทั้ง ๆ ที่ ก็รู้ว่าไม่มีดวงทางนี้อยู่แล้ว ต้องทำมาหารับ-ทาน ด้วยความเหนื่อยยากเองแหละ...ทำไปเถิด จะเกิดผล...
    อิอิอิ
     
  6. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    ลิง กับ ถั่ว.....

    ปายอาวมาจากหนาย...ชิมก่อนว่าพอดี ตูดน่ะ
    นู่พิมพ์เอ๊ย.....
     
  7. pimapinya

    pimapinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +2,044
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 bgColor=#ffffff align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#333333 width=583><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR align=middle><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD bgColor=#333333 vAlign=top width=9 align=right>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top background=pic/b_line_left.gif width=9>[​IMG][​IMG]</TD><TD width=583><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD height=50>[​IMG]



    อ้างถึง...พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔
    มหาวรรค ภาค ๑

    พระวินัยปิฎก
    เล่ม ๔
    มหาวรรค ภาค ๑
    ปฏิจจสมุปบาท อนุโลม

    เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
    เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
    เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป
    เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ
    เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
    เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
    เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
    เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน
    เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ
    เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมี ชาติ
    เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส
    ....เป็นอันว่ากองทุกข์ทั้งมวลนั่นย่อมเกิด ด้วยประการฉะนี้..


    ******************************************************



    [​IMG]


    อนุโมทนา...วันพระค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top background=pic/b_line_right.gif width=9 align=right>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top background=pic/b_line_ver1.gif width=9>[​IMG]</TD><TD background=pic/b_line_ver2.gif width=583>[​IMG]</TD><TD vAlign=top background=pic/b_line_ver2.gif width=9 align=right>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top background=pic/b_line_left.gif width=9>[​IMG]</TD><TD width=583 align=right></TD><TD vAlign=top background=pic/b_line_right.gif width=9 align=right>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=9 vAlign=top width=9>[​IMG]</TD><TD height=9 vAlign=top background=pic/b_line_bottom.gif width=583>[​IMG]</TD><TD height=9 vAlign=top width=9 align=right>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2011
  8. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]
     
  9. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    ดร.วรภัทร ภู่เจริญ - ผมไม่ได้สอนธรรมะ แต่ผมสอนชีวิต

    น่าจะเป็นคลิปที่เพิ่งออกมาไม่นาน และฟังได้ทันสมัยมากครับ
    เหมาะกับคนทั่วไปและวัยรุ่นมาก
    ท่านเล่าถึงจริตของคนแต่ละคนมี นิสัย สันดาน
    เมื่อมาปฏิบัติธรรมแล้วจะแสดงจุดเด่นจุดด้อยออกมายังไง
    มีกล่าวถึงนิสัยที่เจอได้บ่อยๆ ตามเวบบอร์ดด้วย เช่น
    พวกชอบอ่านชอบฟังมาเยอะ ตัวเองไม่ค่อยลงมือปฏิบัติจริงๆจังเท่าไร
    แต่ชอบอ้างเอาคำสอนครูบาอารย์ท่านนั้นท่านนี้ไปถกเถียงไปโจมตีไปว่ากล่าวคนอื่น เป็นต้น
    ขอบคุณที่มา: http://www.pantip.com/cafe/religious/
    http://b613.exteen.com/

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=WPcxQYk_eQA&feature=player_embedded"]ดร.วรภัทร ภู่เจริญ 1[/ame]


    ค่าของชีวิต
    “….ชีวิตที่มีค่า ไม่ใช่ชีวิตที่รำรวย มีเกียรติ หรือ อายุยืน แต่ชีวิตที่มีค่า ‘คือชีวิตที่ตัวเราเป็นคนมีคุณค่า’ และทำให้ชีวิตคนอื่นมีค่า”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2011
  10. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    [​IMG]
    เหรียญที่วางอยู่ จะเห็นเพียงด้านเดียว

    ถ้าต้องการรู้อีกด้านหนึ่งจงพลิกเอา
    เข้ามาอ่านน่ะ​
     
  11. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    :boo: ขอบคุณคุณลุงหมานมาก ๆ เลยค่ะที่แวะมาเยี่ยมเยียนน้อง ๆ ลูก ๆ หลาน ๆ นะคะ
     
  12. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    ส่องกล้องมองคำว่า"ทุกข์"
    "ความทุกข์ทั้งหลายที่เป็นความทุกข์ทางใจนี้ เป็นเพราะว่าเรามองดูปรากฏการณ์ในชีวิตด้วยความไม่ชัดเจน"

    "ยังไม่สนใจธรรมะ เพราะชีวิตยังไม่มีทุกข์"

    คนจำนวนมากคิดเช่นนี้ เพราะคำว่า "ทุกข์" นั้นฟังดูเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสในชีวิต ทั้งที่ความจริงแล้ว ความหมายของคำนี้ในธรรมะของพุทธศาสนามีความละเอียดอ่อนยิ่งนัก หากศึกษาจริงๆ แล้วจะรู้สึกทึ่งและอัศจรรย์ใจในอัจฉริยภาพของตัวผู้ค้นพบยิ่งนัก

    จะรู้สึกอย่างไรหากบอกว่าในทุกๆ จังหวะและท่วงทำนองของการดำเนินชีวิตมีทุกข์แฝงอยู่ทุกขณะ

    ไม่รู้จัก-อย่ารีบบอกว่าไม่มี

    อย่าเพิ่งเถียงถ้ายังไม่ได้คำอธิบายในเรื่องนี้ของ ดร.ระวี ภาวิไล ที่ส่องกล้องมองดูคำว่าทุกข์ได้ละเอียดไม่แพ้การส่องกล้องดูดาวบนท้องฟ้าเลย

    "คำว่าปัญหากับความทุกข์ในทางพระพุทธศาสนาใช้แทนกันได้ คำว่าปัญหาเป็นคำสมัยใหม่ เราจะพิจารณาได้ว่าสิ่งที่เราเรียกว่าปัญหานี้คือ ความทุกข์นั่นเอง แต่เวลาพูดความทุกข์จะดูเหมือนหนัก พูดคำว่าปัญหาเป็นเรื่องทันสมัย แล้วเราจะพบว่าสิ่งที่เราต้องแก้ก็คือ ความไม่สะดวกสบายที่ทนได้ยากนั่นเอง

    "ตามที่บอกว่าชีวิตเป็นความทุกข์เป็นปัญหานั้น ไม่ใช่ว่าการกล่าวเช่นนั้นเป็นการมองโลกในแง่ร้าย แต่เป็นการกล่าวถึงสภาวะที่เป็นจริงในชีวิตของเรา"

    ไม่เชื่อลองฟังต่อไปได้

    "นับตั้งแต่เรารู้สึกตัวลืมตาขึ้นวันหนึ่งๆ จะพบปัญหาที่ต้องแก้ถัดกันไป แก้ปัญหานั้นปัญหาใหม่ก็เข้ามาเรื่อย ถ้าจะสังเกตตั้งแต่เช้า ปัญหาทำอย่างไรเราจะมาถึงที่ทำงานได้โดยเรียบร้อย แม้เมื่อถึงที่ทำงานเราจะพบปัญหารออยู่บนโต๊ะ จะต้องแก้อันนั้นอันนี้เรื่อยไป ชีวิตก็จะเป็นอย่างนี้

    "ปัญหาหรือความทุกข์ทางกายนี้เป็นส่วนหนึ่ง แต่ส่งที่น่าจะสังเกตได้ก็คือว่า ส่วนใจมันพลอยไปกับกายมากน้อยแค่ไหน ทั้งที่ส่วนใจก็มีความทุกข์ทางใจอยู่แล้ว คือความเศร้าโศก ความคับแค้นใจ ซึ่งส่วนของจิตใจนี้อาจจะเกิดขึ้นเพราะความทุกข์ทางกายทำให้เกิด หรืออาจเกิดแม้ความทุกข์ทางกายไม่มีก็ได้

    "นับเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนในสาเหตุ และสาเหตุเหล่านี้ทางพฤติกรรมสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเกิดขึ้นมาอย่างไร แล้วก็รู้หนทางที่จะบรรเทามันลงไป"

    ในบรรดาความทุกข์ที่แบ่งออกเป็นทางกายและทางใจนั้น อ.ระวีบอกว่า

    "ความทุกข์ทางใจเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น แล้วเราจะพบว่ามนุษย์ได้สร้างกลไกขึ้นทั้งในตัวเองและสังคม ทำให้เกิดความกดดันและความทุกข์ทางใจขึ้น โดยคนส่วนใหญ่อาจจะมองข้ามไป หรืออาจจะมองไม่เห็น มันก็กลายเป็นปัญหาหรือเป็นทุกข์ ความทุกข์ทางใจเหล่านี้เป็นสิ่งที่การอบรมและการฝึกฝนใจสามารถทำให้มันระงับไปได้"

    ความทุกข์ทางใจเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น-เป็นประเด็นที่ควรให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นวันหนึ่งๆ คนเราทุกข์ทางใจไปโดยสิ้นเปลืองไม่ใช่น้อย

    บอกแค่นี้คงไม่ทำให้คิ้วที่ขมวดอยู่คลายออกไปได้ ต้องรับรู้การแจกแจงปฏิบัติการของสิ่งที่เรียกว่าทุกข์เสียก่อน

    ทุกข์กาย-ทุกข์ใจแน่

    กายไม่ทุกข์-ใจทุกข์ไปล่วงหน้า

    "ตัวอย่างความพัวพันระหว่างทุกข์ทางกายและทุกข์ทางใจที่อาจจะได้พบกันในชีวิตประจำวัน สมมุติว่าเราเป็นเด็กไม่สบายแล้วไปหาหมอ หมอบอกว่าเราเป็นไข้หวัด ต้องฉีดยา ถ้าเด็กคนนั้นเคยฉีดยามาหนหนึ่งแล้ว พอบอกต้องฉีดยาอีกมันเกิดทุกข์ขึ้นมาทันที ความทุกข์ที่ได้รับฟังว่าต้องเอาเข็มมาแทงลงไปในเนื้อ ในขณะนั้นทุกข์ทางกายยังไม่ได้เกิด แต่ทุกข์ทางใจเกิดขึ้นแล้ว อาจจะเริ่มมีอาการเป็นทุกข์ เริ่มน้ำตาคลอ พอหมอเอาเข็มฉีดยาดูดยาออกมาจากหลอดก็เริ่มจะมีความทุกข์ทางกายบ้าง แต่ไม่เจ็บ น้ำตาไหลได้

    "เราเป็นผู้ใหญ่รู้สึกแต่คงไม่ถึงกับน้ำตาไหล เห็นหมอทำอย่างนั้นเราก็เริ่มรู้สึก หมอเอาเข็มฉีดยามาบีบยาให้ยามันไล่ แล้วก็เอามาจรดลง แล้วลองนึกทบทวนดูว่าเรารู้สึกอย่างไร จะรู้สึกไม่สบายใจ หมอเริ่มกดเข็ม บางครั้งเราก็มอง บางครั้งเราก็ไม่อยากมอง ลองมองดูและลองพิจารณาดูตอนที่เข็มมันจรด ความทุกข์ทางกายยังไม่เกิดขึ้น แต่เรามีความไม่สบายใจ พอหมอกดเข็มเข้าไปในเนื้อเรา นึกว่าเราเจ็บ แต่ที่จริงถ้าเราเพ่งใจลงไปในขณะเข็มกดลงไปในเนื้อ จะพบว่ามันยังไม่เจ็บ ความทุกข์ทางกายยังไม่มี แต่เมื่อเข็มมันลงไปลึกพอประมาณแล้ว และเมื่อหมอเริ่มกดยาเข้าไป ความเจ็บมันจะมี

    "ถ้ามีสติอยู่กับปัจจุบัน เจ็บที่แล้วไปอย่าไปนึกถึงมันอีก เจ็บที่กำลังเจ็บดูมัน เจ็บที่ยังไม่มา อย่าเพิ่งไปเจ็บก่อน เราจะพบว่าความเจ็บได้เป็นทุกข์ก้อนใหญ่ที่เราจะต้องแบกไว้ แต่ความเจ็บนั้นมันเป็นชั่วขณะๆ พอหมอถอนเข็มออกแล้วขยี้ตอนนั้นเราจะเจ็บมากชั่วขณะ แล้วก็จะชา แต่ถ้าเราไม่ทำอย่างนั้นจะรู้สึกว่าความเจ็บจริงๆ กับความที่ใจเราเป็นทุกข์มันปนเปกันไปหมด ไม่รู้ส่วนไหนเป็นทุกข์ทางกาย ส่วนไหนเป็นทุกข์ทางใจ

    "ถ้าเป็นเด็ก เด็กจะร้องก่อนเข็มจะถูก เมื่อถูกเข็มแทงก็ร้องลั่น พอหมอถอนเข็มออกก็ยังร้องอยู่ เพราะโกรธหมอ นี่คือตัวอย่างที่ยกขึ้นมาเพื่อให้เห็นกลไกของสิ่งที่เรียกว่าความทุกข์"

    "ความทุกข์ทั้งหลายที่เป็นความทุกข์ทางใจนี้ เป็นเพราะว่าเรามองดูปรากฏการณ์ในชีวิตด้วยความไม่ชัดเจน ทำอย่างไรจะเห็นสภาวะชัดเจน ทำอย่างไรจะรู้ทัน"

    โจทย์นี้หาคำตอบได้ไม่ยาก!
     
  13. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>13. ชื่อ ค่อยๆทำใจ เมื่อ 29-08-2009 12:17 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 69.86.54.173
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc> </TD><TD colSpan=2>
    อ่านแล้วรู้สึกดีขึ้น มากเลยค่ะ จะทำยังไงดีค่ะ มันทุกข์ในสิ่งที่ยัง มาไม่ถึงทีเดียว มันค่อยๆมาทุกวันๆมัน ทรมานกว่าค่ะ ทำไมคนเราบางทีก็สามา รถเปลี่ยนหน้ามือเป็น หลังมือได้ค่ะ เหมือนรู้จักกันดีอยู ่มาอีกวันเหมือนไม่ใช ่คนที่เราเคยรู้จักอะ ไรในตัวเค้าเลยค่ะ จิตใจมนุษย์นี่มันหยั ่งยากนะคะ

    </TD><TD bgColor=#ffffcc> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2>14. ชื่อ <SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- var prefix = 'ma' + 'il' + 'to'; var path = 'hr' + 'ef' + '='; var addy33304 = 'kunnotejung' + '@'; addy33304 = addy33304 + 'hotmail' + '.' + 'comNOSPAM! '; var addy_text33304 = 'N@teJung'; document.write( '<a ' + path + '\'' + prefix + ':' + addy33304 + '\'>' ); document.write( addy_text33304 ); document.write( '<\/a>' ); //-->\n </SCRIPT>N@teJung<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- document.write( '<span style=\'display: none;\'>' ); //--> </SCRIPT> อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- document.write( '</' ); document.write( 'span>' ); //--> </SCRIPT> เมื่อ 01-09-2009 15:10 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 210.228.90.200
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#f2f2f2> </TD><TD colSpan=2>
    ถึงเรียกว่า "อนิจจัง" ไงล่ะคะ .. บางคนเคยดีแสนดีกับเร า แต่วันรุ่งขึ้น อาจจะพลิกเป็นคนละคนก ็ได้ นั่นเป็นเพราะ "ความไม่แน่นอน"

    ขอเพียงแค่เราอย่าไป "ยึดติด" /"ปล่อยวาง" ให้ได้ เราก็จะไม่ทุกข์ค่ะ แต่ที่เราทุกข์อยู่เน ี่ย ก็เพราะเราไปยึดติดกั บเขา คิดว่าเขาเคยดีแสนดีก ับเรา แต่ทำไมตอนนี้เขาเป็น อย่างนั้นเป็นอย่างนี ้ (ปรุงแต่งไปเรื่อย) ???

    มองให้เป็นธรรมชาติว่ า คนเรามันเปลี่ยนแปลงไ ด้ ไม่ช้าก็เร็ว.. ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติ ของสิ่งๆนั้น เราก็จะอยู่กับมันได้ เองค่ะ และเราก็จะไม่ทุกข์ไป กับมัน.. เมื่อไม่ยึดติดกับสิ่ งๆใด เราก็จะสงบและสุขได้ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเร าเองทั้งนั้นค่ะ

    ต่อให้เขาจะดีหรือร้า ยกับเราสักแค่ไหน ถ้าเราไม่ยึดติด/ไม่เก็บมาคิด ใครก็ทำร้ายเราไม่ได้
    เว้นเสียแต่ว่า เราจะทำร้ายตัวเองด้ว ยการเก็บมาคิด เก็บมาใส่ใจเองหรือเป ล่า ???

    เป็นกำลังใจให้ "กัลยาณมิตร" ทุกท่านที่กำลังต่อสู ้กับทุกๆสิ่งนะคะ

    ***กำลังสู้อยู่เหมือนก ันค่ะ*** [​IMG]

    </TD><TD bgColor=#f2f2f2> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>15. ชื่อ <SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- var prefix = 'ma' + 'il' + 'to'; var path = 'hr' + 'ef' + '='; var addy83755 = 'prasit_tik' + '@'; addy83755 = addy83755 + 'hotmail' + '.' + 'comNOSPAM! '; var addy_text83755 = 'prasittia'; document.write( '<a ' + path + '\'' + prefix + ':' + addy83755 + '\'>' ); document.write( addy_text83755 ); document.write( '<\/a>' ); //-->\n </SCRIPT>prasittia<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- document.write( '<span style=\'display: none;\'>' ); //--> </SCRIPT> อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- document.write( '</' ); document.write( 'span>' ); //--> </SCRIPT> เมื่อ 07-09-2009 10:55 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 58.9.4.50
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc> </TD><TD colSpan=2>
    ภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาคนพาลทำกรรมอัน ลามกอยู่ย่อมไม่รู้ แต่ภายหลังเร่าร้อนอย ู่เพราะกรรมอันตนทำแล ้ว ย่อมเป็นเช่นกับไฟไหม ้ป่า ด้วยตนของตนเอง

    </TD><TD bgColor=#ffffcc> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2>16. ชื่อ rita เมื่อ 14-09-2009 18:36 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 110.164.119.82
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#f2f2f2> </TD><TD colSpan=2>
    เห็นด้วยทุกประการ และกำลังพยามทำความดี อยู่ค่ะ [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    </TD><TD bgColor=#f2f2f2> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>17. ชื่อ <SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- var prefix = 'ma' + 'il' + 'to'; var path = 'hr' + 'ef' + '='; var addy93937 = 'happypenkk' + '@'; addy93937 = addy93937 + 'hotmail' + '.' + 'comNOSPAM! '; var addy_text93937 = 'Penguin น้อย'; document.write( '<a ' + path + '\'' + prefix + ':' + addy93937 + '\'>' ); document.write( addy_text93937 ); document.write( '<\/a>' ); //-->\n </SCRIPT>Penguin น้อย<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- document.write( '<span style=\'display: none;\'>' ); //--> </SCRIPT> อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- document.write( '</' ); document.write( 'span>' ); //--> </SCRIPT> เมื่อ 17-09-2009 15:57 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 58.147.29.203
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc> </TD><TD colSpan=2>
    กาย ใจ นี้ เป็นทุกข์ล้วนๆ
    แต่การรู้กาย รู้ใจ จะทำให้พ้นทุกข์

    [​IMG]

    </TD><TD bgColor=#ffffcc> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2>18. ชื่อ aumy เมื่อ 21-09-2009 14:38 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 125.26.103.73
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#f2f2f2> </TD><TD colSpan=2>
    ชอบที่คุณ N@teJung เขียนมากเลยค่ะ.. อ่านแล้วรู้สึกชอบมาก เลย..เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

    </TD><TD bgColor=#f2f2f2> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>19. ชื่อ กิรณา เมื่อ 03-10-2009 20:40 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 118.174.41.118
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc> </TD><TD colSpan=2>
    ตอนนี้มีความทุกข์อยู ่ กำลังพยายามทำจิตใจ แต่ยังทำไม่ได้ ช่วยบอกหน่อยว่าจะทำอ ย่างไรดี คือมีแมวที่ชาวบ้านนำ ไปปล่อยที่โรงพยาบาล เราก็แอบเอาข้าวไปให้ แมวกินทุกเช้าทุกวัน แล้ว เมื่อ 2 - 3 วันเจ้าหน้าที่โรงพยา บาลจับแมวประมาณ 20 กว่าตัว ไปปล่อยในป่าต้นยางพา รา เราสงสารพวกแมวมากแต่ ไม่รู้จะช่วยอย่างไร รู้สึกเจ็บปวดเหลือเก ิน ช่วยแก้ไขความทุกข์นี ้ให้เราด้วยนะ ตอนนี้เจ็บปวดเหลือเก ินด้วยความสงสาร

    </TD><TD bgColor=#ffffcc> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2>20. ชื่อ ปิว เมื่อ 6 09 2009 เมื่อ 06-10-2009 11:39 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 125.26.90.226
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#f2f2f2> </TD><TD colSpan=2>
    ชอบอ่าน ดีมากเลยค่ะ

    </TD><TD bgColor=#f2f2f2> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>21. ชื่อ อิงทราย เมื่อ 14-10-2009 16:46 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 202.57.177.92
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc> </TD><TD colSpan=2>
    อยู่ที่ทำงานทุกวันนี ้ จอแต่คนจิตตก ชอบติฉินนินทาว่าคนอื ่น พูดว่าเหน็บแนมได้ทุก ๆ วัน ทำอะไรก็คอยจับผิดอยู ่ได้เรื่อยๆ เขาไม่รู้รึว่าบาปกรร มมันมีจริง ถ้าเขาเจออย่างนี้บ้า งเขาจะรู้สึกเช่นไร

    </TD><TD bgColor=#ffffcc> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2>22. ชื่อ มณัฐ อินทนนท์ เมื่อ 15-10-2009 13:53 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 118.175.201.210
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#f2f2f2> </TD><TD colSpan=2>
    ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไ ม่ถูกนินทา คนไม่พูดก็ถูกนินทา คนพูดมากก็ถูกนินทา แม้พระพุทธเจ้ายังถูก พระเทวทัตนินทา ว่าร้าย แต่พระเทวทัตก้แพ้ภัย ตัวเองธรณีสูบ คิดง่ายๆเหมือนเกลือธ รรมชาติของเกลือมันเค ็ม ถ้าหากมีคนนินทาว่าเก ลือจาง เกลือจะจางตามคำนินทา ใหม ก็ไม่
    แต่เกลือก้เค็มอย่างท ี่เกลือเค็ม ความจริงก็เป็นความจร ิง ไม่เป็นความหลอก ตอ่ให้ใครนินทา ว่าเราเป็นอย่างไร ความจริงก็เป็นความจร ิงไม่เกี่ยวกับคำนินท า อย่าทุกข์ใจเพราะนิสั ยแย่ ๆของคนอื่น อย่าเป็นทุกข์ใจ เพราะกรรมไม่ดีของคนอ ื่นเลย ทำสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้ น

    </TD><TD bgColor=#f2f2f2> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>23. ชื่อ <SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- var prefix = 'ma' + 'il' + 'to'; var path = 'hr' + 'ef' + '='; var addy68602 = 'nopwan1974' + '@'; addy68602 = addy68602 + 'yahoo' + '.' + 'comNOSPAM! '; var addy_text68602 = 'nop'; document.write( '<a ' + path + '\'' + prefix + ':' + addy68602 + '\'>' ); document.write( addy_text68602 ); document.write( '<\/a>' ); //-->\n </SCRIPT>nop<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- document.write( '<span style=\'display: none;\'>' ); //--> </SCRIPT> อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- document.write( '</' ); document.write( 'span>' ); //--> </SCRIPT> เมื่อ 17-10-2009 22:50 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 110.49.170.30
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc> </TD><TD colSpan=2>
    [​IMG] สาธุ อ่านแล้วรู้สึกตามข้อ ความที่อ่าน ขอบคุณคะ

    </TD><TD bgColor=#ffffcc> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2>24. ชื่อ saorisang เมื่อ 23-10-2009 21:37 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 118.174.23.54
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#f2f2f2> </TD><TD colSpan=2>
    ตอนนี้กำลังเป็นทุกข์ มาก
    อยากจะพ้นทุกข์ซักที
    ภาวนาขอแนวทางให้เป็น ทางแห่งการพ้นทุกข์นี ้
    บทความในเวบนี้ช่วยได ้มากทีเดียว

    </TD><TD bgColor=#f2f2f2> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>25. ชื่อ ทุกข์ต้องมีเหตุผล เมื่อ 24-10-2009 09:31 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 125.27.102.178
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc> </TD><TD colSpan=2>
    เนอะ เราอยู่บ้านที่ไรเราก ็มีแต่ทุกข์ๆๆๆแล้วก็ ทุข์พอฟังแล้วรู้สึกด ีขึ้นเยอะมากเลย [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    </TD><TD bgColor=#ffffcc> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2>26. ชื่อ ชุลีนาถ สิงหบุตร เมื่อ 27-10-2009 14:07 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 124.121.65.241
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#f2f2f2> </TD><TD colSpan=2>
    รายการธรรมะ สามารถช่วยให้ผู้ที่ม ีความทุกข์ได้ปรึกษาป ้ญหาต่างๆ ผ่อนหนักเป็นเบาได้ นับว่าเป็นกุศลยิ่งนั ก ขอบคุณค่ะ

    </TD><TD bgColor=#f2f2f2> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>27. ชื่อ <SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- var prefix = 'ma' + 'il' + 'to'; var path = 'hr' + 'ef' + '='; var addy88610 = 'ctw3333' + '@'; addy88610 = addy88610 + 'hotmail' + '.' + 'comNOSPAM! '; var addy_text88610 = 'chanchira'; document.write( '<a ' + path + '\'' + prefix + ':' + addy88610 + '\'>' ); document.write( addy_text88610 ); document.write( '<\/a>' ); //-->\n </SCRIPT>chanchira<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- document.write( '<span style=\'display: none;\'>' ); //--> </SCRIPT> อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- document.write( '</' ); document.write( 'span>' ); //--> </SCRIPT> เมื่อ 28-10-2009 15:35 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 112.142.208.62
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc> </TD><TD colSpan=2>
    ชอบอ่าน เพราะอ่านแล้วทำให้คิ ด เข้าใจในปัญหาต่าง ๆ โกรธ โมโหน้อยลง

    </TD><TD bgColor=#ffffcc> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2>28. ชื่อ เสริม-ชูศรี เมื่อ 31-10-2009 16:06 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 125.25.226.107
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#f2f2f2> </TD><TD colSpan=2>
    [​IMG] ข้อคิด- การที่เรามีทุกข์เราต ้องหาเหตุ- ว่าเราเป็นทุกข์เรื่อ งอะไร- แล้วมาตั้งสติเมื่อสต ิมาปัณญาเกิด- เรื่องทั้งหมดทีผมอ่า นมาข้างต้น-มีเนื้อหาสาระดีมาก-ไม่เชื่อลองฟังต่อไป-ทำความเข้าใจไปด้วย- แล้วทุกคนจะรู้เอง(อิช?ราย- กิรณา)คุณหาเหตุให้ใด๊ ?แล้วตั้งสติให้มั้นผช ?ว่าคุณๆทำใด้(ทำดีใด้??ีแน่นอน)

    </TD><TD bgColor=#f2f2f2> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>29. ชื่อ พิศมัย เมื่อ 01-11-2009 18:02 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 113.53.217.103
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc> </TD><TD colSpan=2>
    อ่านแล้วสบายใจจังค่ะ
    มันปลอดโปร่งโล่งสบาย
    อย่างบอกไม่ถูก
    ขอบคุณค่ะ
    สำหรับข้อคิดดีๆ [​IMG]

    </TD><TD bgColor=#ffffcc> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2>30. ชื่อ คุณหนูขาวมณี เมื่อ 03-11-2009 10:04 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 61.19.67.71
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#f2f2f2> </TD><TD colSpan=2>
    พอเราเข้าใจว่าชีวิตน ี้มีแต่เต็มไปด้วยทุก ข์นี้แปลกที่เรากลับร ู้สึกโล่งขึ้น เหมือนได้รู้ในเบื้อง ต้นว่า อ่อ ที่เราเจออยู่นี่เรีย กว่า ทุกข์นี่เอง

    </TD><TD bgColor=#f2f2f2> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>31. ชื่อ บ่าวของพระผู้ทรงบังเกิดเรามา เมื่อ 09-11-2009 11:47 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 119.31.81.15
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc> </TD><TD colSpan=2>
    ถ้าเรารู้เป้าหมายของ การมีชีวิตของเรา เราจะไม่มีความทุกข์ใ ดเลย ถ้าคุณสามารถตอบคำถาม เหล่านี้ได้
    1. เราเกิดมาบนโลกนี้ทำไ ม
    2. ใครเป็นผู้ที่สร้างเร ามา
    3. เขาสร้างเรามาเพื่ออะ ไร
    4.สุดท้ายแล้วจะไปไหน
    นี้คือคำตอบที่คุณต้อ งหา
    ถ้าหากเราถามว่ามนุษย ์เกิดมาทำไม? เพื่อตอบคำถามนี้ อัลลอฮฺได้บอกเราในอั ลกุรอานว่า

    وَمَا خَلَقْتُ الْجِنَّ وَالإِنسَ إِلاَّ لِيَعْبُدُونِ (سورة الذاريات: 56)

    “และข้า (อัลลอฮฺ) มิได้ให้บังเกิดมวลญิ นและมนุษย์มาเพื่อการ ใด เว้นแต่เพื่อให้พวกเข าอิบาดะฮฺ (ทำหน้าที่เป็นบ่าว) ต่อข้า” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัซ-ซาริยาต: 56)

    โองการอัลกุรอานบทนี้ ได้ชี้ให้เห็นว่า จุดประสงค์ของการมีชี วิตของมนุษย์คือ เพื่อทำความเคารพภักด ีต่อพระผู้เป็นเจ้า

    มนุษย์ทุกคนต่างก็ต้อ งการคำตอบต่อข้อซักถา มนี้ แต่เราพบว่าคำตอบที่อ ัลกุรอานได้บอกเราเป็ นคำตอบที่สมเหตุสมผลท ี่สุด เพราะถ้าหากไม่เชื่อใ นพระเจ้าแล้ว มนุษย์ก็ไม่มีค่าอะไร ในการใช้ชีวิตบนโลกนี ้ พวกเขาจะเป็นเหมือนสั ตว์อื่นๆ ที่รู้จักเพียงการกิน การดื่ม ขับถ่าย และสืบพันธุ์

    มนุษย์ทุกคนล้วนเชื่อ ในอำนาจเหนือธรรมชาติ พวกเขาจึงมีสิ่งกราบไ หว้ต่างๆ นานาแตกต่างกันไป แต่การเชื่อในพระผู้เ ป็นเจ้าหรือที่มุสลิม เรียกว่า “อัลลอฮฺ” คือการเชื่อต่อศูนย์ร วมพลังอำนาจทั้งหมดใน จักรวาล

    อัลลอฮฺได้บอกว่า พระองค์กำหนดให้มนุษย ์ต้องใช้ชีวิตบนโลกนี ้เพื่อทดสอบพวกเขา และในที่สุดพวกเขาก็จ ะกลับไปหาพระองค์ในโล กหน้าเพื่อรับผลตอบแท นจากกระทำและการปฏิบั ติตนของพวกเขาบนโลกนี ้ ดังนั้นความจริงแล้วโ ลกนี้จึงเป็นเพียงสถา นที่ชั่วคราวเท่านั้น แต่โลกหน้าต่างหากที่ เป็นจุดหมายการเดินทา งของมนุษย์ พระองค์ได้ตรัสว่า

    وَمَا هَذِهِ الْحَيَاةُ الدُّنْيَا إِلاَّ لَهْوٌ وَلَعِبٌ وَإِنَّ الدَّارَ الآخِرَةَ لَهِيَ الْحَيَوَانُ (سورة العنكبوت: 64)

    “และชีวิตโลกนี้มิได้ เป็นสิ่งใด นอกเสียจากเพียงการรื ่นเริงและการละเล่นเท ่านั้น และแท้จริงแล้ว โลกหน้าต่างหากคือชีว ิตอันสถาพร” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-อันกะบูต: 64)

    มนุษย์จึงต้องใช้ชีวิ ตบนโลกนี้ตามครรลองขอ งพระผู้เป็นเจ้า เพราะคำสอนของพระองค์ เป็นเส้นทางที่เที่ยง ตรง อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า

    وَأَنَّ هَـذَا صِرَاطِي مُسْتَقِيماً فَاتَّبِعُوهُ وَلاَ تَتَّبِعُواْ السُّبُلَ فَتَفَرَّقَ بِكُمْ عَن سَبِيلِهِ (سورة الأنعام: 153)

    “และนี่คือเส้นทางของ ข้าที่เที่ยงตรง ดังนั้นสูเจ้าจงตามมั นเถิด และอย่าได้ตามเส้นทาง อื่น เพราะมันจะทำให้สูเจ้ าแตกออกไปจากเส้นทาง (อันเที่ยงตรง) นั้น” (อัล-กุรอาน สูเราะฮฺ อัล-อันอาม: 153)

    การปฏิบัติตามคำสอนขอ งพระผู้เป็นเจ้าจะทำใ ห้มนุษย์ได้รับความสุ ขความสำเร็จทั้งในโลก นี้และโลกหน้า เช่นที่อัลลอฮฺได้ตรั สไว้มีว่า

    مَنْ عَمِلَ صَالِحاً مِّن ذَكَرٍ أَوْ أُنثَى وَهُوَ مُؤْمِنٌ فَلَنُحْيِيَنَّهُ حَيَاةً طَيِّبَةً وَلَنَجْزِيَنَّهُمْ أَجْرَهُم بِأَحْسَنِ مَا كَانُواْ يَعْمَلُونَ (سورة النحل: 97)

    “ผู้ใดที่ปฏิบัติความ ดีทั้งผู้ชายหรือผู้ห ญิงโดยที่เขาเป็นผู้ศ รัทธาแล้วไซร้ แน่แท้เราจะให้เขามีช ีวิตที่ดี และเราจะตอบแทนพวกเขา ด้วยสิ่งที่ดีที่สุดต ามการปฏิบัติความดีขอ งพวกเขา” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัน-นะหฺลิ: 97)

    - ข้อคิดที่ได้รับจากบท เรียน

    1. มนุษย์ไม่มีคุณค่าใดๆ ในชีวิตถ้าหากไม่รู้จ ักตัวเองและไม่รู้จัก พระเจ้า

    2. มนุษย์ทุกคนเชื่อในอำ นาจเหนือธรรมชาติ

    3. พระผู้เป็นเจ้า หรือที่มุสลิมเรียกว่ า อัลลอฮฺ คือศูนย์รวมอำนาจทั้ง หลายทั้งปวงในเอกภพ

    4. อิสลามมีเหตุผลที่ชัด เจนเกี่ยวกับการใช้ชี วิตของมนุษย์บนโลก

    5. เป้าหมายที่อัลลอฮฺสร ้างมนุษย์ขึ้นมาก็คือ เพื่อให้พวกเขาแสดงคว ามเคารพภักดีต่อพระอง ค์

    6. อัลลอฮฺได้กำหนดอีกโล กหนึ่งข้างหน้า เพื่อให้มนุษย์ได้ใช้ ชีวิตอยู่อย่างถาวร โลกนี้เป็นเพียงแค่ทา งผ่านสู่โลกหน้าเท่าน ั้น

    7. การดำเนินชีวิตของมนุ ษย์ตามกรอบวิถีของพระ ผู้เป็นเจ้าคือสาเหตุ แห่งการเกิดสันติสุขท ั้งในโลกนี้และโลกหน้ า

    - คำถามหลังบทเรียน

    1. ท่านคิดว่าอะไรที่ทำใ ห้ตัวเองรู้สึกว่ามีค ุณค่าในการมีชีวิตเป็ นมนุษย์?

    2. ท่านคิดว่าถ้ามนุษย์ไ ม่เชื่อในพระเจ้าแล้ว พวกเขาจะใช้ชีวิตอย่า งไร?

    3. ท่านคิดว่าตัวเองมีคว ามต้องการที่จะใช้ชีว ิตอย่างมีความสุขและม ีคุณค่าหรือไม่? และต้องทำอย่างไร?

    </TD><TD bgColor=#ffffcc> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2>32. ชื่อ สาวใหญ่ทุกข์หนัก เมื่อ 22-11-2009 09:14 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 115.67.50.176
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#f2f2f2> </TD><TD colSpan=2>
    ได้อ่านแล้วขอบอกว่าด ีกับตัวเองมากตอนนี้ก ำลังแย่สามีไปมีกิ๊กแ ถมได้ลูกกับหล่อนด้วย พอทราบเรื่องเครียดมา กกว่าจะรู้เขาก็มีลูก 2 คนอยู่จังหวัดที่สามี เดินทางไปทำงานพอให้เ ขาเลิกกันสามีก็ขอเวล าให้เด็กโตกว่านี้ก่อ น ดิฉันก็สงสารเด็กก็ทน เพราะเห็นว่าเด็กยังเ ล็ก 4, 2 ขวบ แต่มันยิ่งทำให้ตัวเอ งทุกข์ในช่วงเวลาที่เ ขาไปทำงานอยู่ทางโน้น และไปอยู่กับกิ๊ก จะรู้สึกถึงความทุกข์ ตลอดเวลาใจจะคิดไปเรื ่อยว่าตอนนี้สองคนกำล ังมีความสุขกันแน่ คือเกิดการจินตนาการไ ปเรื่อย ทุกข์ทุกครั้งที่สามี เดินทางไปทุกเดือน ๆ ละ 15 วันโดยประมาณช่วงเวลา นี้จะเครียดมาก กำลังคิดว่าจะหย่าก็ย ังสงสารลูกสามีเวลากล ับมาบ้านก็ดูแลครอบคร ัวดี ตอนทราบเรื่องใหม่ ๆ เขาขอโทษที่ทำให้เกิด ปัญหานี้และขอเวลา แต่ตัวเองยิ่งคิดยิ่ง ทุกข์ ชวงเวลาที่ทำใจได้ก็อ ่านข้อความเกี่ยวกัยธ รรมะได้ดี แต่เวลาปรอทในกายมันข ึ้นสูงธรรมะเข้าไม่ถึ งตัวเลยค่ะเคยคิดอยาก ฆ่าตัวเองและลูกเพื่อ สามีจะได้ทุกข์กับสิ่ งนั้นบ้างหลายครั้งแล ้วที่มักคิดแบบนี้ ทราบว่าบาปแต่บางครั้ งก็อยากประชด ดิฉันควรทำอย่างไรดีค ะอยากขอทำแนะนำเพื่อส งบจิตที่ย่ำแย่ในขณะน ี้ได้

    </TD><TD bgColor=#f2f2f2> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>33. ชื่อ สุภัทร เจริญวัฒนชัย เมื่อ 23-11-2009 09:42 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 58.9.196.64
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc> </TD><TD colSpan=2>
    ขอขอบคุณ ข้อคิดดีๆ ที่ทำให้รู้สึกดี กับชีวิต [​IMG]

    </TD><TD bgColor=#ffffcc> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2><TD width=11>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=11>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f2f2f2 colSpan=2>34. ชื่อ พรรษมณฑ์ ทีอุทิศ เมื่อ 04-12-2009 11:42 - ผู้เยี่ยมชม - IP: 124.121.65.29
    </TD><TD width=11>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#f2f2f2> </TD><TD colSpan=2>
    ความทุกข์เป็นข้อพิสู จน์ความเข็มแข้งของคน

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. pimapinya

    pimapinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +2,044
    [​IMG]

    โอ๊ะโอ๋...วันนี้พี่ใจ่ใจ๋นำเสนอธรรมะล้วนๆเลย สาธุค่ะ
     
  15. pimapinya

    pimapinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +2,044
    [​IMG]


    มิตรแท้ ๔
    “คือ บุคคลผู้มีไมตรีอันดีให้ด้วยความจริงใจ
    บุคคลผู้ซึ่งจะยังคงอยู่เคียงข้างเราเสมอ
    ถึงแม้ว่าเราจะประสพกับความทุกข์ร้อนเพียง<WBR></WBR>ใดก็ตาม
    ๑. มิตรมีอุปการะ คือ มิตรผู้คอยดูแล ช่วยเหลือ
    ...โดยการช่วยป้องกัน และแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้มิตรอยู่เสมอ
    ๒ มิตรร่วมทุกข์ ร่วมสุข คือ มิตรผู้ซื่อสัตย์ จริงใจ เปิดเผย
    หนักแน่น และมั่นคงต่อผู้เป็นมิตรอยู่จนวันตาย
    ๓. มิตรแนะประโยชน์ คือ มิตรผู้มีคุณธรรมประจำใจสูง
    รอบรู้เรื่องความจริง และสิ่งสมมติ ประกอบตนอยู่ด้วย
    พรหมวิหารธรรม ๔ กับบุคคลรอบข้างทุกๆ คน
    ๔. มิตรมีความรักใคร่ คือ มิตรผู้รู้ใจ และเข้าใจมิตรอย่างยิ่ง
    มีความปรารถนาดีให้แก่มิตรเสมอ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2011
  16. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    ธรรมะบอกว่า อะไร ๆ มันก็เป็นจั้งซี ...
    ตถตา ทุกสิ่งทุกอย่าง มันเป็นอย่างนั้นเอง..
    เกิดขึ้น ตั้งมั่นอยู่ แล้วก็ดับไป...
    ให้พิจารณารู้ก็พอ...แย๊ว...
     
  17. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    ห้องสนทนาสบายๆ สไตล์ธรรมปฏิบัติ
    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>หัวข้อกระทู้ : [SIZE=+3]อิทัปปัจจยตา[/SIZE]
    :
    คำว่า "อิทัปปัจจยตา" คือ เมื่อมีเหตุปัจจัยมันจึงเกิดขึ้น ถ้าเราพูดกลับกัน ถ้าไม่มีเหตุปัจจัยผลก็ไม่เกิดขึ้น หรืออีกอย่างหนึ่ง ก็คือ มันเป็นเช่นนั้นเอง ในความเข้าใจของกระผมนั้น มีความเข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างต้องอาศัยเหตุและปัจจัยจึงเกิดขึ้นมาได้ แม้แต่วิทยาศาสตร์ก็เช่นเดียวกัน วิทยาศาสตร์ค้นพบสสารต่าง ๆ มากมาย สสารต่าง ๆ เหล่านั้น ก็ต้องมีเหตุและปัจจัยจึงจะเกิดเป็นสสารได้ สรุปแล้วก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกหรือจักวาลโลก ล้วนตกอยู่ในคำ ๆ เดียวว่า อิทัปัจจยตา คือ มันเป็นเช่นนั้นเอง แต่ที่สงสัยก็คือ ถ้าบุคคลที่ทำชั่ว เขาบอกว่า เขากระทำความชั่วก็เป็นอิทัปัจจยตาเหมือนกัน เพราะว่าเขามีเหตุมีปัจจัยที่มันจะเป็นไปเช่นนี้เอง ดังนั้นเขาจึงปล่อยตามเหตุปัจจัยให้เป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ไม่ฝืนความประพฤติของตนเอง ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว เราจะไม่เรียกว่าอิทัปปัจจยตาก็ไม่ได้ ดังนั้นในฐานะที่กระผมเป็นพระนิสิตของมหาวิทยามหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยา จึงเกิดข้อสงสัยขึ้น ถ้าเกิดโยมเขาถามอย่างนี้จะตอบว่าอย่างไรจึงจะเหมาะสมและไม่ขัดต่อหลักธรรม ขอท่านผู้ทรงความรู้อธิบายให้เข้าใจจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

    โดยคุณ : พระสอาด สุทฺธาโส - อีเมล์ saerd.com@thaimail.com - 17/10/2002 22:35 <!-- A=203.152.4.13 X= -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>1 :
    ผมขออนุญาตเรียกหลวงน้องแล้วกัน และขอฝากหลักธรรมะ
    ของพระพุทธศาสนา ที่หลวงน้องกำลังศึกษาเล่าเรียนขณะนี้ ไว้ด้วย
    เป็นอีกแรงเพื่อสร้างกำลัง ชลอความไม่เที่ยงให้เป็นธรรมชาติที่สุดให้ได้
    ที่ยินดีมากคือการศึกษาเรื่องของศาสตร์ทางโลกควบคู่กันไป โดย
    เฉพาะเรื่องของวิทยาศาสตร์ ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าของวิชาการโลก
    ในปัจจุบัน ผมออกจะเห็นด้วยกับทรรศนะเซนบางเรื่อง ที่ไม่แยกปรมัตต์
    จากสมมติ ไม่แยกโลกุตตระจากโลกียะ เพราะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่
    กำหนดกันไว้คนละมิติเท่านั้น

    เซนบอกว่าถ้าเอาปรมัตต์ล้วนก็ต้องเป็นทั้งหมด คือใช้สมมติมาพูดอธิบายกัน
    ย่อมไม่ได้ ตกลงก็ไม่ต้องพูดกัน เมื่อใช้บัญญัติก็ต้องเอาเรื่องสมมติด้วย ไม่งั้น
    จะทำให้จิตว่างเป็นจิตวุ่น ก็เลยว่างจิต ดับจิตลงไม่ได้ เพราะเซนบอกว่า
    จิตก็เหมือนสังขารอื่นๆ ไปเฝ้ามองเอาใจใส่มันมาก มันก็เลยเป็นจิตว่างแบบวุ่น
    เพราะธรรมชาติมันเป็นเหมือนถังรอรับน้ำ(กิเลสหรืออุปทาน)เพื่อให้เต็มตามขนาด
    ของจิตแต่ละคน จะคุมมันได้ ต้องเจาะก้นถังนี้ให้เป็นรู ใหญ่เท่าไรยิ่งดี มันจะไม่กักน้ำ
    แห่งกิเลสหรืออุปทานต่อไปได้ ส่วนจะเจาะรูที่ถังจิตใบนี้กันอย่างไรนั้น ผมยังไม่รู้ รู้แต่ที่
    ประพฤติปฏิบัติตามบันทึกธรรมของผู้รู้ผู้ศึกษาต่างๆ ก็จะประคองจิตตัวเองให้บ้าวุ่น
    น้อยลงในชีวิตประจำวัน..จะเรียกว่ากำลังเจาะก้นถังจิตผมอยู่ก็ได้ ซึ่งผมพยายามเจาะ
    ทำมันทุกวันแม้แต่ขณะเขียนกระทู้นี้ครับ

    กลับมาที่เรื่องอิทัปปัจจยตา ผมต้องกราบอนุโมทนาข้อเขียนธรรมะเรื่องนี้
    ของท่านพุทธทาสฯอย่างมาก ไม่นับที่ท่านทำให้ผมเรียนรู้หลักธรรมที่ลดความ
    ลำบากของผมน้อยลง ก็เพราะงานศึกษาปฏิบัติในพุทธศาสนาของท่านนี้แหละ
    ส่วนจะมีข้อโต้แย้งท่านกันอะไรนั้น ผมละไว้เป็นเรื่องของโวหาร ขณะนี้ผมก็กำลัง
    อ่านงานเขียนเรื่องอิทัปปัจจยตา ของท่านอยู่ ไม่ใช่เพื่อความหลุดพ้นหรอกครับ
    เพียงเพื่อเข้าใจวิทยาศาสตร์มากขึ้นเท่านั้น ถ้านับหลักธรรมของพระพุทธองค์อุปมา
    เหมือนรอยเท้าช้าง(ซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น)เท้าของสัตว์อื่นหรือวิชาการอื่น
    ในโลก ก็ย่อมลงกันได้หมด ผมจึงคอยมั่นศึกษาและติดตามงานของพุทธศานา
    จากท่านผู้รู้เสมอครับ

    ประเด็นสำคัญที่ท่านถามมา ผมขอเสนอความคิดเห็นรู้ส่วนตนนะครับ เพื่อการ
    พิจารณาตรวจสอบทั้งท่านและผมเองด้วย...เรื่องจะนับการทำชั่วว่าเป็นอิทัปปัจจยตา
    แล้วคงความชั่วต่อไป ต้องไม่นับว่าเหมาะสมในความเป็นมนุษย์ ที่พึงทำสิ่งที่ดีกว่าได้
    อย่างน้อยก็อยู่เวียนว่ายตายเกิด เป็นปฏิจจสมุปบาท ไม่ใช่แบบรูปวงกลมตายนิ่ง ผมคิดว่า
    น่าจะเป็นวงจรสังสารวัตรรูปกรวยกลมมากกว่า ถ้าหมั่นทำดี ก็อยู่ในวงรูปกรวยมีปลายแหลม
    ด้านบน แล้วพยายามเคลื่อนไปหาระดับของยอดที่แหลม แต่ถ้าเอาแต่ทำชั่ว เพราะเหตุและ
    ปัจจัยชั่วก็ทำให้ชั่วไปเรื่อยๆ ก็อยู่ในวงรูปกรวยส่วนฐานกว้าง แล้วก็เคลื่อนลงด้านกว้างข้าง
    ล่างไปเรื่อย ทำให้วงจรกว้างหมุนออกต่อไปอย่างเป็นอนันต์ไม่มีที่สิ้นสุด

    เรื่องอิทัปปัจจยตา เป็นทฤษฎีแห่งกฏธรรมชาติที่เป็นจริง ท่านพุทธทาสฯท่าน
    หมายเป็นคำบัญญัติของ "พระเจ้า" ด้วยซ้ำ ถ้าเราเชื่อและพิจารณาตามกฏนี้
    แล้ว เราต้องแก้ทุกข์ชั่ว ตรงที่เหตุชั่วนั้น ก็เกิดปัจจัยหรือหนุนเนื่องวงจรสังสารวัตร
    ของเราเคลื่อนหมุนไปในทิศทางบนใกล้ยอดแหลม กระทำบ่อยๆเข้าทุกวันทุกภพ
    ก็ถึงจุดที่เล็กเข้าทุกทีๆ จนไม่มีจุดหรือไม่สถิตอยู่ในวงจรของสังสารวัตรนี้อีกต่อไปครับ

    คนทำชั่วแล้วต้องมีผลให้เกิดชั่ว ถ้ายังทำอีกก็ชั่วอีก ก็เป็นเช่นนี้เอง.. เป็นอิทัปปัจจยตา
    เป็นกฏธรรมชาติแน่นอน ถ้าไม่รู้เข้าใจกฏนี้ก็ซวยไป ถ้ารู้เข้าใจกฏแล้ว เปลี่ยนเหตุแก้เหตุ
    ให้กลับทำสิ่งที่เป็นบุญกุศลหรือความดีแทนเหตุชั่วเดิม กฏก็ยังเป็นเช่นนั้นต่อไป แต่จะทำ
    ให้การดำเนินชีวิตเช่นนี้ หมุนเวียนในทิศทางขึ้นเข้าไปใกล้ที่ยอดแหลมไม่ใช่ลงออกไปที่ฐานกว้าง
    ของรูปกรวยแน่นอน เพราะมันจะสร้างผลให้เห็นทันทุกการกระทำ เห็นเร็วเห็นช้าก็อยู่ที่ถังจิต
    ของเราแต่ละคน บางคนทำดีไปก็ไม่บ่น หวังรอผลเอาถึงภพหน้าก็ยังมี ซึ่งก็ยังน่าสรรเสริญกว่า
    คนที่คิดทำแต่ความชั่ว..ยังบ้าทำเพราะไม่เห็นไม่รู้...นะครับ

    ถ้า...ผมเป็นหลวงน้อง (ซึ่งไม่มีทางเป็นจริงเลย..สมมติ) ผมจะใช้วิธีเซน
    (ดัดแปลงครับ..ของเซนจริงสั้นและฉลาดกว่านี้มาก) ดังนี้...
    ถาม..ไฟเธอรู้จักไหม? ร้อนหรือเย็น ไหม้ร้อนหรือดับเย็น
    บอก..ถ้าเธอจุดไฟไว้ในเตา เอาอาหารดิบปรุง จะได้กินอาหารสุก
    แล้วยังดันไม่รู้ เผาต่อไป ก็กลายเป็นสุกจนไหม้ แล้วก็กินไม่ได้
    สรุป..นี่คืออิทัปปัจจยตา เป็นเช่นนี้เอง..เข้าใจนะโยม
    (จบฉากแสดงของหลวงน้อง)
    ชาวบ้านที่นั่งฟังสามคน จะมีพฤติกรรมเป็นดังนี้
    คนที่๑..ยกมือไหว้หลวงน้องแล้ว...ยิ้มเดินจากไป
    คนที่ ๒..ยกมือไหว้แบบฝืนๆหลวงน้องแล้ว..ส่ายหัวขณะเดินจากไป
    คนที่ ๓..อุทานขึ้นว่า..ข้อยบ่ฮู้เฮื่อง ..ท่านว่าใหม่ซิคะ
    (จบฉากแสดงของตัวประกอบ..สังเกตุ คนที่๓ เป็นหญิงนะครับ)

    ส่วนคนอื่นที่เหลือ จะเป็นอย่างไร หลวงน้องจินตนาการเอาเอง
    เพราะเรื่องนี้เป็นสมมติ แต่ไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะอาจเกิดขึ้นได้
    เพราะมันเป็นอิทัปปัจจยตา..โลกมันเป็นเช่นนี้เอง..สรุปแบบเซน?

    หลวงน้องอย่าลืมอ่านเซนบ้างนะ เพราะมีวิธีการสอนน่าสนใจ
    หลวงปู่ชา ก็เคยใช้ได้ผลมาแล้ว ทำให้มีคนเห็นประโยชน์พุทธศาสนา
    ได้มากขึ้น เมื่อหลวงน้องใช้คำพูดน้อยลงๆ แต่ได้ผลมากๆ ถึงเวลานั้น
    หลวงน้องค่อยพาโยมไปฝึกเข้าขั้นกรรมฐานเข้าขั้นปรมัตต์กันเลย
    แล้วก็ไม่ต้องมาคอยถามด้วยสมมติกันเช่นว่า ..เธอเข้าถึงฌานไหน?
    เห็นแสงไหม? ใหญ่หรือเล็ก? ทำจิตว่างหรือยัง? ทำได้ไหม? ฯลฯ
    ถ้าเกิดเป็นอย่างนี้..หลวงน้องกำลังกลับไปสร้างความว่างให้เป็น
    ความวุ่น ดังที่ผมกำลังมีจิตวุ่นคุยกับหลวงน้องขณะนี้แหละ

    จึงต้องขอดับจิตวุ่น ..ให้เป็นจิตว่าง ..แล้วก็เกิดว่างจิต อีกสักพัก
    แล้วค่อยกลับมาวุ่นกันต่อ..เป็นอิทัปปัจจยตา กันอีก ..ไงครับ?



    โดยคุณ : เด็กข้างวัด - 19/10/2002 09:56 <!-- A=161.200.255.162 X=161.200.130.166 -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>2 :
    ถ้าจะทำชั่วโดยอ้างว่า
    ถูกทำมาก่อนแล้ว
    เมื่อถูกอีกฝ่ายเอาคืน
    กลับไป-กลับมา อีก
    ในชาติๆต่อไปก็อย่า
    โวยวายแล้วกันค่ะ
    (หมายถึงถ้าจำได้ว่า
    ไปทำเขาไว้ก่อนนะคะ)

    โดยคุณ : vira - 14/11/2002 12:05 <!-- A=203.144.219.22 X= -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>3 :
    เรียนถามคุณ vira (ชื่อเหมือนสามเณรีคนแรกในพุทธศาสนาเลยครับ)
    ชักห่วงคุณดีดิว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพหรือเปล่า?
    อี-เมล์ลไปถามไถ่ ..ทั้งถามเพื่อนที่คุณดีดิสนิทสนม
    ก็ไม่ได้รับคำตอบ ..ถ้าเผอิญทราบบอกผมด้วยนะครับ

    โดยคุณ : เด็กข้างวัดฃ - 15/11/2002 16:40 <!-- A=203.113.35.12 X= -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>4 :
    อาจเข้าใจได้ว่า " เช่นนั้นเอง" เป็น ตา อย่างอื่น ที่ไม่ใช่อิทัปปัจจยตา ซึ่งคือ เพราะมีสิ่งนี้ๆเป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆจึงเกิดขึ้น เท่านั้น การทำชั่วก็หนีไม่พ้นอิทัปปัจจยตาเช่นกัน แต่เป็นอิทัปปัจยตาอันไม่พึงประสงค์ เป็นอิทัปปัจจยตาฝ่ายเกิดทุกข์ ฉะนั้นแก้ไขได้โดยอิทัปัจจยตาฝ่ายดับทุกข์ เป็นของแก้กัน จริงๆแล้วอิทัปปัจจยตาเป็นเรื่องที่น่าศึกษาจนลึกซึ้ง เพื่อเป็นแผนที่อีกบทหนึ่งซึ่งทอดทิ้งไม่ได้ในการเดินทาง

    โดยคุณ : อิทัปปัจจยตา - อีเมล์ - - ไอซีคิว - - 06/03/2003 19:12 <!-- A=202.183.214.6 X=10.254.254.6 -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>5 :
    อิทัปปัจจยตา คือความเป็นเช่นนั้นเอง ทำชั่ว ก็เช่นนั้นเอง ทำดี ก็เช่นนั้นเอง จะอยู่ จะตาย ก็เช่นนั้นเอง ไม่มีอะไรมาก นอกจากฝึกจิตให้สงบ เหนือ ดี ชั่ว ที่เป็นของคู่กัน จึงเข้าสู่สภสวะที่แท้จริง ผู้ที่ทำบุญ ทำบาป ก็เกิดจากเหตุปัจจัยที่ต่างกัน เกิดจากกิเลส คนละอย่าง แต่ก็วุ่นวายพอกัน จงมีความสงบ เย็น พระนิพานก็เช่นนั้นเอง

    โดยคุณ : พิมนศิลป์ - อีเมล์ m_pimonsilp@hotmail.cim - 26/08/2005 14:02 <!-- A=61.19.202.122 X=192.168.1.165 -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>6 :
    ได้ความรู้มากเลย ขอบคุณค่ะ

    โดยคุณ : ดีดี - 06/04/2007 23:10 <!-- A=203.113.38.10 X= -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>7 :
    ทุกสิ่งเป็น อิทัปปัจจยตา ครับ ซึ่งมีทั้งถูกของเขา และถูกของเรา และ ถูกด้วยกันทุกๆ สิ่ง จากนั้นเราต้องพิจารณา อิทัปปัจจยตา นั้นๆ ถ้าสิ่งนั้นเกิดแล้ว ถูกด้วยกันทุกๆ สิ่ง ก็น่ายินดีที่จะทำให้เราลอดจากทุกข์ได้ แต่ถ้า อิทัปปัจจยตา นั้นๆ ยังคงทำให้เราเกิดทุกข์ หรือ คนอื่นเกิดทุกข์ ไม่ว่าในกาลปัจจุบัน หรือในภายหน้า การควรจะละเสียครับ

    โดยคุณ : siri - อีเมล์ siri422@yahoo.com - 18/05/2007 11:24 <!-- A=125.24.41.174 X= -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>8 :
    รู้ดี คิดดี ทำดี แล้วจะดี

    โดยคุณ : วชิระ - อีเมล์ vachira457@bunpot.com - ไอซีคิว 2515 - 04/10/2007 20:53
    โฮมเพจ : http://vachira@bunpot.com <!-- A=203.146.63.183 X= -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>9 :
    อิทัปปัจจยตา ถือเป็นกฎใหญ่ที่ครอบคลุมกฎธรรมชาติทุกกฎ

    โดยคุณ : ศศิธร แป้นอินทร์ - อีเมล์ kwang.kang.hotmail - 17/12/2007 18:10 <!-- A=203.113.45.197 X= -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>10 :
    ขออนุโมทนาในความคิดเห็นที่มีต่อหลักธรรมอิทัปปัจจยตานะครับทุกความคิดเห็น แต่กระผมอยากจะทราบว่ามันคออะไร เพราะเมื่ออ่านแล้วกระผมรู้สึกว่าจริตหรือบุญบารมีของผมไม่ถึงเรื่องนี้ แต่พอจะทราบว่าอิทัปปัจยตาและปฏิจจสมุปบาทนั้นไม่ใช่ปรัชญาแต่เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ เห็นได้ รู้ได้ ท่านพุทธทาสท่านบอกมาอย่างนี้ อันที่จริงผมอยากจะได้รู้จากคนที่รู้จริงๆและปฏิบัติจริงๆนะครับเพราะจะสามารถอ่านได้เป็นภาษาที่คนอย่างผมรู้จัก การท่านอ่านมาแล้วดึกเดาเข้าใจไปตามความคิดของเรานั้นยังไม่ใช่ของจริง จะหาใครเห็นจริงและแทงทะลุอย่างท่านพุทธทาสและท่านพระพรหมคุณาภรณ์แล้วถ่ายทอดออกมาหาได้ยาก
    ผมว่าเราต้องเขาใจเรื่องกรรมจากนิยามทั้ง 5 ตามหลักพุทธศาสนาก่อนนะ ว่าด้วเรื่องทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุและปัจจัย อาจจะกี่ยวโยงกันไปมาตลอด ขอให้ลองศึกษาเรื่องนิยามทั้ง 5 ได้แก่ ธรรมนิยาม กรรมนิยาม อุตุนิยาม พีชนิยามและจิตนิยาม เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุหรือปัจจัยที่จะศึกษาอิทัปปัจยตาหรือปฏิจจสมุปบาทได้

    โดยคุณ : คนไม่รู้ - 26/12/2007 21:43 <!-- A=58.8.98.194 X= -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>11 :
    อิทัปปัจจยตา พูดถึงเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดผล มีสิ่งนี้ ทำให้เกิดสิ่งนี้ เช่น เหตุคือ จุดไฟ ปัจจัยคือ ความร้อนและออกซิเจน ผลคือเปลวไฟ และอิทัปปัจจยตานี้เป็นตัวผลักดันให้เกิดไตรลักษณ์

    โดยคุณ : ภัทร - 04/01/2008 09:01 <!-- A=125.24.52.148 X= -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>12 :
    อิทัปปัจจยตา เมื่อมีสิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดมันเก็คือเหตปัจจยที่เป็นไปให้ได้ผลเมื่อก่อเหตุดีสิ่งที่ตามมาก็ดีเฉกเช่นคนที่ทำกรรมดีผลกรรมที่ทำก็ได้ดีแต่เหตุที่ไม่ดีผลกรรมที่ได้ก็ไม่ดีเหตุของกรรมที่เด้บมามันอาจจะไม่ดีบ้างดีบางแต่ถ้าเราอยอดไปเรื่อย ๆผลกรรมที่เกิดมันก็เกิดแก่เราไม่ไปไหนเสียเก็ต้องรับในส่วนที่เราต้องรับผิดชอบตามส่วนของผลกรรมของแต่ละบุคคล ดังนั้นจึงขอให้ประกอบแต่กรรมดีไม่ว่าเหตุปัจจัยที่มาสู่เราแล้วอาจไม่ดีแต่จงดับมันเสียอวิชาหรือความไม่รู้หรือความไม่ดีมันก็จะจบสิ้นแต่เพียงเท่านั้นแล้วก็จะกลับสู่ความว่างเช่นเคย

    โดยคุณ : seen - อีเมล์ seenzone@hotmail.com - 23/01/2008 22:22 <!-- A=58.9.32.6 X= -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>13 :
    ไม่มีสิ่งใดเกิดได้ลอย สิ่งใหญ่สิ่งน้อย ล้วยมีเหตุปัจจัยส่งผ่าน ความดี ความชั่ว ล้วนเกิดจากการปรุงแต่งเหตุปัจจัย ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นี้คือกฎอิทัปปัจจยตา

    โดยคุณ : มุ่งวิมุติ - 07/07/2008 15:03 <!-- A=125.25.142.193 X= -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>14 :
    อ่าน ๆ แล้ว ก็มีประโยน์ตรงที่ได้เห็นหลาย ๆแง่มุม สำหรับผมแล้วเรื่องอิททัปปัจจยตามันเป็นแค่ตัวหนังสือให้เราเข้าใจสั้น ๆซึ่งความเป็นจริงแล้วไม่ต้องสนใจคำนี้มากเพียงแต่คิดว่าอะไรก็ตามถ้าปรุงแต่จนถึงภาวะที่พอให้งอกเงยแล้วสิ่งนั้นมันก็จะเกิดไม่ว่าจะเป็นสภาวะทางอารมณ์หรือผ่ายวัตถุก็ตามแต่นั่นมันไม่หยุดปรุงมีแต่เพิ่มเรื่อย ๆสำหรับผู้รู้ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อศึกษามาจนพอเหมาะก็จะรู้ว่าหยุดปรุงได้แล้วเพื่อกลับเข้าสู่สภาวะของนิพพานนี่คือลักษณะที่เราให้คำจำกัดความเพื่อให้เข้าใจตรงกันเห็นแล้วว่าแม้กระทั่งภาวะของการเห็นอิททัปปัจ ยังต้องอาศัยการปรุง แต่ปรุงมาทางด้านยอดของทรงกรวยแทนไม่ใช่ปรุงไปในด้านฐาน

    โดยคุณ : ซีน - อีเมล์ seenzone@hotmail.com - 27/07/2008 12:36 <!-- A=58.9.28.138 X= -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>15 :
    อิทัปปัจยตา เป็นสภาวะทางธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากการปรุงแต่ง(คิด) มันเป็นของมันอย่างนั้น อวิชชาเป็นปัจจัย จึงเกิดการปรุงแต่ง(คิด) ว่าดี ชั่ว ไม่ดีไม่ชั่ว เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดทุกข์ แต่เมื่อมีปัญญาเป็นปัจจัย จึงไม่เกิดการปรุงแต่ง(คิด) ว่าดี ชั่ว ไม่ดีไม่ชั่ว จึงไม่เกิดทุกข์ เมื่อหยุดปรุงแต่ง(คิด) โดยมีปัญญาเป็นปัจจัย จึงว่าง(ไม่คิด) จึงไม่มีดี ไม่มีชั่ว ไม่มีไม่ดีไม่ชั่ว จึงเป็นสภาวะระหว่างกลางของ ดี กับ ชั่ว, ดี กับ ไม่ดีไม่ชั่ว และ ชั่ว กับ ไม่ชั่วไม่ดี เป็นทางสายกลาง สายที่รู้จากการไม่คิด เพราะมีปัญญา รู้แล้วไม่ต้องคิด เข้าถึงแล้ว ไม่ใช่เข้าใจ เข้าใจต้องคิด ไม่มีอะไรเลย มีแต่งความว่างจากความคิด จึงมีอิสระ

    โดยคุณ : มุ่งวิมุติ - 04/08/2008 15:54 <!-- A=125.25.122.73 X= -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>16 :
    อวิชชา คือความไม่รู้ อิทัปปัจจยตา เป็นปัจจัยจึงเกิดการปรุงแต่ง(คิด) เพราะมีปัญญา รู้ อิทัปปัจยตา เป็นปัจจัยจึงดับการปรุงแต่ง(คิด) รู้แล้วไม่ต้องคิด

    โดยคุณ : มุ่งวิมุติ - 04/08/2008 16:08 <!-- A=125.25.122.73 X= -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    ปฏิจจสมุปบาทเป็นอนุโลม [ปฐมโพธิสูตร]

    <INPUT class=noborder type=checkbox align=middle value=15103 name=t_sel>


    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 1


    ๑. ปฐมโพธิสูตร ว่าด้วยปฏิจจสมุปบาทเป็นอนุโลม [๓๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรู้ใหม่ ๆ ประทับอยู่ที่โคนไม้โพธิ์
    ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ที่ตำบลอุรุเวลา ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้า
    ประทับนั่งเสวยวิมุตติสุขด้วยบัลลังก์อันเดียว ตลอด ๗ วันครั้งนั้นแล พอ
    สัปดาห์นั้นล่วงไป พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากสมาธินั้น ได้ทรงมนสิ-
    การปฏิจจสมุปบาทอันเป็นอนุโลมด้วยดีตลอดปฐมยามแห่งราตรี ดังนี้ว่า เมื่อ
    สิ่งนี้มี สิ่งนี้ก็มี เพราะสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด คือ เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยจึงมี
    สังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณเพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงมี
    นามรูป เพราะนามรูปเป็นปัจจัยจึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย
    จึงมีผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัยจึงมีเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัยจึงมี
    ตัณหา เพราะตัณหาเป็นปัจจัยจึงมี อุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัยจึงมี
    ภพ เพราะภพเป็นปัจจัยจึงมีชาติเพราะชาติเป็นปัจจัยจึงมีชรา มรณะ โสกะ
    ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้
    ย่อมมีได้ด้วยประการอย่างนี้.
     
  19. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    วันนี้เข้ามาบ้านพี่ใจ ธรรมะเต็มๆเลยค่ะ ดีๆๆๆๆค่ะ

    อนุโมทนา สาธุ...สาธุ...สาธุ...ค่ะ

    [​IMG]
     
  20. pimapinya

    pimapinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +2,044
    <TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เข้าพึ่งลมหายใจเข้าของตนเอง </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR>

    <TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ธรรมบรรยายโดย ท่าน ติช นัท ฮันห์

    แล้วเราจะดำรงในปัจจุบันขณะอย่างเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ได้อย่างไร วีธีหนึ่งที่เธอสามารถทำได้นั้นคือ
    การเข้าพึ่งลมหายใจของเธอเอง

    เธออาจถามว่าจะเป็นไปได้จริงหรือ บางคนอาจกล่าวว่าลมหายใจของเรานั้นมีอายุสั้นๆ เพียงชั่วครู่ บางครั้งก็เพียงแค่ 10 วินาทีเท่านั้น ควรแล้วหรือที่เราจะเข้าพึ่งสิ่งที่ดำรงอยู่เพียงชั่วครู่เช่นนั้น

    หลวงปู่ยังจำงานภาวนาที่เราจัดที่มอสโคเป็นครั้งแรกได้ มีครูที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์จากเกาหลีบางท่านที่อยู่ในงานได้กล่าวว่า "เราไม่ควรเข้าพึ่งพระพุทธเจ้า เพราะพระองค์นั้นสามารถสิ้นชีพได้ เราควรเข้าพึ่งพระเยซูคริสต์ เพราะพระองค์มีชีวิตอันเป็นอมตะ" การเข้าพึ่งลมหายใจของเรานั้นสั้นและคงอยู่ไม่นาน

    เมื่อพูดถึงการเข้าพึ่ง เรามักคิดว่าเราต้องเข้าพึ่งสิ่งที่แข็งแรงทนทาน เพื่อที่เราจะได้มีความสงบสุขและความปลอดภัยได้นานๆ หากเราต้องเลือกเข้าพึ่งในสิ่งที่มีอายุสั้นหรือมีอายุยาว เราคงเลือกเข้าพึ่งสิ่งที่มีอายุยืนยาวมากกว่า คำถามคือใครที่เราควรเข้าพึ่งพิง พระอาจารย์หลินยี่ได้กล่าวไว้ว่า เธอกำลังมองหาพระพุทธเจ้า แล้วเธอที่กำลังมองหาพระพุทธเจ้านั่นเล่าคือใคร เธอเป็นอะไรที่ยั่งยืนสักแค่ไหนกัน หรือเธออาจดำรงอยู่เช่นเดิมได้เพียงไม่กี่วินาที

    เรามักคิดว่าเรายั่งยืนกว่าลมหายใจเข้าของเรา แต่นั่นไม่ใช่ความจริง เราเป็นดั่งลมหายใจของเราเอง

    ในพระสูตร 42 บทนั้น มีบทหนึ่งที่พระพุทธองค์ทรงถามพระสาวกว่าชีวิตมนุษย์นั้นยืนยาวสักเพียงใด สาวกรูปหนึ่งทูลตอบว่า 100 ปี สาวกอีกรูปหนึ่งทูลตอบว่า 50 ปี สาวกอีกรูปทูลตอบว่า 1 วันกับอีก 1 คืน และแล้วสาวกรูปหนึ่งก็ทูลตอบว่า อายุคนเรานั้นยาวเพียงหนึ่งลมหายใจของเราเอง

    พระพุทธองค์กล่าวกับสาวกรูปนั้นว่า ถูกต้องแล้ว ท่านได้เห็นความจริงแห่งชีวิตมนุษย์แล้ว ชีวิตคนเรานั้นยืนยาวเพียงแค่หนึ่งลมหายใจเท่านั้น แท้จริงแล้วอาจสั้นกว่านั้นเสียอีก เพราะในขณะที่เธอหายใจเข้า เธอได้กลายเป็นคนอีกคนแล้ว และ เธอ ที่อยู่ที่นั่นก่อนหายใจเข้า ก็มิได้เป็น เธอ หลังหายใจเข้าอีกต่อไปแล้ว เธออาจคิดว่าตนเองนั้นจะคงอยู่อย่างยืนยาว ดังนั้นเธอจึงพยายามที่จะเข้าพึ่งในสิ่งที่จะดำรงอย่างยืนยาวเช่นกันหรือดำรงอยู่ตลอดไป ถ้าเธอรู้ว่าผู้ที่เข้าพึ่งและสิ่งที่เราเข้าพึ่งนั้นแท้จริงแล้วคือหนึ่งเดียวกัน เธอย่อมสามารถเข้าใจถึงเหตุผลเมื่อเรากล่าวว่าให้เข้าพึ่งลมหายใจเข้าหนึ่งลมหายใจของเราเอง นี่เป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมมาก ในขณะที่เราหายใจเข้า เราสามารถอยู่กับลมหายใจเข้าของเรา เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่อย่างแท้จริง หากเรารู้วิธีที่จะเข้าพึ่งลมหายใจเข้า เราย่อมสามารถที่จะเข้าพึ่งลมหายใจออกของเราได้เช่นกัน

    บางครั้งเรารู้สึกว่า เราไม่มีความหนักแน่น มั่นคง เราไม่เป็นตัวเอง เราถูกฉุดดึงไปด้วยสิ่งต่างๆ ความคิดต่างๆ โครงการต่างๆ ความกลัวและกิเลสต่างๆ เราไม่มีความสงบสุข นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องเข้าพี่งพาลมหายใจเข้าของเรา

    เพราะการเข้าพึ่งพาลมหายใจเข้าคือการกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง และนี่คือสิ่งที่เป็นไปได้ การเข้าพึ่งลมหายใจเข้าช่วยให้เธอกลับมาเป็นตัวเองได้ในทันที เธอจะรู้สึกปลอดภัยและมั่นคง เธอจะดำรงในปัจจุบันขณะ อยู่ในขณะนั้นได้อย่างเต็มเปี่ยม เธอจะตระหนักรู้ว่าเธอคือความมหัศจรรย์แห่งชีวิตและเธอสามารถสัมผัสกับความมหัศจรรย์แห่งชีวิตที่กำลังรายล้อมรอบเธออยู่

    ลมหายใจเข้านั้นแสนมหัศจรรย์ ทำให้ฉันรู้สึกว่ากำลังอยู่ที่บ้านอย่างแท้จริง ลมหายใจเข้าทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันได้มาถึงแล้ว และทำให้ฉันรู้ว่าฉันไม่ต้องวิ่งไล่ไขว่คว้าอะไรทั้งสิ้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมการเข้าพึ่งลมหายใจเข้าจึงเป็นการปฏิบัติที่แสนมหัศจรรย์ ทุกคนต่างหายใจเข้าและหายใจออกอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่เป็นเรื่องจำเป็นที่เราต้องประดิษฐ์ลมหายใจเพื่อที่จะเข้าพึ่งลมหายใจ เพราะลมหายใจของเราอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว

    เพียงเธอน้อมใจกลับมาเบิกบานกับปัจจุบันขณะ เธอจะมีชีวิตชีวาในทันทีทันใด เธอจะเป็นตัวเธอเอง เธอจะสามารถบ่มเพาะความมั่นคงและความอิสระให้กับตัวเองได้ เธอจะไม่เป็นเหยื่ออีกต่อไป ไม่เป็นทาสของใคร การหายใจอย่างมีสติระลึกรู้นั้นเป็นการปฏิบัติที่สำคัญมากและเป็นการปฏิบัติการไม่ปฏิบัติ เพราะอย่างไรเธอก็ต้องหายใจเข้าและหายใจออกอยู่แล้ว เธอเพียงแต่นั่งและเบิกบานกับลมหายใจเข้าของตัวเองแม้นั่นอาจทำให้ดูไม่เหมือนนักปฏิบัติแต่เธอกำลังเป็นนักปฏิบัติตัวจริงคนหนึ่งเลยทีเดียว

    เธอต้องไม่ใช้ความพยายามมากเกินไปเธอเพียงแต่เบิกบานกับลมหายใจเข้าของตัวเอง นี่คือสิ่งที่พระอาจารย์หลินยี่ต้องการให้เราปฏิบัติ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นเพียงแค่เป็นตัวของเราเอง นั่งตรงนั้นเพื่อเบิกบานกับลมหายใจเข้า เพื่อที่เธอจะเป็นทุกสิ่งและเป็นอมตะ




    ที่มา หมู่บ้านพลัม thaiplumvillage

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...