พิธีเททองหล่อพระประจำอุโบสถวัดป่าพุทธคยา อินเดีย

สมเด็จพระราชาคณะ 3 รูป รับนิมนต์มาเป็นประธานร่วมกันในพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ศิลปะเชียงแสน เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐาน ที่พระอุโบสถวัดป่าพุทธคยา รัฐพิหาร อินเดีย...

สมเด็จพระราชาคณะ 3 รูป ได้แก่ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม สมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร และสมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดเทพศิรินทราวาส รับนิมนต์มาเป็นประธานร่วมกันในพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ศิลปะเชียงแสน เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานเป็นพระประธาน พระอุโบสถวัดป่าพุทธคยา รัฐพิหาร อินเดีย ได้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

ท้องทุ่งที่ตั้งโรงหล่อกุลวัฒนา ต.แม่ปูคา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ที่เคยเงียบสงบแบบชาวบ้านล้านนาทั่วไปกลับมีชีวิตตื่นเต้นตลอดเวลา เพราะสมเด็จแต่ละองค์ รวมทั้งรองสมเด็จพระราชาคณะอีก 2 รูป (พระพรหมเมธี และพระพรหมมุนี) ต่างมีรถตำรวจเปิดไฟแวบๆ ขอความสะดวกตลอดเวลาเมื่อเดินทางมาและกลับ จึงถือว่าเป็นงานใหญ่ที่ไม่มีโอกาสเกิดได้บ่อยๆ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด

สมเด็จพระธีรญาณมุนี​

ยิ่งกว่านั้น อากาศที่เคยร้อนอบอ้าวเพราะแสงอาทิตย์แผดกล้า แต่เช้าวันที่ 8 ม.ค. 2554 กลับ|ร่มเย็น บรรยากาศในหมู่บ้าน ที่ตั้งโรงหล่อกุลวัฒนา ต.แม่ปูคา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ร่มรื่น ท้องฟ้าที่แสงอาทิตย์เคยแผดกล้าทุกๆ เช้า ถูกบดบังด้วยเมฆก้อนมหึมา ที่กระจายทั่วท้องฟ้า จึงอดคิดไม่ได้ว่าแม้กระทั่งดินฟ้าอากาศก็รู้เห็นเป็นใจ ทำให้พิธีกรรมเททองหล่อพระสัมฤทธิ์ศิลปะเชียงแสนหน้าตัก ขนาด 2.75 เมตร ดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก

ในพิธีเททองวันที่ 8 ม.ค.นั้น พระพรหมเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธ.) เมตตาให้คำปรึกษาต่างๆ ตามกรรมพิธีล้านนา เริ่มเวลา 08.00 น. บวงสรวงเทวดา ขึ้นท้าวทั้งสี่แบบล้านนาและบูชาครูบาเจ้าศรีวิชัย เวลา 09.30 น. สมเด็จพระราชาคณะทั้ง 3 รูป เป็นประธานเททอง คณะพุทธบริษัทผู้มีจิตศรัทธาทั้งนั้นร่วมกันจับด้ายสายสิญจน์โยงเบ้าหลอมเททองหล่อพระประธาน พระสงฆ์สมณศักดิ์ 19 รูป นำโดยพระพรหมเมธี เป็นประธานสวดชัยมงคลคาถา อาจารย์พรศิลป์ รัตนชูเดช ผู้เชี่ยวชาญด้านพุทธศิลป์ กล่าวว่า ความอัศจรรย์ที่เห็นนั้น มิใช่เฉพาะปรากฏการณ์บนท้องฟ้า หากแต่แท่นบวงสรวงเทพเทวา และครูบาเจ้าศรีวิชัย ในพิธี ไม่ถูกรบกวนจากควันไฟที่เตาหลอมเลยแม้แต่น้อย

อาจารย์พรศิลป์ บอกว่า พระพุทธรูปที่หล่อนี้เป็นเนื้อสัมฤทธิ์ ศิลปะเชียงแสน ปางมารวิชัย สิงห์หนึ่ง ถ่ายแบบมาจากพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานเชียงใหม่ เมื่อหล่อเสร็จนำไปอินเดีย จัดว่าเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่กว่าทุกองค์ในวัดฝ่ายเถรวาทด้วยกันในอินเดีย
วัดป่าพุทธคยา จะอัญเชิญพระพุทธรูปที่หล่อเสร็จเดินทางไปทางเรือต้นเดือน ก.พ. 2554 คาดว่าจะอัญเชิญเป็นพระประธานประจำพระอุโบสถ วัดป่าพุทธคยา ประเทศอินเดีย ในปลายเดือนเดียวกัน ในช่วงเวลานั้นจะมีพิธีหล่อพระเกศเป็นขั้นตอนสุดท้ายพร้อมกับพิธีเฉลิมฉลองที่วัดป่าพุทธคยา ในวันที่ 1-2 มี.ค. 2554 ตรงกับวันอายุวัฒนมงคล หลวงพ่อจิ๋ว หรือพระครูพุทธบาล เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธคยา

พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนองค์นี้ สมเด็จพระวันรัต เมตตาขนานนามถวายว่า พระสัมพุทธมหามุนีศรีพุทธคยาภูมิสถิต ที่แสดงความศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่วันเททองนั้น หลวงพ่อจิ๋ว หรือพระครูพุทธบาล (ดร.พนมศักดิ์ พุทธญาโณ) ประธานสงฆ์วัดป่าพุทธคยา เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมชาติ ชลบุรี อายุ 61 ปี และครอบครัวของ พายัพ ชินวัตร เป็นผู้ร่วมกันสร้างขึ้น มูลค่าไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
วัดป่าพุทธคยา อินเดีย เป็นวัดของคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต มีหลวงพ่อจิ๋ว หรือพระครูพุทธบาล (พุทธญาโณภิกขุ) เป็นประธานพุทธบริษัทได้ดำเนินการจัดซื้อที่ดินจำนวน 21 ไร่ เพื่อสร้างวัดเป็นพุทธบูชา ตั้งอยู่ห่างจากพระมหาเจดีย์พุทธคยา และต้นพระศรีมหาโพธิ์ เพียงถนนแคบๆ กั้นเท่านั้น จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับพุทธศาสนิกชนที่ไปแสวงบุญจะเข้าพำนัก เมื่อที่พักเป็นอาคาร 3 ชั้น หลายสิบห้องที่อยู่ระหว่างก่อสร้างสำเร็จเรียบร้อย

ระหว่างการก่อสร้างวัด 12-13 ปีเศษนั้นหลวงพ่อจิ๋วต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานาประการ ถูกโจรปล้น ถูกโกง มีคดีขึ้นโรงขึ้นศาลเพราะการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินนับร้อยคดี

ยิ่งกว่านั้นองค์การยูเนสโกยังคัดค้านการสร้างวัด เพราะอยู่ใกล้กับมหาเจดีย์พุทธคยาที่เป็นมรดกโลกอีกด้วย ท่านต่อสู้กับปัญหาต่างๆ นั้นด้วยขันติ และมีสติ จนกระทั่งทุกอย่างจบลงด้วยดี องค์การยูเนสโกยินยอมให้เดินหน้าในการสร้างวัดต่อไปได้ รัฐบาลอินเดียบังคับให้ผู้ขายที่ดินโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่วัด ส่วนปัญหาไฟฟ้าที่มีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล คงจะยุติในไม่ช้าเช่นกัน

เมื่อนำพระประธานไปประดิษฐานในพระอุโบสถศิลปะแบบล้านนาประยุกต์ ขนาดกว้าง 38 เมตร ยาว 85 เมตร ปลายเดือน ก.พ. 2554 ทุกอย่างจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ เพราะขาดแต่ตกแต่งภายในเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ทั้งหมดนี้ท่านว่าเป็นเพราะแรงบุญของชาวพุทธและคณะศิษย์ที่เจริญจิตภาวนา บำเพ็ญกุศลตลอดเวลา ท่านจึงอนุโมทนากับชาวพุทธและศิษย์ทุกคน โดยเฉพาะ พายัพ ชินวัตร และครอบครัวที่สร้างประวัติศาสตร์พุทธศาสนาในแดนพุทธภูมิ

หลวงพ่อจิ๋ว หรือพระครูพุทธบาล เป็นพระที่สรีระร่างกายเล็กสมกับชื่อเล่นว่าจิ๋ว แต่การเผยแผ่ศาสนาและการสร้างวัดนั้นยิ่งใหญ่นัก ท่านสร้างวัดหลายแห่งทั้งในประเทศไทย ในอินเดีย และสหรัฐอเมริกา เริ่มตั้งแต่สร้างวัดพุทธบูชา จ.บุรีรัมย์ ประมาณ พ.ศ. 2512-2513 ครั้งยังเป็นสามเณรอยู่ (หลวงพ่อจิ๋วอุปสมบทเมื่อ พ.ศ. 2514)

เมื่ออุปสมบทบำเพ็ญภาวนา ออกธุดงค์ ได้สร้างวัดที่อื่นๆ หลายวัด หากนับรวมกันที่จำได้มีประมาณ 12 วัด แต่ละวัดเมื่อสร้างแล้วก็ไม่ได้อยู่ หรือครอบครองเอง หากแต่ให้พระรูปอื่นที่ไว้วางใจได้อยู่และสานต่อ ที่ทำแล้วอยู่จริงจังคือวัดพุทธบูชา จ.สุรินทร์ วัดป่าธรรมชาติ จ.ชลบุรี

วัดที่ท่านสร้างจะใช้ชื่อว่าวัดป่าธรรมชาติเป็นส่วนมาก เช่น วัดป่าธรรมชาติ เชียงใหม่ วัดป่าธรรมชาติ แม่ฮ่องสอน วัดป่าธรรมชาติ ดอยหลวง วัดป่าธรรมชาติ เกาะช้าง วัดป่าพุทธคยา รัฐพิหาร อินเดีย

ที่สหรัฐอเมริกาได้แก่ วัดป่าพุทธญาณ เทกซัส วัดป่าที่บิ๊กแบร์ แคลิฟอร์เนีย และวัดที่ชิคาโก เป็นต้น

แรงบันดาลใจที่ให้สร้างวัดมากๆ นั้นมาจากความคิดว่า เมื่อคนเดือดร้อน ไม่มีที่ไป ต้องมาหาวัดก่อน การสร้างวัดจึงสร้างเพื่อประชาชน และวัดก็เป็นของประชาชน ทำมาหลายวัดแม้ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสก็ไม่เป็นไร เพราะบวชมาก็เพื่อเสียสละอยู่แล้ว แต่หากคิดถึงด้านสมณศักดิ์แล้ว ท่านบอกว่าอยู่ในฐานะที่ตกสำรวจ แม้จะสร้างวัดมาก มีผลงานมากก็ตามที แต่ถึงกระนั้นท่านมิได้ท้อถอย ตั้งใจสร้างวัดเพื่อพระพุทธศาสนาตลอดไป

พระสมเด็จ3รูปเป็นประธานเททองหล่อพระประจำอุโบสถวัดป่าพุทธคยา

 

อนุโมทนา สาธุ ๆ
กับท่านทั้งหลายที่ได้ร่วมกันหล่อพระและได้
ทำบุญสร้างกุศลทุกอย่างในกาลนี้ด้วยครับ
การสะสมบุญ คือ การสะสมความสุข
นิพพานัง ปรมัง สุขขัง
นิพพานัง ปัจจโย โหตุ

​

<!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- sig -->

 

ขออนุโมทนา สาธุ กับพระคุณเจ้า ทุกๆ รูป ทุกๆ ท่าน ทุกๆ นาม ครับ