วิธีพิสูจน์จิตของท่านว่าปรารถนาพุทธภูมิหรือสาวกภูมิ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย อภิราม, 13 มกราคม 2011.

  1. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    วิธีนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผม หากผิดถูกประการใดขออภัยแก่ท่านผู้รู้ทั้งหลายด้วยครับ

    ท่านทั้งหลายคิดว่าการให้ทานข้อใด อยู่เหนือการให้ทานทั้งปวง

    ข้อที่๑ สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ ( พุทธภูมิ)
    การให้ธรรมเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง

    การให้ธรรมเป็นทาน เป็นการให้ปัญญาแก่ผู้อื่น หากธรรมนี้สามารถทำให้ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฐิเปลี่ยนกลับมาเป็นสัมมาทิฐิได้ ผลของทานนี้ก็มากมายสุดแสนคณานับ
    แต่ก็มีโทษแก่ผู้ให้เช่นกัน ถ้าหากผู้ให้ไม่ได้ให้ธรรมที่ตรงตามความเป็นจริง ทำให้ผู้ที่มีสัมมาทิฐิเปลี่ยนมาเป็นมิจฉาทิฐิ โทษของผู้ให้นั้นก็มากมายสุดแสนคณานับเช่นกัน

    ข้อที่๒ อภัยทานัง อามิสทานัง ชินาติ (สาวกภูมิ)
    การให้อภัยทาน ชนะเสียซึ่งการให้ทั้งปวง

    การให้อภัยทาน เป็นการให้ปัญญาแก่ตนเอง เป็นการให้ที่ไม่ก่อให้เกิดโทษใดๆ แก่ผู้ให้ทั้งสิ้น เป็นการให้ที่สามารถตัดเวรกรรมได้ คือการอโหสิให้กันและกันนั่นเอง
    การให้อภัยทานนั้นเป็นการให้ที่ไม่ต้องลงทุน การให้ทุกประเภทต้องมีผู้ให้และมีผู้รับจึงจะสมบูรณ์ แต่การให้อภัยมีเราเป็นผู้ให้และมีเราเองที่เป็นผู้รับ สมบูรณ์ด้วยตัวเราเอง

    แต่ละท่านเห็นว่าการให้ในข้อใด อยู่เหนือการให้ทั้งปวง โดยส่วนตัวผมเลือกการให้ข้อที่ ๒ และคิดว่าตนเองนั้นปรารถนาให้ถึงซึ่งพระนิพพานโดยเร็วที่สุด ไม่กล้าที่จะเกิดมาอีกแล้ว (กลัวการเกิด) เพราะมันมีแต่ทุกข์ หากเราเกิดมาในชาติหน้าก็ไม่รู้ว่าจะได้เกิดในประเทศไทย หรือเกิดในประเทศที่มีพระพุทธศาสนาดำรงอยู่อีกหรือเปล่า ขอปฏิบัติให้ถึงซึ่งพระนิพพานโดยเร็วที่สุดได้ยิ่งดีครับ
     
  2. ป่ากุง

    ป่ากุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    416
    ค่าพลัง:
    +784
    ผมก็เร่งให้สำเร็จธรรมเร็วในปัจจุบัน
     
  3. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ผมเลือกอภัยทานครับ

    Life is for giving not for getting,
    Therefore forgive, do not forget.

     
  4. e20ehq

    e20ehq เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +770
    ทั้งธรรมทาน และ อภัยทาน นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นเสมอกัน
    สามารถนำมาใช้ในวาระที่แตกต่างกันออกไป ใช้ให้เหมาะสม ถูกที่ ถูกเวลา
     
  5. ธรรมชาติมีพอเพียง

    ธรรมชาติมีพอเพียง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +86
    อภัยทานัง อามิสทานัง ชินาติ (สาวกภูมิ) การให้อภัยทาน ชนะเสียซึ่งการให้ทั้งปวง
    ที่ท่านแปลนะถูกนะแต่ไม่หมด คำว่า อามิส แปลว่า วัตถุ หรือแปลทั้งหมดคือ การให้อภัยทาน ชนะการให้วัตถุทานทั้งปวง ดังนั้นการให้ทานทั้งหมดจะไม่มีอะไรชนะการให้ธรรมะเป็นทาน เพราะ ธรรมะเป็นสิ่งที่ไม่ใช่วัตถุ แต่สามารถสร้างวัตถุได้ จึงเป็นความเชื่อหรือ ทิฐิ ของท่านแต่ละคนที่ต้องการ ซึ่งเป็นของดีทั้งนั้น
    ขออนุโมทนาบุญด้วยนะ
    เจริญพร
     
  6. patวิมุตติ

    patวิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +204
    ทำทั้งสองอย่างไปด้วยกันไม่ดีหรือ
     
  7. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    เอาอย่างง่ายๆละกันนะจ้ะ เพราะถ้าแยกออกมาจะทำให้ สับสน ยังไงก็ต้องทำทั้งสองอย่างข้างต้นที่กล่าวมาอยู่ดี ทางพุทธภูมิยิ่งต้องทำเยอะกว่าทางสาวกภูมิ อภัย ก็ต้องมากกว่า เขา มาฆ่ามาแกง เขามาพรากสิ่งที่ตนรัก แม้จะต่อหน้าหรือลับหลังก็ตาม ต้องระงับความโกรธต้องห้ามใจให้ได้ แต่ก็ควรทำทั้งสองแบบไป ทั้งทางครูและทางศิษย์ก็ควรทำหมด

    ลองทำใจให้สบายๆ ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปก่อนชั่วคราว แม้แต่คำสอนทั้งหมด แล้ว ถามตัวเองสักครั้งในชีวิต....เราต้องการช่วยเขาจริงๆ หรือเปล่า..ต้องการช่วยเขาให้ไปนิพพานกันหรือเปล่า หรือเป็นเพียง..อยาก ไม่ได้กวนนะจ้ะ เอา สักครั้งในชีวิตถามตัวเองจริงๆจังๆกันไปเลย
    จะได้รู้เจตนาของตนแต่เดิม เพื่อจะได้ไม่เสียเวลา ทำ ถ้ารู้เจตนาแล้วก็ควรคิดถ้าไม่ไหวก็รีบออกไปน้ะจ้ะ ไม่งั้นยาวแน่ๆ เสียเวลามากแน่นอน ไปลาตอนหลังจะลำบาก เพราะ ทิฐิมันมากแล้ว ลายาก เดินต่อก็ยาก ลาก็ยาก จะกลายเป็น อารมณ์ค้าง ได้คายาวแน่ทีนี้ต้องรอคนมาปลดให้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมาก็แย่เลย ถ้าลาก็หลายชาติกว่าจะขาด แล้วมาตั้งสาวกภูมิปรับฐานกำลังใจฐานอารมณ์ใหม่อีก แค่คิดก็แย่แล้วจริงมั้ย? ถ้าพวกที่ลายากมากๆ สันนิฐานไว้เลยว่า เดินมาจนเข้า ไปอยู่ในจิตใต้สำนึกในกมลสันดานแล้ว แม้จักรวาลจะถล่ม จะต้องตายต้องเจ็บเท่าไหร่
    ใครจะเจ็บจะตาย หรือ แม้แต่หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารักก็ยังมี พระโพธิญาณ ขึ้นมาในใจ พวกนี้ ลาไม่ได้แน่นอน ถ้าจะลาก็ยาก หลายชาติเลยทีเดียว

    ปล.ที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ใช่จะบอกว่าตัวเอง เก่ง หรือ ดี นะครับ ก็มาเล่าสู่กันฟังในฐานะ ผู้เดินทาง เหมือนๆกัน ก็เท่านั้นล่ะจ้ะ
    ขอท่านทั้งหลาย ได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...