ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    วิญญาณทหารไทยที่วัดสีสะเกด เวียงจันทน์(ต่อ)

    พระภิกษุรูปนั้นอมยิ้ม ไม่ว่าอะไรอีก ตอนหลังถึงทราบว่าท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดสีสะเกด

    รออีกครู่ ๆ ใหญ่ ใหญ่คณะท่านอาจารย์มหาพินจึงมาถึง มีการนำสิ่งของในกองกฐินที่จะถวายพระลาว ถือเวียนรอบโบสถ์ 3 รอบแล้วเข้าภายใน ส่วนใหญ่อยู่ด้านนอก

    หลังพิธีสงฆ์ ก็มีพิธีปลดปล่อยวิญญาณทหารไทย โดยพระอาจารย์และคณะสงฆ์ได้มีการสวดและอัญเชิญพวกเขาเหล่านั้นเกาะผู้ไตรที่เตรียมมาเพื่อการนี้
    ทั้งนี้พระอาจารย์ได้ให้พระที่มาด้วยรีบนำผ้าไตรข้ามฟากกลับฝั่งไทยทันที เมื่อถึงไทย ก็ปล่อยให้พวกเขาเป็นอิสระไปตามกระแสบุญกรรมที่ทำมา

    แต่มีบางคนที่เมื่อได้รับการปลดปล่อยแล้ว กลับไม่ไปไหนคงอยู่ที่ลาวต่อไป

    และเนื่องจากวิญาณบางพวกไม่ยอมไปบอกยังไม่ถึงเวลาเขา

    เล่ากันในหมู่ศิษย์ว่าในการมาครั้งแรกของคณะท่าน มีสุภาพสตรีคนหนึ่ง ขณะเดินเวียนเทียนรอบโบสถ์ ก็มีอาการหายใจขัด ร้องไห้ ตัวสั่นสะท้าน
    สามีเห็นไม่สู้ดีก็พาออกไป ปรากฏว่าสักพักก็หายปกติ เธอเล่าว่าเห็นคนทุกข์มากมายเดินไปมา พอพวกเขาจะออกพ้นประตูวัด ก็ถอยกลับร้องไห้โอดโอยทราบภายหลังเป็นวิญญาณทหารไทยพอจออกไปพ้นวัด ก็มีไฟลุกสกัดไว้ตลอด เป็นผลกรรมจากการที่เคยเผาวัดวาอารามสถานที่ต่าง ๆ ไว้ในศึกนั้น

    ครั้นปีต่อมา 2553 พระอาจารย์ก็จัดไปทอดกฐินที่วัดสีสะเกดอีก แต่เป็นการร้องขอจากเจ้าอาวาสเพราะการบูรณะวัดยังไม่แล้วเสร็จอีกทั้งทางวัดยังขาดปัจจัยอีกมากพระอาจารย์ท่านเล่าที่กลับไปอีกหนในปี 53 เพราะไม่อยากเห็นวัดต้องหยุดชะงักการบูรณะ และเพื่อเป็นทานบุญแก่สรรพวิญญาณที่นั้นด้วย ตลอดจนร่วมเฉลิมฉลอง 45 ปีการสถาปนานครเวียงจันทน์

    และในปีนี้ที่ทางการลาวได้จัดให้มีพิธีหล่อพระบรมรูปเจ้าอนุและอัญเชิญประดิษฐานที่ริมฝั่งโขงโดยหันหน้ามองมาฝั่งไทย ครั้งนี้ได้เดินไปดู พระบรมรูปนี้ด้วย

    พระบรมราชานุสาวรีย์นี้สูงทั้งหมดกว่า 20 เมตร เมตร มีความสูงจากพื้นถึงจอมเกศรวม 14.99 เมตร เฉพาะรูปปั้นหล่อสูง 8.29 เมตร ฐานตั้งกว้างเป็นสีเหลี่ยมจัตุรัสด้านละ 5.50 เมตรกลายเป็นพระบรมราชานุสาวรย์ีใหญ่ที่สุดของประเทศ

    การปั้นหล่อใช้วัสดุภายในประเทศทั้งสิ้น และ เป็นผลงานของนักวิชาการกับช่างลาวล้วน ทั้งหมดแล้วเสร็จลงในเวลาเพียง 4 เดือนครึ่ง จากปกติที่จะต้องใช้เวลานาน 6 เดือน
    การปั้นหล่อใช้วัสดุภายในประเทศทั้งสิ้นและเป็นผลงานของนักวิชาการกับช่างลาวล้วน ทั้งหมดแล้วเสร็จลงในเวลาเพียง 4 เดือนครึ่ง จากปกติที่จะต้องใช้เวลานาน 6 เดือน

    เหมืองทองเซโปนโดยบริษัทมินมีทัลส์กรู๊ปล้านช้างมิเนอรัลส์จำกัด (MMG Lane Xang Minerals) บริจาคทองแดงน้ำหนัก 8 ตันเพื่อการนี้

    บริษัทธุรกิจเอกชน รัฐวิสาหกิจ และประชาชนจำนวนมาก ได้ร่วมบริจาคเป็นเงินวัสดุต่างๆเพื่อการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าอนุฯ

    พระรูปนี้ี่หล่อด้วยทองสำริดถูกนำขึ้นประดิษฐานบนฐานตั้งตระหง่านในสวนสาธารณะเจ้าอะนุ ริมฝั่งโขง ริมถนนเจ้าอะนุ ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมล้านช้าง โรงแรมเก่าแก่คู่เมืองหลวงของลาว



    ข่าววงในทางการลาวแถลงว่าเดิมจะทำการตั้งหันหน้า ผายพระหัตถ์ไปแผ่นดินลาว แต่ไม่สามารถทำได้แม้จะพยายาม จึงต้องยอมปล่อยไปตามที่เป็นคือพระบรมราชานุสาวรีย์ประทับยืนตระหง่านอยู่ที่สวนสาธารณะริมฝั่งแม่ น้ำโขง ฝั่งตรงข้าม อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคายของไทย จนเป็นที่ฮือฮา ทรงหันพระพักตร์ลงทิศใต้สู่ดินแดนที่ครั้งหนึ่งเป็นที่ตั้งของ“ราชอาณาจักรสยาม”ในอดีตดินแดนที่ชาวลาวจำนวนมากเคยถูกกวาดต้อนไปเมื่อประมาณ 200ปีก่อน ทรงได้พยายามต่อสู้ เพื่อให้ “อาณาจักรจันทบูลีสีสัตนาคนหุต” พ้นจากการเป็นประเทศราช. แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ

    แต่อาการผายพระหัตถ์ไปเบื้องหน้า รัฐมนตรีลาวท่านหนึ่งอธิบายให้สัมภาษณ์ผ่านโทรทัศน์ลาวสตาร์ว่า เป็นการแสดงถึงการอโหสิกรรมให้ผู้ที่เคยรุกรานหรือกระทำต่อพระองค์ในอดีต
    รงให้อภัยแก่ทุกสิ่งทุกอย่าง

    นอกจากนั้นพระบรมราชานุสาวรย์ียังเป็นสิ่งเตือนใจ

    “ไม่ให้ประวัติศาสตร์ที่ระทมขมขื่นนั้นกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง”

    แต่จากการคุยกับแม่ค้าขายธูปแถวอนุสาวรีย์ โดยแกล้งถามไปว่า มือที่ชี้ไปหมายถึง บุกไปข้างหน้าใช่ไหม อยากได้ดินแดนคืนมาไหม เธอตอบฉะฉานมากว่า "ก็อยากได้อยู่กลัวเขาไม่ให้" แต่กับพ่อค้าขายพระบรมฉายาลักษณ์ กลับได้คำตอบว่า
    "เป็นท่าให้อภัยกัน โอ๊ย เป็นเรื่องประวัติศาสตร์ มันจบแล้ว ไทยกับลาวเป็นพี่น้องกัน."

    เอวังก็มีด้วยประการฉนี้แล
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2011
  2. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    แถมภาพวัดสีสะเกด วัดเดียวที่เหลือรอดจากการเผาทำลาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เมื่อวานหลวงพี่พระมหาฤทธิชัยโทรเข้า หนูคิดออกแล้วพี่ดอกไม้ของเก่าๆหาดูได้ที่พระมหาฯอีกคนค่ะ เรียนเชิญพระอาจารย์มหาฯมางานวัดทอดผ้าป่าไว้ด้วย บอกให้หลวงพี่พระมหาฯใช้วิชาหายตัวมาค่ะ

    ทางการจะทำทางขึ้นดอยไตแลง น้ำ ไฟ ก็จะเข้าไปตามลำดับ น่าดีใจที่ความเจริญกำลังเข้าไป

    คุณพี่ดอกไม้ฯเป็นตัวแทนบุญสองฝั่งโขง ขออนุโทนาค่ะคุณพี่ ตั้งใจใช้คำว่าคุณพี่เป็นพิเศษ

    ขออนุโมทนากับเจ้าอนุวงศ์ค่ะ ที่พระองค์ท่านอโหสิกรรมซึ่งกันและกันระหว่างสองประเทศ


    เจอกันค่ะคุณพี่ ที่บ้านลูกหลานตาหานดิน
     
  4. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    บทความดีๆของอาจารย์ประเสริฐ (ปัญญาวโร)

    สมัยพุทธกาลไม่มีการเปิดคอร์สนี่?
    "นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่าง พวกเธอจงเพียรเผากิเลส อย่าได้ประมาท อย่าเป็นผู้ต้องร้อนใจในภายหลังเลย นี่แหละวาจาเครื่องพร่ำสอนของเราแก่เธอทั้งหลาย"
    คอร์สในสมัยพุทธกาลไม่ได้ถือศีล๘ อยู่๘วัน๗คืน หรือ ๕วัน๔คืนฯลฯ เขาออกบวชอยู่ในธรรมวินัยของพระพุทธเจ้ากันทั้งชีวิต พระฉันอะไรก็ได้อย่างที่ต้องการหรือ? พระอยากไปไหนก็ไปได้ตามอำเภอใจหรือ? พระอยากดูหนังเรื่องไหนก็ไปดูหรือ? ทำไมพระพุทธองค์จึงบัญญัติธรรมวินัยไว้อย่างนี้ ปฏิบัติสบายๆให้มีความสุขอยู่ในวังกับกามคุณได้แล้วจะไปกันทำไม แล้วทำไมทั้งราหุล พระนางพิมพา พระนางปชาบดีจึงออกบวชกันหมด ทำไมล่ะ หากวิธีการปฏิบัติที่ให้อยู่กับกามแล้วออกจากกามใช้ได้ดีพระองค์คงไม่ต้องให้ครอบครัวของท่านออกมาลำบากกันหรอก แน่นอนว่าบุคคลผู้อยู่กับกามโดยไม่ติดกามมีอยู่ แต่แน่ใจหรือว่าเรา ลองดูการใช้ชีวิตของเราดูเองว่าติดกามหรือไม่ กามนั้นมาทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กายเลยนะ ไม่ใช่กามหยาบๆแค่เสพเมถุน...​


    <TABLE class=content border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #e2e2e2 1px solid">
    ...แต่วันนี้เราทำได้แค่นี้ก็แค่นี้ล่ะ การมาคอร์สทำให้เราได้เข้าใจในสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ได้ในเวลาอันสั้น ไม่ใช่มาบรรลุธรรมในคอร์ส กลับไปก็ไปปฏิบัติกันต่อเองในชีวิตประจำวัน รู้ๆละๆไปไวๆ เปลี่ยนนิสัยสันดานจิตใหม่ อุุปาทานเป็นสัญญาที่เหนียวแน่นการจะเปลี่ยนนิสัยต้องทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เอาลมหายใจเป็นที่พึ่งที่อาศัยไว้..ไม่ทำอกุศลนั่นรวมถึงมโนทุจริตด้วย อย่าเอาแต่คิดเรื่องผิดศีล
    ลองนึกถึงชีวิตก่อนที่จะมารู้จักธรรมะในคอร์สปฏิบัติกันดูสิว่าตอนนั้นเป็นอย่างไรกัน ดำเนินชีวิตด้วยมิจฉาทิฏฐิกันขนาดไหน ใครเป็นอย่างไรผมไม่ทราบ แต่วันนี้สำหรับตนเองกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้เพราะคอร์สปฏิบัตินี่ล่ะ เวลาที่มีชีวิตอยู่มันกำลังนับถอยหลังนะ ไม่ได้นับไปข้างหน้า อย่ามัวประมาทก็แล้วกัน มาเรียนรู้ มาฝึกภาวนา ฝึกพรากจากกาม ฝึกออกจากที่ที่มีแต่"กู"แต่"ของกู" นั่งไปพักหนึ่งก็จะไปทำโน่นทำนี่อยู่เรื่อย
    เวลานักเรียนไปเรียนเมืองนอกครั้งแรก เขาจะบอกกันว่า พอเครื่องบินขึ้นแล้วครึ่งทางแรกจะนั่งคิดถึงสิ่งที่เพิ่งพรากมาเช่นพ่อแม่ แฟน เพื่อนจิปาถะ ส่วนครึ่งหลังจะเริ่มกังวลถึงสิ่งที่จะต้องไปเจอ วันนี้เครื่องบินขึ้นกันมาถึงครึ่งทางหรือยัง อย่ามัวหลงสนุกหลงเสียใจอยู่นะ เพราะงานนี้กัปตันไม่เคยบอกว่าปลายทางอยู่ไหนและถึงเมื่อไหร่ หาที่พึ่งไว้ได้แล้ว อย่ามัววิ่งวน มรรคมีองค์๘มีอยู่อย่าพลาดโอกาส ทั้งๆที่ได้มีโอกาสเกิดมาพบความจริงอันประเสริฐคืออริยสัจ๔แล้ว​





    </TD></TR><TR><TD colSpan=3></TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=VJgevyWWAZY]YouTube - พระจักษุธาตุ พระบรมสารีริกธาตุ 1[/ame]

    บ่ายๆวันนี้ไปไหว้แม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติมที่วัดอาวุธฯ แล้วต่อไปรับพี่สะใภ้และหลานสาวไปไหว้พระจักษุธาตุด้วยกันค่ะ

    อัศจรรย์ยิ่ง
    พระธาตุตกลงข้างๆ ตกลงเข่า ตกกระดอนบนพรมดังแป๊ะ ตกรอบตัว ตกลงบนถาด วันนี้วันเดียวทางสายธาตุรับพระธาตุเสด็จถึง ๖ องค์ใหญ่ ๔ องค์เล็ก กลิ่นหอมดอกไม้เมืองบน เอ้ย กลิ่นหอมดอกไม้สวรรค์ทุกองค์​
    ส่วนพี่สะใภ้ได้รับพระบรมสารีริกธาตุตกใส่ศีรษะ ตกกระทบจมูก พี่สะใภ้ได้ไปเกือบ ๑๐ องค์​
    หลานสาวได้รับพระบรมสารีริกธาตุเอง ๔ องค์

    ของคุณรุ้งได้ไปเกิน ๑๐ องค์

    ไปสี่คนไดัรับพระบรมสารีริกธาตุเสด็จเองทุกคนค่ะ ไปไหว้พระจักษุธาตุกันค่ะ มงคลยิ่งนัก​
     
  6. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    **************************************

    1.หมายถึงอะไรที่ให้ไปดูของเก่าที่ท่านมหาฤทธิชัย (งง เจ้าค่ะ คุณน้องนึกออก แต่ คุณพี่นึก บ่ ออก)

    2.ทางการประเทศไหนที่ใจดีจะทำทาง แถมลากน้ำ ไฟ ขึ้นไปให้บนดอยไตแลง ไทย หรือ พม่า ถ้าเป็นไทย พี่ว่าฝนจะตกฟ้าจะร้อง
    ดินฟ้าจะอาเพทเอา ต้องร้องว่า "กล้าหรือ.." แค่พม่ากระแอมมาเบา ๆ ก็รีบปิดทางขึ้นแล้วมั้ง

    ถ้าเป็นพม่า โอกาสเป็นไปได้สูงที่จะทำ แต่บนโน้นคงสู้ตาย ไม่ยอมรับผลบุญ เพราะถ้าหม่องแกจำทำก็มีเหตุผลเดียว คือ ขึ้นไปลากตัวเจ้ายอดลงมา กับไล่ถล่มบรรดาขุนเศิกไตยให้ราบพนาสูญ ซะมากกว่า

    แต่พี่อาจตกข่าวก็ได้เกิดมีการทำจริงก็ขอยกมือท่วมหัวกล่าว สาธุ สาธุ สาธุ ขอบใจ ขอบใจ

    3.พี่ก็อนุโมทนาถวายท่าน ถ้าท่านอโหสิ... แต่การอโหสิควรอโหสิทั้ง 2 ฝ่าย
    กรรมจะได้ตัดขาดเสียที และถึงท่านอโหสิ ก็ไม่แน่ใจว่าชาวลาวจะเอาด้วยไหม เพราะหลัง ๆ มานี่ รัฐบาลเขาเร่งปลุกใจพลเมืองน่าดู ทำตั้งแต่เด็ก ๆ หลักสูตรการเรียน การสอนเน้นประวัติศาสตร์ สรุปว่า ศักดินาสยามเลวร้ายเหลือเกิน รุกราน เผาบ้านเมืองเขา กวาดต้อนคนและทรัพย์สมบัติของเขาไปมากมาย

    ตอนไปหลังสุด อยู่ที่โรงแรม ดึก ๆ เขาเอาพิธีประดิษฐานอนุสาวรีย์เจ้าอนุมาออก มีเพลงประกอบ ฟังแล้วสะอึกไปเหมือนกัน เนื้อหาโดยสรุปของเพลงคือศักดนาสยามรุกรานปล้น เผา เข่นฆ่าชาวลาวมากมาย บางเพลงระบุชัด แต่บางเพลงใช้คำว่า เพื่อนบ้าน
    คนลาวรัก สนิทใจคนเวียดนาม มากกว่าคนไทย ประเทศไทย

    ก่อนเดินทางไปรอบหลังปี 53ที่ผ่านมา ได้ไปกราบพระอาจารย์มหาพินที่วัด
    นมัสการถามว่า "เจ้าอนุท่านเป็นอย่างไรบ้าง ท่านยังทุกข์ ยังโกรธแค้นหรือไม่ อยากจะช่วยท่านจะทำได้อย่างไร

    พระอาจารย์บอกว่า "อย่าไปห่วงถึงท่านเลย ด้วยบุญญาธิการทีี่ท่านมีอยู่ท่านก็คงมีทางออกของท่านเอง คนเราที่จะเกิดมาเป็นได้ขนาดนั้น บุญบารมีย่อมมีพอตัว อีกอย่างเมื่อหลุดไปสู่อีกภพภูมิแล้ว อย่าไปนึกว่าจะเหมือนโลกเรา อะไร ๆ ในโลกที่เป็นสิ่งสมมุติ ย่อมจบสิ้นเมื่อไปจากโลกนี้ สภาวจิตท่านก็คงพ้นจากเรื่องราวยามมีพระชนม์อยู่ก็ได้ ทางที่ดีถ้าอยากช่วยท่าน ในฐานะลูกหลานสืบต่อมา ก็คือการทำดี ทำบุญ ทำกุศล..ถวายไปหากท่านยังขุ่นข้องอยู่ก็คงจะรู้สึกว่าจะมัวข้องขุ่นใจอยู่ไป
    ทำไมเรื่องราวมันจบไปนานแล้ว
     
  7. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    ******************************
    ที่วัดไหน ใช่วัดที่พระอาจารย์มหาพิน วัดอินทาราม ท่านนำมาลงเว็บไซด์ หรือเปล่า ถ้าใช่จะขอนำไปเล่าถวายพระอาจารย์มหาพิน ท่านคงอนุโมทนาสาธุไปด้วย (แหะ แหะ ท่านบอกให้หาเวลาไปดู ไปกราบซิ ว่าเป็นอย่างไร ป่านนี้ยังไปไม่ถึงวัดนั้นเลย อ้อ รถมันติดมาก ) แต่ จะวัดไหน ก็ขอสาธุด้วยนะจ้ะ
     
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เรื่องทาง พระมหาฯเล่าให้ฟังถึงโครงการหมูบ้านรักษาชายแดน(จำชื่อโครงการได้แม่นนะคะ)ในพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทางโครงการจะให้ดอยไตแลงเป็นหมู่บ้านรักษาแนวชายแดนจึงให้มีถนนลาดยางตอนนี้กำลังทำส่วนน้ำประปา กับไฟฟ้าจะตามไปในวาระต่อไปค่ะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อ้าวตอบเรื่องที่ ๒ก่อนแต่นึกว่าเป็นเรื่องที่หนึ่งจึงเปลี่ยนหมายเลขประจำข้อให้ ๒ มาก่อน ๑<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ๑ หากคุณพี่ได้ไปนอนฟังเสียงระเบิดบนดอยไตแลงอีกครั้ง พี่ดอกไม้เมืองบนอาจจะได้เจอกับพระมหาฤทธิชัย ตามสถานที่และงานบวงสรวงสำคัญๆ ท่านมีพระกรุลองขอชมจากท่านดู เผื่อท่านจะกรุณาให้ชม ทางสายธาตุเคยชมพระชัยวัฒน์ยอดพระมาลาของกษัตริย์โบราณ ก็ขอชมจากพระมหาฯท่าน ส่วนวัตถุโบราณบางชิ้นท่านบอกว่ารอตรวจสอบความถูกต้องก่อน ตอนนี้ยังอยู่ที่เมาะตะมะส่วนอีกชิ้นหนูอยากเห็นเป็นปอกแขนนักรบถ้าพระท่านมาร่วมงานที่วัดชุมพลฯจะขอท่านช่วยนำติดมาให้ชมเป็นขวัญตาจั๊กหน่อยแน้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ๓ ก็บางทีพี่ไทยเองก็ทำตลกโดยสื่อความไปในทางภาษาลาวและคนลาวเป็นเรื่องตลกขำขันทำเทปตลกออกมาเยอะ คนลาวเขาก็รู้ก็เห็นนะเขาอาจจะไม่ปลื้มนักที่พี่ไทยเอาชนชาติเขามาเล่นเป็นตลกค่ะคุณพี่

    <O:p</O:pสุดท้ายหนูไปไหว้พระจักษุธาตุที่วัดสัมพันธวงศ์มาค่ะพี่ดอกไม้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    มหัศจรรย์มากค่ะคุณพี่ คุณพี่ไปรับพระธาตุเสด็จด้วยตัวคุณพี่เองนะคุณพี่ พี่จะอัศจรรย์ใจยิ่ง ถ้าไปเช่าผอบแล้วพระอาจารย์ประจักษ์ท่านแบ่งพระธาตุของพระอาจารยให้ แต่ว่าอยู่รอรับพระธาตุเสด็จเองจากอากาศจะปลื้มใจกว่ากันเยอะเลยค่ะพี่<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    มหัศจรรย์แท้ๆ

    ป.ล. คุณนายเจ๊โหน่งแซวมาว่า ไหนบอกว่าจะไม่เข้ากระทู้แล้วไงหลังปีใหม่ อ๊ะจ้า โดนแซวมา ก็เข้ามาบอกบุญผ้าป่าอะจ้า อยากให้งานลุล่วงไปด้วยดีและได้ปัจจัยไปซ่อมโบสถ์เยอะๆ ผู้ไม่ประสงค์จะออกนามสามารถบริจาคได้ตามกำลังศรัทธาคะ หรือประสงค์จะออกนามก็บริจาคได้ค่ะ ตอนนี้ตัดสินใจกันใหม่ในกลุ่มกรรมการอุปถัมภ์ว่า บริจาค ๑๐๐ บาทก็ได้รับแจกพระลีลาทุ่งเศรษฐีเหมือนกันจ้า หรือท่านศรัทธาไปบริจาคที่วัดชุมพลฯก็ได้นะคะ

    หลวงเตี่ยเล่าให้ฟังว่า มีเจ้าหน้าที่ธนาคารคนหนึ่งฝันไปว่า ผู้หญิงสูงศักดิ์สวมชุดไทยสวยงามนั่งเสลี่ยงไปตามเขาให้มาวัด เขาก็ไม่รู้จักว่าผู้หญิงสูงศักดิ์คนนี้เป็นใคร ผ่านไป 2 ปีจนแล้วจนรอดก็ไม่รู้ว่าวัดไหนเพราะไม่รู้ว่าผู้หญิงสูงศักดิ์คนในฝันเป็นใคร จนต้องไปหาคนที่มีสัมผัสพิเศษจึงทราบว่าเป็นแม่อิน เขาจึงมาทำบุญที่วัดชุมพลฯ บัดนี้ก็ยังมาวัดนี้ทำบุญต่อเนื่อง หลวงเตี่ยบอกว่าส่วนละเอียดไปตามคนที่เคยรู้จักและคนที่เคยเกี่ยวข้องมาทำบุญที่วัดทั้งนั้น หลวงเตี่ยว่าดีเหมือนกัน

    เมื่อวันเสาร์นั่งรอชิมซาลาเปาหลวงเตี่ย พี่หมูกับพี่อะไรอีกคนเป็นคนพื้นเพ เอาพระกรุวัดชุมพลฯมาให้ชม ขนลุก พระสวย พลังดี พร้อมเล่าเรื่องตำนานนางอินจากปากผู้เฒ่าผู้แก่ เรื่องเมื่อก่อนสักสามสิบปีก่อน โบสถ์ทรุดโทรมมากไม่มีใครดูแล เรื่องอื่นๆอันเป็นเรื่องของส่วนละเอียด(คำว่าส่วนละเอียดนี้เรียกตามหลวงเตี่ย) หลวงเตี่ยบอกว่าส่วนใหญ่คนที่มาวัดนี้จะเป็นส่วนละเอียดไปตามมาเอง หลวงเตี่ยยังงงเลย

    ออกจากวัดชุมพลฯ ก็ตรงไปเยี่ยมหลวงปู่วัดโปรดสัตว์ แล้วมีเหตุต้องกลับมาวัดชุมพลอีกครั้งเพราะหลวงเตี่ยท่านขอใบบอกบุญไว้ที่วัดสักใบ จึงได้กลับมาชิมซาลาเปาร้อนๆอร๊อยๆของหลวงเตี่ย อร่อยมากๆ ขอเล่าเรื่องการมานั่งปรกสวดพุทธคุณปลุกเสกพระของหลวงปู่ทองหล่อ หลวงปู่ทองหล่อเล่าว่าเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๙ หลวงปู่เองก็มาวัดชุมพลฯเพื่อร่วมในพิธีปลุกเสกพระเครื่องรุ่นกระเบี้องหลังคาโบสถ์เก่าด้วยเหมือนกัน พระเครื่องชุดนี้เข้าพิธีที่วัดพระแก้วเรียบร้อยแล้ว จึงนำกลับมาจากกรุงเทพฯเพื่อมาเข้าพิธีที่โบสถ์วัดชุมพลอีก ๔ ครั้ง หลวงปู่ทองหล่อมาร่วมนั่งปรกให้ทุกครั้งเช่นกันค่ะ รายชื่อพระเกจิอาจารย์ที่นั่งปรกสวดพุทธคุณปลุกเสกพระเครื่องครั้งนี้มีดังนี้ (พี่หมูเล่าให้ฟังว่ามานั่งปรก ๙ องค์แต่จำได้แค่ ๘ องค์ค่ะ)
    ๑ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี
    ๒ หลวงปู่เส่ง วัดกัลยาณมิตร กรุงเทพฯ
    ๓ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ทรงธรรม กรุงเทพฯ
    ๔ หลวงปู่จวน วัดหนองสุ่ม สิงห์บุรี
    ๕ หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง พระนครศรีอยุธยา
    ๖ หลวงปู่ทองหล่อ วัดโปรดสัตว์ พระนครศรีอยุธยา
    ๗ หลวงปู่เลิศ วัดชุมพลนิกายาราม พระนครศรีอยุธยา
    ๘ หลวงปู่กลั่น วัดพยาญาติ พระนครศรีอยุธยา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2011
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE id=post2452202 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>[​IMG] 23-09-2009, 11:27 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #15 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หมอพล<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2452202", true); </SCRIPT>
    สมาชิก PREMIUM

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2007
    ข้อความ: 2,483
    Groans: 0
    Groaned at 20 Times in 17 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 717
    ได้รับอนุโมทนา 9,737 ครั้ง ใน 1,886 โพส
    พลังการให้คะแนน: 487 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2452202 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->คาถาที่พระองค์ทรงใช้บริกรรมเป็นปรกติ คือ บทมงกุฎพระพุทธเจ้า กับ หัวใจพาหุง (พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ)


    ทรงเจริญบทถวายพรพระเป็นประจำทุกค่ำเช้า ครั้งละ 9 จบ โดยท่องบทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และ พระสังฆคุณ ก่อน แล้วจึงตามด้วย บทถวายพรพระ (พาหุงฯ มหากาฯ)



    และ พระคาถาอีกมากมายหลายบท ล้วนได้รับถ่ายทอดมาจาก พระมหาเถรคันฉ่อง (พระมหาเถระชาวมอญ) กับ สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว แห่งกรุงศรีอโยธยา



    นอกจาก พระหูยาน แล้ว ทรงมี พระร่วงยืน สุโขทัย พระกรุกำแพงเพชร พระกรุลพบุรี สายประคำ 108 ทองคำ ยอดผงยาจินดามณี พระกริ่งจักรพรรดิตราธิราช ผ้ายันต์จักรเพชร พระแสงลงอาคม พระมาลาลงอาคม สังวาลย์มณีนพเก้าปลุกเสก เบี้ยแก้ ตะกรุดสามกษัตริย์ ตะกรุดดำ (เนื้อตะกั่วลงถม) ตะกรุดทองคำ ประคำแขน ผ้าประเจียดมงคล และ พระปิดตามหาอุด



    ทรงสักยันต์ทั่วพระวรกาย ทรงบูชาพระประจำดวงพระชาตา ที่แกะจากไม้โพธิ์ เป็นปรกติ ทรงเชี่ยวชาญตำราพิชัยสงครามเป็นที่ยิ่ง ทรงโปรดปรานกีฬาไก่ชนเป็นที่สุด


    ทรงรักประเทศชาติ และ ประชาชน เหนือสิ่งอื่นใด



    ท่านใดต้องการกราบไหว้พระพุทธรูปที่พระองค์ทรงจัดสร้าง ขอเรียนเชิญไปกราบได้ที่ วัดบุพพาราม แถว ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่เรียกปอกแขนนักรบ เขาเรียกว่าประคำแขนใช่ไหมเจ้าคะ พระอาจารย์

    http://palungjit.org/threads/*พระคาถาออกศึกของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช*.164352/
     
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ค่ายพระองค์เจ้าขุนเณร จะมีพิธีเททองหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวร ในวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๔ ใช่ไหมคะ

    น้องกิ๊บเก๋ พี่จงรักภักดี น้องโมเย อาจจะมีรายละเอียดดีๆมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะเจ้า(เสียงจาวเหนือปลอมนะเจ้า อิอิ)
     
  11. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210
    แด่ยอดรักนักรบไทย

    กัญญนัทธ์ ศิริ
    เนื้อร้อง /ทำนอง/ ขับร้อง

    ไกลสุดขอบฟ้า ฝากศรัทธารัก...ถึงเธอ
    จากภูผา โอบขอบฟ้า สู่ทะเล
    ยอดรัก ฉันรอคอย ไม่หักเห
    ไม่รวนเร รอเธอกลับ...นับวันคืน
    (ก่อนจะนอน ฉันขอพร พระคุ้มครอง)

    เธอ คือยอดดวงใจ ที่ห่วงใยฉันทุกนาที
    ปกป้องผืนแผ่นดินนี้ ด้วยศักดิ์ศรี นักรบไทย

    บัดนี้ เธอห่างหาย ชีพวางวาย...เพื่อชาติไทย
    เพรียกหา..เธอออยู่แห่งไหน โถ ดวงใจ จะขาดรอน

    *ขอเธอจงหลับไหล โอบกอดไพร ใต้เเสงจันทร์
    คืนนี้ไม่ต้องฝัน อาบจันทร์ นิรันดร์ กาล
    ยอดรัก ฉันจะกล่อมให้หลับไหล
    หลับเถิด ใต้ธงไทย สดุดี

    จะขอเฝ้าจดจำ จารึกไว้ สุดหัวใจ
    โอ้ยอดนักรบไทย ที่ดวงใจฉันเทิดทูน

    บทเพลงนี้ ขอมอบให้แก่ ทหารหาญนักรบ และผู้กล้า ทั้งในอดีต และปัจจุบันที่สละชีพเพื่อชาติ

    กุศลทั้งหมดทั้งมวลนี้ ขอถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนเรวศวรมหาราช
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2011
  12. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    อนุโมทนา สาธุ สาธุค่ะ


    โมทนาจ๊ะ





    แหมๆๆๆๆ โชคดีรับปีกระต่ายเลยน้า อิจฉา อิจฉา มิน่าช่วงหลังๆคุยทางโทรฯ แต่ทำไม๊ ทำไมอิช้านขนแขน stand up ตาหลอด55555555
     
  13. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    รัฐบาลของชาติใดประเทศใด ล้วนต้องการให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชนในชาติ หลายๆประเทศจะหยิบยกความบาดหมางในอดีตเช่น เซอร์เบีย, ยูโกสลาเวีย บางประเทศก็จะรุนแรงกลายเป็นลัทธิชาตินิยมเช่นนาซีในสมัยของฮิตเลอร์ เป็นต้น โดยสรุปแล้วทุกประเทศต่างทำเพื่อผลประโยชน์ของชาติของตนเอง
    ในอีกหนึ่งมุมมองก็น่าชื่นชมกับรัฐบาลลาวที่ให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์หยิบยกประเด็นที่เคยถูกมองเสมือนปมด้อยขึ้นมาแล้วเปลี่ยนให้เป็นปมเด่นเพื่อปลุกใจชนในชาติของตน ดูประหนึ่งการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส

    ดูละครแล้วย้อนดูตัว เราเองได้ให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์มากน้อยแค่ไหน
    ขอทิ้งกันไว้แค่นี้(เพราะกระทู้นีไม่มีแนวทางด้านการเมือง เพียงแค่ติเพื่อก่อ พอคันๆ)

    ขอคัดลอกบทความของทันตแพทย์สม สุจีรา ที่เขียนไว้ในหนังสือ "เจาะตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" มาฝากกันเพื่อเป็นข้อคิดสำหรับท่านผู้อ่าน
    ด้วยเห็นว่ามีความเกี่ยวข้องและสอดคล้องกันกับเรื่องข้างต้นอยู่ไม่น้อย หากมีผิดพลาดบ้างประการใดใคร่ขออภัยในความเบาปัญญาไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย

    ...สถาบันหลักของชาติ ๓ สถาบัน คือ ชาติ ศาสนา พระ
    มหากษัตริย์ การที่ประเทศใดจะคงอยู่ได้ต้องมีสถาบันหลัก
    ประวัติศาสตร์ของชาติอื่นๆก็สอนเราได้เช่นกัน จีน สิงคโปร์
    ไต้หวัน เกาหลีใต้ ประเทศเหล่านี้เคยมีประวัติศาสตร์ที่เจ็บ
    ปวดจากการถูกย่ำยีของประเทศอื่นอย่างแสนสาหัส ทำให้แปร
    เปลี่ยนความเจ็บปวดนั้นมาเป็นความรู้สึกรักชาติอย่างแรงกล้า
    สถาบันหลักที่ทำให้ประเทศเหล่านี้คงอยู่ได้คือ สถาบันชาติ
    สำหรับคนไทย ความเข้มของการรักชาติในปัจจุบันต้องยอมรับว่าน้อยกว่าประชาชนในประเทศเหล่านั้นมาก หลาย
    ต่อหลายครั้งที่ฟิลิปปินส์ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เป็นคาทอลิก
    อินโดนีเซียซึ่งเป็นมุสลิม หรือแม้แต่ประเทศใหญ่หลากเชื้อ
    ชาติอย่างอินเดีย ผ่านวิกฤติการณ์ของประเทศพวกเขาไปได้
    เพราะผู้นำทางศาสนาซึ่งมีคุณธรรมออกมาเป็นแกนนำในการ
    กู้วิกฤติ
    สถาบันหลักที่ทำให้ประเทศเหล่านี้คงอยู่ได้คือ สถาบัน
    ศาสนา
    แต่สำหรับคนไทย ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาไม่มี
    อิทธิพลมากพอที่จะทำให้มีการออกมาต่อสู้เพื่อความถูกต้อง
    และมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งนิกายกันออกไปมากมายจน
    เกาะกลุ่มไม่ติด บางครั้งก็เกิดความขัดแย้งกันเอง และยังมี
    ประชาชนบางส่วนเข้าใจพุทธศาสนาในเชิงไสยศาสตร์มาก
    มาย
    สามสถาบันหลักของประเทศเราคือ ชาติ ศาสนา พระ
    มหากษัตริย์ สองสถาบันแรกไม่มีอิทธิพลเพียงพอที่ผลักดันให้
    เกิดพลังในการคงความเป็นชาติได้ สถาบันหลักสถาบันเดียว
    ที่ทำให้ประเทศเราผ่านวิกฤติอันรุนเเรงมาได้ทุกครั้งจนคง
    ความเป็นชาติไทยอยู่ทุกวันนี้คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ พระ
    อัจฉริยภาพ พระมหากรุณาธิคุณ และพระบารมีปกเกล้า
    ขอเพียงแต่ประชาชนชาวไทยมีความรักชาติมากขึ้น
    พยายามศึกษาศาสนาที่แก่นธรรม เมื่อนั้นชาติไทยจะแข็ง
    แกร่งจนไม่แพ้ใครในโลก ไม่ว่าจะเป็นสงครามการรบหรือ
    สงครามเศรษฐกิจ เพราะโดยศักยภาพที่แท้จริงของคนไทยสูง
    มาก สังเกตได้จากสงครามในอดีต แม้แต่การเสียกรุงศรีอยุธยา
    ถ้าไม่ใช่เพราะไส้ศึกคนในขายชาติกันเอง พม่าก็ไม่มีวันเอา
    ชนะเราได้...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2011
  14. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488

    ฟอร์ทขออนุโมทนากับพี่โมครับ แค่เนื้อเพลงก็ได้ใจแล้วขอรับ

    ....จะขอเฝ้าจดจำ จารึกไว้ สุดหัวใจ
    โอ้ยอดนักรบไทย ที่ดวงใจฉันเทิดทูน....

    ได้เสียงพี่โมมาขับขานอีกด้วย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่างานนี้ไม่ใครก็ใครคงต้องเสียน้ำตากันอีกครั้ง เหมือนครั้งฟังเพลงพระสุพรรณกัลยา ประมาณนั้นขรับ

    ฟอร์ทไม่ได้เป็นทหาร แต่ก็มีความผูกพันด้วยความเป็นลูกทหาร ก็ต้องขอขอบพระคุณพี่โมที่ยังรำลึกนึกถึงพวกเขาเหล่านั้น ฟอร์ทขอร่วมรำลึกถึงพวกท่านทุกคน ทั้งทหารและ ตชด. นักรบไทยทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยขอรับ

    "บทเพลงนี้ ขอมอบให้แก่ ทหารหาญนักรบ และผู้กล้า ทั้งในอดีต และปัจจุบันที่สละชีพเพื่อชาติ"

    สาธุ ขออนุโมทนา ขอรับ


    งานผ้าป่าของพี่ทางสายธาตุ ฟอร์ทขอร่วมบุญด้วย 499.- บาท จะโอนมาให้วันนีขอรับ "ในนามผู้ไม่ประสงค์ออกนาม" และขออุทิศบุญกุศลทั้งหมดทั้งสิ้นแก่เหล่านักรบไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน นะขอรับ
     
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ขอให้น้องโมเยประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำอยู่ด้วยค่ะ ได้ยินเสียงร้องสดทางโทรศัพท์ไปทีหนึ่งแล้ว รอฟังที่มีดนตรีประกอบ เมื่อวานอ่านเนื้อเพลงแล้วแอบนั่งเช็ดน้ำตาไปหน่อยนึง เนื้อหาซาบซึ้งใจค่ะ

    คุณนายเจ๊โหน่ง ไปวัดสัมพันธวงศ์นะเจ้าคะ ไปกราบพระจักษุธาตุ มงคลยิ่งนัก

    ขออนุโมทนาบุญกับน้องFort ด้วยค่ะ

    ท่านจงรักภักดียังคงเส้นคงวา เสนอบทความที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับชื่อกระทู้อย่างสม่ำเสมอ ขออนุโมทนา

    เมื่อวานทางสายธาตุฝันมงคล ฝันว่าได้เข้าเฝ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ทรงรับสั่งเกี่ยวกับพระสุขภาพของพระเจ้าอยู่หัวว่าทรงแข็งแรงดี ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ด้วยเกล้าฯ
     
  16. ศรัทธา_พิสุทธิ์

    ศรัทธา_พิสุทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +205

    ยังติดตามผลงานของน้องโมเยอยู่นะคะ เสียงพลิ้วไหวของกำมะหยี่ (ตามที่ท่านหนึ่งได้เคยเปรียบเปรยไว้ ขออภัยที่จำนามไม่ได้ค่ะ)

    "แด่ยอดรักนักรบไทย" ได้ใจอย่างที่คุณน้องฟอร์ท ว่าไว้จริงๆ

    อนุโมทนาบุญกับคุณทางสายธาตุค่ะ จะร่วมทำบุญด้วยนะคะ
     
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สวัสดีค่ะพี่ศรัทธา พิสุทธิ์ ขออนุโมทนาด้วยค่ะ

    เมื่อวานได้ฟังเพลงโมเยร้องฟังจากเทปผ่านมือถือที่โทรคุยกัน ทางสายธาตุว่าเป็นแนวเพลงคล้ายคลึงกับเพลง จากยอดดอย คือแนวเพลงทางเดียวกันค่ะ ผิดถูกอย่างไรขออภัยผู้รังสรรผลงานด้วยค่ะ

    หลังจากคุยกับพี่ดอกไม้ฯ ก็เกิดศรัทธา เรื่องบนดอยไตแลง ทำให้คุยกับโมเยว่าพวกเรามาร่วมบุญช่วยเขากันเถอะเขาน่าสงสารมากๆ ทำตามกำลังและตามความศรัทธา พี่ดอกไม้ฯเล่าเรื่องเกี่ยวกับเจ้ายอดศึก เรื่องเกี่ยวกับทหารไทยใหญ่ เรื่องเด็กกำพร้า เรื่องทหารพม่า พี่เล่าได้เห็นสภาพความเป็นจริงเลย หนูเกิดศรัทธา

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=UlV9aRIHdTI&feature=related]YouTube - ไม่ต้องร้องไห้ (shanmusic.tht.in )[/ame]​
     
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=-CSMpiOESn4&feature=related"]YouTube - Shan กู่อิสรภาพไทใหญ่ ตอน 1( taiyai.net )[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=Pjb2tNexr8w&feature=related"]YouTube - Shan ???????????????? ??? 2 ( taiyai.net )[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=m5HB2Df0qUs&feature=related"]YouTube - Shan ???????????????? ??? 3 ( taiyai.net )[/ame]​

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=P8D1TBV6cws&feature=related"]YouTube - Shan กู่อิสรภาพไทใหญ่ ตอน 4 ( taiyai.net )[/ame]​

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=81AnUz72FdA&NR=1"]YouTube - Shan กู่อิสรภาพไทใหญ่ ตอน 5 ( taiyai.net )[/ame]​

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=51wBmAZXvCA&feature=related"]YouTube - Shan กู่อิสรภาพไทใหญ่ ตอน 6 ( taiyai.net )[/ame]​

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=ZqPzpQ3e-0s&feature=related"]YouTube - Shan ???????????????? ??? 7 ( taiyai.net )[/ame]​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2011
  19. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สมเด็จพระนเรศวรมหาราชบนดอยไตแลง

    นวลแก้ว บูรพวัฒน์ รายงาน
    เนชั่นสุดสัปดาห์
    ปีที่ 19 ฉบับที่ 969 วันที่ 24 ธันวาคม 2553



    ประมาณเดือนธันวาคมของทุกๆปี ถือเป็นจังหวะการตัดปีเก่าเริ่มปีใหม่ของคนตระกูลไท-ลาวมาแต่โบราณ โดยนับเริ่มต้นปีที่วันขึ้น ๑ ค่ำเดือนอ้าย คนไทยสยามก็เคยถือธรรมเนียมนี้เช่นกัน เพราะในอดีตนั้นวันขึ้น ๑ ค่ำเดือนอ้ายเคยเป็นเทศกาลปีใหม่โบราณของไทยสยามมาก่อนจะนับวันสงกรานต์เป็นวันปีใหม่



    ส่วนคนไทใหญ่นั้น เขายังถือธรรมเนียมโบราณเก่าแก่ของคนเชื้อชาติไท-ลาวมาอย่างต่อเนื่องมั่นคงถึงปัจจุบัน เพราะนอกจากพวกเขาจะฉลองปีใหม่สากลในทุกวันที่ ๑ มกราคม เช่นเดียวกับนานาชาติแล้ว คนไทใหญ่ยังจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ไทใหญ่ในวันขึ้น ๑ ค่ำเดือนเจียง(อ้าย) ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ กันอย่างสนุกสนานคึกคัก ดังที่ปรากฏให้เห็นจากฐานที่มั่นดอยไตแลง ที่ตั้งกองบัญชาการสูงสุดกองทัพรัฐฉาน ซึ่งปีนี้สื่อมวลชนไทยขึ้นไปทำข่าวกันอย่างครึกโครมทั้งทางสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และนอกจากจะมีการนำเสนอรายการสัมภาษณ์พลโทเจ้ายอดศึกอย่างยาวเหยียดในรายการทีวีไทยหลายช่องแล้ว ยังมีภาพข่าวผู้นำของกองกำลังชนกลุ่มน้อยอีกหลายกลุ่มที่ขึ้นไปพบปะกับเจ้ายอดศึกในงานวันนั้น อย่างเช่นนายพลบีทู และนายเรมันทู ผู้นำด้านการทหารด้านการเมืองของกลุ่มKNPP รวมทั้งตัวแทนจากKNU อาระกัน กะฉิ่น ปรากฏโฉมหน้าให้เห็นในงานเฉลิมฉลองนี้ จนเหมือนกับเป็นการเปิดประชุมย่อยของกลุ่มต่อต้าน อย่างชัดเจนที่สุดหลังการเลือกตั้งพม่าที่เพิ่งผ่านไปเพียงเดือนเศษก็ว่าได้


    นอกจากนั้นช่วงปีใหม่ไทใหญ่ปีนี้ ยังมีปรากฏการณ์ “พิเศษ” อย่างยิ่งสำหรับคนไทยและไทใหญ่ นั่นคือได้มีการอัญเชิญรูปหล่อ หรือที่คนไทใหญ่เรียกกันว่า “หุ่นฮ่าง” สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขนาดสูงใหญ่มหึมา ขึ้นไปประดิษฐานเป็นอนุสาวรีย์อย่างงามสง่าน่าเกรงขามอยู่บนยอดดอยไตแลง ไว้เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนและทหารไทใหญ่ โดยที่ทางกองทัพรัฐฉานของพลโทเจ้ายอดศึกได้จัดพิธีบวงสรวงพระองค์ท่านอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติไปเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ที่ผ่านมา และในพิธีบวงสรวงครั้งนี้ก็มีปรากฏการณ์พิเศษทางธรรมชาติเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นทุกครั้งในพิธีบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรฯ ที่พระราชวังจันทร์ จ.พิษณุโลก


    อันที่จริงทางกองทัพรัฐฉานได้เคยพยายามจะอัญเชิญหุ่นฮ่างพระนเรศวรฯขึ้นไปไว้บนดอยไตแลงมาแล้วตั้งแต่ประมาณปีพ.ศ.๒๕๔๗ แต่นายพลไทยคนหนึ่ง ................สั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ทหารไทใหญ่อัญเชิญพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรฯ ขึ้นไปไว้บนดอยไตแลง และจากนั้นไม่นานในช่วงปีพ.ศ.๒๕๔๘ ระหว่างว้าแดงขึ้นถล่มดอยไตแลงเปิดการสู้รบอย่างรุนแรงกับไทใหญ่ ขณะที่กองทัพไทใหญ่กำลังลำบากอย่างที่สุดกับการสู้รบติดพัน และฝนตกกระหน่ำยอดดอย นายพลรองแม่ทัพภาคคนนี้ก็ได้สั่งย้ายประชาชนผู้อพยพ ผู้หญิง เด็ก ไทใหญ่ ออกจากสันเขาใกล้ดอยไตแลง สร้างความลำบากให้ผู้อพยพลูกเล็กเด็กน้อยและกองทัพไทใหญ่อย่างสุดจะบรรยาย นับว่านายพลคนนี้ได้กระทำการอันขัดกับเจตนารมณ์ของสมเด็จพระนเรศวรฯอย่างที่สุด เพราะในพงศาวดารทั้งฝ่ายไทยและไทใหญ่ บันทึกไว้ตรงกันว่า สมเด็จพระนเรศวรกับเจ้าคำก่ายน้อยเจ้าฟ้าไทใหญ่เป็นสหายสนิทอย่างยิ่ง ร่วมทำสงครามกับพม่าในการกู้ชาติไทยมาด้วยกัน และพระนเรศวรฯ ยังได้เคยสั่งให้คุ้มครองชาวบ้านผู้อพยพไทใหญ่ที่หนีศึกพม่ามาพึ่งแผ่นดินไทย ไม่ยอมให้ส่งคนไทใหญ่กลับไปให้ขุนนางพม่า


    มาบัดนี้นายทหารแตงโมคนนั้นหลังจากมีชื่อปรากฏหราว่าเป็น “คีย์แมน” คนสำคัญผู้กระทำการวางแผนก่อจลาจลอย่างรุนแรงและเผาบ้านเผาเมืองไทยไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา เขาก็ได้หายเงียบ ไม่รู้ว่าถูก “เก็บเข้ากรุ” ไปไว้ตรงไหน และเขายังจะต้องเผชิญกับวิบากกรรมอีกมากแค่ไหน กับสิ่งที่ตนได้ทำกับคนไทใหญ่ไว้อย่างแสนสาหัส รวมถึงกระทำไว้กับบ้านเมืองไทยอย่างสาหัสไม่น้อยไปกว่ากัน


    ส่วนทางกองทัพไทใหญ่นั้น หลังจากอดทนรอคอยมาถึง ๕-๖ ปี แต่ก็ยังดื้อดึงที่จะทำตามเจตนารมณ์ของตนอย่างไม่เลิกรา ในเทศกาลปีใหม่ไทใหญ่ช่วงเดือนธันวาคมนี้ พลโทเจ้ายอดศึกและตุ๊เจ้า(พระ)ชาวไทยก็ได้มอบของขวัญให้กับทหารและประชาชนไทใหญ่ของตน ด้วยการทำให้ความตั้งใจที่มีมาตลอด ๕-๖ ปีที่ผ่านมานี้สำเร็จผลได้เสียที ด้วยการอัญเชิญหุ่นฮ่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ระหกระเหินเดินทางผ่านหุบเขา ตัดผ่านยอดดอยหลายร้อยกิโลเมตรเป็นระยะทางไกลแสนไกล...เพื่อไปประดิษฐานอย่างมั่นคงบนดอยไตแลง

    และนี่คือคำให้สัมภาษณ์ของพลโทเจ้ายอดศึกสดๆร้อนๆ จากฐานที่มั่นชายแดนไทย เพียง ๑ วันหลังการทำพิธีบวงสรวงรูปหล่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในช่วงกลางเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ที่ผ่านมา


    ได้ทราบว่ามีการอัญเชิญรูปหล่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชขึ้นไว้บนดอยไตแลง แนวคิดนี้มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงทำอย่างนี้

    การที่ผมนำหุ่นฮ่าง(รูปหล่อ)พระนเรศวรฯ ขึ้นไว้สักการะบนดอยไตแลง จุดประสงค์มี ๓ อย่างคือ
    ๑.พระนเรศวรฯกับเจ้าคำก่ายน้อยผู้นำไทใหญ่ เคยเป็นเพื่อนช่วยเหลือกันมา ชาวไทใหญ่นับถือพระนเรศวรมาก
    ๒.อุดมการณ์ของพระนเรศวรฯ เคยมีว่าพระองค์จะร่วมกันกับทางไทใหญ่รบพม่าที่ตองอู เพื่อก่อตั้งอาณาจักรคนไทย-ไทใหญ่ เพียงแต่ว่ายังไม่สำเร็จ พระนเรศวรฯมาเสียในประเทศไทใหญ่เสียก่อน พวกเราคนไทใหญ่เชื่อกันว่า วิญญาณพระนเรศวรฯยังวนเวียนอยู่ในประเทศไทใหญ่ของเรา
    ๓.ผมอยากเอาหุ่นฮ่าง(รูปหล่อ)พระนเรศวรไว้เป็นขวัญกำลังใจของคนไทใหญ่ เพราะบนดอยไตแลงนี่ผมมีหุ่นฮ่างของเจ้ากอนเจิงอดีตผู้นำการต่อสู้ของคนไทใหญ่ มีหุ่นฮ่างเจ้าเสือข่านฟ้าอดีตเจ้าฟ้าไทใหญ่ สองผู้นำนี้เป็นขวัญของคนไทใหญ่ ถ้าได้เชิญหุ่นฮ่างพระนเรศวรฯมาร่วมไว้ วิญญาณของพระองค์ก็จะมาเป็นขวัญของคนไทใหญ่และของกองทัพเราด้วย เพราะพระนเรศวรเป็นคนกล้าหาญ คนรักชาติ ผมอยากให้พระองค์ท่านมาเป็นต้นแบบจิตใจของคนไทใหญ่ ให้มีคนกล้าหาญขึ้นมา ผมจะพยายามทำตามรอยพระนเรศวรฯและเจ้าเสือข่านฟ้า เจ้าเสือข่านฟ้าเป็นกษัตริย์ไทใหญ่เมื่อ ๗๐๐ ปีก่อน เป็นคนรวมอาณาจักรไทใหญ่ให้กว้างใหญ่ เป็นปึกแผ่นขึ้นมา
    แนวคิดนี้ผมตั้งใจทำมา ๕ ปีแล้ว แต่เพิ่งมาสำเร็จได้ในปีนี้ ผมเชื่อว่าเป็นเพราะพระนเรศวรฯท่านก็อยากมาอยู่กับไทใหญ่ด้วย


    ทำไมมาบวงสรวงมาอัญเชิญรูปหล่อพระนเรศวรขึ้นไว้บนดอยช่วงนี้ เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าทางไทใหญ่จะเตรียมทำอะไรต่อหรือเปล่า

    การเชิญรูปเคารพสำคัญเราต้องดูยาม ดูวัน ช่วงนี้มีวันดียามดี เราถึงทำ พอดีกับวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๑ เป็นวันปีใหม่ไทใหญ่ด้วย( ๗ ธันวาคม ๒๕๕๓) จึงได้เชิญพระองค์ท่านมาดอยไตแลงในช่วงปีใหม่ ไม่ได้เกี่ยวว่าเราจะเปิดการรบใหญ่ต่อไปหรอกครับ


    ปกติทุกครั้งในการทำพิธีบวงสรวงวิญญาณพระนเรศวรฯที่พระราชวังจันทร์ จ.พิษณุโลก จะมีปรากฏการณ์พิเศษทางธรรมชาติให้เห็นทุกครั้งอย่างฟ้ามืด ฝนลงเม็ด หรือลมกรรโชก การทำพิธีบวงสรวงพระองค์บนดอยไตแลงที่เพิ่งผ่านมา เกิดเหตุการณ์อย่างไรบ้าง

    มีสิ่งแปลกเกิดขึ้นด้วยครับ ประชาชนเห็นกันทั่ว เราจัดพิธีในเช้าวันศุกร์ที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ช่วงประมาณ ๙-๑๑ โมงเช้า ตอนก่อนบวงสรวงแดดจ้า ฟ้าสว่างสดใส ฟ้าสว่างมากๆ แต่ระหว่างทำพิธีจะมีเงาครึ้มลงมาปกคลุมล้อมรอบตรงจุดที่เราไหว้หุ่นฮ่าง ห่างออกไปถึงมีแดดแรง พอทำพิธีเสร็จฟ้ามืดเลย ทำท่าเหมือนฝนจะตก แต่ฝนไม่ตก พอบวงสรวงเรียบร้อยเราก็ต่อไก่(ชนไก่)ให้ท่านดู มีนกมีโตมาก้า(ฟ้อนนก รำสิงโต)ให้ท่านดู วันทำพิธีประชาชนกับทหารบนดอยมาร่วมพิธีกันเยอะแยะมาก มาดู มาเคารพพระองค์ทั่วเลยครับ หุ่นฮ่างพระนเรศวรฯองค์นี้หล่อด้วยทองแดง ขนาดสูงมากราว ๒ เมตรกว่าเกือบ ๓ เมตร คนไทยออกแบบ ตุ๊เจ้า(พระ)จากทางไทยจัดสร้างขึ้น ตั้งใจมอบมาให้กับคนไทใหญ่ครับ


    ทางราชการไทยมีปัญหาอะไรไหมกับการเชิญรูปหล่อพระนเรศวรฯขึ้นมาบนดอยครั้งนี้

    ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเขาก็เชื่อถือพระองค์เหมือนกัน ก่อนนี้เมื่อหลายปีก่อนช่วงที่ผมตั้งใจจะเชิญหุ่นฮ่างพระนเรศวรฯขึ้นดอยไตแลงมาบูชา เคยมีปัญหาเยอะ เพราะผู้นำทหารไทยบางคนเขาไม่เข้าใจ เขาเลยไม่อนุญาตให้ผ่านเส้นทางเข้ามา


    ในช่วงปีใหม่ไทใหญ่ที่ผ่านมา เห็นมีข่าวว่าเจ้าได้พบกับผู้นำ KNPP และชนกลุ่มน้อยอื่นๆ มีข้อตกลงระหว่างกันคืบหน้าอย่างไรบ้าง

    งานปีใหม่ไทใหญ่นั้นเราจัดเป็นประจำทุกปี เราเชิญพันธมิตรกะเหรี่ยงคริสต์KNU กะเหรี่ยงKNPP อาระกัน กะฉิ่น มาประจำทุกปี ในงานนั้นเราได้หารือกัน ๒ เรื่อง เรื่องแรกเราต้องพยายามสามัคคีกัน จับมือกันต่อสู้กับพม่าต่อไป เรื่องที่สอง เราต้องหาแนวทางจัดประชุมใหญ่ ให้ทุกกลุ่มมาร่วมพูดคุยกันเกี่ยวกับปัญหาในสหภาพพม่า เพราะปัญหาสหภาพพม่าดูแล้วถ้ากลุ่มชาติพันธุ์ไม่ร่วมมือกัน จะแก้ปัญหาไม่สำเร็จ เพราะสหภาพตอนนี้มันไม่ใช่สหภาพแล้ว แต่เป็น “รัฐ” พม่า พม่ากำลังพยายามกลืนกลุ่มชาติพันธุ์ไปเรื่อยๆ ล่าสุดที่พวกเราได้พบกันเป็นการหารือเพื่อเตรียมจัดประชุม ส่วนในด้านทหารเราเป็นพันธมิตรกันอยู่แล้ว เรากำลังพยายามหาช่องทางให้มีการประชุมใหญ่อยู่ แล้วตอนนี้พม่ายังตั้งรัฐบาลไม่ได้ ซึ่งเรายังไม่รู้สาเหตุว่าทำไม


    มีความขัดแย้งในชนกลุ่มน้อยเองด้วยไหม เพราะเห็นบางกลุ่มต้องการเอกราช แต่บางกลุ่มยังอยากอยู่รวมกับสหภาพพม่า

    ผมเข้าใจว่า ที่กลุ่มชาติพันธุ์เห็นตรงกันมี ๒ ประเด็น ประเด็นแรก ทหารพม่าเป็นศัตรูกลุ่มเดียวของพวกเรา ประเด็นที่สอง ใครๆก็อยากปกครองตนเอง อันนี้เห็นตรงกันทุกกลุ่ม ส่วนที่เห็นไม่ตรงกันก็มี ๒ ประเด็นใหญ่ บางกลุ่มเห็นว่า เราต้องเป็นสหภาพร่วมกัน บางกลุ่มเห็นต่างไป เช่นกลุ่มไทใหญ่ เราไม่อยากให้เกิดปางหลวงครั้งที่ ๒ แล้วเสียไปอีก เพราะเรามีบทเรียนแล้วกับการอยู่ร่วมเป็นสหภาพอย่างที่ผ่านมา ดังนั้นเราจึงอยากให้เกิดการปกครองตัวเองของเรา ประเทศเราอยากให้มีเอกราช ถ้าเรามีเอกราชขึ้นมา เราพัฒนาประชาชน พัฒนาประชาธิปไตยก้าวหน้า แล้วค่อยทำสหภาพต่อ ส่วนการเป็นสหภาพจะทำแบบไหนให้ประชาชนตัดสินใจ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากๆ

    แล้วยังมีบางกลุ่มที่เขาไม่มีอุดมการณ์การเมือง เช่นพวกพ่อค้า พวก อส.พม่า เขามีกองกำลังอยู่ก็จริงแต่อันนั้นเป็นเครื่องมือพม่า ปากเขาบอกรักชาติ แต่จริงๆทำเพื่อส่วนตัวเขา แล้วกลุ่มหยุดยิงบางกลุ่ม เขาก็ไม่มั่นใจว่า ถ้ารบกับพม่าแล้วจะสำเร็จหรือไม่ เขาไม่มั่นใจตัวเอง อันนั้นกำลังลังเลก็มี ส่วนนี้ไม่ตรงกันอยู่ ดังนั้นทางไทใหญ่กับทางKNU KNPP เราต้องพูดคุยหาทางออกร่วมกันให้ได้


    เมื่อกลุ่มต่อต้านทั้ง ๕ กลุ่มมารวมกันแล้วใครจะเป็นผู้นำ ตกลงชัดเจนหรือยัง

    เรายังไม่ได้ประชุมกัน เมื่อวันปีใหม่ไทใหญ่ทำแค่พบปะหารือเฉยๆ ในอดีตไทใหญ่เคยเป็นคนก่อตั้งการทำสัญญาปางหลวง ถ้าจะมีการทำสัญญาปางหลวงครั้งที่ ๒ ไทใหญ่ก็น่าจะมีส่วนในการเริ่มต้น กลุ่มชาติพันธุ์เห็นตรงกันอย่างนี้ ในประเด็นนี้ ส่วนการจะให้ใครเป็นผู้นำ ต้องอยู่ในการประชุมที่จะตกลงกัน


    เจ้าคิดว่าการต่อสู้ของชนกลุ่มน้อยเพื่อแยกประเทศออกมาจากพม่า จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากชาติมหาอำนาจด้วยหรือไม่ เพราะอย่างเวียดนามก็ได้รับการสนับสนุนทางอาวุธจากรัสเซียและประเทศในค่ายคอมมิวนิสต์

    การต่อสู้เพื่อเอกราชของประเทศต้องประกอบด้วย ๓ สิ่งคือ ๑. ประชาชนภายในของเราต้องสามัคคี ต้องกล้าหาญ ถือเป็นเรื่องหลักที่สำคัญที่สุด ๒.จะต้องมีผู้นำที่เข้มแข็ง ๓.ได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติและต่างประเทศ การสนับสนุนไม่ใช่แค่อาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ส่วนใหญ่ให้เห็นด้วยทางการเมือง ที่เราเรียกร้องสิทธิของเราคืน


    แต่ถ้าสู้โดยโดดเดี่ยวไม่มีชาติที่ ๓ อย่างสหรัฐฯ จีน หรือกระทั่งUN มาสนับสนุน ชนกลุ่มน้อยจะสู้กับพม่าไปได้ถึงไหน เพราะร่วม ๖๐ ปีมานี้ ยังไม่อาจขยับไปถึงไหนได้เลย

    ผมเห็นว่าเมื่อกลุ่มชาติพันธุ์รวมตัวกันได้ เราจะต่อสู้ได้สำเร็จ เพราะกลุ่มชาติพันธุ์รวมกันมีจำนวนมากกว่าพม่าอยู่แล้ว และทุกกลุ่มก็มีอาวุธ ที่ผ่านมาพม่าก็ไม่ชนะเรา เราก็ไม่ชนะพม่า ก่อนนี้พม่าเคยปิดกั้นเรื่องสื่อได้ สมัยนี้พม่าปิดกั้นเรื่องสื่อไม่ได้อีกแล้ว มันเป็นสมัยon line แล้ว ยังไงถ้าการเมืองถูกต้องก็ต้องชนะ บางประเทศต่อสู้มาเป็นระยะเวลานานอย่างเวียดนามเขาก็ชนะ แต่นั่นเป็นความสามารถของเวียดนามที่ดึงชาติที่ ๓ มาได้ เป็นความสามารถผู้นำของเขา


    การรวมกำลังทหารของกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยกันเอง จะรับมือกับกองทัพพม่าไหวหรือ เพราะทางพม่ามีกำลังพลหลายแสนคน อาวุธก็มีทั้งเครื่องบินรบ จรวด รถถัง ซึ่งเป็นอาวุธคนละระดับกับชนกลุ่มน้อย เป็นแบบนี้เจ้าจะแก้ปัญหาอย่างไร

    พม่ามีอาวุธหนักทั้งปืนใหญ่ รถถัง เครื่องบิน จรวดก็จริง แต่เขาไม่มีที่รบนะครับ เพราะทางไทใหญ่เราใช้การรบแบบกองโจร กองทัพมด พม่าจะเอาเครื่องบินไปรบกับใครล่ะครับ ถ้าเขาไม่เห็นตัวศัตรูเขาจะเอาปืนใหญ่เอาเครื่องบินไปยิงใคร การใช้เครื่องบินใช้ ปืนใหญ่มันต้องรบในเมือง รบระหว่างประเทศ แต่ของเราไม่มีฐานใหญ่ เราไม่มีที่มั่นถาวร เราเคลื่อนไหวอยู่ตลอด อาวุธพวกนั้นไม่มีประโยชน์กับเขา ดีไม่ดีอาวุธพวกนั้นเราจะยึดได้ด้วย แล้วยึดมาเราก็สามารถใช้ได้เพราะคนไทใหญ่ที่เรียนทางด้านทหารมีเยอะ อีกอย่างหนึ่งฐานที่มั่นของเรามีอยู่ที่ดอยไตแลงแห่งเดียว พื้นที่ดอยไตแลงนั้นพม่าจะเอารถถังเอาอาวุธมา กว่าจะมาถึงดอยไตแลงอาวุธเขาก็พังหมดแล้ว เพราะถนนไม่มี มีแต่ดอย ภูเขา หุบห้วย แม่น้ำ อาวุธพวกนั้นเอามาถึงเราไม่ได้ ระหว่างทางก็เสียหมดแล้ว เครื่องบินจะเอามาทิ้งระเบิดใส่ดอยไตแลงก็ไม่ได้ มันมีแต่ภูเขา ทิ้งอะไรลงมาก็ลงหุบเหวไปหมด มาแค่ปลายดอยเราก็ยิงสกัดกั้นได้ พม่าไม่กล้ามาหรอก

    ที่พม่าเอาเครื่องบินรบมาถล่มไทใหญ่ ผมเคยเจอมาแล้ว สมัยรบที่ดอยหินก๋อง เมืองโต๋น ปี พ.ศ.๒๕๓๗ รบกันอยู่ ๒๖ วัน เครื่องบินพม่าก็เสีย ทหารพม่าเสียไป ๒๐๐๐ กว่าคน ผมเคยรบชนะเขามาครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นอาวุธหนักจะมาใช้กับชนกลุ่มน้อยที่รบแบบสงครามกองโจรไม่ได้

    การใช้วิธีทหารแก้ปัญหา พม่าไม่ชนะเรา เราก็ไม่ชนะพม่า ปัญหาไม่จบหรอกครับ ยิ่งจะรุนแรงวุ่นวายไปใหญ่ พวกเรากลุ่มชาติพันธุ์เห็นตรงกันว่า การเอาวิธีทหารแก้ปัญหา มันไม่สำเร็จ ไม่สงบ เราอยากใช้การเมืองแก้ปัญหาการเมืองมากกว่า

    ผมเห็นว่าพม่าตอนนี้จนตรอกแล้ว ที่จัดการเลือกตั้งก็เพื่อหาทางออกของเขา เพียงแต่หาไม่เจอ เพราะแก้ปัญหาไม่ถูกทาง การเลือกตั้งก็เป็นการบีบบังคับ สร้างภาพ รัฐธรรมนูญฉบับปี ค.ศ. ๒๐๐๘ ก็ไม่ประชาธิปไตย เป็นสังคมนิยม และนักการเมืองอย่างขุนทุนอู กับอีกร่วม ๒๐๐๐ คนที่ถูกจับเข้าคุกโดยไม่มีความผิด รัฐบาลพม่าก็ไม่ยอมปล่อยออกมา กองทัพพม่าก็ไม่ใช่กองทัพสหภาพ แต่เป็นกองทัพคนพม่าเอง กลุ่มชาติพันธุ์ไม่มีส่วนร่วมอะไรด้วยเลยครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2011
  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=jzoqo9vD70c&NR=1]YouTube - ไตยแลง รุ่งอรุณแห่งไทใหญ่ 1 ( taiyai.net )[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=KrhRH-t5RMM&feature=related]YouTube - ไตยแลง รุ่งอรุณแห่งไทใหญ่ 2 ( taiyai.net )[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=gNBOnI8Ywpo&feature=related]YouTube - ไตยแลง รุ่งอรุณแห่งไทใหญ่ 3 ( taiyai.net )[/ame]​
     

แชร์หน้านี้

Loading...