เปิดบ้านแวมไพร์

ถูกต้องแล้วค่ะคุณน้อง หากฝึกฟังเสียง 3 มิติบ่อยๆ ประสาทการรับรู้ที่อยู่ข้างใน หรือ Inner Intuition จะถูกปลุกเร้า ทำให้มีความสามารถในการติดต่อสื่อสารมากขึ้น ตัวอย่างที่เจ๊หยิบยกขึ้นมา เอาไว้ใช้ฝึก ESP ที่เมืองนอกใช้ฝึกเด็กเล็กๆ ให้มีพลังจิตสูงขึ้นกว่าระดับมนุษย์ปกติ นั่นเองค่ะ

 

Binaural Technique เสียง 3 มิติ

ดังที่กล่าวไปแล้ว ขอขยายความเพิ่มเติม เทคนิคการอัดเสียงเช่นนี้ จะทำให้ทราบระยะทางใกล้-ไกลของแหล่งกำเนิดเสียงได้ ฉะนั้น จึงแตกต่างจากเทคนิคการอัดเสียงแบบ โมโน สเตอริโอ หรือ เซอร์ราวด์

หูของมนุษย์นั้น มีความสามารถในการรับรู้เสียง 3 มิติมานานแล้ว แต่เครื่องมือการอัดเสียงสมัยโบราณนั้น ไม่สามารถบันทึกเสียงและแสดงความใกล้-ไกลของแหล่งกำเนิดเสียงได้ ฉะนั้น พวกเราจึงโชคดี ที่เกิดในยุคนี้ ทำให้สามารถรับฟังเสียงได้เหมือนความเป็นจริงที่สุด

เสียง 3 มิติ หรือที่เรียกว่า เสียงไบนอรัลนั้น หากมีการรับฟังอยู่เสมอ จะเกิดการพัฒนาโสตประสาตทางการรับรู้ และปลุกเร้ากายในให้ตื่นตัว พอกลับไปฟังเสียงที่บันทึกในระบบเดิมๆ เช่น โมโน สเตอริโอ หรือ เซอร์ราวด์ จะพบว่า หูของพวกเราได้ยินเสียงชัดเจนขึ้น โปรดลองฟังเสียงไบนอรัล เทียบกับเสียงระบบเดิม แล้วจะทราบความแตกต่างอย่างชัดเจน

เจ๊เอามาฝากเพิ่มเติม วันนี้ หากไม่มีอะไรติดขัด จะเพิ่มเติมกระทู้เรื่องการ สะกดจิตตัวเองให้มีพลังจิตสูงขึ้น

เชิญรับชมตัวอย่างต่อไปเลยค่ะ

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=8IXm6SuUigI"]YouTube - Virtual Barber Shop Hair Cut - 3D Sound (Amazing!!)[/ame]
ตัวอย่างเสียงตัดผมในร้านตัดผม​

​

 

เข้ามารออ่านเหมือนเดิมครับ

 

โยกไปพรุ่งนี้แล้วกันนะคะ

--------------นายไข่นุ้ย----------

เนตของนายอ่ะ ล่มแล้วล่มอีก ขี้คุยชะมัดเลยว่า ของแรง

นี่ดูยูทูบ ร้องเพลงไม่ได้เลย ยังไม่รวมเว็บตาแก่นะ ล่มเหมือนกัน

จะเอางัยว่ามาเร้ย เจ้าแพนด้า !!!

จะหาว่า ไม่แน่จริง เลยด่าบนเว็บบอร์ดนี่แหละ

อ้อ...ระวังเห็บ หมัด ด้วยสิ ยั๊วเยี๊ย เต็มไปหมด เมื่อคืนตกใจเลยว่า ตัวอะไรมาไต่

คนมันเนื้อหอมเฟ้ยยยย มดไต่ แมลงตอม (ไม่ใช่แมลงวันนะ รู้ว่าคิดไรอยู่ ฮึ่ม !!!)

ขี้คุยชะมัดเลย !!!

คิดจะมากระตุกหนวดมังกรเหรอ ? เร็วไปพันล้านปีมั๊ง อาโป ...

ฟ้า คง มิ ได้ ลิ๊ ขิ๊ต

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=hemZMthSYeU"]YouTube - Libya - Children Song .... ????? ... ????? ??????? ... ?????[/ame][ame="http://www.youtube.com/watch?v=hemZMthSYeU"][/ame]​

 

ขอบคุณมากฮะ พี่สาว จั๊กจี้ หู และความรู้สึกมากเลย ^ ^

 

กลอนเพราะดี---------------------------------------------จ้าาา

ขอบคุณ จ้า สัมพันทาไมตี ไม่ต้องเชื่อม มันไม่ได้ขาด อะไร -----เอ้า เอ้า เอ้า พิม สิ พิม เร็วๆ ด้วย จะอ่าน--------ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบ คน รอ อ่าน เยอะ เเยะ

 

พอดีชอบอ่านเกี่ยวกับพวกแวมไพร์
เลยตามอ่าน แต่ยิ่งอ่านยิ่งเกินเชื่อจริง
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับเรื่องราวนะค่ะ

 

คือ จริงๆ ผมกำลังหิวและสับสน มาก
พอได้เข้ามาเสพความรู้สึกของพี่สาว แล้วอิ่มเลยครับ
คนอ่านซิฮะ ที่รู้สึกขอบคุณ กับข้อมูลที่จริงใจและปนเปไปด้วยความติ้งต๊อง
^^" ไม่ติ้งต๊องก็น่าเบื่อ เหมือน หุ่นยนต์ ซิฮะ อีกอย่างผู้ที่รู้สึกด้อยค่า
จะได้กล้าเข้าหา เจ้ !!:boo:
ที่ผมถาม เกี่ยวกับ การไม่ทาน เลือด นี่ไม่ใช่ไร
รู้สึกสมเพชกับความอ่อนแอ และความขลาดเขลา ของตัวเอง
อยากแข็งแกร่งทางลัดเหมือนกัน ฮะ(แต่เคยตั้งสัจจะไว้ ไม่ทานเลือด)
ขอถามอีกแล้ว พวก หนังแวมไพร์ นี่ล่ะ สร้างมากมาย เพื่อมีจุดประสงค์ใด แน่
อยากทราบ สิ่งที่ พวกเขาอยากปกปิด!!
เพราะผมเห็นแต่ความจริง ^^ เด็กๆ สมัยนี้ เลยติดเป็นแฟชั่น
น้องสาว(ไม่แท้)ผม ยังเคยขอดูดเลือดเลย - -"
บอกว่า ตู เป็น โรคร้ายภัยพิบัติ ชั่วยิ่งกว่าเอดส์ ยังไม่สน
เพื่อนผม คน นึง ก็อ้างแวมไพร์ เพื่อกลบเกลื่อน ความอ่อนแอ ของตน เฮ้อ~
จิงๆ ผมแอด facebook ไปแล้ว
รับสมัคร น้องชาย หรือปล่าวพี่สาว
ผมชอบความรู้สึกนึกคิด ของพี่(นับถือพี่นะ อึด โคตะระ เลย)
เลือดผมก็หอม หนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า(ล้อเล่น)
ป.ล. ใครอยากรู้ความจริง ก็ต้องพิสูจน์ ด้วยชีวิต และหัวใจ เซ่

 

นราสภาชอบ เจ๊ก็ดีใจนะคะ เมื่อวันศุกร์เจ๊มีอาการ ชากะโหลก และหัวขมอง เลยไม่ได้เข้ามาต่อ พ่วงเสาร์-อาทิตย์ คนจน บ้านไม่มีเนต ก็ต้องขออภัยนะคะ (ขืนติดตั้งอินเตอร์เนตที่บ้าน เจ๊คงไม่ได้นอนแน่ๆ เลยค่ะ)

ยินดีรับเป็นน้องชายนะคะ เพราะเจ๊ก็ไม่มีน้องชาย มี 2 คนอยู่เมืองจีนโน่น ไปเจอกัน เลยนับถือกันเป็นพี่น้อง (ชื่อ ซุงและเลียว)

เจ๊อึดยิ่งกว่า กระบือ หรือ โคถึกอีก เจ๊จำได้ว่า โดนพวกแวมไพร์ฉีดยา ฉีดเลือดเข้าในร่างกาย โดนลบสมองต้องจดบันทึกและกินเลซิติน เจอลองภูมิ ท้านรก รถหม้อน้ำระเบิด ชนยับครึ่งคัน โอ๊ย อีกสารพัดที่โดน แต่ที่มีกำลังใจทุกวันนี้ ก็เพื่อใช้ความเป็นมนุษย์ให้มีประโยชน์ที่สุด

กระทู้ก็โดนลบ โดนย้ายไปหลุมดำ ทำโน่นทำนี่ คนก็ตามเข้ามาด่า เจอที่บ้านกรอกยานอนหลับทุกวี่ทุกวัน เจอจับไปขัง โห...สาธยายวันเดียวไม่หมดจริง จริง ค่ะ

เจ๊ไม่แนะนำให้เสพย์เลือดของใคร แม้กระทั่ง เลือดไก่ (ซุปไก่ยี่ห้อต่างๆ) เหตุเพราะอาหารเช่นนี้ จะเป็นตัวเร่งเร้าวิญญาณแฝงด้านมืด ทำให้พวกนี้ยิ่งมีพลัง

เจ๊มาคิดเรื่องการเป็นมังสวิรัติ หรือรับประทานเฉพาะสัตว์ทะเลตัวเล็ก หากใครสนใจ เชิญเข้าร่วมแก๊งค์สวรรค์ เหตุเพราะเวลา แผ่เมตตาแล้วมันไม่สบายใจ ไปแผ่ให้สัตว์ทุกผู้ตัวตน แต่กลับเอาเขามาทำเป็นอาหาร นี่แหละคือสิ่งที่ชาวพุทธมองข้าม

เด๋วมาต่อเรื่องการพัฒนาพลังจิตนะคะ ทำธุระแป๊ปเดียว




<!-- google_ad_section_end -->
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->

 

การฝึกสมาธิกับ กำแพง/ข้างฝาห้อง

เทคนิคนี้ เจ๊เอามาฝากสำหรับคนที่รู้สึกว่า การทำสมาธิเป็นเรื่องยาก เพราะนั่งได้ไม่นาน และทำให้เกิดความท้อถอย

เจ๊ได้เทคนิคนี้ มาจากการฝึกด้วยวิธี ลองผิด ลองถูก การทำสมาธิกับกำแพง/ข้างฝา มีขั้นตอนดังนี้

1.เริ่มจากหากำแพง/ข้างฝา ที่ทำจาก คอนกรีต (เน้นว่าคอนกรีต) เนื่องจากเป็นการดึงเอาความแข็งแกร่งของวัสดุที่ทำกำแพง/ข้างฝามาใช้ เพื่อเติมความสงบนิ่งให้กับการฝึก

2.นั่งขัดสมาธิหรือท่าที่สบายที่สุด แล้วอิงหลังเข้ากับข้างฝา ปล่อยตัวตามสบาย อาจจะยืดขาก็ได้หากนั่งแล้วไม่สบาย เน้นว่า ต้องเป็นท่าที่สบายที่สุด เพราะต้องใช้เวลาในการฝึกอย่างต่ำ 30 นาที

3.หลับตา แล้วกางแขนออกทั้ง 2 ข้าง ให้ชิดกับกำแพง/ข้างฝา แล้วทำการดูดซับพลังงานจากข้างฝา เพื่อทำความคุ้นเคย โดยจะรู้สึก เย็นที่ด้านหลังบริเวณแขนที่เอาไปแนบชิดกำแพง/ข้างฝา ช่วงนี้จะได้รับไอเย็นจากข้างฝา ฉะนั้น เอาไอเย็นมาเติมความร้อนในร่างกาย ที่เกิดจากลมหายใจเข้า-ออก (ลมหายใจ+ลมปราณในร่างกายมีความร้อน อาจทำให้เกิดความหงุดหงิด ใจร้อน และไม่อยากนั่งสมาธิ)

ฉะนั้น ให้ทำการรวบรวมไอเย็นของข้างฝา มาผสมกับไอร้อนในร่างกาย จนกระทั่งอุณหภูมิปกติ (จนกระทั่งไม่รู้สึกว่า กำแพง/ข้างฝา มีความเย็น)

4.เมื่อปรับอุณหภูมิให้ปกติแล้ว ให้จินตนาการว่า ตัวเองคือกำแพงนั้น หล่อหลอม รวมกัน จนกลายเป็นกำแพง ไม่มีร่างกาย ตัวเองเป็นเพียงกำแพง ที่ทำจากคอนกรีต

จนกระทั่ง นิ่งสนิท สังเกตได้จากจะไม่รู้สึกถึงลมหายใจเข้า-ออก เพราะเป็นการผสานเนื้อเดียวเข้ากับกำแพงแล้ว

5.เมื่อสงบนิ่ง ไม่รู้สึกถึงลมหายใจเข้าออก-แล้ว ให้เอามือที่กางแขนออก หรือจะค้างเอาไว้ แล้วแต่ความสบาย นั่งนิ่งผสานเป็นเนื้อเดียวกับกำแพง ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

ข้อสังเกต วิธีการนั่งสมาธิแบบนี้ เป็นการดึงเอาอุณหภูมิของสิ่งรอบตัวมา(ในที่นี้คือกำแพง) เพื่อเอามาใช้เดินลมปราณ ปรับอุณหภูมิให้เข้ากับร่างกาย

ที่แนะนำกำแพงนั้น เพราะหากย้ายไปฝึกกับวัตถุอื่น เช่น ธารน้ำตก หรือ กองไฟ ก็จะสามารถฝึกได้ง่ายดายขึ้น และคอนกรีตนั้น เหมาะกับผู้เริ่มต้นฝึก ในกรณีขั้นแอดวานซ์ที่ฝึกกับกำแพงจนเคยชินแล้ว แนะนำ ธารน้ำตก หรือกองไฟ ซึ่งไม่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เพราะมีพลังงานมาก ทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ง่าย

ใครที่สามารถหลอมรวมตัวเองเข้ากับกำแพงได้แล้ว พลังของสมาธิจะเริ่มมีพลัง ฉะนั้น ให้ย้ายไปวัตถุรอบๆ ตัวเอง เช่น พื้นห้องที่ยืนเหยียบอยู่ หรือ แก้วน้ำเย็นที่อยู่ในมือ เมื่อเคยชินแล้ว จะพบว่า เกิดพลังจิตสูงขึ้น โดยที่ไม่ต้องทำอะไรมากเลย

พลังจิตที่สูงขึ้นนี้ สามารถทำการย้ายวัตถุ หรือ Telekinesis หรือควบคุมคลื่นวิทยุรอบตัวได้ คราวหน้าจะเล่าให้ฟังว่า การก่อกวนวัตถุรอบตัวนั้น ทำได้อย่างไร เอาแค่นี้ก่อนนะคะ

 

การปฏิบัติตัว สำหรับ ร่างทรง

หัวข้อนี้ ตั้งใจเขียนเนื่องจาก ปัจจุบัน เจ๊กลายเป็น สิ่งที่ฝรั่งเรียกว่า Medium หรือ ร่างทรง

เริ่มจากการสำรวจตัวเองก่อนว่า ผู้ที่มาขอยืมใช่ร่างนั้น คือใคร เพราะบางคนไม่ทราบว่า ใครกันหนอ ที่มาขอแชร์ร่าง เมื่อไม่ทราบข้อมูลเบื้องต้น แล้วจะปฏิบัติตัวถูกใจคนที่มาแจมได้เช่นไร จริงมั้ยคะ

เมื่อทราบว่าใครมาลง ก็ให้ทำการเจรจาถาม-ตอบเสียก่อนว่า มาลงร่างนี้ ต้องการอะไร จากนั้นยื่นข้อตกลงเบื้องต้นก่อน เช่น หากมาแชร์ร่างด้วยกัน ต้องมาช่วยกันปฏิบัติธรรม เพื่อยกระดับภพภูมิกันทั้งสองฝ่าย มิใช่มาทำให้หมกมุ่นอยู่กับ ญาณวิเศษที่ได้ เสียจนกระทั่งลืมว่าตัวเองเป็นเจ้าของร่าง ซึ่งต้องปฏิบัติเพิ่มเติม

เจ๊เห็นมาเยอะแล้ว พวกที่เป็นร่างทรงแต่ไม่ได้ทำการตกลงกับผู้มาเยือน ทำให้ระดับภพภูมิตกลงไปเรื่อยๆ เรียกได้ว่า เขามาใช้ร่างเรา แต่เราต้องเอาใจเขาข้างเดียว เขาเป็นเพียงดวงจิต แต่ควบคุมร่างกายของเราได้ สนองในสิ่งที่เขาต้องการ โดยที่เรามิได้สนใจตัวเองเลย

ช่วงนี้เจ๊มีดวงจิต/องค์อียิปต์ประทับ เจ๊ก็เอาใจด้วยการขยันหาซื้อของสวยๆ งามๆ มาตกแต่งร่างกาย บำรุงผิวพรรณ จากเดิมนั้นเจ๊ไม่เคยสนใจเลยว่า จะแต่งตัวยังไง จะอาบน้ำสบู่อะไร ก็ไม่เคยสนใจ ผิวก็ปล่อยให้แตกระแหง เหตุเพราะไม่เคยใส่ใจ เรื่องผู้หญิง ผู้หญิง แบบนี้

องค์ของเจ๊นั้นเอาใจง่าย หาเครื่องหอม ของตกแต่ง วับ วับ แวววาว มาประดับร่างกาย องค์ก็ชอบใจ และมีของแลกเปลี่ยนให้เจ๊กลับคืน ก็คือ ญาณวิเศษ พาทะลุมิติกลับไป โน่น 5 พันปีก่อน เจ๊รับรู้เรื่องราวต่างๆ ก็เอามาจดลงสมุดบันทึก เอามาวิเคราะห์โน่น นี่ ได้มากมาย เป็นการแลกเปลี่ยน

จากนั้น เจ๊ก็บอก องค์ในว่า ได้โปรดเถิด มาปฏิบัติธรรมเพื่อยกระดับภพภูมิร่วมกันเทอญ ก็จะไม่เสียเวลาอันมีค่าของชีวิต และทำให้ ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์จากกันและกัน เป็นภาวะพึ่งพิง ทั้งสองฝ่ายต่างพึงพอใจ

ในกรณีที่เราไม่สามารถ สนองความต้องการขององค์ได้ ยกตัวอย่างเช่น เจ๊มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ในการตกแต่งร่างกาย เพื่อทำให้องค์ในพึงพอใจ เจ๊ก็จะ ถ่ายญาณ เพื่อแนะนำองค์ใน ให้รู้จักกับ กัลยาณมิตร ที่สามารถสนองความต้องการขององค์ในได้ครบถ้วน เจ๊ก็จะบอกองค์ในว่า ไปอยู่ร่างนั้น ร่างนี้ ก็ได้นะคะ เพราะพวกเธอสามารถตอบสนองความต้องการขององค์ในได้มากกว่าความสามารถของเจ๊ องค์ในจะเข้าใจ และจะย้ายองค์ไปยังคนรู้จักที่เจ๊แนะนำ

แต่ระยะหลังนี่ องค์ในชอบเจ๊มาก เพราะองค์ในบอกว่า ไม่เคยเจอใครที่ใจกว้างเช่น เจ๊ มีแต่พวกที่จะหวงแหนองค์ ไม่ยอมให้องค์เคลื่อนไปหาผู้อื่น ซึ่งเจ๊ก็ได้ชี้แจงรายละเอียดแล้วว่า ความสามารถในการดูแล ทำนุบำรุงองค์ในนั้น ไม่สามารถทำได้ครบถ้วน เหตุเพราะ ค่าใช้จ่ายสูง นั่นเองค่ะ

ใครที่จะคิดใช้ทางลัดแบบเจ๊ ด้วยการเป็น ร่างทรง โปรดกรุณาตรวจสอบหลักการ ดังนี้

1. องค์ที่ประทับคือใคร
2. องค์ลงมาประทับ ต้องการอะไร
3. องค์ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เช่น หม่ำ/ไม่หม่ำอะไร สวมใส่อะไร
4. หากทำเช่นนี้ เช่นนั้น องค์จะยินดีเจรจา ทำข้อแลกเปลี่ยนไหม
5. ตรวจสอบสุขภาพของตัวเองเบื้องต้นก่อนด้วยว่า หากองค์ลงประทับแล้ว ร่างกายและสุขภาพโดยรวม ไหวหรือไม่

6. หากองค์ไม่พอใจ โยกองค์ไปยังกัลยาณมิตรที่เต็มใจแล้ว องค์ยินดีหรือไม่
7. องค์มีระยะเวลาในการ ประทับร่าง นานเท่าไร กำหนดให้ชัดเจนก่อนเลยนะคะ เพราะร่างกายเป็นของเรา เราต้องเป็นหัวหน้าใหญ่ควบคุมค่ะ
8. ญาณวิเศษที่ได้รับเป็นการแลกเปลี่ยนนั้น ต้องมิใช่ของปลอม มิเช่นนั้น ข้อตกลงทั้งหมด เป็นอันยกเลิกค่ะ

เท่านี้ เพื่อนๆ ก็จะเป็น ร่างทรง ที่มีจุดมุ่งหมาย ไม่ไร้สาระ และสามารถปฏิบัติตัวได้ถูกใจ ทั้งผู้อยู่ และผู้เป็นเจ้าของร่าง

พึงระลึกเสมอว่า ของที่มิใช่ของของเรา สักวันหนึ่ง ก็ต้องเอาคืนเขาไป แล้วจะมีอะไร เป็นของตัวเองเล่า

 

ตามมาอ่านเหมือนเดิม

 

แหม แช่มชื่นหัวจาย น้อย น้อย ของเจ๊จิง จิง ขอบคุณหลายเด้อค่ะ

 

สีสันบำบัด และสมาธิสีต่างๆ

ก่อนจะเล่าเรื่องนี้ เจ๊อยากให้ท่านผู้อ่าน ช่วยมองสีต่างๆ ตามรูปภาพที่โพสต์ของภาพชุดแรกทางฝั่งซ้าย และชุดที่สองทางฝั่งขวา เทียบกันนะคะ

โทนชมพู

Vs.

 

โทนสีเหลือง

Vs.

 

โทนสีม่วง

Vs.


โทนสีแดง

Vs.

เพื่อนๆ เห็นความแตกต่างจากโทนสี แล้วกรุณาสังเกตระดับอารมณ์ ความสบายตา ความรู้สึกสดชื่นต่างๆ เทียบกัน จากภาพทั้ง 2 ชุดแล้ว ได้ความอย่างไร เขียนมาบอกด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้ ไอจะมาต่อค่ะ

 

จากนั้น กรุณาลองฟัง เอ็มวี 2 ชุดนี้นะคะ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=FsRDaeDzAaI]YouTube - Cheryl Cole - Parachute ( Official Music Video ) [ HD, Lyrics ][/ame]

เทียบกับ เอ็มวี นี้

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=3ITq7TZGhls&NR=1]YouTube - Most Beautiful Beaches In The World![/ame]

เพื่อนๆ ลองจับคู่สี และ เอ็มวี เสร็จแล้ว ให้ความรู้สึกต่อสิ่งเร้าที่กระทบสายตา และหูของพวกเราอย่างไร

สิ่งที่ไอยกตัวอย่างนี้ คือการปลุกเร้าการรับรู้ของเพื่อนๆ ให้ละเอียด ละเมียด ละไม เพิ่มมากขึ้น อันจะส่งผลให้ เพื่อนๆ สามารถปรับระดับอารมณ์ ให้แรง-เบา เพื่อรักษาอาการป่วยของร่างกาย หรือ อารมณ์ต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ก่อนที่จะไปรักษาที่ โรงพยาบาล

พรุ่งนี้ ไอจะมาเก็บการบ้าน เพื่อนๆ อ่านแล้ว กรุณา เม้นท์ด้วยนะคะ ไอจะได้ทราบว่า พาเพื่อนๆ มาถูกทางตามที่ไอวางเป้าหมายไว้หรือไม่ นั่นเองค่ะ

เจอกันพรุ่งนี้ รักเพื่อนๆ นะ จุ๊บ จุ๊บ

 

ชุดภาพดวกไม้ผมชอบโทนสีอ่อนครับมองแล้วสบายตาดี

 

เรื่องเพลงนี้ฟังได้ทั้ง 2 แบบ
แบบแรกรู้สึกตื่นเต้นทำให้อยากแจมไปกับทำนองขยับแข้งขยับขา
แบบที่ 2 ฟังแล้วรู้สึกสบาย ๆ ชิว ฟังไปเคาะนิ้วตามจังหวะ

แต่ถ้าถามว่าชอบแบบไหนก็ชอบทั้ง 2 แบบครับ ขึ้นอยู่กับอารมณ์นะตอนนั้นว่าอยากฟัง
แนวไหน อย่างตอนนี้นั่งทำงานไปด้วยก็ชอบแบบที่ 2 ครับ

 

น่ารัก น่าชัง

เวลา เเบบ นี้ ก็ ดู น่า รัก เหมือน กัน นะ -------ไม่เหมือนวัน นั้น -----อย่า เเปลง ร่าง อีก หละ------------เพราะ มัน จะ ย้อน กระ ทํา ให้ ใจ เรา ขุ่น มัว --------ตามอ่าน เจ้าค่ะ