พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

เปิดวังหน้า รำลึกพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">29 ธันวาคม 2553 16:12 น.</td></tr></tbody></table>
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> กรมศิลปากร ชวนร่วมงาน “เปิดวังหน้า รำลึกพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว” ในวันที่ 7 มกราคม 2554 เวลา 09.00-21.00 น. ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และโรงละครแห่งชาติ เนื่องจากวันที่ 7 มกราคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมศิลปากรจึงได้จัดพิธีถวายราชสักการะรำลึกถึงพระเกียรติคุณสืบเนื่องมาโดย ตลอด ณ พระบวรราชานุสาวรีย์ บริเวณโรงละครแห่งชาติ

ภายในงานในช่วงเช้ามีการแสดงแคนวงและโปงลาง บริเวณลานด้านหน้าอาคารดำรวราชานุภาพ ช่วงสายเป็นการนำชมวังพระปิ่นเกล้า (วังหน้า) ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ช่วงบ่ายฟังเรื่องเล่าการขุดแต่งพระราชวังบวรสถานมงคล และวังสีทา จ.สระบุรี, การเสวนาพระปิ่นเกล้า อ่าน เขียน เรียน ฝรั่ง รู้เท่าทันตะวันตก ต่อด้วยการบรรเลงดนตรีของวงดุริยางค์เครื่องเป่าจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ณ โรงละครแห่งชาติ (โรงเล็ก) และในช่วงเย็น ฟังบรรเลงปีพาทย์เสภาที่วังหน้า โดยวงสำนักการสังคีต และวงดุริยางค์สี่เหล่าทัพ ณ โรงละครแห่งชาติ

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> โดยในวันที่ 7 มกราคม 2554 นี้จะเปิดวังพระปิ่นเกล้า เข้าพิพิธภัณฑ์ฟรี ฟังเพลงดนตรีไทย-ลาว และออร์เคสตร้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่ กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร โทร.0-2224-2050, 0-2222-0934</td></tr></tbody></table>
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000183233


.



.



.

 

น่าอิจฉามากๆเลย

ไปทานอาหารทะเลกัน


หนูไม่ย๊อม หนูไม่ยอมจริงๆ ฮือๆๆๆๆๆๆ


.

 

ลองชมเองครับ ไม่มีคำบรรยาย

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=ZYliIgW9eKk&feature=player_embedded"]YouTube - SHARK FIN FARCE - by Hayley Gastmeier[/ame]
.

 

ลองชมเองครับ ไม่มีคำบรรยาย

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=ZYliIgW9eKk&feature=player_embedded]YouTube - SHARK FIN FARCE - by Hayley Gastmeier[/ame]
.

 

มาทำ ปฏิทิน 2554 ต้อนรับปีใหม่กัน
http://hilight.kapook.com/view/54805

​

เรียบเรียงข้อมูลโดบกระปุกดอทคอม


เมื่อเข้าสู่ศักราชใหม่ ปฏิทินเก่าที่เราเคยใช้ก็จะต้องถูกทิ้งไปโดยปริยาย ทีนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องหาปฏิทินสวย ๆ โดนใจไว้ใช้สักอันแล้วล่ะ และถ้าจะให้โดนใจจริง ๆ เราก็คงต้องลงมือทำเองใช่ไหมครับ หลายท่านอาจจะกังวลเรื่องความยากง่ายในการใช้งาน อันนี้ก็สบายใจได้เลยครับ เพราะวิธีการทำปฏิทินที่จะแนะนำต่อไปนี้นั้นค่อนข้างง่าย ใช้เวลาไม่กี่ขั้นตอน แถมยังดาวน์โหลดปฏิทินสวย ๆ ไปไว้ใช้ภายในเวลาอันรวดเร็วอีกด้วย และเว็บที่ให้บริการทำปฏิทินออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ ก็คือ Free Printable Photo Calendar นั้นเองครับ

วิธีแรก วิธีการทำปฏิทินออนไลน์ด้วย Free Printable Photo Calendar

1. เปิดโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ และก็เข้าไปยังเว็บ freephotocalendar.net

​

2. คลิกเลือก Printable Photo Calendar

​

3. ขั้นตอนการทำปฏิทินออนไลน์

1. เลือกเดือนที่ต้องการ
2. เลือกปีที่ต้องการ (แบบ ค.ศ.)
3. เลือกรูปภาพที่เตรียมไว้
4. เลือกขนาดปฏิทิน มี 2 ขนาดคือ A4 กับขนาดใหญ่ (เป็นไฟล์ PDF)
5. เลือกวันแรกของสัปดาห์ (วันจันทร์กับวันอาทิตย์)
6. คลิกเพื่อเริ่มสร้างปฏิทิน ใช้เวลาไม่นาน

​

4. หลังจากทำครบทั้ง 6 ขั้นตอนด้านบนก็ได้รูปแบบตามภาพ สามารถบันทึกและปริ้นได้ทันที (ควรติดตั้งโปรแกรมอ่านไฟล์ PDF ไว้ด้วย)

​

5. ตัวอย่างปฏิทินที่ทำจากเว็บ​

​

วิธีที่สอง ใช้โปรแกรม EZ Photo Calendar Creator

1. เปิดโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ จากนั้นเจ้าไปที่เว็บไซต์ spectrumsoftware.com

2. โปรแกรมนี้ไม่ฟรี แต่สามารถใช้งานแบบทดลองใช้ได้ โดยคลิกเลือก Free Trial เพื่อเริ่มการติดตั้ง

​

3. หลังจากเลือก Free Trial ก็จะแสดงหน้าต่างใหม่สำหรับการติดตั้ง สามารถติดตั้งได้ทันทีโดยคลิกเลือก Install Now

​

4. หากในเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ได้ติดตั้ง Adobe AIR โปรแกรมก็จะทำการติดตั้งให้อัตโนมัติโดยใช้เวลาสักพัก

​

5. หลังจากรอเสร็จ ก็เริ่มการติดตั้ง โดยจะแสดงหน้าต่างตามรูป คลิกเลือก Install

​

6. เลือกที่อยู่ปลายทางสำหรับติดตั้งโปรแกรม ในที่นี้เลือกตามโปรแกรมกำหนดมาให้ คลิกเลือก Continue

​

7. เริ่มการติดตั้งโปรแกรม รอสักครู่

​

8.หน้าตาโปรแกรมหลังจากติดตั้งเรียบร้อย พร้อมใช้งาน

​

9. คลิกเลือก Create New เพื่อเริ่มสร้างปฏิทินใหม่

​

10. เลือกรูปปฏิทินที่ต้องการสร้าง โดยมี 3 แบบให้เลือกตามรูป หลังจากเลือกรูปแบบเสร็จ ตั้งชื่อปฏิทิน เลือกเดือนและปี คลิกเลือก Next > Design Options เพื่อไปขั้นตอนต่อไป

​

11. เลือกรูปภาพที่ต้องการใช้สร้างปฏิทิน คลิก Select Photos หลังจากเลือกรูปภาพที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว คลิกเลือก Next > Create Calendar

​

12. ขั้นตอนตกแต่งปฏิทิน แบ่งเป็น 4 ส่วน ดังนี้

​

ส่วนที่ 1 Tab แสดงฟังก์ชันการปรับแต่ง

- Photo เลือกภาพที่ต้องการไปใส่ยังปฏิทิน โดยการลากแล้ววาง
- Layouts เลือกรูปแบบปฏิทิน
- Background เลือกพื้นหลังสำหรับปฏิทินหรือกำหนดเอง
- Decorate เลือกของประดับปฏิทิน เช่น ดอกไม้

ส่วนที่ 2 Add Text เพิ่มข้อความที่ต้องการลงบนปฏิทิน

ส่วนที่ 3 คลังรูปภาพที่เพิ่มเข้ามา

ส่วนที่ 4 Save และ Print/Preview สามารถบันทึกหรือปริ้น และแสดงตัวอย่าง สามารถ Save เป็นไฟล์ PDF และไฟล์ JPG โดยไฟล์ที่ Save จะถูกบันทึกอยู่ที่ My Documents/ EZPhotoCalendarCreator2

ตัวอย่างปฏิทินที่ทำด้วยโปรแกรม EZ Photo Calendar Creator 2

​

http://hilight.kapook.com/view/54805


.



.

 

วันนี้อร่อยกว่าวันนั้นอีกพี่หนุ่ม หุหุ

 

<table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>


อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันพฤหัส รื่นเริง ครับ


.

 

มูลนิธิเมาไม่ขับเชิญชวนคนไทยปฏิบัติตามพระราชดำรัสในหลวงเพื่อลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่


มูลนิธิเมาไม่ขับเชิญชวนคนไทยปฏิบัติตามพระราชดำรัสในหลวงเพื่อลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่

นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า
เทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2554 กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ถือเป็นช่วงสำคัญที่คนไทยทั้งประเทศมีความสุขกับการได้เฉลิมฉลองการเปลี่ยน พ.ศ.ใหม่ แต่สิ่งที่น่าห่วงใยก็คือ การเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาล ซึ่งมักจะมีสถิติที่สูงอย่างน่าวิตกในทุกๆ ปีที่ผ่านมา เทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ พ.ศ. 2553 ปีที่แล้ว ช่วงเวลา 7 วันที่ประชาชนมีการเดินทางกันมากๆ มีคนไทยเสียชีวิต 347 ราย บาดเจ็บ 3,827 ราย สาเหตุสำคัญเกิดจากการเมาแล้วขับ การขับรถเร็ว การขับรถย้อนศร และการไม่เคารพกฎจราจร
ดังนั้น เพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ มูลนิธิเมาไม่ขับ จึงขอเชิญชวนให้คนไทยปฏิบัติตามกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวฯ ที่ทรงพระราชทานเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2553 ขอให้คนไทยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาทและมีสติอยู่เสมอ โดยการขับขี่รถอย่างมีสติ เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ เร็วไม่ขับ โทรไม่ขับ และสวมหมวกกันน็อคทุกครั้ง
ในโอกาสนี้มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับภาคีเครือข่ายและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จะจัดให้มีพิธีเปิดโครงการและปล่อยขบวนคาราวานรณรงค์ลดอุบัติเหตุปีใหม่ ไปให้ถึง (Arrive Alive) ขึ้นในวันพุธที่ 22 ธันวาคม 2553 เวลา 08.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมทั้งจะมีเหยื่อซึ่งเป็นผู้พิการที่มีสาเหตุจากการเมาแล้วขับ จำนวน 9 คน ปั่นวีลแชร์นำขบวนคาราวานรณรงค์เชิญชวนให้คนไทยปฏิบัติตามกระแสพระราช ดำรัสฯ เพื่อลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระ ชนมพรรษา โดยมีระยะทางจากตึกสันติไมตรีทำเนียบรัฐบาลไปตามสถานที่ในจังหวัดต่างๆ ตลอดเส้นทางสู่ภาคใต้ โดยมี จุดหมายปลายทางที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนคนไทยสามารถปฏิบัติตามกระแสพระราชดำรัสฯ ได้อย่างพร้อมเพรียงกัน จะส่งผลให้มีจำนวนผู้บาดเจ็บ พิการและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ลดลงอย่างแน่นอน
อนึ่ง มูลนิธิเมาไม่ขับได้จัดทำพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมพระราชดำรัสที่พระราชทานต่อผู้เข้าเฝ้าถวายพระพรในวโรกาสมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษา ณ พระที่นั่งอัมรินทร์วินิจฉัย เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2553โดยจะแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นของขวัญปีใหม่ 2554 ที่สถานีขนส่งหมอชิต วันที่ 29 ธันวาคม 2553 และสถานีรถไฟหัวลำโพง วันที่ 30 ธันวาคม 2553

* สถิติอุบัติเหตุเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2553


http://ddd.or.th/content-view-578.htm

.
มูลนิธิเมาไม่ขับ
28/12 ถนนสุขุมวิท 19 (วัฒนา) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110 โทร. 0-2254-5959 , 0-2254-0044


.

 

อรุณสวัสดิ์เช่นกันครับพี่หนุ่ม

 

ปีใหม่เปิดวังหน้าอัญเชิญ9 พระศักดิ์สิทธิ์ให้ประชาชนสักการะ
​

"กรมศิลป์" เปิดวังหน้า อัญเชิญพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง 9 องค์ ให้ประชาชนสักการะวันปีใหม่ ครั้งแรกของประเทศ ด้านนิพิฏฐ์ เชิญชวนคนไทยน้อมนำหลักธรรมในหลวงมาสู่การปฏิบัติในปี 2554 ...

เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ที่ห้องดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จัดแถลงข่าวกิจกรรม “ฤกษ์ดีปีใหม่ ไหว้พระพุทธรูปวังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน” โดยมี นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม นายสมชาย เสียงหลาย ปลัด วธ. นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร ร่วมแถลงข่าว

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ในปี2554 เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 วธ.จึงขอเชิญชวนประชาชนน้อมนำหลักคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปสู่การปฏิบัติ มีความสำนึกในคุณธรรม มีความรอบรู้ที่จะดำเนินชีวิตด้วยความอดทน มีสติปัญญา มีความรอบคอบ และมีความเพียร อีกทั้งใช้ชีวิตอย่างพอประมาณและมีเหตุผล ด้วยความไม่ประมาท ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนกิจกรรม “ฤกษ์ดีปีใหม่ ไหว้พระพุทธรูปวังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน” กรมศิลปากร ได้อัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สำคัญ 9 องค์ มาประดิษฐาน ณ หอพระวังหน้า พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะในวันขึ้นปีใหม่ ประกอบด้วย พระพุทธสิหิงค์ พระปฏิมาแบบสุโขทัย-ล้านนา เชื่อว่าอำนวยความอุดมสมบูรณ์และสวัสดิมงคลพระหายโศก เชื่อว่า ครองสุข โสมนัส พระไภษัชยคุรุ พระพุทธเจ้าแพทย์ ศิลปะลพบุรี เชื่อว่าจะระงับโรคภัยไข้เจ็บ พระชัยลงอักขระ ศิลปะอยุธยา เชื่อว่าจะมีชัยชนะ ไม่แพ้ พระพุทธรูปทรงเครื่อง พระมหาจักรพรรดิ ศิลปะอยุธยา มีมงคลแห่งอำนาจ พระพุทธรูปหลวงพ่อนาก ศิลปะเชียงแสน ความสุขสงบและความมีทรัพย์ พระพุทธรัตนมหามุนี พระแก้วน้อย ศิลปะเชียงแสน เชื่อว่า จะมีความสวัสดิมงคลและสินทรัพย์ และพระพุทธรูปคู่ ไม้แก่นจันทน์แดง ศิลปะรัตนโกสินทร์ เชื่อว่า จะปกป้องภยันตรา

รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า กรมศิลปากรจะเปิดให้ประชาชนสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังที่กล่าวมาทั้งหมด 6 วัน โดยเปิดให้สักการะในวันที่ 2 มกราคม 2554 และระหว่างวันที่ 5 ถึง 9 มกราคม 2554 ตั้งแต่ เวลา 09.00-16.00 น. ซึ่งตามปกติแล้วพระพุทธรูปดังกล่าวจะถูกเก็บไว้ในห้องจัดแสดง โดยในปีนี้ถือเป็นครั้งแรกของประเทศที่ได้มีการอัญเชิญมาประดิษฐานยังพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ตนจึงขอเชิญชวนประชาชนได้มาสักการะพระพุทธรูปทั้ง 9 องค์ เพื่อความเป็นสิริมงคลในวาระขึ้นปีใหม่นี้ด้วย.

ปีใหม่เปิดวังหน้าอัญเชิญ9พระศักดิ์สิทธิ์ให้ประชาชนสักการะ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์



อัญเชิญ9พระศักดิ์สิทธิ์ให้สักการะปีใหม่<!-- google_ad_section_end --><HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->

​

กรมศิลป์เปิดวังหน้า อัญเชิญพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง 9 องค์ ให้สักการะวันปีใหม่

เมื่อวันนี้ (29 ธ.ค.) ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดวธ. นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน “ฤกษ์ดีปีใหม่ ไหว้พระพุทธรูปวังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน” โดย นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ในปี2554 เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 จึงขอเชิญชวนประชาชนน้อมนำหลักคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปสู่การปฏิบัติ มีความสำนึกในคุณธรรม มีความรอบรู้ที่จะดำเนินชีวิตด้วยความอดทน มีสติปัญญา มีความรอบคอบ และมีความเพียร อีกทั้งใช้ชีวิตอย่างพอประมาณและมีเหตุผล ด้วยความไม่ประมาท ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

ส่วนกิจกรรม “ฤกษ์ดีปีใหม่ ไหว้พระพุทธรูปวังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน” กรมศิลปากร ได้อัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สำคัญ 9 องค์ มาประดิษฐาน ณ หอพระวังหน้า พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะในวันขึ้นปีใหม่ ประกอบด้วย พระพุทธสิหิงค์ พระปฏิมาแบบสุโขทัย-ล้านนา เชื่อว่าอำนวยความอุดมสมบูรณ์และสวัสดิมงคล พระหายโศก เชื่อว่า ครองสุข โสมนัส พระไภษัชยคุรุ พระพุทธเจ้าแพทย์ ศิลปะลพบุรี เชื่อว่าจะระงับโรคภัยไข้เจ็บ พระชัยลงอักขระ ศิลปะอยุธยา เชื่อว่าจะมีชัยชนะ ไม่แพ้ พระพุทธรูปทรงเครื่อง พระมหาจักรพรรดิ ศิลปะอยุธยา มีมงคลแห่งอำนาจ พระพุทธรูปหลวงพ่อนาก ศิลปะเชียงแสน ความสุขสงบและความมีทรัพย์ พระพุทธรัตนมหามุนี พระแก้วน้อย ศิลปะเชียงแสน เชื่อว่า จะมีความสวัสดิมงคลและสินทรัพย์ และพระพุทธรูปคู่ ไม้แก่นจันทน์แดง ศิลปะรัตนโกสินทร์ เชื่อว่า จะปกป้องภยันตราย กรมศิลปากรจะเปิดให้ประชาชนสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังที่กล่าวมาทั้งหมด 6 วัน โดยเปิดให้สักการะในวันที่ 2 ม.ค. และระหว่างวันที่ 5 ถึง 9 ม.ค ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. จึงขอเชิญชวนประชาชนได้มาสักการะพระพุทธรูปทั้ง 9 องค์ เพื่อความเป็นสิริมงคล.

Daily News Online > หน้าการศึกษา > อัญเชิญ9พระศักดิ์สิทธิ์ให้สักการะปีใหม่<!-- google_ad_section_end -->

<!-- google_ad_section_end -->

 

ไปวันที่ ๗ ม.ค.ทีเดียวเลย วันก่อนเพิ่งจะคุยกับพี่ไฟดูดถึงเรื่องของพระราชวังสีทากันอยู่เลย ไม่คิดว่า จะคิดว่าทางการจะเปิดโอกาสให้ได้ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบใกล้ชิดแบบนี้ เคยไปแต่หว้พระ ๙ วัด แต่ครั้งนี้ ไหว้ ๙ พระศักดิ์สิทธิ์ในวัดวังเดียว โอกาสแบบนี้หายากมากครับพี่น้อง เสียดายที่ช่วงเย็นติดนัดอีกที่หนึ่ง

 

พี่ๆที่ได้ไป ได้โปรดสักการะเผื่อน้องๆที่อยู่ไกลด้วยนะครับ
ขอโมทนาสาธุล่วงหน้าครับ

 

ความคิดเยี่ยมจริงๆเลยครับพี่ ขอบพระคุณพี่สมบัติสำหรับเมื่อคืนนะครับได้รับความรู้มากมายเลยจริงๆครับ ขอบพระคุณที่เมตตาน้องอย่างผมจริงๆครับ

 

<table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>

สวัสดีวันใหม่ วันศุกร์แห่งชาติครับ

 

รวมมิตร 'หมึกแดงไกด์' สุดยอดร้านอร่อยปี 2553


ปีหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเลยนะครับ เผลอแป๊บเดียวก็สิ้นปีแล้ว วันนี้ขออนุญาตสวัสดีปีใหม่ทุกท่านล่วงหน้าเลยแล้วกันครับ

ส่งท้ายปีวันนี้ ผมจะขอพูดถึงร้านอาหารที่ผมชอบมากประจำปีนี้ที่ผมได้ไปชิมมา ลำบากใจมากครับ เพราะมีร้านอาหารที่ผมชอบอยู่หลายร้าน โดยผมได้เลือกมา 4 ร้าน มีอยู่ร้านเดียวที่อยู่ต่างจังหวัด ส่วนที่เหลืออยู่ในกรุงเทพฯ ครับ

เริ่มจากร้านที่ติดดินก่อนไปจนร้านสุดท้ายซึ่งเป็นร้านที่หรูที่สุดนะครับ ร้านแรกที่ติดดินที่สุดและเป็นร้านที่ผมชอบมากเป็นร้านข้าวแกงอยู่ที่ จันทบุรีครับ ปีนี้ผมไปจันทบุรีบ่อยมากเลยครับเพราะคุณพ่อมีกิจกรรมที่นั่นบ่อย ไปทีไรก็ต้องไปหาอะไรกินทุกที

เมื่อไปที่จังหวัดจันทบุรี เจ๊จินตนาซึ่งเป็นคนสนิทของผมก็มักจะพาไปกินอาหารตอนเช้า บางทีก็เอามาให้ผมกินและบางทีผมก็บอกเธอว่า ผมเคยกินอาหารร้านนี้แล้วและผมอยากไปอีกก็คือ ร้านข้าวแกงแสนตุ้งครับ ร้านจะอยู่หน้าวัดใหม่ จังหวัดจันทบุรี

ร้านนี้มีอาหารอร่อยหลายอย่างครับ แต่ที่ผมชอบทาน คือ อาหารป่าของที่นี่อร่อยมาก ผมไปกินทีไรเหงื่อออกทุกทีเลยครับ มีทั้ง นกผัดเผ็ด กบผัดเผ็ด ซี่โครงหมูผัดเผ็ด ของจืด ๆ ก็มีนะครับ ไม่ว่าจะเป็น ปลาอินทรีทอดน้ำปลา กุ้งหวาน และ หมูทอดกรอบ ยังมีเลยครับ ขนาดเลขาของคุณพ่อไปที่เมืองจันทบุรีทีไรยังซื้ออาหารที่ร้านนี้มาฝากผมเลย ครับ เพราะฉะนั้น อย่าลืมไปกินนะครับ

ร้านต่อมา อยู่ทางเข้าเมืองทองธานีครับ ชื่อ ร้านขาหมูเมืองทอง โดยส่วนตัวผมไม่รู้จักร้านนี้ครับ จนคุณพ่อชวนผมให้ไปทานด้วยกันที่นั่น ผมจึงรู้จักร้านนี้ โดยมากแล้วผมจะไปกินที่อื่นและต้องไปกินไกล ๆ ครับ จึงทำให้ไม่ได้มาลองชิมที่ร้านนี้

ที่นี่มี ขาหมู โดยเฉพาะคากิอร่อยมากครับ และยังมีกวยจั๊บโบราณ ที่เส้นกวยจั๊บข้นมากครับ เครื่องของกวยจั๊บที่ผมชอบจะเป็นลิ้นหมู แต่ที่นี่ไม่มี เขาบอกว่าคนไม่นิยม น่าเสียดายครับ แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่อร่อย คือ ซี่โครงหมูหน่อไม้จีนและเห็ดหอม เขาเอาไปตุ๋น รสชาติดีครับ อย่างไรก็ตามอย่าลืมลองไปกินกันนะครับ

ถัดมาเป็นร้านอาหารจีนและฮ่องกง ชื่อว่า ร้านคิง พาเลซ คอนจี แอนด์ นูเดิลบาร์ ที่ผมเพิ่งไปกินมาไม่นาน พอได้ไปกินก็ติดใจเลยไปกินอีกหลายครั้งเลยครับ พาคุณพ่อไปกินด้วย เพราะว่าที่ร้านนี้ คือ ร้านอาหารฮ่องกงร้านแรกนอกจากร้านคอฟฟี่ช็อปที่โรงแรมแลนด์มาร์คแล้ว ที่มี บะหมี่หมูกรอบ มีอะไรต่าง ๆ ที่คนฮ่องกงเขากินกัน

สิ่งที่ควรกินเมื่อมาที่ร้านนี้ คือ หมูสามชั้น เขาเรียกว่า หมูกรอบแบบฮ่องกง ยังมี หมูแดงฮ่องกง และ ห่านย่าง ด้วยนะครับ และที่ขาดไม่ได้ คือ ผัดซีอิ๊วเส้นใหญ่ แต่ที่ผมกินต้องเป็นผัดซีอิ๊วเนื้อนะครับ ที่นี่เขาอร่อย จริง ๆ ครับ แล้วที่ร้านยังมี ก๋วยเตี๋ยวหลอดปาท่องโก๋ไส้กุ้ง ด้วยนะครับ แต่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก

แต่ที่ผมชอบเป็นโจ๊ก โดยเฉพาะ โจ๊กไข่เยี่ยวม้ากับตับ เพราะเขาลวกตับได้หวานและไม่แข็งครับ อีกแบบที่ผมชอบไม่แพ้กัน คือ โจ๊กเนื้อ และถ้าเป็นเนื้อตุ๋นและเอ็นตุ๋นก็ยิ่งดีมากเลยครับ

ที่ร้านนี้ยังมีเกี๊ยวน้ำด้วยนะครับ รสชาติกลมกล่อมครับ นอกจากนั้นก็มีอีกหลายอย่างที่ผมยังไม่ได้กิน เดี๋ยวไปคราวหน้าผมจะไปกินให้ครบเลยครับ

สำหรับร้านสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงอยู่ที่โรงแรมแลนด์มาร์คชั้น 31 ครับ ชื่อว่า ร้านริบรูม แอนด์ บาร์ เขาเพิ่งฉลองร้านครบรอบ 4 ปีไปเมื่อเร็ว ๆ นี้เองครับ ที่นี่สเต๊กอร่อยมากครับ ผมจำได้ว่าอาหารที่เสิร์ฟให้ผมกินในวันนั้นเป็น สเต๊กมัตสึซากะบนโพเลนต้า โพเลนต้า คือ แป้งที่ทำจากข้าวครับ อร่อยมากเลยครับ ส่วนเนื้อของเค้าก็อร่อยครับ นุ่ม ทำออกมาใช้ได้เลยครับ แต่อาหารที่นี่ราคาค่อนข้างสูง นาน ๆ ไปทีก็แล้วกันนะครับ

อย่างไรก็ตาม ขอให้เพื่อน ๆ และผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญในปีใหม่นี้นะครับ คิดอะไรสมความปรารถนายิ่งกว่าปีที่ผ่านมาครับ.

*********************
เข้าครัวกับหมึกแดง

ข้าวหมกพีราฟมะเขือเทศกับกุ้งคาจัน

เครื่องปรุงข้าวหมกพีราฟมะเขือเทศ

- น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูแดงสับ 2 เม็ด
- หญ้าฝรั่นแช่น้ำพอประมาณ
- มะเขือเทศสับ 200 กรัม
- ข้าวสารหอมมะลิ 250 กรัม
- เกลือ 1 ช้อนชา
- พริกไทย 1/2 ช้อนชา
- น้ำซุปไก่ 500 มิลลิลิตร

วิธีทำ

1. นำกระทะตั้งเตาให้ร้อน
2.ใส่น้ำมันมะกอกพอร้อน ใส่หอมแดงสับ กระเทียมสับ พริกขี้หนูผัดพอหอม
3.ใส่หญ้าฝรั่น มะเขือเทศสับ ผัดให้เข้ากัน
4.ใส่ข้าวสารลงไปผัดพอเป็นตากบ ปรุงรสด้วย เกลือ พริกไทย
5.เทส่วนผสมที่ผัดไว้ลงในหม้อหุงข้าว แล้วใส่น้ำซุปไก่ลงไปคนให้เข้ากัน กดหุงเร่งด่วน จนกระทั่งข้าวสุกหอม
6. ตักข้าวใส่พิมพ์กดลงบนจาน แล้ววางกุ้งคาจันย่างบนข้าว

เครื่องปรุงกุ้งคาจัน

- กุ้งแกะเปลือกผ่าหลัง (กุ้งตัวใหญ่ 3 ตัว) 200 กรัม
- เนย 150 มิลลิลิตร
- ผงคาจัน 100 กรัม

วิธีทำ

1. เปิดกระทะย่างของให้ร้อน
2.นำกุ้งมาชุบเนยให้ทั่ว แล้วนำมานาบคลุกกับผงคาจัน
3. นำกุ้งลงไปย่างในกระทะ ย่างให้สุก
4.ยกออกจากเตาใช้เสิร์ฟกับข้าวหมก พีราฟมะเขือเทศ

ความรู้คู่ครัว

- หญ้าฝรั่นคืออะไร และนิยมนำไปทำอะไรได้บ้าง?

หญ้าฝรั่น คือ เกสรดอกไม้ชนิดหนึ่ง มีสีส้มแดง นิยมมากในแถบเมดิเตอร์เรเนียน เช่น สเปน โมร็อกโก กรีซ อิตาลี นิยมใช้เป็นสีผสมอาหาร เช่น ข้าวหมกไก่ เป็นต้น.


หมึกแดง
หมึกแดงไกด์ เวบไซต์ที่รวบรวมสูตรอาหาร ไทยและเทศ ที่เขียนโดยเชฟหมึกแดง รวมถึงบทความต่าง



Daily News Online > หน้าวาไรตี้ > รวมมิตร 'หมึกแดงไกด์' สุดยอดร้านอร่อยปี 2553

.
















http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=486&contentId=112868


.

 

ให้ ‘ลูกแพร์-วอเตอร์เครส’ ขับของเสีย



ส่ง ท้ายปี 2553 ‘มุมสุขภาพ-กินดี’ เตรียมสูตรเครื่องดื่มเพื่อการล้างของเสีย ช่วยให้ร่างกายสะอาด มาฝากผู้อ่านรักษ์สุขภาพ ได้นำสูตรเครื่องดื่มจากธรรมชาติไปสกัดดื่มให้ร่างกายแข็งแรงรับปีใหม่

สูตร นี้มีส่วนผสมไม่กี่ชนิด เริ่มจาก ลูกแพร์ มีวิตามินซี กรดโฟลิก แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม และไนอาซิน ช่วยขับปัสสาวะ ทำความสะอาดทั้งไต ไส้ตรง รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ลดคอเรสเตอรอล ต้านอนุมูลอิสระ ขับโลหะหนักและของเสียที่สะสมอยู่ในร่างกาย

และ วอเตอร์เครส อุดมด้วย วิตามินซี คลอโรฟีลล์ เหล็ก กำมะถัน ไบโอติน เบต้าแคโรทีน แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และไฟโตเคมิคอล รวมทั้งไอโซไทโอไซยาเนต ที่ช่วยทำลายสารก่อมะเร็ง ดีต่อลำไส้ใหญ่และทางเดินอาหาร ล้างพิษออกจากตับและไต ฟอกเลือด ล้างของเสียออกจากร่างกาย

สำหรับส่วนผสมให้เตรียมตามสัดส่วนต่อไปนี้...

* ลูกแพร์สุกเต็มที่ 1 ถ้วย
* วอเตอร์เครส 1/2 ถ้วย
* น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย


ส่วน ขั้นตอนในการทำง่าย ๆ สั้น ๆ เพียงหั่นลูกแพร์เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า หั่นวอเตอร์เครสพอหยาบ สกัดเอาแต่น้ำด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งเย็นชื่นใจ

ปีหน้าขอให้สุขภาพดีกันถ้วนหน้า ด้วยความปรารถนาดีจาก ‘มุมสุขภาพ’

takecareDD@gmail.com

Daily News Online > โทรโข่ง > หน้ามุมสุขภาพ > ให้ ‘ลูกแพร์-วอเตอร์เครส’ ขับของเสีย

.

 

คำวัด - พุทธศักราช กับ ดิถี

คมชัดลึก :คำ ว่า "ปฏิทิน" ในภาษาอังกฤษ คือ "calendar" เป็นคำที่มาจากภาษาละติน ซึ่งนำมาจากคำพูดของชาวกรีกโบราณอีกที ว่า "Kalend" ซึ่งมีความหมายในภาษาอังกฤษว่า "I cry"


สาเหตุที่ใช้คำนี้เพราะ มีที่มาว่า ในสมัยโบราณจะมีคนคอยร้องบอกชาวเมือง เพื่อบอกกล่าวเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า รวมถึงประกาศวันขึ้นเดือนใหม่ เพื่อให้ลูกหนี้จ่ายเงินที่คั่งค้าง

ครั้นต่อมาสังคมเริ่มสลับซับซ้อนมากขึ้น ปฏิทินจึงได้ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อแทนคนร้องบอกข่าว ปฏิทินจึงนับว่าเป็นสิ่งบอกเวลา และกลายเป็นสิ่งสำคัญในวิถีชีวิตประจำวันไปในที่สุด ต่อมามนุษย์จึงได้ริเริ่มบันทึก วัน เวลา ขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร หรือที่เรียกกันว่า "ปฏิทิน"

ในอดีตประเทศไทยใช้ปฏิทินจันทรคติตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยนับปีตามปีมหาศักราชและจุลศักราชตามลำดับ จนกระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ เปลี่ยนจากปฏิทินจันทรคติมาใช้ปฏิทินสุริยคติ ในปีจุลศักราช ๑๒๔๐ ซึ่งตรงกับพ.ศ.๒๔๓๑ โดยใช้แบบสากลตามปฏิทินเกรกอเรียน ทั้งนี้ได้กำหนดเดือนแรกของปีคือ เดือนเมษายน และเดือนสุดท้ายของปี คือ มีนาคม และปรับมาใช้รัตนโกสินทร์ศก และพุทธศักราชตามลำดับ
จนกระทั่งในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้มีการปรับเปลี่ยนปฏิทินอีกครั้งโดยปรับให้วันที่ ๑ มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ และเป็นวันเริ่มต้นของปี แทนที่รูปแบบเดิม โดยวันขึ้นปีใหม่ในรูปแบบนี้เริ่มใช้ใน พ.ศ.๒๔๘๔

พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙) ราชบัณฑิต และเจ้าอาวาสวัดราชโอสาราม ได้อธิบายความหมายของคำว่า "พุทธศักราช" หมายถึง ปีนับตั้งแต่ปีพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานมา ใช้ย่อว่า พ.ศ.

พุทธศักราช ในประเทศไทยเริ่มนับปีพุทธศักราช ตั้งแต่วันที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน มาครบรอบ ๑ ปี เป็น พ.ศ.๑

แต่ในประเทศพม่า ศรีลังกา และลาว นับเร็วกว่าประเทศไทย ๑ ปี โดยเริ่มนับตั้งแต่พระพุทธเจ้าปรินิพานเป็น พ.ศ.๑
ดังนั้นในปีหน้าประเทศไทยเป็น พ.ศ.๒๕๕๔ แต่ในประเทศพม่า ศรีลังกา และลาว จะเป็น พ.ศ.๒๕๕๕
นอกจากนี้แล้วมีอีกคำหนึ่งที่มักได้ยินกันบ่อยในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี เก่าต้อนรับปีใหม่ คือ คำว่า "ดิถี" เจ้าคุณทองดีได้ให้ความหมายไว้ว่า วันตามจันทรคติ ที่นับการโคจรของดวงจันทร์

"ดิถี" ใช้เรียกวันตามธรรมเนียมในพุทธศาสนาว่า ค่ำหนึ่ง ๒ ค่ำ เป็นต้นไป จนถึง ๑๕ ค่ำ ใช้ทั้งข้างขึ้นข้างแรม เช่น ดิถีเพ็ญเดือน ๖ หมายความว่า วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ หรือ ดิถีแรม ๘ ค่ำ หมายความว่าแรม ๘ ค่ำ เป็นต้น

"ดิถี" ในปัจจุบันใช้หมายถึงวันที่ไม่เกี่ยวข้องกับจันทรคติก็มี ใช้หมายถึงวันทางสุริยคติก็มี เช่น “นับเป็นศุภาวารดิถีอันงาม ที่ท่านให้เกียรติมาเยี่ยมงานในครั้งนี้” หรือ “ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ ๑ มกราคมนี้ ขออวยพรให้ทุกท่านจงโชคดีมีความสุขกัน”


"พระธรรมกิตติวงศ์"


ที่มา คมชัดลึก

 

วันนี้วันสิ้นปี ได้ฟัง ได้เห็นภาพข่าวเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถเก๋งชนรถตู้เมื่อไม่กี่วันก่อนวันสิ้นปีนี้ ก็ได้เห็นถึงความไม่เที่ยงของชีวิต กิจกรรมเสี่ยงๆที่จะพาไปให้ตัวเราเข้าองค์ประกอบแห่งกรรมนั้น หากเรารู้เท่าทัน ก็พอจะชลอกรรมนั้นไปได้บ้าง ปีใหม่นี้ก็ขอให้เพื่อนๆชาวพระวังหน้าได้มีดวงตารู้เท่าทันองค์ประกอบแห่งกรรม..

ผมได้ลองใช้วิชาที่ศึกษามาในแนวทางโหราศาสตร์พระเกตุ ของท่านอาจารย์ชุมพล ทุกดวงชะตาที่ผมมีโอกาสได้ตรวจดู ถือเป็น"ดวงครู"ทั้งสิ้น ไม่มีจิตเจตนายกขึ้นมาเป็นเรื่องถากถาง หรือหมิ่นใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อให้เห็นรหัสเลขชี้องค์ประกอบแห่งกรรม เมื่อทุกอย่างได้เดินมาจนครบองค์ประกอบแห่งกรรม...

ครั้งหนึ่งผมได้เคยตรวจดูดวงชะตาให้กับน้องคนหนึ่งที่ทำงานด้วยกัน มีดวงชะตาที่เป็นผีโขมดเหมือนกัน ก็ได้แนะนำให้ระมัดระวังเรื่องอย่าได้ประมาทในเรื่องของการเดินทาง จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดวงครูของผมดวงนี้ เกิดวันพฤหัส(๕) แรม ๗ ค่ำ เดือน ๗ ปีจอ อายุย่าง ๑๗(รวมได้ ๘ ) รหัสเลขชี้ว่า ดาวครู(๕)คุ้มอยู่จนอายุ ๑๙ มีดาวหลัก ๓ ดวงใหญ่ๆ คือพระจักรพรรดิ(๑๔) ดาวเกตุ(๙) ดาวราหู(๘) ราหูเป็นกาลีเดิม และเป็นอายุจร+วินาศน์+พันธุ+โภคา และอักษร"ด"(ดอนเมือง โทลเวย์) ก็ในอยู่ตำแหน่งกาลีเดิม+อายุจรนั่นเอง และรวมทั้งรถตู้ที่วิ่งนั้นก็เป็นเส้นธรรมศาสตร์(ธ) ผู้เสียชีวิตทั้ง ๙ ก็เกี่ยวกับธรรมศาสตร์(ธ) อักษร"ธ" เป็นตำแหน่งกาลีแห่งดวงชะตา จะเห็นว่า อักษร "ด"-"ธ" เกี่ยวพันกับตวงชะตานี้ในช่วงเวลานี้มาก ยิ่ง"ธ" 2 ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยิ่งนำอักษรคำว่า "ธรรมศาสตร์" มาวิเคราะห์ยิ่งชัดมากว่า อักษรเหล่านี้ มีทั้งกาลี เดช และอายุอยู่ในนั้นแทบทั้งสิ้น เสมือน fight บังคับ จำนวนผู้เสียชีวิต ๘ ศพ ก็ตรงกับตำแหน่งราหู(๘)เป็นกาลี และเมื่อเช้าเพิ่มเป็น ๙ ศพ (๘ +๙=๑๗=๘ บังคับให้เข้าทางราหู ซึ่งรออยู่ในตำแหน่งวินาศ และรอการจรของอายุนั่นเอง) เลข ๙ คือพระเกตุ ในดวงชะตาเวลานี้มีพระเกตุ(๙) และดาวครู(๙)คุ้มอยู่ จึงไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต และนี่คือครบองค์ประกอบแห่งกรรม + โครงสร้างร้ายในดวงชะตาที่รออยู่แล้วนั่นเอง องค์ประกอบแห่งกรรมนั่นคือ กิจกรรมที่พาให้เข้าไปเกี่ยวข้องอักษรที่เป็นกาลี คือ ด-ต-ถ-ท-ธ-น นั่นเอง...

ข้อแนะนำสำหรับเพื่อนๆชาววังหน้า ชะตาชีวิตถูกลิขิตเอาไว้แล้ว ให้หมั่นสร้างบุญ+กรรมดี หากโครงสร้างร้ายของทุกท่านจะมาเยือน ก็พอจะลดทอนผลของกรรมจากหนักเป็นเบาได้บ้าง แม้จะไม่หมดเสียทีเดียว การรู้เท่าทันองค์ประกอบแห่งกรรมจะช่วยเลื่อนเวลาออกไปได้บ้าง แต่ต้องไม่หยุดสร้างความดี...

 

ที่มา http://palungjit.org/members/sithiphong.16245/#vmessage1097333

zeedflower คุณ หนุ่ม และก็คุณ ทำอะไรไม่ดีไว้คงรู้อยู่แก่ใจ หนังสือเล่มละ 300 ก็ชายเล่มละหมื่น และก็เริ่มที่จะเป็นพุทธพาณิชย์ ซึ่งคุณลุงจิ๋ว คุณปู่ประถม ไม่เคยสอนให้พวกเราทำอย่างนั้น คุณลุงจิ๋วคุณปู่ประถม และคนอื่นที่เป็นลูกศิษย์เค้ารู้กันหมดแล้วนะลุง..เลิกทำซะเพราะมันไม่ดี


.

มามั่วอีกแล้วzeedflower

พระที่อยู่ในบล็อก บางองค์ก็เก๊ เอามาลงทำไม

แถมข้อมูลก็ไม่ถูกเยอะมาก กรรมเยอะ

ส่วนหนังสือ ผมให้ทำบุญ ไม่ได้ขาย เงินก็โอนเข้าบัญชีทำบุญ สนส.ผาผึ้ง กรรมเยอะที่บิดเบือนข้อมูล




.