พญานาคราช 4 ตระกูล นครคำชะโนด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Ajarn Pithak, 23 พฤศจิกายน 2009.

  1. pk010209

    pk010209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    973
    ค่าพลัง:
    +2,634
    555 คุณว่าไม่เห็นหนะดีแล้ว อืม!!!ถ้าสัมผัสได้แต่มองไม่เห็น อะไรหลอนกว่ากัน
     
  2. notton

    notton เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +124
    จะเริ่มหลอนก็ตอนที่คุณ pk010209 พูดเนี่ยแหละคับ....ไม่อยากจะคิดเลย....
     
  3. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351
    สวัสดีครับ สบายดีกันรึป่าว อากาศหนาวแล้วรักษาสุขภาพด้วย

    กรุงเทพก็มีลมหนาวแล้วล่ะ...อย่าลืมห่มผ้าหนาๆนะครับ...

    บอมขอถามหน่อยว่า ถ้าโดนผีอำแล้วเราสาปแช่งไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดเนี่ยมันจะบาปมากไหมอ่ะครับ รู้แต่ว่ามันได้ผลอย่างแรงส์และสะใจสุดๆเลย เล่นกับใครไม่เล่น
     
  4. benjamina

    benjamina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +289
    เพื่อนอั้มมันก็เคยโดน แต่เขาว่า แรกๆให้เริ่มจาก ซอฟๆ ก่อน คุยกันก่อน ต้องการอะไร ทำบุญไปให้ไหม ฯลฯ ถ้า หลายอย่างแล้วยังไม่ไป ก็ค่อยเล่นหนัก
     
  5. benjamina

    benjamina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +289
    แวะมา ทำไม บ้าน เงี๊ยบเงียบ หายไปไหนกันหมดหว่า
     
  6. benjamina

    benjamina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +289
    แวะมา ทำไม บ้าน เงี๊ยบเงียบ หายไปไหนกันหมดหว่า
     
  7. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ยังอยู่นะครับ เพียงแต่ช่วงเดินสายทำบุญกฐินบ่อยครับ เลยไม่ว่าง บวกกับน้ำท่วมทางเลยไม่สะดวก อิิอิอิ
     
  8. pk010209

    pk010209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    973
    ค่าพลัง:
    +2,634
    ก็คุณพี่มาตอนตีสี่ ครายจะตื่นมาเล่นอะคะ อิอิ
     
  9. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    คำโบราณเชื่อไว้ไม่เสียหาย
    <table align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr bgcolor="#ffffcc"><td valign="center"> </td></tr> <tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#f5f5f5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#f5f5f5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#f5f5f5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#f5f5f5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#f5f5f5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#f5f5f5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]

    ที่มา คำโบราณเชื่อไว้ไม่เสียหาย : อาหารสมอง 1/11/53
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  10. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    กิเลสกับธรรม

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๓
    ณ สวนแสงธรรม


    เป็นห่วงชาวพุทธเหลือเกิน กิเลส เหมือนน้ำตาล แต่ที่แท้เป็นยาพิษ สุข ทุกข์ บุญ บาป แยกกันไม่ออก ความอยากสร้างความชั่วตลอดเวลา ผลก็เป็นบาปเป็นกรรมอยู่ตลอดเวลา สอนอะไรไม่ฟัง ฟังแต่ เรื่องของกิเลสอย่างเดียว

    กิเลส มีแต่อยากจะร่ำอยากจะรวย สร้างบาปสร้างกรรม ขนาดจิตดวงนี้ (หลวงตาหมายถึงจิตของหลวงตาเอง) ตั้งใจฟัดกับกิเลส อุตส่าห์ขึ้นเขาไปแล้วยังโดนกิเลสฟัดเอาตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ยกแรก ไม่ใช่สู้กับกิเลส แต่แค่ตั้งรับก็แย่แล้ว กิเลสเร็วและรุนแรงขนาดนั้น ฟัดเราหงายๆๆ ต่อหน้าต่อตา...น้ำตาร่วงสู้มันไม่ได้...ตั้งสติทำความเพียร สติล้มพับ ลงกิเลสจับตรงไหน คำว่า "อิ่ม-พอ" ก็ไม่มี

    คนที่ยังไม่ถึงธรรม กิเลสจับเป็นตัวเดียวกัน มีแต่ความบาป ความอยาก ความทะเยอทะยาน เหมือนกับอยากเอามรรค (การทำชั่ว) ผล (ความทุกข์)

    ต้อง มาสร้างความเพียรต่อสู้กัน หลวงตานั่งภาวนาจนก้นแตก ก้นเลอะ นี่คือความเคียดแค้นซัดกับกิเลสในน้ำหนักที่เท่ากัน "กิเลสเอาเราขนาดไหน เราก็จะเอากิเลสขนาดนั้น" อำนาจกิเลส กลุ้มรุมจิตใจชาวโลก แต่กิเลสไม่ได้ตกนรกกับเรา เราเองที่ตกนรกนะ

    กิเลสไม่ได้อยู่ที่กาย กิเลสอยู่ที่ใจ เหมือนฝึกม้าพยศ กิเลสไม่มีพอ ไม่เคยอิ่ม หิวตลอด อยากตลอด เหมือนเชื้อไฟกองใต้ภูเขา กิเลสเก่งแบบนี้ แต่พอธรรมเก่ง ธรรมก็พอกันกับกิเลส ตามฟาดฟัน กันตลอด ธรรมทำกิเลสหมอบได้ จนขาดสะบั้นลงในที่สุด

    ความเพลินในธรรม เหมือนกับที่เราเพลินในกิเลสนั่นแหละ เวลาที่ธรรมมีกำลัง เวลากล้า ก็กล้าทุกอย่าง สติปัญญาก็ผ่องใส ร่มเย็น รวดเร็ว ทันกัน ถึงวาระแล้วเป็นของเค้าเอง เผาเชื้อไฟ อย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด ตามเผากันไปเรื่อยๆ ("ไหม้" = ธรรมเผากิเลส) เมื่อไม่มีอะไรแล้ว ก็หยุด ก็หมด ไม่ต้องบังคับ หยุดเป็นอัตโนมัติ หมดเชื้อแล้วก็หยุดของ มันเอง

    เวลาปฏิบัติ รู้ตรงไหน ก็เข้าใจทันที "อ๋อ" ของมันเอง ไม่ต้องไปถามใครที่ไหน

    หลวง ตาวิตกวิจารณ์ต่อจิตใจของชาวพุทธ เอาแต่ข้างนอก ไม่สนใจเข้ามาข้างใน หลักของชาวพุทธก็คือให้ ภาวนา เป็น หลักของใจ เหนื่อยก็มา "พุทโธๆ" ไปซะ

    พระพุทธองค์จึงทรงท้อพระทัย โลกุตรธรรม- ธรรมเหนือโลก เหนือกิเลส

    อารมณ์ของธรรม - จะทำให้สงบ เบาลงๆ อารมณ์ของกิเลส- จะทำให้เฟ้อไปหม

    เวลา จิตเป็นสมาธิ จะไม่อยากคิด เพราะว่าคิดแล้วจะกวนใจ ธรรมชาติจิตแท้ๆ จะนิ่ง สบาย นั่งตรงไหนก็เพลินตรงนั้น เพลินอยู่กับธรรม ไม่กังวลข้างนอก เพลิน สบายอยู่ข้างใน ไม่เหมือนพวกวุ่นวายบ้าอยู่ข้างนอก

    ไปที่ไหนก็แน่ว สบาย อิ่มอารมณ์ ได้อาหารที่เหมาะสมแล้วก็ ไม่อยากจะยุ่ง

    ปัญญาต่างหากที่แก้กิเลส สมาธิมีแต่นิ่งสงบสบาย ปัญญานี่ เพลินจนลืมหลับลืมนอน นอนไม่หลับ เห็นตัวเป็นธรรมจักร ฆ่ากิเลสไปเลย

    เหมือนควายมีอะไรมาก็ชนก็ขวิด แต่เรานี่ไม่มีชนไม่มีขวิด เวลาจะเห็นโทษของกิเลส ธรรมก็พอกัน กิเลสจึงอยู่ไม่ได้ หมุนติ้วๆ

    กิเลสกับธรรม : อาหารสมอง

     
  11. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126

    การโทษกรรม การปลงลงในกรรม


    การ แผ่เมตตาดับปฏิฆะไปในบุคคลที่ไม่เป็นที่รัก เช่น ในผู้ที่เป็นศัตรู ถ้าหากจิตใจยังไม่เป็นอุเบกขา คือยังดับปฏิฆะในใจไม่ได้ การแผ่เมตตาออกไปในบุคคลที่ชังกันนั้นยากมาก จิตไม่ยอมที่จะเมตตา ยิ่งไปคิดถึงบางทีกลับไปเพิ่มความพยาบาท โทสะให้มากขึ้นไปอีก

    เพราะ ฉะนั้นต้องคิดดับปฏิฆะในใจ ทำใจให้เป็นอุเบกขาให้ได้ โดยที่ปลงลงในกรรม เป็นกรรมของบุคคลที่ตนไม่ชอบนั้นเองด้วย เป็นกรรมของตนเองด้วย และไม่ว่าจะเป็นศัตรูคือบุคคลที่ตนไม่ชอบ หรือว่าเป็นตนเอง เมื่อทำอะไรออกไปทางกาย ทางวาจา ตลอดจนถึงทางใจ กรรมที่ทำนั้นถ้าเป็นอกุศลก็เป็นอกุศลกรรมของตนเองเช่นเดียวกัน

    เพราะ ฉะนั้นพิจารณาดูว่าไม่ชอบเขาเพราะอะไร เขาเป็นศัตรูเพราะอะไร สมมติว่าไม่ชอบเขา เห็นว่าเขาเป็นศัตรู เขาทำร้าย เขาพูดร้าย เขาแสดงอาการคิดร้ายต่อตนอย่างใดอย่างหนึ่ง คราวนี้ก็มาพิจารณาปลงลงในกรรม ก็พิจารณาว่าการทำร้าย การพูดร้าย การคิดร้ายของเขานั้นใครเป็นคนทำ เขาทำหรือว่าเราทำ ก็ต้องตอบว่าเขาทำ ก็เมื่อเขาทำก็เป็นกรรมของเขา เมื่อเขาทำร้าย เขาคิดร้าย เขาพูดร้ายจริงแม้ต่อเรา กรรมที่เขาทำนั้นก็เป็นอกุศลกรรมของเขาเอง เราไม่ได้ทำก็ไม่เป็นกรรมของเรา

    แม้ว่าเราจะเดือดร้อนเพราะกรรมเขาก็จริง แต่กรรมที่เขาทำก็เป็นกรรมของเขาเอง ไม่ใช่กรรมชั่วของเรา เรา อาจจะต้องเดือดร้อนเพราะกรรมชั่วของเขาก็จริง แต่ว่ากรรมชั่วนั้นเป็นของเขาไม่ใช่ของเรา แบ่งออกได้ดั่งนี้ ก็จะทำให้ปลงใจลงไปในกรรมได้ไม่มากก็น้อย หรือว่าปลงลงไปครึ่งหนึ่ง หรือว่าค่อนหนึ่ง หรือว่าทั้งหมด

    ถ้าหากว่าสามารถพิจารณาให้เห็นจริงจังดั่งนั้นได้ และ ก็ดูถึงกรรมของตัวเองว่า อาจจะเป็นที่ตนกระทำกรรมอันใดอันหนึ่งที่เป็นกรรมชั่วของตน แต่ว่าไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนในอดีตบ้าง หรือว่าในปัจจุบันบ้างก็ได้

    เพราะ ฉะนั้นก็ให้อโหสิกรรมกันไปเสีย คิดปลงลงไปดั่งนี้แล้ว ก็จะทำให้ดับปฏิฆะลงไปได้ แล้วคิดแผ่เมตตาไปแม้ในคนที่เป็นศัตรูหรือคนที่ชังกัน ก็ย่อมจะทำได้ง่ายเพราะว่าดับความชังในจิตใจ โดยทำจิตใจให้เป็นอุเบกขาได้

    ใน ข้อกรุณา ข้อมุทิตาก็เช่นเดียวกัน และเมื่อได้ปฏิบัติอบรมเมตตา กรุณา มุทิตาในกาละ ในบุคคลที่ควรอบรม ก็สามารถที่จะอบรมมาถึงอุเบกขาได้


    :: พระนิพนธ์ของ
    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
     
  12. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ขนมไทย ไม่เเพ้ชาติใดในโลก รึจะเถียง!


    [​IMG]
    อืมอันนี้ จขกท. เห็นเเล้วน้ำยายไหลเลยอ่ะ-*-
    [​IMG]
    ขนมต้มใบเตยไส้มะพร้าว(ตอนเด็กๆกินบ่อย)
    [​IMG]
    อันนี้ก็สุดๆเลยลูกชุป
    [​IMG]
    อันนี้ก็(อื้มๆ) บัวลอย
    [​IMG]
    นี่ก็สุดๆ(ไม่ไหวเเระ)
    [​IMG]
    รสช่องเย็นๆชื่อจาย โอ้วเเบบว่าสุดๆ
    [​IMG]
    นี่ก็เเบบว่าหมานมันส์ ซูชิหลบไป สังขยามาเอง
    [​IMG]
    จอส!!!มันยอดมาก
    [​IMG]
    อันนี้ นี่ ถ้ากินตอนร้อนๆนึ่งไหม่ๆนี่สุดยอดมาก
    [​IMG]
    ตบท้ายด้วยน้ำใบบัวบก
    (อันนี้เหมาะสำหรับคนอกหัก)

    ที่มา:Google.com
     
  13. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126

    อะนะเจ้าน้องบอม ไปไหนมาไม่เห็นหลายวันเลย สบายดีไหมครับ
     
  14. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    เทวดาประจำตัวมีจริงหรือไม่

    ถาม

    - เทวดาประจำตัวมีจริงหรือเปล่าคะ?


    ตอบ - ถ้านึกถึงเทวดาเดินตามต้อยๆไปคอยเป็นองครักษ์พิทักษ์คุณตลอดเวลาล่ะก็ แบบนั้นไม่มีหรอกครับ

    ลอง คิดดูถ้าใครสักคนสู้อุตส่าห์ทำบุญจนเกินมนุษย์ธรรมดา ถึงขนาดตายไปเสวยสวรรค์ได้ สุดท้ายเบื้องบนตกรางวัลโดยให้มาเป็นบอดี้การ์ดคุ้มครองมนุษย์ตลอดเวลา ค่าจ้างค่าออนก็ไม่ได้รับกับใครเขา อย่างนี้จะเป็นเทวดาไปทำไมล่ะครับ

    เป็นคุณจะเอาไหมถ้าทำบุญแทบตาย แล้วต้องไปกินบุญด้วยการเป็นเงาตามสิ่งมีชีวิตที่ศักดิ์ต่ำกว่า อย่างเช่นลิงค่างบ่างชะนี?

    หากตอบว่าไม่เอา เทวดาก็คงไม่เอาเหมือนกัน และหากบอกว่าไม่เห็นจำเป็น เทวดาก็บอกว่าไม่เห็นจำเป็นเช่นกัน ฉันใดก็ฉันนั้นเลยครับ

    อย่าง ไรก็ตาม การช่วยเหลือเกื้อกูลข้ามมิติภพภูมินั้นเป็นไปได้ครับ ทำนองเดียวกับที่คุณอยู่ในภูมิมนุษย์ สามารถยื่นมือไปช่วยเหลือสัตว์ในภูมิเดรัจฉานได้ ตั้งแต่สัตว์เล็กอย่างมดไปจนกระทั่งสัตว์ใหญ่อย่างปลาวาฬ โดยที่การช่วยเหลืออาจมาในรูปแบบต่างๆ

    เช่น หยิบยื่นสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นการช่วยชีวิตพวกมันราวกับปาฏิหาริย์ หรืออาจมาในรูปของการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่กำลังย่ำแย่ หรืออาจมาในรูปของการนำพวกมันมาผสมพันธุ์กันป้องกันการสูญพันธุ์ ฯลฯ พวกมันรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่รู้เลยว่าเป็นฝีมือของคุณ

    พวกเรา ก็เหมือนกัน วันๆได้แต่ดุ่มเดิมไปตามยถากรรม รับรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นเฉพาะหน้า แต่ไม่รู้ว่าเป็นการบันดาลของอะไร ระหว่างความบังเอิญ กรรมเก่า หรือเทวดา

    ว่ากันถึงความบังเอิญ คุณจะยิ่งทึ่งในโลกและจักรวาลมากขึ้น ถ้ารู้ว่าความกระทบกระทั่งดีร้ายทั้งหลายไม่เคยบังเอิญเลย สิ่งมีชีวิต วัตถุ อากาศ และกาลเวลา ต่างร่วมกันถักทอเหตุการณ์ตามจังหวะการให้ผลของกรรมเสมอ

    ยกตัวอย่าง เช่น คุณเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านว่าง นึกว่าคุณเป็นเอกเทศอยู่ตามลำพัง อยากก้าวเท้าไปที่จุดไหนในเวลาใดก็ได้ ความจริงคุณอาจทำหน้าที่เหยียบมดชะตาขาดให้ตายดับโดยไม่รู้ตัว ในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ณ จุดใดจุดหนึ่ง เท้าคุณเป็นวิบากของเหล่ามดกลุ่มดังกล่าว ทำหน้าที่เครื่องประหาร ส่งไปเกิดใหม่ตามเวลาอันควรของพวกมัน

    เมื่อใดคุณเข้าใจความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างสิ่งมีชีวิต วัตถุ อากาศ และกาลเวลา เมื่อนั้นคุณจะทราบว่าแม้ ‘ความบังเอิญ' ก็มีเหตุผลบางอย่างของมันเสมอ

    ว่ากันถึงกรรมวิบาก แม้หลายคนจะเชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่เมื่อ ‘ได้ดี' หรือ ‘ได้ชั่ว' แต่ละครั้งก็จะงงๆว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร กับทั้งมองออกนอกตัวไปเพ่งโทษว่าเป็นความผิดของมนุษย์ด้วยกันเสมอ เรียกหาความยุติธรรมเพื่อเอาผิดเอาถูกจากมนุษย์ด้วยกันเสมอ จะมีสักกี่คนที่พูดออกและบอกถูกว่าเหตุการณ์ไหนไหลมาจากกรรมอันใดของตน

    ว่า กันถึงเทวดา พวกเราในโลกมนุษย์นี้ มีจำนวนไม่น้อยเลยครับที่สัมผัสพลังต่างมิติด้วยจิต อาจจะได้กลิ่นหอมแปลก อาจจะยินเสียงพิเศษ หรือบางคนอาจเห็นความผิดปกติของเหตุการณ์บางชนิด แล้วทราบทันทีว่าเป็นการแสดงนิมิตด้วยฤทธิ์ของเทวดา

    แต่สัมผัสเทวดา นั้น แม้จริงก็ใกล้เคียงกับอุปาทานมาก เช่น สายลมโชยกลิ่นหอมรื่นอาจเป็นลมธรรมดาที่หอบกลิ่นดอกไม้มากระทบจมูก แต่จิตคุณปรุงแต่งไปว่าไม่เคยได้กลิ่นอย่างนี้มาก่อนที่ไหนในโลก ต้องเป็นกลิ่นทิพย์ของเทวดาแน่ๆ

    ของแบบนี้ถ้าให้แน่จริงต้องมีตา ทิพย์อันคู่ควรกับการเห็นสภาพทิพย์ เมื่อมีตาทิพย์คุณจะพบว่าอากาศว่างหลายๆแห่งไม่ว่างจริง ต้นไม้ใหญ่หลายๆต้นไม่ได้มีแค่กิ่งใบ โลกทิพย์จะปรากฏต่อหน้าโดยไม่ต้องรอให้ได้ยิน ได้กลิ่น หรือได้สัมผัสอะไรแปลกๆเสียก่อนเลยด้วยซ้ำ

    คนในโลกส่วนใหญ่พร้อมจะ เชื่อว่าเหตุการณ์ดีร้ายต่างๆเกิดขึ้นจากความบังเอิญหรือไม่ก็เทวดาบันดาล เพราะไม่ต้องมีตนเองเข้าไปรับผิดชอบเหมือนให้เชื่อว่าเป็นผลจากกรรมเก่าของ ตน

    แม้คนที่ศรัทธากรรมวิบากก็มัก เลือกเชื่อเฉพาะเมื่อเกิดเรื่องดีๆ ว่าเป็นเพราะบุญเก่าของตนบันดาล ส่วนเรื่องร้ายๆของตัวนี่จะหาแพะ เพ่งโทษเอาผิดกับมนุษย์ด้วยกัน

    หรือไม่ก็โบ้ยให้ความบังเอิญและเทวดาเป็นต้นเหตุไป ไม่อยากเชื่อว่าตนเคยทำบาปอันใดไว้ จึงต้องมาเผชิญทุกข์อย่างที่กำลังเป็น


    เมื่อโทษความบังเอิญหรือเทวดา อะไรๆจะอธิบายง่าย ไม่ต้องเหนื่อยพิสูจน์ให้ยาก แค่ทำใจเชื่อก็ใช้ได้แล้ว นึกว่ารู้จริงแล้ว

    และ ด้วยความไม่รู้จริง หรือรู้ครึ่งๆกลางๆนี่เอง เป็นเหตุใกล้ให้คนจำนวนมากเชื่อเรื่องเทวดาประจำตัว เป็นเทวดาประเภทที่คอยประกบติดคุ้มครอง คอยดลใจ หรือกระทั่งคอยดลเหตุการณ์ดีร้ายต่างๆให้เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

    มา ทำความเข้าใจให้ชัดเจนดีกว่าครับ เริ่มกันที่ความจริงอันเป็นต้นเค้า เราต้องทราบว่าเทวดาก็เป็นสัตว์สังคมเช่นเดียวกับมนุษย์ พวกท่านมีเพื่อน มีสามี มีภรรยา มีเจ้านาย มีบริวาร ที่รักและผูกพันกัน

    แม้เมื่อ ญาติมิตรจุติจากสวรรค์ลงมาเกิดในมนุษยโลกแล้ว ก็ยังอาลัยอาวรณ์ อาจคอยสอดส่องดูด้วยความห่วงใย เกรงญาติมิตรของตนจะประสบทุกข์ต่างๆนานา หรือพลาดท่าเสียทีให้กิเลส ทำบาปทำกรรมอันเป็นเหตุให้ต้องพลัดไปสู่อบายภูมิได้


    วิธี สอดส่องของเทวดานั้น ถ้าเทียบให้ใกล้เคียงก็คงคล้ายมนุษย์อาศัยอินเตอร์คอมในการฟังเสียงลูกน้อย จากอีกห้อง หรือใช้กล้องวงจรปิดในการสังเกตพฤติกรรมของฝูงสัตว์เลี้ยงจากที่ไกล

    ต่าง แต่ว่าเหล่าเทวดาส่วนใหญ่มีวิถีการรับรู้อันเป็นทิพย์ รู้เรื่องไกลตัวได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งอุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลาย เพียงด้วยความห่วงใยมีใจผูกพันอาทร ก็จะรู้ขึ้นเองเมื่อเกิดเรื่องร้ายกับญาติมิตรของตนที่ไปเกิดในมนุษยโลก

    เมื่อ เกิดเรื่องร้ายกับญาติมิตรในโลก เทวดาก็หาได้สามารถช่วยเหลือไปหมดทุกเรื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการดลใจ หรือโน้มน้าวจิตของญาติมิตรให้เปลี่ยนจากอกุศลเป็นกุศล

    เช่น เมื่อญาติมิตรกำลังโมโหโกรธาจัดๆ เทวดาก็อาจแผ่เมตตา ช่วยบรรเทาความรุ่มร้อนในจิตใจญาติมิตรให้เยือกเย็นลง ทำนองเดียวกับบรรดาพระภิกษุผู้มีพลังเมตตาสูงๆหลายรูป สามารถรวมตัวกันแผ่กระแสความสุขให้ญาติโยมที่มาประชุมกัน ระงับความทุกข์และความฟุ้งซ่านลงได้ชั่วคราว เพียงเข้ามาอยู่ในละแวกใกล้

    ตัว แปรในการดลใจมีหลายระดับ ขึ้นอยู่กับฤทธิ์ของเทวดาเอง ประกอบกับที่ขณะหนึ่งๆกิเลสหรือวิบากของมนุษย์ห่อหุ้มอยู่หนาแน่นเพียงใด ด้วย หากมนุษย์กำลังโทสะแรงกล้า หรือกำลังมีวิบากมืดคลุมจิตมิดเม้นให้เห็นผิดรุนแรง แม้เทวดาฤทธิ์มากก็ดลใจไม่ไหว

    การดลใจยังมีหลายเหตุผล และไม่จำเป็นต้องเคยเป็นญาติมิตรกันในชาติใกล้เสมอไป เช่น ในมหาปรินิพพานสูตรส่วนที่ว่าด้วยการสร้างเมืองที่ปาฏลิคาม ก็กล่าวไว้โดยใจความสรุปคือ พระพุทธเจ้าตรัสด้วยพระองค์เอง ว่าท่านได้เห็นด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ในการที่เทวดาเป็นอันมากนับเป็นพันๆ หวงแหนพื้นที่เขตต่างๆในปาฏลิคาม

    ๑) เทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่หวงแหนที่ในส่วนใด จิตของพระราชาและมหาอำมาตย์ผู้มีศักดิ์ใหญ่ก็น้อมไปเพื่อจะสร้างนิเวศน์ในส่วนนั้น

    ๒) เทวดาชั้นกลางหวงแหนที่ในส่วนใด จิตของพระราชาและมหาอำมาตย์ ชั้นกลาง ก็น้อมไปเพื่อสร้างนิเวศน์ในส่วนนั้น

    ๓) เทวดาชั้นต่ำหวงแหนที่ในส่วนใด จิตของพระราชาและมหาอำมาตย์ชั้นต่ำ ก็น้อมไปเพื่อสร้างนิเวศน์ในส่วนนั้น


    กล่าว สรุปโดยย่นย่อคือพระพุทธเจ้าทรงยืนยัน ว่าพื้นที่ส่วนต่างๆของโลกไม่เหมือนกัน ถ้าบุญไม่พอก็อยู่ไม่ได้ หรือมีเทวดาดลใจให้ไปอยู่ที่อื่นที่เหมาะกับวาสนาบารมีของแต่ละคน โดยที่เทวดาไม่จำเป็นต้องเป็นเทวดาประจำตัวแต่อย่างใด

    หากคุณมี ประสบการณ์ผ่านเข้าไปในหมู่บ้านโจรที่เล่นไสยศาสตร์มืด ก็คงเคยรู้จักกับกระแสยะเยียบทมิฬชวนขนลุกอย่างประหลาด อันนั้นอาจเป็นคลื่นจิตของวิญญาณชั้นต่ำปนๆกัน ทั้งคนทุศีลและเปรตดุที่อาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน คนดีที่เข้าไปจะเหมือนแกะขาวที่ถูกแกะดำหมั่นไส้ นอนหลับอาจถูกรบกวนด้วยเรื่องน่าขนพองสยองเกล้าเอาได้

    ส่วนถ้าคุณมี ประสบการณ์ผ่านเข้าไปในเขตวัดที่มีอริยเจ้าพำนัก ก็คงเคยรู้จักกับกระแสความอบอุ่นสว่างไสว ปลอดโปร่งราวกับอากาศว่างเบาแผ่ขยายออกไปอย่างไร้ขอบเขต อันนั้นอาจเป็นคลื่นจิตของวิญญาณชั้นสูงปนๆกัน

    ทั้งมนุษย์ทรงศีล ทั้งเทวดาผู้มีพิมานซ้อนกับเขตวัด ทั้งเทวดาบุญญาธิการสูงเหนือโลกที่หมั่นส่งใจลงมาบูชาพระอรหันต์ คนดีไม่พอที่คิดเข้าไปอาศัยวัดหลับนอนหรือปฏิบัติธรรมชั่วคราว อาจถูกกระตุกขาหรือได้ยินอะไรแปลกๆเพื่อเตือนสติให้ขยันขึ้นกว่าเดิม ไม่นอนขี้เซาเหมือนเดิม

    โดยรูปแบบการเตือนนั้นอาจทำให้เกรง แต่ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกสยดสยองพองขนเหมือนตอนเจอวิญญาณชั้นต่ำ

    สรุปคือนอกจากคำว่า ‘เทวดาประจำตัว' ซึ่งคุ้นๆกันแล้ว ยังมี ‘เทวดาประจำที่' อีกด้วย รูปแบบความเกี่ยวข้องกันระหว่างเทวดากับมนุษย์อาจมาทั้งในรูปของการดลใจ การปกป้อง ตลอดจนการสะกิดเตือนตรงๆ

    หาก จู่ๆคุณรู้สึกมึนงง หรือรู้สึกเหมือนถูกบล็อกความคิดให้ตีบตัน โดยเฉพาะขณะต้องทำบุญหรือทำบาปอันขัดแย้งกับตัวตนเดิมมากๆ ก็เป็นไปได้ครับว่ามีความเกี่ยวข้องกับภูตผีปีศาจหรือเทวดานอกตัว

    แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเหตุภายใน เช่น ความบกพร่องทางกาย หรืออาจเป็นความขัดแย้งกับภาวะจิตใจเดิมๆเท่านั้นเอง

    และไม่ว่าจะเชื่อเรื่องภายในหรือภายนอก การฝึกมี ‘สติ' ให้เข้มแข็ง ต้านทานบาป และหันมาต้อนรับบุญทั้งปวง นับเป็นนโยบายอันควรยึดถือเป็นที่สุด

    แถมอีกหน่อยเป็นการทิ้งท้าย
    วิญญาณ ที่ผูกกรรมสัมพันธ์บางอย่างกับมนุษย์ ต้องคอยติดตามมนุษย์นั้นมีอยู่จริง แต่เป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก ระดับหนึ่งในพันหนึ่งในหมื่น คือต้องเป็นเหตุผลพิเศษจริงๆ

    เช่น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอธิษฐานผูกติดกับอีกฝ่าย อำนาจการอธิษฐานที่แรงพอจะทำตัวเป็นเสมือนเชือกโยงให้ต้องติดตามไปทุกหนทุก แห่ง เมื่อหมดกำลังส่งของแรงอธิษฐาน

    หรือเมื่อฝ่ายมนุษย์เปลี่ยนแปลงตนเองเป็นคนละคน ‘เงาตามตัว' ก็จะจำไม่ได้ ต้องหายไปตามหนทางของเขาเองครับ




    ที่มาเว็บบอร์ด พลังจิต ดอทคอม http://dungtrin.com/mag/?9.prepare
     
  15. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351
    สบายดีครับพี่ยา เนี่ยวันอาทิตย์ที่7ก็จะไปปะทะลมหนาวที่ภูกระดึง บุกเดี่ยวอีกเช่นเคย ได้ยินว่าปีนี้หนาวหนักกว่าปีก่อนๆ คาดว่างานนี้มีซักแห้งแน่ๆ ฮ่าๆ
     
  16. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126

    ทำไมไม่เห็นชวนพี่มั้งอะ น่าสนุกออก แต่มันหนาวสุดโคตร สงสัยงานนี้คงไม่อาบน้ำแน่อะ น้องบอม อิอิอิ
     
  17. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    รอคอยน้องบอมกลับมาเล่าให้ฟังจ๊ะ ขอบคุณที่โทรมาบอกพี่อุ้มนะ เป็นห่วงมาก ขอให้กลับมาอย่างปลอดภัย อย่าไปแทะใครแถวนั้นนะจ๊ะ ฮาฮาฮา
     
  18. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    สวัสดี เพื่อนๆสมาชิกทุกท่านห่างหายไปนาน แต่ก็คิดถึงอยู่เสมอ ยุ่งงาน งานหนักมากเลย เลยไม่มีเวลาแล้วก็เดินสายทำบุญกฐิน เดี๋ยวช่วงลอยกระทงก็หมดเทศกาลกฐินแล้ว ถึงตอนนั้นคงมีเวลามากขึ้น นอกจากว่างานจะรัดตัว อยากมีช่วงหยุดบ้างแล้ว จะได้ไปไหนกับเขาบ้าง อิจฉาน้องบอมได้ไปภูกระดึง แล้วดันพึ่งจะมาบอก ไม่ยอมให้ใครร่วมแจมด้วยเลยนิ
     
  19. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    สวัสดีจ๊ะปราง พี่อุ้มอดไปคำชะโนดอีกแล้วอ่ะ เพราะว่างานรัดตัวมากเลย เขาเร่งงานก่อสร้างตึกใหม่ต้องให้เสร็จทันธันวา พี่อุ้มก็เลยขยับไปไหนไม่ได้ดีที่ยังได้หยุดเสาร์อาทิตย์อยู่นะ ไม่งั้นอาจจะเกิดอาการเชิดใส่ แล้วหยุดแบบอย่าได้แคร์ เหมือนน้องบอม น้องบอมหยุดห้าวันไปเที่ยวภู อย่างอิจฉาเลย อิอิอิ
     
  20. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649
    เมือคืนฝันว่ามีคนมากระซิบข้างหูแล้วบอกว่า หลังลอยกระทงคงเจออะไรดีๆเยอะเลยทีนี้ เหล่านาคจะขึ้นเป็นว่าเล่นเลย รู้สึกว่าเวลามันใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว แต่ไม่มีอะไรที่จะต้องไปกลัวสำหรับลูกหลานท่าน

    เล่าความฝันให้ฟัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...