คุณปราถนาพุทธภูมิแบบไหน

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 10 ตุลาคม 2004.

?
  1. ปัญญาธิกะพุทธภูมิ

    0 vote(s)
    0.0%
  2. ศรัทธาธิกะพุทธภูมิ

    0 vote(s)
    0.0%
  3. วิริยะกะพุทธภูมิ

    0 vote(s)
    0.0%
  4. ปราถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า

    0 vote(s)
    0.0%
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    เคยตั้งความปรารถนาขอเข้าพระนิพพานในชาตินี้มาระยะหนึ่ง แต่ก็ได้เปลี่ยนความปรารถนาขอบำเพ็ญบารมีเพื่อพระโพธิญาณนับตั้งแต่ประมาณปี 2549 เป็นต้นมา แต่ก็ยังไม่ทราบว่า ปรารถนาพระโพธิญาณแบบใดกันแน่ จวบจนกระทั่งมาถึงวันนี้ทราบแน่แก่ใจว่า ตนบำเพ็ญบารมีมาในแบบของ "วิริยาธิกะ"


    แต่ไหนแต่ไรมาตั้งแต่จำความได้ในชาตินี้ มีความตั้งใจที่จะเดินตามรอยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เพื่อเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ ด้วยกลัวเหลือเกินว่า หากยังต้องมาเกิดอีกอาจเพลี่ยงพล้ำก้าวลงสู่อบายภูมิได้ เพราะไม่เคยไว้ใจตนเองเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากยังมีโลภะ โทสะ โมหะ ตลอดจนกิเลส และตัณหาอยู่เต็มหัว


    ต่อมามีโอกาสได้พบ อ.ไก่ (คนเมืองบัว) ถามว่า คิดจะลาพุทธภูมิหรือ คงยากหน่อยนะ ตอนนั้นก็ประหลาดใจเหมือนกันว่า เราเคยปรารถนาพระโพธิญาณกับเขาด้วยเหรอ ครั้นกลับมาทบทวนหนังสือของหลวงพ่อหลายๆ เล่มก็ทำให้ทราบว่า ลูกๆ หลานๆ ส่วนใหญ่ที่ติดตามท่านมา 16 อสงไขย กับกำไรแสนกัปนั้น ส่วนมากก็ปรารถนาพระโพธิญาณตามหลวงพ่อกันมาทั้งนั้น


    ถึงกระนั้นก็ตาม ก็ยังมีความมุ่งมั่นว่า จะเข้าพระนิพพานตามหลวงพ่อถึงขนาดไปลาพระโพธิญาณต่อพระประธานในโบสถ์วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน แต่ก็โดนทดสอบกำลังใจเข้าจนได้


    ต่อมาได้พบ อ.อู๋ ก็มาสะกิดเตือนว่า ทำบารมีมานานแล้ว ถ้าลาตอนนี้ก็น่าเสียดาย ถ้าเปรียบเทียบกับเทียนไข ก็ไม่ใช่เทียนเล่มเล็กๆ
    แต่เป็นเทียนพรรษาขนาดใหญ่ หากจะลา ให้ถอยลงไปเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ยังดี (อืม..แนวทางนี้ก็ไม่เลวนะ ใจมันบอกอย่างนั้น)


    จิตใจเริ่มสับสนจะเอายังไงดี เวลาทำบุญทำกุศลก็เกิดอาการลังเล แต่เดิมเคยอธิษฐานเพื่อพระนิพพานในชาตินี้ พอมารู้เรื่องที่เคยปรารถนาพระโพธิญาณเข้าก็อธิษฐานแบบเผื่อเหลือเผื่อขาดคือ ขอปรารถนาพระโพธิญาณด้วยและขอพระนิพพานด้วย เลยทำให้รู้สึกว่า อธิษฐานอย่างนี้มันไม่มุ่งมั่น ไม่เด็ดเดี่ยว ยิ่งคิดยิ่งวุ่นวายใจ ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดีไปปรารภเรื่องนี้กับ พี่มหาหิน ก็ได้รับคำแนะนำว่าให้ไปขอรับคำแนะนำจาก อ.สุรชัย ดู เพราะ อ.สุรชัย มีมโนมยิทธิแจ่มใสและก่อนจะให้คำแนะนำอะไรแก่ใครก็มักจะกราบเรียนถาม "พระ" ก่อนเสมอ


    ครั้นมีโอกาสได้ไปพบ อ.สุรชัย ไปถึงก็ยังไม่ทันได้นั่ง อ.สุรชัยก็พูดขึ้นมาเลยทันทีว่า "เรื่องที่คุณคิดจะลาน่ะ ไม่ต้องลา ขอให้ทำต่อไป" แค่ประโยคแรกที่ อ.สุรชัย บอกมาก็ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่า อ.สุรชัย มีความสามารถจริงเพราะรู้ว่าเราจะถามอะไรก่อนที่เราจะอ้าปากถามด้วยซ้ำ หลังจากนั้นมาก็เริ่มมีความชัดเจนขึ้นว่า ต้องบำเพ็ญบารมีต่อไป


    เมื่ออ่านสิ่งที่เพื่อนๆ สมาชิกผู้ปรารถนาพระโพธิญานหลายๆ คน เขียนเอาไว้ว่า เขาเหล่านั้นได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว เป็นนิยตโพธิสัตว์กันแล้ว ก็บังเกิดความสงสัยแก่ตัวเองว่า ที่ใครๆ เขาว่าเราเคยปรารถนาพระโพธิญาณมานั้น เราเองเคยได้รับพุทธพยากรณ์บ้างหรือยัง แล้วจะไปหาคำตอบได้จากที่ไหน ผู้ที่ให้คำตอบนั้นจะเชื่อถือได้หรือไม่ คำถามเหล่านี้อื้ออึงอยู่ในกระแสความคิดอยู่ตลอดเวลา


    จนกระทั่งในคืนหนึ่งก็ฝันไปว่า ได้กลับไปที่ ธรรมศาสตร์ ไปพบในหลวงท่านลงมาเดินเล่นเพียงลำพังที่ใต้ตึก คณะศิลปศาสตร์ ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา (ขณะนั้นในหลวงทรงพระประชวรและพักรักษาพระวรกายที่ รพ.ศิริราช) ในฝันนั้น ในหลวงทรงนั่งลงกับพื้นและเราก็คลานเข้าไปกราบที่ตักของท่าน ท่านยกมือขึ้นลูบศรีษะของเราแล้วตรัสประโยคสั้นๆ แต่เป็นประโยคที่เสียงดังชัดเจนแจ่มใส จดจำได้อย่างแม่นยำมาจนถึงทุกวันนี้ว่า


    "ในฐานะที่เราเป็นพระมหาโพธิสัตว์ พระท่านฝากมาบอกว่า เคยได้รับพุทธพยากรณ์แล้วนะ"


    เพียงแค่ได้ยินเสียงรับสั่งจากในหลวงแค่นั้น ก็รู้สึกปลาบปลื้มใจ มีกำลังใจ และเชื่อมั่นว่า ตนเองเคยปรารถนาพระโพธิญาณมาอย่างแน่นอน เพราะในประโยคที่ท่านรับสั่งมานั้นมันแฝงไว้ด้วยคำตอบหลายๆ อย่างที่ค้างคาอยู่ในใจ ความรู้สึกลังเลสงสัยต่างๆ นานา มลายหายไปสิ้น นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็ตั้งความปรารถนาเพื่อพระโพธิญาณสืบต่อไป


    ขณะเดียวกันก็ได้รู้จัก หนุ่ม รุ่นน้องในเว็บที่มีความเกี่ยวเนื่องกันมานานแสนนาน มาคอยฉุดกระชากลากถู ทั้งโน้มน้าวทั้งจูงใจ และให้กำลังใจไม่ให้ท้อถอย โดยเล่าเรื่องราวความเป็นมานับถอยหลังไปตั้งแต่ครั้งสมัยที่ สมเด็จพ่อ คือ องค์สมเด็จพระพุทธสิกขี ที่ 1 หรือ สมเด็จองค์ปฐม ท่านบำเพ็ญเพียรสร้างบารมีเพื่อหาทางสู่ความพ้นทุกข์และนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายไปให้พ้นจากทุกข์ ในฐานะที่เป็นลูกชายของท่านในขณะนั้น ก็เดินตามปฏิปทาของท่านเพื่อสืบสานปณิธานอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพ่อ และเพื่อช่วยเหลือมวลสรรพสัตว์ให้ก้าวล่วงพ้นจากวัฎฎะสงสารนี้


    หลายครั้งหลายคราที่รู้สึกท้อแท้ต่อการเกิดเป็นมนุษย์ ร่ำๆ จะลาเสียก็บ่อยครั้ง แต่ก็ได้ หนุ่ม ซึ่งเป็นสหายธรรมมาถีบมาผลักดันให้เกิดมานะและความพากเพียร และก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพ่อ องค์สมเด็จ และครูบาอาจารย์ หลายๆ พระองค์ที่ท่านมาสงเคราะห์สอนธรรมะและให้กำลังใจอยู่เนืองๆ รวมทั้งเปิดเผยความเป็นมาแห่งปฏิปทาในอดีตทั้งมวล จนมีความมั่นอกมั่นใจและมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวเดินต่อไปตามปณิธานเดิมที่ตั้งใจไว้ ยิ่งเมื่อได้ทราบว่าในสมัยที่บรรลุแล้วจะสามารถสอนคนให้ได้อย่างต่ำที่สุดเป็น "พระอนาคามี" ขึ้นไป ยิ่งทำให้เกิดกำลังใจเพิ่มมากขึ้นเพราะมองเห็นถึงประโยชน์ในภายภาคหน้าว่า จะสามารถช่วยรื้อสัตว์ขนสัตว์ขึ้นสู่พระนิพพานได้มาก


    มาถึงวันนี้ ก็พอจะบอกตนเองได้ว่า ตนเองปรารถนาพระโพธิญาณในแบบวิริยาธิกะ




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มีนาคม 2009
  2. Ton_Ton

    Ton_Ton เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,249
    ค่าพลัง:
    +4,750
    ก่อนหน้านี้ผมก็เคยถามสมเด็จองค์ปฐมเรื่องนี้เหมือนกันครับ

    เคยถามท่านว่าถ้าลาพุทธภูมิได้ไหม ท่านไม่ตอบอะไร (รู้สึกว่าท่านไม่ค่อยเห็นด้วย)
    ก็เลยถามท่านว่างั้นเราต้องลุยต่อใช่ไหม ท่านตอบว่าให้ สู้ๆ ครับ

    ตั้งแต่นั้นมาก็เลยตั้งใจว่าต้องทำให้สำเร็จให้ได้

    จริงๆก็เคยพบพุทธภูมิรุ่นพี่ ที่บารีเต็มแล้วมาให้กำลังใจอยู่เนื่องๆ (คือแค่มาให้เห็นทำนองว่าท่านทำได้ทำไมเราจะไม่ทำไม่ได้)

    ทุกวันนี้ผมก็เลยมั่นใจและกล้าประกาศตนว่ากำลังบำเพ็ญพุทธภูมิอยู่ครับ
     
  3. PCO

    PCO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +3,626
    โมทนาสาธุกับคุณ tamsak
    ขอจงบรรลุมรรผลสมความปรารถนาครับ
     
  4. ไห่เฉากุหลาบไฟ

    ไห่เฉากุหลาบไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +2,177
    โดยส่วนตัวแล้วไม่ปรารถนาพุทธภูมิหรือปัจเจกพุทธภูมิ แต่ขอเป็นกำลังใจอย่างยิ่งๆ ทุกท่านในการปรารถนา ในทางนี้
    สู้ต่อไปนะทุกท่านอย่าลานะะ[/S;aa13;aa13IZE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2009
  5. woottipon

    woottipon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2005
    โพสต์:
    11,703
    ค่าพลัง:
    +83,856
    ใครไม่เจอจะไม่รู้อารมที่ขณะกำลังยืนทางสองแพร่งจะต่อหรือจะลาดี โมทนาครับ ที่เลือกเนวทางใดแนวทางหนึ่งได้
     
  6. bcbig_beam

    bcbig_beam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +3,246
    ขอเป็นกำลังใจให้พุทธภูมิทุกท่านสำเร็จสมความตั้งใจ
    ขอโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยทุกประการครับ
     
  7. widya

    widya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,095
    ค่าพลัง:
    +13,214
    สาธุ สาธุ สาธุ ขอโมทนาบุญอันเป็นมหากุศลด้วยครับ
    ขอให้ คุณ " tamsak" สำเร็จสมหวังจิตดังปรารถนาทุกประการครับ <!-- / message -->
     
  8. neung48

    neung48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +457
    มีแบบอื่นให้เลือกอีกป่าว
     
  9. pipat

    pipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    359
    ค่าพลัง:
    +126
    ปัญญาธิกะ ครับ
     
  10. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    โมทนากับท่านพี่ด้วยนะครับ
    เรื่องพยากรณ์ นั้นอยู่ที่ตัวพี่เองนะครับ ถ้าพี่มั่นคงต่อโพธิญาณแล้ว ยังงัยก็ได้ ขน นะครับ
    สำเร็จแล้วมาโปรดผมมั้งนะครับ สาธุๆๆๆ++++++++
     
  11. patวิมุตติ

    patวิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +204
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ tamsak [​IMG]
    เคยตั้งความปรารถนาขอเข้าพระนิพพานในชาตินี้มาระยะหนึ่ง แต่ก็ได้เปลี่ยนความปรารถนาขอบำเพ็ญบารมีเพื่อพระโพธิญาณนับตั้งแต่ประมาณปี 2549 เป็นต้นมา แต่ก็ยังไม่ทราบว่า ปรารถนาพระโพธิญาณแบบใดกันแน่ จวบจนกระทั่งมาถึงวันนี้ทราบแน่แก่ใจว่า ตนบำเพ็ญบารมีมาในแบบของ "วิริยาธิกะ"


    แต่ไหนแต่ไรมาตั้งแต่จำความได้ในชาตินี้ มีความตั้งใจที่จะเดินตามรอยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เพื่อเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ ด้วยกลัวเหลือเกินว่า หากยังต้องมาเกิดอีกอาจเพลี่ยงพล้ำก้าวลงสู่อบายภูมิได้ เพราะไม่เคยไว้ใจตนเองเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากยังมีโลภะ โทสะ โมหะ ตลอดจนกิเลส และตัณหาอยู่เต็มหัว


    ต่อมามีโอกาสได้พบ อ.ไก่ (คนเมืองบัว) ถามว่า คิดจะลาพุทธภูมิหรือ คงยากหน่อยนะ ตอนนั้นก็ประหลาดใจเหมือนกันว่า เราเคยปรารถนาพระโพธิญาณกับเขาด้วยเหรอ ครั้นกลับมาทบทวนหนังสือของหลวงพ่อหลายๆ เล่มก็ทำให้ทราบว่า ลูกๆ หลานๆ ส่วนใหญ่ที่ติดตามท่านมา 16 อสงไขย กับกำไรแสนกัปนั้น ส่วนมากก็ปรารถนาพระโพธิญาณตามหลวงพ่อกันมาทั้งนั้น


    ถึงกระนั้นก็ตาม ก็ยังมีความมุ่งมั่นว่า จะเข้าพระนิพพานตามหลวงพ่อถึงขนาดไปลาพระโพธิญาณต่อพระประธานในโบสถ์วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน แต่ก็โดนทดสอบกำลังใจเข้าจนได้


    ต่อมาได้พบ อ.อู๋ ก็มาสะกิดเตือนว่า ทำบารมีมานานแล้ว ถ้าลาตอนนี้ก็น่าเสียดาย ถ้าเปรียบเทียบกับเทียนไข ก็ไม่ใช่เทียนเล่มเล็กๆ
    แต่เป็นเทียนพรรษาขนาดใหญ่ หากจะลา ให้ถอยลงไปเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ยังดี (อืม..แนวทางนี้ก็ไม่เลวนะ ใจมันบอกอย่างนั้น)


    จิตใจเริ่มสับสนจะเอายังไงดี เวลาทำบุญทำกุศลก็เกิดอาการลังเล แต่เดิมเคยอธิษฐานเพื่อพระนิพพานในชาตินี้ พอมารู้เรื่องที่เคยปรารถนาพระโพธิญาณเข้าก็อธิษฐานแบบเผื่อเหลือเผื่อขาดคือ ขอปรารถนาพระโพธิญาณด้วยและขอพระนิพพานด้วย เลยทำให้รู้สึกว่า อธิษฐานอย่างนี้มันไม่มุ่งมั่น ไม่เด็ดเดี่ยว ยิ่งคิดยิ่งวุ่นวายใจ ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดีไปปรารภเรื่องนี้กับ พี่มหาหิน ก็ได้รับคำแนะนำว่าให้ไปขอรับคำแนะนำจาก อ.สุรชัย ดู เพราะ อ.สุรชัย มีมโนมยิทธิแจ่มใสและก่อนจะให้คำแนะนำอะไรแก่ใครก็มักจะกราบเรียนถาม "พระ" ก่อนเสมอ


    ครั้นมีโอกาสได้ไปพบ อ.สุรชัย ไปถึงก็ยังไม่ทันได้นั่ง อ.สุรชัยก็พูดขึ้นมาเลยทันทีว่า "เรื่องที่คุณคิดจะลาน่ะ ไม่ต้องลา ขอให้ทำต่อไป" แค่ประโยคแรกที่ อ.สุรชัย บอกมาก็ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่า อ.สุรชัย มีความสามารถจริงเพราะรู้ว่าเราจะถามอะไรก่อนที่เราจะอ้าปากถามด้วยซ้ำ หลังจากนั้นมาก็เริ่มมีความชัดเจนขึ้นว่า ต้องบำเพ็ญบารมีต่อไป


    เมื่ออ่านสิ่งที่เพื่อนๆ สมาชิกผู้ปรารถนาพระโพธิญานหลายๆ คน เขียนเอาไว้ว่า เขาเหล่านั้นได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว เป็นนิยตโพธิสัตว์กันแล้ว ก็บังเกิดความสงสัยแก่ตัวเองว่า ที่ใครๆ เขาว่าเราเคยปรารถนาพระโพธิญาณมานั้น เราเองเคยได้รับพุทธพยากรณ์บ้างหรือยัง แล้วจะไปหาคำตอบได้จากที่ไหน ผู้ที่ให้คำตอบนั้นจะเชื่อถือได้หรือไม่ คำถามเหล่านี้อื้ออึงอยู่ในกระแสความคิดอยู่ตลอดเวลา


    จนกระทั่งในคืนหนึ่งก็ฝันไปว่า ได้กลับไปที่ ธรรมศาสตร์ ไปพบในหลวงท่านลงมาเดินเล่นเพียงลำพังที่ใต้ตึก คณะศิลปศาสตร์ ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา (ขณะนั้นในหลวงทรงพระประชวรและพักรักษาพระวรกายที่ รพ.ศิริราช) ในฝันนั้น ในหลวงทรงนั่งลงกับพื้นและเราก็คลานเข้าไปกราบที่ตักของท่าน ท่านยกมือขึ้นลูบศรีษะของเราแล้วตรัสประโยคสั้นๆ แต่เป็นประโยคที่เสียงดังชัดเจนแจ่มใส จดจำได้อย่างแม่นยำมาจนถึงทุกวันนี้ว่า


    "ในฐานะที่เราเป็นพระมหาโพธิสัตว์ พระท่านฝากมาบอกว่า เคยได้รับพุทธพยากรณ์แล้วนะ"


    เพียงแค่ได้ยินเสียงรับสั่งจากในหลวงแค่นั้น ก็รู้สึกปลาบปลื้มใจ มีกำลังใจ และเชื่อมั่นว่า ตนเองเคยปรารถนาพระโพธิญาณมาอย่างแน่นอน เพราะในประโยคที่ท่านรับสั่งมานั้นมันแฝงไว้ด้วยคำตอบหลายๆ อย่างที่ค้างคาอยู่ในใจ ความรู้สึกลังเลสงสัยต่างๆ นานา มลายหายไปสิ้น นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็ตั้งความปรารถนาเพื่อพระโพธิญาณสืบต่อไป


    ขณะเดียวกันก็ได้รู้จัก หนุ่ม รุ่นน้องในเว็บที่มีความเกี่ยวเนื่องกันมานานแสนนาน มาคอยฉุดกระชากลากถู ทั้งโน้มน้าวทั้งจูงใจ และให้กำลังใจไม่ให้ท้อถอย โดยเล่าเรื่องราวความเป็นมานับถอยหลังไปตั้งแต่ครั้งสมัยที่ สมเด็จพ่อ คือ องค์สมเด็จพระพุทธสิกขี ที่ 1 หรือ สมเด็จองค์ปฐม ท่านบำเพ็ญเพียรสร้างบารมีเพื่อหาทางสู่ความพ้นทุกข์และนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายไปให้พ้นจากทุกข์ ในฐานะที่เป็นลูกชายของท่านในขณะนั้น ก็เดินตามปฏิปทาของท่านเพื่อสืบสานปณิธานอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพ่อ และเพื่อช่วยเหลือมวลสรรพสัตว์ให้ก้าวล่วงพ้นจากวัฎฎะสงสารนี้


    หลายครั้งหลายคราที่รู้สึกท้อแท้ต่อการเกิดเป็นมนุษย์ ร่ำๆ จะลาเสียก็บ่อยครั้ง แต่ก็ได้ หนุ่ม ซึ่งเป็นสหายธรรมมาถีบมาผลักดันให้เกิดมานะและความพากเพียร และก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพ่อ องค์สมเด็จ และครูบาอาจารย์ หลายๆ พระองค์ที่ท่านมาสงเคราะห์สอนธรรมะและให้กำลังใจอยู่เนืองๆ รวมทั้งเปิดเผยความเป็นมาแห่งปฏิปทาในอดีตทั้งมวล จนมีความมั่นอกมั่นใจและมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวเดินต่อไปตามปณิธานเดิมที่ตั้งใจไว้ ยิ่งเมื่อได้ทราบว่าในสมัยที่บรรลุแล้วจะสามารถสอนคนให้ได้อย่างต่ำที่สุดเป็น "พระอนาคามี" ขึ้นไป ยิ่งทำให้เกิดกำลังใจเพิ่มมากขึ้นเพราะมองเห็นถึงประโยชน์ในภายภาคหน้าว่า จะสามารถช่วยรื้อสัตว์ขนสัตว์ขึ้นสู่พระนิพพานได้มาก


    มาถึงวันนี้ ก็พอจะบอกตนเองได้ว่า ตนเองปรารถนาพระโพธิญาณในแบบวิริยาธิกะ


    ผมขออนุโมทนากับคุณ tamsak ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  12. หน่อพุทธ

    หน่อพุทธ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +28
    ของผมแบบ วิริยะธิกะ ครับ

    ไปเรื่อยๆครับกะว่าจะเอาแบบล้นๆน่ะครับแต่ไม่ทราบว่าจะทำได้นานหรือเปล่านะครับ
     
  13. บารมี 10

    บารมี 10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +1,072
    - เมื่อปีก่อนหลวงพ่อก็เคยมาเข้าฝันบอกให้ผมลาพุทธภูมิเสีย แต่ผมเองก็ไม่ยอมลา จำได้ว่าในฝันนี่น้ำตาร่วงเลย...ก็คนมันเสียดายนิ ก็ยังดื้อกับหลวงพ่อมาจนปัจจุบันนี้แหละ

    - บางครั้งชนกับความทุกข์จนในใจอยากจะลา แต่พอสวดมนต์บูชาพระ เจริญกรรมฐานเสร็จ ตอนอุทิศส่วนกุศลก็ไม่วายลงท้ายด้วย "ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจัยให้ข้าพเจ้าได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตการนี้เทอญ" เฮ้อ.... จนได้

    - ไม่รู้ต้นทุนตัวเองมีอยู่เท่าไหร่ เคยได้รับพุทธพยากรณ์ไว้หรือไม่ก็ไม่รู้ ใช้ใจที่ศรัทธานี่แหละทำต่อไป
     
  14. หมอมด

    หมอมด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +208
    ..ขอร่วมบุญไปกับหลายๆท่านในนี้ครับ ถ้าผู้ใดถึงฝั่งแล้วก็ขอสงเคราะห์คนข้างหลังด้วยครับ ขอร่วมโมทนาบุญกับทุกท่านที่ปราถนาโพธิญาณในห้องนี้ด้วยครับ....ผมร่วมทางด้วย...
     
  15. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    ปัญญาธิกะครับ และอนุโมทนาบุญบารมีกับทุกท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...