<SPAN>ชมรมขุนแผนระฆังทอง&เจดีย์ทอง หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ (โชว์ภาพและประสบการณ</SPAN

ในห้อง 'ลงประกาศ ซื้อ-ขาย หรือทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย knutch, 8 สิงหาคม 2010.

  1. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    เนื่องจากวันนี้เป็นวันพระได้มีโอกาสตื่นขึ้นมาทำบุญตามรายการด้านล่างนี้ ขออานิสงค์ผลบุญนี้จงสำเร็จประโยชน์แก่เพื่อนๆสมาชิกทุกท่านในกระทู้นี้ ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุข ความเจริญ ปรารถนาสิ่งใดในทางที่ดีที่ชอบ ขอให้สมเร็จสมดังตั้งใจทุกประการค่ะ ขอให้เจริญยิ่งๆขึ้นไปทั้งทางโลกและทางธรรม ขอเชิญทุกท่านร่วมอนุโมทนาบุญ แม้จะเป็นปัตตานุโมทามัย ก็สามารถสำเร็จได้เฉกเช่นได้ทำเองทุกประการ

    1/10/10 (วันพระ)

    - ทำบุญตักบาตรพระภิกษุสงฆ์จากวัดญานสังวรราม จำนวน 8 รูป
    - ทำบุญตักบาตรพระภิกษุสงฆ์และสามเณรจากวัดทรงเมตตาวนาราม 3 รูป
    -
    ไปวัดอัมพาราม ทำบุญใส่บาตรถวายอาหารพระสงฆ์ 16 รูป
    - ถวายดอกไม้ ธูป เทียน พระประธานที่ศาลา
    - หยอดปัจจัยใส่บาตรบำรุงวัด
    - หยอดปัจจัยใส่บาตรบำรุงค่าน้ำ
    - หยอดปัจจัยใส่บาตรบำรุงค่าไฟ
    - หยอดปัจจัยใส่บาตรติดกัณเทศน์
    - ทำบุญติดปัจจัยต้นหางกฐินของวัดอัมพาราม
    - ทำบุญเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี วัดทุ่งกุลาเฉลิมราช จ.ร้อยเอ็ด เป็น กรรมการ 100 บาท

    ขอให้ผลจากทานนี้ ทำให้ข้าพเจ้าสละความโลภ ความโกรธ ความหลงได้โดยง่าย ให้มีทรัพย์สินมหาศาลเป็นทานธารณะ ได้สร้างทานบารมีช่วยเหลืองานสืบทอดพระพุทธศาสนาให้สำเร็จงานแล้วงานเล่า อย่างไม่มีที่ประมาณ และขอให้ผลแห่งทานนี้จงเป็นปัจจัยนำถึงซึ่งพระ นิพพานในชาตินี้ภพนี้เทอญ

    หาก แม้บุญบารมีที่สั่งสมมายังไม่ถึง ไม่สามารถถึงซึ่งพระนิพพานในชาตินี้ภพนี้ ด้วยอำนาจทานที่ข้าพเจ้าทำนี้ แม้ข้าพเจ้าจะบังเกิดในภพชาติใดๆ ขอให้สมบัติเกิดขึ้นมาไหลมาเทมาอย่างคลื่นในมหาสมุทร แล้วให้เอาทรัพย์นั้นมาบำรุงพระสงฆ์องค์เจ้าทั้งแผ่นดิน ใครมาประพฤติปฏิบัติธรรมก็ให้เลี้ยงให้ได้หมด มามากเท่าใด มาเป็นร้อย เป็นล้าน ขอให้เลี้ยงได้หมด พระสงฆ์องค์เจ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมมีมากเท่าไหร่ ให้เลี้ยงให้ได้หมด ให้ได้ช่วยเหลืองานสืบทอดพระพุทธศาสนาสำเร็จงานแล้วงานเล่าทุกชาติทุกภพทุก ภูมิที่ข้าเกิดตราบสู่พระนิพพานเทอญสาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2010
  2. ละม่อม

    ละม่อม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,329
    ค่าพลัง:
    +3,892
    อนุโมทนา สาธุ ขอบคุณมากนะคับที่เอาบุญมาฝาก

    ขอให้พี่มีสุขภาพดี แข็งแรง ดีวันดีคืนนะคับ
     
  3. ละม่อม

    ละม่อม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,329
    ค่าพลัง:
    +3,892
    กะว่าจะตั้ง ชมรมหมีแพนด้าแห่งประเทศไทย แต่ต้องถามพี่ PPond ว่าจะเป็นประธานให้หรือเปล่า อิอิ


    à¸«à¸§à¸±à¸”à¸”à¸µï¿ ทุกคน
     
  4. pacifist2000

    pacifist2000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,402
    ขอโมทนาสาธุครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    ขอบคุณค่ะ น้องละมุน ละม่อม สำหรับคำอวยพร พรใดที่ประเสริฐ พรใดอันล้ำเลิศขอให้สนองกลับร้อยเท่าพันทวีเลยค่ะ
     
  6. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    ขอบพระคุณค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  7. ละม่อม

    ละม่อม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,329
    ค่าพลัง:
    +3,892
    อานิสงส์ของการสร้างวัด

    การสร้างวัด หรือส่วนประกอบของวัด เพื่อถวายพระสงฆ์ที่มาจากถิ่นฐานต่างๆให้เป็นที่พำนักอาศัยที่ปฎิบัติธรรมที่ประกอบกุศลกิจ อันเป็นประโยชน์ต่อผู้ทรงศีล ทรงคุณธรรมนั้นมีอานิสงส์ คือ ผลดีตอบต่อผู้ถวายอย่างยิ่งใหญ่ไพบูลย์


    พระพุทธองค์ ได้ทรงแสดงไว้ ดังนี้

    1. " ผู้ใดให้ที่พักอาศัย ผู้นั้นเชื่อว่าให้สิ่งทั้งปวง " (สังยุตตนิกาย สคาถวรรค)
    2. ผู้ให้ที่พักอาศัย ฯลฯ ย่อมมีบุญเจริญในกาลทุกเมื่อ ทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน เขาตั้งอยู่ในธรรม
    สมบูรณ์ด้วยศีล เป็นผู้ไปสวรรค์ (วนโรปสูตร)
    3. ในวิหารทานกถา พระพุทธองค์ทรงยืนยันให้เห็นชัดเจนว่า การถวายวิหาร(วัด)ที่อยู่อาศัยแกภิกษุสงฆ์ เป็นสมุฏฐานก่อให้เกิดประโยชน์สุข ทั้งผู้รับและผู้ถวาย ซึ่งทรงแสดง อานิสงส์ไว้ว่า
    เป็นยอดของสังฆทาน เป็นปัจจัยให้ประสบความเกษมศานต์ จนบรรลุถึงพระนิพพาน เป็นที่สุด

    ที่มาพลังจิต
     
  8. ละม่อม

    ละม่อม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,329
    ค่าพลัง:
    +3,892
    อานิสงส์กฐินทาน........พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    ต่อไปนี้ จะพูดถึงอานิสงส์กฐิน เอาย่อๆนะ อานิสงส์ในการถวายกฐิน หรือว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายถวายสังฆทาน สังฆทานวันนี้เป็นสังฆทานของกฐิน การถวายสังฆทานทุกอย่างมีผลควบกับกฐิน เพราะเป็นวันของกฐิน ความจริงการทอดกฐิน ไม่ใช่ประเพณีนิยม เป็นพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า ผ้ากฐินทาน จะรับได้ก็ต่อเมื่อถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงกลางเดือน 12 หลังจากนั้น จะทอดขนาดไหนก็ตาม จะไม่เป็นกฐิน ฉะนั้น กฐินมีเวลากาลจำกัด

    ทีนี้ ว่าถึงอานิสงส์กฐิน อานิสงส์กฐินนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเคยเทศน์ และก็เทศน์ตามบาลี ท่านพูดถึงอานิสงส์ให้ทราบ ฉะนั้น การถวายวันนี้ทั้งหมด เมื่อวานก็ดี วันนี้ก็ดี จะเป็นเงินก็ตาม จะเป็นของก็ตาม ถือว่าทุกอย่าง เป็นอานิสงส์กฐิน

    ต่อไปนี้ก็โปรดทราบ จะนำพระสูตรตามที่ท่านกล่าวไว้ในบาลีให้ทราบ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ในสมัยพระองค์เกิดเป็น"มหาทุคคตะ" ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระปทุมมุตระ" เวลานั้น พระพุทธเจ้าของเรา เกิดเป็นคนจนอย่างยิ่ง เป็นทาสของคหบดี เวลานั้น ถอยหลังจากนี้ไป 92 กัป ก็ปรากฏว่า พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า"พระปทุมมุตระ"

    วันหนึ่ง มหาทุคคตะ ไปดูงานทอดกฐินเขา เมื่อเขาทอดกฐินเสร็จ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า บุคคลใด เคยทอดกฐินแล้วในชีวิตหนึ่ง ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพกฐินก็ดี และเป็นบริวารกฐินก็ดี(แต่ว่ากฐินนี้ไม่มีบริวาร มีแต่เจ้าภาพ เพราะเป็นกฐินสามัคคี) จะทำบุญน้อย จะทำบุญมาก มีอานิสงส์เสมอกัน แต่ทว่าปริมาณอาจจะแตกต่างกัน และอานิสงส์กฐินนี่ เวลานั้น พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า

    "โภ ปุริสะ ดูก่อนท่านผู้เจริญ บุคคลใดเคยทอดกฐินไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าตายจากความเป็นคน ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ท่านผู้นั้น จะไปเกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้า 500 ชาติ"!!!!......

    นั่นหมายความว่า ถ้าหมดอายุเทวดา หรือ นางฟ้า จุติแล้วก็เกิดทันที 500 ครั้ง เมื่อบุญหย่อนลงมานิดหน่อย เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นนางฟ้าไม่ได้ ลงมาเป็นมนุษย์ จะเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก 500 ชาติ แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 500 ชาติ แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระมหากษัตริย์ 500 ชาติ หลังจากนั้น จะเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติ!!!!

    คำว่า"มหาเศรษฐี"นี่ มีเงินตั้งแต่ 80 โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า "มหาเศรษฐี" ถ้ามีเงินต่ำกว่า 80 โกฏิ แต่ว่าตั้งแต่ 40 โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า "อนุเศรษฐี"

    เมื่อเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติแล้ว ก็เป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติ หลังจากเป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติแล้ว ก็เป็นคหบดี 500 ชาติ !!!

    ก็รวมความว่า การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า นอกจากจะเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีแล้ว บุคคลที่ทอดกฐินครั้งหนึ่งในชีวิต จะปรารถนาพระโพธิญาณก็ย่อมได้!!!.....นั่นก็หมายความว่า จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนาเป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นมหาสาวกก็ได้ จะปรารถนานิพพานเป็นพระอรหันต์ปกติก็ได้!!!!

    ฉะนั้น การทอดกฐินแต่ละคราว ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท โปรดทราบถึงอานิสงส์ คนที่เคยทอดกฐินแล้วแต่ละครั้ง รวมความว่า ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด คำว่ายากจนเข็ญใจ จะไม่มีแก่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกชาติ!!!

    สำหรับวันนี้ การทอดกฐินมันมี 3 อย่าง ความจริงอานิสงส์กฐินก็ย่อมเป็นอานิสงส์กฐิน แต่ในปัจจุบัน จัดกฐินเป็น 3 อย่าง คือ (1) จุลกฐิน (2) ปกติกฐิน (3) มหากฐิน กฐิน 3 อย่าง ย่อมเป็นเทวดานางฟ้าเหมือนกัน แต่ทว่าจะมีทรัพย์สมบัติมากกว่ากัน

    คำว่า"จุลกฐิน" เวลานี้แปลงไป คงจำของพระพุทธเจ้าไม่ได้ คำว่า"จุลกฐิน" ก็หมายความว่า เขาถวายผ้าโดยเฉพาะชิ้นเดียว คือ ผ้ากฐิน จะเป็นผ้าสังฆาฏิตัวหนึ่งก็ได้ จะเป็นผ้าจีวรตัวหนึ่งก็ได้ สบงตัวหนึ่งก็ได้ ถ้าเราไม่มีทั้งไตร ถวายผ้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็เป็นกฐิน!
     
  9. ละม่อม

    ละม่อม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,329
    ค่าพลัง:
    +3,892
    อานิสงส์สวดมนต์

    การสวดมนต์นั้นมีอานิสงส์ดังนี้

    ๑. สามารถไล่ความขี้เกียจ เพราะขณะสวดมนต์ อารมณ์เบื่อ เซื่องซึม ง่วงนอน เกียจคร้านจะหมดไป และเกิดความแช่มชื่นกระฉับกระเฉงขึ้น

    ๒. เป็นการตัดความเห็นแก่ตัว เพราะในขณะนั้นอารมณ์จะไปหน่วงอยู่ที่การสวดมนต์อย่างตั้งใจ ไม่ได้คิดถึงตัวเอง ความโลภ โกรธ หลง จึงมิได้เกิดขึ้นในจิตตน

    ๓. เป็นการกระทำที่ได้ปัญญา ถ้าการสวดมนต์โดยรู้คำแปล รู้ความหมาย ก็ย่อมทำให้ผู้สวดได้ปัญญาความรู้ แทนที่จะสวดเหมือนนกแก้วนกขุนทองโดยไม่รู้อะไรเลย

    ๔. มีจิตเป็นสมาธิ เพราะขณะนั้นผู้สวดต้องสำรวมใจแน่วแน่ มิฉะนั้นจะสวดผิดท่อนผิดทำนอง เมื่อจิตเป็นสมาธิ ความสงบเยือกเย็นในจิตจะเกิดขึ้น

    ๕. เปรียบเสมือนการได้เฝ้าพระพุทธเจ้า เพราะขณะนั้นผู้สวดมี กาย วาจา ปกติ (มีศีล) มีใจแน่วแน่ (มีสมาธิ) มีความรู้ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า (มีปัญญา) เท่ากับได้เฝ้าพระองค์ด้วยการปฏิบัติบูชา ครบไตรสิกขาอย่างแท้จริง

    และในวิมุตติสูตรได้กล่าวว่า การสาธยายมนต์คือเหตุหนึ่งในวิมุตติ ๕ ประการ (เหตุแห่งวิมุตติ ๕ ประการ คือ การฟังธรรม การเทศน์ การสวดมนตร์สาธยาย และการคิดอย่างแยบคาย ) ดังมีว่า

    ...ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารีผู้อยู่ในฐานะครูบางรูป ก็ไม่ได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ แม้ภิกษุก็ไม่ได้แสดงธรรมเท่าที่ได้สดับ ได้ศึกษาเล่าเรียนมาแก่ชนเหล่าอื่นโดยพิสดาร ก็แต่ว่าภิกษุย่อมทำการสาธยายธรรมเท่าที่ได้สดับ ได้ศึกษาเล่าเรียนมาโดยพิสดาร เธอย่อมเข้าใจอรรถ เข้าใจธรรมในธรรมนั้น ตามที่ภิกษุสาธยายธรรมเท่าที่ได้สดับ ได้ศึกษาเล่าเรียนมาโดยพิสดาร เมื่อเธอเข้าใจอรรถ เข้าใจธรรม ย่อมเกิดปราโมทย์ เมื่อเกิดปราโมทย์แล้ว ย่อมเกิดปีติ เมื่อใจเกิดปีติกายย่อมสงบ ผู้มีกายสงบแล้ว ย่อมได้เสวยสุข เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุแห่งวิมุตติข้อที่ ๓ ซึ่งเป็นเหตุให้จิตของภิกษุผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มี
    ใจเด็ดเดี่ยว ที่ยังไม่หลุดพ้น ย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นไป ย่อมถึงความสิ้นไป หรือเธอย่อมได้บรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะชั้นเยี่ยม ที่ยังไม่ได้บรรลุ

    เรื่องการสวดมนต์ มีบางแห่งกล่าวถึงเหตุผลของการสวดมนต์ไว้ว่า
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=665 height=308><TBODY><TR><TD width=275></TD><TD width=390>

    ๑. เป็นการรักษาธรรมเนียม ประเพณีที่ดีให้คงอยู่
    ๒. เป็นการแสดงความเคารพบูชาพระรัตนตรัย
    ๓. เป็นการเชื่อมสามัคคีในหมู่คณะ ครบไตรทวาร
    ๔. เป็นการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน
    ๕. เพื่อฝึกกายใจให้เข็มแข็งอดทน
    ๖. เพื่อดำรงรักษาเอกลักษณ์ของชาติไทยไว้
    ๗. เพื่ออบรมจิตใจให้สะอาด สงบ สว่าง
    ๘. เพื่อฝึกจิตให้เกิดสมาธิ ไม่ฟุ่งซ่าน
    ๙. เพื่อเป็นการทบทวนพระพุทธพจน์

    และกล่าวถึงประโยชน์ของการไหว้พระสวดมนต์ไว้ว่า...

    ๑. เป็นการเสริมสร้างสติปัญญา
    ๒. เป็นการอบรมจิตใจให้ประณีตและมีคุณธรรม
    ๓. เป็นสิริมงคล แก่ชีวิตตน และ บริวาร
    ๔. เป็นการฝึกจิตใจให้มีคุณค่าและมีอำนาจ
    ๕. ทำให้มีความเห็นถูกต้องตามหลักพุทธศาสนา
    ๖. เป็นการรักษาศรัทธาปสาทะของสาธุชนไว้
    ๗. เท่ากับได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแม้ปรินิพพานแล้ว
    ๘. เป็นเนตติของอนุชนต่อไป
    ๙. เป็นบุญกิริยา เป็นวาสนาบารมี เป็นสุขทางใจ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    ที่มา dhammajak.net
     
  10. ภูวดิท

    ภูวดิท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,050
    ค่าพลัง:
    +8,086
    ต้องให้คุณวุธมาบอกครับว่าเมื่อไหร่ เมื่อวานโทรไปพอดีคุณวุธติดธุระอยู่เลยไม่ได้คุยกัน เห็นว่ามาเอามวลสารที่ระยองด้วยครับ ก็เห็นใจคุณวุธอยู่เหมือนกันเพราะวิ่งหลายเรื่อง อะไรก็ไม่ได้ตามที่หวัง ขอให้รออีกซักหน่อยนะครับ
     
  11. ละม่อม

    ละม่อม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,329
    ค่าพลัง:
    +3,892
    อานิสงส์ของการนั่งสมาธิ

    อานิสงส์ของการนั่งสมาธิ
    อย่างน้อยวันละ 15 นาที(หรือเดินจงกรมก็ได้)

    อานิสงส์
    • เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า
    • เพื่อจิตใจที่สว่างผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ง่าย
    • จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ
    • ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน
    • ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายและจิตแข็งแรง
    • เจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล
     
  12. ละม่อม

    ละม่อม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,329
    ค่าพลัง:
    +3,892
    อานิสงส์ของการสร้างพระ

    คติความเชื่อของพุทธศาสนิกชนเชื่อว่าอานิสงส์สร้างพระได้ชื่อว่าเจริญกรรมฐานข้อพุทธานุสติและเป็นการบูชา
    พระรัตนตรัยสร้างบุญกุศลที่มั่นคงถาวรชั่วนิจนิรันดร์กาลทั้งแก่ตนและแก่บุคคลผู้ร่วมอนุโมทนาสร้างความเจริญ
    รุ่งเรืองให้แผ่ไพศาลไปได้ไกลได้ร่วมกิจกรรมอันจักนำประโยชน์สุขสู่ตนและสู่สังคมฯลฯนอกจากนี้พระสงฆ์ทั้งใน
    อดีตและปัจจุบันแสดงธรรมเทศน์เกี่ยวกับกับอานิสงส์สร้างพระเช่น
    ๑.หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญวัดสะแกจ.พระนครศรีอยุธยาแสดงธรรมไว้ว่าสร้างพระ๑องค์ได้อานิสงส์๕กัปไม่ว่า
    เล็กหรือใหญ่สร้างด้วยอะไรก็ตามหมายความว่าบุญกุศลจะตามหนุนส่งท่านไปทุกภพทุกชาตินานถึง๕กัป
    ๒.หลวงพ่อพระราชพรหมยานหรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุงจ.อุทัยธานีกล่าวว่า "การสร้างสมเด็จองค์ปฐมทำ
    ได้ยากคือว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต้นพระพุทธเจ้าทั้งหมดการสร้างองค์ปฐมนี้ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่โดยใช้บัญชี
    สี่ทองเป็นทองคำล้วนทั้งเล่มจดบันทึก (เป็นอีกเล่มหนึ่งจากที่จดธรรมดา)ก็แสดงว่า
    คนที่จะสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมได้นี้ต้องเป็นคนมีบุญมากและไปนิพพานได้เร็วมาก"
    ๓.หลวงพ่อขอมวัดไผ่โรงวัวจ.สุพรรณบุรีเคยแสดงธรรมไว้ว่าผู้ใดสร้างรูปพระพุทธเจ้าจะเป็นองค์เล็กเท่าต้นคา
    ก็ดีใหญ่กว่าต้นคาก็ดีผู้นั้นจะได้เป็นพรหมเป็นอินทร์หมื่นชาติแสนชาติถ้าเป็นมนุษย์จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
    หมื่นชาติแสนชาติจะไม่เป็นผู้ตกต่ำเลยตราบจนกว่าเข้าสู่นิพพาน
    ๔.พระครูพัฒนกิจจานุรักษ์หรือครูบาชัยยะวงศาพัฒนาวัดพระพุทธบาทห้วยต้มจ.ลำพูนเคยแสดงธรรมไว้ว่าการ
    สร้างพระเปรียบได้กับธนาคารบุญซึ่งจะเกิดบุญกุศลกับผู้ที่มีส่วนในการสร้างโดยบุญกุศลนั้นจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่
    มีผู้มากราบไหว้สักการบูชาเท่ากับจำนวนคนและจำนวนครั้ง
    ๕.พระธรรมสิงหบุราจารย์หรือหลวงพ่อจรัญฐิตธัมโมวัดอัมพวันจ.สิงห์บุรีเคยแสดงธรรมไว้ว่าการที่ผู้สร้างพระพุทธรูป
    เกิดศรัทธาจนถึงสละเงินออกมาสร้างพระพุทธรูปได้และออกมาทำทานในงานฉลองพระพุทธรูปได้ชื่อว่าเป็นผู้มี
    "ความเห็นตรงเห็นถูกแท้" เพราะเป็นบุญของตนเองไม่ใช่บุญของใครเลยผู้สร้างพระพุทธรูปชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาท
    ชื่อว่าเป็นผู้เตรียมตัวก่อนตาย​

    <!-- google_ad_section_end --> ที่มา tanuluck.com
     
  13. ละม่อม

    ละม่อม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,329
    ค่าพลัง:
    +3,892
    อานิสงส์ของการกรวดน้ำ

    การกรวดน้ำนั้น มีมาก่อนครั้งพุทธกาล เช่น พระเวสสันดรยกสองกุมาร คือ กัณหาและชาลีให้แก่ชูชก ก็ด้วยการหลั่งน้ำใส่มือชูชก ยกนางมัทรีให้แก่พระอินทร์ที่แปลงเป็นพราหมณ์ ก็ใช้วิธีหลั่งน้ำคือ กรวดน้ำ แทนการยกให้ เพราะของบางอย่าง เราไม่สามารถให้ได้ด้วยมือ ก็ใช้วิธีหลั่งน้ำใส่มือผู้ขอ หรือกรวดน้ำลงบนแผ่นดิน เพื่ออุทิศให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว ด้วยการฝากแม่ธรณีให้ช่วยนำ อานิสงส์ไปให้ อนึ่ง ก็เท่ากับให้แม่ธรณี เป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศลของเราอีกด้วย ดังเช่น ในสมัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญบารมีเพื่อบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ ในวันเพ็ญเดือน 6 ทรงตั้งสัตยาธิษฐานณ รัตนบัลลังก์ใต้ต้นโพธิ์ว่า แม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พระองค์ไม่ยอมลุกจากที่นั่ง จนกว่าจะตรัสรู้ ถึงแม้จะอดตายในที่นี้ก็ยอม เหล่าเทพยดาได้ยินสัตยาธิษฐาน ก็พากันชื่นชมโสมนัสยินดีปรีดาชวนกันเผ้ารอพระมหาบุรุษ เพื่อจะได้สักการบูชา หากพระองค์ได้ตรัสรู้ จนเต็มขอบฟ้าจักรวาล ฝ่ายพญามารได้ยินมหาบุรุษตั้งสัตยาธิษฐานก็สะดุ้ง คิดว่าเจ้าชายสิทธัตถะจะพ้นจาก
    อำนาจแห่งตน เพราะการบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณในวันนี้ จึงเกณฑ์หมู่เสนามารยกทัพมาเพื่อจะขัดขวางในการบำเพ็ญบารมี โดยมีพญามารขี่ข้างนำหน้ามาเหล่าเทพยดาทั้งหลายเห็นพญามารยกทัพมาก็สะดุ้งตกใจกลัวอำนาจพญามารพากันหนีไปก่อน
    ที่พญามารจะมาถึง พญามารมาถึง ก็สั่งให้เหล่าเสนามารห้อมล้อมเพื่อจะประกาศศักดานุภาพของตน ให้พระมหาบุรุษสะดุ้งตกใจกลัว ครั้นเมื่อไม่เห็นพระองค์ทรงหวั่นไหว จึงสั่งให้หมู่เสนามารรุกทำร้าย พุ่งอาวุธเข้าใส่ แต่อาวุธทั้งหลายไม่อาจทำอันตรายกลับกลาย
    เป็นบุปผามาลัยบูชาพระมหาบุรุษ เมื่อพญามารไม่อาจทำร้ายได้ จึงกล่าวว่า "ดูก่อนสิทธัตถะ บัลลังก์นี้เกิดขึ้นด้วยบุญของเรา ท่านเป็นผู้ไม่มีบุญสมควรจะนั่ง จงลุกไปเสีย" พระมหาบุรุษตรัสตอบว่า "ดูก่อนพญามาร บัลลังก์นี้เกิดขึ้นด้วยบุญที่เรา
    ได้บำเพ็ญมานับประมาณหามิได้ เราผู้เดียวเท่านั้นที่สมควรนั่ง" พญามารกล่าวคัดค้านว่า "ท่านกล่าวคำไม่เป็นจริง ท่านมีใครเป็นพยาน" พระมหาบุรุษทรงดำริ "ในที่นี้มีแต่หมู่เสนามาร ไม่มีใครหาญกล้ามาเป็นพยานได้" จึงทรงตั้งสัตยาธิษฐานว่า "ดูก่อน แม่นางธรณีเอ๋ยเธอจงมาเป็นพยานในการบำเพ็ญกุศลของอาตมาในกาลบัดนี้เถิด" แม่นางธรณีไม่อาจจะอยู่นิ่งได้ จึงแทรกปฐพีขึ้นมาปรากฏกาย ทำอัญชลีอภิวาทพระมหาบุรุษแล้วก็ประกาศให้พญามารทราบว่า "พระมหาบุรุษเมื่อยังเป็นพระโพธิสัตว์ ได้บำเพ็ญบุญมามากมายตลอดกาล เหลือที่จะประมาณได้ แม้แต่น้ำที่หลั่งลงบนมวยผมของข้าพเจ้าก็เหลือที่จะคณานับ" ครั้นกล่าวจบ ก็เอามือปล่อยมวยผมบีบน้ำที่กรวดสะสมไว้เป็นอเนกชาติให้หลั่งไหลออกมากลายเป็นทะเลหลวง กระแสน้ำจึงซัดพัดพาเอาพญามารและหมู่เสนามาร ลอยไปจนสุดขอบฟ้าจักรวาล พญามารตกตะลึงด้วยความอัศจรรย์ใจ จนเกิดความกลัวภัยพนมมือนมัสการ เปล่งคำสรรเสริญในบุญบารมี ยอมรับความปราชัย แล้วรีบอันตรธานหนีหายไปจากที่นั้นด้วย
    ความกลัวโดยเร็วฉะนั้น การทำบุญเราจึงมักนิยมกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ให้แก่ผู้ที่เราตั้งใจทำบุญอุทิศให้อีกอย่างหนึ่ง ก็ใช้น้ำนั้นเป็นสื่อความหมายของสิ่งของที่เราอุทิศการที่เอาน้ำที่กรวดแล้วใส่ภาชนะไปรดต้นไม ้ก็เปรียบเสมือนหนึ่งเราเอาสิ่งของไปไว้ในที่อันควร เพื่อไม่ให้ใครมาเหยียบย่ำสิ่งนั้นนั่นเอง และการกรวดน้ำก็นิยมที่จะกรวดในวันนั้น เพื่อกันลืม ทีนี้หากเราจะไม่กรวดน้ำ เราก็ใช้อธิษฐานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลก็ได้เหมือนกัน ซึ่งเรามักเรียกกันว่า กรวดน้ำแห้ง อุทิศด้วยใจไม่ต้องใช้น้ำ แต่ส่วนมากไม่ค่อยจะนิยม เพราะถึงจะอธิษฐานอุทิศแล้วก็ตาม เมื่อกลับถึงบ้านก็ยังนำน้ำมากรวดอยู่ การนำเรื่องการสร้างบุญทำกุศลแล้วต้องกรวดน้ำมาอธิบายให้รู้ถึงมูลเหตุที่พระพุทธองค์ทรงชนะมาร ด้วยบารมีที่พระพุทธองค์ได้
    ทรงบำเพ็ญเป็นอเนกชาติโดยการหลั่งน้ำ (กรวดน้ำ) ลงบนแผ่นดิน (ธรณี) ทุกครั้ง เหมือนหนึ่งให้แม่ธรณี
    รับรู้และเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญมาทุกชาติ เพื่อให้ชาวพุทธเราเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายในการกรวดน้ำ



    [​IMG]


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=732 height=237><TBODY><TR><TD width=363>บทกรวดน้ำอิมินา

    อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อุปัชฌายา คุณุตตะรา
    อาจริยูปะการา จะ มาตาปิตา จะ ญาตะกา ปิยา มะมัง
    สุริโย จันทิมา ราชา คุณะวันตา นะราปิ จะ
    พรัหมะมารา จะ อินทา จะตุโลกะปาลา จะ เทวะตา
    ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ มัชฌัตตา เวริกาปิ จะ
    สัพเพ สัตตา จะ สุขี โหนตุ ปุญญานิ ปะกะตานิ เม
    สุขัง จะ ติวิธัง เทนตุ ขิปปัง ปาเปถะ โว มะตังฯ
    อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อิมินา อุททิเสนะ จะ
    ขิปปาหัง สุละเภ เจวะ ตัณหุปาทานะ เฉทะนัง
    เย สันตาเน หินา ธัมมา ยาวะ นิพพานะโต มะมัง
    นัสสันตุ สัพพะทา เยวะ ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว
    อุชุจิตตัง สะติปัญญา สัลเลโช วิริยัมหินา
    มารา ละภันตุ โนกาสัง กาตุญจะ วิริเยสุ เม
    พุทธาทิปะวะโร นาโถ ธัมโม นาโถ วะรุตตะโม
    นาโถ ปัจเจกะพุทโธ จะ สังโฆ นาโถตตะโร มะมัง
    เต โสตตะมานุภาเวนะ มาโรกาสัง ละภันตุ มาฯ
    </TD><TD vAlign=center width=369 align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    เราได้ทราบถึงที่มาของการกรวดน้ำพร้อมอานิสงส์ที่จะได้รับไปแล้ว เพื่อให้ครบถ้วนกระบวนความจึงควรทราบความหมาย
    ของบทกรวดน้ำด้วย มิใช่ท่องแบบนกแก้วนกขุนทองให้ใครเขาหัวร่อเยาะ ดังนั้นจึงขอนำความหมายของบทกรวดน้ำมาเสนอให้
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=702 height=301><TBODY><TR><TD width=412>กรวดน้ำอิมินา (แปล)

    อิมินา ปุญญะกัมเมนะ ด้วยบุญนี้อุทิศให้
    อุปัชฌายา คุณุตตะรา อุปัชฌาย์ผู้เลิศคุณ
    อาจริยูปะการา จะ มาตาปิตา และอาจารย์ผู้เกื้อหนุน
    จะ ญาตะกา ปิยา มะมัง ทั้งพ่อแม่แลปวงญาติ
    สุริโย จันทิมา ราชา สูรย์จันทร์และราชา
    คุณะวันตา นะราปิ จะ ผู้ทรงคุณหรือสูงชาติ
    พรัหมะมารา จะ อินทา จะ พรหมมารและอินทราช
    โลกะปาลา จะ เทวะตา ทั้งทวยเทพและโลกบาล
    ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ ยมราชมนุษย์มิตร
    มัชฌัตตา เวริกาปิ จะ ผู้เป็นกลาง ผู้จ้องผลาญ
    สัพเพ สัตตา จะ สุขี โหนตุ ขอให้เป็นสุขศานติ์ทุกทั่วหน้าอย่าทุกข์ทน
    ปุญญานิ ปะกะตานิ เม บุญผองที่ข้าฯ ทำจงช่วยอำนวยศุภผล
    สุขัง จะ ติวิธัง เทนตุ ให้สุขสามอย่างล้น
    ขิปปัง ปาเปถะ โว มะตังฯ ให้ลุถึงนิพพานพลัน
    อิมินา ปุญญะกัมเมนะ ด้วยบุญนี้ที่เราทำ
    อิมินา อุททิเสนะ จะ และอุทิศให้ปวงสัตว์
    ขิปปาหัง สุละเภ เจวะ เราพลันได้ซึ่งการตัด
    ตัณหุปาทานะ เฉทะนัง ตัวตัณหาอุปาทาน
    เย สันตาเน หินา ธัมมา สิ่งชั่วในดวงใจ
    ยาวะ นิพพานะโต มะมัง กว่าเราจะถึงนิพพาน
    นัสสันตุ สัพพะทา เยวะ มลานสิ้นจากสันดาน
    ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว ทุกๆภพที่เราเกิด
    อุชุจิตตัง สะติปัญญา มีจิตตรงและสติทั้งปัญญาอันประเสริฐ
    สัลเลโข วิริยัมหินา พร้อมทั้งความเพียรเลิศเป็นเครื่องขูดกิเลสหาย
    มารา ละภันตุ โนกาสัง โอกาสอย่าพึงมีแก่หมู่มารสิ้นทั้งหลาย
    กาตุญจะ วิริเยสุ เม เป็นช่องประทุษร้ายทำลายล้างความเพียรจม
    พุทธาทิปะวะโร นาโถ พระพุทธผู้บวรนาถ
    ธัมโม นาโถ วะรุตตะโม พระธรรมที่พึ่งอุดม
    นาโถ ปัจเจกะพุทโธ จะ พระปัจเจกพุทธสม
    สังโฆ นาโถตตะโร มะมัง พบพระสงฆ์ที่พึ่งผยอง
    เต โสตตะมานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพนั้น
    มาโรกาสัง ละภันตุ มาฯ อย่าเปิดโอกาสให้แก่มารทั้งหลายเทอญ
    </TD><TD vAlign=center width=290 align=middle>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา พลังจิต
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • FCD.jpg
      FCD.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.4 KB
      เปิดดู:
      285
  14. b_wanlop

    b_wanlop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +1,888

    รอได้ครับ ไม่ได้เร่งร้อนอะไรหรอกครับ

    กลัวว่าเว้นไปหลายวัน แล้วดันไม่ได้เข้าเวบช่วงเปิดจองพอดี

    ให้กลังใจคุณวุธและสมาชิกครับ
     
  15. Maha Jakkraput sutta

    Maha Jakkraput sutta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +915
    อนุโมทนาบุญครับผม:VO
     
  16. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    สาธุ ขอบคุณ ขอให้ได้บุญด้วยกันเจ้าค่ะ
     
  17. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    ว่าแต่รูปภาพประกอบเนี่ยยยย ฮามากเลยนะครับคุณละม่อม 555555(^_^)
     
  18. บุราณไทย

    บุราณไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +1,206
    สวัสดีครับยามบ่าย นอนกลางวันพึ่งตื่นจิบกาแฟ สบายฯ แฮะฯฯ มีงานบุญที่ไหนรึครับเห็นคุยถึงอนิสงค์ผลบุญกันขนาด แฮะฯฯ
     
  19. บุราณไทย

    บุราณไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +1,206
    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! อายะสัมปทา หรือทาน จะมีผลมากอานิสงส์ไพศาล ถ้าประกอบด้วยองค์หก กล่าวคือ
    1. ก่อนให้ ผู้ให้ก็มีใจก็ผ่องใส ชื่นบาน <O:p></O:p>
    2. เมื่อกำลังให้ จิตใจก็ผ่องใส <O:p></O:p>
    3. เมื่อให้แล้ว ก็มีความยินดี ไม่เสียดาย <O:p></O:p>
    4. ผู้รับเป็นผู้ปราศจากราคะหรือปฏิบัติเพื่อปราศจากราคะ <O:p></O:p>
    5. ผู้รับเป็นผู้ปราศจากโทสะ หรือปฏิบัติเพื่อปราศจากโทสะ <O:p></O:p>
    6. ผู้รับเป็นผู้ปราศจากโมหะ หรือปฏิบัติเพื่อปราศจากโมหะ <O:p></O:p>
    ภิกษุทั้งหลาย ทานที่ประกอบด้วยองค์หกนี้แล เป็นการหายากที่จะกำหนดผลแห่งบุญว่ามีประมาณเท่านั้นเท่านี้ อันที่จริงเป็นกองบุญใหญ่ที่นับไม่ได้ ไม่มีประมาณ เหลือที่จะกำหนด เหมือนน้ำในมหาสมุทรย่อมกำหนดได้โดยยาก ว่ามีประมาณเท่านั้นเท่านี้
     
  20. nudjinnong

    nudjinnong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,161
    ค่าพลัง:
    +3,012
    อนุโมทนาครับพี่อุ้ม สวัสดีพี่ม่อม พี่PPond พี่Norragate พี่บุราณไทย
    และพี่ๆทุกท่านด้วยนะครับ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...