เพื่อการกุศล ขอเชิญร่วมบุญบูชาพระอุปคุต รูปหล่อ ลป.ญาท่านสวน 3-5" เหรียญบาตรน้ำมนต์ เหรียญ 2 ด้าน

อ่านแล้วเกิดขนลุกขึ้นทันทีเลยค่ะ

ขอบคุณพี่หนูที่มาเล่าให้ฟังนะคะ ติดตามตอนต่อไปค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับพี่ชัยวิทย์และทุกท่านด้วยนะคะ สาธุ

 

ด้วยความยินดีค่ะ... รับรองว่าน้องเบสท์จะไม่ผิดหวังค่ะ...

 

ต่อค่ะ

หลังจากนั้นพี่ชัยวิทย์ได้พาภรรยาไปกราบท่านที่วัด วันนั้นไปถึงช่วงเช้าพอดี มีชาวบ้านนำอาหารมาถวายท่านมากหลายคน จากนั้นทั้งชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหาก็นั่งสนทนากับท่าน เมื่อพี่ชัยวิทย์ไปถึงจึงเข้าไปนั่งหลังสุด ในขณะที่หลวงปู่คัมภูมีสนทนากับลูกศิษย์ลูกหาอยู่นั้น สายตาของท่านกลับจ้องมองพี่ชัยวิทย์อยู่ตลอดเวลา ท่านจ้องจนภรรยาพี่ชัยวิทย์ที่นั่งอยู่ข้างๆกระซิบบอกเบาๆว่าทำไมหลวงปู่ท่านจ้องมองเธอตลอดเวลาอย่างกับคนเคยรู้จักันมาก่อน พี่ชัยวิทย์นั่งรอจนญาติโยมกลับกันหมดแล้วจึงได้เข้าไปกราบท่านใกล้ๆ ท่านได้เมตตานั่งสนทนากับพี่ชัยวิทย์เป็นเวลานานมาก ท่านได้เล่าถึงประวัติชีวิตความเป็นมาของท่านก่อนที่จะมาบวชให้ฟัง ตอนนั้นพี่ชัยวิทย์มีความรู้สึกผูกพันกับท่านมาก่อน จากนั้นท่านก็ให้ตักน้ำมาคนละถังแล้วก็ทำน้ำมนต์ให้อาบ
ทั้งพี่ชัยวิทย์และภรรยาได้นอนค้างที่วัดและในคืนนั้นพี่ชัยวิทย์ก็ได้นั่งสนทนากับท่านและได้ขอให้ท่านเทศนาให้ฟัง ท่านได้ชี้ไปยังกลุ่มวัยรุ่นที่มากับพ่อแม่ 4-5 คน ซึ่งมีอายุประมาณ 20 ปี ท่านบอกว่า "เขาไม่พร้อม" คำพูดประโยคนั้นทำให้พี่ชัยวิทย์เข้าใจทันทีว่าถึงแม้เราพร้อมแต่คนอื่นยังพูดคุยคึกคะนองปากตามประสาวัยรุ่นที่ไม่สังวรสำรวมแล้วจะทำให้บุคคลเหล่านี้มีบาปมหันต์

พี่ชัยวิทย์รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ฟังเทศน์จากท่าน แต่ก็ได้สนทนาเรื่องอื่นๆยิ่งทำให้เกิดความผูกพันกับท่านมากขึ้นจนในที่สุดพี่ชัยวิทย์จึงได้กราบถวายตัวเป็นลูกบุญธรรมของท่าน ในขณะที่ได้ถวายตัวต่อท่านนั้น ต่างคนก็ต่างนิ่ง ท่านนั่งนิ่งอยู่นานแล้วจึงหันหน้ามายิ้มพยักหน้าแล้วบอกว่า "บอกแล้วก็แล้วไป" จากนั้นพี่ชัยวิทย์จึงกราบเรียนท่านว่า "ในอนาคตภายภาคหน้าผมจะขออนุญาตวาดรูปหรือสร้างรูปหลวงปู่นะครับ" ท่านพยักหน้าบอกว่า "อนุญาต... แต่คนอื่นหลวงปู่ไม่อนุญาตนะ... เพราะเคยมีคนมาขอเอารูปหลวงปู่ไปขยายให้ใหญ่ขึ้น หลวงปู่บอกว่าแค่นี้ก็พอแล้วไม่ต้องไปขยาย แต่มันก็ไม่เชื่อ... ผลปรากฏว่ามันยิ่งขยาย รูปมันยิ่งเล็กลง"

การไปกราบหลวงปู่คัมภูมีในครั้งนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของพี่ชัยวิทย์ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่และได้ไปกราบสังขารท่านอีกครั้งหนึ่งตอนที่ท่านมรณภาพ ในวันเผาพระศพของท่านพี่ชัยวิทย์ได้นั่งเฝ้ากองฟอนท่านตลอดทั้งคืน

สิ่งที่ทำให้พี่ชัยวิทย์ยังติดใจเสียมิได้ที่ตนเองไม่มีบุญวาสนาได้ฟังเทศน์จากท่าน มันยังมีความรู้สึกคั่งค้างอยู่ในใจมานาน ช่วงเวลา 12 ปีพี่ชัยวิทย์ไม่เคยไปวัดป่าศรัทธาธรรมนิมิตรอีกเลย จนในที่สุดเมื่อปี 2547 พี่ชัยวิทย์ได้โทรไปหาพี่นักปฏิบัติท่านหนึ่งที่นับถือ ซึ่งเป็นคนจนที่ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ที่ไม่มีอันจะกิน จนมากถึงขนาดไม่มีเสื้อผ้าใส่ แม้กระทั่งรองเท้าก็ต้องไปเก็บรองเท้าฟองน้ำที่ชาวบ้านเขาทิ้งแล้วหาเชือกปอมาร้อยแทนสายมาใส่ แต่ท่านมีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาและต่อหลวงปู่คัมภูมี จนในที่สุดสามารถเป็นผู้นำในการสร้างวัดป่าศรัทธาธรรมนิิตรได้สำเร็จ

ช่วงเวลา 12 ปีพี่ชัยวิทย์ไม่เคยติดต่อกับพี่ท่านนี้เลย คำแรกที่พี่ชัยวิทย์ถามออกไปเมื่อตอนโทรไปหาคือ "พี่แอ๊ดจำผมได้ไหม" และได้ยินเสียงตอบกลับมาอย่างทันควันว่า "จำได้... ยังคิดถึงอยู่ตลอดเวลา" หลังจากได้ถามสารทุกข์สุกดิบกันแล้วพี่ชัยวิทย์ได้บอกกับพี่แอ๊ดว่า "ผมเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้ฟังเทศน์จากหลวงปู่คัมภูมีเลย ท่านก็ด่วนจากเราไปเสียแล้ว" พี่แอ๊ดตอบกลับมาว่า "ไม่ต้องเสียใจหรอก... คำเทศนาของหลวงปู่พี่ได้จดบันทึกไว้แล้วตามคำบอกของท่าน แล้วจะส่งไปให้นะ... และถ้าเป็นไปได้พี่ก็อยากให้ชัยวิทย์จัดเรียบเรียงพิมพ์ขึ้นมาเพื่อเผยแพร่เป็นวิทยาทานให้กับบุคคลอื่นทั่วไปได้ศึกษา" เมื่อพี่ชัยวิทย์ได้ยินอย่างนั้น สิ่งที่เคยน้อยอกน้อยใจเสียใจที่ไม่ไ้ด้ฟังเทศน์จากหลวงปู่มันก็หายมลายสิ้น ยังความปลาบปลื้มปิติที่หลวงปู่ท่านยังเมตตาให้ลูกบุญธรรมคนนี้มีโอกาสได้รับธรรมะจากท่านแม้ท่านจะละสังขารไปนานแล้วก็ตาม

มีต่ออีกค่ะ.....................<!-- google_ad_section_end -->

 

เข้ามาปูเสื่อรอฟังค่ะ

 

เหอๆ..มาติดตามและให้กำลังใจครับศิษย์พี่

 

ขอขอบคุณน้องเบสท์และศิษย์น้องค่ะ... หาส้มตำและไก่ย่างมากินด้วยนะคะ... จะได้มีรสชาดในการฟังค่ะ ^^

 

ต่อค่ะ

การทำบุญทุกประเภทถ้าหากได้กระทำต่อพระอริยสงฆ์ผู้ทรงศีลบริสุทธิ์แล้วอานิสงส์จะบังเกิดอย่างมากมายมหาศาล... อย่างเช่นเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่คัมภูมีที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ

"หลวงปู่คัมภูมี อัตถาคาโม แห่งวัดป่าศรัทธาธรรมนิมิตร อ.เรณูนคร นครพนม" ซึ่งพี่ชัยวิทย์ได้ถวายตัวเป็นลูกบุญธรรมของท่าน ก่อนที่ท่านจะย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งมีความศรัทธาจะสร้างวัดขึ้นเพื่อขอให้ท่านมาจำพรรษาอยู่ที่นี่ ตอนแรกท่านก็ไม่รับปากแต่ชาวบ้านกลุ่มนี้มีศรัทธาอย่างแรงกล้าโดยมี "พี่แอ๊ด" (จากเรื่องที่แล้ว) ซึ่งมีฐานะยากจนมากแต่มีจิตศรัทธาบริจาคที่ดินถึง 6 ไร่เพื่อสร้างวัดแห่งนี้ ถึงแม้จะเป็นเพียงชาวบ้านกลุ่มเล็กๆแต่ทุุกคนก็มีศรัทธาได้ร่วมแรงร่วมใจกันบริจาคเงินปัจจัยเพื่อซื้ออุปกรณ์และอิฐหินดินทรายต่างๆ ส่วนแรงงานก็ก่อสร้างกันเอง ทำกันอย่างหามรุ่งหามค่ำไม่หยุดไม่หย่อน จนกุฏิ ศาลา ถนนทางเดินจงกรมเสร็จสำเร็จภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

วันหนึ่งในช่วงที่กำลังก่อสร้างกันอยู่นั้นได้มีเสี่ยคนหนึ่งขับรถบรรทุกปูนมา 20 ถุงเพื่อจะนำมาถวายท่าน... ท่านได้บอกเสี่ยคนนั้นว่า "เอาไปให้บักแอ๊ดโน่น... มันเป็นวัดของบักแอ๊ด...ไม่ใช่วัดของกู" เมื่อเสี่ยคนนั้นได้ยินเช่นนั้นแล้วกลับไม่เกิดปัญญาและไม่เข้าใจความหมายที่ท่านพูด จึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟโมโหขนปูนขึ้นรถกลับไปอย่างเร็ว

หลวงปู่คัมภูมีท่านหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า "ดูสิ... มันมาถึงที่แล้วแท้ๆ... แต่มันกลับไม่รู้อะไร... แค่กูเหลียวไปมองปูนที่มันเอามา... บุญมันกินไปอีก 1,000 ชาติก็ยังไม่หมด" นี่คือคำพูดที่สื่อให้รู้ว่าการทำบุญกับพระอริยสงฆ์ผู้ทรงศีลบริสุทธิ์นั้นมีอานิสงส์ผลบุญมากมายมหาศาลเพียงใด

"หลวงปู่ญาท่านสวน" ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ซึ่งได้สำเร็จเป็น "พระอรหันต์" แล้ว จึงถือเป็นความโชคดีและเป็นสิริมงคลกับชีวิตของพวกเราอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมทำบุญกับท่าน อานิสงส์ผลบุญที่จะได้รับนั้นคุ้มค่ากับปัจจัยทีุ่ทุกท่านยอมสละมาร่วมเพื่องานบุญกับท่านแน่นอนค่ะ

 

ร่วมทำบุญสร้างพระธาตุ

กระผมขอจอง
1.พระอุปคุต 5 นิ้ว จำนวน 1 องค์
2.รูปหล่อหลวงปู่สวน 5 นิ้ว จำนวน 1 องค์
3.รูปหล่อหลวงปู่สวน 3 นิ้ว จำนวน 1องค์
4.เหรียญบาตรน้ำมนต์ จำนวน 2 เหรียญ

แล้วจะโอนเงินไปร่วมทำบุญ รบกวนช่วยแจ้งวิธีการด้วยครับ

 

ขอเชิญลูกศิษย์หลวงปู่สวน ทุกท่านช่วยกันร่วมบุญครั้งนี้ทุกคน นะครับ

 

รับทราบทุกรายการค่ะ... ยินดีที่ได้ญาติธรรมใหม่นะคะ... การเิปิดรับจองในครั้งนี้ยังไม่ทราบราคาให้ร่วมบุญและยังไม่ได้แจ้งรายละเอียดเรื่องการโอนปัจจัยค่ะ... เมื่อทราบรายละเอียดที่แน่นอนทั้งหมดแล้วจะแจ้งให้ทราบกันอย่างทั่วถึงอีกทีค่ะ

ขอขอบคุณและอนุโมทนากับคุณดอกบัวหอมที่มีส่วนร่วมในงานบุญครั้งนี้ด้วยนะคะ... สาธุ...

 

มาฟังเรื่องราวของพี่ชัยวิทย์กันต่อนะคะ... แล้วจะรู้ว่าพี่ชัยวิทย์ไม่ธรรมดาเหมือนกัน... เรื่องนี้เกี่ยวกับการเช็คตรวจสอบพลังพุทธคุณ

เรื่องมีอยู่ว่า "คุณคงพรรณ เพียรไพศาลลิขิต" เคยได้รับ "พระสมเด็จชินบัญชรเนื้อผงพุทธคุณ" จากพี่ชัยวิทย์ ซึ่งพระสมเด็จชินบัญชรเนื้อผงพุทธคุณนี้พี่ชัยวิทย์ได้จัดสร้างขึ้นเพื่อนำมาแจกสำหรับท่านที่ได้มาร่วมงานเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าเมื่อปี 2542 ซึ่งหลวงปู่ญาท่านสวนครบรอบ 90 ปีพอดี สร้างรุ่นเดียวกันกับ "พระกริ่งชินบัญชร"

พระกริ่งชินบัญชรนั้นออกให้บูชาแต่สำหรับพระสมเด็จชินบัญชรเนื้อผงพุทธคุณนั้นได้มอบให้แด่ประธานและรองประธาน... ประธานได้รับพระสมเด็จชินบัญชรฝังตะกรุดทองคำ รองประธานได้รับพระสมเด็จชินบัญชรแบบไม่ฝังตะกรุด ส่วนกรรมการแจกพระผงศรีปราชญ์

หลังจากนั้นไม่นานคุณคงพรรณก็โทรมาสอบถามพี่ชัยวิทย์ว่า "พระสมเด็จชินบัญชรเนื้อผงพุทธคุณนั้นคุณชัยวิทย์ไปจ้างโรงงานไหนทำ" พี่ชัยวิทย์จึงถามตอบกลับไปว่า "ทำไมเหรอครับ" คุณคงพรรณจึงเล่าให้พี่ชัยวิทย์ฟังว่าได้นำพระสมเด็จชินบัญชรเนื้อผงพุทธคุณที่พี่ชัยวิทย์แจกในงานผ้าป่านั้นไปให้คนที่รู้จักเช็คตรวจสอบพลังพุทธคุณว่าเป็นอย่างไรบ้าง คนที่เช็คพลังเขาบอกว่า "พระสมเด็จองค์นี้พุทธคุณสูงมาก สามารถปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายต่างๆแก่ผู้แขวนได้ ถึงแม้รถคว่ำสักกี่ตลบก็จะไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่เสียดายที่พระสร้างน้อย สร้างแค่ 108 องค์เท่านั้น และคนทีแกะแม่พิมพ์กับคนปั๊มองค์พระเป็นคนๆเดียวกันนะ ถ้าคุณไม่เชื่อลองโทรไปถามคนทำเขาดูสิว่าจริงไหม" คุณคงพรรณจึงได้โทรถามพี่ชัยวิทย์เพื่อให้คลายความสงสัย เมื่อพี่ชัยวิทย์ได้ยินอย่างนั้นจึงหัวเราะออกมาและบอกกับคุณคงพรรณว่า "ไม่ใช่โรงงานที่ไหนทำหรอกครับ... ผมนี่แหละเป็นคนแกะแม่พิมพ์เองกับมือและแถมยังลงมือปั๊มเองและผสมเนื้อเองทั้งหมด... เรียกว่ารุ่นทำกับมือผมเองว่างั้นเถอะ" เมื่อคุณคงพรรณได้ฟังเช่นนั้นถึงกับอุทานออกมาว่า "จริงเหรอคุณชัยวิทย์" และพูดต่ออีกว่า "ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนตรวจเช็คพลังพุทธคุณเขาจะรู้ได้ถึงขนาดนี้และที่เขาบอกว่าตอนที่ทำคนทำเขาเชิญองค์เทพเบื้องบนลงมาช่วยทำด้วย... มันจริงอย่างที่เขาว่าไหม" พี่ชัยวิทย์ตอบไปว่า "เอ... อันนี้ไม่รู้สิครับ... เพราะผมไม่สามารถมองเห็นได้เพราะตอนที่ผมลงมือทำนั้นจิตและสมาธิผมมุ่งอยู่ที่องค์พระเท่านั้น... ไม่ได้สนใจอย่างอื่น แต่ก่อนจะลงมือทำผมก็ได้จัดชิน 5 ไหว้ครูบาอาจารย์และเทพยดาเสียก่อนให้ท่านทั้งหลายได้มารับอนุโมทนาบุญด้วยครับ อันนี้ผมบอกกล่าวจริงๆแต่ท่านมาหรือไม่มาผมไม่รู้เพราะผมมองไม่เห็น"

ยังมีเรื่องราวของพี่ชัยวิทย์อีกหลายเรื่องค่ะ... รอติดตามอ่านกันต่อไปนะคะ

 

คุณหนู จะร่วมทำบุญทอดผ้าป่าไม่ทราบว่าจะโอนเงินเข้าบัญชีไหนครับ

 

ตามบัญชีนี้ค่ะ

ชื่อบัญชี: พรชัย พูลสวัสดิ์
ธนาคาร: ไทยพาณิชย์
สาขา: นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง
เลขที่บัญชี: 167-251035-6<!-- google_ad_section_end -->

สามารถติดตามอ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ตาม link นี้นะคะ (หน้า 312)

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพผ้าป่า "หล่อพระและสร้างพระธาตุ" (รับวัตถุมงคล ลป.ญาท่านสวน)

ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับพี่พรชัยที่มีส่วนร่วมในครั้งนี้ด้วยค่ะ... สาธุ...

 

มาต่ิอกับเรื่องราวของพี่ชัยวิทย์ค่ะ

เมื่อสมัยพี่ชัยวิทย์เป็นเด็กเคยเห็นคนจับพลังพระแบบหลอกลวงมามากมายหลายครั้งจึงไม่ปักใจเชื่ออะไรง่ายๆ จะต้องพิสูจน์ให้แน่ใจด้วยการรู้จริงเห็นจริงก่อนนั่นแหละถึงจะยอมเชื่อ ครั้งหนึ่งพี่ชัยวิทย์อยากจะรู้ว่าการจับพลังวัตถุมงคลนี้มันน่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนจึงได้เอาเครื่องรางคือ "ปลัดขิกไม้มะยมตายพราย 1 ตัว ปลัดขิกไม้พญาดำดง 1 ตัว และพระขุนแผนเนื้อผงอีก 1 องค์" ซึ่งวัตถุมงคลทั้ง 3 อย่างนี้พี่ชัยวิทย์ทราบที่มาที่ไปเกี่ยวกับการสร้างทั้งหมดจึงนำไปให้อาจารย์ท่านหนึ่งตรวจสอบดู อาจารย์ท่านนั้นก็เมตตาตรวจสอบให้

เมื่ออาจารย์ท่านนั้นจับปลัดขิกไม้มะยมตายพรายกำใส่มือ ตอนแรกพี่ชัยวิทย์นึกว่าท่านจะสั่นเหมือนตอนที่เคยเห็นมาตอนเป็นเด็กๆ แต่นี่กลับไม่ ท่านจับแล้วนั่งหลับตานิ่งๆแค่อึดใจเดียวท่านก็บอกว่า "ปลัดตัวนี้ลงด้วยหัวใจหลายอย่าง แต่มันมีพลังซ้อนทับกันสองพลัง พลังที่ลงครั้งแรกจะอ่อน พลังที่ลงครั้งสองจะแรงกว่า แรงถึงขั้นใช้ได้" แล้วท่านได้บอกเพิ่มเติมว่า "ฮือ... ส่วนปลัดขิกไม้พญาดำดงตัวนี้ก็ใช้ได้ แรงพอๆกับปลัดขิกไม้มะยมตายพราย แต่เขาลงด้วยหัวใจโจรอย่างเดียว แต่โจรที่เขาลงนี้ไม่ใช่โจรโดยสันดานนะ แต่เป็นโจรที่ทรงคุณธรรม มีความเมตตา... ส่วนพระขุนแผนนี้มันมีพลังหลายพลังทับซ้อนกันวุ่นวายไปหมด เป็นพลังที่แรงแต่ไปคนละทิศละทางไม่เป็นระเบียบ ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แสดงว่าผู้สร้างไม่รู้วิธีการที่จะทำให้พลังเหล่านี้รวมกันได้ แสดงว่าผงที่นำมาผสมนี้ได้มาจากหลายๆอาจารย์และเอามาผสมกันเลยโดยไม่ได้ประกอบพิธีบวงสรวงผสมผงให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเสียก่อน"

ผลสรุปคือที่อาจารย์ท่านพูดมานั้นถูกต้องทุกประการ ถูกต้องอย่างน่าอัศจรรย์ เฉลยก็คือปลัดขิกไม้มะยมตายพรายนั้นพี่ชัยวิทย์ได้มาจากเพื่อนเป็นของพระเกจิรูปหนึ่งที่อยู่จังหวัดสุพรรณบุรี ท่านให้้ลูกศิษย์ซึ่งเป็นพระหนุ่มเป็นผู้จารอักขระลงบนตัวปลัดขิกตามที่ท่านบอก เมื่อเสร็จแล้วท่านจึงนำมาปลุกเสกเอง ส่วนพระขุนแผนเนื้อผงนั้นเป็นของอาจารย์ท่านหนึ่ง (อาจารย์สอนหนังสือ) ท่านได้สร้างขึ้นมาเองจำนวน 108 องค์ ก่อนสร้างได้ใช้เวลารวบรวมมวลสารจากพระเกจิต่างๆมากมาย เมื่อเสร็จแล้วก็นำไปตระเวนให้ครูบาอาจารย์ต่างๆปลุกเสกอธิษฐานจิตให้

สำหรับปลัดขิกไม้พญาดำดงนี่สิสำคัญ... สำคัญอย่างไร... ก็สำคัญตรงที่พี่ชัยวิทย์ได้พิสูจน์ด้วยตัวเองจริงๆเพราะว่าปลัดขิกไม้พญาดำดงตัวนั้นพี่ชัยวิทย์ทำเองกับมือ คือว่าพี่ชัยวิทย์ได้ไม้พญาดำดงมาท่อนหนึ่งก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร คิดไปคิดมาก็เลยเอามาแกะทำเป็นปลัดขิกเสียเลย เพราะสมัยก่อนในยุคแรกๆพี่ชัยวิทย์ก็เป็นผู้ช่วยหลวงปู่ญาท่านสวนท่านแกะปลัดขิกเหมือนกัน ในขณะที่แกะปลัดขิกพี่ชัยวิทย์ก็จะภาวนาพระคาถาหัวใจโจรอยู่ตลอดเวลา "กัณหะเนหะ" ไปเรื่อยจนแกะเสร็จเรียบร้อย แต่ยังไม่ได้จารอักขระลงบนตัวปลัดขิก เลยถือโอกาสเอามาให้อาจารย์ท่านนี้เช็คดูก่อน

แต่สิ่งที่ทำให้พี่ชัยวิทย์ต้องทึ่งและนึกขำอยู่ในใจด้วยคำพูดของอาจารย์ท่านนี้ที่ว่า "ลงด้วยหัวใจโจรอย่างเดียว แต่โจรที่เขาลงนี้ไม่ใช่โจรโดยสันดานนะ แต่เป็นโจรที่ทรงคุณธรรม มีความเมตตา" ที่พี่ชัยวิทย์ยอมรับว่าอาจารย์ท่านนี้ไม่ธรรมดาสามารถอ่านข้อมูลจากตัวปลัดขิกออกว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง เพราะข้อมูลนั้นมันละเอียดมากและเป็นข้อมูลลับเฉพาะก็ตรงที่ตอนพี่ชัยวิทย์แกะตัวปลัดขิกขณะที่ภาวนาพระคาถาหัวใจโจรอยู่นั้น อารมณ์ของพี่ชัยวิทย์ไม่ได้ไปทางด้านแข็งกร้าว แต่มันเป็นอารมณ์ที่นุ่มนวล เป็นอารมณ์ไปทางเมตตา

เป็นงัยคะ... พี่ชัยวิทย์ไม่ธรรมดาเลยใช่มั้ยคะ <!-- google_ad_section_end -->

 

มาต่ิอกับเรื่องราวของการเช็คตรวจสอบพลังพุทธคุณ "พระพุทธมงคลนาอุดมประทานพร"

คุณอำนวย จันทร์ฉาย (ปัจจุบันท่านเสียชีวิตไปแล้ว) ได้เบอร์โทรของผู้ชายท่านหนึ่งซึ่งเป็นนักปฏิบัติในสายของ "หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก" และมีความสามารถพิเศษคือสามารถเช็คตรวจสอบพลังพุทธคุณได้ วันหนึ่งคุณอำนวยได้มีโอกาสนทนากับชายท่านนี้นานนับชั่วโมงและในที่สุดก็วกเข้ามาสอบถามเรื่องเกี่ยวกับการตรวจเช็คพลังพุทธคุณว่าเป็นอย่างไร แล้วเลยถือโอกาสให้ชายท่านนี้ตรวจสอบห้องพระที่บ้านให้ว่าเป็นอย่างไร จัดถูกไหม ตอนนั้นพูดได้ว่าคุณอำนวยคิดอยากลองของ

ปรากฏว่าชายท่านนี้บอกลักษณะห้องพระได้ถูกต้องหมดทุกประการและแถมรู้อีกว่ามีพระอะไรบนหิ้งพระบ้าง ชายท่านนี้บอกว่าห้องพระมีแต่พระดีๆเก่าๆทั้งนนั้นเลย แต่ที่เด่นที่สุดมีอยู่ 3 องค์ มีแสงรัศมีสว่างไสวมาก คือพระพุทธรูปสำริดสีดำ 2 องค์ วางอยู่ชั้นบนและถัดลงมาเป็นพระพุทธรูปสีทองขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางประทานพรแบบพระหัตถ์ขวาแบวางไว้ที่พระชานุ (หัวเข่า)

คำเฉลยคือพระพุทธรูปสำริดสีดำนั้นเป็นพระโบารณมีอายุร้อยกว่าปี เป็นพระที่คุณย่าของคุณอำนวยมอบให้มาเป็นของขวัญ 2 องค์ ส่วนอีกหนึ่งองค์ที่ชายท่านนี้บอกว่าเป็นพระพุทธรูปสีทองปางประทานพรนั้นก็คือ "พระพุทธมงคลนาอุดมประทานพร" ของ "หลวงปู่ญาท่านสวน" ที่พี่ชัยวิทย์สร้างถวายหลวงปู่เมื่อปี 2545 นั่นเอง... และที่น่าทึ่งเข้าไปใหญ่ก็ตรงที่รู้ด้วยว่าตอนเ้ช้าคุณอำนวยสวดมนต์ไหว้พระบทไหนบ้าง... น่าแปลกจริงๆ

หนูพาแม่และหลานสาวไปกราบหลวงปู่ที่วัดมา... เลยถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกค่ะ "พระพุทธมงคลนาอุดมประทานพร" อยู่ด้านขวามือของผู้อ่านค่ะ<!-- google_ad_section_end -->

 

มาต่ิอกับเรื่องราวของการเช็คตรวจสอบพลังพุทธคุณ "พระพุทธมงคลนาอุดมประทานพร"

คุณอำนวย จันทร์ฉาย (ปัจจุบันท่านเสียชีวิตไปแล้ว) ได้เบอร์โทรของผู้ชายท่านหนึ่งซึ่งเป็นนักปฏิบัติในสายของ "หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก" และมีความสามารถพิเศษคือสามารถเช็คตรวจสอบพลังพุทธคุณได้ วันหนึ่งคุณอำนวยได้มีโอกาสนทนากับชายท่านนี้นานนับชั่วโมงและในที่สุดก็วกเข้ามาสอบถามเรื่องเกี่ยวกับการตรวจเช็คพลังพุทธคุณว่าเป็นอย่างไร แล้วเลยถือโอกาสให้ชายท่านนี้ตรวจสอบห้องพระที่บ้านให้ว่าเป็นอย่างไร จัดถูกไหม ตอนนั้นพูดได้ว่าคุณอำนวยคิดอยากลองของ

ปรากฏว่าชายท่านนี้บอกลักษณะห้องพระได้ถูกต้องหมดทุกประการและแถมรู้อีกว่ามีพระอะไรบนหิ้งพระบ้าง ชายท่านนี้บอกว่าห้องพระมีแต่พระดีๆเก่าๆทั้งนนั้นเลย แต่ที่เด่นที่สุดมีอยู่ 3 องค์ มีแสงรัศมีสว่างไสวมาก คือพระพุทธรูปสำริดสีดำ 2 องค์ วางอยู่ชั้นบนและถัดลงมาเป็นพระพุทธรูปสีทองขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางประทานพรแบบพระหัตถ์ขวาแบวางไว้ที่พระชานุ (หัวเข่า)

คำเฉลยคือพระพุทธรูปสำริดสีดำนั้นเป็นพระโบารณมีอายุร้อยกว่าปี เป็นพระที่คุณย่าของคุณอำนวยมอบให้มาเป็นของขวัญ 2 องค์ ส่วนอีกหนึ่งองค์ที่ชายท่านนี้บอกว่าเป็นพระพุทธรูปสีทองปางประทานพรนั้นก็คือ "พระพุทธมงคลนาอุดมประทานพร" ของ "หลวงปู่ญาท่านสวน" ที่พี่ชัยวิทย์สร้างถวายหลวงปู่เมื่อปี 2545 นั่นเอง... และที่น่าทึ่งเข้าไปใหญ่ก็ตรงที่รู้ด้วยว่าตอนเ้ช้าคุณอำนวยสวดมนต์ไหว้พระบทไหนบ้าง... น่าแปลกจริงๆ

หนูพาแม่และหลานสาวไปกราบหลวงปู่ที่วัดมา... เลยถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกค่ะ "พระพุทธมงคลนาอุดมประทานพร" อยู่ด้านขวามือของผู้อ่านค่ะ<!-- google_ad_section_end -->

<!-- google_ad_section_end -->

 

ร่วมบุญจองเหรียญบาตรน้ำมนต์

ร่วมบุญจองเหรียญบาตรน้ำมนต์ (เนื้อชนวนมีดสายฟ้ามหาปราบไตรจักร)
ร่วมทำบญจอง 1 เหรียญ ครับ

 

พี่หนูคะ พี่ชัยวิทย์ท่านรับลูกศิษย์ไหมคะ (ฮา)

จะแวะไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์สักคน