เมตาภาวนา: วิธีแผ่เมตาให้ตนเองและสรรพสัตว์

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย sss12, 23 กันยายน 2010.

  1. sss12

    sss12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +1,081
    เมตตาภาวนา

    อานิสงส์ของการเจริญเมตตาภาวนา

    1. หลับเป็นสุข
    2. ตื่นเป็นสุข
    3. ไม่ฝันร้าย
    4. อมนุษย์รักใคร่
    5. มนุษย์ทั้งหลายรักใคร่
    6. เทวดาทั้งหลายย่อมคุ้มครอง
    7. ไฟ ศาสตราวุธ ยาพิษ ไม่อาจกล้ำกลาย
    8. ผิวหน้าย่อมผ่องใส
    9. จิตย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิเร็ว
    10. เมื่อตายเป็นผู้ไม่หลง
    11. เมื่อจากโลกนี้ไป ก็ไปบังเกิดในพรหมโลก

    เมื่อเจริญเมตตาภาวนาบ่อยๆ จะมีอานิสงส์ช่วงระงับความโกรธได้
    ให้เจริญเมตตาให้กับตัวเองก่อนโดยอาศัยสติ สมาธิ และปัญญา
    ให้พยายามรักษาใจให้สงบนิ่ง กำหนดรู้ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า สักพักหนึ่ง


    การแผ่เมตตาให้กับตัวเอง

    อะหังสุขิโตโหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ถึงสุข
    ยกขึ้นมาพิจารณาทุกครั้งที่รู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก


    ความสุขอยู่ที่ไหน ความสุขไม่ใช่อยู่ที่อารมณ์โกรธ หรือเมื่อเราได้
    โกรธคนอื่น เราโกรธเขา เขาก็เป็นทุกข์เหมือนเรา หรือทุกข์มาก
    กว่าเรานั่นแหละ เขาก็กำลังแก่ กำลังเจ็บไข้ ป่วย กำลังจะตาย
    เหมือนเรานั่นแหละ

    เขาก็กำลังประสบกับความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ เหมือน
    กับเรา เพราะ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ล้วนแต่เกิดขึ้นแล้วดับไป
    ในที่สุด ไม่แน่นอน ไม่คงอยู่ได้

    ความสุขอยู่ที่การปล่อยวางสิ่งภายนอก และสัญญาอารมณ์ต่างๆ
    ระลึกรู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ถอนจิต ถอนใจอุปาทาน
    จากอารมณ์โกรธ น้อมเข้ามาๆ ให้จิตพักอาศัยอยู่ที่ลมหายใจ


    เอาลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร
    หายใจเข้ายาวๆ สบายๆ หายใจออกช้าๆ ลึกๆ หน่อย
    หายใจเข้ายาวๆ สบายๆ หายใจออก สบายๆ ภาวนาว่า
    ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ถึงสุข หายใจเข้า
    หายใจออก สบายๆ แล้วพิจารณาต่อว่า

    นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ไร้ทุกข์
    ความชั่วร้ายของเขา เป็นของเขา ไม่ใช่ของเรา เราไม่ต้องไปคิด
    ไปเกาะติดยึดมั่นถือมั่น แบกเอาไว้

    ความชั่วของใครก็เป็นของร้อนเป็นทุกข์ทั้งนั้น เราไปยึดติดเมื่อไร
    ก็เดือดร้อน เป็นทุกข์เมื่อนั้น
    ถึงแม้ว่า เขาผิดจริงก็ตาม ผู้มีปัญญา ผู้หวังความสุข ไม่เอามาคิด
    เป็นอารมณ์ ให้ระวังๆ
    แล้วพิจารณาต่อว่า

    อะเวโรโหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ไม่มีเวร
    ตรวจตราดูความรู้สึกภายในใจตัวเอง หรือสังเกตดูความนึกคิด
    ของเรา ว่ามีเวรหรือไม่ จองเวรเขา ก็เหมือนจองเวรตัวเอง ทำให้จิตเศร้าหมอง

    “เวรไม่ระงับด้วยการจองเวร เวรระงับด้วยการไม่จองเวร”
    ถ้าเราต้องการความสุข เราต้องเป็นผู้ไม่มีเวร ให้ระงับความรู้สึก
    นึกคิดจองเวรใครๆ ออกไปจากภายใจใจของเรา
    ให้อภัย อโหสิกรรมแก่ทุกคน ทุกครั้งที่ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก
    ชำระความรู้สึก ความนึกคิดจองเวรให้หมดไปๆ เอาลมหายใจเป็น
    กัลยาณมิตร หายใจเข้า หายใจออก สบายๆ แล้วพิจารณาต่อ

    อัพยาปัชโฌโหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
    ตรวจตราภายในใจดูว่า มีความรู้สึกนึกคิดเบียดเบียนใครหรือไม่
    ถ้าเขาคิดอย่างนี้กับเราพูดอย่างนี้กับเรา ทำอย่างนี้กับเรา เราจะ
    รู้สึกอย่างไร ถ้าเราไม่สบายใจ เราก็ไม่น่าคิดกับเขาอย่างนั้น
    รักษาใจ ไม่ให้หวั่นไหวต่ออารมณ์พอใจ และไม่พอใจที่มากระทบ

    จงสร้างเกาะไว้เป็นที่พึ่งด้วย สติ สัมปชัญญะ ปัญญา สมาธิ
    หิริโอตตัปปะ และขันติ
    คือความอดทน รวมกันไว้ที่ลมหายใจเข้า
    ลมหายใจออก ไม่ให้เกิดทุกข์ ไม่ให้มีทุกข์ ไม่ให้เบียดเบียนใคร
    ทุกลมหายใจเข้า ลมหายใจออก

    สุขีอัตตานัง ปะริหะรามิ จงรักษาตนอยู่เป็นสุขเถิด ให้ระลึกถึงปีติสุขทุกลมหายใจเข้า ลมหายใจออก เรื่อยๆๆๆ รู้เฉพาะปีติสุข หายใจเข้า รู้เฉพาะปีติสุข หายใจออก
    ให้หัวใจของเรานี้เต็มไปด้วยปีติสุข แล้วแผ่ความสุขออกไปๆๆๆ

    การแผ่เมตตานี้ ต้องแผ่เมตตาให้แก่ตัวเองก่อน จนให้เกิดความสุขใจ
    การจะให้เกิดความสุขใจนั้นต้องอาศัย สมาธิ และ ปัญญาสนับสนุนกัน
    ด้วยอำนาจสมาธิ จิตสามารถยังปีติสุขให้เกิดได้ และต้องใช้ปัญญา
    เห็นโทษของการคิดผิด
    คิดเบียดเบียน ฯลฯ ให้ระงับความคิด
    เหล่านั้นด้วยสติปัญญาจึงจะเกิดเมตตาได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2010
  2. sss12

    sss12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +1,081
    การแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์

    สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ
    ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงจงเป็นผู้ถึงความสุข
    เมื่อใจเรามีความสุข มีเมตตา มีความรู้สึกรักใคร่ ปรารถนาดี
    มีความรักที่บริสุทธิ์ ให้แผ่ความรัก ความเมตตาที่บริสุทธิ์กระจาย ออกไปจากหัวใจของเราไปยังสรรพสัตว์


    วิธีแผ่เมตตา มี 2 วิธี คือ

    วิธีที่ 1. อาศัยนิมิต
    วิธีที่ 2. ไม่มีนิมิต


    อาศัยนิมิต เมื่อใจเราเต็มไปด้วยความสุขแล้ว ขณะที่ลมหายใจออก
    ลมหายใจเข้า ให้นึกมโนภาพถึงคนที่เราตั้งใจจะแผ่เมตตาไปให้ไว้เฉพาะ
    หน้าหรือไว้ที่หัวใจ
    นึกมโนภาพ ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส กำลังมีความสุข
    ของเขาและส่งกระแสเมตตาจิตไป ทุกลมหายใจเข้า ลมหายใจออก
    เริ่มต้นจากคนใกล้ชิดตัวเราที่รักกันอยู่ก่อน เช่น พ่อ แม่ ลูก ภรรยา
    เพื่อนรัก เพื่อนร่วมงาน เป็นต้น ต่อไปก็คนที่เป็นกลางๆ ไม่รัก ไม่ชัง
    ค่อยๆ แผ่ไปๆ ทีละคน ทีละกลุ่ม

    ต่อไปก็ถึงคนที่เรากำลังมีปัญหาอยู่กับเขา ตั้งใจ หวังดีต่อเขา
    ปรารถนาดีต่อเขา ขอให้เขาจงมีความสุขเถิด ขอให้ไม่มีเวรซึ่งกัน
    และกันเถิด ขอให้เราอย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

    ไม่มีนิมิต เมื่อเราพร้อมแล้ว เรามีปีติและสุข ทุกลมหายใจออก ลมหายใจเข้าแล้ว สัพเพสัตตา สุขิตาโหนตุ ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นผู้ถึงความสุข พยายามทำความรู้สึกที่ดี
    ความปรารถนาดี ความรักที่บริสุทธิ์ แผ่ออกไปรอบๆ ตัวเรา
    ทุกลมหายใจเข้า ลมหายใจออก


    พยายามนึกไปกว้างๆ ไกลๆ คลุมไปทั่วโลก ทั่วจักรวาล มีแต่ความสุข
    ทุกลมหายใจออก - เข้า สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ
    หายใจออกเต็มไปด้วยความสุข หายใจเข้าเต็มไปด้วยความสุข

    กามวิตก พยาบาทวิตก หิงสาวิตก เป็นศัตรูต่อการเกิดเมตตาจิต
    เมื่อใจเรามีเมตตา จิตใจก็จะสงบ มีความสุข
    ไม่ต้องคิดเรียกร้อง
    ความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจ ความรัก จากใครอีกต่อไป
    พ่อแม่ไม่รักเรา ลูกหลานไม่รักเรา สามีภรรยาไม่รักเรา ปัญหาเหล่านี้ก็หมดไป เพราะหัวใจของเราเต็มไปด้วยความสุขและความรัก เรามีแต่ให้ๆๆๆๆ

    คัดลอกจาก: อานาปานสติ : วิถีแห่งความสุข ๑
    ชีวิตทั้งหมดให้อยู่ด้วยอานาปานสติ
    โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
     
  3. ตะเกียงพลอย

    ตะเกียงพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +134
    อนุโทนากับสิ่งดีๆที่นำมาขยายความให้เข้าใจได้อีกเยอะค่ะ
    ขอบคุณค่ะ
     
  4. sss12

    sss12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +1,081
    แผ่เมตตาให้ศัตรู

    (เพิ่มเติมค่ะ)

    แผ่เมตตาให้ศัตรู

    สัพเพ สัตตา แปลว่า สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง :
    ในที่สุด คนที่เคยเป็นศัตรูเราก็จะกลับกลายเป็นมิตร ไม่ช้าก็เร็ว การก่อเวรข้ามภพข้ามชาติกันก็จะหมดไป

    ช่างน่าแปลกเหลือเกินที่คนเราชังใครมากๆ
    มักจะต้องได้เกี่ยวข้องกับคนนั้น

    ไม่อยากเห็นหน้าใคร ก็มักจะได้เห็นเขาอยู่บ่อยๆ
    ยิ่งเกลียดยิ่งได้อยู่ใกล้
    ถึงขนาดบางคนต้องมาอยู่เป็นคู่ชีวิตก็มี
    กรรมเวรมีจริง ผลของการอาฆาตพยาบาท ให้ผลร้ายขนาดนี้

    อะไรทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้
    พลังงานความคิดที่เรา ไม่ยอมปลดปล่อยอารมณ์ออกไปนั้นเอง เป็นเหตุ
    สังเกตดูให้ดีจะเห็นว่า เราคิดเกลียดเมื่อใด
    ก็เท่ากับเราทาสีลงบนผ้า ที่สีกำลังจะเลือนหายไป
    เราคิดโกรธเมื่อใด เท่ากับเราตอกย้ำให้เกิดความคมชัดทางความรู้สึกขึ้นมาอีกเท่านั้น เป็นการ เติมมโนกรรม วจีกรรม กายกรรม
    ที่มีต่อคนๆ นั้น ให้คงเหลืออยู่ตลอดเวลา
    ทั้งๆ ที่ใกล้จะเลือนหายไปแล้ว

    คนเราชอบพูดถึงคนที่เราเกลียด
    เมื่อพูดบ่อยๆ อารมณ์นั้นก็จะฝังแน่นในใจ
    แม้ไม่ปรารถนาจะเก็บความไม่ดีของคนนั้นไว้
    เขาหารู้ไม่ว่า นั่นคือ การนำขยะที่เน่าเหม็นมาเก็บไว้ในใจตัวเอง


    เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงจำเป็นต้องหาวิธีแผ่เมตตาให้ถูกต้อง
    คือ แผ่ให้ถึงศัตรูให้ได้

    เพื่อให้ความเป็นศัตรูในใจเขาและเราหมดไปจากกัน
    ยุติบทบาทกรรมข้ามภพข้ามชาติให้ได้

    ในทางพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงสอน
    ให้เราแผ่เมตตาด้วยการใช้คำว่า
    “สัพเพ สัตตา แปลว่า สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง”
    คำนี้มีนัยที่สำคัญมาก นั่นคือ ทรงสอนให้เราแผ่เมตตาให้ถึงศัตรูได้ โดยไม่รู้สึกติดขัด



    -- >คือ คิดว่าทุกคนเป็นเพียงสรรพสัตว์เท่านั้น ไม่ได้คิดว่าเป็นศัตรู ใจของเราก็จะรู้สึกสบายขึ้น เบาโปร่ง หายใจโล่ง
    เราก็เริ่มจะแผ่เมตตาได้


    -- >ให้คิดต่อว่า เป็นสรรพสัตว์ที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย
    ร่วมโลกเดียวกัน ทุกชีวิตเป็นเพียงธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ เท่านั้น


    ชาติชั้นวรรณะ เขาสมมติเรียกให้
    เผอิญเกิดบนแผ่นดินไทย ก็เรียก คนไทย
    หากเกิดที่จีน ก็เรียก คนจีน
    เกิดญี่ปุ่น ก็เรียกว่า คนญี่ปุ่น
    แต่ความเป็นคนเป็นสัตว์เท่ากัน
    มีความเสมอกันในการได้ชีวิต
    จริงๆ แล้ว เราก็อยู่ในโลกนี้ได้ไม่นาน...ก็ต้องจากโลกนี้ไปทั้งนั้น

    การคิดเช่นนี้ เป็นการปรับอารมณ์ให้สมดุลกันก่อน
    ปรับให้ถึงธาตุเดิมของชิวิต ยกเชื้อชาติศาสนาวัฒนธรรมเผ่าพันธุ์ออกไปก่อน
    เพื่อไม่ให้เกิดความสุดโต่งทั้งรักและชัง
    เหมือนกับการปรับพื้นดินไม่ให้สูงหรือต่ำ
    แต่ปรับให้พื้นทุกตารางนิ้วได้ระดับเดียวกันหมดเสียก่อน
    แล้วจึงเทน้ำลงไป น้ำที่เทลงไปก็จะกระจายไปทุกพื้นที่ได้ง่าย ที่ดอนก็ไม่มี ที่ลุ่มก็ไม่เกิดขึ้น
    การแผ่เมตตาก็เช่นเดียวกัน


    --> อย่าคิด: อารมณ์ที่ส่งไปถึงคนที่เราเกลียด มักจะติดขัด
    เพราะพลังจิตไม่ยอมเดินทาง เนื่องจากมีความคิดว่า จะแผ่เมตตาให้ศัตรูทำไม ในเมื่อเขาทำเราเจ็บ
    เมื่อคิดเพียงเท่านี้ คนที่เป็นศัตรู ก็ยังคงเป็นศัตรูอยู่ต่อไป
    และอาจเพิ่มความเป็นศัตรูมากขึ้นทุกครั้ง




    คัดลอกบางส่วนจากหนังสือ แผ่เมตตาให้ศัตรู
    โดย ปิยโสภณ
    อ่านเพิ่ม::: �ҹ����ѡ� :: :: ��ҹ - ����������ѵ�� (��ҹ������ �Ѵ���������)
     
  5. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ผมเองก็ปฎิบัติแบบกำหนดจิตเมตตา จิตของผมมีความสุขดีครับ



    อนุโมทนาครับ
     
  6. peeraphat

    peeraphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +196
    อนูโมทนา บุญด้วยครับ ... ถ้าคนไทยมีเมตตาจิต ประเทศเราคงสงบสุขมากขึ้น
     
  7. เวลานาที

    เวลานาที เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2010
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +1,349
    ที่จริงสัตว์เขาไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นอาหารของเรา แต่เราคิดกันไปเองว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นอาหาร เขาเกิดมาตามกรรมของเขาต่างหาก เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดอยู่ในกายของเราที่กินเข้าไป อยู่ในเนื้อ อยู่ในหนัง ในเอ็น ในอวัยวะ ในกระดูก ในร่างกาย ก็ควรแผ่เมตตาบ่อยๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...