เปิดจักระขั้นพื้นฐานผ่านหน้าเว๊บ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย มีแปปเดียว, 24 สิงหาคม 2010.

  1. DMZ_ZONE

    DMZ_ZONE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    260
    ค่าพลัง:
    +649


    ไม่ได้ฝึกธรรมกายครับ ชื่อนั้นมาจาก DMZ ของระบบคอม ครับ

    ผมฝึกอานาปานสติ ครับ
     
  2. saturday_rainy

    saturday_rainy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +957
    การกักลมจนรู้สึกร้อนที่ท้องน้อย นั่นเกี่ยวกับตำแหน่งจักรที่ 2หรือไม่ครับ แล้วถ้าไม่รู้สึกร้อนนั่นแปลว่ายังไม่พร้อม ให้ทำไปเรื่อยๆใช่ไหมครับ
     
  3. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ใช่ครับ เคล็ดลับอยู่ที่การหายใจให้ลึกสุดปอดแต่ไม่กระชากกระชั้น ลิ้นต้องกระดกแตะเพดานปากด้านบนไว้ แขม่วท้องกักลม ค่อยๆระบายออกทางปากดังฮ่าโดยที่หน้าท้องยังแขม่วอยู่ ท้องจะเป็นลูกคลื่น โดยปกติไม่ถึง9รอบการโคจร พลังจะเกิดแล้วครับ
    ถ้ายังมีอะไรสงสัยก็ถามได้เลยนะครับ
     
  4. saturday_rainy

    saturday_rainy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +957
    ผมยังไม่แน่ใจว่าการกำหนดลมหายใจแบบนอน กับแบบนั่งอย่างไหนจะทำได้ดีกว่ากัน เพราะโดยปกติผมก็ทำสมาธิทั้งนอนและนั่ง แต่เวลานอนสมาธิจะดีกว่า ถ้าวันไหนเหนื่อย มันจะหลับไปเลย
     
  5. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    จริงๆแล้วการทำสมาธิโดยอย่างมากแค่อุปจารสมาธินั้นสามารถทำได้ทุกลมหายใจและอิริยาบทครับ นักปฏิบัติควร นั่ง ยืน เดิน นอน ให้อิริยาบทเสมอกัน เพื่อป้องกันความเมื่อยล้าและเกียจคร้าน
    แต่ถ้าเอาให้ถึงอัปปนาสมาธิหรือขั้นฌาน นั่งดีกว่านอนเพราะถ้านอนสมาธิเวลาจิตตกภวังค์มักจะหลับไปเลยครับ
     
  6. เปิดใจ

    เปิดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +148
    รบกวนขอถามหน่อยครับ จักระของผมรู้สึกแปลกๆติดขัดๆนิดหน่อยครับ
    1 ส่วนตัวผมเป็นคนถนัดซ้าย เดินจักระ 7 ชอบเน้นหนักทางซ้ายเสมอ จะพยามหมุนทางขวาบ้าง แต่เดินยังไม่ก็เหมือนไม่มาตามต้องการ พอเดินจักระ7ที่ไรหูจะเหมือนยินคลื่นความถี่แปลกๆเสมอ วี๊ๆๆๆ
    2 ช่วงที่เดินจักระ 6 ชอบไปหน่วงๆจมูก พยามไม่เพ่งก็รู้หน่วงตลอด (เป็นบางครั้งคราวครับ) ส่วนจักระ ที่5เดินยากเหลือเกิน แทบจะสัมผัสไม่ได้เลย
    จะพยามเดิน 3ส่วนนี้ให้คล่องก่อนนะครับ
     
  7. sagi_kaew

    sagi_kaew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +232
    หวัดดีค่ะ

    มีคำถามค่ะ ...คือว่า ในบางครั้งมักปวดศีรษะตรงกลางกระหม่อม ปวดจี๊ดๆ แปร๊บๆขึ้นมา บางทีก็ปวดไล่ขึ้นมาตั้งแต่ท้ายทอย (ก่อนหน้านี้ปวดกลางหน้าผาก แต่ตอนนี้หายไปแล้ว) มันเกี่ยวกับจักระรึป่าวคะ

    อยากขอคำแนะนำค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  8. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    จักระจะหมุนในรูปแบบไหนเราจะไม่เข้าไปบังคับ
    แค่จับความรู้สึกที่จักระหมุนเท่านั้นครับ
    ฝึกไปเรื่อยๆจะได้หูทิพย์นะเท่าที่เล่ามา ให้ความสามารถที่หลบซ่อนอยู่แสดงออกมาเอง อย่าไปอยากให้มันเกิด ถึงเวลาจะมาเอง
    ให้นึกถึงสีของจักระด้วยถ้าจะกระตุ้นให้หมุนดึขึ้น
    จักระที่5ให้นึกถึงสีฟ้าลองดูนะครับ
     
  9. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    อาจจะเกี่ยวกับจักระถ้าการปวดเกิดขึ้นระหว่างที่จิตมีสมาธิ
    ให้ลองฝึกเปิดจักระด้วยตัวเองอย่างที่ผมโพสไว้แล้วดูอาการอีกที
    ถ้ามีข้อสงสัยอะไรก็ถามได้เลยนะครับ
     
  10. เปิดใจ

    เปิดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +148
    สอบถามอีกได้ไหมครับ
    1.ถ้าเกิดจะเดินจักระ และ ใช้สะเก๊ดดาว หรือ โมดาไวท์ (มีคนแนะนำมาครับ)จะดีไหมครับ

    2. การเดินจักระจะมีผลข้างเคียงบ้างไหมครับ คือผมรู้สึกว่า มีอาการเปลี่ยนแปลงน่ะครับ เช่น จะได้ยินคลื่นเสียงทีวีจอนูน วี๊ๆ ๆ แรงกว่าปรกติ คือ คนที่ไม่ได้เดินจักระ เค้าจะเฉยๆ ส่วนผมรู้สึกน่ะครับ
     
  11. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ในกระบวนหินทั้งหมดที่มีผลกับจักระ7และ6 สะเก็ดดาวทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นtektite หรือ moldavite หากเราเชื่อมโยงพลังกับเขาได้ กระแสพลังจะแรงขึ้น
    การที่หูเริ่มได้ยินเสียงในความถึ่สูงๆได้ดี น่าจะเป็นเรื่องดีมากกว่าเป็นผลข้างเคียงที่ไม่ดี
    ขอให้ข้อคิดไว้ว้าการลังเลสงสัย รังแต่จะทำให้ไม่ก้าวหน้า
    ควรหมั่นฝึกฝนไปด้วยสติและสัมปชัญญะแล้วพิจารณาด้วยปัญญาจะรู้ได้เองว่าสิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดี
     
  12. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    Tektite

    <!-- /firstHeading --><!-- bodyContent --><!-- tagline -->From Wikipedia, the free encyclopedia
    <!-- /tagline --><!-- subtitle -->
    <!-- /subtitle --><!-- jumpto -->Jump to: navigation, search
    <!-- /jumpto --><!-- bodytext -->This article is about impact rocks. For the oceanographic research habitat, see Tektite habitat. For the video game character, see Recurring enemies in The Legend of Zelda series#Tektite.
    <TABLE class="metadata plainlinks ambox ambox-content"><TBODY><TR><TD class=mbox-image>[​IMG]
    </TD><TD class=mbox-text>This article needs additional citations for verification.
    <SMALL>Please help improve this article by adding reliable references. Unsourced material may be challenged and removed. (October 2008)</SMALL></TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG] [​IMG]
    Two tektites


    Tektites (from Greek τεκτός tektos, molten) are natural glass rocks up to a few centimeters in size, which most scientists argue were formed by the impact of large meteorites on Earth's surface. Tektites are typically black or olive-green, and their shape varies from rounded to irregular.
    Tektites are among the "driest" rocks, with an average water content of 0.005%. This is very unusual, as most if not all of the craters where tektites may have formed were underwater before impact. Also, partially melted zircons have been discovered inside a handful of tektites. This, along with the water content, suggests that the tektites were formed under phenomenal temperature and pressure not normally found on the surface of the Earth.
    [​IMG] [​IMG]
    A very rare shape of Australite Tektite - Shallow Bowl


    <TABLE id=toc class=toc><TBODY><TR><TD>Contents

    [hide]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><SCRIPT type=text/javascript>//<![CDATA[if (window.showTocToggle) { var tocShowText = "show"; var tocHideText = "hide"; showTocToggle(); } //]]></SCRIPT>[edit] Origins

    [edit] Terrestrial impact theory

    The terrestrial-impact theory states that a meteorite impact melts material from the Earth's surface and catapults it up to several hundred kilometers away from the impact site, which means that it must have travelled through space (thus explaining the dryness). The molten material cools and solidifies to glass. According to this theory, a meteorite impact causes their formation, but the precursor material of tektites is primarily of terrestrial origin, as determined from isotopic measurements. Today, the terrestrial origin of tektites is widely accepted based on the results of many geochemical and isotopic studies (e.g. Faul H.(1966), Koeberl C.(1990)).
    The impact theory relies on the observation that tektites cannot be found in most places on Earth's surface. They are only found in four strewnfields, three of which are associated with known impact craters. Only the largest and geologically youngest tektite deposit in Southeast Asia, called the Australasian strewnfield, has not been definitively linked to an impact site, probably because even very large impact structures are often not easy to detect. For example, since the Chesapeake Bay impact crater (today the largest known impact structure of the United States and associated with the North American tektite strewnfield) is covered by sediments, it was not detected until the early 1990s. Also, the bigger the strewnfield, the bigger the area to search for the crater. Since several new craters are identified every year, this is not really regarded as a problem by proponents of the tektite impact theory, except for the expected Australasian crater, a feature that would be less than a million years old and thus easily visible. This crater, if it exists at all, has not been located.
    [​IMG] [​IMG]
    A moldavite tektite


    [​IMG] [​IMG]
    An Indochinite tektite


    The ages of tektites from the four strewnfields have been determined using radiometric dating methods. The age of moldavites, a type of tektite found in Czech Republic, was determined to be 14 million years, which agrees well with the age determined for the Nördlinger Ries crater (a few hundred kilometers away in Germany) by radiometric dating of Suevite (an impact breccia found at the crater). Similar agreements exist between tektites from the North American strewnfield and the Chesapeake Bay impact crater and between tektites from the Ivory Coast strewnfield and the Lake Bosumtwi-Crater.
    Below are some types of tektites, grouped according to the four known strewnfields, and their associated craters:
    [edit] Early non-terrestrial impact theories

    [​IMG] [​IMG]
    Aerodynamically shaped Australite; the button shape caused by ablation of molten glass in the atmosphere.


    Though the meteorite impact theory of tektite formation is widely accepted, minority theories propose alternate ideas of tektite formation.
    Tektites contain no cosmogenic noble gases produced by cosmic rays, a factor that excludes long travel in space, necessary if tektites are not terrestrial. According to terrestrial-impact adherents, this makes a lunar origin unlikely, because it is hard to reconcile with finding cosmogenic noble gases in all lunar meteorites – a typical lunar meteorite taking about 1 million years to transfer from Moon to Earth. Furthermore, an origin from the Moon or other body cannot explain why many tektites are only found in confined areas unlike meteorites of lunar or other origin, which are found dispersed on the Earth's surface. Whether the Australasian and Ivory Coast tektites fit this thesis is debatable.
    In particular, no tektite strewn field exists in Antarctica, where the flow of glaciers would sweep extraterrestrial material away. Since the Australasian strewnfield expands with each new tektite discovered on the southern seafloor, this tektite field may yet be found to reach as far as Antarctica, but regularly undertaken meteorite recovery expeditions in areas that accumulate extraterrestrial material have found only meteorites and no tektites at all. If tektites from space fall in Antarctica, a large part of the recovered material should instead be tektites and an existing strewnfield should already have been discovered. Conversely, the Australasian and Ivory Coast strewnfields have expanded over the decades as new tektites are found in sea sediments; they now reach toward the southern continent. Thus, it may be premature for terrestrial-origin proponents to say that tektites will never be discovered on Antarctica.
    According to researchers, measurements of high concentrations of the radionuclide <SUP>10</SUP>Be in tektites from the relatively young Australasian strewnfield are an indication of terrestrial origin. <SUP>10</SUP>Be is produced by cosmic rays in the atmosphere, where it is down-washed by rain and incorporated into young sediment layers. Because <SUP>10</SUP>Be decays with a half-life of about 1.5 million years, its concentration in older sediments and other kinds of rocks appears successively lower. <SUP>10</SUP>Be is found in meteorites and lunar rocks at a concentration lower than that of the young sediments because the cosmic rays interact with these rocks to produce much smaller quantities. Many<SUP style="WHITE-SPACE: nowrap" class=Template-Fact title="This claim needs references to reliable sources from July 2008">[citation needed]</SUP> regard these findings as the final breakthrough for the non-terrestrial impact theory, because they show that the precursor material is mainly terrestrial in origin (mixed with small traces of extraterrestrial material, perhaps that of the impactor). Scientists who claim tektite glasses are impact melts generally ignore<SUP style="WHITE-SPACE: nowrap" class=Template-Fact title="This claim needs references to reliable sources from July 2008">[citation needed]</SUP> their structure (petrography) and high quality. Instead, they base their claims on comparisons of tektite chemistries with the averages of certain sediments, and on certain rare-earth and isotopic values claimed not to exist in the Moon. Other researchers<SUP style="WHITE-SPACE: nowrap" class=Template-Fact title="This claim needs references to reliable sources from July 2008">[citation needed]</SUP>, however, have shown that tektite glasses are not really comparable to terrestrial sediments, which have a wide range of chemical variance – especially in the alkalis; and instead often exhibit igneous (volcanic) chemical trends. They also argue the physical impossibility of forming tektites by impact "jetting" or "compression rebound".
    In 1961, officials at the U.S. Air Force's Cambridge Research Laboratories in Bedford, Massachusetts, were keenly interested in the chemical and physical characteristics of tektites. "Project 7698" was commissioned with W.H. Pinson, Jr. of the Massachusetts Institute of Technology as the principal investigator. The 7698 final report concluded that the strontium isotopic composition of tektites did not match those of terrestrial rocks and impactites. Pinson concluded the theory of formation by random fusion of terrestrial materials "whether by impact of meteorites, asteroids, comets or lightning" could not be supported.
    It has been shown by researchers working on certain Apollo samples that a number of terrestrial-like rare-earth and isotopic values evidently do exist at depth in the Moon. Such samples have reached the surface in certain volcanic processes. Both terrestrial and lunar volcanism have produced iridium values comparable to that of the KT (Cretaceous/Tertiary) clay/microtektite layer. However, either terrestrial or lunar volcanism can not explain isotopic anomalism found in the KT boundary. In other words, chromium isotopic composition is homogeneous within the Earth-Moon system, so the chromium isotopic anomaly found in the KT boundary can be explained only if material from an impactor (asteroid or comet) were mixed in. Material of lunar origin, discovered to date, cannot explain the isotopic characteristics.
    NASA scientist John A. O'Keefe published numerous papers between the 1950s and 1990s discussing these lunar rare-earth, isotopic and other chemistries, and how they relate to tektite glass.<SUP style="WHITE-SPACE: nowrap" class=Template-Fact title="This claim needs references to reliable sources from February 2007">[citation needed]</SUP>
    Thus, some tektite researchers continue to strongly disagree with the popular terrestrial-impact theory; they suggest that tektites are more likely volcanic ejecta from the Moon.
    From the 1950s through the 1990s, NASA aerodynamicist Dean R. Chapman and others advanced the "lunar origin" theory of tektites. Chapman used complex orbital computer models and extensive wind tunnel tests to support the theory that the so-called Australasian tektites originated from the Rosse ejecta ray of the large crater Tycho on the Moon's nearside. Until the Rosse ray is sampled, a lunar origin for these tektites cannot be ruled out. During the 1980s and 1990s, researchers such as O’Keefe of NASA, astronomer and long-time tektite researcher Hal Povenmire, and petrologist Darryl Futrell claimed that the slow way in which tektite glass formed (called "fining"), and the volcanic features they claimed to have observed within some layered tektites, couldn’t be explained by the terrestrial-impact theory. Unlike all terrestrial impactite glasses, tektites are nearly free of internal water similar to lunar rocks. Also, Stokes' Law does not permit the formation of tektites during impact while the velocity needed to form certain "flanged" tektites is more compatible with a lunar origin rather than a terrestrial origin. O'Keefe suggested explosive, hydrogen-driven lunar volcanoes as the original source of tektites. Note: Since the unmanned U.S. Clementine lunar mission of the 1990s, vast areas of pyroclastic (volcanic) glasses have been identified, notably in the area of the Aristarchus plateau. There is also evidence of interstitial granitic material (akin to the acidic tektites in chemistry) in some lunar highland samples which bolsters the lunar-origin theory. Lunar Orbiter spacecraft images reveal fields of volcanic domes that may indicate deep-seated, high-silica eruptions on the Moon, possible sources of the tektites. (These domes are similar to the Mono Lake craters of California; ironically, Mono obsidians resemble some layered tektites).
    A part of one of the rock samples collected on Apollo 12, lunar sample 12013, has a composition which is remarkably similar to some tektites. It is especially similar to high-magnesium javenites (part of the Australasian field). Sample 12013 is inhomogenous in that it is composed of two types of materials, light and dark. The light, acidic portion is composed of up to 71 percent silicon dioxide. The dark portion resembles KREEP rocks. The abundances of 20 of 23 elements tested from the acidic portion of the sample showed a striking similarity to high-magnesium tektites. The major elements matched well; the minor and trace elements did not. However, other lunar samples matched some microtektites very well.
    Even with great similarity to a tektite, lunar sample 12013 is not generally accepted as a tektite. However, it is similar enough to some tektites that it cannot be ignored.<SUP style="WHITE-SPACE: nowrap" class=Template-Fact title="This claim needs references to reliable sources from July 2008">[citation needed]</SUP> Thus, mineralogist Brian Mason and petrologist W.G. Melson, geologists Edward Chao, Robert J. Foster, and Jack Green – along with astronomers Mark R. Chartrand, Franklyn Branley, J.E. van Zyl, Paolo Maffei and ceramic scientist David Pye – reject the terrestrial-origin theory and support a lunar origin.
    Finally, according to O'Keefe and Povenmire, Apollo 14 lunar sample 14425 resembles some high-magnesium, low silica content microtektites. However, this claim was rejected in a study by scientist B.P. Glass. Regardless, O'Keefe said that "If 14425 was found in Antarctica instead of Fra Mauro (on the Moon), it would probably have been accepted as a tektite."
    While the more visible tektite-origin "battle" may have quieted down since the Apollo era, it continues among some serious meteorite researchers and collectors who have studied the topic in depth and refuse to surrender their favorite theory.
    [edit] Occurrence

    The Moldau River (in Czech, Vltava) in the Czech Republic is now the only known locality for green, transparent tektite. The first tektites were found in 1787 in the Moldau River, hence their original name of "moldavites." Other color varieties of this natural glass have since been found in many different localities. Tektites are usually translucent and occur in a range of colors from green to brown. Their surfaces are usually uneven or rough, with a distinctive lumpy, jagged, or scarred texture. Tektites do not contain the crystallites found in obsidian. They may, however, have characteristic inclusions of round or torpedo-shaped bubbles or honeylike swirls. Tektites from Thailand have been carved as small, decorative objects worn in the belief that they give protection from evil.
    [edit] Literature

    [edit] Books

    [edit] Articles

    • Cameron, W. S. & Lowrey, B.E. (1975) Tektites: Volcanic ejecta from the Moon. The Moon, 31–360.
    • Chapman, Dean R. (1971) Australasian tektite geographic pattern, crater and ray of origin, and theory of tektite events. Journal of Geophysical Research, Vol. 76, No. 26, 6309–6338.
    • Chao, E.C.T. (1993) Comparison of the Cretaceous-Tertiary boundary impact events and the 0.77-ma Australasian tektite event... U.S.G.S. Survey Bulletin 2050, G.P.O.
    • Faul H.(1966) Tektites are terrestrial. Science, Vol. 152, 1341–1345.
    • Futrell, D. (February & March 1999) The lunar origin of tektites. Rock & Gem.
    • Futrell, D. & Varricchio, L. (2002) An argument against the terrestrial origin of tektites. Meteorite, Vol. 8, No. 4, pp. 34–35.
    • Glass, B. P. (1986) Lunar sample 14425: Not a lunar tektite, Geochimica et Cosmochimica Acta 50, 111–113.
    • Koeberl C.(1990) The geochemistry of tektites: An overview. Tectonophysics Vol. 171, 405–422.
    • Mason, B. & Melson, W.G. (1970) The lunar rocks. Wiley Interscience, 113–115.
    • NASA Ames Research Center (Sept. 22, 1969) NASA fact sheet Tektites, tons of the Moon already on Earth.
    • O'Keefe, J.A. (June 5, 1970) Tektite glass in Apollo 12 sample. Science, Vol 168, 1209–1210.
    • O'Keefe, J.A. (Feb. 26, 1985) The coming revolution in planetology. Eos, Vol. 66, No. 9, pp. 89–90.
    • O'Keefe, J.A. (1993)The origin of tektites.Meteoritics, Vol. 29, No. 1, pp. 73–78.
    [edit] External links

    <TABLE style="BORDER-BOTTOM: #aaa 1px solid; BORDER-LEFT: #aaa 1px solid; BACKGROUND-COLOR: #f9f9f9; BORDER-TOP: #aaa 1px solid; BORDER-RIGHT: #aaa 1px solid" class="metadata mbox-small plainlinks"><TBODY><TR><TD class=mbox-image>[​IMG]</TD><TD class=mbox-text>Wikimedia Commons has media related to: Tektite</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    Moldavite Tektite

    Metaphysical Properties of the New Age Spiritual Moldavite Crystal

    <SCRIPT src="http://connect.facebook.net/en_US/all.js" async="true"></SCRIPT><OBJECT id=XdComm name=XdComm classid=clsid:d27cdb6e-ae6d-11cf-96b8-444553540000 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always">
























    </OBJECT>


    <SCRIPT>window.fbAsyncInit = function() {FB.init({appId: '123084094388711', status: true, cookie: true,xfbml: true});FB.Event.subscribe('edge.create', function(href, widget) {// Do something, e.g. track the click on the "Like" button here_gaq.push(['_trackEvent', 'share', 'FB Like', 'Moldavite Tektite']);ajax('activity_feed_insert.cfm?action_name=facebook&message=A%20reader%20liked%20Moldavite%20Tektite&permalink=http://www.suite101.com/content/moldavite-tektite-a194042');});};(function() {var e = document.createElement('script'); e.async = true;e.src = document.location.protocol +'//connect.facebook.net/en_US/all.js';document.getElementById('fb-root').appendChild(e);}());</SCRIPT><?xml:namespace prefix = fb /><FB:LIKE href="http://www.suite101.com/content/moldavite-tektite-a194042" layout="button_count" show-faces="false" action="like" colorscheme="light"></FB:LIKE>

    Jan 26, 2010 Brenna Coleman
    [​IMG] Moldavite Crystal Enhances Spiritual Awareness - H.Raab


    Moldavite Tektite is an important New Age crystal, encouraging spiritual awareness, and connection with both higher realms and extraterrestrial communication.
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]




    One of the rarest, and most coveted stones of the New Age spiritual movement is the Moldavite crystal. These green or brownish-green, glassy stones are believed to be of extraterrestrial origin, strewn about areas of Moldova, the Czech Republic, and Germany, where a meteor struck the Earth almost fifteen millions years ago. They are highly prized for their intense metaphysical properties, and specifically, their ability to enhance spiritual awareness.
    The Origins of Moldavite Tektite

    There are different theories as to the exact origin of this New Age spiritual crystal, although it is generally accepted that it has something to do with the meteor which struck, and therefore created, the Bohemian plateau. It could be that Moldavite Tektite is merely terrestrial material, transformed from the extreme heat of the meteor. It may also be a fusion of rock from the Earth, and material from the meteorite. This rare spiritual crystal has been valued as a talisman of good fortune for tens of thousands of years, and even is reputed to be connected to the Holy Grail.
    Today, Moldavite crystal is considered one of the most powerful metaphysical stones. Many who encounter it have spoken of an intense feeling, or rise of energy in the body. It may help bring knowledge from higher realms, from extraterrestrial thought, and even from the Akashic Record. Unlike almost all healing crystals, Moldavite does not actually heal the body, but merely causes one to understand the foundations of their illness. In this way, this New Age crystal is unique in that its power revolves around raising mental, psychological, and spiritual awareness. Also, unlike other healing crystals which are usually prevalent in many areas of the Earth, Moldavite is only found in one area, and will eventually become extinct.
    Ads by Google
    Distance Healing Intensive Healing Sessions Performed While You Sleep! www.rainbowremotehealing.com</SPAN>
    Kabbalah Life Analysis Recognize your life`s task and the causes of your illness www.kabbalah-life-analysis.com</SPAN>



    <SCRIPT language=javascript>document.getElementById('adsense_placeholder_2').innerHTML = document.getElementById('adsense_ad_2_hidden').innerHTML;</SCRIPT>
    Metaphysical Properties of Moldavite Crystal

    Moldavite crystal properties are profound compared to the more subtle, earthly stones. It is said to connect the bearer with cosmic messengers, the higher self, and enlightened beings. When held in light, gazing at this stone should cause a shift in awareness; holding it, can cause the 'Moldavite flush' — a surge of energy and emotion causing the face to redden. It has an extremely high vibrational energy, raising the energy of those who wear it as jewelry, and those who use it in meditation or crystal healing. It also raises the vibration of other crystals.
    This stone is most connected with the heart chakra, although its energy can open up any of the chakras. This is the crystal to ignite the Kundalini, to open the third eye chakra to learn about the potential outcome of future lives, to reach spiritual information found deep within the unconscious. It inspires the intellect and helps one let go of material attachments. Moldavite Tektite is clearly the ideal for those who are interested in New Age spirituality and seeking a powerfully metaphysical stone.
    Care and Use of Moldavite Stones

    More delicate than most crystals, Moldavite stones should be cleansed regularly, but never in salt. Utilize other cleansing methods such as putting in sunlight, or laying on a purifying clear quartz crystal. In fact, clear quartz helps to stabilize the intense effects of Moldavite. It is also beneficial to hold grounding Boji stones after a Moldavite-driven spiritual experience. Wear as jewelry, Moldavite rings or pendants, or place on the forehead, throat, or crown of the head during meditation. Enjoy and appreciate the growth and transformation ignited by this powerful green stone.
    Read on

    Sources:
    Hall, Judy. "The Crystal Bible: A Definitive Guide to Crystals." (Godsfield Press, 2003).
    Simmons, Robert and Maisha Ahsian. "The Book of Stones: Who They are and What They Teach." (North Atlantic Books).

    Copyright Brenna Coleman. Contact the author to obtain permission for republication.


    Read more at Suite101: Moldavite Tektite: Metaphysical Properties of the New Age Spiritual Moldavite Crystal http://www.suite101.com/content/moldavite-tektite-a194042#ixzz0zpzilQbI
     
  14. เปิดใจ

    เปิดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +148
    โอ้ว...อ่านไม่ออกเลย!!! แต่ขอบคุณท่านพี่มากเลยครับ ที่ให้ข้อมูลดีๆตลอด
    จะพยามฝึกตลอดครับ ถ้าเกิดติดขัดการฝึกยังก็จะขอปรึกษาท่านพี่นะครับ
    ขออีกหนึ่งคำถามนะครับท่านพี่ ปิรามิด นี่มันเกี่ยวกับการฝึกไหมครับ
     
  15. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ปิรามิดเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น สู้ผลึกคริสตัลตามธรรมชาติไม่ได้หรอกครับ
    อีกอย่างผมไม่ได้ฝึกพลังจักรวาลประเภทต้องเดินทางไปดูดพลังตามสถานที่ต่างๆหรือต้องเสียเงินเป็นล้านไปเรียนที่เมืองนอก ปิรามิดที่มโนจิตสร้างขึ้นกับปิรามิดที่มนุษย์สร้างผมว่าผมbuildภาพเองดีกว่าครับเอากี่เหลี่ยมกี่มุมก็ได้
     
  16. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    เรียน อ. อัคนีวาต
    ผม อ. ภราดรภาพ ของถามแทน DMZ_ZONE ในประเด็นนี้ด้วยครับ

    รบกวนวิเคราะห์และแก้ปัญหานี้ให้หน่อยครับ
     
  17. พุทธาวตาร

    พุทธาวตาร "อีกเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป..."

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +398
    ขออนุญาตถามคุณอัคนีวาตครับ

    อ่านกระทู้และลองปฏิบัติมาสักพักแล้วครับ ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง
    เวลาสักครึ่งชั่วโมง แล้วเห็นประภาสเป็นสีทองครับ ใช้การกำหนดจิตภาพ
    พระพุทธรูปใสสว่างที่จักระ 6 ครับ แล้วมีความรู้สึกร้อนๆ เหมือนมีเทียนมาจุด
    ใกล้บริเวณหน้าผากครับ คืออาการเช่นใดครับ? ขอบคุณครับ
     
  18. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    เรียน อ.ภราดรภาพ
    อาการของคุณDMZ ZONE เป็นคล้ายๆกับที่ผมเคยเป็น เมื่อก่อนที่ผมจะได้รับความเมตตาจากอาจารย์เปิดจักระให้นั้น เวลาที่ฝึกปราณหรือนั่งสมาธิผมจะรู้สึกว่ากระแสพลังไม่สามารถพุ่งขึ้นไปได้จะทำให้ปวดหูและหน้าผาก
    เมื่อได้รับการกระตุ้นจักระทั้ง7และฝึกสมาธิแนวพลังจักรวาลอาการดังกล่าวก็หายไปไม่กลับเป็นอีก
    ปกติแล้วเวลาผู้ฝึกพลังจักระเข้าไปสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จักระที่7จะหมุนจนเรารับรู้ได้ เนื่องจากพลังของเราจะเชื่อมโยงกับพลังของสิ่งศักดิ์สิทธื์นั้นได้ จึงมีผู้ฝึกฝนหลายๆคนนิยมไปสถานที่ต่างๆดังกล่าวเพื่อรับพลัง
    คุณDMZ ZONE คงยังไม่ได้รับการเปิดจักระ แต่น่าจะมีสัญญาเก่าของวิชานี้อยู่ทำให้จักระพยายามจะหมุนทั้งที่ยังไม่เปิดดีทำให้ปวดหน้าผากคือจักระที่6
    ขอแนะนำว่าให้หาผู้ฝึกวิชานี้เปิดจักระให้หรือโทรไปปรึกษากับอ.หม่าม๊าเพื่อเปิดจักระต่อไป
     
  19. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ความร้อนนั้นคือกระแสของพลังครับ ถ้าฝึกตามที่โพสไว้ทุกอย่างปราณในร่างกายจะถูกกระตุ้นด้วย กระแสของปราณนี้เป็นกระแสพลังความร้อนครับ ข้อสังเกตุคือถ้าเราเดินปราณอย่างเดียวโดยไม่กระตุ้นจักระเลยเหงื่อจะไหลและรู้สึกได้ถึงพลังความร้อนจากจักระที่1 แล่นแนบกระดูกสันหลังขึ้นมา
    เมื่อเราหมุนจักระทั้ง7 พลังปราณจักรวาลจะไหลเข้าจุดกระหม่อมและเชื่อมโยงกัน เมื่อนั้นเกิด3ประสานคือฟ้า ดิน และมนุษย์
    เมื่อฝึกไปเรื่อยๆจะเกิดอะไรขึ้นก็แค่รับรู้ครับจะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ แต่ห้ามลืมกฏไตรลักษณ์นะครับ
    แม้สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับเป็นธรรมดา
    เราฝึกวิชาเพื่อรักษาสุขภาพกายและจิตเพื่อเป็นบาทฐานให้ฝึกสติ สัมปปชัญญะและปัญญาเพื่อบรรลุนิพพาน หาได้ฝึกเพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ หรือแสวงหาอามิสใด
    วิชาที่ได้จะไม่เสื่อมและเป็นประโยชน์แก่ตนเองและสาธารณะชนครับ
     
  20. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    เรียน อ. อัคนีวาต
    ผมขอถามในประเด็นการเปิดจักระ เพราะเท่าที่ทราบมา อ. เองก็เปิดจักระให้แก่ญาติธรรมทั้งหลาย โดยมีพิธีการทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วย จึงเห็นว่า อ. มีทั้งความรู้และประสบการณ์ เหตุใดจึง อ. หม่าม๊าเป็นคนเปิดให้ละครับ

    ทำไม อ. จึงไม่เปิดเอง เพราะเห็นว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งเป็นการสร้างบารมีของ อ. เองด้วย ผมเลยไม่เห็นมีเหตุจำเป็นอันใดที่จะเป็นเปิดกับ หม่าม๊า นะครับ อันนี้ไม่ได้หมายความว่า หม่าม๊า ไม่เก่งนะครับ เพราะผมเองก็สอบถาม หม๋าม๊าและคนอื่นๆ ที่เปิดกับกับท่าน แต่เท่าที่ทราบมา ท่านก็ไม่ได้ใช้พลังจักระอย่างแท้จริง เพียงแต่มีพลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเกื้อหนุนเท่านั้น

    ในเมื่อ อ. เอง ก็พยายามให้เปิดทางผ่านทางเว็บ ซึ่งผมเห็นควรว่า ควรเปิดในที่อันควร ไม่ควรเปิดเอง ปิดเอง ผ่านทางเว็บ เพราะหากขาดผู้ควบคุมชี้แนะ มันจะกลายเป็นดาบสองครับ นะครับ

    อันนี้ ก็แล้วแต่จะเห็นควร ผมมีความเห็นตามอันควรนะครับ ด้วยความเคารพ

    อ. ภราดรภาพ
     

แชร์หน้านี้

Loading...