หลวงพ่อของเรา โดยศ.ดร.ปริญญา นุตาลัยจากลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๑.

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ติงติง, 29 สิงหาคม 2010.

  1. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    [​IMG]

    เรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้
    ผู้เขียนมีความประสงค์จะบันทึกคุณวิเศษบางส่วนของ
    หลวงพ่อของเรา
    ให้บรรดาศิษย์ทั้งหลายได้ชุ่มชื่นใจ
    ในคุณความดีอันยอดยิ่งของท่านที่คุ้มหัวพวกเราอยู่
    ท่านที่ไม่ได้เป็นลูกศิษย์จะอ่านก็ได้
    ผู้เขียนก็หวังว่าเรื่องนี้คงจะเป็น ประโยชน์แก่ท่านบ้าง
    ส่วนคนพาลห้ามอ่านเด็ดขาด
    เพราะวิสัยของคนพาลก็ย่อมมีทุคติ เป็นเบื้องหน้าอยู่แล้ว
    อย่าได้มาหาโทษใส่ตนเพิ่มขึ้นอีกเลย หลายๆ
    เรื่องที่จะเล่าสู่กันฟังนี้ก็คงเป็นอจินไตย สำหรับผู้ยังไม่ได้ฌาน
    และไม่มีญาณที่เกิดจากอำนาจฌาน
    ก็ขอให้ฟังหูไว้หูไปพลางๆ ก่อน


    [​IMG]

    หลวงพ่อเป็นพระขนาดไหน

    ใครก็ตามที่ได้อ่านหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน
    และ หนังสือมโนมยิทธิและประวัติของฉัน
    ก็คงจะพอรู้ประวัติและปฏิปทาของหลวงพ่อแล้ว
    ทีนี้ลองมาฟังพระผู้ใหญ่บางท่านพูดถึงหลวงพ่อดูบ้าง


    หลวงปู่บุดดา ถาวโร
    เคยปรารภถึงหลวงพ่อของเราเมื่อเปรียบกับองค์ท่านเองไว้ดังนี้
    “หลวงปู่น่ะเหมือนหิ่งห้อย หลวงพ่อมหาวีระเหมือนพระอาทิตย์”
    เป็นไงครับ ท่านผู้อ่านพอรู้
    ขนาดตัวท่านบ้างหรือยัง
    พระสุปฏิปันโนขนาดหลวงปู่บุดดา เปรียบได้แค่หิ่งห้อย
    เราท่านทั้งหลายก็คงเป็นแค่ไรน้ำที่ติดใจพระอาทิตย์กระมัง

    หลวงพ่อสิม พุทธาจาโร (พระครูสันติวรญาณ)
    บอกว่า
    “หลวงพ่อมหาวีระนั้น ท่านเป็นโลกวิทู แจ้งทั้งโลก แจ้งทั้งธรรม”
    ชัดเจนไหมครับ
    ครูบาคำแสนเล็ก ท่านบอกว่า
    “หลวงปู่ บวชมา 60 กว่าพรรษาเข้านี่แล้วยังไม่เคยพบพระองค์ไหนเหมือนหลวงพ่อ”

    [​IMG]

    เมื่อตอนปลายปี พ.ศ.2517
    หลวงพ่อเข้ามาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ
    ผู้เขียนได้มานอนเฝ้าท่านอยู่
    ตอนกลางคืนท่านก็รับ แขกพวกญาติโยม หมอและพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ
    (สมัยนั้นพี่หมอสมศักดิ์ ดูเหมือนจะเป็นรองผู้อำนวยการ)
    หลวงพ่อท่านก็เล่าเรื่องหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ให้ฟัง ท่านว่า
    หลวงพ่อกบนั้นเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณทรงสมาบัติแปดตลอด
    ท่านจึงไม่รู้ร้อนรู้หนาว
    ตัวผู้เขียนเองนั้นสงสัยหลวงพ่อมานานแล้ว
    และก็ถกเถียงกับลูกศิษย์หลายๆท่านเรื่อยมา
    ท่านที่อ่านหนังสือประวัติหลวงพ่อปานก็จะอ้างว่า
    หลวงพ่อทรงวิชชาสามแน่นอน
    แต่ผู้เขียนว่าไม่ใช่

    [​IMG]

    เพราะหลวงพ่อทรงสมาบัติแปดตั้งแต่พรรษาแรก
    และผู้ที่ทรงสมาบัติแปดนั้นสามารถเป็นพระอรหันต์พร้อมปฏิสัมภิทาญาณได้ภายใน 7 วัน พอแขกกลับไปหมดแล้วผู้เขียนก็มานอนคิดเปรียบเทียบ
    หลวงพ่อกบนั้นท่านทรงสมาบัติแปด ท่านก็เป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ
    หลวงพ่อของเรานั้นบารมีเดิมท่านเป็นพุทธภูมิวิริยาธิกะ
    อีก 7 ชาติ บารมีจะเต็ม และก็ทรงสมาบัติแปดตั้งแต่พรรษาแรกที่บวช
    เมื่อท่านลาพุทธภูมิ (เมื่อ พ.ศ. 2504) แล้ว ทุนเดิมมากมายเหลือเฟืออย่างนั้น
    ถ้าไม่ทรงปฏิสัมภิทาญาณแล้วจะเอาทุนเดิมไปซ่อนที่ไหน

    พอคิดออกก็แทบจะนอนไม่หลับ รุ่งเช้าหกโมงเช้าหลวงพ่อตื่นแล้ว
    ผู้เขียนก็รีบเข้าไปกราบๆๆ แล้วเรียนท่านว่า
    “ผมรู้แล้วครับ หลวงพ่อทรงปฏิสัมภิทาญาณแน่นอน”
    แล้วก็ให้เหตุผลกับท่าน ท่านบอกว่า
    “จับได้ไล่ทันก็แล้วไป จับไม่ได้ไล่ไม่ทันข้าก็ว่าของข้าไปเรื่อยๆ”
    แล้วท่านก็เมตตาเล่าให้ฟังว่า

    ท่านสงสัยมาตั้งแต่บวชแล้ว เมื่อได้อ่านพบว่า ท่านพระกิมพิละ
    สำเร็จอรหันต์ปฏิสัมภาทาญาณ ทรงพระไตรปิฎก
    เมื่อมีดโกนจรดหนังศีรษะเมื่อจะโกนผมบวช ท่านบอกว่า
    “ทรงพระไตรปิฎกเข้าไปได้ยังไง ยังไม่ได้อ่านได้เรียนสักตัว”
    แต่เมื่อท่านสำเร็จเองแล้วถึงได้รู้ว่า
    “นึกจะรู้อะไรแล้วมันรู้ไปหมด ความรู้มันเกิดขึ้นมาเอง นึกจะรู้ก็รู้”
    ตั้งแต่นั้นมาผู้เขียนก็ทำตนเป็นฆ้องปากแตก เที่ยวได้บอกเขาเรื่อยไป

    จนกระทั่งหลวงพ่อท่านบ่นว่า
    “ข้าปิดของข้ามาเป็นสิบกว่าปี ไอ้เบื๊อกนี่เอามาเปิดหมด”
    ดังนั้นผู้เขียนจึงไม่สงสัยเลย (แต่จับใจมาก) เมื่อได้ยินท่านพูดว่า
    “ขึ้นชื่อว่าพระ (หรือคนก็ตาม) อย่าให้ฉันได้ยินชื่อ...รู้หมด”


    [​IMG]

    ทีนี้ขอเล่าเรื่องที่ผู้เขียนได้ประสบมาแล้วก็ไม่เคยกล้าเล่า
    เมื่อผู้เขียนฝึกมโนยิทธิสำเร็จครั้งแรกเมื่อปลายปี 21
    ขอออกนอกเรื่องหน่อยนะครับ เพราะฝึกว่าจะได้ใช้เวลาตั้ง 3 คืน
    มิหนำซ้ำยังขี้เกียจฝึกฝนซักซ้อมเสียอีก
    ท่านทั้งหลายที่มาฝึกปุ๊บได้ปั๊บนั้น

    ขอให้ภูมิใจได้ว่าจิตของท่านดีกว่าผู้เขียนหลายเท่านัก
    กลับเข้าเรื่องล่ะครับ เมื่อขึ้นไปถึงพระนิพพานได้แล้ว
    (ใครว่านิพพานสูญก็เชิญตามสบายนะครับเราไม่ว่ากันอยู่แล้ว)
    ความซนก็บังเกิด แอบไปดูวิมานหลวงพ่อ
    พอเห็นเข้าก็ตกใจทำไมถึงใหญ่โตอย่างนี้
    ใหญ่กว่าวิมานของสมเด็จองค์ปัจจุบันมากเป็นไปได้ยังไง
    ความรู้ปรากฏแก่จิตในขณะที่คิดนั้นเองว่า
    เศรษฐีมีทรัพย์มากกว่าพระราชาได้
    หลวงพ่อท่านสั่งสมบารมีมาสิบหกอสงไขยกับอีกแสนกัป
    วิมานก็ย่อมใหญ่เป็นธรรมดา
    ตั้งแต่นั้นมาผู้เขียนก็ชอบแอบดูวิมานชาวบ้านเรื่อยมาจนนานๆ เข้าก็เลิกไปเอง
    ที่โบราณท่านว่าวาสนาบารมีแข่งไม่ได้นั้น มันจริงอย่างนี้

    [​IMG]

    ขอเล่าเรื่องฟังเทศน์ที่พระจุฬามณี
    ให้ฟังสักนิดราวกลางปี พ.ศ. 2517
    ผู้เขียนมาฝึกกรรมฐานกับหลวงพ่อที่ตึกขาว พอหมดเวลาหลวงพ่อก็บอกว่า
    “คุณปริญญา ฉันเจออาจารย์คุณบนดาวดึงส์”
    ผู้เขียนได้ยินก็นึกไม่ออกว่าองค์ไหน
    เพราะเวลานั้นผู้เขียนไปมาหาสู่พระอาจารย์หลายองค์ด้วยกัน
    ก็พอนึก ๆ เอาเองว่า คงเป็นหลวงพ่อสิม
    ดังนั้นพอผู้เขียนกลับไปถึงเชียงใหม่ก็รีบขึ้นไปถ้ำผาปล่องไปถามหลวงพ่อสิมว่า
    “วันนั้นหลวงพ่อขึ้นไปดาวดึงส์ใช่ไหม”
    หลวงพ่อสิมถามว่า
    “ใครบอก”
    ผู้เขียนก็ตอบว่า
    “หลวงพ่อมหาวีระบอก”

    [​IMG]

    หลวงพ่อสิมขอดูรูปหลวงพ่อ ผู้เขียนก็นำขึ้นไปถวาย
    และผู้เขียนก็เล่าใฟ้ท่านฟังว่า หลวงพ่อมหาวีระ บอกว่า
    “ฉันชอบหลวงพ่อสิมอยู่สองอย่าง คือท่านเคารพพระพุทธเจ้าอย่างจริงใจและท่านมีกตัญญูสูง” หลวงพ่อสิมก็ปรารภว่า
    “ท่านไม่รู้จักเราท่านยังสามารถรู้ในจิตในใจเราได้”
    หลวงพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า

    “พระทุกองค์ที่ได้ตั้งแต่วิชชาสามจะขึ้นไปฟังพระพุทธเจ้า
    เทศน์ที่พระจุฬามณีทุกๆ วันพระ”
    และการเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้าที่พระจุฬามณีพระทั้งหลายก็จะนั่งเรียนลำดับใกล้ไกล
    จากพระพุทธองค์ตามอริยผล อริยมรรค และกำลังฌานที่ได้และตามบารมีที่สั่งสมมา

    [​IMG]

    หลังจากฝึกมโนมยิทธิได้แล้ว
    ผู้เขียนก็เคยอธิฐานขอดูลำดับพระที่มีชื่อเสียงหลายองค์ว่าท่านขนาดไหนกันบ้าง
    เมื่อท่านเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่พระจุฬามณี (ด้วยความอยากรู้เท่านั้น)
    ทุกๆครั้งที่ขึ้นไปขอดู
    เห็นหลวงพ่ออยู่ชิดด้านขวาพระพุทธองค์เป็นเบอร์หนึ่งทุกที
    พระหลายองค์ที่มีชื่อเสียง ท่านก็นั่งอยู่ในแถวพระอรหันต์ก็มี
    พระอนาคามีก็มี
    แต่ขอโทษทีบรรดาพวกจิตว่างท่านไปอยู่ไหนกันหมดก็ไม่ทราบ ไม่เคยเห็นสักที

    [​IMG]

    ขอปรารภเรื่องจิตว่างสักนิด
    หลวงพ่อท่านพูดทุกครั้งที่มีผู้มาถามเรื่องจิตว่าง
    ท่านว่า คำว่า จิตว่าง คือ ว่างจาก โลภะโทสะ โมหะ
    แต่จิตไม่ได้ว่างแบบไม่เสวยอารมณ์ใดๆ
    จิตว่างแบบนั้นมีเฉพาะพระอนาคามี และพระอรหันต์ที่เข้านิโรธสมาบัติเท่านั้น
    จิตคนทั่วไปต้องเสวยอารมณ์ เมื่อจิตละอกุศล จิตก็ยึดกุศล

    ผู้เขียนขอยกคาถา 4 ที่พวกจิตว่างส่วนใหญ่ยึดอยู่
    (เอ๊ะ ถ้าว่างก็ต้องไม่ยึดสิ)
    โดยไม่รู้จริงมาให้พิจารณาดูสักนิด พระบาลีที่ว่า
    สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ นั้น
    หลวงพ่อท่านบอกว่า ควรจะแปลว่า
    “สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นโลกียวิสัย ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น”
    ไม่ใช่ไม่ยึดแม้กระทั้ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และพระนิพพาน
    ลองคิดพิจารณากันดูนะครับ

    [​IMG]

    กลับเข้าเรื่องใหม่นะครับ
    เมื่อผู้เขียนรู้เสียแล้วว่าหลวงพ่อท่านเป็นพระขนาดไหน
    ความวางใจอย่างเต็มที่ในครูบาอาจารย์ก็บริบูรณ์
    และก็เป็นเหตุที่ทำให้ผู้เขียนถูกพระองค์ที่สิบทัก
    เมื่อคราวฉลองวัดฃผู้เขียนขอเอาความอวดดีของตัวมาเล่าสู่กันฟังสักเรื่อง

    ที่จริงไอ้เรื่องมานะถือตัวอวดดีนั้นผู้เขียนไม่เป็นรองใคร
    ผู้เขียนถือตัวอยู่เสมอว่ามีอาจารย์ดีใครอย่าได้มาบอกบุญให้ทำที่วัดอื่นเลย
    ใจมันไม่อยากทำ ถ้าทำก็เพราะเกรงใจคนไม่ใช่เพราอยากทำบุญ
    ผู้เขียนรู้ว่าเนื้อนาบุญของผู้เขียนนั้นเป็นอุดมมงคลแล้ว
    จะไปโง่ทำนาดอน นาแล้งทำไม

    ตอนวันฉลองวัดก็รู้ๆ กันอยู่ (เพราะหลวงพ่อบอกล่วงหน้า)
    ว่าจะมีพระชั้นเยี่ยมๆ มาวัด ผู้เขียนไม่ได้ตื่นเต้นตามไปด้วยเลย
    เพราะเรารู้ของเราอยู่ว่าแค่นี้เราพอแล้ว
    พอผู้คนตื่นเต้นกันมากๆ ผู้เขียนก็ผสมโรงหลอกชาวบ้านว่า
    ท่านพระโมคคัลลาน์ และท่านพระสารีบุตร มาที่อาคารเสริมศรีแล้ว ไปดูซิ

    [​IMG]

    (ที่จริงท่านนั่งพนมมืออยู่นั้นหลายปีแล้ว)
    ก็บอกเขาไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง น้าน้อย (กานดา อมาตยกุล)
    มาบอกว่า เธอไปดูซิ มีพระดีที่ศาลาหลังเก่าน่ะ
    ผู้เขียนนั้น รู้มานานแล้วว่าในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของหลวงพ่อ
    น้าน้อยมีทิพจักขุญาณแจ่มใสไม่เป็นรองใคร ก็เลยแอบไปดู
    พบรัชนีกลางทางก็ชวนไปดูด้วย เธอก็เย้าเอาว่า
    ไหนว่ามีอาจารย์ดีองค์เดียวไง ก็เลยตอบไปว่า น้าน้อยให้ไปดู

    ก่อนจะถึงผู้เขียนอธิษฐานว่า
    ถ้าท่านเป็นพระดีจริง ก็ขอให้ท่านทักเราโดยอย่าให้คนอื่นรู้
    พอผู้เขียนก้าวพ้นบันได้ขึ้นไปบนชานก็ได้ยินเสียงมาทีเดียวว่า
    “ไอ้คนบางคนมันถือตัวว่ามีอาจารย์ดี แล้วตัวมันเองดีเหมือนอาจารย์หรือเปล่า”
    พอได้ยินเข้าก็ซึมไปเลย รีบเข้าไปกราบสุดตัวเลยทีเดียว

    [​IMG]

    หลวงพ่อชี้ทางนิพพาน

    ผู้เขียนได้พบหลวงพ่อเมื่อปลายปี พ.ศ. 2516
    หลังจากซาบซึ้งตรึงใจกับหนังสือสองเล่มที่ท่านเขียนคือ
    ประวัติหลวงพ่อปาน
    และ คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐานมาหลายเดือน
    มาหาท่านที่วัดสองครั้งก็ไม่พบ
    จนกระทั่งท่านขึ้นไปเชียงใหม่จึงได้พบท่านที่นั่น
    ผู้เขียนสนใจพระพุทธศาสนามานานแล้ว
    ได้เคยอ่านหนังสือแนะนำวิธีฝึกพระกรรมฐานตั้งแต่วิสุทธิมรรคลงไปอยากจะพูดว่าทุกเล่ม
    ทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษ

    พอมาพบหนังสือคู่มือปฏิบัติพระกรรมฐานของหลวงพ่อ
    ก็บังเกิดความซาบซึ้งตรึงใจมาก
    คิดว่าไม่มีหนังสือใดที่วิเศษไปกว่านี้อีกแล้ว
    แล้วก็เลยขโมยท่านพิมพ์แจกในงานแซยิดแม่
    และเอาไปถวายที่วัด 200 เล่ม

    แต่ไม่ได้พบหลวงพ่อ
    พอพบท่านที่เชียงใหม่ท่านก็สอนทั้งสองคืน
    พูดเรื่องโทษของการกินเหล้าจนผู้เขียนเลิกเหล้า
    ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และสอนว่า
    ใครก็ตามที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาและมีจิตศรัทธาเลื่อมใส
    ท่านว่าบารมีเต็มแล้ว
    สามารถเข้าถึงพระนิพพานได้ในชาติปัจจุบัน

    [​IMG]

    แล้วท่านก็บอกให้พิจารณาละสังโยชน์สาม
    และกำหนดว่าอย่างน้อยจะต้องเป็นพระโสดาบันให้ได้
    ผู้เขียนอายุ 34 ปี ในขณะนั้น
    หัดฝึกกรรมฐานสัมมาอรหังกับหลวงปู่สดวัดปากน้ำตั้งแต่อายุ 10 ขวบ
    เทกระโถนหลวงปู่บุดดา มาตั้งแต่เล็กๆ
    ได้พบพระอาจารย์
    ดีๆ มาก็มากมาย แต่สงสัยในเรื่องนิพพานมาตลอดเวลาว่า

    จะต้องสั่งสมบารมีไปอีกเท่าไหร่กันจึงจะถึงสักที
    มีอะไรเป็นเครื่องหมายเครื่องกำหนด
    พึ่งจะได้พบแสงสว่างจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อวันนั้นเอง
    เหมือนกับมีคนมาเปิดโลกยันพระนิพพานให้ดูทั้งหมด
    ใจฟูเป็นอันมาก พอหลวงพ่อกลับไปแล้วก็รีบไปเล่าให้หลวงพ่อสิมฟังว่า
    ได้พบพระที่บอกให้ผู้เขียนเร่งให้ถึงนิพพานในชาตินี้ให้ได้
    ผู้เขียนมีหวังแล้ว

    หลังจากครั้งนั้นก็ยังได้ยินท่านประกาศว่า
    “ถ้าเชื่อฉัน ทุกคนถึงนิพพานหมดในชาติหน้า
    แต่หลายคนจะถึงในชาตินี้”
    ท่านทั้งหลายเคยได้ยินพระองค์อื่นกล้าคิดหรือกล้าพูดเช่นนี้บ้างไหม

    [​IMG]

    นอกจากนี้ในการพบท่านครั้งแรกนั้น
    ท่านยังเล่าเรื่องอื่น ๆ ให้ฟังอีกและบอกว่า
    “คุณมาเกิดชาตินี้
    คุณลงมาไม่ครบอายุขัยนะเข้าใจไหม”
    ก็ตอบท่านว่าเข้าใจครับ แต่ไม่ยักกะถามท่านว่า
    “อายุเท่าไหร่จะตาย”
    ต่อมาลงมากราบท่านที่วัด พอสบโอกาสก็กราบเรียนท่านว่า
    “หลวงพ่อครับ หลวงพ่อเอาผมไปนิพพานด้วยนะครับ”

    [​IMG]

    ท่านตอบว่า
    “เอาไปซี่ ไม่งั้นฉันจะไปตามคุณรึ”
    ผู้เขียนก็กราบ ๆๆ หลังจากนั้นอีกหลายปี
    ได้ติดตามท่านไปเก็บลูกศิษย์อีกหลายๆ แห่ง
    (เล่าได้อีกมากไว้เล่าในเล่มต่อไปแล้วกัน)
    เห็นลีลาต่าง ๆ ของท่านด้วยความซาบซึ้งในมหากรุณา
    แล้วก็เกิดความสงสัยว่า
    ท่านจะตัดตอนหยุดเก็บลูกศิษย์แค่ไหน
    ก็กราบเรียนถามท่านว่า

    “หลวงพ่อครับ หลวงพ่อจะตัดตอนหยุดเก็บลูกศิษย์แค่ไหนครับ” ท่านบอกว่า
    “ฉันจะเก็บของฉันไปจนหมด ฉันเก็บลูกศิษย์ของ
    ฉันครบแน่”
    ผู้เขียนได้ยินแล้วสะท้อนใจในกำลังใจ
    และมหากรุณาที่ยิ่งใหญ่ไพศาลหาประมาณมิได้ขององค์ท่าน
    และลูกศิษย์ทุกท่านก็คงจะอุ่นใจได้นะครับ

    [​IMG]

    หลวงพ่อต่อชีวิตให้

    ในปี พ.ศ. 2521 ผู้เขียนมาฝึกมโนมยิทธิ
    พอขึ้นไปได้วันที่สอง ชักจะสนุกสนานและจิตทิ้งขันธ์ 5 ได้เป็น
    เมื่อเสร็จแล้วมากราบหลวงพ่อ
    หลวงพ่อเล่าว่า
    ท่านพระกาฬถือขวานสองเล่มมายืนอยู่ข้างหลังผู้เขียน
    หลวงพ่อก็ถามท่านว่ามาทำไม ท่านพระกาฬตอบว่า
    “ผมไม่มีอะไรกับพระคุณท่าน แต่ไอ้นี่”
    แล้วชี้มาที่ผู้เขียน
    ผมต้องจัดการ”
    หลวงพ่อก็ขอให้ท่านอโหสิให้
    และขอชีวิตผู้เขียนไว้โดยให้ทำบุญสร้างพระพุทธชินราชหน้าตัก 30 นิ้วถวาย
    อุทิศส่วนกุศลเฉพาะพระกาฬ ก็เลยรอดตายมาได้จนทุกวันนี้

    [​IMG]

    ดังนั้นพูดจริงๆ แล้วชีวิตผู้เขียนนี้ก็เป็นของท่านแต่ความเลวของผู้เขียนยังมาก
    ไม่ค่อยจะสำนึกบุญคุณของท่านที่ท่วมหัวท่วมตัว
    อยู่ แต่บางครั้งเมื่อใจสะอาดก็ระลึกได้เสียที
    อย่างเมื่อตอนบวชที่วัดท่าซุงครั้งแรก
    พอออกมาจากโบสถ์มากราบท่านที่ศาลานวราชเดิม
    ความรู้เดิมมันท่วมเข้ามาว่า
    สัญญากับท่านเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะลงมาช่วยท่านเป็นมือเป็นเท้าให้กับท่าน
    แต่พอลงมาแล้วก็มาดื้อกับท่าน มาเบี้ยวกับท่าน
    ความเสียใจก็ขึ้นมาจุกที่คอ น้ำตาไหลห้ามไม่หยุด
    ญาติโยมก็นึกว่าปีติจนน้ำตาไหล แต่ผู้เขียนเอง
    รู้ว่า เสียใจที่เป็นลูกที่เลวเลยร้องไห้

    [​IMG]

    หลวงพ่อให้ปัญญา

    หลวงพ่อองค์นี้ถ้าได้อยู่ใกล้ๆ ท่านดูเหมือนว่า
    กิเลสเราจะหมดลงไปโดยไม่รู้ตัว
    แลปัญญาเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
    ผู้เขียนจึงชอบอยู่ใกล้ๆ ท่านเพื่อให้ตัวเองมีความรู้เกิดขึ้นมากๆ
    และก็จริงๆ ว่าทุกๆ ครั้งที่อยู่กับท่านดูมันจะรู้ๆๆๆ ไปหมด
    เวลาหลวงพ่อจะสั่งอะไรก็ตามแต่ ท่านจะสั่งเพื่อให้เราใช้ปัญญาของตัวเองประกอบ
    เพื่อให้เราภูมิใจว่าเราคิดได้เอง
    เพราะฉะนั้นผู้เขียนจึงชอบดูท่านสั่งงาน
    และก็ดูเหมือนว่าจะรู้ใจท่านไปด้วย

    [​IMG]

    ทุกครั้งที่เรามีเรื่องสงสัยท่านจะตอบโดยไม่ต้องถาม
    เรื่องนี้ศิษย์ทุกคนพูดเหมือนกันหมดและเดากันว่า
    เจโตปริยญานท่านชัด
    เจนแจ่มใส ผู้เขียนเองโดนเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วน
    ทั้งเรื่องสอนและเรื่องแก้สงสัย เมื่อเร็วๆ นี้เองมีความสงสัยว่า
    ปัญญาบารมี นี่เขาสั่งสมกันอย่างไรไปอ่านดูในทศชาติ

    ท่านพระมโหสถ ท่านเกิดมาท่านก็ฉลาดเลย
    แล้วจะสั่งสมปัญญาบารมีกันอย่างไรเล่า
    ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นเอง เสียงเทศน์มาแล้ว
    “การทำสมาธิ คือการสั่งสมปัญญาบารมี”

    ผู้เขียนมีความเห็นว่า เรื่องแก้สงสัย
    ในใจลูกศิษย์นี้หลวงพ่อไม่ได้ใช้เจโตปริยญานขณะที่ท่านรับแขก
    ถ้ามัวแต่ใช้เจโตปริยญาณดูใจลูกศิษย์ทุกๆ คนก็ไม่ทันกิน
    หลวงพ่อนั้นท่านมีปฏิสัมภิทาญาณของพระอนุพุทธ
    ซึ่งครอบทั้งจักรวาลในขณะใดขณะหนึ่งก็ได้
    นอกจากนี้ท่านยังมีผู้บอกบทอีกนับไม่ถ้วน
    ตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมา

    [​IMG]

    เพราะฉะนั้นเรื่องนัตถิปัญญาสมาอาภา
    แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มีขององค์หลวงพ่อท่านสว่างทั้งโลกจริง
    เรื่องนี้จึงเป็นเรื่อง อาเทศนาปาฏิหาริย์และอนุสาสนีปาฎิหาริย์
    อันอาศัยปฏิสัมภิทาญาณของหลวงพ่อและไม่ใช่เจโตปริยญาณ
    ถ้าใครอยากจะดูอา เทศนาปาฏิหาริย์ ก็ขอให้ตั้งใจดีๆ
    แล้วดูหลวงพ่อรับแขกเถิด
    จะเห็นได้ทุกๆ วัน
    ทีนี้ก็ขอเล่าเกร็ดต่างๆ อีกเล็กน้อยปิดท้ายเรื่องก็แล้วกันนะครับ...

    [​IMG]

    หลวงพ่อแจกพระ

    เวลาประมาณบ่ายสี่โมงเย็นของวันอาทิตย์วันหนึ่ง ปลายปี 2517
    ขบวนลูกศิษย์ 8 คนได้เข้าไปกราบหลวงพ่อเพื่อจะกลับกรุงเทพฯ ที่กุฎิริมน้ำ
    หลวงพ่อท่านนั่งอยู่บนเก้าอี้พับ
    ท่านบอกให้ผู้เขียนหยิบพานพระเครื่องส่งให้ท่าน
    ตอนนั้นเพิ่งออกพรรษาใหม่ๆ
    และ หลวงพ่อทำพิธีพุทธาภิเษกรุ่นแรกของท่าน (เหรียญสีเงิน)
    และเหรียญหลวงปู่ปาน (เหรียญสีทอง)
    ตลอดทั้งพรรษาเสร็จใหม่ๆ ใครๆ จึงอยากได้เหรียญรุ่นนี้กันมาก
    พานพระเครื่องเป็นพานขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8 นิ้ว ก้นตื้น ปากบาน
    ในพานมี เหรียญหลวงพ่อสีเงิน 15 เหรียญ และเหรียญหลวงปู่ปานสีทอง 3 เหรียญ

    [​IMG]

    หลวงพ่อเริ่มหยิบเหรียญทองและเหรียญเงินส่งให้ลูก
    ศิษย์ตั้งแต่คนที่หนึ่ง คนที่อยู่หลังๆ ก็หน้าเสีย
    เพราะทุกคนเห็นกันอย่างชัดเจนว่า เหรียญทองมีอยู่ 3 เหรียญเท่านั้น
    ผู้เขียนรับคน แรกแล้วก็นั่งรออยู่ข้าง ๆ ท่าน หลวงพ่อก็หยิบพระแจกเป็นคู่
    เหรียญทองเหรียญเงินไปเรื่อยจนครบคน พอหมดคนท่านก็พูดว่า
    “หมดพอดี”
    ผู้เขียนก็กราบเรียนท่านว่า
    “หยิบได้พอดีอย่างนี้ มีหลวงพ่อหยิบได้องค์เดียวเท่านั้น”
    ทุกคนก็พูดกันใหญ่ว่าหลวงพ่อ หยิบได้อย่างไร
    แต่ท่านก็ได้หยิบให้ดูแล้ว ทั้ง 8 คนเห็นอย่างชัดเจน

    [​IMG]

    หลวงพ่อแตกฉานทุกภาษา

    ครั้งหนึ่งมีผู้เอาสีกระป่องหลายกระป๋องอยู่มาถวายท่าน
    ท่านก็ให้ช่างเอาไปทา ช่างก็ใช้ไม่เป็น ฉลากก็เป็นภาษาต่างประเทศ
    ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เข้าไปถามหลวงพ่อ
    หลวงพ่อท่านนั่งอยู่ในกุฎิริมน้ำองค์เดียว
    ท่านก็หยิบกระป๋องขึ้นมาอ่านฉลากข้างกระป๋อง แล้วก็บอกวิธีใช้ให้ช่าง
    พอผู้เขียนไปที่วัด น้าน้อยกานดา ก็รีบมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง

    [​IMG]

    อีกครั้งหนึ่งผู้เขียนตามท่านไปเชียงราย
    ไปพักอยู่ที่วัดเม็งราย หลวงพ่อท่านนอนอยู่บนกุฎิ
    ผู้เขียนก็นอนเฝ้าท่านอยู่ที่ใต้ถุน
    พอตกดึกก็ได้ยินเสียงหลวงพ่อเปิดวิทยุฟังภาษาต่างประเทศ
    ซึ่งผู้เขียนเองก็ไม่รู้ว่าเป็นภาษาพม่า ภาษาแม้ว หรือภาษาอะไร
    ท่านก็ฟังของท่าน พอผู้เขียนเล่าเรื่องนี้ให้หลวงพี่ที่ไปด้วยฟัง
    ท่านก็บอกว่า หลวงพ่อฟังบ่อยแต่จะไม่ทำให้ใครรู้

    [​IMG]

    ตอนไปที่ชิคาโก พวกเราไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ฟิลด์มิวเซียม
    ก็มีเจ้าหน้าที่ที่รู้ภาษาอียิปต์โบราณมารับจ้างเขียนชื่อใครก็ได้เป็น
    ภาษาอียิปต์โบราณอยู่ในพิพิธภัณฑ์ ผู้เขียนก็เข้าไปจ้างให้เขาเขียนชื่อ
    “พระมหาวีระ ถาวโร”
    ขาก็เขียนมาให้ พอกลับมาถึงที่พัก
    ก็เอาไปถวายท่านแล้วกราบเรียนถามท่านว่า หลวงพ่อทราบไหมว่าอะไร
    ท่านบอกว่า
    “มันเขียนผิดนี่หว่า ชื่อข้าต้องมีตัว ……”
    แล้วท่านก็ทำท่าเขียนในอากาศให้ดู ผู้เขียนก็กราบเรียนถามท่านว่า
    ท่านทราบได้อย่างไร ท่านก็บอกว่า “ปุโรหิตเขามาบอก”

    [​IMG]

    ครั้งหนึ่งหลวงพ่อลงมาสอนกรรมฐานที่กรุงเทพฯ พอกลับไปถึงกุฎิที่วัด
    คนเลี้ยงแมวก็มารายงานว่า
    “พอหลวงพ่อไปกรุงเทพฯ แมวก็ไม่กินข้าว”
    หลวงพ่อก็ย้อนทันทีว่า
    “แกเรียกมันว่าอีใช่ไหมล่ะ”
    คนเลี้ยงแมวก็ถามว่า
    “หลวงพ่อรู้ได้ยังไง”
    ท่านตอบว่า
    “ก็มันฟ้องข้าอยู่นี่ไง”


    [​IMG]
    อ้างอิง . จากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๑

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1024088/[/MUSIC]​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2010
  2. D_pat

    D_pat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +499
    ผม เพิ่งศึกษาธรรมมะ และผมก็ปฏิบัติตามแนวทางของหลวงพ่อ
    ถึงแม้จะไม่เคยพบท่าน เวลาผมสวดมนต์ผมก็นึกถึงท่านตลอด

    เวลาอ่านเรื่องของหลวงพ่อ ที่ หลายๆคนนำมาโพส ผมจะรู้สึกปิติ จนน้ำตาไหล แบบ มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก


    ผมขอกราบนอบน้อมหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เป็นศิษย์ ตลอดกาล จนกว่าจะเข้าถึง ซึ่งพระนิพพาน
     
  3. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    [​IMG]

    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา
    [​IMG]</O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2010
  4. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]

    อภิวาทวันทา
    อนุโมทนา สาธุ...สาธุ..สาธุ...
    อนุโมทามิ
     
  5. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    การตัดกรรม

    การตัดกรรม<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    โยม : หลวงพ่อคะ เคราะห์กรรมกับเจ้ากรรมนายเวร
    เหมือนกันหรือเปล่าคะ...

    หลวงพ่อ : อันเดียวกัน หมอดูเขาเรียกว่าเคราะห์ พวกที่เป็นนักบุญ
    เขาเรียกเจ้ากรรมนายเวร

    โยม : หลวงพ่อตัดกรรมได้ไหมคะ

    หลวงพ่อ : ตัดกรรมนี่มันตัดไม่ได้หรอก กรรมที่เป็นกุศลก็ตัดไม่ได้
    กรรมที่เป็นอกุศลก็ตัดไม่ได้ นี่พูดตามพระพุทธเจ้านะ

    แต่ว่าเราทำดีนี่ คือ สร้างกรรมดีที่เป็นกุศลมากขึ้น หนีกรรม
    ที่เป็นอกุศล ... กรรมที่เป็นอกุศลก็ตามช้าลง เราฝึกวิ่งหนี
    ให้มันเร็วเข้า ใช่ไหม

    โยม : อย่างนี้ก็ไม่มีวันหมดบาปน่ะสิคะ.....

    หลวงพ่อ : การจะทำให้หมดบาปน่ะไม่มีทางหรอก

    ในทางพระพุทธศาสนามีอยู่ทางเดียว คือ

    ทำบุญหนีบาป ทำกำลังให้สูงขึ้น

    ที่มา : ธรรมปฏิบัติ เล่ม 8

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านทุกประการครับ
     
  6. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    [​IMG]

    “ถ้าเชื่อฉัน ทุกคนถึงนิพพานหมดในชาติหน้า
    แต่หลายคนจะถึงในชาตินี้”


    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
  7. คุณ 4

    คุณ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    733
    ค่าพลัง:
    +5,159
    อ่านแล้วชื่นใจจริง ๆ
     
  8. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    ปัญญาบารมี นี่เขาสั่งสมกันอย่างไรไปอ่านดูในทศชาติ

    ท่านพระมโหสถ ท่านเกิดมาท่านก็ฉลาดเลย
    แล้วจะสั่งสมปัญญาบารมีกันอย่างไรเล่า
    ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นเอง เสียงเทศน์มาแล้ว

    “การทำสมาธิ คือการสั่งสมปัญญาบารมี”

    กราบสาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่า
     
  9. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731


    [​IMG]

    อนุโมทนา ค่ะ น้องราคุเรียวซาย

    บารมี ๑๐<O:p

    [​IMG]

    บารมี แปลว่า กำลังใจ <O:p
    ๑ ทานบารมี จิตของเราพร้อมที่จะให้ทานเป็นปกติ
    <O:p
    ๒ ศีลบารมี จิตของเราพร้อมในการทรงศีล
    <O:p
    ๓ เนกขัมมบารมี จิตพร้อมในการทรงเนกขัมมะเป็นปกติ

    เนกขัมมะ แปลว่า การถือบวช แต่ไม่ใช่ว่าต้องโกนหัวไม่จำเป็น
    <O:p
    ๔ ปัญญาบารมี จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหัตประหารให้พินาศไป
    <O:p
    ๕ วิริยบารมี วิริยะ มีความเพียรทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ
    <O:p
    ๖ ขันติบารมี ขันติ มีทั้งอดทน อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์
    <O:p
    ๗ สัจจะบารมี สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลา
    ว่าเราจะจริงทุกอย่าง ในด้านของการทำความดี
    <O:p
    ๘ อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ
    <O:p
    ๙ เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดี ไม่เป็นศัตรูกับใคร
    มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น
    <O:p
    ๑๐ อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ เมื่อร่างกายมันไม่ทรงตัว
    ใช้คำว่า "ช่างมัน" ไว้ในใจ

    [​IMG]
    <O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2010
  10. สะพานคู่

    สะพานคู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +123
    คุณติง ติง คะ

    ดิฉันใคร่ขอรบกวนช่วยทำเพลงไทยประยุกต์ที่เปิดอยู่นี้เป็น mp3 ให้หน่อยสิคะ

    ฟังแล้วชอบจังเลย อยากได้เก็บไว้บ้าง

    ถ้าจะกรุณาได้แบบเก่าๆแบบนี้ทั้งชุดก็จะขอบพระคุณอย่างสูง

    รบกวนด้วยนะคะ ขอขอบคุณค่ะ

    หรือช่วยแนะนำร้านที่ยังพอมีแผ่นเพลงนี้ขายก็ได้ค่ะ
     
  11. สวนพลู

    สวนพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,596
    ค่าพลัง:
    +18,651
    กราบหลวงพ่อครับ......................
     
  12. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747



    สาูธุ อนุโมทามิ นิพพานะ ปัจจโยโหตุ


    อ่านแล้วทราบซึ้งมากครับ ขอน้อมอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ


     
  13. วิชา ละ

    วิชา ละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    338
    ค่าพลัง:
    +2,416
    ขออนุโมทนาสาธุ
    ดีมากครับ คำสอนที่น่าสนใจมาก ขอโยงติดต่อกันไว้ก่อน เมื่อมีเวลาน่าเข้ามาอ่านมากๆ
     
  14. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    อนุโมทนาค่ะ

    [​IMG]

    หลวงพ่อชี้ทางนิพพาน

    ใครก็ตามที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาและมีจิตศรัทธาเลื่อมใส
    ท่านว่าบารมีเต็มแล้ว
    สามารถเข้าถึงพระนิพพานได้ในชาติปัจจุบัน

    [​IMG]

    แล้วท่านก็บอกให้พิจารณาละสังโยชน์สาม
    และกำหนดว่าอย่างน้อยจะต้องเป็นพระโสดาบันให้ได้
    ...
    กราบอนุโมทนาค่ะ
    ติงอ่านแล้วก็ซาบซึ้งจนน้ำตาซึมเลยค่ะ

    [​IMG]
     
  15. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    [​IMG]

    ติงก็เพิ่งได้อ่านประวัติและเรื่องราวของหลวงพ่อได้ประมาณปีเศษค่ะ
    อ่านจากห้องสมุดวัดป่าวังน้ำทิพย์เทพสถิตวนาราม
    อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
    แล้วติงก็พบเว็บพลังจิต
    และอ่านเรื่องราวของหลวงพ่อต่อที่นี่

    [​IMG]
     
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    [​IMG]

    อนุโมทนาค่ะ
    ลองดูตามลิงค์ นี้ดูนะคะ ติงเห็นมีหลายเพลง ในท้ายโพสต์ที่ ๑๓
    http://palungjit.org/threads/แนวทางปฏิบัติ-เพื่อแก่นของพุทธศาสนา.231374/

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2010
  17. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ลูกขอน้อมนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ฯ ด้วยเศียรเกล้า หากไม่มีหลวงพ่อ ลูกคงไม่มีวันนี้:cool::cool:

    ขอน้อมถวายบุญที่ลูกกระทำมาด้วยความบริสุทธิ์ทุก ๆ บุญกุศลแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เพื่อเป็นสังฆบูชา


    ขออนุโมทนาบุญกับน้องติงติงด้วยค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2010
  18. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,354
    ผมเองเคยฟังธรรมที่หลวงพ่อท่านแสดงบ่อยๆ แต่ยังไม่รู้สึกศรัทธานะครับ(บุญยังไม่ถึง)

    พอได้มาเจอพี่วี(พี่ในเวปเราเนียแหละครับ)ได้ชี้ทางสว่างให้ผม เพราะพี่วีศรัทธาหลวงพ่อ

    มากได้ไปปฏิบัติธรรมมาจนได้อะไรมากมาย

    ทำให้ผมเกิดความศรัทธาตามไปด้วย ยิ่งฟังธรรมหลวงพ่อท่านมากขึ้นยิ่งศรัทธามากๆเลย

    ครับตอนนี้ วันจันทร์หน้าจะไปกราบหลวงพ่อท่านที่วัดครับ ถึงหลวงพ่อท่านจะละสังฆ์ขาร

    และจะได้เช่าพระบูชาด้วยเลยครับ

    ขออนุโมทนาการให้ธรรมเป็นทานจากกระทู้นี้ด้วยครับ

    [​IMG]

    *ผู้ปฏิบัติพึงรู้ผลแห่งการปฏิบัติของตน*
     
  19. eert

    eert Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +86
    “หลวงพ่อครับ หลวงพ่อจะตัดตอนหยุดเก็บลูกศิษย์แค่ไหนครับ” ท่านบอกว่า
    “ฉันจะเก็บของฉันไปจนหมด ฉันเก็บลูกศิษย์ของ
    ฉันครบแน่”
    ลึกซึ้งจนน้ำตาร่วงค่ะ ขอกราบน้อมนอบหลวงพ่อด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ
     
  20. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,213
    เราโชคดีมากจริง ๆ ที่ได้เกิดมาเป็นชาวพุทธ





     

แชร์หน้านี้

Loading...