เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ตัวเราเหมาะสมกับการภาวนาแบบไหน?

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย maliwal, 19 สิงหาคม 2006.

  1. maliwal

    maliwal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +192
    กราบนมัสการ แม่ชีณัฐทิพย์ ค่ะ

    พึ่งเริ่มสนใจศึกษาธรรมค่ะ
    พอเริ่มเจาะลึกศึกษา ในแนวทางปฏิบัติ มากขึ้น ก็เริ่มสับสนซะแล้วค่ะ
    เลือกไม่ได้ว่าจะปฏิบัติตามแนวทางไหนดี


    ขอกราบเรียนถามท่านอาจารย์แม่ชีค่ะว่า...

    1.เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ตัวเราเหมาะสมกับการภาวนาแบบไหน?




    คำถามมีข้อเดียวค่ะ ความรู้ยังน้อย เลยยังไม่คิดคำถามไม่ออกค่ะ

    ขอพึ่งบารมีแม่ชี ช่วยชี้ทางสว่างให้ด้วยนะคะ
     
  2. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรมคุณmaliwal

    สาธุ!กับการมาเยือนใหม่ในสายธรรม
    การปฏิบัติธรรมนั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่เรารู้ว่าเราชอบการกระทำแบบใด ก็ทำไปให้ลุล่วง อย่าเพิ่งเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เพราะมันจะทำให้สับสนและวุ่นวาย แล้วจะคลายความเพียรจนถึงกับเลิกลาไป

    ตอบแบบฟันธงเลย คุณโยมเป็นคนที่ไม่มั่นใจ กลัวไปสารพัด บทจะดื้อรั้นก็ยั้งไม่อยู่ บางทีก็ปากไวเกินไป คำบริกรรมทั้งหลายเอาคุณโยมไม่อยู่หรอก หลับตาก็ทำให้หัวจิตหัวใจขวักไขว่

    ลองลืมตาดูน้ำไหลไปไหลมา ดูปลาแหวกว่ายวกวนก่อนเป็นไร เมื่อยตาแล้วค่อยหลับตาลงช้าๆ ไม่ต้องบริกรรมคำภาวนาอะไรให้วุ่นวาย ทำใจให้สบายเหมือนสายน้ำ หายใจเข้าหายใจออกเรื่อยไป สักพักใจจะสบายเอง........

    คำบริกรรมต่างๆนั้นเป็นอุบายดึงจิตเบื้องต้นเท่านั้น
    เพราะสุดท้ายก็ไม่มีคำอะไร แต่ถ้าลืมคำภาวนาไป ทำให้กลับมาภาวนาใหม่ มันก็เริ่มต้นใหม่อยู่นั่นแหละ แล้วมันจะไปถึงไหนได้ล่ะ? สาธุ,,,

    ลองทำให้ได้ อย่าเพิ่งรำคาญตัวเองไปก่อนแล้วกัน
     
  3. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541
    กราบ นมัสการ แม่ชีณัฐทิพย์ ที่นับถือ
    แล้วผมล่ะครับ ต้องทำอย่างไร? จะต้องไปดูปลาแหวกว่ายเหมือนน้องเขาหรือเปล่าครับ? ส่วนเรื่องการปฎิบัตินั้นก็ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าตัวเองชอบแบบไหน ก็ทำไปเรื่อยเปื่อยล่ะครับ พูดง่ายๆก็คือค่อนข้างเกียจคร้านน่ะครับ แต่อยากเห็นผลการปฏิบัติไวๆ ครับ
     
  4. [a]eza[a]

    [a]eza[a] Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +65
    กราบนมัสการแม่ชีค่ะ

    หนูเองก็มีปัญหาแบบเดียวกับคุณ maliwal ตรงที่เพิ่งเริ่ม และไม่รู้จะเริ่ม
    ตรงไหน จะหาอ่านในหนังสือ ในตำรา หรือว่าในบอร์ดนี้ก็ยิ่งสับสน เพราะมันดู
    เหมือนมีมากมายหลายวิธีนักค่ะ อย่างหนูควรเริ่มยังไงดีคะ ?

    ปัญหาอีกอย่างก็คือ หนูเป็นคนสมาธิสั้น (มาก) คิดจะทำอะไร ประเดี๋ยวก็
    ทำอย่างอื่นแทน (เหมือนจะไม่รู้ตัว) เป็นอย่างนี้อยู่ประจำค่ะ ถ้าหนูทำสมาธิใน
    แบบที่เหมาะสมได้จริงๆ แล้วหนูจะมีสมาธิ จะตั้งใจทำอะไรแล้วก็ไม่วอกแวกได้
    หรือเปล่าคะ ?

    ระหว่างทำสมาธิ เราต้องกำหนดจิตให้รับรู้อย่างอื่นรอบๆ ตัวเรา เช่น เสียง
    ต่างๆ นอกเหนือจากกำหนดลมหายใจหรือไม่คะ ?

    หนูกำลังสับสนมากค่ะ ขอแม่ชีชี้แนะด้วยนะคะ
     
  5. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    ขอความเจริญในธรรมจงบังเกิดมีในท่านทั้งหลาย...

    คำว่า "จริต" นั้นคือความชอบ เป็นนิสัยส่วนตัวหรือเรียกง่ายๆว่า สันดานเสียหรือสันดานดีนั่นแหละ

    การทำสมาธินั้นมีหลายแบบตามจริตของคน อย่างเช่นคนที่สมาธิสั้น เพราะความขี้เกียจครอบงำมาก ขาดความพยายาม สับสน เพราะไม่รู้ วิธีแก้คือ ต้องเพิ่มความพยายามเข้าไปอีก นั่นคือต้องบังคับ ถ้าบังคับตัวเองไม่ได้ ก็ลองให้คนอื่นบังคับแทนก็ได้

    ทำงานก็ได้นะ ...ถ้านั่งทำสมาธิแบบหลับตาไม่ได้ก็ทำงานที่ตนทำอยู่นั่นแหละ ใช้ความพยายามทำงานให้ลุล่วงผ่านไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดคุณภาพ เกิดความสำเร็จ นั่นเป็นการทำสมาธิในเบื้องต้นแล้ว

    ทำบ่อยๆ เมื่อชำนาญกับงานก็ลองเปลี่ยนมานั่งหลับตา เพื่อพักสายตาบ้างสลับกันไป แล้วลองดูอารมณ์ของตัวเองสิว่ามันเป็นอย่างไร? จับอารมณ์ของตัวเองให้ได้...เพื่อจะได้รู้วาระจิตของตัวเองให้หมดทุกอารมณ์ รู้จิตของตัวเองได้หมด ก็เก่งละ...ฉะนั้นการรู้อารมณ์ของคนอื่นย่อมง่ายเหมือนกัน

    แม่ชีกำลังปรึกษากับคุณหงสนาถให้ติดต่อกัยยายผีป่า เพื่อจะหาที่คุยธรรมและสอบถามกับแม่ชีโดยตรง น่าจะกระจ่างกว่า

    คงจะหาที่ๆกรุงเทพฯนั่นแหละ แม่ชีกำลังหาสปอนเซอร์อยู่จ้า อยากเจอและคุยกันบ้างน่าจะดีนะ...


    เรื่องการทำสมาธินั้นต้องอธิบายให้เข้าใจก่อน มิเช่นนั้นมันจะเกิดการสับสนได้ก็อยากให้ทุกคนทำได้โดยไว ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกเหมือนแม่ชีหรอก

    คงมีโอกาสเจอกันนะจ๊ะ...คราวหน้าจะเขียนวิธีทำสมาธิให้กระจ่าง แม่ชียังเขียนยาวๆไม่เป็น เพราะเขียนทีไร หลุดทุกที...

    ขอให้โชคดีทุกคนจ้า ธรรมะสวัสดี
     
  6. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,254
    ค่าพลัง:
    +7,241
    แม่ชีครับ ผมวัยรุ่นใจร้อนครับ ช่วยตอบคำถามที่ห้องสนทนาธรรมด้วยครับ
     
  7. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรมจ้าท่านชายใจร้อน...

    แม่ชีมัวแต่เข้ากรรมฐานอยู่ ทำให้ตอบล่าช้า ไม่ทันใจวัยรุ่น ขอโทษและขอขมาด้วยเจ้าค่ะ ตอบให้แล้วนะในห้องสนทนาธรรมน่ะ...ธรรมะสวัสดี
     
  8. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรมทุกท่าน...

    เรื่องจริตหรือความชอบนั้นไม่มีใครรู้หรอกว่าคนนี้ชอบอย่างนี้ คนนั้นชอบอย่างโน้น...มันอยู่ที่ตัวเจ้า ต้องหัดสังเกตตัวเอง...

    พระอาจารย์ที่เก่งๆนั้น ท่านก็ไม่มัวมานั่งดูว่าใครชอบแบบไหนหรอก แหม...คนตั้งมาก...แต่ท่านดูและมองลักษณะของบุคคลนั้น แล้วให้ลองทำตามวิธีของท่านไปโดยลำดับ เป็นขั้นตอนไป อย่างบางที่มีการสอบอารมณ์ไงจ๊ะ วิธีนี้ไม่ได้ผล ก็หาวิธีใหม่ให้ทำต่อไป ก็เท่านั้นเอง

    ในสมัยที่พระพุทธเจ้าสอนธรรมและกรรมฐานนั้น จากที่อ่านแล้ววิเคราะห์ดู ท่านก็ให้ลองทำ วิธีนี้ไม่ได้ ก็ให้ทำวิธีต่อไป ...คนเป็นอาจารย์ย่อมผ่านการเห็น การทำมามากกว่าลูกศิษย์ เมื่อลูกศิษย์มาเสนอตัวให้สอนสั่ง ท่านก็ต้องหาวิธีสอนให้ลูกศิษย์เก่งให้ได้....ลูกศิษย์บางคนอาจารย์มองแปล๊บเดียวก็รู้ว่าจริตแบบใด ก็บอกวิธีทำไปได้ตรงตามจริตนั้น...แต่บางคนก็ต้องดูนานๆ แล้วค่อยให้กรรมฐานที่ตรงกับจริตไป...ไม่ใช่เหมือนกันทุกคนนะ...

    ลองฝึกหรือหัดสังเกตตัวเองสิ ว่าชอบและโอนเอียงไปทางใดมาก กรรมฐานตามจริตที่ชอบนั้นมีอยู่ ลองฟังการบรรยายธรรมในซีดีของแม่ชีที่โจโฉลงไว้ก็ได้ อาจจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้น แต่บางคนทำตรงข้ามกับสิ่งที่ชอบไม่ได้ ก็ให้ทำในสิ่งที่ชอบนั้นนั่นแหละ เรียกว่าเกลือจิ้มเกลือเลย และสังเกตอารมณ์ของตนว่า เป็นอย่างไร?

    ทำบ่อยๆแล้วจะดีเอง ความชำนาญจะเกิดจะมี สาธุ!!!ขอให้ทำให้ได้นะ...
    ธรรมะสวัสดี
     
  9. KAMALA

    KAMALA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2006
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +138
    กราบนมัสการค่ะ ท่านแม่ชี
    และกราบสวัสดีทุกท่านค่ะ
    ถามเลยนะคะ ชอบมากเลยค่ะเรื่องนี้ ท่านแม่ชีเคยแนะนำหนูว่าให้นั่งหลับตา แล้วนับลมหายใจค่ะก็ปฏิบัติตามค่ะ รู้สึกว่านั่งได้นานขึ้นค่ะ แสดงว่าที่ท่านแม่ชีแนะนำวิธีมาแบบนี้ หนูเข้าใจว่าหนูเป็นคนทำอะไรซ้ำไม่ค่อยได้ขี้เบื่อด้วยอีกต่างหากฯลฯ ใช่ไม๊คะ

    แล้วเมื่อคืนนี้ลองนั่งนะคะ นับไปเรื่อยๆ แต่ไอ้เจ้าความคิดนี่สิคะ มันคิดเรื่อยๆๆๆๆเลยค่ะ ไม่ทันรู้ตัวเลยค่ะว่าคิดบังคับไม่ได้เลยค่ะ หนูก็เลยปล่อยเลยตามเลยค่ะ อยากคิดคิดไป แต่หนูก็นับลมหายใจไปด้วย รู้ว่านี่ฉันรู้นะว่าฉันคิดอยู่ไปด้วยพอเราจับได้ว่าเราคิดนะคะ มันก็เกิดปัญหาอีกว่า พอความคิดมันถูกจับได้ มันเลยหนีไปคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ค่ะ จับได้ที มันก็หนีค่ะ กลุ้มเลยค่ะ
    จากนั้นนั่งเสร็จก็นอนหลับค่ะ คราวนี้นอนไม่หลับสิคะ ไปนอนจับลมหายใจอนั่นแหละค่ะ หลับๆ ตื่นๆ แบบเคลิ้มๆ ค่ะ นอนรู้ตัวรู้ลมอยู่นั่นแหละค่ะ ไม่ต้องนอนกันเลย

    ท่านแม่ชีโปรดชี้แนะด้วยค่ะ เพราะหนูกลัวว่าหนูจะวนอยู่ในแต่อ่าง เห็นคนอื่นเขาไปถึงไหนกันแล้ว หนูไม่อยากเป็นผีเป็นเปรตเฝ้าโลกค่ะ (จำมาจากหลวงปู่สิมค่ะ)
     
  10. [a]eza[a]

    [a]eza[a] Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +65
    กราบนมัสการแม่ชีค่ะ
    ตอนนี้หนูพอทำสมาธิแบบสั้นๆ ได้แล้ว ทำได้บ่อยขึ้นด้วย ทำทั้งนั่ง ทั้งยืน ทั้งก่อนจะนอน บางทีเดินซื้อของก็ทำสมาธิค่ะ .. รู้สึกว่าตัวเองมีสติขึ้นมาก ตกใจไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อน แต่ก็จะพยายามฝึกฝนต่อไปทีล่ะน้อยๆ ค่ะแม่ชี ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรม คุณ KAMALA

    เวลาที่มีความคิดทั้งหลายเข้ามาแทรกโดยไม่ได้รับเชิญ ตามรู้มันก็เตลิดไปอีกเรื่อง...อย่าเพิ่งท้อ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน

    ปล่อยให้มันคิดไปเลย ตามใจมันไม่ต้องยั้ง ถ้ามันไม่คิดหรือเลิกคิด ก็ช่วยสนับสนุนมันเข้าไป

    แต่ให้มีสติรู้เท่าทันกับมันนะ มันคิดก็รู้ มันเลิกคิดก็รู้ สนับสนุนมันก็รู้...
    สักพักมันเหนื่อย มันก็หยุดคิดโน่นคิดนี่เองนั่นแหละ เมื่อมันหยุดคิดแล้ว ก็ไม่ต้องไปนับลมหายใจหรอก ปล่อยให้มันนิ่งอยู่อย่างนั้นก่อน

    ความนิ่งเกิดจากความว่าง...เมื่อว่างมันก็นิ่ง มันก็สงบ สักพักมันจะมีอาการคิดขึ้นมาอีก นี่เป็นเรื่องธรรมดา เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป

    การดูลมและนับลมหายใจตลอด มันก็นอนไม่หลับน่ะสิ...ก็จิตมันมัวพะวงและจดจ่ออยู่กับการดูลมและนับลมนี่

    ดูลมและนับลมไปเรื่อยๆ เมื่อมันเคลิ้มจะหลับก็ปล่อยให้มันหลับไป ไม่ใช่ไปฝืนมันตลอด อย่างนี้ก็นอนไม่หลับกันพอดี ตื่นตลอดเวลาอย่างนี้ ร่างกายโทรมหมดเพราะไม่ได้นอน...

    คำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน นั้นหมายความว่า ต้องเรียนรู้ จะได้เข้าใจ นำไปปฏิบัติ ให้เกิดความสุข ความเบิกบาน สบายใจ ตื่นตัว ตื่นใจเพื่อจะได้เรียนรู้ ให้เป็นผู้รู้ เมื่อรู้ ความเบิกบานก็มีมา เช่นกัน

    อย่าเกร็งกับการทำสมาธิเลย สบายๆ แต่ว่าให้ทำอย่างเต็มที่ ทำบ่อยๆและต้องพยายามสังเกตตัวเองว่า พัฒนาขึ้นหรือไม่?

    ไม่ต้องให้ใครมาชมหรอก เรารู้ดี เพราะฉะนั้นหัดชมตัวเองบ้างก็น่าจะดีนะ จะได้มีกำลังใจทำต่อไป แม่ชีขอเป็นกำลังใจ และช่วยเชียร์ให้ทำต่อไป อย่าท้อกันมัน เพราะไม่เช่นนั้น เราอาจจะเป็นผีปู่โสมเฝ้าป่าเขาลำเนาไพร เฝ้าวัดวาอาราม เฝ้าสมบัติและเฝ้าป่าช้าต่อไป

    เอาใจช่วยเต็มกำลังนะจ๊ะ ขอให้ถอนออกจากอาณาจักรปู่โสมเฝ้าแผ่นดินให้ได้โดยไวจ้า

    ธรรมะสวัสดี...สาธุ!!!!!!
     
  12. den_siam2523

    den_siam2523 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2006
    โพสต์:
    593
    ค่าพลัง:
    +2,267
    สาธุด้วยคนนะครับ ผมแรกๆก็เป้นเช่นนี้แหละ ก็ทำไปเรื่อยๆ สังเกตจิตัวเอง เป้นอย่างไร ไม่ต้องเครียดๆ พอทำบ่อยๆเข้ามันจะรู้ไปเอง สงบดีเอง จากมืดๆ มันก็จะสว่างวุบวาบ ทำไปเรื่อยๆนะครับ
     
  13. KAMALA

    KAMALA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2006
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +138
    (f) กราบขอบพระคุณท่านแม่ชีมากค่ะ และทุกๆท่านมากค่ะ
    ทุกวันนี้ก็สับสนวุ่นวาย จับ้นชนปลายไม่ถูก
    มีผู้มีบุญมาชี้แนะแบบนี้ จะได้ไม่ต้องเป็นผีเฝ้าโลกแล้วค่ะ(b-smile)
     
  14. benyapa

    benyapa ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,088
    ค่าพลัง:
    +5,431
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">ขออนุโมทนาบุญกับแม่ชีและทุก ๆ ท่านค่ะ</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. pittayac

    pittayac Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2006
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +78
    กราบนมัสการท่านแม่ชีค่ะ

    ดิฉันได้ศึกษาธรรมะพอสมควร และได้ฝึกนั่งสมาธิด้วยเหมือนกัน (ฝึกด้วยตังเองค่ะ อ่านจากหนังสือบ้าง และอ่านจากในเว็ปพลังจิตบ้าง) และสังเกตุตัวเอง ไม่มีการพัฒนาขึ้นเลย ไม่ทราบว่าที่นั่ง ๆ อยู่จะถูกต้องหรือเปล่า และเราจะทราบได้อย่างไรว่าที่เรานั่งสมาธิอยู่นั้น"ถูกจริต"หรือไม่ และดิฉันขออนุญาตถามเรื่อง ญาณ4 หน่อยนะคะ
    1. ญาณ4 คืออะไร
    2. จะปฏิบัติอย่างไรจึงเข้าถึง ญาณ4 ได้คะ
    รบกวนท่านแม่ชีช่วยตอบด้วยนะคะ ด้วยความขอบพระคุณค่ะ[​IMG]
     
  16. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรม...

    เรื่องการปฏิบัตินั้น เราอย่าไปพะวงให้มันมากเลย ส่วนในเรื่องของจริตนั้น มันเป็นความชอบ หรือนิสัยส่วนตัวของเรา

    เวลาปฏิบัตินั้นท่านจึงให้ใช้อุบาย คือทำตามจริตหรือความชอบใจของตัวเองนั่นแหละ

    มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์เราอยู่แล้ว ที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง ถ้าให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ ก็จะขัดใจและไม่อยากทำ...

    อุบายตามจริตจึงเป็นวิธีหนึ่งที่ล่อให้คนกระทำ แต่ถ้าทำได้ จริตอื่นก็ทำได้ เพราะทุกคนนั้นมีทั้ง 6 จริตอยู่ในตัวกันทุกคน เพียงแต่ว่าจริตใดจะเกิด ณ ปัจจุบันก็เท่านั้นเอง

    ทำต่อไปเถอะ อย่าพะวงว่าจะผิดหรือถูกเลย ทำแล้วใจปลอดโปร่งโล่งสบาย ก็ใช้ได้แล้ว

    คนเราเข้าใจผิดกันมากในเรื่องของการปฏิบัตินะ ด้วยคิดว่าปฏิบัติแล้วต้องได้โน่น ต้องได้นี่

    ที่จริงแล้วการปฏิบัติ คือการลด ละ กับสิ่งหรือกิเลสที่มันมีอยู่ในตัว ในจิตใจของเราต่างหาก ไม่ใช่ทำแล้วต้องได้โน่นได้นี่ ถ้าเป็นอย่างนี้ปฏิบัติผิดแล้ว

    ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัตินั้น มันเหมือนกับกลลวง หากใครไปยึดกับกลลวง ก็เป็นอัน...เสร็จกัน

    เรื่องของฌานนั้น มันเป็นแรกเริ่มของการสงบนิ่งแห่งจิต จิตที่ว่าง จึงจะเป็นจิตที่สงบ เมื่อจิตสงบมันจึงเกิดความสุข สุขที่ไม่ยึด เมื่อไม่ยึดมันก็ว่าง...

    ฌานสี่นั้นท่านกล่าวว่า เป็นฌานที่จิตสงบระงับจาก นิวรณ์ทั้ง 5 ส่วนอาการทางร่างกายนั้นก็สงบนิ่ง จิตไม่กระเพื่อม ไม่หวั่นไหว มีสติ

    ฌาน4 นี้จะทรงอยู่ได้นานหรือไม่นั้น มันขึ้นอยู่กับบุคคลที่ฝึกฝนมา
    แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นไม่ว่าจะปฏิบัติอย่างไรก็ตาม ให้เราตั้งใจทำ แต่อย่ายึดมั่นกับผลเกิดของมัน อย่าทำเพราะว่า มันจะต้องได้ ถ้าเราทำได้ ผลที่ได้มันก็เกิดจริง

    ขอให้ตั้งใจทำ แต่อย่าทำเพราะอยากได้นะ

    ธรรมะสวัสดี สาธุ!!!!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 พฤศจิกายน 2006
  17. pittayac

    pittayac Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2006
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +78
    [​IMG] กราบขอบพระคุณท่านแม่ชีมากค่ะ ที่กรุณาชี้แนะให้เข้าใจ ดิฉันจะตั้งใจและจะพยายามต่อไปค่ะ [​IMG]
     
  18. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรม...


    เรื่องการปฏิบัติธรรมหรือการจะทำสมาธินี้หลายคนอยากจะทำ แต่ติดขัดอยู่ตรงเวลาและโอกาส อย่าวิตกเลย

    เราจะเห็นได้ว่า เวลาของเรามีเท่ากันทุกคนคือ 24ชั่วโมง แต่ทำไมเรามีเวลาและใช้เวลาไม่เท่าคนอื่นล่ะ? อย่างนี้เราเสียเปรียบนะ เวลาที่เราใช้ไม่คุ้มคือเอาเวลาที่ดีไปใช้ผิดก็มีมาก เรียกว่า "แรด"บ่อยนั่นแหละ

    หาเวลาก่อนนอนก็ได้ หรือถ้าทำงานกลางวันเหนื่อยก็จัดสรรเวลาให้ดี เอาตอนถ่ายในส้วมก็ได้ ถ่ายไปกำหนดจิตไป

    "พุทโธ" หรืออะไรก็ได้ และแม้แต่จะนั่งดูลมหายใจและจับลมหายใจก็ได้ หรือดูอารมณ์ตอนถ่ายนั่นแหละ ถ้าถ่ายไม่ออกมันทุกข์จริงๆนะ แต่พอถ่ายง่าย แหม!!!มันโล่งโปร่งสบายแท้ๆ

    นี่แหละเป็นองค์ธรรมข้อหนึ่งในองค์ธรรมทั้งหมดนะ ถ้าเราไม่อั้นทุกข์ ไม่เก็บทุกข์ ไม่ยึดทุกข์เอาไว้แล้วทุกข์จะมีมาแต่ไหนกัน?

    ก็เพราะว่าเรามัวแต่ยึดมันเอาไว้ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดๆก็ตามที มันก็มีแต่ทุกข์อยู่อย่างนั้นแหละ

    การทำสมาธิจะทำให้คนเรามีสติ รู้เท่าทันกับอารมณ์ที่มากระทบ และทำให้เกิดปัญหา สตินี้จะเป็นตัวปัญญาในการแก้ปัญหา

    ห้ามให้เรื่องต่างๆไม่ให้เกิดมันคงไม่ได้ทุกเรื่อง แต่เราสามารถแก้ไขให้เบาบางและหายไปได้ด้วยการมีสติที่รู้เท่าทัน

    บางคนอาจจะกล่าวว่า "การทำงานก็เป็นการทำสมาธิแล้ว" ไม่ใช่ค่ะ การทำงานเป็นความเคยชิน สติน้อย

    ถ้าไม่มีสติ งานที่ทำก็จะเกิดปัญหามากมาย แต่การทำสมาธิเป็นการทำให้เกิดสติเพื่อนำไปใช้กับการทำงาน เพื่อให้งานมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล

    ก็เหมือนกับนักกีฬานั่นแหละ ก่อนจะทำการเล่นจริงๆก็ต้องวอร์มร่างกายก่อนแล้วจึงเล่นจริง ถ้าไม่วอร์มก่อน เล่นไปก็จะเกิดปัญหากับร่างกายทันที

    ส่วนในคนที่ทำสมาธิและชอบนั่งอย่างเดียวนั้น ถ้าทำไปนานๆก็อาจจะมีปัญหาได้ ท่านจึงให้เดินจงกรมก่อน

    เป็นการวอร์มร่างกายและจิตใจ แล้วค่อยมานั่งทำสมาธิในท่าที่กำหนด (การเดินจงกรม ไม่ได้หมายความว่า เดินกลมๆนะ
    จงกลมแปลว่า เดินทอดน่อง สบายๆ)

    เอาละ...คนที่ไม่เคยทำเลย ก็น่าที่จะเริ่มทำได้แล้วนะ ใครทำได้มาก ได้เปรียบ ไม่เชยหรอก ทำได้ทุกเพศ ทุกวัยนั่นแหละ

    ยิ่งพวกเด็กๆด้วยแล้วยิ่งต้องทำให้มากๆหน่อย เป็นการสั่งสมเสบียงบุญ เสบียงสติปัญญาเอาไว้ ถ้าไม่ตายเสียก่อน รับรองยอดเยี่ยมกว่าใคร

    รีบทำซะนะ ถ้าไม่รู้จะเริ่มอย่างไร? แม่ชีได้บอกวิธีการปฏิบัติแบบง่ายๆไว้ในกระทู้แล้ว ลองเปิดหาอ่านดูนะ
    (verygood)(verygood)(verygood)(verygood)

    ธรรมะสวัสดี สาธุ!!!!

     
  19. หนูแว่น

    หนูแว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +3,207
    อนุโมทนา แม่ชีและทุกท่านที่ร่วมสนธนาธรรมกัน
     
  20. churace

    churace Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +44
    ไม่ทราบว่าแม่ชีได้สถานที่ในกรุงเทพแล้วหรือย้ังคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...