ศูนย์รวมลูกหลานพญานาคศรีสัตตนาคราช

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย พระยาเดโชชัยมือศึก, 22 มิถุนายน 2010.

  1. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    ชอบร้องคาราโอไข่รึ อิอิ ตอนดื่มเมื่อก่อนชอบมากเลย
     
  2. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    ชอบร้องที่บ้านกับแม่ค่ะ
    แล้วก็ร้องเพลงคู่กับพ่อ
    ใต้ร่มมลุลีนี่ชอบมากๆ
     
  3. kornkamolk

    kornkamolk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +532
    คุณแตง เค้าสงสารเด็ก ขอเลขที่บัญชีคุณแตงด้วยค่ะ ก่อนอื่นอยากซื้อถุงเท้าให้น้องๆ รบกวนส่งมาทาง PM นะคะ...เค้าจะรอนะ:z16
     
  4. มุกลินลวา

    มุกลินลวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +268
    ฮัลโหลลลลล โปรดทราบ คิดถึงมาก (ไม่ได้คิดถึงคนชื่อ "มาก" แต่คิดถึงทุก ๆ คนเลย) ว่างแล้วจะมาทักทายใหม่นะจ๊ะ (ไม่ได้ทักทายเฉพาะคนชื่อ "ใหม่" แต่หมายถึงทุก
     
  5. มุกลินลวา

    มุกลินลวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +268
    มือไปไวกว่าความคิดแฮะ คิดถึงทุกคนเลยค่า ไว้เจอกันใหม่เมื่อไม่ขี้เกียจนะจ๊ะ
     
  6. บรม

    บรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,926
    ==ขอบคุณคุณเต้าเจี้ยว หนูปราญ ที่กรุณาขยายความกระจ่าง แต่เห็นท่านเหยียบ ร่างของใครไม่ทราบ ไม่ใช่หินโดยตรง

    ==มีภาพสวยหลายภาพเลยนะ หนูปราญ / รบกวนภาพด้านล่างด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • p1030621.jpg
      p1030621.jpg
      ขนาดไฟล์:
      306.3 KB
      เปิดดู:
      390
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2010
  7. บรม

    บรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,926
    การตักบาตรแก้ไขปัญหาต่างๆ<O:p</O:p


    <HR style="COLOR: white" align=center width="100%" noShade SIZE=1>

    การตักบาตรนั้นมีผลเรื่องการมีกินมีใช้ไม่อดและยังมีผลด้านการหนุนเรื่องสุขภาพอีกด้วย
    เคล้ดลับในการตักบาตมีดังนี้
    1 ก่อนพระมาถึงให้เอาขันข้าวยกขึ้นจรดหน้าผาก แล้วกล่าวดังนี้
    ตั้งนะโมสามจบ สุทินนังวะตะเมทานัง ปริสุทธิทานังอาสวักขยาวะหังนิพพานังโหตุ ต่อด้วย ทุติยัมปิสุทินนังวะตะเมทานังฯตติยัมปิสุทินทนังวะตะเมทานังฯ<O:p</O:p

    แล้วอธิษฐานว่าลูกขอถวายอาหารบิณฑบาตรนี้เป็นมหาทานหรือเป็นสังฆทาน (อันนี้จะถือว่าเราได้กล่าวถวายโดยให้ทานนั้นเป็นมหาทานหรือเป็นสังฆทานไปในตัวเลย)
    ส่วนเรื่องการตักบาตรแก้ไขปัญหาต่างๆนั้นมีเคล้ดดังนี้<O:p</O:p

    1 มีทุกข์เรื่องการงาน ให้ตักบาตรวันอาทิตย์ ด้วยอาหารที่ทำมาจากมะพร้าวดอกไม้สีแดง
    2 มีทุกข์เรื่องการเงิน ให้ตักบาตรวันจันทร์ ด้วยขนมหวานของหวานต่างดอกมะลิ
    3 มีทุกข์เรื่องเอกสารสัญญา โดนโกง มีคดีความ ให้ตักบาตร ในวันพุธ ด้วยส้มผลไม้มงคล
    4 มีทุกข์เรื่อง พ่อแม่ผู้ใหญ่เจ้านาย ให้ตักบาตรวันพฤหัสด้วยข้าวหอมมะลิ และดอกบัว
    5 มีทุกข์เรื่องไม่มีโชคลาภไม่มีลาภลอยทำอะไรไม่ค่อยได้กำไร ให้ตักบาตรในวันศุกร์ด้วยของหอมต่าง ดอกดาวเรือง
    6 มีทุกข์เรื่องบริวารลูกน้อง บุตร มีโรคภัยให้ตักบาตร ในวันเสาร์ ด้วยอาหารมังสะวิรัติกล้วยไม้สีม่วง
    มีทุกข์เรื่องใดให้ตักบาตรตามขั้นตันหลายๆครั้งแล้วสังเกตุดูว่าดีขึ้นไหมส่วนมากจะดีขึ้นให้ผลดีขึ้นเพราะเป็นวิชาที่มีเคล็ดลับมาจากบูรพาจารย์ท่านได้เมตตาสั่งสอนไว้

    คัดลอกจากบทความของ อ.ต้น
    <O:p</O:p
     
  8. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    [​IMG]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ธนุรเพท เทพแห่งสงครามและชัยชนะ

    เทพเจ้าที่ชาวฮินดูในวรรณะกษัตริย์นับถือว่าเป็นผู้ประทานชัยชนะเหนือข้าศึกศัตรูนั้นนอกจากตรีมูรติทั้งสามพระองค์แล้วก็ยังนับถือเทพเจ้าอีกพระองค์หนึ่งว่าทรงเป็นที่รวบรวมศาสตร์หรือวิถีทางแห่งชัยชนะเหนือข้าศึกศัตรู ถึงกับให้ความสำคัญปรากฏในคัมภีร์พิไชยสงครามของชมพูทวีปอยู่หลายแห่ง ทั้งปรากฏในคัมภีร์ย่อยและคัมภีร์หลัก โดยถือว่าความรู้หรือพระเวทย์เรื่องนี้เป็นเทพวิญญาณ คือธนุรเพทนั่นเอง ที่นำมากล่าวในเทพปกรณัมนี้เป็นเรื่องราวอีกมุมหนึ่งของความรู้โบราณที่จัด เป็นศาสตร์ชั้นสูงแม้จะนำมาเล่าใน "อุณมิลิต" ฉบับก่อนๆแล้วก็ตามแต่ที่นำมาเล่านี้เป็นเรื่องราว ที่เกี่ยวข้องกับเทพแห่งการรบพระองค์นี้ในรูปลักษณ์ที่ปรากฏเป็นตัวตน ที่นักเทวะวิทยาฮินดูมักผูกเรื่องราวเทพเจ้าให้ประกอบด้วยเทวลักษณะต่างๆ อันมีที่มาจากนามธรรมที่ เป็นคุณสมบัติประจำตัวของเทพองค์นั้นๆด้วยเช่นกัน

    ความรู้เรื่องธนุรเพทปรากฏในคัมภีร์โบราณฉบับหนึ่งที่ชื่อว่า "นิติประกาศิกา" กล่าวกันว่าคัมภีร์นี้เป็นของท้าวมหาพรหมและมีเพียงคัมภีร์เดียว เท่านั้นแปลว่าความรู้หรือวิชาธนู หากจะดูความหมายก็เห็นจะเป็นแค่ความรู้อย่างหนึ่ง แต่ความรู้ที่ว่านี้จัดว่าสำคัญเพราะเป็นที่มาของความสำเร็จในกิจการที่สำคัญอย่างการ ทำการรบหรือสงครามซึ่งเป็นเรื่องราวระดับเชื้อชาติเผ่าพันธุ์เลยทีเดียวจึงเชื่อว่า ความรู้นี้มีจิตวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ผสมผสานอยู่ เรื่องคัมภีร์ธนุรเพทนี้จัดเป็นองค์หนึ่งในคัมภีร์ อุปเพทซึ่งเป็นคัมภีร์ที่รองจากคัมภีร์ไตรเพทของพราหมณ์เท่านั้นมีอยู่ ๔ คัมภีร์ย่อย

    กล่าวกันว่าหากผู้ใดรอบรู้เข้าถึงคัมภีร์ธนุรเวทนี้แล้ว หากมนสิการทำความเข้าใจให้ชำนาญ จะสามารถมีชัยชนะแก่ข้าศึกได้ ทุกสถานมีคำกล่าวว่า แต่ปางก่อนมาอย่าว่าแต่มนุษย์ฝ่ายเดียวเลย ถึงเทพยดาทั้งหลายก็ยังไม่สามารถรู้ซึ้งถึงคัมภีร์ธนุรเพทนี้ได้ตลอด และเพราะเหตุที่เทพยดามี ความรู้ที่พร่องในเรื่องนี้เองจึงต้องพ่ายแพ้แก่อสูร ซึ่งเรื่องนี้ก็คงจับความจากเทวาสุรสงคราม ที่ทางฮินดูมักนำมาประกอบกับเรื่องราวต่างๆเสมอ ครั้นต่อมาเมื่อเทพยดาเหล่านั้นมีโอกาสได้ ร่ำเรียนเนื้อหาของคัมภีร์ธนุรเพท ได้ตลอดจนมีความลึกซึ้งจึงรบชนะอสูรได้ด้วยเหตุที่ ท้าวมหาพรหมได้ประสาทความรู้นี้แก่ทวยเทพนั่นเอง

    ชาวฮินดูได้กำหนดเรื่องราวของธนุรเพทเป็นเทพวิญญาณที่ที่มีลักษณะหน้าเกรงขามแสดงถึง คุณสมบัติต่างๆที่ควรจะมี โดยกำหนดให้เป็นเทพที่มีอยู่สี่พระบาท แปดพระกรและมีจักษุถึงสาม เเบบเดียวกับพระศิวะมหาเทพ หนึ่งในตรีมูรติที่สูงสุดในศาสนาฮินดู และยังกล่าวว่าท้าวสางขยายะนะ เป็นต้นวงศ์ของธนุรเพทด้วยพระกรทั้งแปดนั้นจะ ทรงเทพศาสตราต่างๆดังได้บรรยายไว้ดังนี้

    กรทั้งสี่เบื้องขวาทรงเทพอาวุธสี่อย่างคือ วชิราวุธ พระขรรค์ ธนู จักร ส่วนอีกสี่พระกรข้างซ้าย ทรงเทพศาสตราอีกสี่อย่างคือ ศะตัฆนี (อาวุธที่ฆ่าได้ครั้งละร้อย) กระบองทิพย์เรียก คทา ตรีศูร(สามง่าม) ขวานรบหรือ ปัฏ ฏิษะ ส่วนอื่นๆเช่นเกี้ยวบนศีรษะ ประดับด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันมีฤทธิ์มากต่างๆนานา บนร่างกายจะเป็น นิติศาสตร์และราชศาสตร์ เครื่องป้องกันร่างกาย ล้วนเป็นเวทมนตร์คาถา กุฑลทั้งสองข้างเป็นอาวุธต่างที่ครบทั้ง สับ ฟัน แทง แลพุ่ง ยิง ทิ้ง โยน ซัด ขว้าง ต่างๆ บรรดาเครื่องประดับก็เป็นกระบวนท่าต่างๆที่มาจากกระบวนรบพุ่งทั้งสิ้น ดวงจักษุเป็นสีเหลือง(คงหมายถึงเปลวเพลิง) ที่รอบกายคาดสังวาลย์อันเป็นไชยมงคล และทรงโคผู้เป็นพาหนะ ซึ่งมองดูรูปลักษณ์ก็อาจเข้าใจไป ได้ว่าน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของมหาเทพศิวะ แต่ตำราต่างๆไม่ได้ระบุเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจน

    มีความเชื่อในหมู่นักเทววิทยาฮินดูที่ศึกษาศาสตร์ทางจิตโบราณว่า หากบูชาเทพเจ้าองค์นี้ จะทำให้เป็นผู้มีเดชอำนาจมากหาผู้ใดที่จะปราบลงได้ทั้งข้าศึกหรือศัตรูก็จะมีอันคร้ามเกรง และอาจถึงวิบัติสิ้นไปด้วยอำนาจการบูชาเทพเจ้าองค์นี้ ถึงกับมีเวทมนตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการล้างผลาญศัตรู ไว้สาธยายเช่น โอม นะโมภะคะวะเตทัง…….ฯ และบทสวด(มนตร์)ทำนองนี้อีกหลากหลายมีการแปลมนตร์ ออกมาก็มีเนื้อความน่ากลัวสยดสยองดังมนตร์บทหนึ่งแปลความได้ว่า "ข้าขอนอบน้อมแก่ธรรมอันศักดิ์สิทธิ์คือธนุรเวท ขอจงป้องกันรักษาข้าพเจ้า ขอจงขบกินศัตรูของข้าพเจ้าเสีย" ในทำนองนี้ซึ่งทำให้เห็นภาพเทพเจ้าองค์นี้ที่ดูดุดันน่ากลัวทีเดียว

    ภาพที่นำมาลงประกอบเรื่องนี้นับว่าเป็นครั้งแรกในประเทศไทยก็ว่าได้ที่มีการกล้าเขียนรูปเทพเจ้าองค์นี้ขึ้นจึงรับรองได้ว่าท่านไม่สามารถหาดูได้จากที่ใด โดยอาศัยเค้าโครงจากตำราพิไชยสงครามฮินดูซึ่งในเมืองไทยมีเพียงฉบับเดียว เป็นหลักในการให้ศิลปินสร้างภาพของเทพเจ้าองค์นี้มาให้ได้ทัศนากันโดยปกติ รูปเทพเจ้าต่างๆที่นำมาลงเผยแพร่ในเทพปกรณัมนั้นจะวาดขึ้น โดยการสื่อจิตถึงภาวะเทพเจ้าองค์นั้นโดยตรงแล้วถ่ายทอดซึ่งศิลปินคือคุณเอนก ทองรอด ศิลปินที่เราคัดเลือกเเล้วว่ามีความสามารถพอ ที่จะสื่อความเป็นทิพยภาวะของเรื่องราวศักดิ์สิทธิ์ เกี่ยวกับเทพเจ้าออกมาได้การสร้างงานจิตกรรมจึงต้องถือ ศีลพรต ตลอดในการวาดรูปในแต่ละครั้งดังนั้นรูปที่พิมพ์เผยแพร่ ในเทพปกรณัมของอุณมิลิตจึงมีเทวลักษณะที่ค่อนข้างเหมือนจริง โดยสื่ออารมณ์ได้ ถึงทิพยภาวะของเทพองค์นั้นๆได้ แต่ในคราวที่วาดรูปธนุรเพทนี้ ต้องยอมรับว่ายาก และมีอาถรรพ์ค่อนข้างสูงงานนี้ถึงกับเล่นเอาศิลปินเดี่ยวของเรา ป่วยไปหลายวันทีเดียว

    การบูชาธนุรเพทเป็นศาสตร์ขั้นสูงในระดับผู้นำที่ต้องการเดช อำนาจในการหยุดหรือห้ามอุปสรรคภยัน อันตรายต่างๆเพื่อเอาชนะข้าศึกศัตรูหรือคู่แข่งขัน ทั้งมีอานุภาพข่มนามศัตรูให้แพ้ภัยตัวเองไปได้ ทำนองเดียวกับ "พระกาฬ" ที่เป็นศาสตร์อิงอำนาจเทพแห่งความตายนั่นเอง


    (สามารถติดตามละเอียดเพิ่มเติมได้ในนิตยสารอุณมิลิต ฉบับที่ ๗ เดือนธันวาคม ๒๕๔๖)

     
  9. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    โห เเราว่าเราร้องเพลงเก่าแล้ว ปราญร้องเก่ากว่าอีก แป่ววว
     
  10. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    คิดถึงเหมือนกัน ไม่รู้ว่าหายไปไหน สงสัยไปเองว่าจะเข็ดพวกเราเสียแล้ว
     
  11. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    เอารูปมาจากไหนจ๊ะคุณบรม น่ากลัวดีนิ
     
  12. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    [​IMG]

    นาฏราช (Nataraja) หรือพระศิวะในฐานะของบรมครูองค์แรกแห่งการร่ายรำ พระหัตถ์ขวาด้านบน ทรงถือกลองรูปร่างคล้ายๆ นาฬิกาทราย (เอวคอด) กลองเล็กๆ ใบนี้ให้จังหวะประกอบการฟ้อนรำของพระศิวะ และที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ เสียงกลองเป็นสัญลักษณ์แทนธาตุแรกที่ถือกำเนิดขึ้นในจักรวาล นั่นคือ กลองเป็นสัญลักษณ์แห่งการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ทั้งมวล
    พระหัตถ์ซ้ายด้านบน ถืออัคนี อันเป็นสัญลักษณ์แห่งการทำลายล้าง โดยคำว่า ทำลายล้าง ในที่นี้ หมายถึง ล้างความชั่ว ล้างอวิชชา ให้หมดไป เพื่อเปิดทางการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ขึ้นมาใหม่ พระกรและพระหัตถ์คู่ซ้าย-ขวา ซึ่งแทนการสร้างสรรค์และการทำลายล้างนี้ กางออกไปในระดับเสมอกัน อันบ่งบอกถึงความหมายที่ว่า "มีเกิด ก็ย่อมมีดับ" นั่นเอง
    พระหัตถ์ขวาด้านล่างแบออก เรียกว่า ปางอภัย (abhaya pose) ซึ่งมีความหมายว่า "จงอย่าได้กลัวเลย" (do not fear) เพราะไม่มีภัยใดๆ จะมากล้ำกลาย ท่านี้บ่งว่าพระศิวะเป็นผู้ปกป้องอีกด้วย
    ส่วนพระกรซ้ายด้านล่างพาดขวางลำตัวระดับอก ในลักษณะคล้ายๆ งวงช้าง ซึ่งบางคนตีความว่า เป็นงวงของพระคเณศ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ และเป็นบุตรของพระศิวะอีกต่างหาก ปลายนิ้วของพระกรที่เป็นงวงช้างนี้ชี้ไปที่พระบาทซ้ายที่ยกขึ้น มาจากพื้น ก็ตีความกันว่า พระบาทที่ยกขึ้นมานี้บ่งถึงการหลุดพ้นจากวัฏสงสาร
    ส่วนพระบาทขวานั้นเหยียบอยู่บนอสูรมูลาคนี ซึ่งเป็นตัวแทนของอวิชชา เมื่ออวิชชาถูก 'เหยียบ' ไม่ให้โผล่ขึ้นมาบดบังความจริง ความรู้แจ้ง (วิชชา) ก็จะปรากฏขึ้นนั่นเอง
    วงกลมๆ ที่ล้อมพระศิวะอยู่ก็คือ ขอบเขตแห่งการร่ายรำ อันเป็นตัวแทนของจักรวาลทั้งมวล โดยมีขอบด้านนอกเป็นเปลวไฟ และมีขอบด้านในเป็นน้ำในมหาสมุทร พระศิวะในปางนาฏราชนี้ยังแสดงคู่ตรงกันข้ามกันเช่น กลอง = สร้าง vs ไฟ = ทำลาย แม้พระศิวะจะร่ายรำ ขยับมือ ขยับเท้าและแขนขาอย่างต่อเนื่อง แต่พระพักตร์กลับสงบนิ่งเฉย เหมือนไร้ความรู้สึก ซึ่งเป็นเสมือนการสอนว่า การเกิด-ดับของสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่โดยตลอด พระเกศาของพระศิวะยาวสยาย ปลิวสะบัดยื่jนออกไปทั้งซ้ายขวา เป็นสัญลักษณ์แทนผู้ละทิ้งชีวิตทางโลก แต่ก็มีพระคงคาและพระจันทร์เสี้ยวอนเป็นสัญญลักษณ์แห่งเทพสตรีประดับอยู่ด้วย

    **

    สมัยที่เรียน บางทีก็เหยียบรากษก หมายถึงอวิชชาคือความชั่วร้าย หรือเหยียบเด็กน้อยหมายถึงอวิชชา คือความหลงความไม่รู้ค่ะ

    ศิวนาฏราช - วิกิพีเดีย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2010
  13. บรม

    บรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,926
    ขอบคุณ คุณเต้าเจี้ยวอีกครั้งที่กรุณาเพิ่มเติม เราก็โง่ ขี้เกียจพอดู เพิ่งมาสังเกตุเห็นว่าสามารถตามลิงค์ วิกิพีเดียไปอ่านเพิ่มเติมได้ จะจำแล้วหละ

    ขอบคุณ คุณปราญ ที่กรุณาวิสัชณา ภาพให้ เข้าใจแล้วครับ
     
  14. บรม

    บรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,926
    เจอในเวปนี่แหละ เห็นภาพน่าสนใจเลยเก็บไว้นานแล้ว แต่ไม่รู้ความหมายของภาพ
     
  15. ขุนพิฆาต

    ขุนพิฆาต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +1,704
    prakasit_yai@hotmail.com ครับ :boo:
     
  16. somjeedz

    somjeedz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +433
    หนีไปเล่นFBกันหมดที่นี่เลยเงียบเหงา...
     
  17. kornkamolk

    kornkamolk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +532
    กุ๊ก กุ๊ก กู๋....:boo::boo::boo:

    พี่ขุนใจดีค่ะ น้อง Add แล้วน๊า ตอบรับด้วยนะคะ.....

    กุ๊ก กุ๊ก กู๋....:boo::boo::boo:
     
  18. โคมหลวง

    โคมหลวง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +6,383
    ขำมากครับ:cool::cool::cool:
    เฮฮาไปด้วยตั้งใจฝึกจิตไปด้วย หัวหน้าเลยปล่อยแต่คุมดูอยู่ครับ เฮี้ยนมากๆ ฮา
    ถ้าสึกเอามือผมไปแทนก็ได้ครับอาจจะไม่ได้เรื่องได้ราวแต่จริงใจ ฮา



    สวัสดีครับสบายดีนะครับ

    สวยครับพี่บุญชัย
    ฝากสวัสดีน้องกร น้องส้ม พี่ขุนด้วยนะครับ เจอขชื่อสนีรหแล้วaddมานะครับ พี่ขุ่น


    ตอนนี้น้องๆพากันไปวัดสะแกแลว้รับ กลังจากกลับมาจากถวายเพลพระที่วัดศรีฌพธฺ สิงหบุรี โมทนาบุญด้วยครับ ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดีครับ

    ยังไงก็มาโมทนาดูรูปหากมีขึ้นที่ FBคุณตุ้มนะครับ งานนี้ต้องอยู่กับคุณแม่เลยไม่ได้ไปครับ

    น้องๆได้อะไรหลายๆอย่างมาดีๆเยอะแยะเลยรับ ยังไงก้รอเค้ามาเล่าให้ฟังครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2010
  19. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    เพิ่งกลับมาถึงค่ะ เดี๋ยวจะมาเล่าเรื่องราวให้พี่ๆน้องๆ ได้ร่วมอนุโมทนากันค่ะ
    รูปภาพรอดูจากพี่ตุ้มนะคะ ปราญฯไม่ได้เอากล้องไป
    แต่เรื่องเล่าเรียงความเดี๋ยวปราญฯรับอาสาค่ะ อิอิ

    ป.ล. พี่หลวงคะ พิมพ์ผิดเยอะเลย ใจเย็นๆค่ะ มิต้องรีบร้อน ^-^
     
  20. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    มาแล้วค่ะ มาเล่าเรื่องราวให้ฟัง
    เราเริ่มต้นออกเดินทางกันตอน 7 โมงค่ะ พี่อาร์ทมารับปราญฯและน้องน้ำใจที่สถานีรถไฟหลักสี่ค่ะ เป็นการเดินทางที่น่าตื่นเต้นดีมากมายค่ะ รถของเราเป็นรถของหวาน พี่อาร์ทเตรียมไอศกรีมรสช็อกโกแลตไป 1 ถังโตๆ ปราญฯและน้องน้ำใจเตรียมขนมปัง 2 ปี๊บและ เจเล่ 10 โหลค่ะ เช้าของการเดินทางวันนี้ทวยเทพเทวามาร่วมอนุโมทนาบุญโดยการส่งน้ำฝนโปรยปรายลงมาเบาๆ พอให้ชุ่มฉ่ำใจ เมื่อเราทุกคนได้พร้อมหน้ากันบนรถ ก็มีการทักทายกันพอสมน้ำสมเนื้อ พี่ตุ้มแต่งตัวสวย น้องน้ำใจก็น่ารักเหมือนตุ๊กตาเลยค่ะ รถเราไปกัน 6 คน พี่อาร์ท น้องพี่อาร์ท คุณแม่ พี่ตุ้ม น้องน้ำใจและปราญฯ

    การเดินทางของเราราบรื่นดีค่ะ หลังจากรถออกจากจุดนัดพบได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ปราญฯก็ได้โทรไปหาพี่หลวง ส่งข่าวให้รับรู้ให้ได้อนุโมทนาด้วยกัน ตลอดการเดินทางของเรา รถพี่อาร์ทมีกลิ่นหอมอ่อนๆอวลมาก แต่ไม่รู้ว่าปราญฯจะเพี้ยนได้กลิ่นไปคนเดียวหรือเปล่า แต่ในใจปราญฯก็รับรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะราบรื่นโดยดี และมีผู้มาร่วมดูแลและอนุโมทนาบุญกับพวกเราเป็นแน่

    ตลอดการเดินทาง ปราญฯและน้องใจนั่งคุยกันไปตลอดทางตามประสาผู้หญิงๆ พี่อาร์ทดูเหนื่อยๆเพราะเมื่อวานทำงานหนัก พี่หลวงฝากให้ดูแลพี่อาร์ทด้วย คงเพราะพี่หลวงรู้สึกว่าพี่อาร์ทเหนื่อย ปราญฯนอนน้อยมา 2 คืนแต่ก็ไม่รู้สึกอ่อนเพลียแต่อย่างใด เราไปถึงวัดโพธิ์ศรีตอนเวลา ประมาณ 10.00 น. พอไปถึงก็จัดการเอาเจเล่แช่ถังน้ำแข็งแล้วก็ไปชื่นชมแม่น้ำกัน จากนั้นก็รีบมาช่วยกันจัดอาหาร คณะของคาวเตรียมก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหม้อใหญ่มา ดูท่าทางน่าทานมากทีเดียว(แต่ปราญฯอด--") เราช่วยกันจัดก๋วยเตี๋ยวใส่ชาม ผัก เส้น กระเทียมเจียว ขึ้นช่าย ตั้งฉ่าย ลูกชิ้น รอตักน้ำใส่ตอนเสริฟ งานนี้สนุกสนานมากมาย ตอนเสริฟก็ช่วยกันอย่างเต็มที่ อิ่มบุญสุดๆ

    ระหว่างนี้เราได้นำอาหารไปถวายให้แก่ท่านเจ้าอาวาสที่กุฏิ ปราญฯไม่ทราบชื่อท่านค่ะ เดี๋ยวคงต้องรอถามพี่อาร์ท ท่านอายุ 101 ปี แล้ว ตอนไปกราบท่าน เห็นแล้วชื่นใจมากค่ะ รอยยิ้มของท่านเมตตามากๆ น่ารักมากเลยค่ะ ตอนนั้นแอบนึกในใจว่าดีใจจังที่มีโอกาสได้มา ขอบคุณพี่อาร์ทสำหรับทริปงานบุญดีๆ ขอบคุณคนขับรถผู้อารีที่ยอมให้เรามาร่วมบุญทริปนี้ทั้งที่จริงเขาตั้งใจให้เราไปต่างจังหวัดกับเขา

    ตอนเตรียมก๋วยเตี๋ยวเสริฟก็จัดการกันได้อย่างคล่องแคล่วค่ะ ที่นี้ถึงตอนตักไอติม พี่อาร์ทโชว์ฝีมือขั้นเทพในการตักไอติมด้วยค่ะ สุดยอดเลยผู้ชายคนนี้ ทั้งเก่งทั้งใจบุญแถมโสดอีกด้วย(พี่อาร์ทอย่าลืมรางวัลค่าโฆษณาสรรพคุณนะ^-^)พอท่านฉันเสร็จกรวดน้ำให้พร เวลาที่บรรดาแม่ครัวรอคอยก็มาถึง นั่นคือได้ชิมรสชาติก๋วยเตี๋ยวไงคะ อิอิ

    งานนี้ปราญชลีดูจะขลุกขลักเล็กน้อยเนื่องจากเราไม่ทานหมู แต่ก็มีขนมให้ทาน แต่ด้วยความที่น้องเป็นห่วงกลัวพี่ปราญฯจะผอม เลยกินเส้นก๋วยเตี๋ยวคลุกน้ำปลาไป อิอิ อารมณ์เหมือนกินขนมจีนกับซีอิ๊วขาวของโปรดของเราเลย

    เมื่ออิ่มหนำสำราญกันดีก็ได้ไปกราบลาท่านเจ้าอาวาสเพื่อจะเดินทางออกจากที่นั่นกันค่ะ

    เดี๋ยวเล่าต่อ....
     

แชร์หน้านี้

Loading...