อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 8 พฤศจิกายน 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    [SIZE=-1][​IMG]

    "มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวม ที่เราเรียกว่าเอกภพ
    เป็นเพียงเศษเสี้ยวส่วนจำกัดของอวกาศและเวลา
    มนุษย์รับรู้ตัวตน ความคิด ความรู้สึกเหมือนเป็นสิ่งที่แยกออกจากส่วนอื่นๆ
    ...นั่นเป็นเพียงภาพลวงตาที่สร้างขึ้นภายในจิตใจ
    ภาพมายานี้คือ สถานที่คุมขังพวกเรา จำกัดพวกเราให้ลุ่มหลง
    อยู่กับกิเลสตัณหา และหลงใหลไปกับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ใกล้ตัว
    ภารกิจอันยิ่งใหญ่ของเราคือการปลดปล่อยตัวเอง ออกจากสถานที่คุมขัง
    แล้วก้าวไปสัมผัสกับความจริง มีเมตตาต่อสิ่งมีชีวิตทั้งมวล
    และเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติโดยรวมอย่างแท้จริง"

    "A human being is a part of a whole, called by us 'universe'
    a part limited in time and space.
    He experiences himself, his thoughts and feelings
    as something separated from the rest
    ... a kind of optical delusion of his consciousness.
    This delusion is a kind of prison for us,
    restricting us to our personal desires
    and to affection for a few things nearest to us.
    Our tasks must be to free ourselves from this prison
    by widening our circle of compassion to embrace
    all living creatures and the whole of nature in its beauty"

    [​IMG]

    จากหนังสือ
    จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
    (รวมวาทะไฮน์สไตน์)
    สำนักพิมพ์มติชน
    [/SIZE]
     
  2. cochiga

    cochiga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +228
    ยิ่งจิตวิญญาณของมนุษยชาติพัฒนาก้าวหน้าขึ้น
    ข้าพเจ้ายิ่งได้ตระหนักว่าวิถีแห่งศานาที่แท้จริง
    ไม่ได้มีพื้นฐานอยู่บนความหวาดกลัวต่อชีวิต
    หวั่นเกรงต่อความตาย หรือความเชื่อถืออย่างงมงาย
    มองไม่เห็นตัวตน แต่ต้องมาจากปัญญาที่สร้างขึ้นจากหลักเหตุผล

    จากหนังสือ
    "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"

    IMAGINATION IS MORE IMPORTANT THAN KNOWLEDGE
    (รวมวาทะไฮน์สไตน์)
    สำนักพิมพ์มติชน
     
  3. cochiga

    cochiga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +228
    วิทยาศาสตร์ที่ปราศจากศาสนาคือคนขาพิการ
    ศาสนาที่ปราศจากวิทยาศาสตร์คือคนตาบอด

    จากหนังสือ
    "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"
    IMAGINATION IS MORE IMPORTANT THAN KNOWLEDGE
    (รวมวาทะไฮน์สไตน์)
    สำนักพิมพ์มติชน
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  4. cochiga

    cochiga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +228
    ศาสนาแห่งอนาคต จะเป็นศาสนาแห่งจักรวาล
    ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนเหตุผลและประสบการณ์
    ปฏิเสธความเชื่อที่ไร้เหตุผล
    ถ้าหากจะเสาะหาศาสนาที่สอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์
    ศาสนานั้นน่าจะเป็นศาสนาพุทธ

    จากหนังสือ
    "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"
    IMAGINATION IS MORE IMPORTANT THAN KNOWLEDGE
    (รวมวาทะไฮน์สไตน์)
    สำนักพิมพ์มติชน
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. cochiga

    cochiga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +228
    จิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่มักเผชิญการต่อต้านอย่างรุนแรงจากจิตใจที่อ่อนด้อย

    จากหนังสือ
    "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"
    IMAGINATION IS MORE IMPORTANT THAN KNOWLEDGE
    (รวมวาทะไฮน์สไตน์)
    สำนักพิมพ์มติชน
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  6. cochiga

    cochiga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +228
    ความจริงแท้เป็นเพียงภาพลวงตา แม้ว่ามันจะประทับฝังแน่นก็ตาม

    จากหนังสือ
    "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"
    IMAGINATION IS MORE IMPORTANT THAN KNOWLEDGE
    (รวมวาทะไฮน์สไตน์)
    สำนักพิมพ์มติชน
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  7. cochiga

    cochiga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +228
    บุคคลจะเริ่มมีชีวิตที่แท้จริงก็ต่อเมื่อเขาสามารถดำเนินชีวิตโดยหลุดพ้นจากตัวตน

    จากหนังสือ
    "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"
    IMAGINATION IS MORE IMPORTANT THAN KNOWLEDGE
    (รวมวาทะไฮน์สไตน์)
    สำนักพิมพ์มติชน
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  8. cochiga

    cochiga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +228
    ความปีติที่ได้รับจากการรับรู้และประจักษ์แจ้งคือของขวัญอันยิ่งใหญ่จากธรรมชาติ

    จากหนังสือ
    "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"
    IMAGINATION IS MORE IMPORTANT THAN KNOWLEDGE
    (รวมวาทะไฮน์สไตน์)
    สำนักพิมพ์มติชน
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  9. cochiga

    cochiga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +228
    จงมองลึกลงไปในธรรมชาติ แล้วเราจะเข้าใจสิ่งต่างๆได้ดี

    จากหนังสือ
    "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"
    IMAGINATION IS MORE IMPORTANT THAN KNOWLEDGE
    (รวมวาทะไฮน์สไตน์)
    สำนักพิมพ์มติชน
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  10. dj-up

    dj-up เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +112
    เป็น ความ จริง ที่ แน่ แท้
     
  11. dj-up

    dj-up เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +112
    [b-wai] เป็น ความ จริง ที่ แน่ แท้
     
  12. noone

    noone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +392
    อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เข้าใจพุทธศาสนา ได้ดีกว่าพุทธศาสนิกชนแท้ๆ ซะอีก
     
  13. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    นี่ถ้าพี่แกมาเมืองไทยตอนนั้นมาเจอหลวงปู่มั่น คงได้มรรคผล นิพพาน ไปแล้ว
    เสียดายเกิดผิดประเทศ......บุญไม่ถึง....อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ขอบคุณครับคุณริน
    ไอน์สไตน์ เรียนรู้เรื่องตรรกะ และมิติ จนทะลุเข้าถึงความหมายของความว่างอันเป็นสากลแล้ว..จะพุทธ คริสต์ ก็ล้วนเข้าสู่สภาวะแบบนี้ได้เหมือนกันนะครับ ที่เดียวกันครับมนุษย์เหมือนๆกัน..ภาษาที่เรียกขานต่างกันเท่านั้นเองครับ
     
  15. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    สิ่งมหัศจรรย์...ข้อคิดจากคำคมของไอนสไตน์
    <!-- Main -->[SIZE=-1]<center>"There are only two ways to live your life, one is as though nothing is a miracle, the other is as if everything is."

    "มีสองแนวทางในการใช้ชีวิต หนึ่งคือเชื่อว่าไม่มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นในชีวิต หรือ สองคือเชื่อว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตคือสิ่งมหัศจรรย์"</center>


    <center>Albert Einstein</center>

    ในการเดินทางเพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายของความสำเร็จนั้น มีส่วนประกอบสำคัญ 2 ส่วน คือ
    จุดหมายปลายทางของความสำเร็จ (What is the objective?) และ เส้นทางที่นำไปสู่จุดหมาย (How to reach the objective?) ทั้งนี้ ไม่เคยมีใครสมหวังในทุกครั้ง และไม่เคยมีใครผิดหวังในทุกครั้ง ผลสำเร็จและสิ่งมหัศจรรย์ มักเกิดกับผู้ที่มีความตั้งใจและเพียรพยายามเสมอ

    การเดินทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค และสิ่งท้าทายที่รอคอยให้เราก้าวข้ามไปในแต่ละก้าวนั้น ต้องอาศัยจิตใจที่มุ่งมั่นและความเชื่อในสิ่งที่ทำ
    "จิตใจที่มุ่งมั่น ความเพียรพยายาม และกำลังใจ จะคอยพยุงให้เราลุกขึ้นก้าวต่อไป"

    คนบางคนมักโทษว่า ตัวเองเกิดมาโชคไม่ดี ไม่เคยมีสิ่งดีๆ ในชีวิต ขณะที่บางคนกลับคิดว่า ตัวเองเกิดมาโชคดี สิ่งที่ต่างกันของคน 2 คน 2 ความคิดนี้ ก็คือ
    ความเชื่อมั่นในตัวเอง ทัศนคติและกำลังใจ ซึ่งจะทำให้เราก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ได้ ทัศนคติจะเป็นตัวชี้ว่าเราจะเลือกมองด้านไหน

    คนเราเลือกบังคับให้สิ่งใดเกิดหรือไม่เกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะคิดและเชื่อได้ และหากวันนี้ใครถามว่า เคยมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับคุณหรือไม่ หากคำตอบคือใช่ นั่นแหล่ะ สิ่งมหัศจรรย์ได้เกิดขึ้นกับคุณแล้ว

    Einstein's three rules of work:

    (1) Out of clutter find simplicity.

    (2) From discord make harmony.

    (3) In the middle of difficulty lies opportunity.

    กฎสามข้อของไอนสไตน์

    (1) หาความเรียบง่ายในความรกรุงรัง

    (2) จากความขัดแย้งกันทำให้เป็นความสอดคล้อง

    (3) ในท่ามกลางความยากลำบาก มีโอกาสรออยู่


    ----------------------------------------------------------

    ขอฝากให้คิดอีกนิดนะคะ [​IMG]

    บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตในการ 'ค้นหา' ว่าตัวเองต้องการหรืออยากจะทำอะไร แต่บางคน 'ค้นพบ' ความฝันของตัวเองตั้งแต่เด็ก แต่อาจต้องใช้เวลานานกว่าที่จะพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นถึงความฝันนั้น ซึ่งในที่สุดแล้วด้วยความมุ่งมั่นและความตั้งใจก็สามารถทำฝันให้เป็นจริงได้

    "ถ้ารู้ว่าตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร (Born to be) แต่ไร้ซึ่งความพยายาม (Try to be) ฝันนั้นก็ไม่อาจเป็นจริงไปได้"

    [/SIZE]
     

แชร์หน้านี้

Loading...