เงินที่ได้จากการ "ฮั้วประมูลงาน" ของหน่วยงานภาครัฐ เป็นเงินบริสุทธิ์หรือไม่ครับ ?

....ผมได้เข้ามา ศึกษางาน ในบริษัท แห่งหนึ่ง กิจการประเภท รับเหมาก่อสร้าง ตามหน่วยงาน ราชการ เช่น ซื้อแบบ แร้วนำไปยื่นซองประกวดราคา ตามระบบของ หน่วยงาน

ตัวอย่างเช่น บริษัท A B C D E ไปซื้อ ซองประกวดราคา

บริษัท A ต้องการจะได้งาน ตัวนี้ ของหน่วยงานนี้ไปทำ ก้อ จะมีตั้งงบ จ่ายเงิน ให้บริษัท B C D E นอกรอบ ... พอถึงกำหนด ยื่นซอง ก้อให้เสนอในราคาที่สูงกว่า

เช่น โครงการรัฐ มูลค่า 2 ล้านบาท

บริษัท A ก้อจะจ่ายเงินให้ B C D E บริษัทละ 30,000 x 4 รวมเป็นเงิน 120,000 บาท

เท่ากับ งบ 2,000,000 - 120,000 = 1,880,000 บาท คงเหลือ

ยังไม่รวบ เงินที่ งุบงิบ กับหน่วยงาน อย่างที่ เราพอ ทราบ ๆ ๆ กันครับ

จำนวนเงิน 30,000 บาท ที่ได้มา ถือได้ว่าเป็นเงินที่มาจาก ภาษีอากร ของประชาชนหรือปล่าวครับ

ผลของการกระทำ แบบนี้ เป็นเงินที่ได้ มาจาก สัมมาอาชีวะ ตามหลักพุทธ หรือ เปล่าครับ

อยากรบกวนท่านผู้รู้ ช่วยแนะนำแนวทางที่ถูกที่ควร ด้วยครับ

กราบขอบคุณ ล่วงหน้าสำหรับ ทุก ๆ คำแนะนำ นะครับ ....

 

ไม่น่าจะเข้าใจยากนี่ครับ

งบเต็มวงคือ 2ล้าน แต่บริษัทมีการตัดงบ นำไปแบ่งผลประโยชน์กัน เงินต้นทุนลดลง นั่นก็หมายถึง คุณภาพงานก็ลดลง งาน 100% แต่ได้แค่ 60%

ไม่ต้องห่วงครับ อย่างนี้เป็นอกุศลกรรมแน่นอน โกงกินกันเลยนะเนี่ย แล้วยิ่งกินงบจากภาษีประชาชน นั่นก็คือเป็นกรรมที่ก่อกับคนหมู่มาก กรรมหนักนะครับ

แต่คุณยังมีความดีอยู่ในจิตใจเป็นพื้นฐาน จึงรู้สึกว่ามีความไม่สบายใจกับการกระทำนี้ ถึงหลายๆคน จะทำกันเกร่อไปโดยไม่รู้สึกอะไรกันก็เถอะ

ขอบคุณที่นำมาเปิดเผยนะครับ (ถึงหลายๆคนจะรู้อยู่แล้วก็เถอะ)

ถ้าหลีกงานแบบนี้ได้ ก็ควรหลีก อย่าได้สร้างอกุศลกรรมเพิ่มให้แก่ตัวเองต่อไปเลย



ขอให้เจริญในธรรมครับ

 

ไม่ใช่สัมมาอาชีวะแน่นอนค่ะ เงินของแผ่นดิน เอ่อ กรรมหนักอยู่ค่ะ ใครทำใครรับ ของอย่างนี้เวลาเจอแล้วถึงจะเข้าใจ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงซะนะคะ เข้าใจว่างานหายากเหลือเกิน แต่ทุกครั้งที่ได้รับเงินแบบนี้ ก็รับกรรมทุกครั้ง ยิ่งเป็นกรรมที่ทำกับแผ่นดิน และผู้คนมากมาย แล้ว ไม่อยากจะคิดเลย ลองพิจารณาดูนะคะ

 

-*-

เป็นอย่างที่ผมคิดไว้เลย ครับ

ขอบคุณสำหรับคำตอบที่ช่วยให้ผม กระจ่างขึ้นเยอะ

ถ้าไม่สามารถเลี่ยงได้ อาจจะต้องทำเพราะความอยุ่รอด และความจำเป็น

มีวิธีที่จะช่วยลดกรรม ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรบ้างครับ

รบกวนอีกซักครั้ง นะครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับผม

 

เรื่องของกรรม ไม่มีการลด ทำเท่าไหร่ก็ต้องใช้จนหมด

กรรมอย่างนี้ เมื่อใช้กรรมในนรกจนกรรมเบาบางแล้ว ถ้ามีบุญพอได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะเกิดความฉิบหายทางทรัพย์สิน ด้วยภัยต่างๆ จนกว่าหนี้กรรมจะหมด และจะมีความลำบากในการดำรงชีพ คือจะทำอะไรก็ติดขัดไปหมด หรือได้อะไรก็ตามจะได้แบบไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย หรือได้ของที่เสียหาย ชำรุด

หนทางเดียวที่พอจะทำได้ถ้าคุณไม่หลีกจากเส้นทางนี้ คือ หมั่นทำบุญสร้างกุศลให้มาก ปฎิบัติธรรมให้เยอะ

ตอนนี้ธรรมะในใจคุณยังไม่มากพอ เพราะเรื่องทางโลกยังมีอิทธิพลกับคุณอยู่มาก แต่ต่อไปในอนาคต ถ้าคุณไม่ทิ้งการปฎิบัติธรรม อดทน ตั้งใจ จนธรรมะเข้าไปอยู่ในใจของคุณได้เต็มเปี่ยม แล้วคุณก็จะละวางในสิ่งเหล่านี้ได้เอง

ขอให้คุณพยายาม ตั้งใจ อย่าทิ้ง อย่าท้อ ในการปฎิบัติธรรมตามหลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อลด ละ เลิก จากสิ่งที่เป็นกรรมชั่วทั้งปวงให้ได้


ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป.........สาธุ

 

ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ก็นำเงินนั้นไปทำกุศลให้กับสาธารณะชน เถอะครับ
แล้วให้คิดว่าเป็นการนำเงินนั้นคืนให้กับแผ่นดิน ทำได้หลายอย่างครับ
บริจาคเป็นทุนการศึกษา สร้างวัด สร้างพระ สร้างโรงพยาบาล อะไรก็ได้ที่คิดว่า
เป็นการคืนเงินสู่สาธารณะชน ให้อธิฐานจิตว่าก่อนบริจาคว่า ได้คืนเงินนั้นกับแผ่นดินแล้ว
จิตจะได้ไม่ไปยึดติดเป็นบาปติดตัว
ผมเข้าใจดีครับว่า วงการก่อสร้างนี้เสี่ยงแค่ไหน ไม่รับเงินก็มีโอกาสไม่ได้ใช้เงินครับ
จะถูกหิ้วปีกไปวันไหนก็ไม่รู้ ลูกเมียจะลำบาก สู้รับแล้วไปสร้างกุศลคืนแก่แผ่นดินดีกว่าครับ
ถึงจะลบบาปไม่ได้ แต่กุศลที่สร้างและเจตนาที่ทำ ส่งผลให้บาปตามไม่ทันครับ

 

กรณีนี้ต้องไปอ่านหนังสือของแม่ชีทศพร ท่านบอกว่าการทุจริตคอรัปชั่นเงินแผ่นดิน จะมีผลทำให้บั้นปลายชีวิตประสบเคราะห์หลายอย่างกรรมอย่าง อย่างหนึ่งคือ ตาจะมองไม่ค่อยเห็นหรืออาจจะบอด ผมก็รับราชการ โครงการแต่ละโครงการ ทางราชการเขากำหนดประมาณสัดส่วนของกำไรไว้แล้วว่าผู้รับเหมาได้กำไรแน่นอน ราคามันจะสูงกว่าเอกชนกับเอกชนจ้างกันเองอยู่แล้ว เช่นตึก 10 ชั้น เอกชนจ้างสร้าง 500 ล้านบาท รัฐจ้าง 600 ล้านบาท การฮั้วกันจะมีผลต่อการที่ประเทศต้องสูญเสียเงินของแผ่นดิน ประมาณ 30%ของงบประมาณแผ่นดิน โครงการต่างๆนั้น จะมีประสิทธิภาพเพียง 60 - 70 %เท่านั้น เพราะเขาต้องไปลดวัสดุก่อสร้าง หรืออุปกรณ์ให้น้อยลงทำให้ขาดความมั่นคงแข็งแรงตามสเปค หรือใช้ของที่มีราคาถูกแต่มีคุณภาพต่ำ เช่น ถนนตามสเปคการก่อสร้างไว้จะมีความทนทาน 5 ปี การฮั้วกันจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลงเหลือ 3 ปีก็ต้องสร้างใหม่หรือกรณีสร้างสะพาน มันอาจจะพังลงขณะที่มีรถวิ่งผ่านแล้วตกลงน้ำ หรือถนนทรุดตัวลงฉับพลันทำให้รถที่วิ่งมาประสบอุบัติมีคนตาย ใครคือผู้ก่อเวรกรรมในครั้งนี้

 

แค่มีเจตนาก็ผิดแล้ว ครับ

ถ้าเป็นไปได้ ก็พยายามหลีกเลี่ยงงานประเภทนี้ เพราะถ้ายิ่งทำก็ยิ่งต้องฮั้วกันอย่างนี้ร่ำไป
กลายเป็นอาจิณกรรม ถอนตัวลำบากมากขึ้น

 

วันนี้ต้องทำใจ ล่ะครับ :'(

เพราะวงการประมูลราชการทุกหน่วยงานเป็นแบบที่ว่านี้ 99% นะครับ

ยากที่จะหาหน่วยงานไหนที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ถือว่าเป็นเวรกรรมของประเทศแล้วกัน อีกไม่นานคงจะมีการชำระกรรมกันแล้ว

ก็ขอให้ทุกท่านโชคดี มีชีวิตรอดไปในยุคทองข้างหน้าแล้วกัน ครับ

 

หลบเลี่ยงภาษี
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=OLEvnh757nw&feature=player_embedded]YouTube - หลบเลี่ยงภาษี[/ame]

หลีกเลี่ยงภาษี
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=Ydobh52u40g&feature=player_embedded]YouTube - หลีกเลี่ยงภาษี[/ame]

ลองฟังดูนะครับ บรรยายโดย แม่ชีทศพร

 

ปฏิบัติกรรมฐาน จะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบา อย่างที่หลวงพ่อจรัญ บอกครับ.

ส่วนถามว่าผิดหรือไม่ก็ตอบได้เลยว่าผิดคับ<br>
ผิดที่ไปโกงเขา ส่วนหน่วยงานไหนทำมานานแล้ว ก็อย่าไปยุ่งกะเขาครับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่หามา ตายแล้วเอาไปได้แค่บุญกะบาป ดูตอนตายครับ แบมือหมดทุกคน แสดงให้รู้ว่าไม่ได้เอาอะไรไป...

 

บาปต้องแยกเป็น 2 กรณี คือผิดศีลข้อ 2 และข้อ 4 ซึ่งขึ้นกับความหนักเบาของเหตุการณ์ประกอบ
การฮั้วประมูลเบื้องต้นคือการสมคบกันเพื่อล็อกผลการประมูลให้ตกกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของทางการที่ต้องการให้มีการแข่งขันเพื่อให้ได้ราคาที่ต่ำที่สุด ซึ่งการสมคบกันเป็นการตบตาราชการผิดศีลข้อ 4 แบบเต็มๆ ไม่มีปัจจัยอื่นใดที่จะมาลดทอนกรรมนี้ให้เบาบางได้เลย
ส่วนกรรมผิดศีลข้อ 2 จะหนักเบาขึ้นกับว่าราคาที่ประมูลได้ืทำให้รับเสียหายมากน้อยแค่ไหน ถ้าเสียหายมากกรรมก็หนัก ถ้าเสียหายน้อยกรรมก็เบาหรือเป็นแค่เศษกรรม
วิบากกรรมของการฮั้วประมูล ถ้าหนักก็ต้องไปตกนรกขุมที่ 2 และที่ 4 ถ้ากรรมเบาก็จะเกิดเป็นคนยากจน ด้อยโอกาส ถูกเอารัดเอาเปรียบต่างๆนานา