พิธีอาราธนาพระอุปคุต จากแม่น้ำกก(เชิงสะพานแม่ฟ้าหลวง)จ.เชียงราย

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย พงษ์ญาดา, 25 สิงหาคม 2010.

  1. พงษ์ญาดา

    พงษ์ญาดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +1,871
    พิธีอาราธนาพระอุปคุต จากแม่น้ำกก(เชิงสะพานแม่ฟ้าหลวง) <SUP></SUP>




    [​IMG]

    วันนี้( 24 สิงหาคม 2553 เวลา 15.30 น. ) พระครูสุธีสุตสุนทร ผอ.ห้องเรียนวัดแก้ว จังหวัดเชียงราย นายสมพงษ์ กูลวงค์ นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยพนักงานและ ผู้สื่อข่าว ได้ร่วมพิธีอาราธนาพระอุปคุต จากแม่น้ำกก(เชิงสะพานแม่ฟ้าหลวง)ขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบก เพื่ออัญเชิญเข้าขบวน แห่รอบเมืองเชียงราย ก่อนที่จะนำไปประดิษฐาน ณ วัดมิ่งเมือง

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]
    นายสมพงษ์ กูลวงค์ นายกเทศมนตรีนครเชียงรายอัญเชิญพระอุปคุต จากแม่น้ำกก
    เวลา 23.00 น.ประกอบพิธีทางศาสนา พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ปาฐกถาธรรมเรื่องประวัติพระมหาอุปคุต โดยพระครูสุธีสุตสุนทร ผอ.ห้องเรียนวัดแก้ว จังหวัดเชียงราย และเวลา 00.01 น. ตรงกับขึ้น 15 ค่ำ วันเป็งปุ๊ด ก้าวเข้าสู่วันที่ 25 สิงหาคม 2553 ประกอบพิธีอาราธนาพระอุปคุตและพระสงฆ์สามเณร
    ออกรับบิณฑบาต[​IMG]


    [​IMG]
    พระครูสุธีสุตสุนทร ผอ.ห้องเรียนวัดแก้ว อัญเชิญพระอุปคุต จากแม่น้ำกก
    ประเพณีการตักบาตรเป็งปุ๊ดถือเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมาช้านานตั้งแต่สมัยอดีตกาล ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่จะมีความเชื่อกันว่า หากผู้ใดได้ทำบุญตักบาตรพระมหาอุปคุต ที่ได้จำแลงเป็นพระภิกษุหรือเณร ที่ออกมารับบิณฑบาตรในช่วงประมาณเที่ยงคืนที่ย่างเข้าสู่วันพุธคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ บุคคลนั้นถือว่าเป็นผู้มีบุญ จะมีโชคลาภวาสนาร่ำรวย และบังเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต


    [​IMG]


    [​IMG]
    สำหรับการรับบิณฑบาตรก็จะได้จัดขบวนไปตามถนนสายต่างๆเขตเทศบาลนครเชียงราย จึงขอเชิญคณะศรัทธา ประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยว เข้าร่วมกิจกรรมทำบุญตักบาตรเที่ยงคืนวันเป็งปุ๊ด และร่วมกันแต่งกายด้วยชุดสีขาว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและเพื่อเป็นการอนุรักษ์ขนมธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของชาวล้านนาอีกด้วย แล้วพบเวลา00.01 น

    [​IMG]


    [​IMG]






    <ADDRESS style="TEXT-ALIGN: center">ขบวนแห่พระอุปคุต </ADDRESS>www.oknation.net/blog/ganesh09/2010/08/24/entry-1
    www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=31013.msg296215;topicseen
     
  2. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    [​IMG]

    ตำนาน พระอุปคุต
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD width="52%"></TD><TD width="48%"></TD></TR></TBODY></TABLE>
    จากการค้นหาข้อมูลของพระอุปคุตนั้น เราทราบเพียงว่า
    ท่านเกิดหลัง พระพุทธเจ้า เสด็จปรินิพพานแล้ว ประมาณ 218 ปี
    แต่ไม่ทราบ ภูมิเดิมของท่านละเอียด ว่าเป็นบุตรของใคร เกิดในวรรณะอะไร และที่ไหน
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD width="52%">


    </TD><TD class=telltext width="48%"></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    จากการสันนิษฐานตามตำนาน พระเถระอุปคุต น่าจะเป็นชาวเมืองปาตลีบุตร เมื่อบวชแล้วบำเพ็ญเพียร จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ สำเร็จอภิญญาต่างๆ จนสามารถแสดงอภินิหาร เป็นที่เล่าลือมาจนทุกวันนี้ มีปฏิปทาดำเนินไปในทางสันโดษ มักน้อย นัยว่าท่านเนรมิตเรือนแก้ว (กุฏิแก้ว) ขึ้นในท้องทะเลหลวง (สะดือทะเล) แล้วก็ลงไปอยู่ประจำ ที่กุฏิแก้วตลอดเวลา เมื่อมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นในพระศาสนา หรือเมื่อมีพิธีกรรมใหญ่ๆ หรือมีผู้นิมนต์ ท่านก็จะขึ้นมาช่วยเหลือ ด้วยความเต็มใจเสมอ

    สรุปรวมความได้ว่า ท่านเป็นพระเถระสำคัญองค์หนึ่ง ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช (ผู้นำกองทัพธรรมแผ่กระจายไปทั่วโลก) เป็นพระเถระผู้เปี่ยมด้วยพุทธานุภาพ และฤทธิ์เดชเกรียงไกร สามารถปราบพญามารและกำจัดสิ่งชั่วร้าย ที่จะมาทำลายพิธีกรรมใหญ่ ๆ มาแต่ครั้งโบราณ

    เรื่องราวก็มีอยู่ว่า เมื่อประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 2 หลังพุทธปรินิพพาน ณ นครปาตลีบุตราชธานี (ปัจจุบันคือเมืองปัตนะ ภาคใต้อินเดีย) พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ครองราชสมบัติในขณะนั้น ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ตามตำนานกล่าวว่า ได้ทรงสร้างพระวิหารและพระสถูป มากมายทั่วทั้งชมพูทวีป (เค้าว่ามากถึงแปดหมื่นสี่พันองค์) เป็นผู้รวบรวมและขุดค้นพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อจะนำไปบรรจุในสถูปที่พระองค์ทรงสร้างไว้ทุกแห่ง

    เมื่อการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็ทรงปรารภ ที่จะจัดให้มีการฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมดนั้น เป็นการมโหฬารยิ่ง ตลอด 7 ปี 7 เดือน 7 วัน และเพื่อให้การฉลองสมโภช เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปราศจากอุปสรรค จึงใคร่จะอาราธนาพระสงฆ์ขีณาสพ ที่ทรงอิทธิฤทธิ์ มาเป็นผู้คุ้มครองงาน ให้ปราศจากการรบกวนจากมารร้ายต่าง ๆ

    แต่พระสงฆ์ในนครปาตลีบุตร ไม่มีรูปใดที่จะสามารถ เป็นผู้คุ้มครองงานมหกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ ให้พ้นจากภัยทั้งหลายทั้งปวงได้ (โดยเฉพาะภัยจากพญาวัสสวดีมาร ผู้มีฤทธิ์ยิ่งกว่าภูตผีปีศาจทั้งหลาย) นอกเสียจากพระอุปคุตเถระผู้เดียวเท่านั้น พระสงฆ์ทั้งปวงจึงตั้งตัวแทน ๒ รูป ลงไปอาราธนาพระอุปคุตเถระผู้เรืองฤทธิ์ มาช่วยรักษาความปลอดภัย ในงานสมโภชครั้งนี้ ซึ่งกล่าวกันว่า พระอุปคุตเถระองค์นี้ มีปกติสันโดษอยู่องค์เดียว เข้าฌานสมาบัติเสวยวิมุตติสุข อยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ภายในปราสาทแก้วที่เนรมิตขึ้น เหนือรัตนะบัลลังก์ จะออกจากสมาบัติ เหาะขึ้นมาบิณฑบาต ในโลกมนุษย์ ในวันพุธเพ็ญกลางเดือนเท่านั้น

    และในครั้งนี้เอง พระอุปคุตเถระ ถูกพระภิกษุสองรูป ผู้ได้อภิญญาสมาบัติ ชำแรกมหาสมุทร ลงมาถึงตัวท่านแจ้งว่า ให้ท่านจงเป็นธุระ ป้องกันพญามารอย่าให้รบกวนงานฉลองพระสถูปเจดีย์ ของพระเจ้าอโศกมหาราชได้

    เมื่อพระอุปคุตเถระได้รับนิมนต์ ก็เดินทางมานมัสการ และรายงานตัวต่อคณะสงฆ์ในวันรุ่งขึ้น พระเจ้าอโศกมหาราช จึงได้เสด็จเข้ามานมัสการคณะสงฆ์ เพื่อขอทราบเรื่อง ผู้จะที่จะมาทำหน้าที่รักษาการ งานฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์ เมื่อพระองค์ทรงทราบ ว่าผู้ที่จะมาทำหน้าที่นี้ คือพระอุปคุตเถระ ก็ทรงนึกแคลงพระทัย เนื่องจากพระอุปคุตเถระนั้น มีร่างกายผ่ายผอมดูอ่อนแอ ก็ทรงไม่แน่ใจ เกรงจะทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ แต่ไม่ทรงตรัสว่ากระไร

    ครั้นรุ่งเช้าวันใหม่ ขณะที่พระอุปคุตหาเถระ ออกบิณฑบาตในนครปาตลีบุตรนั้น พระเจ้าอโศกมหาราช ใคร่จะทดสอบฤทธิ์พระเถระ จึงทรงปล่อยช้างซับมัน (ช้างตกมัน) ให้เข้าทำร้ายพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระเห็นดังนั้น จึงสะกดช้าง ที่กำลังวิ่งเข้ามา ให้หยุดอยู่กับที่ ไม่ไหวติงประดุจช้างที่สลักด้วยศิลา พระเจ้าอโศกมหาราช ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ทรงเลื่อมใส จึงเสด็จไปขอขมาพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระ ก็ให้อภัยทั้งแก่พระเจ้าอโศกมหาราช และพญาคชสาร

    เมื่อเห็นว่าพระอุปคุตเถระ มีฤทธิ์เดชมาก พระเจ้าอโศกมหาราช ก็ทรงวางพระทัย ตรัสสั่งให้เตรียมฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมด ด้วยการปลูกปะรำร้านโรง ประดับธงทิว และประทีปโคมไฟ ตลอดระยะทางกึ่งโยชน์ ทำให้ตามแนวฝั่งแม่น้ำคงคา สว่างไสวไปทั่วทั้งบริเวณ

    บรรลุฤกษ์งามยามดีตามที่กำหนดไว้ บรรดาพระสงฆ์ขีณาสพ และพระสงฆ์ปุถุชน ตลอดจนพุทธศาสนิกชน ทั้งในนครปาตลีบุตร และต่างแดนจากจตุรทิศ ก็เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่บริเวณงาน พร้อมเครื่องสักการบูชา เพื่อร่วมพิธีฉลองสมโภช พระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในมหาเจดีย์ และเจดีย์ ทั้งแปดหมื่นสี่พันองค์ ด้วยความเลื่อมใส ศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง

    และในเวลานี้เอง พญามาร (พญาวัสสวดีเทวบุตรมาร) ก็มุ่งหน้าเข้ามาในงานกับเค้าเหมือนกัน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะก่อความวุ่นวาย ต่างๆ นานา ทั้งบันดาลให้เกิดลมพายุ ทั้งแปลงร่างเป็นสัตว์ป่า และสัตว์หิมพานต์ แต่ทุกครั้งก็โดนพระอุปคุตเถระ กำราบได้หมด และสุดท้าย เพื่อให้พญามาร ออกไปจากบริเวณพิธี พระอุปคุตเถระ จึงเนรมิตร่างหมาเน่าขึ้นมาตัวหนึ่ง แล้วดึงประคตจากเอวของท่าน ออกมาผูกร่างหมาเน่านั้น คล้องคอพญามารไว้ แล้วสำทับว่าไม่ว่าใครก็ตาม (นอกจากท่านเอง) จะเอาหมาเน่านี้ออก จากคอพญามารไม่ได้ แล้วขับพญามารออกไป จากบริเวณงานทันที

    ด้วยความอับอาย พญามารก็ออกมาจากบริเวณงาน และพยายามแก้ร่างสุนัขเน่า ออกด้วยฤทธานุภาพ แต่ทำอย่างไร ก็ไม่สามารถแก้ได้ เพราะเมื่อเอามือทั้งสอง ต้องสายประคตที่คล้องคอทีไร ต้องมีไฟลุกขึ้นไหม้คอ และมือทันที สุดจะแก้ไขด้วยตนเองได้ ก็ไปหาที่พึ่งอื่น (ที่คิดว่าน่าจะช่วยได้)
    แต่ถึงแม้จะไปหาท้าวมหาราชทั้งสี่ พระอินทร์ ท้าวยามา ท้าวสันดุสิต ท้าวนิมิตเทวราช ตลอดจนท้าวสหัสบดีพรม ก็ไม่มีใครสามารถช่วยได้ ต่างได้แต่แนะนำว่า ให้พญามารไปขอขมา และขอความเมตตา จากพระเถระผู้นั้นเสียดีกว่า

    พญามารเห็นดังนั้น จึงจำใจต้องกลับไปหาพระเถระ อ้อนวอน ให้ช่วยเอาซากหมาเน่าออกจากคอให้ แล้วจะไม่มารบกวน การจัดงานอีก พระอุปคุตเถระก็อนุโลมตาม แต่ยังไม่ไว้ใจพญามารนัก เกรงพญามาร จะกลับมาทำลายพิธีในภายหลัง จึงเดินนำพญามาร ไปยังเขาใหญ่ลูกหนึ่ง แล้วเอาร่างหมาเน่าทิ้งลงเหว และเนรมิตให้สายประคตยาวขึ้น แล้วพันคอพญามาร ไว้กับเขาลูกนั้น พร้อมทั้งแจ้งว่า เมื่อเสร็จพิธีฉลองสมโภช พระมหาเจดีย์สิ้นสุดลงแล้ว จึงจะแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ (7 ปี 7 เดือน 7 วัน)

    เวลาผ่านไปตามที่ตกลงกัน การจัดงานสมโภชน์ ก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พระอุปคุตเถระ จึงกลับมาหาพญามาร โดยแอบอยู่ห่างๆ เพื่อฟังเสียงพญามารว่า ละพยศร้ายหรือยัง

    พญามารเอง เมื่อจากทิพยวิมานอันบรมสุข มารับทุกขเวทนาเช่นนี้ ก็ละพยศร้ายในสันดาน หวนนึกถึงพระพุทธโคดม จึงกล่าวสดุดี ในความเมตตากรุณา ของพระพุทธเจ้า ในเรื่องที่ทรงมีมหากรุณาธิคุณ อันยิ่งใหญ่ว่า “ทรงบำเพ็ญสิ่งอันเป็นที่สุดหามิได้ เป็นที่พึ่งพำนักแก่สัตว์โลกทั้งมวล ในกาลทุกเมื่อ พระองค์นั้น เป็นผู้ประเสริฐหาผู้เสมอเหมือนมิได้ อนึ่ง ในกาลก่อน ข้าพเจ้าได้ทำร้ายพระองค์ โดยประการต่างๆ แต่พระองค์ ก็ยังทรงมหากรุณาธิคุณ มิได้กระทำการโต้ตอบ แก่ข้าพเจ้าเลย มาบัดนี้ สาวกของพระองค์นามว่าอุปคุต ไม่มีเมตตาแก่ข้าพเจ้าเลย กระทำกับข้าพเจ้า ให้ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส และได้รับความอับอาย เป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าข้ายังมีบุญกุศล ที่ได้สั่งสมไว้แต่กาลก่อน ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐาน ปรารถนาเป็นพระสัพพัญญูในอนาคต ดังเช่นพระองค์ต่อไป”
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=telltext width="52%"></TD><TD width="48%"></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กล่าวได้ว่า การตกระกำลำบากในครั้งนี้ ทำให้พญามาร ซึ่งความจริงแล้ว ในอดีตชาติ (ในยุคของพระกัสสปพุทธเจ้า) เคยมีจิตตั้งมั่น ที่จะบำเพ็ญเพียร ให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าเช่นกัน แต่ที่ได้กระทำการขัดขวาง พุทธศาสดาของพระพุทธโคดม ก็ด้วยความริษยา พระพุทธโคดม (มีมิจฉาทิฐิ) เนื่องด้วยพระองค์ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนตน ทั้งๆ ที่ตนบำเพ็ญบารมี มามากพอสมควรเหมือนกัน แต่การกระทำในแต่ละครั้ง ก็มิได้ล่วงเกิน ทำบาปหนักแต่ประการใด

    เมื่อพระอุปคุตเถระ ได้ยินคำปรารภดังนั้น ก็เห็นว่าพญามารสิ้นพยศแล้ว จึงแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ พร้อมทั้งขอขมาพญามาร และบอกว่า การกระทำครั้งนี้ ก็เพื่อให้พญามาร ระลึกได้ถึงพุทธภูมิ ที่ท่านเคยปรารถนาไว้เท่านั้นเอง มิได้มีเจตนา ที่จะล่วงเกินประการใด ซึ่งพญามารก็เข้าใจด้วยดี
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD width="52%">

    </TD><TD class=telltext width="48%"></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ต่อจากนั้นพระเถระ ก็ได้ขอให้พญามาร เนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์ เพื่อจะได้เห็น เป็นพุทธานุสติบ้าง ซึ่งพญามารก็รับคำ แต่ขอร้องว่า เมื่อเห็นเขาเนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์แล้ว อย่าหลงกราบไหว้เป็นอันขาด เพราะจะให้เขาบาปหนัก

    ครั้นเมื่อพญามารเนรมิตกาย เป็นพระพุทธเจ้า ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ และฉัพพรรณรังสี อันวิจิตร มีพระอัครสาวกเบื้องซ้าย เบื้องขวา แวดล้อมด้วย มหาสาวกทั้งหลายเป็นบริวาร เสด็จเยื้องย่าง ด้วยพุทธลีลาอันงดงามยิ่ง พระเถระ และบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เห็นเช่นนั้น ก็ลืมตัวพากันถวายนมัสการ ทำเอาพญามารตกใจ รีบคืนร่างเดิม และท้วงติงว่า ทำให้ตนมีบาปหนัก แต่พระเถระ ก็กล่าวให้พญามารสบายใจว่า ทุกคนกราบไหว้พระพุทธเจ้า และพญามารก็ไม่บาปหรอก จะได้กุศลมากกว่า
    จากนั้นพญามาร ก็กลับคืนสู่สวรรค์ ชั้นที่ 6 วิมานของตน และนับแต่นั้นมา พญามารได้มีจิตอ่อนน้อมเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนา หมดสิ้นน้ำใจริษยา และบำเพ็ญบารมี เพื่อพุทธภูมิต่อไป

    หมายเหตุ
    เนื้อเรื่องได้กล่าวถึง พระพระกัสสปพุทธเจ้า ดังนั้นเพื่อความเข้าใจ ในการอ่าน ขอเสริมว่าตามตำนาน โลกเรานั้น แบ่งช่วงเวลาเป็นกัลป์ ซึ่งแต่ละช่วง ในแต่ละกัลป์ ก็จะมีพระพุทธเจ้า ที่มาตรัสรู้ โปรดบรรดาสัตว์โลก เป็นคราวไป ดังนั้นพระพุทธเจ้า จึงมีหลายพระองค์ ซึ่งเวลาหนึ่งกัลป์นั้นนานนัก (กัลป์ที่เราอยู่นี้ มีพระพุทธเจ้า มาตรัสรู้แค่ 5 พระองค์ และมีหลายๆ ช่วงในแต่ละกัลป์ ที่ปราศจากพระพุทธศาสนา โดยสิ้นเชิง ดังนั้นถือว่าเราโชคดีมาก ที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาในชาตินี้

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://phuketindex.com/travel/photo-stories/other/buddha-oppakut/


    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

    [​IMG]</O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2010
  3. พงษ์ญาดา

    พงษ์ญาดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +1,871
    [​IMG]

    ขอบคุณคุณชนะที่หาข้อมูลมาเพิ่ม ได้ความรู้เยอะเลย ค่ะ
     
  4. คนวิเชียร

    คนวิเชียร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +1,298
    อนุโมทนาสาธุ สาธุ นะครับ การทำบุญอัญเชิญพระอุปคุต จากแม่น้ำกก
    ประเพณีการตักบาตรเป็งปุ๊ดถือเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมาช้านานตั้งแต่สมัยอดีตกาล ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่จะมีความเชื่อกันว่า หากผู้ใดได้ทำบุญตักบาตรพระมหาอุปคุต ที่ได้จำแลงเป็นพระภิกษุหรือเณร ที่ออกมารับบิณฑบาตรในช่วงประมาณเที่ยงคืนที่ย่างเข้าสู่วันพุธคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ บุคคลนั้นถือว่าเป็นผู้มีบุญ จะมีโชคลาภวาสนาร่ำรวย และบังเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

    สาธุ สาธุ สาธุ:cool::cool::cool:
     
  5. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,349
    อนุโมทนาครับผม
    เสียดายอยู่เชียงรายแท้ๆแต่ไม่ทราบว่ามีพิธีนี้ด้วย อดไปร่วมเลย
     
  6. คีรีวัตร

    คีรีวัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +693
    อนุโมทนาเช่นกันครับ เคยได้ยินประวัติท่านมานาน แต่ไม่ค่อยละเอียดมาก
    เลื่อมใสครับ
     
  7. naproxen

    naproxen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +742
    กราบ พระบรมโพธิสัตว์พระอุปคุตบัวเข็มเถระ ด้วยเศียรเกล้า
     
  8. Natthakorn

    Natthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +7,078


    พระอุปคุตท่านเป็นพระอรหันต์ครับ :cool:
     
  9. naproxen

    naproxen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +742
    พระอุปคุต ท่านเป็นพระบรมโพธิสัตว์ครับ แต่ตำรารุ่นหลังไปแต่งว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ครับ
     
  10. เด็ก3ขวบ

    เด็ก3ขวบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    349
    ค่าพลัง:
    +1,524


    แสดงว่าท่านย้อนอตีดได้คงไม่ต้องอ่านตำราแล้ว.....:cool:
     
  11. Pandhaka

    Pandhaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    672
    ค่าพลัง:
    +458
    อนุโมทนาครับ ขณะนี้วัดทางภาคเหนือนิยมสร้างรูปเหมือนพระอุปคุตมหาเถรเจ้า ให้พุทธศาสนิกชน คงเป็นเพราะบ้านเมืองมีเภทภัย และถือตามตำนานพระอุปคุตที่จะมีบารมีปราบมาร และรักษาพระพุทธศาสนา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. Faithfully

    Faithfully เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    656
    ค่าพลัง:
    +2,459
    [​IMG]

    คาถาบูชาพระอุปคุต

    อุปคุตโต จะมะหาเถโร สัมพุทเธนะ วิยากะโต มารัญจะ มารัญจะ มาระพะลัญจะ โส อิทานิ มะหาเถโร นะมัสสิตตะวา ปะติฏฐิโต อะหัง วันทามิ อิทาเนวะ อุปะคุตตัง จะมะหาเถรัง ยัง ยัง อุปัททะวัง ชาตัง วิธัง เสติ อะเสสะโต มะหาลาภัง ภะวันตุ ฯ
    คาถาบทนี้ สวดบูชาพระอุปคุตทุกวัน จะบันดาลให้บังเกิดโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทองมากมาย และป้องกันภัยอันตรายทั้งปวงแก่ผู้บูชา หากมีเวลาจำกัด อาจสวดแบบย่อก็ได้ ดังนี้
    อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร ยักขาเทวา นะระปูชิโต โส ระโห ปัจจะยาทิมหิ มะ หาลาภัง ภะวันตุ เม ฯ


    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิเจ้าค่ะ
     
  13. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    ผมขอถือโอกาสนี้กราบไหว้บูชา
    พระอุปคุตด้วยคนครับ
    ขออนุโมทนาท่านเจ้าของกระทู้
    และเพื่อนธรรมทุกท่านครับ
     
  14. พงษ์ญาดา

    พงษ์ญาดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +1,871
    อนุโมทนาคุณ faithfully ที่นำคาถาบูชาพระอุปคต มาให้เพิ่มเติมค่ะ
     
  15. JoeBS

    JoeBS Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +49
    ไม่ทราบว่าที่เชียงราย มีพระเกจิที่เก่งๆให้เราไปกราบไหว้ หรือสนทนาธรรมบ้างไหมครับ
     
  16. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,661
    ค่าพลัง:
    +9,236
    [​IMG]


    ขออนุโมทนาค่ะ

     
  17. พงษ์ญาดา

    พงษ์ญาดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +1,871


    พระอาจารย์วิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม อ.แม่สาย จ.เชียงราย

    [​IMG]
    รายละเอียดวัดถ้ำผาจมค่ะ www.watthamphajom.com/?name=knowledge&category=5
     
  18. ปุญญผลัง

    ปุญญผลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +1,872
    ผมขอโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ

    ธรรมก็ดี วินัยก็ดี บุญกุศลทั้งหลายอื่นก็ดี ที่ทุกท่านได้บำเพ็ญแล้วนับตั้งแต่ปฐมชาติ จนปัจจุบันชาติ และที่จะบำเพ็ญต่อไปในอนาคต
    ขอจงเป็นเหตุให้ท่านเป็นผู้เจริญในพระศาสนาของพระบรมศาสดา ตราบถึงที่สุดแห่งบรมสุข คือถึงซึ่งพระนิพพาน ในชาติปัจจุบันนี้เทอญ
     
  19. ปุญญผลัง

    ปุญญผลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +1,872
    พระยามารระลึกถึงบารมี
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    พระ อุปคุตตเถระเมื่อเห็นว่างานมหกรรมกุศลได้สำเร็จเสร็จสิ้นไปแล้ว จึงได้ไปยังภูเขาที่จับพระยามารผูกติดไว้กับภูเขา แต่ท่านได้แอบบังกายของท่านอยู่เบื้องหลัง เพื่อจะฟังว่า พระยามารจะกล่าวว่าอย่างไรบ้าง ฝ่ายพระยามารนั้นเมื่อได้ถูกพระอุปคุตตเถระจับมัดไว้กับภูเขาถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน ก็ละพยศหมดความดุร้าย กลับหวนคิดถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วได้กล่าวรำพันสรรเสริญขึ้นว่า “เมื่อสมัยพระพุทธองค์ประทับเหนือรัตนบัลลังก์ ณ ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ข้าพระบาทมิอาจจะอดกลั้นความโกรธอิจฉาริษยาไว้ได้ จึงได้ขว้างจักรอันคมกล้า ที่จะสามารถจะตัดวชิรบรรพต ให้ขาดสะบั้น ภายในพริบตาเดียว ราวกับตัดหน่อไม้ไผ่ฉะนั้น แต่พระพุทธองค์ทรงพิจารณาพระบารมี ๓๐ ประการ มีทานเป็นต้น และมีอุเบกขาเป็นที่สุด จักรนั้นพลันกลับกลายเป็นดอกไม้ กั้นเป็นเพดานอยู่เบื้องบน ส่วนพวกพลบริวารนั้นเล่า ได้ขว้างอาวุธต่างๆไปยังพระพุทธองค์ แต่ว่าอาวุธเหล่านั้นได้กลับกลายเป็นพวงบุปผาชาติ ตกลงยังพื้นดิน ในที่สุดข้าพระบาทก็ต้องพ่ายแพ้ต่อพระองค์ ”<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระยามารระลึกถึงพระพุทธคุณกล่าวคะถาว่า “ นโม เต ปุริสาชัญญา” เป็นอาทิ ซึ่งมีความหมายว่า “ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณกระทำประโยชน์แก่สรรพสัตว์ และเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งปวง ผู้หาที่พึ่งมิได้สิ้นกาลนานโข พระพุทธองค์ทรงประเสร็ฐด้วยคุณ หาผู้เสมอมิได้ จงมาเป็นที่พึ่งของข้าพระบาทในบัดนี้ ในกาลก่อนข้าพระบาทชื่อว่าวัสสวดี กระทำอันตรายแก่พระองค์โดยหาวิธีการอันชั่วร้ายหลากหลายอย่าง แต่พระองค์ก็มิได้ทรงกระทำโทษตอบโต้แก่ข้าพระบาท แม้แต่เพียงน้อยนิดก็ไม่เคยมี แต่กาลบัดนี้พระสาวกของพระองค์ ช่างไม่มีเมตตากรุณา ลงโทษหนักแก่ข้าพระบาทให้ได้รับทุกข์แสนสาหัสเห็นปานฉะนี้ ”<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระยาวัสสวดีมารผู้มีทุกข์โทมนัส ก็เอาเท้าทั้งสองถีบถูเขานั้นให้เกิดอาการหวั่นไหวต่างๆ ทั้งเบื้องบนเบื้องล่าง ราวกับจะถล่มทลายลงมาฉับพลัน แม้ภูเขาสิเนรุราช ก็น้อมยอดหวั่นไหว ประดุจดังต้นไม้เมื่อต้องลมพายุ ฉันนั้น พื้นดินก็สะเทือนดังสนั่น ดังกับเกิดแแผ่นดินไหวใหญ่ มหาสมุทรสาครก็เกิดเป็นระรอกลูกคลื่นใหญ่กระฉอกกระฉ่อน เหมือนทะเลต้องลมพายุใหญ่ร้ายแรงฉะนั้น<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แล้วพระยามารก็กลับระลึกถึงพระขันติธรรมของ พระผู้มีพระภาพเจ้า และก็เปล่งอุทานว่า “ถ้าหากข้าพเจ้ามีกุศลได้สร้างสมไว้แล้ว ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงบำเพ็ญบุญบารมีไว้ เพื่อการตรัสรู้ในอนาคตกาลฉันใด ขอข้าพระเจ้าจงได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลกนี้ฉันนั้น เพื่อจะได้เป็นที่พึ่งแห่งสรรพสัตว์ และกระทำประโยชน์โปรดเวไนยสัตว์ทั้งปวง ในสากลโลก ”<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ในขณะที่พระยามารเปล่งวาจาปรารถนาพุทธภูมิ คือปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้านั้น พระอุปคุตตเถระจึงแสดงกายให้ปรากฏแล้วเดินเข้าไปแก้มัดออกให้ทันที ท่านได้กล่าวกับพระยามารว่า “ดูก่อนพระยามาร ท่านจงอดโทษแก่อาตมา ที่อาตมาได้ล่วงเกินแก่ท่าน อันว่าประโยชน์ของท่าน คือความปรารถนาพุทธภูมินั้น อาตามาก็ให้บังเกิดได้แล้ว และอาตมาจะขอห้ามท่านว่า ท่านจงอย่ากระทำอันตรายในทางทรงบำเพ็ญบุญของพระบรมกษัตริย์และของผู้อื่นเลย และบัดนี้ท่านได้ถือปฏิญาณที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาล ข้างหน้า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ตัวท่านจะเป็นปูชนียบุคคล คือพระโพธิสัตว์ ควรที่ชาวโลกทั้งหลายจะกระทำนมัสการบูชา” พระยามารจึงกล่าวตัดพ้อตอบว่า “ พระคุณเจ้าผู้เป็นพุทธสาวก ช่างกระไร ไม่มีจิตใจกรุณาปราณีต่อข้าพเจ้าผู้เป็นมารบ้างเลย ”<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระอุปคุตตเถระ จึงกล่าวแสดงเหตุผลต่อพระยามารว่า “ ดูก่อนพระยามาร อาตมากับท่านเป็นคู่ทรมานกัน เพราะเหตุนี้จึงไม่มีกรุณา อาตมาลงโทษแก่ท่านก็เพื่อจะกระทำให้ท่านมีจิตยินดี ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ทั้งตัวท่านก็เที่ยงแท้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญู และพระบรมศาสดาก็ได้ตรัสพยากรณ์ไว้ว่า อาตมานี้จะได้เป็นผู้ทรมานพระยาสวัสดีมารให้ละพยศหมดความอหังการสิ้นความ ร้ายกาจในอนาคตกาล และในที่สุดพระยามารนั้นก็จะเปล่งวาจาปราถนาเป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้า ขอท่านจงตั้งใจละจิตบาปเสียเถิด อย่าได้กระทำกรรมอันหยาบช้าต่อไปอีกเลย ”<o:p></o:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. wimonmas

    wimonmas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    193
    ค่าพลัง:
    +197
    ได้ร่วมใส่บาตรเป็งปุดในครั้งที่ผ่านมาด้วยค่ะ..ปีหนึ่งจะมีสักครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น..ที่เราจะได้มีโอกาศใส่บาตรเป็งปุดค่ะ..catt13
     

แชร์หน้านี้

Loading...