แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

บทนำของลินจะเป็น พระคาถา มงกุฏพระพุทธเจ้า และก็ตามด้วย
พระคาถาบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ค่ะ

อัชชะ ตัดเค ปาณุเปตัง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คะโตสสะมิ
มะหันตา ภินนะตัณฑุลา ขุททะกา สาสะปะ มัตตา เอวัง
ธาตุโย สัพพัฏฐาเน อาคัจฉันตุ สีเสเม ปะตันตุ .

 

ถามเช่นเดียวกับคุณลูกวัดครับ ว่าง ๆ พี่ลินถ่ายรูปมาให้ดูหน่อยได้ไหมครับ

 

ผมตอบเท่าที่รู้นะครับ อาจจะผิดเหมือนกัน ดินแดนพุทธศาสนาที่อินโดนั้นอยุ่ที่ Palembang ครับ ประมาณตอนกลางล่างของเกาสุมาตราครับ ชื่อของดินแดนนี้ สมัยก่อนคือ Sriwijaya ครับ (บางคนก็ว่าศรีวิชัยครับ) มีคนเล่าให้ฟังว่า มีโรงเรียนพุทธ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่นี้ เมื่อ พศ ร้อยกว่าๆนี้แหละครับ มีพุทธศาสนาที่เจริญรุ่งเรืองมากครับ
แต่ส่วนตัวก็แปลกใจนะครับ เพราะซากปรักหักพัง หรือพระพุทธรูปโบราณนั้น หายไปไหนหมด ผมจะลองศึกษาเพิ่มเติมดูนะครับ อยากรู้เหมือนกัน

 

ขอบคุณครับคุณ sakuda

 

ชื่นใจค่ะ ภาพหลวงปู่ทวดงดงามมาก.....


วันนี้พี่ไปเรียนสมาธิมาค่ะ......เอาบุญมาฝากเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

*ฟังบรรยายเรื่องพระพุทธเจ้า...
*ฟังทฤษฎี สรุปมาบางส่วน....
กล่าวถึง สถานที่บริเวณ ที่เหมาะทำสมาธิ เป็นที่สบาย ไม่พุกพ่าน
หรือในศาลา ในโบสถ์ วิหาร เหมาะแก่การเจริญภาวนา

การทำสมาธิ ทำได้ กำหนดในใจ 4-5 นาที
ทำสมาธิทุกวันต่อเนื่อง พลังจิตสะสมทุกวันไม่ขาดตอน สมาธิเกิดได้ทุกที่ปฏิบัติเมื่อไหร่ก็ได้ผลเมื่อนั้น อย่าไปยึดติดสถานที่ อยู่ในบ้านหามุมสงบ
- ความตั้งใจ
- มุ่งมั่น
- อดทน
- ศรัทธา
* สมาธิเกิดขึ้นได้ ทำต่อเนื่องสม่ำเสมอ

ทุกอย่างไม่ใช่เหตุบังเอิญ บุญท่านพาท่านให้เห็นดวงตาเห็นธรรม
เราสามารถนำใช้ในชีวิตประจำวัน
- จะพบการเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น
- อยู่เป็น คิดเป็น ปัญญาจะเกิดขึ้น
- สุขภาพจิต ที่ไม่มีขาย จะได้ต้องทำเอง
ใครจะทำก่อน ทำหลัง ไม่สำคัญ แต่ทำต่อเนื่องแล้วจะรู้ได้ด้วยตัวเอง

สัจจะสำคัญมาก
แสดงความเพียรหรือแสวงหา จำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์ให้ตัวเอง
1.ตั้งสัจจะ (ความจริงใจ) แสดงเจตนา
2.โดยการอธิษฐาน การตั้งใจ ตั้งเป้าหมาย
การตั้งสัจจะอธิฐาน กำหนดความหมายความสามารถของตนเอง

อนิจจัง คือ คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงเมื่อตายไปแล้วก็ไม่ใช่ของเราหรือนึกในอสุภะ ความไม่สวยงาม ร่างกายล้วนเป็นของเน่าเปื่อย

นิพพาน คือ พ้นจากกิเลส

* ฝึกเดินจงกรม 45 นาที (2 รอบ 13.00 น. และ 15.00น.)
* ขั้นตอนนั่งสมาธิ 45 นาที (2 รอบ 13.45 น. และ 15.45 น.)

วิธีนั่งพื้น ให้เอาขาขวาทับขาซ้าย ตั้งกายให้ตรง ยกมือพนมระหว่างอก กล่าวคำอธิฐานสมาธิ ตามอาจารย์ หรือ ผู้นำ ถ้าทำคนเดียวดังนี้

"ข้าพเจ้า ระลึกถึง คุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ จงมาดลบันดาลให้ใจของข้าพเจ้า จงรวมลงเป็นสมาธิ พุทโธ ธัมโม สังโฆ (3 จบ) พุทโธ พุธโธ พุธโธ "

เสร็จแล้วเอามือลงให้เอามือขวาหงายทับมือซ้าย วางไว้บนตัก หลับตา บริกรรมคำว่า "พุทโธ ๆ" อยู่ในใจจนกว่าจะเลิกตามเวลาที่กำหนด
การถอนจิตออกจากสมาธิช้าๆโดยการหายใจเข้าลึกๆ ช้า 3 ครั้ง พร้อมภาวนา พุทโธ ธัมโม สังโฆ หลังจากนั้นให้ตั้งใจสวดแผ่เมตตาพิเศษ ดังนี้

สัเพ สัตตา สะทาโหนตุ , อะเวรา สุขะชีวิโน
ขอให้สัตว์ทั้งหลาย จงเป็นผู้ไม่มีเวรต่อกันและกัน จงเป็นผู้ดำรงชีพอยู่เป็นสุขทุกเมื่อเถิด
กะตัง ปุญญัง ผะลัง มัยหัง,สัพเพ ภาคี ภะวันตุ เต
ขอให้สัตว์ทั้งสิ้นนั้น จงเป็นผู้มีส่วนได้เสวยผลบุญ อันที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้วนั้นเทอญ​

อนุโมทนาบุญ....

 

เรื่องราวชนชาติไทยที่บรรจุในพระผง 1 องค์

เจอแล้วครับคุณโจ ผมได้มาอยู่สองครั้ง ครังแรก ได้มาจากคนรู้จักกัน พอญาติมีปัญหาผมก็แบ่งให้ไปใช้ มารู้ตอนหลังว่าไม่สนใจทำหล่นแตก เจ็บใจจริง ๆ ครับ เพราะรุ่นนี้พิธีดี เจตนาดี มวลสารดี เพราะที่มาคือได้มาจากย่ามพ่อท่านพรหม วัดบ้านสวน พัทลุงครับ เพราะเป็นพระที่สร้างแจกแก่พระสงฆ์ที่ร่วมปลุกเสกองค์จตุคามฯ รุ่นเจดีย์รายเมื่อปี 2545 ครับ ผมได้เนื้อผงกลิ่นหอมมาก ออกเป็นเนื้อไม้ มีสิ่งลักษณะคล้ายยางใส ๆ สีแดงขนาดเท่าหัวไม้ขีดแปะอยู่ในวงด้านในครับ พอให้ญาติกันไปแล้วก็เลยไปขอแบ่งบูชามาเก็บไว้เอง

องค์นี้แหละครับที่บอกประวัติชนชาติไทยไว้ทั้งหมดครับ กระแสองค์จตุคามฯ ตกไปแล้ว โอกาสดีที่จะได้ของดี พิธีดี มวลสารดี ความหมายดีนะครับ ใครเจอที่ไหน อย่าให้พลาดนะครับรีบเก็บไว้เลยครับ

ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด ช่วงวันที่ 16 - 19 สิงหาคม 2553 ครับ



เมื่อครั้งที่แล้วเอ่ยถึง "จตุคามรามเทพ รุ่นบูรณะเจดีย์ราย" ปี 2545 ครั้งนี้มาว่ากันที่จตุคามรามเทพยอดนิยมอีกรุ่น แต่เป็นของปี 2547 เรียกชื่อโดยทั่วไปว่า "พระอุดมโชคปฐมอรหันต์สุวรรณภูมิ" จัดสร้างขึ้นเพื่อถวายตอบแทนแก่พระเกจิอาจารย์ที่มาร่วมทำพิธีให้กับวัดพระมหาธาตุนครศรีธรรมราช ในการบูรณะเจดีย์รายและถวายแก่วัดที่มอบมวลสารมาให้สร้างพระผงว่านอุดมโชค 8 อรหันต์สุวรรณภูมิ เนื่องจากไม่มีการถวายให้กับพระเกจิอาจารย์ที่มาร่วมพิธี และไม่ได้ถวายให้กับวัดที่ให้มวลสารมา จึงจัดสร้าง "พระผงว่านอุดมโชคปฐมอรหันต์สุวรรณภูมิ" ขึ้นเป็นการถวายตอบแทนพระคุณของพระเกจิอาจารย์ที่ให้ความเมตตามานั่งปรกอธิษฐานจิตจตุคามรามเทพ รุ่นบูรณะเจดีย์ราย ปี 2545

ปัจจุบันนี้ พระผงว่านอุดมโชค 8 อรหันต์สุวรรณภูมิ ได้รับความนิยมอย่างสูง ทำให้วัตถุมงคลที่จัดสร้างจำนวน 50,000 องค์ หมดไปจากวัดพระมหาธาตุฯ ภายในเวลาไม่ถึง 6 เดือน และพระเกจิอาจารย์ที่ร่วมพิธีจัดสร้างพระผงว่านอุดมโชค 8 อรหันต์สุวรรณ ภูมิ ได้ขอร้องให้พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช จัดสร้างให้กับวัดของท่านบ้าง เพราะทุกวัดก็มีภาระที่จะต้องทะนุบำรุงเช่นเดียวกับวัดพระมหาธาตุฯ

พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดชก็รับปากว่าจะจัดสร้างถวายให้ แต่เนื่อง จากมีอายุมากแล้ว และต้องให้ทุนทรัพย์มากมาย จึงปรารภให้กรรมการผู้ใหญ่ที่จัดสร้างพระผงว่านอุดมโชค 8 อรหันต์สุวรรณภูมิ พระเจดีย์ราย ในขณะนั้นช่วยรับเป็นภาระ จากวันนั้นจนถึงปัจจุบันนี้ คณะกรรมการมิได้นิ่งนอนใจเริ่มดำเนินการออกแบบใหม่เพื่อมิให้ประชาชนหลงผิดว่าเป็นพระชุดเดียวกันกับพระผงว่านอุดมโชค 8 อรหันต์ สุวรรณภูมิ

ส่วนมวลสารใช้มวลสารเดิมของพระผงว่านอุดมโชค 8 อรหันต์ สุวรรณภูมิ ทั้งหมดหามาสมทบเพิ่มอีกเล็กน้อยที่เกี่ยวข้องกับพระอรหันต์โดยตรง รวมทั้งค้นคว้าประวัติของพระอรหันต์ต้นปฐมของไทย และบรรดาขุนเมืองที่รับพระพุทธศาสนาพระองค์แรก บรรพชาพระองค์แรก ทอดกฐินพระองค์แรก จุลกฐินพระองค์แรก และบรรพบุรุษไทยที่ทำคุณประโยชน์ต่อแผ่นดินทุกยุคในแผ่นดินสุวรรณภูมิที่ปรากฏในจารจารึก รายละเอียดปรากฏอยู่ในหนังสือคู่มือซึ่งจะออกมาพร้อมกับพระ

การจัดสร้างวัตถุมงคลครั้งนั้นได้จัดสร้างพระผงและเหรียญชื่อว่า "พระผงว่านอุดมโชคปฐมอรหันต์สุวรรณภูมิ" โดยกำหนดรูปแบบและความหมายเพื่อเป็นการเคารพบูชาบรรพบุรุษทั้งฝ่ายบรรพชิตและฝ่ายฆราวาสดังนี้

ด้านหน้า ประกอบด้วยรูปแบบและความหมาย 1.ตรงกลาง เป็นวงกลม 2 วงซ้อนกัน ตรงกลางมีอักขระขอม (ยะ) วงกลมหมายถึง กระดุมล้อเกวียน ส่วนอักขระ (ยะ) คือ พระศรีอริยเมตไตรยที่จะมาจุติในพุทธันดรที่ 5

2.ส่วนซี่ล้อทั้ง 4 เป็นรูปพระพุทธนั่งสมาธิ มีอักขระกลางอกองค์ละตัวคือ นะ มะ พะ ทะ เป็นธาตุประจำมนุษย์ ส่วนพระเศียรค้ำวงล้อเกวียน หมายถึง พระเป็นผู้ประกาศและยืนยันให้รู้ว่า สิ่งมีชีวิตที่ประกอบด้วยธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม นั้น ตราบใดที่ยังไม่บรรลุธรรมชั้นสูงก็ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏจักรอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

3.ระหว่างองค์พระทั้ง 4 มีเลข 1 ด้านล่าง ด้านบนมีอักขระเขียนว่า กุกกุสนโธ คือ พระพุทธเจ้าในพุทธันดรที่ 1 ช่องที่ 2 มีเลข 2 ด้านล่าง ด้านบนมีอักขระเขียนว่า โกนาคมโน คือพระพุทธเจ้าในพุทธันดรที่ 2 ช่องที่ 3 มีเลข 3 ด้านล่าง ด้านบนมีอักขระเขียนว่า กัสโป คือ พระพุทธเจ้าในพุทธันดรที่ 3 ช่องที่ 4 มีเลข 4 ด้านล่าง ด้านบนมีอักขระเขียนว่า สักกายบุตรโต คือ พระพุทธเจ้าในพุทธันดรที่ 4 ล้อมรอบด้วยวงล้อมเกวียนหมายถึง พระธรรมจักร

4.รอบวงล้อเวียน มีอักขระ 13 ตัว เป็นพระคาถาป้องกันอันตรายของอาจารย์ต้นสำนักเขาอ้อ

5.รอบอักขระ 13 ตัว มีอักขระล้อมรอบเป็นวงกลม คือ พระคาถาเยธัมมาฯ ในแผ่นดินของไทยเนื่อง 2,000 กว่าปีมาแล้ว เป็นคำตรัสสอนของพระพุทธเจ้าในเรื่องเหตุดังนี้

"ธรรมทั้งหลายเหล่าใดเกิดแต่เหตุพระตถาคตตรัสเหตุเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณมีปกติตรัสอย่างนี้ตรัสขึ้นแล้ว"

6 รอบพระคาถาเยธัมมาฯ มีรูปพระอรหันต์สาวก 10 รูป เป็นรูปแปลงธรรมสมาธินั่งบนธรรมาสน์ ครอบด้วยตัวพุทธครอบซ้อน หรือในตำรานะพิสดารเรียกว่า นะครอบจักรวาลหรือตัวสำเร็จ เป็นตัวนะที่ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ใช้ชักผง ซึ่งนะสำเร็จนี้ท่านบอกว่า ท่านเรียนมาจากพระอาจารย์หม่อมราชวงศ์ศรีทัศนาเรณู เป็นพระธุดงค์ลูกศิษย์หลวงปู่โลกอุดร พระอาจารย์หม่อมบวชเมื่อรัชกาลที่ 3 และสอนขุนพันธ์ทำ ที่จังหวัดสระบุรีสมัยยังเรียนหนังสือวัดเบญจฯ ได้ใช้มาตลอด

7.รอบองค์พระสาวก เหนือตัวนะครอบจักรวาลเป็นชื่อกำกับพระสาวก ดังนี้ 7.1พระปุณณมหาเถระ อรหันต์ไทยองค์แรกที่ได้ไปรับเอหิภิกขุจากพระบรมศาสดา ณ กรุงสาวัตถี เมื่อวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 7 พุทธพัสสา 119 ได้ชื่อว่า ปุณณเถระ ศึกษาอยู่ 3 ปีจึงกลับมา สูนาปรันตพริบพรี ในพุทธพัสสา 10 ค่ำ เดือน 7 พุทธศักราชปีโลที่ 1166 ได้นำพระศาสนาเผยแผ่ที่สุวรรณภูมิ ต่อมาปีพุทธพัสสา 22 เดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ทูลเชิญเสด็จเมืองทองสุวรรณภูมิ ต่อมาได้เสด็จมาสุวรรณภูมิพร้อมด้วยพระสาวก 449 รูป ถึงสุวรรณภูมิเมื่อวันขึ้น 8 ค่ำ เดือนอ้าย พุทธพัสสา 22

7.2 พระสัจจพันธมหาเถร อรหันต์ไทยรูปที่ 2 ที่ได้รับเอหิภิกขุจากพระศาสดา เป็นรูปแรกในประเทศไทย ที่เขาสัจจะพันคีรี จังหวัดสระบุรี และได้ทูลขอรอยพระพุทธบาทไว้ที่เขาสัจจะพันคีรี (พระพุทธบาทสระบุรี) 7.3 พระโสณมหาเถร พระอุตตรมหาเถร พระฌานียมหาเถร พระภูริยมหาเถร พระมูนียมหาเถร พระอรหันต์ทั้ง 5 รูปนี้เป็นชุดสมณทูตที่พระเจ้าอโศกมหาราชส่งมาเผยแผ่พระศาสนาสายที่ 8 ถึงเมืองนครศรีธรรมราช แวะพักอยู่ระยะหนึ่งจึงเดินทางต่อมายังสุวรรณภูมิ ถึงเมื่อเดือนอ้าย ขึ้น 14 ค่ำ พ.ศ.235 ปีฉลู

7.4 พระญาณจรณมหาเถระ เดิมชื่อทองดี พระโสณเถระเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอุตตรเถระสวดญัตติจตุตถกรรมวาจา ต่อมาเป็นพระสังฆราชองค์แรกของสุวรรณภูมิ 7.5 พระกัจจายนะเถระ เดิมชื่อผิว เป็นพระสงฆ์ไทยที่ไปช่วยพระโสณะเผยแผ่ศาสนาในอินโดนีเซีย (เมืองจอกตากอ) และอยู่ชวาช่วยขุนลสูสุวาเทียนสร้างวัดพุทธภูมิจนเสร็จ 7.6 พระธัมมสุนันทโธ เป็นโอรสของพระเจ้าโคกลว้า กับนางหวานชื่นใจ บวชเป็นสามเณรรูปแรกของไทย เมื่อขึ้น 2 ค่ำ เดือน 4 พ.ศ.236 สามารถท่องพระไตรปิฎกจบภายในระยะเวลา 8 เดือน ต่อมาเป็นสังฆราชองค์ที่ 2 ของไทย เมื่อพ.ศ. 314

8.รอบชื่อพระอรหันต์ทั้ง 10 เป็นพระราหูอมจันทร์ 12 ตน ตามกำลังของพระราหู ถือว่าเป็นพระราหูเต็มกำลัง เนื่องจากตามตำนานพระราหูนั้นพระราหูถูกสร้างมาจากหัวผีโขมด 12 หัว 9.ระหว่างพระราหูช่วงเหนือไหล่ มีชื่อของพระมหาเถรพรหมเทพเป็นพระอรหันต์ สมัยพุทธสันดรที่ 3 (พระกัสสปสัมมสสัมพุทธเจ้า) ตามตำนานนครศรี ธรรมราช ท่านเป็นพระอรหันต์ที่ดูแลทะเลใต้ทั้งหมด และเป็นผู้ช่วยเหลือพระเหมชภากับพระทนกุมาร ขึ้นฝั่งเมื่อครั้งที่นำพระทันฑธาตุหนีภัยสงครามมา

ด้านหลังประกอบด้วยรูปแบบและความหมาย 1.ตรงกลางมีวงกลม ภายในวงกลมมีชื่อทัพไทยทอง เป็นตัวหนังสือแบบที่จดจารลงบนกระเบื้อง หมายถึงพระเจ้าทัพไทย ทอง เป็นกษัตริย์ที่ครองสุวรรณภูมิเมื่อศักราชปีโล 1112 และเสด็จไปเวฬุวันเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า รับพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ เปลี่ยนชื่อจากเมืองทองไทยลว้า เป็นสุวัณณภูมิ และสร้างวัดแรกในไทยชื่อวัดปุณณาราม

2.ภายในวงกลมรอบนอกที่ 2 มีอักขระชื่อ ขุนสรวง ขุนนางสาง กลายร่างมาจากภัสสรเทพมหาพรหมหลังจากชิมง่วนดินแล้ว เป็นต้นตระกูลไทยมีลูกหลานสืบมา อักขระชื่อ ขุนไทยแก้ว ขุนหญิงแก้วขวัญฟ้า เป็นชื่อของผู้มีหน้าที่เป็นเจ้าทะเลและแม่ย่านางเรือ ดูแลคนไทยในทะเลมาตั้งแต่ปลายยุคพุทธันดรที่ 2 น้ำท่วมโลก (เป็นเรื่องตามตำนานของไทยที่เชื่อถือกันมาในอดีต) อักขระชื่อ ขุนอินเขาเขียว ขุนหญิงกวักทองมา เป็นชื่อของต้นครูไทย มีลูกชาย 13 คน ครองเมือง 1 คน อีก 12 คนมีชื่อตามนามปี มีลูกหญิง 7 คน มีชื่อตามนามวัน บรรดาลูกชายหญิงของท่านทั้ง 2 ต่างก็คิดวิธีทำมาหากินเพื่อดำรงชีพ จนกลายเป็นต้นตระกูลไทยในสายวิชาต่างๆ สืบมา

3 ภายในวงกลมรอบนอกที่ 3 เป็นรูป 12 นักษัตร นามปี คือลูกชาย 12 คน ของขุนอินเขาเขียว และขุนหญิงกวักทองมา และเป็นดวงตราประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชปัจจุบัน 4.รอบวงกลมที่ 3 เป็นเปลวเพลิง และรัศมีสั้นยาวสลับกัน เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระเจ้าตะวันอธิราชกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ของสุวรรณภูมิ และทำนุบำรุงพระศาสนาตั้งมั่นยืนยาวถึงปัจจุบัน 5.รอบรัศมีมีดวงอาทิตย์ มีอักขระ 8 ตัว เป็นหัวใจพาหุงทั้ง 8 บท เป็นบทสวดบวงสรวงสมโภชอนุโมทนาเพื่อให้เทวดาบนสรวงสวรรค์ เพื่อประกาศถึงความสำเร็จ

6.ระหว่างรัศมีพระอาทิตย์ มีวงกลมล้อมรอบดวงอาทิตย์ 8 ดวง แทนองค์เจ้าดาวเด่นฟ้า และเดือนเด่นฟ้า โอรส 2 พี่น้อง ของพระเจ้าตะวันอธิราช เปรียบเสมือนดาวนพเคราะห์ที่หมุนรอบตัวเองและรอบดวงอาทิตย์ตามระบบสุริยจักรวาลและเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่เวียนว่ายตายเกิดไม่มีที่สิ้นสุด ระยะเวลาแห่งการเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเพื่อให้ทุกชีวิตที่เกิดมาได้มีโอกาสสร้างความดีและความชั่ว ตามขันธสันดานของแต่ละบุคคล

7.ภายในวงกลมทั้ง 8 ดวง เป็นหัวใจอริยสัจ 4 ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องประสบทุกคน และอักขระอีก 4 ตัว เป็นธาตุทั้ง 4 ของมนุษย์ ที่อาศัยดำรงชีวิตดาวนพเคราะห์ในระบบสุริยจักรวาล เพราะมนุษย์ต้องเวียนว่ายตายเกิดตามวัฏจักร ตราบใดที่ยังไม่บรรลุธรรม 8.ระหว่างดวงดาวทั้ง 8 ดวง เป็นที่ว่างเปรียบเสมือนท้องฟ้าอันเป็นที่สิงสถิตของดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ชื่อของบรรดาขุนชาย ขุนหญิงที่มีพระคุณต่อแผ่นดินและลูกหลานไทย ตามรายชื่อและประวัติดังนี้ จากซ้ายมือ ด้านปีชวดตามเข็มนาฬิกา

8.1 ขุนลือต้นไทยทอง ขุนหญิงโพสพ ครองสุวรรณภูมิเมื่อศักราชปีอินที่ 1402 ในสมัยของท่านทั้ง 2 ได้คิดพิธีทำขวัญข้าว บวงสรวงเกี่ยวกับพืช และคิดค้นการเพาะปลูก การทำนาปลูกข้าวให้เป็นระบบ และการเก็บข้าวยุ้งฉาง เมื่อตายไปพระมเหสีคนนับถือเป็นเจ้าแม่โพสพ 8.2 ขุนลือไทยและขุนขอมฟ้าไทย ครองสุวรรณภูมิเมื่อศักราชปีอินที่ 1215 ทั้ง 2 ท่านช่วยกันคิดลายสือไทย และลายสือขอม เป็นครั้งแรก ส่วนขุนหญิงไทยงามเป็นมเหสีของขุนสือไทย คิดการทอผ้าดอกผ้ายก เช่น ลายสือ ลายนกคู่ มีมาในแผ่นดินไทยนับพันปี เป็นต้นครูทอผ้า

8.3 พระเจ้าโลกลว้า พระนางก้านตาเทวี ครองสุวรรณภูมิเมื่อศักราชปีโลที่ 1410 ตรงกับพ.ศ.220 (พระบิดาของพระเจ้าตะวันอธิราช) เป็นผู้รับสมณทูตทั้ง 5 รูป ที่พระเจ้าอโศกธรรมราชส่งมาเผยแผ่ศาสนาหลังจากสังคายแล้วเป็นกษัตริย์ไทยที่ให้มีพิธีกฐิน ถวายกฐินเป็นพระองค์แรก และแรกพิธีจุลกฐินก็มีขึ้นในสมัยของท่านเป็นครั้งแรก กลายเป็นประเพณีสืบมาละในสมัยของท่าน มีการส่งพระภิกษุของไทยไปศึกษาที่ประเทศอินเดีย 11 รูป สามเณร 3 รูป

8.4 พระเจ้าตะวันอธิราช พระนางสิริงามตัวเทวี ครองสุวรรณภูมิเมื่อ พ.ศ.245 ในสมัยท่าน นอกจากการเสริมสร้างโรงเรียนละกองทัพบ้านเมืองแล้ว ยังส่งเสริมให้พระสงฆ์เรียนการสวด "สาธยายพระไตรปิฎก" เรียนสวดสังโยค มีการปั้น ให้ปั้นพระพุทธรูปตั้งเป็นพระประธาน ณ ศาลา นำวิธีการกราบพระตั้งนะโม การสวดคณะสัชฌายสังคติ คือ สังคีติสาธยายเป็นคณะจัดให้มีการไหว้พระสวดมนต์ เจริญพระพุทธมนต์ และในพิธีการต่างๆ เช่น การถวายพรพระอนุโมทนาวิธี โกนจุก ทำบุญอายุ พิธีการศพ เช่น สวดมาติกา สวดอภิธัมม 7 พระคัมภีร์และสวดหน้าไฟ โดยมีพระโสณมหาเถระ เป็นผู้นำฝึกสอน และพระเจ้าตะวันอธิราชเป็นผู้วางระเบียบให้เป็นประเพณีไทย จึงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน

8.5 พระเจ้าเดือนเด่นฟ้าอธิราช ครองสุวรรณภูมิเมื่อปี พ.ศ.305 พระโอรสของพระเจ้าตะวันอธิราชเดือนเด่นฟ้าและดาวเด่นฟ้า ได้ช่วยกันวางรากฐานทางศาสนา ดูแลพระสมณทูตตลอดเวลา ช่วยในการจดจารจารึกเรื่องราว คำสอน พิธีการ และเรื่องของบ้านเมือง ท่านทั้งสองได้สร้างวัดหลายวัด เช่น สร้างวัดพระธาตุเจดีย์ที่เมืองช้างค่อม แล้วให้ชื่อว่า นครธัมมราช นิมนต์พระมูนียะไปอยู่ช่วย สร้างวัดพระธาตุและวัดดงสัก ที่เมืองนองทอง (กาญจนบุรี) นิมนต์พระอุตตรไปอยู่ช่วย สร้างวัดพระธาตุ ที่เมืองเถือมทอง (นครปฐม) นิมนต์พระภูริยะไปอยู่ช่วย สร้างวัดพระธาตุ เมืองอู่ทองและวัดป่าเลไลยก์ (สุพรรณบุรี) นิมนต์พระอุตตรไปอยู่ช่วย นำศาสนาไปเขมร สร้างวัดพระธาตุ นิมนต์พระภูริยะไปอยู่ช่วย เมื่อวันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 6 พ.ศ.282

สำหรับนครศรีธรรมราชนั้น นอกจากสร้างวัดพระธาตุแล้วยังสร้างโรงเรียนนายเรือ และตั้งกองทัพเรือใหญ่ เพื่อสะดวกในการดูแลอาณาประเทศทางทะเลใต้ได้ทั่วถึง 8.6 ขุนจันทรภาณุ ครองสุวรรณภูมิ พ.ศ.1000 เมื่อถึง พ.ศ.1018 มอบเมืองให้อนุชาชื่อขุนหาญบุญไทยอยู่รักษาเมืองแล้วยกทัพไปชมพูทวีป (อินเดีย) ถึง พ.ศ.1020 ไปเป็นมหาราชในอินเดีย หลังจากนั้นเพียง 2-3 ปี ลูกขุนจันทรภาณุคงจะนึกไปถึงคำโสณทำนายชะตาบ้านเมืองของสุวรรณภูมิ จึงมีความเห็นว่าควรย้ายเมืองและผู้คนไปเมืองธัมราช (นครศรีธรรมราช) เพราะชอบดินฟ้าอากาศ ขุนหาญบุญไทยผู้เป็นอาคัดค้านให้รอขุนจันทรภาณุกลับมาก่อน ขุนอินทรไสเรนทรไม่ฟังคำ จึงพาผู้คน 2,000 ไปสร้างเมืองใหม่ที่เมืองธัมมราช เมื่อ พ.ศ.1023 และให้ชื่อว่า ศิริธัมมราช หรือศรีวิชัยสุวรรณภูมิ

ครั้นพ.ศ.1026 สร้างเมืองเสร็จกลับมาอพยพ เอาแม่และน้องขุนอินเขาเขียวพร้อมพลเมืองอีก 15,000 คน ไปอยู่ที่ศรีวิชัยสุวรรณภูมิ เมื่อขุนจันทรภาณุกลับมาก็ลงมาอยู่ที่ศิริธัมมราชด้วยสุวรรณภูมิหมดกษัตริย์ หลังจากนั้นขุนจันทรภาณุกลับไปเยี่ยมสุวรรณภูมิพร้อมขุนหญิงสีมาทองมเหสีอีกครั้ง เมื่อวันขึ้น 10 ค่ำเดือน 6 ปี พ.ศ.1027 จากข้อความในกระเบื้องจารจารึกขุดได้ที่ตำบลท่าเรือ จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่าในปี พ.ศ.1400 ขุนสีไสรนทรครองศรีวิชัยสุวรรณภูมิ แสดงว่าเมื่อ พ.ศ.1410 นครศรีธรรมราชยังใช้ชื่อ ศรีวิชัยสุวัณณภูมิ

8.7 ขุนหาญบุญไทย ครองสุวรรณภูมิ พ.ศ.1030-1035 สร้างเมืองใหม่ย้ายมาจากสุวรรณภูมิเดิมมาตั้งที่หน้าเขางูและสร้างวัดสี่มุมเมืองบรรจุพระธาตุ ทิศตะวันออกสร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ทิศเหนือสร้างวัดพระธรรมเจดีย์ ทิศใต้สร้างวัดพระพุทธเจดีย์ ทิศตะวันตกสร้างวัดอรัญญิกาวาส วัดนี้มีเจดีย์หินแกรนิต บนเจดีย์สลักหินรูปพญาราหูอมจันทร์รอบ สร้างเสร็จ พ.ศ.1035

หลังจากสุวรรณภูมิเสื่อมอำนาจ เกิดเมืองใหม่ขึ้นอีก 3 เมือง เป็น 3 ก๊กไทย พ.ศ.1023-1026 ศรีวิชัยธัมมราช (นครศรีธรรมราช) ขุนอินไสเรนทรสร้าง พ.ศ.1030-1035 ราชพลี (สุวัณณภูมิ) ขุนหาญบุญไทยสร้าง พ.ศ.1112-1122 ไทยทวาลาว (เถือมทองนครปฐม) ขุนฟ้าเมืองไทยสร้าง

ต่อมาทั้ง 3 เมืองได้มีการรบกันหลายครั้งในชั้นหลังและเมื่อ พ.ศ.1720 ขุนศรีเฉลิมฟ้า ครองไทยทวาลาวไม่ยอมเสียค่าขวัญเมืองแก่ขุนราชพลี ปีละ 1,000 ตำลึง จึงเกิดรบกัน ขุนศรีเฉลิมฟ้าปราชัยและสิ้นชีพ

พ.ศ.1720-1721 ขุนศรีนาวนำถมครองไทยทวาลาวต่อจากขุนศรีเฉลิมฟ้า เกรงอิทธิพลและการทวงค่าขวัญเมืองของขุนราชพลีจึงอพยพขึ้นไปทางเหนือถึ่งดินแดนสระหลวงริมแม่น้ำสมพาย (แม่น้ำสำพัน) ตั้งเมืองใหม่ชื่อว่า สุโขทัย

ในบันทึกการจัดสร้างกล่าวไว้ว่า พุทธบริษัททั้งหลาย หากได้มีวัตถุอาถรรพณ์อันเป็นมงคลนี้ชนิดใดชนิดหนึ่ง ก็ขอได้โปรดอาราธนาอธิษฐานเอาตามใจปรารถนาได้จากชื่อของครูอาจารย์ในแต่ละสาขา วิชาการ ดังปรากฏชื่ออยู่ในวัตถุมงคลนี้ เพื่อท่านจะได้หมดทุกข์โศก โรคภัยที่ท่านประสบอยู่และขอให้ท่านจงประสบแต่ความสุขความเจริญทั่วหน้าทุกท่านเทอญ ทุกท่านที่ได้บริจาคบูชาโดยใช้สติ อย่าบริจาคบูชาโดยคิดว่าราคาไม่แพงหรือคิดว่าต่อไป อนาคตจะดีความสิริมงคลจะยังเกิดผลได้อย่างเต็มที่นั้น อยู่ที่การปฏิบัติของท่านเองด้วย

และเพื่อให้สิริมงคลแก่พุทธบริษัททั้งหลาย ที่ได้ร่วมบริจาคทรัพย์ในการสร้าง "พระผงว่านอุดมโชคประถมอรหันต์สุวรรณภูมิ" เพื่อนำถวายแก่พระเกจิอาจารย์จากวัดต่างๆ 20 กว่าวัด จึงได้กำหนดพิธีกรรมตามลัทธินิยมของเมืองศรีวิชัยสุวรรณภูมิ 12 นักษัตร เป็น 4 พิธี 4 วันดังนี้ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2547 เวลา 06.16 น. ที่เขางูราชบุรี บวงสรวงเทวดาฟ้าดินจัดพิธีเทวาภิเษกและพุทธาภิเษก วันที่ 12 พฤศจิกายน 2547 เวลา 18.30 น. วิหารสูงมหาอุด นครศรีธรรมราช บวงสรวงเทวดาฟ้าดินจัดพิธีเทวาภิเษกและพุทธาภิเษก

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2547 เวลา 19.20 น. กลางทะเลปากอ่าว อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช บวงสรวงเทวดาฟ้าดินจัดพิธีเทวาภิเษกและพุทธาภิเษก วันที่ 10 ธันวาคม 2547 บวงสรวงเทวดาฟ้าดิน จัดพิธีเทวาภิเษกและพุทธาภิเษก เวลา 15.31 น. จุดเทียนชัย วิหารหลวง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารนครศรีธรรมราช พร้อมกันนี้คณะกรรมการได้ดำเนินการโดยใช้มวลสารเดิมที่เหลือจากพระผงว่านอุดมโชค 8 อรหันต์ (ชุดบูรณะเจดีย์ราย) และมวลสารที่เกี่ยวข้องกับพระอรหันต์และขุนเมืองเมื่อครั้งสุวรรณภูมิในอดีตมาเป็นส่วนผสมในการจัดสร้างด้วย

จตุคามรามเทพ "พระผงว่านอุดมโชคประถมอรหันต์สุวรรณภูมิ" จึงมีคุณค่าทางด้านพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ และรูปลักษณ์ที่ชี้ชัด รายละเอียดประวัติความเป็นมาของพระพุทธศาสนา มวลสารอันศักดิ์สิทธิ์ได้รวบรวมจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และได้รับความเมตตาจากพระเกจิอาจารย์ดังร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกก็ประกอบพิธีถูกต้องตามโบราณจารย์ การบูชาพกพาอาราธนาติดตัว จึงมีพุทธานุภาพครอบจักรวาล ดีทุกประการเหนือคำบรรยาย ส่วนเรื่องราคามีแต่จะสูงขึ้นๆ ทุกวันด้วย

 

ขอบคุณ คุณลิน มากครับสำหรับ พระคาถาบูชาพระบรมสารีริกธาตุ

 

สวัสดีครับอาจารย์นวล วันนี้บทเรียนยาวจังเลยนะครับ

 

ถ่ายมาได้แค่ 4 ภาพค่ะ พอดีถ่านหมด ติดเอาไว้ก่อนนะคะ
ภาพแรกจะเป็นโต๊ะหมู่ของลินค่ะ รกๆหน่อยนะคะ
ภาพสอง พระบรมสารีริกธาตุ สันฐานโลหิตธาตุ
ภาพสาม พระธาตุเสด็จ หรือ พระธาตุแก้วจักรพรรดื์
ภาพสี่ พระธาตุพระปักเจกพระพุทธเจ้า
ภาพห้า พระธาตุพระสาวกพระอรหันต์

อาจจะมีบางท่านแย้งว่า ที่เราบูชาอยู่อาจจะไม่ใช่ของจริง แต่ลินเชื่อว่า ถ้าเราบูชาท่านด้วยศัทธา และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้เรากระทำในสิ่งที่ดีงาม
เราไม่ต้องสงสัยตามคำพูดของใครเลยคะ ปฏิหารเกิดขึ้นจริงกับท่านที่มีศัทธาค่ะ สาธุ.

 

ผมพึ่งซื้อ national G เล่มใหม่ มีรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างเจดีย์ Borobudur ที่เมือง ยอกยา (yokya เสียงคล้ายๆ อโยธยา เหมือนกันนะครับ) แค่หาข้อพิสูจน์ว่า สมัยก่อน มีทะเลสาปล้อมรอบ หรือไม่นะครับ บางคนบอกว่า เจดีย์แห่งนี้ เปรียบเสมือนดอกบัวบานกลางทะเลสาบ บ้างก็ว่าไม่ใช่นะครับ ถ้าสนใจ ลองหาอ่านดูนะครับ

 

ผมขอตัวพักผ่อนก่อนครับ ญาติธรรม ทุกๆท่าน

 

ภัยพิบัติที่ น่ากลัว เริ่มแล้วนะคะ

 

ขอเล่าเรื่องพระบรมสารีริกธาตุค่ะ.....ที่เกิดขึ้นกับพี่นะคะ

สวดมนต์บ่อยๆค่ะ ท่านจะเสด็จมาเพิ่มค่ะ........



<TABLE cellSpacing=10 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="55%">[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]วิธีอัญเชิญโดยทั่วๆไปมีดังนี้ [/FONT]

[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]1. จัดที่บูชาให้สะอาด [/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]2. ตั้งพานมะลิบูชา (ถ้ามี) [/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]3. นำน้ำสะอาดใส่ขันสัมฤทธิ์ตั้งไว้หน้าที่บูชา (ตามวิธีโบราณ) [/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]4. ชำระล้างร่างกายให้สะอาด [/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]5. ทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง มีสมาธิ [/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]6. สมาทานศีล [/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]7. ระลึกถึงพระพุทธคุณ (ตั้งนะโม 3 จบ แล้วสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ อิติปิโสฯ) [/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]8. สวดคาถาอัญเชิญพระธาตุ ดังนี้[/FONT]




</TD><TD vAlign=top align=middle width="35%" bgColor=#f3f3f3></TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]" อัชชะตัคเค ปาณุเปตัง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณังคะโต อัสสามิมะหันตา ภินนะมุคคา จะ มัชฌิมา ภินนะตัณฑุลา ขุททุกะ สาสะปะมัตตา เอวัง ธาตุโย สัพพัฏฐาเน อาคัจฉันตุ สีเสเม ปะตันเต "[/FONT] <CENTER>[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]หรือ[/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ " [/FONT]

[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]* การเสด็จมาอาจมีด้วยกันหลายวิธี เช่น เสด็จมาเอง มีผู้มอบให้ แบ่งองค์ ฯลฯ[/FONT]​

</CENTER>
*พระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมาค่ะ*

*ท่านที่อยู่ภาคเหนือระวังภัยน้ำท่วมฉับพลันค่ะ*


</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

สวัสดีครับ
อาจจะดึกไปหน่อย ก็ไม่สายเกินไปที่จะมา
บางสิ่ง ถึงแม้จะทำช้าไป แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำ

เช้าวันหนึ่งผมตื่นมาจากความฝัน
พลันก็คิดเปรียบเทียบชีวิตคนเรามันช่างเหมือนฝันเสียจริงๆ
ในฝันเราสามารถมีได้ทุกอย่าง บางทีก็มีทั้งสุข และ ทุกข์
มีรถยนต์ ทีวี ตู้เย็น สิ่งของทั้งหลาย ผู้คนมากมาย
แต่พอตื่นมา เหมือนเจอกับความจริง
ในครั้งนึง ผมฝันเห็นของกินเต็มไปหมด
ไม่อยากตื่น เพราะรู้ว่า ถ้าตื่น...มันหายไปหมดแน่ กอดไว้ซะแน่นเชียว
พอตื่นขึ้นมา ว่างเปล่า ก็เลยคิดไปเรื่อยเปื่อยฉื่อยแฉะว่า
ก็เหมือนกับชีวิตเรานี่ล่ะนา พอลาลับแล้ว เอาอะไรไปไม่ได้เลย
ผมนี่ก็คิดอะไรเป็นตุเป็นตะไปซะเรื่อยเชียว
ไม่ได้ปลงนะครับ แต่มันแว้บ...เข้ามาเฉยๆ

 

พี่นวลว่าจะเล่าดีไม่เล่าดี.....เกี่ยวกับความฝันเหมือนกันค่ะ.....

หลังจากที่ได้รับเหรียญหลวงปู่หมุน นะคะ เหรียญนารายณ์ทรงครุฑ กับ เหรียญหมุนเงินหมุนทอง....
เหรียญนารายณ์ทรงครุฑครั้งแรกที่ได้จับเหรียญ...รับได้ถึงพลังหมุนวน...แรงมาก
จากที่เคยจับเหรียญพระหลายๆเหรียญ (ในความรู้สึกของตัวเอง)และนำทั้ง 2 เหรียญไปเข้ากรอบเงิน
ครั้งหนึ่งก่อนนอนคืนนั้นประมาณเที่ยงคืน
พี่ก็นำสร้อยเหรียญหลวงปู่หมุนนารายณ์ทรงครุฑซึ่งด้านหลังมีเกศาหลวงปู่หมุน
มาอธิฐานทำสมาธิ..ก็ประมาณ 20 นาที....และก็ถอดสร้อยลป.วางข้างหมอน
เวลานอนจะไม่ห้อยพระ......

ฝันเห็นเหตุการณ์ 2 อย่าง
เหตุการณ์ แรก (ไม่ขอเล่านะคะ)
เหตุการณ์ที่สอง......(แปลกค่ะ)
เห็นเองนอนอยู่ในห้องนอน....พอลืมตาขึ้นก็เห็นนกบินโฉบลงมาทับ
กระพือปีกเสียงร้อง.....ถ้าใครเคยดูหนังจักรจักรวงค์วงศ์สมัยก่อนที่มีนกยักษ์เสียงร้องแบบนั้น
น่ากลัวมากจนหายใจไม่ออก...เขากางแขนทั้ง 2 แขนของพี่
แล้วนกนั้นก็ถอยออก...........

บินลงมาอีกครั้ง คราวนี้เหมือนขามีแขนเหมือนคนแต่หน้าเป็นนก........
ลงมาโฉบมาทับอีกรอบคราวนี้พี่เจ็บมาก กลัว นกนั้นร้องเสียงดังมาก....
จนพี่ในฝันนะคะ นึกถึงหลวงปู่หมุน เรียกหลวงปู่ช่วยด้วย.....มือก็เลยคว้า
เหรียญหลวงปู่หมุนที่อยู่ใกล้หมอนมาแขวนคอ นกนั้นก็ถอยไป............
พี่ตกใจตื่น สร้อยหลวงปู่มาอยู่ในคอและมือยังกำพระหลวงปู่อยู่...........
มันเหมือนจริงมากเลย.....................................

เล่าสู่กันฟังค่ะ......
ฝันนี้ประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา

 

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง
ขอให้ทุกๆ ท่าน รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
เพราะคนรอบๆ ตัวของผม แทบจะ 360 องศา ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่กันแทบทั้งนั้น ยกเว้นผมเพียงผู้เดียว
ทีแรก ผมนึกว่า มีเพียงพัดลมเท่านั้นที่มันชอบส่ายหน้าไม่เอาผม แม้แต่เชื้อไวรัส มันยังรังเกียจเลย
จะว่าไปการที่เราไม่ป่วยนั้น ดีเลิศประเสริฐศรีที่สุดแล้วครับ สุขกาย สบายใจ
ดังคำว่า อภริยา ปรมา ลาภา การไม่มีภรรยา เป็นลาภอันประเสริฐ อ้าว...ไม่ใช่ละ
ต้องอันนี้ อโรคยา ปรมา ลาภา การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ

มีสุขภาพกายสุขภาพใจ ที่ดีสมบูรณ์กันถ้วนหน้าครับ
จะได้มาร่วมแบ่งปันสีสันในบ้านหลังที่สองกันพร้อมหน้า

 

รุ่นเดียวกัน เด้อ คุณ ลิน เด้อ

 

สวัสดียามเช้าครับ ทุกท่านขอให้มีความสุขตลอดทั้งวันนะครับ

 

หวัดดีคับ น้องใหม่ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยคับ

 

สวัสดียามเช้าค่ะ.............(เจ็บตาค่ะวันนี้อยู่หน้าจอนานๆ)

วันนี้.....อยากฟังเรื่องเล่าของสมาชิก....เดี๋ยวจะแอบหัวหน้ามาฟังนะคะ.....