::: วรวุฒิคุณอนุสรณ์ ประวัติและวัตถุมงคลหลวงปู่ครูบาอิน อินโท ครูบาฟ้าหลั่ง :::

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย wannabexcite, 19 มกราคม 2009.

  1. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    ขอเริ่มเรื่องดาบสหลีกัญไชยเลยนะครับ
    ==========================

    [​IMG]

    ขอกล่าวถึงดาบสหลีกัญไชย ของหลวงปู่ครูบาอิน ชุดนี้ก่อนครับ

    ย้อนหลังไปเมื่อตอนต้นปี พ.ศ.๒๕๔๖ หลวงปู่ได้อนุญาตให้ “เฮียโต”
    หรือ “คุณภวัต นนทิพงศ์” เจ้าของร้านพระเครื่อง “บุญบารมีเชียงใหม่”
    ซึ่งมีร้านอยู่ที่หน้าห้างแม็คโครเชียงใหม่ จัดสร้างดาบขึ้นมารุ่นหนึ่ง
    ชื่อว่า “ดาบสหลีกัญไชย” โดยมีทั้งดาบคู่ ดาบเดี่ยว มีดหมอ และดาบเล็กๆ
    หลายรายการ ปลุกเสกไปเมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๔๖
    เมื่ออธิษฐานจิตปลุกเสกไปแล้ว ทางคุณภวัต ได้รับดาบกลับไป
    เพื่อจัดจำหน่ายออกให้เช่าบูชาต่อไป...

    การจัดสร้างดาบในครั้งนั้น คุณภวัตได้ติดต่อให้ “ช่างขันชัย”
    ซึ่งเป็นช่างทำดาบที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่งของจัดงหวัดลำปาง เป็นผู้ตีดาบให้
    และระหว่างนั้น คุณขันชัย ก็ได้เดินทางมากราบหลวงปู่ครูบาอินที่วัดหลายครั้ง
    จึงได้กราบเรียนหลวงปู่ว่า ตนได้ตีดาบไว้จำนวนหนึ่ง (ประมาณร้อยกว่าเล่ม)
    อยากนำมาให้หลวงปู่อธิษฐานจิต และออกให้เช่าบูชาที่วัด
    เมื่อหลวงปู่อนุญาต คุณขันชัยจึงได้นำเอาดาบจำนวนร้อยกว่าเล่มดังกล่าว
    มาขอให้หลวงปู่อธิษฐานจิตปลุกเสกเป็น “ดาบสหลีกัญไชย มหาไจยะมงคล ๑๐๑ ปี”
    และนำออกให้บูชาที่วัดทุ่งปุย ช่วงก่อนที่หลวงปู่จะมรณภาพได้ไม่นาน

    เมื่อหลวงปู่ครูบาอิน ละสังขารในวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๖
    จำนวนลูกศิษย์ลูกหาที่เดินทางมาที่วัดก็ลดน้อยลง
    ผู้บูชาดาบก็น้อยลงตามไปด้วย จนกระทั่งหลังเสร็จพิธีพระราชทานเพลิงศพ
    คุณขันชัยก็ได้มาติดต่อขอรับดาบทั้งหมดกลับคืนไป เพื่อนำไปประกอบ “ขันครู”
    ตามธรรมเนียมปฏิบัติของช่างตีดาบ ที่ต้องมีการตั้งขันสักการะครูบาอาจารย์ของตน
    มีดาบเหลือกลับไปจำนวน ๑๐๑ เล่ม เท่าอายุของหลวงปู่ครูบาอินพอดิบพอดี

    หลังจากนั้น “ดาบสหลีกัญไชย มหาไจยะมงคล ๑๐๑ ปี”
    ก็ถูกเก็บลืมอยู่บนขันครูของคุณขันชัย มาเป็นเวลานานหลายปี
    จนกระทั่งวันหนึ่ง... คุณขันชัย ได้มีโอกาสคุยกับพระอาจารย์อินทร
    และได้ทราบเรื่องการทำบุญ “วันกตัญญู” ที่ทางวัดใหม่หนองหอยจัดขึ้นทุกปี
    เพื่อสืบสานเจตนารมณ์ในการอุปถัมภ์การศึกษาแก่ลูกหลานชาวบ้าน
    ที่หลวงปู่ครูบาอินท่านถือปฏิบัติมาในอดีต ให้ต่อเนื่องต่อไป

    ประกอบกับทางวัดเองกำลังจัดสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ครูบาอิน
    หากได้นำเอา “ดาบสหลีกัญไชย มหาไจยะมงคล ๑๐๑ ปี” มาร่วมให้ทำบุญบูชา
    ก็จะเป็นการช่วยสนับสนุนการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ครั้งนี้ได้

    แต่อีกใจหนึ่งคุณขันชัยเองก็ยังลังเล เนื่องจากตนได้ยกยื่นยอถวาย
    ดาบทั้งหมดขึ้นสักการะเป็นขันครูของตนแล้ว
    หากจะสละเอาลงมาให้เช่าบูชาก็คงจะเป็นที่น่าเสียดาย
    เพราะจะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว...
    เรื่องจึงหยุดอยู่ตรงนี้!!!

    หลังจากนั้นไม่นาน...
    คุณขันชัยได้มีโอกาสไปทำมีดหมอถวายหลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี
    เมื่อได้พูดคุยกับหลวงปู่คุณขันชัยก็ได้พูดถึงเรื่องความลังเลใจของตนให้ท่านฟัง
    หลวงปู่ครูบาดวงดีท่านจึงได้บอกกับคุณขันชัยไปว่า
    “เอาถวายช่วยเปิ้นเสีย สร้างบุญกับครูบาอิน”

    หลังจากกลับจากวัดท่าจำปี ในคืนเดียวกันนั้น
    คุณขันชัยก็ได้ขนเอา “ดาบสหลีกัญไชย มหาไจยะมงคล ๑๐๑ ปี” ที่เหลือทั้งหมด
    มาถวายไว้ที่พระอาจารย์อินทร ตามคำแนะนำของหลวงปู่ครูบาดวงดีทันที

    (((โปรดติดตามตอนต่อไป....)))
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2010
  2. siwarit

    siwarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +6,173
    ตามลุ้นครับ...ตามแล้วก็อยากได้

    ขอบารมีหลวงปู่ครูบาอินให้ผมได้ดาบรุ่นนี้มาบูชาเป็นดาบคู่ด้วยครับ สาธุ
     
  3. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    และนี่คือที่มาของ “ดาบสหลีกัญไชย มหาไจยะมงคล ๑๐๑ ปี”
    ที่ทางวัดใหม่หนองหอย ได้นำออกมาให้บูชาในครั้งนี้ครับ...
    รายได้จากการบูชาหักต้นทุนการจัดสร้างให้กับคุณขันชัย
    ที่เหลือสมทบทุนการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ครูบาอิน
    พูดถึงตรงนี้... ท่านที่สนใจไปบูชาได้เลยครับ ดาบเดี่ยว ๗,๕๐๐ บาท

    แล้วเดี๋ยวมาต่อกันที่ตำนานพระเวทย์ล้านนา "สหลีกัญไชย" ครับ


    [​IMG]


     
  4. พุทธอาคม

    พุทธอาคม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +232
    เรื่องยาวจริงๆด้วยครับ :cool: แล้วรอยจารอักขระที่หุ้มดาบอยู่นี่ใครเป็นเป็นคนลงกำกับครับ อักขระคมสวยทุกตัวอักษรเลยครับ :cool: สำหรับพระกริ่งไจยะเบงชร คงไม่มีวาสนาแน่ครับเพราะหายากเหลือเกิน ชอบทั้งพุทธลักษณะ พิธี และความเป็นมงคลทั้งหลาย ของครุบาอาจารย์ ดูแล้วเข้มขลัง ดีครับ ถ้ามีบุญวาสนา :'( อาจจะได้ไปเจอ แล้วสมเด็จไจยะเบงชรที่ปลุกเสกพิธีเดียวกัน บูชาได้ที่ไหนครับ
     
  5. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    สวัสดีครับคุณ pattanayu...

    อักขระที่จารบนแผ่นเงินนี้ ผู้ที่จารมีอยู่หลายท่าน ก็คือ
    พระอาจารย์ไพบูลย์ พระอาจารย์อินทร พระอาจารย์พรชัย และ พระอาจารย์อีกท่านหนึ่ง
    ผมไม่แน่ใจว่าท่านชื่อจริงว่าอะไร ได้แต่เรียกชื่อเล่นท่านว่า "ตุ๊พี่หนิ้ว"
    แผ่นยันต์เงินที่เห็นทั้งหมดนี้เป็นฝีมือการจารอักขระของตุ๊พี่หนิ้วที่ลายมือสวยสุดครับ
    ส่วนจารว่าอะไรบ้าง เดี๋ยวผมจะมาเล่าโดยละเอียดอีกที

    สำหรับพระสมเด็จไจยะเบงชรที่ปลุกเสกในพิธีเดียวกันกับพระกริ่ง
    สามารถติดต่อบูชาได้ที่วัดใหม่หนองหอยครับ...
    ดูรายละเอียดได้ที่เวปหลวงปู่ครูบาอิน ตามลิงค์ข้างล่างนะครับ

    ธีระยุทธ

    [​IMG]

    (อ่านว่า "ครูบาฟ้าหลั่ง" ครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2010
  6. กริด99

    กริด99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    754
    ค่าพลัง:
    +558
    ตอบแทนคุณธีระยุทธนะครับ

    พระสมเด็จไจยะเบงชร พิมพ์กรอบกระจก หลังยันต์ฟ้าฟีก ๒๙๙.-

    สามารถบูชาได้ที่วัดใหม่หนองหอยครับ

    สนใจร่วมทำบุญ
    สามารถติดต่อบูชาด้วยตนเองได้ที่วัดใหม่หนองหอย หรือติดต่อ...
    พระครูสังวรยติกิจ (พระอาจารย์อินทร จิตตสังวโร) เจ้าอาวาสวัดใหม่หนองหอย
    หมู่ที่ ๖ ต.สันติสุข อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๖๐ โทร. ๐๘-๑๙๙๒-๐๔๐๗ โทรสาร. ๐-๕๓๓๖-๗๙๗๑

    หรือโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาทุ่งเสี้ยว (สันป่าตอง)
    ชื่อบัญชี กองบุญครูบาอิน อินโท เลขที่บัญชี ๖๖๑-๒-๒-๓๐๐๔๗
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2010
  7. พุทธอาคม

    พุทธอาคม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +232
    ขอบคุณนะครับสำหรับข้อมูลดีดีจะหามาไว้ใช้ครับสำหรับดาบน่าเก็บไว้บูชามากเลยครับถ้ามีโอกาสจะเก็บไว้ซักเล่มนึงครับ เฝ้ารอตามหาพระกริ่งต่อไปครับ ด้วยความศรัทธาหบลวงปู่ครับ :cool:
     
  8. กริด99

    กริด99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    754
    ค่าพลัง:
    +558
    คุณไก่ช่วยเล่ารายละเอียดพิธีเททองพระกริ่งไจยะเบงชรให้ด้วยได้ไหมครับว่าครูบาอาจารย์มากี่องค์นะครับ ขอบคุณครับ
     
  9. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804

    สวัสดีครับคุณกฤษณ์

    เรื่องของ "ไจยะเบงชร" ทั้งพระคาถา พิธีกรรม และวัตถุมงคล ถ้าจะว่าไปแล้ว
    อาจจะเป็นอีกหนึ่งมหากาพย์ให้ร่ายยาวยิ่งกว่าเรื่อง "สรีกัญไชย" อีกนะครับ
    ในตอนนี้ขออนุญาตติดไว้ก่อน... ขออนุญาต "เล่าสู่กันฟัง"
    เรื่องดาบสรีกัญไชยกันก่อน... แล้วพอจบเรื่องนี้จะมาต่อที่ไจยะเบงชร แบบเต็มๆ
    ให้จุใจกันเลยทีเดียวครับ

    ธีระยุทธ
     
  10. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    มาต่อกันที่ตำนานดาบสรีกัญไชย ในเวอร์ชั่นที่อัพเดทข้อมูลจากบทความเดิมที่ผมเคยเขียนไว้เมื่อหลายปีก่อน... เห็นมีคนเขาก๊อปไปโพสในหลายๆ กระทู้ หลายๆ เวป คงจะพอผ่านตามาบ้าง แต่นี่เป็น Edition 2 ที่เปิดตัวที่นี่กับ ที่เวปหลวงปู่ครูบาอิน เป็นสองที่แรกเลยครับ...

    หมายเหตุ: ยังเรียบเรียงใหม่ไม่เสร็จนะครับ ได้เท่าไหร่ก็โพสไปก่อน

    ธีระยุทธ

    [​IMG]



    ===========================

    “สรีกัญไชย” ตำนาน ดาบศักดิ์สิทธิ์
    ที่สุดแห่งพระเวทย์ล้านนา

    “สรีกัญไชย” หรือ “สลีกัญไชย” คำนี้ เขียนตามอักษรธรรมล้านนา ออกเสียงว่า “สะ-หลี๋-กั๋น-ไจ” บางแห่งใช้ “สรีกัญชัย” ก็มี ความหมายของคำว่า “ดาบสรีกัญไชย” นั้นหลากหลายขึ้นอยู่กับบริบทของเนื้อหาสาระที่กล่าวถึง เช่น เมื่อกล่าวถึงเครื่องประกอบเป็น “ดาบยศ หรือดาบเจ้าดาบนาย” ก็หมายถึง ๑ ใน ๕ อย่างของเครื่องราชกกุธภัณฑ์ล้านนา มีรูปลักษณ์ต่างกันออกไป เช่น เป็นดาบยาววาก็มี เป็นดังมีดน้อยก็มี หรือมีด้ามยาวอย่างง้าว ที่ใช้เป็นเครื่องเทียมยศพระพุทธรูป ปักเรียงกับละแอบังสูรย์ ทั้งหมดต่างเรียกขานว่า ดาบสรีกัญไชย และหากจะเทียบศักดิ์แห่งดาบนี้ คงทำนองเดียวกับพระแสงขรรค์ชัยศรีของภาคกลาง รูปแบบดาบโดยละเอียดเป็นอย่างไร เนื้อเหล็กเป็นอย่างไร ในเอกสารล้านนาไม่ได้พรรณนาไว้ รู้แต่ว่าเป็นของวิเศษคู่บุญพระโพธิสัตว์ แต่ถ้าพูดถึงในบริบทของวัตถุของขลัง ปัจจุบันก็จะหมายถึงดาบศักดิ์สิทธิ์ ที่ครูบาอาจารย์พระเถระสังฆเจ้า ได้เมตตาสร้างไว้เป็นเครื่องรางทรงพุทธานุภาพ ปกป้องคุ้มครองบรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่ได้มีไว้สักการบูชา กล่าวได้ว่าเป็นที่สุดแห่งศาสตร์พระเวทย์ล้านนา เป็นวิชาชั้นสูงของภาคเหนือก็ว่าได้

    หากจะพูดถึงที่มาที่ไปของดาบสรีกัญไชย คงต้องนับย้อนไปถึงตำนานความเชื่อตามโบราณกาล ที่เล่าสืบทอดกันมาว่าพญาอินทร์ (พระอินทร์) หรือสักกะเทวราช ได้มีบัญชาให้พระเวสสุกรรมเทวบุตร ซึ่งเทพผู้เชี่ยวชาญงานช่างของสวรรค์ ลงมาตีพระขรรค์ถวายพระเกตุมาลา (พระเกตุมาลาคือใคร? ทำไมต้องตีดาบถวาย?)

    ตามตำนานเล่าว่า พระเวสสุกรรมเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในงานช่าง ประกอบกับมีฤทธาอภินิหารพอตัว การตีดาบจึงไม่ใช่ธรรมดา ต้องใช้เหล็กถึงสี่หาบ นำมาผ่านพิธีการเผาตีไล่เนื้อเหล็ก และใช้ว่านยาซัด จนเหลือเป็นพระขรรค์เนื้อบริสุทธิ์เพียงเล่มเดียวมาถวายพระเกตุมาลา

    ด้วยความไม่รู้ถึงพิธีกรรมที่พระเวสสุกรรมได้ตั้งอกตั้งใจทำพระขรรค์วิเศษเล่มนี้ขึ้น เมื่อพระเกตุมาลาเห็นดาบเล่มเดียวก็พาให้คิดว่าพระเวสสุกรรมมีจิตคิดไม่ซื่อ ฉ้อฉลเอาเนื้อเหล็กไปถึงสี่หาบแต่นำพระขรรค์เล่มเดียวมาถวายก็เลยออกปากต่อว่าพระเวสสุกรรม

    แม้พระเวสสุกรรมไม่ได้พูดตอบโต้อย่างไร แต่ก็บังเกิดความน้อยใจลุกขึ้นลากพระขรรค์เล่มนั้นไปบนท้องพระโรง เกิดเป็นอัศจรรย์ คมพระขรรค์นั้นกล้านัก ผ่าท้องพระโรงแยกออกเป็นสองซีกในทันที จากนั้นเวสสุกรรมก็โยนพระขรรค์เล่มนั้นทิ้งลงไปในทะเลสาบ

    ดาบสรีกัญไชย จึงจมอยู่ใต้ทะเลสาบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2010
  11. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    ตำนานต่อจากนี้ค่อนข้างจะสับสนและมีหลายกระแส ตามแต่ว่าผู้รจนาไว้เป็นชนชาติใด บ้างก็ว่าพระอินทร์ใช้อิทธิฤทธิ์เรียกเอาดาบสรีกัญไชยขึ้นมามอบให้กับเจ้าเมืองผู้มีบุญญาธิการพระองค์หนึ่ง ซึ่งพระองค์ก็ได้ใช้เป็นอาวุธคู่พระวรกายจนสามารถรวบรวมผู้คนตั้งตนเป็นอาณาจักรขึ้นมา อาณาจักรที่ว่านี้ จะเป็นล้านนา ล้านช้าง จะเป็นชนชาติขอม มอญ พม่า ก็สุดจะเดาได้

    บางสำนวนก็ว่า พระเกตุมาลาเห็นปาฏิหาริย์ของดาบสรีกัญไชยจึงได้ไปงมขึ้นมาใช้คู่พระวรกาย และสืบทอดมาจนถึงคนรุ่นหลัง กลายเป็นดาบคู่บ้านคู่เมือง เป็นเครื่องแสดงพระเกียรติยศ หรือที่เรียกว่าเครื่องราชกกุธภัณฑ์ในที่สุด

    ชาวล้านนามีความเชื่อสิ่งของศักดิ์สิทธิ์มาแต่อดีต ดังปรากฎในวรรณกรรมล้านนา หรือบทธัมม์คำสวดต่างๆ ซึ่งหลายๆ เรื่องก็มีการกล่าวถึงดาบสรีกัญไชย อาทิเช่น วรรณกรรมหงส์หิน มีบทกล่าวถึงของวิเศษคู่กายเจ้าหงส์หินตัวเอกของเรื่อง ซึ่งก็คือดาบสรีกัญไชยที่องค์อินทร์เจ้าฟ้าได้มอบให้ไว้ให้เป็นอาวุธคู่กาย คู่ชีวิต เมื่อครั้งเจ้าหงส์หินกราบทูลถามถึงมารดา และกราบลาเพื่อไปตามหา ดังกลอนตอนหนึ่งว่า

    “พระอินทร์เจ้าฟ้า ตอบถ้อยวาจี๋ กับหน่อภูมี โอรสลูกเต้า ว่าก๋ารตังไป พ่อบ่ขัดเจ้า จักปราบปารามนุษย์ ล้วนแต่ปิศา นานานาคครุฑ สัตว์หยาบกล้ากิ๋นคน ปีศาจร้าย ยักข์เย็นสับสน มนุษย์เมืองคน บ่เหมือนที่ห้อง แล้วเรียกเอาหิน มาสวาดมนต์ต้อง หื้อเป๋นหงส์ทองขี่ใช้ ต๋ามประสงค์ ด่านดงป่าไม้ จักขี่ข้ามสาคร บกและน้ำ คีรีเขาขอน หลอนจักไป ตางไกล๋ตางใกล้ กันขี่ยนต์หงส์ ที่เรามอบให้ กับกั๋ญไชยดีดาบทิพย์ เถิงจักขุญา ไกล๋ต๋าละลิบ ก็เหมือนหนึ่งใกล้ริมมือ กั๋ญไชยเหล้มนี้ หื้อเจ้าหยุบถือ อย่าหื้อพรากมือ คู่ชีวิตเจ้า”

    ในระบบความเชื่อเรื่องการเปลี่ยนศักราชล้านนา หรือที่ เรียกว่า วันมหาสงกรานต์ (วันสังขานต์ล่อง) ได้กล่าวถึงวันเปลี่ยนสักราชทั้งเจ็ดวัน โดยนางสังขารต์หรือนางสงกรานต์ประจำแต่ละวัน ตอนหนึ่งว่า

    “สังขานต์ไปวันอังคาร ทรงเครื่องประดับมีวัณณะดั่งแก้วปัพภา สุบกระจมและต่างกระจอนหูประดับด้วยแก้วปัพภา เนรมิตตนให้มีมือสี่เบื้อง มือซ้าย ขวากล้ำลุ่มพาดตัก มือขวาถือจักราวุธ มือซ้ายกล้ำบนถือหมากประคำ มือซ้ายถือกระออมแก้ว มือขวาถือสรีกัญไชย ยืนก้มเหนือหลังราชสีห์ ลุกหนอุตระไปสู่อาคเนย์ นางเทวดาตนนี้ชื่อว่า ‘มณฑา’ ดอกไม้อันเป็นนามปีมานอนอยู่ ถ้าดารับเอาสังขานต์ไปปีนั้นจะแล้ง กลียุคจักเกิดแก่คนทั้งหลาย ข้าว เกลือจักแพง”

    นอกจากนี้ยังมีวรรณกรรมล้านนา ทั้งในรูปของนิทาน ตำนาน และธัมม์ (พระธรรมเทศนา) อีกจำนวนมาก ที่เมื่อใดก็ตามที่กล่าวถึงอาวุธคู่กายของกษัตริย์ หรือผู้มีบุญญาธิการ ก็จะมีดาบสรีกัญไชยรวมอยู่ในอาวุธเหล่านั้นเสมอ

    (โปรดติดตามตอนต่อไป... )

    [​IMG]
     
  12. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    [​IMG]


    ตำนานดาบสรีกัญไชยกับพระขรรค์ไชยศรี

    ดาบสรีกัญไชยในส่วนที่เกี่ยวพันในแง่ของประวัติศาสตร์มีเล่าขานสืบทอดกันมานานตั้งแต่ยุคสมัยอยุธยากับแผ่นดินล้านนา เนื้อหารายละเอียดแตกต่างกันไปตามความเชื่อถือศรัทธาของผู้บันทึก แต่เนื้อหาหลักพอจะสรุปเป็นสังเขปได้ว่า

    ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้มีบุญญาธิการ ทรงแผ่พระราชอำนาจไปทั่วแคว้น พระองค์มีอาวุธวิเศษคู่พระวรกายคือ “พระขรรค์ไชยศรี” ยามเมื่ออกรบทัพจับศึกก็แสดงอานุภาพเอาชนะข้าศึกได้ทุกครั้งไป เป็นพระแสงดาบที่นอกจากจะเป็นอาวุธคู่พระวรกายแล้ว ยังเป็นขวัญกำลังใจให้กับเหล่าแม่ทัพนายกอง ทหารหาญทั้งหลายที่ร่วมทัพอีกด้วย

    ในขณะเดียวกันนั้น อาณาจักรทางล้านนาก็มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถเป็นอย่างยิ่งนามว่าพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้เปี่ยมด้วยเดชานุภาพทั้งในการรบ และการทำนุบำรุงบ้านเมือง พระศาสนาเป็นที่ร่ำลือไปทุกทิศ ยุคนั้นเป็นเสมือนยุคทองของเมืองเชียงใหม่ มีการขยายเขตแดนแสดงอานุภาพออกไปอย่างกว้างขวางเช่นเดียวกับพระบรมไตรโลกนาถของทางอยุธยา

    การแย่งชิงหัวเมืองที่เป็นยุทธศาสตร์ทั้งด้านการค้าและการสงคราม ถือเป็นภารกิจหนึ่งของพระมหากษัตริย์ในยุคนั้น ซึ่งหนึ่งในหัวเมืองที่เป็นที่หมายปองของอาณาจักรใหญ่ในย่านอุษาคเณย์ นี้ก็คือเมืองเชลียง ด้วยว่าเป็นหัวเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ การแย่งชิงครอบครองเมืองเชลียงจึงเป็นเหตุให้เกิดข้อพิพาทขึ้นระหว่างกรุงศรีอยุธยากับอาณาจักรล้านนา

    สองอาณาจักรยกทัพขึ้นประลองกำลังกันเป็นสามารถ อยุธยามีของวิเศษ คือ พระขรรค์ไชยศรี ส่วนพระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนาก็ทรงมีดาบวิเศษคู่พระวรกาย คือ ดาบสรีกัญไชย จึงมิได้เกรงกลัวต่อทัพกรุงศรีอยุธยาแต่อย่างใด ต่างก็ยกทัพเข้ารบพุ่งกันอยู่เนิ่นนานก็ไม่มีผู้ใดแพ้ชนะ ทำให้ขุนทหารทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก จนสุดท้ายก็ได้เลิกราทัพกลับไป ต่อมาเผ่าไทยทั้งสองหัวเมืองอ่อนแอลงเรื่อยๆ และเสียแก่พม่าทั้งสองอาณาจักรในที่สุด
     
  13. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    เรื่องดาบสรีกัญไชยของพระเจ้าติโลกราช มีข้อถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบันหลายกระแส บ้างเชื่อว่าพระเจ้าติโลกราชได้รับดาบอาญาสิทธิ์วิเศษนี้ตกทอดมาจากยุคพ่อขุนเม็งรายมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งนครเชียงใหม่ ดังปรากฎใน ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ หน้าที่ ๓๔ ว่า

    "เจ้ามังรายได้ยินคำลูกตนจากกลเสิก็ชู่อัน เจ้าค็ยินดีในคำอันนั้น จิ่งปลงปันแก้วแสงอันเปนมังคละชัยชนะสัตตรู กับเงินคำของรางวัลแก่ลูกตนมากนัก กับทังดาบสรีกัญชัยเถี่ยน ๑ อันเปนโปราณขัคคามังคละมาแต่เช่นลวจังกราชะมามีเตชะมากนัก คันเอาออกปัดเมื่อใด หัวใจริพลทังหลายฝูงเปนสุรโยธาหากบังเกิดสุรภาวะกล้าหานชู่ฅนด้วยอานุภาวะแห่งดาบเถี่ยนนั่นแล"

    แต่บางตำนานกล่าวว่า ขณะกองทัพอยุธยายกมาถึงนั้น ทางล้านนาทราบถึงความวิเศษของพระขรรค์ไชยศรี จึงประชุมเสนาอำมาตย์ราชครู ผู้มีความรู้มนตราอาถรรพ์ ประกอบพิธีจัดสร้างดาบสรีกัญไชยขึ้น เพื่อรับมือกับพระขรรค์ไชยศรีโดยเฉพาะ

    อีกตำนานหนึ่งกล่าวย้อนไปในอดีตกว่ายุคนั้นว่า ในสมัยที่อยุธยาขยายอาณาเขตเข้ามาสู่แผ่นดินล้านนา เมื่อทัพของอยุธยาได้มาตีเมืองต่างๆ ก็ไม่สามารถเอาชนะแย่งชิงได้สะดวก เนื่องว่าเหล่าทหารนักรบของล้านนานั้น มีคาถาอาคมที่แก่กล้า มีสุดยอดของขลัง อีกทั้งสักยันต์รูปรอยตามร่างกาย จึงทำให้ฟันแทงไม่เข้า ยากที่จะเอาชนะได้ เมื่อทองทัพของอยุธยาไม่สามารถที่จะแย่งชิงอาณาจักรล้านนาได้ จึงถอยทัพกลับไปยังเมืองของตน และได้ปรึกษาหารือกันว่า ทำอย่างไรจึงจะทำลายอาคมของเหล่านักรบของล้านนาได้ จึงได้ทำศาสตราวุธวิเศษขึ้น และให้ชื่อว่า “พระขรรค์ไชยศรี” ซึ่งได้ลงคาถาอาคมต่างๆ ตั้งแต่ขั้นตอนหล่อหลอมจนถึงกระทั่งตี และทำการลงอักขระปลุกเสกคาถาอาคมอีกมากมาย

    เมื่อได้ดาบวิเศษดังนี้แล้ว เมื่อทัพอยุธยายกขึ้นมาตีชิงหัวเมืองฝ่ายเหนือ ก็สามารถเอาชนะคาถาอาคมของเหล่าทหารล้านนาได้โดยง่าย

    เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว เหล่านักรบ ผู้เก่งกล้าทางอาคมและพระเกจิของอาณาจักรล้านนา จึงได้ปรึกษาหารือกันถึงสาเหตุที่พระเวทย์คาถาด้านอยู่ยงคงกระพันถึงได้พ่ายแพ้ต่อคมดาบของอยุธยา เมื่อส่งคนไปสืบก็ได้ทราบถึงอานุภาพของพระขรรค์ไชยศรี เหล่าปราชญ์ล้านนาจึงได้คิดหาทางแก้ โดยการสร้างศาสตราวุธโดยลงย้อนคาถากลับ เหมือนกับเป็นการย้อนเกล็ดปลา หรือเกล็ดชะมด เพราะเกล็ดก็เหมือนเกราะกำบัง เมื่อขูดเกล็ดย้อนกลับก็สามารถถอดเกล็ดปลาหรือเกล็ดชะมดได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้สร้างและตั้งชื่อดาบนั้นว่า “ดาบสรีกัญไชย” หรือ “พระศรีขรรค์ไชย” ตามสำเนียงภาคกลาง เป็นการย้อนเกล็ดตั้งชื่อกลับจาก "พระขรรค์ไชยศรี" นั่นเอง

    เมื่อกองทัพล้านนายกออกไปรับมือกับทัพอยุธยาด้วยดาบสรีกัญไชย ก็เสมือนคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ มีอาวุธที่ทัดเทียมกัน จึงสามารถป้องกันเขตขันธ์สีมา ไม่ให้ถูกยึดครองได้ ต่างฝ่ายต่างก็รบพุ่งเป็นสามารถแต่ไม่สามารถเอาชนะกันได้ จนเลิกราทัพกลับไป

    นี่คือตำนานอิงประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองและทัศนคติของผู้จารึก อย่างเช่นเกี่ยวกับประวัติของพระเจ้าติโลกราช หากอ่านตามตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ก็จะเห็นว่าพระเจ้าติโลกราช เป็นมหาราชผู้เกรียงไกร สืบทอดขัติยมานะ กษัตริยวงศ์มาจาก "วงศ์ลวะจักกะ" หรือ "ปู่เจ้าลาวจก" สืบทอดมายังกษัตริย์ล้านนาในราชวงศ์มังรายอาทิเช่น พระยามังราย พระยาชัยสงคราม พระยาแสนภู พระยาคำฟู พระยาผายู พระยาเจ็ดพันตู พระยามหาพรหม พระยาแสนเมืองมา พระยากือนา และ พระยาติโลกหรือ พระเจ้าติโลกราช

    แต่หากไปอ่านประวัติของพระเจ้าติโลกราชผ่านทางวรรณกรรมยุคกรุงศรีอยุธยาตอนต้นอย่าง “ลิลิตยวนพ่าย” ก็จะเห็นภาพพระเจ้าติโลกราช เป็นกษัตริย์ที่โหดร้าย เสียพระจริต ประหารชีวิตหนานบุญเรืองราชบุตร และหมื่นด้งนครเจ้าเมืองเชียงชื่น ซึ่งเป็นข้าราชบริพารให้เจ็บช้ำน้ำใจจนต้องไปพึ่งพระบรมโพธิสมภารของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถและขอกองทัพไปช่วยรบกับทัพเชียงใหม่

    และที่ไปไกลกว่านั้น ก็คือบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่า "ต่อมากองทัพหน้าเชียงใหม่ไปตีเมืองปากยม (พิจิตร) จับเจ้าเมืองปากยมรูปงามได้ พระเจ้าติโลกราชทรงต้องพระทัย จะนำตัวไปยังเชียงใหม่ แต่ถูกทัดทานจากพระยายุทธิษเสฐียร (อดีตเจ้าเมืองพิษณุโลกที่มาสวามิภักดิ์) ว่า ถ้านำตัวเจ้าเมืองปากยมกลับเชียงใหม่ ให้ "ฆ่าข้าเสียเถอะ" พระเจ้าติโลกราชถนอมน้ำใจ จึงสั่งประหารชีวิตเจ้าเมืองปากยมผู้รูปงามเสีย ณ ที่นั้น” มีความเห็นจากนักวิชาการบางท่านว่า พระเจ้าติโลกราช มีลักษณะบางอย่างคล้ายคลึงพระเจ้าอเลกซานเดอร์มหาราช (ในภาพยนตร์) คือ มีความรักทั้งเพศหญิงและเพศชายนู่นเลย

    ตำนานมักจะเป็นเช่นนี้แล... เมื่อได้ฟังจากหลายแหล่ง จากผู้เล่าแตกต่างเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ กัน ก็มักจะได้เนื้อหาที่แตกต่างหลากหลาย เพราะผู้รจนาตำนานเหล่านี้ในอดีต ต่างปรารถนาจะสรรเสริญชนเผ่าของตนนั่นเอง แต่ไม่ว่าจะเป็นตำนานฉบับไหนก็ตาม ล้วนมีความเชื่อตรงกันว่า ดาบสรีกัญไชย เป็นดาบที่ทรงอิทธิฤทธิ์ เป็นดาบวิเศษที่องค์เทพเทวา ท่านประธานให้ผู้มีบุญ เป็นของสูง เป็นเครื่องแสดงบุญาธิการ มีอิทธิฤทธิ์ในการปราบเหล่าร้ายศัตรู สามารถป้องกันภูมิผีปีศาจ ป้องกันอาถรรพ์ ป้องกันภัย ชนะข้าศึกหมู่มาร หรือทำให้เกิดโชคลาภที่ดีได้ พึงมีไว้กราบไหว้ ให้เกิดเป็นมงคลแก่ผู้สักการบูชา เป็นต้น

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2010
  14. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    ประวัติของพระเจ้าติโลกราชสนุกมากครับ...
    ท่านที่สนใจผมแนะนำให้เริ่มอ่านที่เล่มนี้เลยครับ

    [​IMG]
     
  15. กริด99

    กริด99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    754
    ค่าพลัง:
    +558

    ขอบคุณมากครับคุณไก่ จะรอตามอ่านนะครับ

    คุณไก่มาโพสดึกจังครับ รักษาสุขภาพด้วยครับ
     
  16. siwarit

    siwarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +6,173
    สวัสดีครับคุณธีระยุทธ

    คุณหนุ่มทิพย์ฝากความคิดถึงมาให้นะครับ รีบ ๆ แวะไปนะครับ รูปหล่อบูชารุ่นแรกที่กำลังจะสร้างจะปิดจองวันจันทร์หน้าแล้วครับ
     
  17. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804

    ขอบคุณที่เป็นห่วงครับคุณกฤษณ์

    กลับจากที่ทำงานแล้วมานั่งเขียนอ่ะครับ...
    เงียบๆ ดี สมองปลอดโปร่ง ลื่นดีครับ
    อาศัยว่าช่วงนี้เข้าออฟฟิศสาย... เพราะจะมีงานช่วงเย็นๆ
    ก็เลยนอนดึกได้บ้างครับ...

    นี่ยังมาไม่ถึงครึ่งทางเลยครับ... ต้องค่อยๆ ว่ากันต่อไป

    ธีระยุทธ
     
  18. siwarit

    siwarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +6,173
    ยังไม่ถึงครึ่งทาง แวะจิบน้ำชากันก่อนนะครับ
    เรื่องเย็น ๆ แบบนี้ รอฟังไม่มีเบื่อครับ
     
  19. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    [​IMG]


    ธัมม์มหาเวสสันดรชาดก ฉบับวิงวอนหลวง (ล้านนา) มีกล่าวถึงดาบสรีกัญไชย ไว้หลายบทหลายตอน อาทิเช่น ในตอนที่พระเวสสันดร จำเป็นต้องจากบ้านเมืองมาบำเพ็ญพรตเป็นฤาษีอยู่ในป่า เมื่อเดินทางมาพบกัยอาศรมที่พระวิสุกัมม์เทวบุตร เนรมิตขึ้นถวายตามบัญชาของพระอินทร์ พร้อมเขียนจดหมายถวายอาศรมนี้แก่ผู้ปรารถนาจะบวชบำเพ็ญเพียรเป็นนักพรตฤาษี พระเวสสันดรเห็นดั่งนั้น จึงได้;

    “...ก็เล็งหันลายสืออันวิสุกัมม์เขียนไว้ ท้าวไธ้ลวดยินดี ว่ากูนี้มาอยู่ป่า อินทาเจ้าฟ้าหากรู้ทัน ท้าวจักหันกูจักทุกข์ยาก ลำบากทางภาวนา จิ่งหื้อวิสุกัมม์มาแปงแต่ง ยังห้องแห่งปัณณศาลา เพิงมีชะแล ฯ ว่าอั้นแล้ว เจ้าก็วางสรีกัญไชยและธนูแก้ว แล้วก็แก้ผ้าขาวไว้ นุ่งผ้าเปลือกไม้พาดหนังเสือ ขอดชะฎาไว้เหนือเกศเกล้า นุ่งเพศเป็นเจ้าตาปสาระสี มีมือถือไม้เท้า เจ้าก็ออกมาจากศาลา เทียวไปมาในจงกมแล้ว ก็ออกมาสู่ลูกแก้วและราชะมัทที ร่ำงับอินทรีย์บ่เศร้า เป็นดั่งพระปัจเจกพุทธเจ้าตนบุญ นั้นแลฯ”

    เมื่อครั้งที่พราหมณ์เฒ่าชูชก ได้กราบขอประทาน พระโอรส-ธิดา เจ้ากัญหาและชาลี จากพระเวสสันดรแล้ว จะได้นำตัวหน่อเจ้าฟ้าทั้งสองพระองค์กลับไป พระโอรสธิดาขัดขืน พราหมณ์เฒ่าจึงฉวยไม้ขึ้นทุบตีเจ้ากัญหาและชาลีต่อหน้าพระพักตร์ของพระเวสสันดร เป็นเหตุให้ทรงขุ่นเคืองพระราชหฤทัยจนอยากจะบั่นคอพรามห์เฒ่า ดังบทกลอนที่ว่า

    “...เมื่อนั้น ความตริวิตก ก็เกิดมีแก่พระมหาสัตว์เจ้า อันรักลูกเต้าท่านหันผลาญ พระภูบาลจิ่งฅนิงใจเล่าว่า พราหมณ์กระทำแก่ลูกเต้ากูเหลือใจ กูบ่อาจธำรงตนอยู่ได้ ร้อนวู่ไหม้หัวใจกู มากูจักไปตามพราหมณ์ผู้นี้ แล้วข้าหื้อตายหงายไว้แล้ว เอาลูกแก้วพ่อฅืนมาเทอะคาฯ กูจักถือเอากงธนูข้างก้ำซ้าย ฅะฅ้ายวาดยิงพราหณ์ จักถอดเอาสรีกัญไชยงามเถี่ยนกล้า ไปไล่ข้าหื้อพราหมณ์ตายและคา ฯ มันมาขอเอาดายบ่ได้ซื้อ กูหากหื้อด้วยง่ายปันดี มันพ้อยมาตีลูกกูต่อหน้า โอ๋ยนอ….. อิ่นดูลูกแก้งพ่อถนัดใจ เช่นและนาฯ”

    และในท้ายที่สุด ในกัณฑ์ที่ ๑๓ (นครกัณฑ์) เมื่อพระเวสสันดรและพระนางมัทรี จะได้เสด็จนิวัติพระนคร ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของบรรดาเสนาข้าอำมาตย์และไพร่ฟ้าชาวเมือง เมื่อพระเวสสันดรได้สระสรงองค์ลาเพศฤาษีแล้วก็ทรง

    “... พระยาเวสสันตระนรินทร์ ได้ยินข่าวสารเรียงราบ ชาวเมืองมากราบนิมนต์ ก็ชำระตนผ่านเผ้า ละเครื่องเจ้าระสี ทรงเพศดีชื่นย้าว เข้าเครื่องท้าวลวดดูงาม เสนาหลามไหลหลาก ชุด้าวคั่งกันมา หมู่พราหมณามวลมาก พร้อมทุกปากถวายพร ตุริยนนตรีดังซะซ้าว ผับด่านด้าวปูนฟัง เสียงดังครางเกิดก้อง ดั่งเมฆร้องที่สาคร นายกุญชรผ่านแผ้ว ประดับช้างแก้วเรียงราย นำมาถวายบาทไธ้ ที่จิ่มใกล้พระนรินทร์ พระภูมินทร์เลิศแล้ว สะพายดาบด้ามแก้วสรีกัญไชย รังษีใสหลายสิ่ง เป็นเจ้ายิ่งสามานย์ ขึ้นนั่งช้างสารตัวองอาจ กระพุ่มฉัตร์ดาดมุงบน อันว่าตนอามาตย์หกหมื่น หน้าช้อยชื่นชุฅน สหชาตาอันเกิดมากับตนพระบาท เข้าเครื่องอาจดูฅาน เป็นปริวารแวดล้อม อ้อมตีนช้างทุกพาย นางสรีวิกัญญา พร้อมทุกภาคนานา ชวนกันมาชุด้าว ทังลูกท้าวและพระยา นายเสนาและอามาตย์ ประชานราษฏร์เศรษฐี ก็นิมนต์มัททีสรีหนุ่มเหน้า อาราธนาเจ้าสิกลง แล้วสรงเกล้าเกษ อันว่าราชาภิเสกเบิกบายสรี หดหล่อดีเลิศแล้ว ควรเป็นนางแก้วเทียมเมือง และนาฯ”

    ธัมม์มหาเวสสันดรชาดก ฉบับวิงวอนหลวง (ล้านนา) ในส่วนที่กล่าวถึงดาบสรีกัญไชย ยังมีอีกมาก แต่ขอนำเสนอเพียงสังเขปไว้เท่านี้ ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า ดาบสรีกัญไชย เป็นทั้งอาวุธคู่พระวรกายของเชื้อกษัตริย์ และยังเป็นเครื่องประกอบพระยศขององค์พระเวสสันดรอีกด้วย


     
  20. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    หมายเหตุ:

    บทคร่าว บทซอต่างๆ ที่ผมยกมาจากวรรณกรรมล้านนา
    ถึงแม้จะประพันธ์ด้วยภาษาล้านนา (โบราณ)
    แต่หากพิจารณาจากบริบทแล้ว ก็น่าจะพอเข้าใจได้...
    ผมจึงขออนุญาตไม่เรียบเรียงใหม่ เป็นภาษาไทยกลาง
    เพื่อคงอรรถรส และความงดงามตามรากเหง้าของภาษาไว้ดั่งเดิม

    ธีระยุทธ
     

แชร์หน้านี้

Loading...