ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

เรื่องบทความของหลวงปู่ดูลย์ ผมก็อาศัยท่องเน็ทไปเจอเหมือนกันกับคุณชยุตนั้น
แหละครับ วิธีแสวงหาความรู้ของผม กับ ของคุณชยุตเหมือนกัน หากจะตำหนิ
ก็คงต้องรับ

แล้วผมมาเสนออะไร ก็ต้องบอกว่า มาเสนอประเด็นที่ว่า เราสามารถแสวงหาความ
รู้อันเลิศได้โดยไม่พ้นไปจาก คนในบวรพระพุทธศาสนาและอยู่ที่สุรินทร์นี่เอง ไม่ต้อง
ถ่อไปดาวนาเม๊ก ซึ่งเป็นประเด็นเห็นแย้งเล็กๆน้อย ที่ขอฝากไว้

* * * *

สำหรับเรื่อง Agora อันนี้ ก็มันส์ดี แสดงถึงการแสวงหาความรู้ ของผู้หญิง
คนหนึ่ง ที่กวาดตำราที่บรรพบุรุษนิสัยดีแบบคุณชยุตเขาขนมาเก็บไว้ที่ บาบิโลน
ทิ้งหมด แล้ว คิดใหม่ หยั่งรู้ เข้าไปใหม่ แล้วสร้างสมมติฐานว่า โลกและดวง
ดาวมีรูปทรง ตลอดจนเคลื่อนที่ด้วยรูปทรงอันเกิดจาก จุดรักษาระยะห่างสองจุด
(ขั้วแม่เหล็กสองขั้ว) ซึ่งผลลัพธ์นั้นไม่ใช่ รูปทรงกลมสมบูรณ์ แต่มันคือ วงรี
[ สมัยนั้น เขาไม่รู้จัก แม่เหล็ก ยังคิดว่า โลกแบน และหากเดินตกขอบก็จะ
ตกโลก แต่เรื่องแนวคิดเรื่อง แม่เหล็กนั้น ตอนเปิดเรื่อง เขาก็เกริ่นไว้แล้ว ]

นี่ถ้า แม่หญิงท่านนั้น เอาแต่อาศัยเชื่อตำราที่เก็บไว้ใน บาบิโลน อย่างเดียว
ไม่ประพฤติปฏิบัติทำสมาธิหยั่งรู้เนืองๆ ก็คงไม่สามารถแจกแจงข้อสันนิฐานที่
ถูกพิสจน์ได้ว่าจริงหลังจากนั้นอีกตั้งเกือบพันปี

ถามว่า แม่หญิงท่านนั้น มีความรู้ขนาดนั้น ต้องตายด้วยอะไร ก็ตายด้วย
ศาสนาที่เชื่อในพระเจ้าปรักปรำเอาว่าเป็นแม่มด แล้วนี่จะยังคิดว่าศาสนาที่
เชื่อพระเจ้าเหล่านั้นสร้างสรรสิ่งดีๆให้กับโลกได้แท้จริงอีกหรือ

ระวังหน่อยนะ พ่อมดชยุต

 

แหะ แหะ ยังไงก็ขออภัยคุณ ชยุตด้วย ที่เข้ามาเสนอประเด็นเรื่อง

"เราแสวงหาความรู้ที่ฟรั่งเองก็ยังคิดไม่ถึงได้จากคนไทยในอีสาน"

แต่ทว่า ด้วยอุปนิสัยเจ้าสำนวน มือกับความคิดมันเลยสะบัดไปบาง
ทีก็ออกแนวเฉือนๆ ก็ขออภัยด้วยที่ผมยังพลั้งเผลอตามประสาคน
เดินตามมหาโพธิสัตวชะยุตตโต เนาะ

ไม่กวนแล้ว เดี๋ยวโดนแฟนคุณชะยุตรุมตื้บ หนีดีกว่า

[ <--- โจรขโมยความหมอง ]

 

ขอโทษนะคะ ต้องออกงานซะหน่อย นึกถึงภาพคุณชยุตนั่งหามรุ่งหามค่ำ แปลข้อความเป็นวิทยาทานมาหลายปีดีดัก แล้วมาเจอ..แบบนี้ ไม่อยากให้ท้อค่ะ เพราะว่าบางสิ่งบางอย่างเราถูกกระตุ้นขึ้นมาได้ก็เพราะคุณชยุตช่วยอนุเคราะห์แปลมาให้ บางส่ิงก็ถูกใจบ้าง ไม่บ้างก็ขึ้นอยู่กับภาวะจิตของแต่ละคนไป แต่ที่สำคัญความตั้งใจต่างหากที่เน้นให้เห็นถึงความดีและเมตตาที่คุณชยุตมีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

ท่าทางคุณเล่าปังจะหลงทางมาผิดห้องนะคะ ถ้าแฟนพันธ์แท้จริงๆ คงจะเข้าใจว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องอะไร เป็นหรือทำอะไร นี่ไม่แท้จริง อาการก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ สาธุด้วยค่ะสำหรับข้อความคิด และก็ขอให้ปฎิบัติได้บรรลุได้จริงๆนะคะ ถ้าคุณเข้าใจในจิตของแท้จริงของตัวคุณเองได้แล้ว เน้นค่ะตัวเองจริงๆไม่ใช่ตัวปลอม คุณก็คงไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายในนี้หรอกค่ะ คงได้แต่นั่งอ่านและพิจารณา ใช่ก็ดี ไม่ใช่ก็วางเฉย จุดหมายปลายทางก็คงที่เดียวกันแหละค่ะแต่อยู่ที่ว่า ใครจะอยากไปซ้าย ก่อน ขวาก่อน ขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละคน อย่าทำให้คนอื่นเสียกำลังใจไปเพราะว่าไม่เดินเส้นเดียวกับคุณ มันบาปทางใจนะคะ ท่านเล่าปัง!!

 

ไม่มีอะไรต้องกังวลกระมังครับ

ผม กะ คุณ ชะยุต ปะทะกันแรงกว่านี้ ก็เคยมาแล้ว

คนเคยค้า ม้าเคยขี่ ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ผมจะไปทำให้
เขา เสียกำลังใจ ดีไม่ไม่ดี คุณชะยุตเขามั่นใจกว่าเก่า
เสียด้วยซ้ำ ....เป็นไปได้ไหม.....คนธรรมดาอาจเห็นว่า
เป็นไปไม่ได้...แต่คุณชะยุตนี่เขาปรารภออกบ่อยว่าจะเป็น
โพธิสัตว์ เรื่องเหล่านี้เขามีแต่ขอบคุณกันครับ เชื่อ!ผมเปล่า?

 

การที่เราจะอ่านบทความใดๆน่ะ เราต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้

1. เข้าใจสารที่ได้รับ

2. เข้าใจพื้นฐานของคนที่ได้รับสาร

3. เข้าใจพื้นฐานของผู้ส่งสาร

4. เข้าใจจุดประสงค์ทั้งกุศโลบาย และ อกุศโลบาย

 

พวกต่างมิติก็บอกแล้วว่า การที่จะสื่อสารกับใคร เขาต้องดูพื้นฐานความคิดของผู้

รับสารนั้น และในเมื่อผู้รับสารมันมีแต่ชาวคริสต์ ก็จำเป็นต้องพูดถึงพระเจ้า(ซึ่ง

อาจจะมีจริงๆก็ได้ )


และตามที่ผมเคยบอก มนุษย์ต่างดาวที่ไม่ได้เกิดอยู่ในโซน ชมพูทวีป นั้น จะไม่ได้

พบเจอกับพระพุทธเจ้า เพราะมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ มีศีลธรรมเสมอกัน อายุเสมอ

กัน ผิวพรรณหน้าตาเหมือนกัน ดีชั่วพอๆกัน ตายแล้ว(ส่วนใหญ่)ไม่ต้องไป

อบาย จึงไม่สามารถจะชี้ผิดชี้ถูกให้เห็นธรรมได้ ไม่สามารถชี้ให้เห็นถึงความเบื่อ

หน่าย ที่จะเกิดแล้วตายๆ ได้ เพราะอย่างไรก็สบาย แต่สุดท้ายแล้วหากเขาทำ

กรรมหนัก หรือหมดบุญ ก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดในมิติต่ำๆ ได้ และย่อมได้รับทุกขเวทนา

แม้มันจะเป็นอีกล้านๆปีก็ตาม จะเห็นได้จากการนำเสนอเรื่องมิติ เขาบอกให้เรารู้

แค่ถึงมิติที่ 7 (อรูปพรหม) ซึ่งเหนือกว่านั้นไม่เคยมีหมู่ขณะ หรือญาติเขาเคยไป

ซึ่งก็คือ นิพพาน และทำให้เขาไม่รู้จักพระพุทธเจ้า


เราต้องเข้าใจพื้นฐานของผู้ส่งสารด้วยครับ

 

มนุษย์เราเนี่ย ถูกกีดกั้นออกจากกันด้วยความเชื่อทางภาษา

เช่น นาย C : คุณต้องส่งพลังงานความรัก นะถึงจะได้บุญ

นาย B : คุณต้องแผ่เมตตาสิ ถึงจะได้บุญ ถ้าคุณรักมากไปก็จะหลง

แต่แท้ที่จริง Love ในทางศาสนาคริสต์ ก็คือ Metta ในศาสนาพุทธนั่นล่ะ

 

ผมเชื่อว่าสัจธรรมมีหนึ่งเดียวครับ และทุกศาสนาสอนถูกหมด แต่จุดมุ่งหมายที่

จะไปต่างกัน ภพภูมิที่จะไปต่างกัน แนวทางจึงต่าง แต่สัจธรรมเหมือนกัน


แต่ตัวสำคัญที่ทำให้มันมีการแตกแยกทางความคิดของคนในโลกปัจจุบันเนี่ย

เกิดจาก

การแปลนามธรรมที่ได้รับจากการหยั่งรู้ให้เป็นภาษามนุษย์ นี่ล่ะครับ จึงทำให้สิ่งเดียวๆกัน เกิดเป็นความแตกต่าง


นี่ถ้าคนเราสื่อสารทางจิตกันได้ตั้งแต่เกิด คงจะได้รู้ว่าหลายๆอย่างมันคืออันเดียวกัน

แต่ภาษาเรียกต่างกัน

 

สมมตินะครับ หลังจากโลกแตกแล้ว ถ้าคนพุทธไปอยู่ดาวพุธ ถ้าคนคริสต์ไปอยู่ดาวอังคาร ถ้าคนอิสลามไปอยู่ดวงจันทร์


แล้วบรรพบุรุษก็ไปเขียนนิยายว่า พันล้านปีก่อนเราเเคยมีดวงดาวที่สวยงามที่ชื่อว่า

บรรพบุรุษพุทธ บอกว่า โลก

บรรพบุรุษคริสต์ บอกว่า เอิร์ธ

บรรพบุรุษอิสลาม บอกว่า ดุนยา

แล้วอีกพันล้านปีต่อมาทั้งสามดาวได้จัดประชุมร่วมกันครั้งแรกของระบบสุริยะ

พุทธก็บอกว่า โลกที่กูเคยไปอยู่น่ะสวยงามมากนะ

คริสต์ก็บอกว่า Earth ที่ ไอเคยไปอยู่น่ะ สวยกว่า โลกของยูอีก

อิสลามก็บอกว่า ไม่หรอก ทั้งสองดาวน่ะสวยสู้ ดุนยาไม่ได้

และตั้งแต่นั้นมา ก็เกิดสงครามในรบบสุริยะจักรวาลฉิบหายวายวอดกันไปไหมด


ทั้งที่จริงแล้วมันคือดาวดวงเดียวกันนั่นเอง....


เข้าใจที่ผมสื่อมั๊ยครับ

แล้วท่านจะมากระแนะกระแหน ทำไมว่า พรหม ต๊อกต๋อย ผมอยากจะทราบจริงๆเลยว่า

กัปป์หน้า เขายังจะเรียกศาสนาพุทธ โดยใช้คำว่าพุทธอีกหรือไม่

 

อนิจจา...ที่คุณยึดติดกันน่ะ เพราะโดนกับดักที่ชื่อว่า ภาษา แท้ๆ

 

และในขณะนี้ก็มี มนุษย์จากดาว Chayutt กำลังมาสื่อสารทางโทรจิต

ให้กับ มนุษย์ดาวพุธ มนุษย์ดวงจันทร์ และมนุษย์ดาวอังคาร

ได้ทราบว่า แท้ที่จริงแล้วพวกเจ้ามาจากดาวดวงเดียวกันชื่อ ไกอา


และแล้ว ดาว Chayutt ก็เลยถูก มนุษย์ทั้งสามดวงสงบศึกชั่วคราวเพื่อ

รวมหัวทำสงครามขับไล่ มนุษย์ดาว Chayutt ให้ออกจากระบบสุริยะไป

ในที่สุด 55555..........

(น่าสงสาร...หวังดีแต่ถูกมองว่าประสงค์ร้าย)

ปล. เดี๋ยวจะมีคนมาหาว่าผมบอกว่าทุกศาสนาคือศาสนาเดียวกันอีกหละ

 

มันยังมีข้อความจากต่างมิติที่น่าสนใจอยู่อีก
ที่ผมยังไม่ได้แปล เดี๋ยวพอแปลเสร็จก็จะเอามาโพสต์เพิ่มเติมให้นะครับ

แล้วก็..โอ้พระแม่เจ้า..ผมได้ไปเจอข้อความจากต่างมิติ
จากท่าน "เมตาตรอน" อีกนั่นแหละ จำนวนเกือบ 500 หน้ากระดาษ A4
เท่าที่ผมแปลและโพสต์ไปแล้วเพียง 2 ข้อความนั้น ก็เห็นว่าน่าสนใจพอดูอยู่

แต่นี่..เท่าที่ดูหัวข้อของเนื้อหา ซึ่งสื่อสารมาตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปัจจุบันแล้ว
จนต้องร้องออกมาว่า..โอ้พระแม่เจ้า..เลยทีเดียว

มันเป็นอะไรที่ "ดุ๊มอิ๊" ผมมากเลย
..เอ่อ..ดุ๊มอิ๊ นี่ภาษาเวียดนามแปลว่าถูกใจหนะนะครับ

เพราะว่า "เมตาฟิสิกส์" ล้วนๆ อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างเลย
แทบจะทุกเรื่องที่ผมยังคาใจอยากรู้อยู่..เพราะฉะนั้น

เดี๋ยวใครเป็นแฟนผม..ก็คงจะได้ทยอยอ่านกันในไม่ช้านี้แหละครับ
ส่วนใครที่ไม่ใช่แฟน..เป็นกิ๊กก็พอได้นะครับ..ถ้าไม่รังเกียจ

555

เอาหละครับ..อะไรที่ผ่านมา..มันก็เป็นเพียงแค่
การสนทนาธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้นเองแหละครับ
อย่าไปถือโทษโกรธใครเลยนะครับ..

เราเดินอยู่บนทางสายนี้แล้ว..อภัยทาน..คือทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทานทั้งปวง
ยิ่งกว่าธรรมทานอีกนะครับ..อันนี้ผมเอามาจากหนังสือของพระสังฆราชนะครับ
แต่จำชื่อหนังสือไม่ได้เท่านั้นเอง

และก็อย่างที่คุณเล่าปังว่านั่นแหละครับ..ผมไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอกครับ
เส้นทางเดินผมยังอีกไกลนัก..หลายอสงไขยกว่าจะถึงปลายทาง
ถ้าแค่นี้..ก็มีอันเป็นไปซะแล้ว..มันจะไปรอดได้อย่างไร

ขอกราบอนุโมทนากับ "คุณธรรม" ที่มีอยู่ในตัวตนของทุกๆท่านนะครับ
ผมไม่เชื่อเด็ดขาดว่า จะมีท่านใดที่จะไม่มี "คุณธรรม" เลย
เพราะแต่ละท่านก็อยู่บนเส้นทางแห่งการบำเพ็ญด้วยกันทั้งนั้น
บางท่านบารมีอาจจะสูงใหญ่เป็นภูเขาเหล่ากาแล้วก็ได้..

สาธุครับ



(ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตนะครับ..แต่จำไม่ได้ว่าเวปไหน)

..............................................................

 

รออ่านอยู่ทุกตอนนะครับ
ขอบคุณมากสำหรับการเสียสละเวลาแปล
ไม่ใช่เรื่องง่าย การที่คนๆ นึง จะเสียสละบางอย่าง
เพื่อส่วนรวม โดยเฉพาะการถอดความภาษา และต้องขัดเกลาอีก

ขออนุโมทนามากๆ ครับ
สำหรับโลกทัศน์และมุมมองที่กว้างกว่าเดิม
กว้างกว่าที่คนเราจะเดินไปถึงโดยลำพัง

 

ถึงจะเป็นลมร้ายก็ตามหรือลมดีก็ช่าง คิดเสียว่าสายลมพัดผ่านก็แล้วกัน วางเสียจะได้ไม่หนัก จิตที่ฝึกมาดีไม่มีสิ่งใดกระทบได้ อย่าหลงทางก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วละคุณชยุต

 

คิดว่าไม่สำคัญหรอกค่ะ ว่าคนเราจะคิดไปในแนวทางเดียวกันหรือไม่

แต่สิ่งสำคัญ คือสาระที่ผู้อ่านจะได้ประโยชน์ และนำไปคิด และไตร่ตรอง

เพื่อการนำไปใช้กับชีวิตปัจจุบัน นั่นต่างหาก

และคิดว่า กระทู้ของคุณชยุต ทำให้ผู้อ่านทั้งขาจร และขาประจำ

ล้วนตื่นขึ้นมา เพื่อที่จะวิวัฒน์ตัวเองไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และเน้นการ

อยู่ร่วมกันในสังคม แบบเมตตา และเอื้ออาทรกัน และสุดท้ายเพื่อ

การเกื้อกูลโลกใบนี้

 

*** สัจจะธรรม...หลักเดียวที่มั่นคง ****

ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน
ที่กล่าวมานี้ คือ แก่นสารแล้ว
สักวันหนึ่ง ท่านจะเข้าใจ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เห็นด้วยกับประเด็นที่ ZmarTAlkeR ว่ามา บางทีเราอาจจะพูดถึงสิ่งเดียวกันก็ได้ แต่แค่ภาษาต่างกัน

อย่าพิจารณาแต่ภาษาเลย แต่อยากให้พิจารณาว่าถ้าทำตามแล้วมีผลดีหรือผลเสีย เส้นทางอาจต่างแต่มันก็อาจนำไปสู่ปลายทางเดียวกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าพอใจทางไหน แค่เรื่องทางโลกเช่นบวกเลข บางคนใช้เครื่องคิดเลข บางคนคิดเลขในใจ บางคนใช้ลูกคิด แต่ไม่ว่าจะใช้อะไร สิ่งที่สำคัญคือว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร อย่าแต่มัวไปติเลยว่า เฮ้ย ใช้ลูกคิดทำไมใช้เครื่องคิดเลขดีกว่าเร็วดี

 

เราน่าจะมีความสุภาพในการพูดจาหรือออกความเห็นกันนะคะ

 

..........แรง......นะนี่

 

หลอดว่าแล้ว โดนมักเกิ้ลจับได้อีกแล้ว พวกนี้ไม่ค่อยเนียน
ว่าแต่ ท่านพ่อมด แม่มด สนใจเข้าร่วมเป็นผู้เสพความตายบ้างไหม
ดูลีลาแล้ว มีแววรุ่ง