ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    โจรสลัด ลิ้มโต๊ะเคี่ยม ไปเข้ากับโจรสลัดญี่ปุ่น

    วันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1578 (พ.ศ. ๒๑๒๑)

    หวังติ้งจี๋ ผู้ตรวจการ(ยังอยู่ในระหว่างโปรเบรชั่น)มณฑลกุ้ยโจว วงแหวนรอบเมืองหนานจิง บันทึกความจำเข้ามาว่า ได้ยินมาว่าในภูมิภาคเฉาโจว เจ้าโจรสลัดเร่ร่อน หลินเต้าเฉียน(ลิ้มโต๊ะเคี่ยม) ได้พยายามเชื่อมโยงเครือข่ายโจรสลัดเข้ากับพวกญี่ปุ่นในการเข้าปล้นในทะเลนอก.....
     
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ได้รับดวงตราพระราชลัญจกรจากราชสำนักจีน เพราะความดีความชอบในการปราบโจรสลัด

    วันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 1578 (พ.ศ. ๒๑๒๑)

    พระราชลัญจกร (ดวงตราประทับ) สำหรับพระมหากษัตริย์แห่งประเทศสยามได้ถูกแกะสลักขึ้นและส่งไปถวายยังพระราชสำนักสยาม

    คิดว่าด้วยความดีความชอบที่กองเรือเครื่องราชบรรณาการจากสยาม ได้ช่วยราชสำนักจีนในการป้องกันและปราบปรามกลุ่มโจรสลัด หลินเต้าเฉียน (ลิ้มโต๊ะเคี่ยม) เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ค.ศ. 1578 ทำให้ในอีกหนึ่งเดือนต่อมา ทางราชสำนักจีนจึงจัดทำตราพระราชลัญจกร (ดวงตราประทับ) ให้กับพระมหากษัตริย์แห่งประเทศสยามขึ้นใหม่ในทันที ทั้งๆที่ได้นำเสนอเรื่องขอดวงตราพระราชลัญจกรอันใหม่ทดแทนอันเก่าที่เสียหายในสงครามกับพม่า ซึ่งขอไปที่ราชสำนักจีนตั้งแต่ปีแรกแห่งรัชสมัยว่านลี่ ตอนนี้ก็กว่า 6 ปีแล้ว ทางราชสำนักจีนเพิ่งจะยอมทำดวงตราพระราชลัญจกรให้ใหม่ เพราะเหตุการณ์ช่วยปราบโจรสลัด หลินเต้าเฉียน (ลิ้มโต๊ะเคี่ยม) ในครั้งนี้นี่เอง
     
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สยามเป็นประเทศร่ำรวยภาษา ดังนั้น เรือบรรทุกเครื่องราชบรรณาการจากสยามประเทศ จะใช้ชื่อเรือว่า "อีกาดำ" ก็ดูไม่เหมาะสมกับฐานนะเรือที่บรรทุกเครื่องราชบรรณาการจากสยามประเทศไปยังราชอาณาจักรต้าหมิงนัก

    คิดชื่อให้สวยๆน่าจะเป็น "ปักษิณทมิฬ" ก็ได้นะคะ ชื่อแบบนี้จึงน่าจะเหมาะสมกับการเป็นเรือหลวงบรรทุกเครื่องราชบรรณาการแห่งสยามประเทศ
     
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434

    อ้างอิงข้อความนี้จากบทความตำนานศาสตราวุธ ตอนที่ 58 กองเรือโจรสลัด

    ധ??մͷ?́ > Writer > ?ӹҹȒʵÒǘ? > ?͹?ը 58 : ?ͧ?͢?Êő?#
     
  5. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    อาจจะเป็นเหยี่ยวดำได้ไม๊ครับ เหยี่ยวกับกาตัวมันขนาดใกล้เคียงกัน ยิ่งถ้าเขียน
    เป็นรูปหรือปักบนธงก็อาจจะแยกแยะลำบากว่าเป็นเหยี่ยวหรือเป็นกา แต่ที่แน่ๆ
    คงไม่ใช่อินทรีย์ ขอเสนอชื่อ เหยี่ยวราตรี อีกหนึ่งชื่อครับ 555
     
  6. ศรัทธา_พิสุทธิ์

    ศรัทธา_พิสุทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +205
    ไปร่วมพิธีด้วยไม่ได้ค่ะ ขอโทษคุณโมเยด้วยนะคะ และขอฝากเงินมาทำบุญ
    ด้วย 500 บาทค่ะ
     
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    น่าเสียดายจังค่ะ จะได้เจอกันนะคะ พี่ศรัทธา_พิสุทธ์

    ทางสายธาตุเดินทางไปพร้อมเพื่อนอีกหนึ่งคน จะถึงประมาณ 05:50 น.เช้าวันเสาร์ที่ 10 ไปที่ท่ารถในอาเขต เดี๋ยวนี้สบายโทรจองตั๋วได้รหัสจองมา ก็ไปจ่ายเงินที่เซเว่น สาขาไหนก็ได้ เก็บใบเสร็จเซเว่นไปขึ้นรถในวันเดินทางได้เลย สะดวกมากๆ
     
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เหยี่ยวดำก็น่าฟังค่ะ แต่เหยี่ยวราตรี (555 ไม่ใช่มั้งพี่) พี่จงรักภักดีทำให้เกิดจินตนาการกว้างออกไปอีก เป็นไปได้ไหมคะว่า คนจีนเห็นสัตว์ที่เหมือนนกบนธง ก็เรียกว่าอีกาหมด เพราะคงเป็นธงสีพื้นมีสัญญลักษณ์เหมือนนกอยู่ตรงกลางมีสีดำ คนจีนจึงบันทึกว่า the "black-crow" ships

    อีกอันหนึ่งคิดออก เป็นสัตว์มงคลของสยามประเทศก็คือ ครุฑ ค่ะ ดูจากพระครุฑพ่าห์จากรูปนะคะ คนต่างชาติดูไม่ออกก็ต้องเรียกว่านก พอเห็นเป็นสีดำก็เป็นนกอีกา 555

    [​IMG]

    คติไทยถือ ครุฑ เป็นพญาแห่งนก กำเนิดเป็นเทพองค์หนึ่งที่ทรง มหิทธานุภาพยิ่ง แต่ยอมเป็นเทพพาหนะให้พระนารายณ์ ได้รับประทานพรให้เป็นอมตะ มีรูปเป็นครึ่งนกอินทรีย์ ขนาดใหญ่ อานุภาพมากมาย พละกำลังมหาศาล แข็งแรง บินได้รวดเร็ว ทั้งสติปัญญายังเฉียบแหลม เฉลียวฉลาด อ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะ น่าสรรเสริญ ด้วยฤทธานุภาพและเทพสมบัติดังนี้ ครุฑจึงมาเป็นตราประจำแผ่นดิน

    หลักฐานทางประวัติศาสตร์บอกกล่าวว่าอันสยามนามประเทืองว่าเมืองไทยนี้ นำครุฑมาใช้เป็นตราประจำแผ่นดิน หรือพระราชลัญจกร ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา โดยนำแบบอย่างการใช้ตรามาจากประเทศจีน

    จดหมายเหตุลาลูแบร์บันทึกว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น พระมหากษัตริย์มีตราประจำพระองค์ ในจดหมายเหตุไม่ได้ระบุว่าตราเป็นรูปอะไร แต่สันนิษฐานได้ว่าน่าจะเป็น ตราครุฑพ่าห์ คือ รูปพระนารายณ์ทรงครุฑ ทั้งนี้เพื่อให้เข้ากับคตินิยมที่ถือเอาองค์พระมหากษัตริย์เป็นผู้มีบุญบารมีเทียบเท่าพระนารายณ์ผู้ทรงครุฑเป็นพาหนะ

    ต่อมาสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 2 โปรดเกล้าฯ ให้ใช้รูป ครุฑยุดนาค หรือ ครุฑจับนาค เป็นพระราชสัญลักษณ์แทนพระบรมภิไธย ฉิม ถึงรัชสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าฟ้ากรมนริศรานุวัตติวงศ์ทรงเขียนตราครุฑถวายใหม่ ไม่ต้องมีพระนารายณ์และยกนาคออกเสีย มือที่กางอยู่ก็ให้ฟ้อนรำตามแบบครุฑเขมร ดัดแปลงลายกนกเป็นเปลวไฟ


    มาสมัยรัชการที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้พระเทวาภินิมมิตต์ (ฉาย ภินิมมิตต์) เป็นผู้เขียนถวายโดยยังคงใช้ตราครุฑเพียงแต่เพิ่มพระปรมาภิไธยตามขอบพระราชลัญจกร และเปลี่ยนพระปรมาภิไธยที่ขอบพระราชลัญจกรให้ตรงตามรัชกาล และให้ยึดถือเป็นแบบอย่างต่อมาจนถึงปัจจุบัน

    ข้อสังเกตุ ถ้าใช้สัญญลักษณ์เป็นครุฑดำจริง เรือลำนี้ต้องมีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเสด็จด้วย ซึ่งคงยากที่จะแน่ชัดลงไปได้ว่า คำว่า"black-crow" จะหมายถึงครุฑดำจริงหรือไม่ค่ะ


    www.snr.ac.th/wita
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2010
  9. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ โมเย [​IMG]
    ได้วันเวลา แล้วค่ะ

    จะกำหนดให้มีพิธีถวายพระแสงของ้าว

    ในวันเสาร์ ที่ 10 กรกฎาคม 2553

    ในเวลา 09.19 น.



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ไปร่วมพิธีด้วยไม่ได้ค่ะ ขอโทษคุณโมเยด้วยนะคะ และขอฝากเงินมาทำบุญ
    ด้วย 500 บาทค่ะ<!-- google_ad_section_end -->

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ศรัทธา_พิสุทธิ์ [​IMG]
    ไปร่วมพิธีด้วยไม่ได้ค่ะ ขอโทษคุณโมเยด้วยนะคะ และขอฝากเงินมาทำบุญ
    ด้วย 500 บาทค่ะ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    น่าเสียดายจังค่ะ จะได้เจอกันนะคะ พี่ศรัทธา_พิสุทธ์

    ทางสายธาตุเดินทางไปพร้อมเพื่อนอีกหนึ่งคน จะถึงประมาณ 05:50 น.เช้าวันเสาร์ที่ 10 ไปที่ท่ารถในอาเขต เดี๋ยวนี้สบายโทรจองตั๋วได้รหัสจองมา ก็ไปจ่ายเงินที่เซเว่น สาขาไหนก็ได้ เก็บใบเสร็จเซเว่นไปขึ้นรถในวันเดินทางได้เลย สะดวกมากๆ<!-- google_ad_section_end -->


    ก็ถือโอกาสเชิญชวนกันนะครับ พิธีถวายพระแสงของ้าว ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ประดิษฐานอยู่ หน้ากองพันพัฒนา ที่ ๓
    อ.แม่ริม เชียงใหม่ ในวันเสาร์ที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๑๙ น.
     
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    กำเนิดธงสยาม ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

    เรื่องธงประจำพระองค์ทำให้เกิดสนใจขึ้นมา แต่ไม่ทราบว่าธงประจำพระองค์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นรูปใด ทีนี้ได้พบข้อมูลว่าธงสยามเพิ่งจะมีกำเนิดขึ้นมาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หลังจากสมเด็จพระนเรศวรสิ้นพระชนม์ไปแล้วกว่า 50 ปี ดังนั้น ดังนั้นกองเรือเครื่องราชบรรณาการในปี ค.ศ. 1578 (พ.ศ. ๒๑๒๑) the "black-crow" ships มีธงชนิดหนึ่งที่ยังไม่ใช่ธงสยามประเทศ และอาจเป็นธงประจำพระองค์ก็ได้ ถ้าใครมีข้อมูลเรื่องธงประจำพระองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ช่วยนำมาเผยแพร่ให้คนไทยชื่นชมเป็นขวัญตาหน่อยนะคะ

    (ปี พ.ศ. ๒๑๒๑ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมีพระชนมายุ ๒๓ พรรษา และเป็นปีที่ทรงลงเรือเร็วไล่ตามเรือพระยาจีนจันตุ ทรงพระแสงปืนยิงใส่เรือพระยาจีนจันตุอย่างกล้าหาญมาก ทำให้สมเด็จพระเอกาทศรถทรงเป็นห่วงพระเชษฐาจะไม่ปลอดภัยจึงทรงนำเรือเข้าขวางเรือของพระองค์ดำเพื่อป้องกันอันตรายให้พระเชษฐา)


    กำเนิดของธงสยาม

    [​IMG]

    ธงสีแดง ซึ่งใช้สำหรับเรือของสยาม
    (ไม่ใช่ธงชาติสยาม)
    โดยทั่วไปตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา​

    ประวัติศาสตร์การใช้ธงเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทย สามารถสืบได้ความแต่เพียงว่า ไทยได้ใช้ธงสีแดงเป็นเครื่องสำหรับเรือกำปั่นเดินทะเลทั่วไปมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และยังไม่ได้มีธงชาติไว้ใช้ดังที่เข้าใจในปัจจุบัน ในจดหมายเหตุต่างประเทศแห่งหนึ่งได้กล่าวว่า ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 2199 - พ.ศ. 2231) เรือค้าขายของฝรั่งเศสลำหนึ่งได้เดินทางมากรุงศรีอยุธยา เมื่อมาถึงที่ป้อมแห่งหนึ่งของไทย เรือฝรั่งเศสก็ชักธงชาติของตัวเองขึ้น ฝ่ายไทยยิงสลุตคำนับตามธรรมเนียม แต่เมื่อฝ่ายไทยชักธงขึ้นตอบบ้าง ฝ่ายฝรั่งเศสกลับไม่ยิงสลุตคำนับตอบ เพราะได้ชักเอาธงชาติฮอลันดา (เนเธอร์แลนด์) ขึ้นเหนือป้อมด้วยเหตุว่าไทยไม่มีธงชาติของตนใช้ (ขณะนั้นฝรั่งเศสกับฮอลันดาเป็นศัตรูกัน) ฝ่ายไทยได้แก้ไขปัญหาโดยชักผ้าสีแดงขึ้นแทนธงชาติฮอลันดา ฝรั่งเศสจึงยอมยิงสลุตคำนับตอบ เหตุการณ์ดังกล่าวจึงถือกันว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ธงชาติไทย

    ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งเรือหลวงและเรือค้าขายของเอกชนยังคงใช้ธงสีแดงล้วนเป็นเครื่องหมายเรือสยาม จึงได้มีการนำสัญลักษณ์ต่างๆ มาประดับบนธงพื้นสีแดงเพิ่มเติมเพื่อใช้เป็นธงสำหรับเรือหลวง ในกฎหมายธงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เพิ่มรูปจักรสีขาวลงในธงแดง สำหรับใช้เป็นธงของเรือหลวง ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์ทรงได้ช้างเผือกเอก 3 ช้าง ถือเป็นเกียรติยศยิ่งต่อแผ่นดิน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เพิ่มรูปช้างเข้าภายในวงจักรของเรือหลวงไว้ด้วย อันมีความหมายว่า "พระเจ้าแผ่นดินอันมีช้างเผือก" แต่ในพระอธิบายของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ มิได้กล่าวถึงเรื่องธงรูปจักรไว้ แต่กล่าวว่าเปลี่ยนแปลงจากธงแดงมาเป็นธงช้างเผือกในวงจักรในคราวเดียว

    ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประเทศไทยมีการทำสนธิสัญญากับชาติตะวันตกมากขึ้น อันเป็นผลต่อเนื่องจากการทำสนธิสัญญาเบาริ่งกับสหราชอาณาจักรใน พ.ศ. 2398 พระองค์จึงทรงมีพระราชดำริว่า สยามจำเป็นต้องมีธงชาติใช้ตามธรรมเนียมชาติตะวันตก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ธงพื้นสีแดงมีรูปช้างเผือกเปล่าอยู่ตรงกลางเป็นธงชาติสยาม เนื่องจากมีเหตุผลว่า ธงพื้นสีแดงที่เอกชนสยามใช้ทั่วไปไม่พอที่จะสามารถแยกแยะประเทศได้ในการติดต่อระหว่างประเทศ ธงนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ได้ทั่วไปทั้งเรือหลวงและเรือเอกชน แต่เรือหลวงนั้นทรงกำหนดให้ใช้ธงช้างเผือกเปล่าพื้นสีน้ำเงินชักขึ้นที่หัวเรือ เพื่อเป็นเครื่องหมายสำหรับแยกแยะว่าเป็นเรือหลวงด้วย ธงนี้มีชื่อว่า "ธงเกตุ" (ต่อมาได้วิวัฒนาการมาเป็นธงฉานของกองทัพเรือไทยในปัจจุบัน)

    กองเรือติดธงคงจะเป็นไปตามรูปนี้

    [​IMG]




     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210

    อนุโมทนา ค่ะ คุณพี่ ศรัทธา_พิสุทธ์

    เสียดายจังเลยนะคะ ที่ยังไม่มีโอกาส ได้พบคุณพี่

    ตอนนี้ต้องเตรียมกำลัง ให้พร้อม ในพิธี ถวายพระแสงของ้าวค่ะ
     
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พัฒนาการของธงชาติไทย

    พัฒนาการของธงชาติไทย

    [​IMG]
    ระยะเวลาการใช้ สมัยอยุธยา - พ.ศ. 2325(ธงเรือหลวง) สมัยอยุธยา - พ.ศ. 2398(ธงเรือเอกชน)
    การบังคับใช้ธง ใช้เป็นธรรมเนียมสืบมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

    [​IMG]
    ระยะเวลาการใช้ พ.ศ. 2325 - 2360
    การบังคับใช้ธง พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

    [​IMG]
    ระยะเวลาการใช้ พ.ศ. 2360 - 2398
    การบังคับใช้ธง พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

    [​IMG]
    ระยะเวลาการใช้ พ.ศ. 2398 - 2459
    การบังคับใช้ธง พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
    พระราชบัญญัติว่าด้วยแบบอย่างธงสยาม รศ. 110
    พระราชบัญญัติธง ร.ศ. 116
    พระราชบัญญัติธง ร.ศ. 118
    พระราชบัญญัติธง ร.ศ. 129

    [​IMG]
    ระยะเวลาการใช้ พ.ศ. 2459 - 2460
    การบังคับใช้ธง พระราชบัญญัติธง ร.ศ. 129 (ธงราชการ)
    พระบรมราชโองการ ประกาศเพิ่มเติมและแก้ไขพระราชบัญญัติธง ร.ศ. 129 พ.ศ. 2459

    [​IMG]
    ระยะเวลาการใช้ พ.ศ. 2459 - 2460
    การบังคับใช้ธง พระบรมราชโองการ ประกาศเพิ่มเติมและแก้ไขพระราชบัญญัติธง ร.ศ. 129
    พ.ศ.2459 (ในชื่อ "ธงค้าขาย")

    [​IMG]
    ระยะเวลาการใช้ พ.ศ. 2460 - ปัจจุบัน
    การบังคับใช้ธง พระราชบัญญัติแก้ไขพระราชบัญญัติธง พระพุทธศักราช 2460
    พระราชบัญญัติธง พ.ศ. 2479
    พระราชบัญญัติธง พ.ศ. 2522

    ในภาพยนต์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ใช้ธงช้างเผือกเป็นธงประจำทัพ ทางสายธาตุคิดว่าธงช้างเผือกเพิ่งจะมีขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์นี้เอง สมัยอยุธยาอาจจะใช้ธงสีต่างๆเพื่อบ่งบอกกองทัพย่อยมากกว่าธงช้างเผือก และธงประจำพระองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั้นยังไม่มีใครเคยมี

    หลังจากเล่าให้ท่านพระมหาฤทธิชัยฟังถึงความคิดของทางสายธาตุว่า ควรจะเป็นครุฑดำ แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีพื้นเป็นสีขาวหรือสีแดง พระมหาฯท่านให้ความเห็นว่าควรจะมีพื้นเป็นสีแดงมากกว่า เพราะสีขาวหมายถึงยอมแพ้ไม่น่าจะเอามาทำพื้นธง

    ดีใจกับน้องอ๊อฟด้วยค่ะที่ได้รับพระรูปเจ้าฟ้าสุทัศน์แล้ว

    ธงไตรรงค์ - บล๊อก - turtle - My space - Powered by UCenter Home
     
  13. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ธงประจำพระองค์กษัตริย์โบราณ จะใช้สัตว์ที่เป็นสัญญลักษณ์แห่งอำนาจของศรีลังกาเป็นรูปสิงห์ ดูจากกษัตริย์ศรีลังกา ในยุคสมัยที่ใกล้เคียงกับยุคสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    [​IMG]

    LANKALIBRARY FORUM &bull; View topic - Ancient flags of Sri Lanka
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • kandy-flag.jpg
      kandy-flag.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.2 KB
      เปิดดู:
      900
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    หาภาพวาดโบราณจากบันทึกจีนเผื่อว่าจะวาดรูปธงไว้บ้าง ไปเจอกระทู้ที่คนจีนคุยกัน


    [FONT=宋体]问个问题,张居正有几个儿子?女儿? ขอถาม1คำถามว่า ท่านจางจวีเจิ้งมีลูกชายกี่คน? มีลูกสาวหรือไม่ ?[/FONT]


    คำตอบที่ 8
    [FONT=宋体]咱们张大人就是生了六个儿子,一个女儿 [/FONT]​


    [FONT=宋体]儿子分别是:张敬修,张嗣修,张懋修,张简修,张允修,张静修 [/FONT]
    [FONT=宋体]女儿叫啥名儿?谁知道?[/FONT]

    [FONT=宋体]ท่านจางจวีเจิ้งมีบุตรชาย 6 คน บุตรสาว 1 คน [/FONT]
    [FONT=宋体]บุตรชายมีชื่อดังนี้ จาง จุ่น ชิว , จาง จื่อ ชิว , จาง ห่าว ชิว , จาง เจี่ยน ชิว , จาง หยุ่น ชิว , จาง จึ่น ชิว[/FONT]
    [FONT=宋体]บุตรสาวท่านนามว่าอะไร ใครรู้บ้าง [/FONT]




    [FONT=宋体]คำตอบที่ 19
    [FONT=宋体]张先生的女儿据说是美如天仙!嘿嘿,再一次有力证明了张先生是大帅哥[/FONT]​
    [/FONT]​

    [FONT=宋体]
    [FONT=宋体]ท่านจางจวีเจิ้งให้กำเนิดบุตรสาวหนึ่งคน ว่ากันว่า นางงามราวกับเทพธิดา สามารถพูดได้ว่าท่านจางจวีเจิ้งนั้นทั้งยศใหญ่และทั้งหล่อ[/FONT]​
    [/FONT]​





    [FONT=宋体]ความเห็นทางสายธาตุคิดว่าบุตรชายสองคนที่เดินทางมาเมืองหลวง คือบุตรชายคนที่ 5 และที่ 6 ซึ่งยังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน (ยังไม่ถึงอายุ 20 ปี) บุตรชายคนโตถึงคนที่ 4คงมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว ส่วนชื่อของบุตรสาวนั้นไม่มีการบันทึกไว้ (ทางสายธาตุคิดว่านะคะ จะถูกจะผิดยังไม่ทราบ คิดว่าคงหาได้จากบันทึกของฝ่ายในแห่งราชสำนักหมิง บันทึกรายนามกุลสตรีที่ได้รับพระบัญชาให้เชิญตัวเข้าฝึกอบรมมารยาทราชสำนัก เตรียมความพร้อมก่อนเข้าเฝ้าฮ่องเต้ในวันคัดเลือกพระสนม)[/FONT]




    [FONT=宋体]อ้างอิง กระทู้ถาม-ตอบเรื่องบุตรชาย บุตรสาวของท่านจางจวีเจิ้ง [/FONT]​


    http://tieba.baidu.com/f?z=603975391&ct=335544320&lm=0&sc=0&rn=30&tn=baiduPostBrowser&word=%D5%C5%BE%D3%D5%FD&pn=0
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2010
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    วันนี้ขอเสนอเพลงบรรเลงเปียโนในบทเพลงจีนยอดนิยมของเติ้งลี่จวินนะคะ ช่วงนี้ตกอยู่ในบรรยากาศจีน ฟังอารมณ์เพลงหวานๆนุ่มๆไพเราะๆด้วยกันนะคะ

    [MUSIC]http://www.naronk.org/smf/song/u1/4.asx[/MUSIC]​
     
  16. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
     
  17. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    อีกเล็กน้อยกับเติ้งลี่ จวิน

    ...เติ้ง ลี่ จวิน เป็นคนชอบประเทศไทยมาก ชอบเชียงใหม่ ชอบมาเที่ยว ทีนี้แกเป็นโรคหอบหืด วันนั้นอาการหอบเกิดกะทันหันและแรงมาก หายใจไม่ออก ก็เลยตายที่เชียงใหม่....
     
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    นึกถึงคืนที่ได้มีวาสนาเห็นดวงตาคู่หนึ่งที่งามสุดซึ้ง เป็นดวงตาที่โตมากและหางตาเฉียงขึ้นเล็กน้อย งามจนต้องตะลึงแล หาหมดแล้วทั้งสาวจีน สาวเกาหลี ก็ยังไม่ใช่ที่ต้องการ เพราะดวงตาดวงโตคู่นั้นของพระนาง สื่อความหมายทุกอย่างโดยไม่ต้องพูด พระนางทรงใช้ดวงตาสื่อความหมายมากขึ้นเมื่อต้องอพยพจากบ้านเกิดเมืองนอนมา พระนางทรงใช้ดวงตาคู่นี้สื่อความหมายทั้งในการตักเตือนคนหรือห้ามปรามการทะเลาะเบาะแว้งของคนในปกครอง(ทรงกวาดตามองเท่านั้นคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่เป็นต้องหยุดทุกราย) ทรงใช้ในการกล่าวคำอำลา ใช้ในการแสดงความรักและความห่วงใยอย่างสุดหัวใจ แม้แต่เพื่อแสดงออกถึงความยินดี และความเสียใจ ... เป็นดวงตาที่ยังหาต้นแบบไม่ได้เลยค่ะ ถ้าหาได้จะรบกวนพระมหาฤทธิชัยช่วยตกแต่งภาพให้ ... ตอนนี้ยังหาภาพอยู่ค่ะ

    ส่วนเรื่องธงประจำพระองค์ หาจากเวปต่างประเทศจากคำค้นหาว่า ancient royal flag ก็หาไปด้วยพร้อมๆกัน คงได้ก่อนเดินทางไปเชียงใหม่ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2010
  19. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210
    พระมหาฤทธิชัย กัลยาโน

    ทำพิธี บวงสรวงพระแสงของ้าว จำลอง


    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN2574.JPG
      DSCN2574.JPG
      ขนาดไฟล์:
      84.2 KB
      เปิดดู:
      429
    • DSCN2597.JPG
      DSCN2597.JPG
      ขนาดไฟล์:
      87.9 KB
      เปิดดู:
      467
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2010
  20. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210
    พระมหา ฤทธิชัย กัลยาโน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN2577.JPG
      DSCN2577.JPG
      ขนาดไฟล์:
      82.4 KB
      เปิดดู:
      75

แชร์หน้านี้

Loading...