::: วรวุฒิคุณอนุสรณ์ ประวัติและวัตถุมงคลหลวงปู่ครูบาอิน อินโท ครูบาฟ้าหลั่ง :::

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย wannabexcite, 19 มกราคม 2009.

  1. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    สวัสดีครับ...

    ผมไม่ค่อยได้เข้าไปที่วัดทุ่งปุย ด้วยเหตุว่า วัตถุมงคลของหลวงปู่ครูบาอินที่วัดทุ่งปุยไม่มีแล้ว
    จึงไม่ได้เข้าไปบูชาวัตถุมงคล เหมือนวัดฟ้าหลั่งกับวัดใหม่หนองหอย ที่พี่ๆ เพื่อนๆ ฝากบูชาอยู่เป็นประจำ
    แต่ครั้งใดที่ไปวัดใหม่หนองหอย ผมก็จะต้องผ่านวัดทุ่งปุยเสมอ เพราะผมชอบเข้าไปทางนี้
    แล้วไปเลี้ยวซ้ายผ่านวัดป่าลาน จะย่นระยะทางได้ดีกว่าไปยูเทิร์นหน้าวัดฟ้าหลั่ง แล้วเลี้ยวเข้าทางตลาดจันทร์ติ๊บ
    แต่เส้นทางนี้ ผมไม่ได้แนะนำคนใหม่ๆ เพราะถ้าไปครั้งแรกอาจจะงงได้

    เมื่อใช้เส้นทางนี้ ผ่านวัดทุ่งปุยก็ ยกมือไหว้เข้าไปทางวัดทุกครั้ง บางทีมีรถสวนก็จะใช้วิธีนึกกราบเอา
    เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ยวดยานพาหนะครับ... แฮะๆๆ

    อาทิตย์ก่อน ขับรถไปวัดใหม่หนองหอย เช่นเคย
    แต่พอดีเหลือบไปเห็น เหล็กเส้นโผล่พ้นแนวกำแพงวัดขึ้นมา เดาว่าน่าจะมีงานก่อสร้างอะไรแน่นอน
    ก็เลยตั้งใจว่าเดี๋ยวขากลับจะแวะมาถามไถ่ และจะได้กราบรูปเหมือนหลวงปู่ด้วย

    แต่ไหนๆ ก็เข้ามาแล้วก็เลยเอารูปมาฝากเล็กๆ น้อย
    เล่าด้วยภาพไปเลยละกันนะครับ...

    [​IMG]

    ขอเริ่มที่ภาพกุฏิหลังสุดท้าย ที่หลวงปู่ท่านได้พัก เรียกว่า "กุฏิวรวุฒิคุณ"
    สร้างตอนหลวงปู่อายุได้ ๑๐๐ ปี พอดี... ท่านอยู่ได้ไม่นาน ก็ละสังขารมรณภาพไป
    และหลังจากท่านมรณภาพแล้วก็ใช้กุฏินี้ ตั้งศพท่าน
    ปัจจุบันนี้ไม่ใครอยู่ครับ จะเปิดให้พระที่เดินทางมาแวะพักที่วัด ได้พักบ้างเป็นครั้งคราว

    [​IMG]


    ต่อด้วยศาลาการเปรียญของวัดท่งปุย
    สถานที่จัดพิธีมงคลหลายๆ อย่าง เช่นพิธีสืบชะตาหลวง เมื่อครั้งหลวงปู่อายุ ๑๐๐ ปี และ ๑๐๑ ปี
    จัดพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลหลายๆ รุ่น เช่น ไจยะเบงชร, พญาวัน, วัฒนมงคล ๑๐๐ ปี
    ด้านหลังศาลาการเปรียญเป็นห้องที่หลวงปู่เคยอยู่ ก่อนที่จะสร้างกุฏิข้างบน

    [​IMG]

    รูปนี้... เป็นรูปวิหาร ที่ได้รับการบูรณะใหม่ ตอนที่หลวงปู่ย้านกลับมาพำนักอยู่ที่วัดทุ่งปุย เมื่อปี ๒๕๔๓


    [​IMG]

    อุโบสถนี้ก็เช่นกันครับ ได้รับการบูรณะใหม่ ด้วยบารมีของหลวงปู่
    พร้อมๆ กับ วิหาร และองค์พระธาตุเจดีย์

    [​IMG]

    บริเวณนี้ คือรอบๆ กำแพงด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ยาวไปตามแนวจรดประตู
    ทางวัดทุ่งปุยกำลังก่อสร้างศาลาบาตร ตามแนวรอบกำแพงด้านนี้
    ท่านที่สนใจร่วมบุญก็ติดต่อที่วัดทุ่งปุยได้เลยครับ

    [​IMG]

    ศาลาหลังเล็กๆ นี้ เป็นที่เก็บรูปเหมือนหลวงปู่ อัฐิธาตุ และบางส่วนของเครื่องบริขาร

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    รูปเหมือนหลวงปู่ครับ... รูปหล่อนี้ แต่ก่อน เคยตั้งอยู่หน้าศพหลวงปู่
    หลังจากพระราชทานเลิงศพแล้ว จึงได้สร้างศาลานี้ขึ้นมา
    และตั้งรูปเหมือนท่านไว้ให้คนกราบไหว้สักการะ

    ส่วนที่อยู่ในผอบ ในตู้แก้วเล็กๆ ด้านหน้า เป็นอัฐิธาตุ

    ถ้ามองรูปสุดท้าย จะเห็นว่าทางด้านขวามือของเรา (ซ้ายมือของรูปหล่อหลวงปู่)
    จะมีสถูปเล็กๆ ตั้งอยู่.... ตรงนี้ครับ

    [​IMG]

    นี่คือ "กู่" ที่ใช้เก็บอัฐิของครูบาปัญญา ปญฺโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งปุย
    ครูบาปัญญา มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลวงปู่ครูบาอิน
    เมื่อหลวงปู่ครูบาอิน รับนิมนต์มาสร้างวัดฟ้าหลั่ง ท่านก็มอบวัดทุ่งปุยให้ครูบาปัญญาเป็นผู้ดูแล
    จนครูบาปัญญาท่านได้เป็นเจ้าอาวาสในที่สุด... จนกระทั่งท่านมรณะภาพไปเมื่อปี ๒๕๓๒
    พระอาจารย์พรชัย (พระครูป๋า) ก็รับตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อ...


    [​IMG]

    รูปของครูบาปัญญาครับ

    ผมไม่ทันได้กราบท่าน... แต่สอบถามจากชาวบ้านแถวนั้น
    ว่ากันว่า... ท่าน "เก่งเรื่องตะกรุด" ครับ...
    และตำราการสร้างตะกรุดก๋าสะท้อน... ตะกรุดโทน ตะกรุด ๑๐๘ ของท่าน
    ก็เป็นวิชาเดียวกับที่พ่อหนานจันทร์ ไจยสิทธิ์ ลูกผู้น้อง ผู้ทำหน้าที่ลงตะกรุดให้ครูบาอิน
    ได้รับการถ่ายทอดมาจากครูบาอาจารย์เดียวกัน ซึ่งก็คือ..... ครูบามหายศ
    ก่อนที่ครูบามหายศจะย้ายไปอยู่วัดท่าวังพร้าว ท่านก็เป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งปุยนี่เอง

    สรุปๆๆๆ... ครูบาอาจารย์เดียวกัน นั่นเองครับ

    ท่านพระครูป๋าเล่าว่า ท่านเรียนวิชาทำตะกรุด ลงยันต์ต่างๆ จากครูบาปัญญา
    หลังจากนั้น ท่านก็ไปเรียนวิชาจากครูบาต๋า วัดอุโบสถบ้านเหล่า ซึ่งเป็นหลานครูบาชุ่ม วัดวังมุย
    ปรากฎว่าวิชาการทำ "ตะกรุดกาสะท้อน" ของทั้งสองอาจารย์ "เหมือนกัน" โดยที่ท่านไม่รู้มาก่อน
    ถ้าจะสรุปแบบไล่ตามลำดับแล้ว... อาจจะกล่าวได้ว่า

    "ตำราการสร้างตะกรุดของครูบาชุ่ม.... เหมือนกับตำราของครูบามหายศ"

    คิดเอง สรุปเอง... แฮะๆๆ
    ใครมีความเห็นอื่นโปรดชี้แนะครับ...

    ธีระยุทธ
     
  2. กริด99

    กริด99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    754
    ค่าพลัง:
    +558
    สวัสดีครับคุณไก่

    ผมตามอ่านข้อมูลอยู่นะครับ

    ต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้ช่วยประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมแล้ว งานเยอะนะครับ
     
  3. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    สวัสดีครับคุณกฤษณ์

    ขอบพระคุณคุณกฤษณ์ ที่ติดตามกระทู้นี้อยู่เสมอ
    และขอขอบพระคุณเป็นพิเศษ สำหรับพระกริ่งและผ้ายันต์ที่กรุณาส่งมาให้
    ผมเลยอายเลย.... ตั้งใจว่าจะส่งพระไปให้คุณกฤษณ์ตั้งนานแล้ว
    แต่ก็ยังไม่ได้ส่งเสียที...

    ได้แต่รวมๆ กันใส่ถุงไว้

    คราวนี้คงได้ฤกษ์ส่งแล้วคับ

    แฮะๆๆ เรื่องประชาสัมพันธ์นี่ตามสะดวกเลยครับ
    อย่างผมบางวันก็งานเยอะจนไม่มีเวลาเข้ามาดูกระทู้
    ก็ทำไปตามหน้าบุญนะครับ...

    ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญอีกครั้งครับ

    ธีระยุทธ
     
  4. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    แวะมาเยี่ยมครับพี่ไก่ ได้ชมภาพวัดทุ่งปุยเหมือนได้ไปเองเลยครับ ^^
     
  5. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    ขอบพระคุณครับคุณบอยที่แวะมาเยี่ยม...
    ช่วงนี้ฤดูกาลบอลโลก...
    ยังไงก็พักผ่อนให้เพียงพอนะครับ

    ธีระยุทธ
     
  6. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    ปิดท้ายวันนี้....

    ผมได้อ่านข้อเขียนของคุณ vision ในเวปสวนขลัง เมื่อนานมาแล้ว
    และเคยตัดเอาส่วนต้นๆ มาโพสให้ชมแล้วบางส่วน


    วันนี้พอมีโอกาส เลยได้หยิบเอาข้อเขียนนี้แบบเต็มๆ มาจัดเรียงกันทั้งหมดอีกครั้ง
    ผมได้แก้ไขคำผิด เพิ่มเติมคำเชื่อม หัวประโยคท้ายประโยคเล็กน้อย
    ให้เนื้อหาอ่านง่ายและลื่นไหล "แต่ไม่ได้แก้ไขเนื้อหาหลักแต่อย่างใด"
    ผมได้เคยขออนุญาตปรับปรุง และเผยแพร่ข้อเขียนนี้กับคุณ vision

    ผ่านการคุยกันทางโทรศัพท์แล้ว
    ขออนุญาตคุณ vision ผ่านกระทู้นี้อีกครั้ง...

    เนื้อหาอ่านสนุกครับ... เพราะเขียนจากประสบการณ์ตรง
    ถ้าเป็นไปได้ จะขอนำไปลงเสริมในหนังสือประวัติของหลวงปู่ที่กำลังจัดทำอยู่
    ถือว่านี่เป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนนะครับ...

    ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของข้อเขียนอีกครั้งครับ

    ธีระยุทธ


    ==================================

    หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง-วัดทุ่งปุย ที่ผมได้รู้จัก
    โดย คุณ Vision

    เรื่องของหลวงปู่ครูบาอินผมจะเล่าจากประสบการณ์ที่ได้สัมผัสกับท่าน ส่วนเกี่ยวกับประวัติท่าน ผมเห็นมีผู้เขียนไว้อยู่ค่อนข้างละเอียดอยู่แล้ว จึงขอข้ามไป

    ผมรู้จักหลวงปู่ครูบาอินจากคุณลุงหมอสมสุข ท่านได้เล่าว่าท่านรู้จักหลวงปู่ครูบาอินในงานบุญที่พระธาตุดอยน้อยซึ่งลุงหมอได้ตามหลวงปู่พรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า ในงานดังกล่าวลุงหมอบอกว่าเห็นหลวงปู่หล้า หลวงปู่พรหมจักร หลวงปู่ครูบาสุรินทร์ ท่านได้ทักทายหลวงปู่อิน

    คุณลุงหมอพอเห็นอินทรีย์หลวงปู่อิน ก็รู้ว่าได้พบพระอริยะอีกองค์แล้ว เลยเข้าไปกราบเรียนถามว่าท่านอยู่วัดไหนหลวงปู่บอกว่าท่านอยู่วัดฟ้าหลั่ง

    พอเสร็จงานคุณลุงหมอก็ได้ตามไปที่วัดทันที หลวงปู่ครูบาอินท่านมีความเมตตาต่อคุณลุงหมอมากๆ ท่านจะเรียกลุงหมอสมสุขว่า “เปิ้นสมสุข” คุณลุงได้เรียนรู้ธรรมะอันเป็นทางจริงแท้จากหลวงปู่ และคุณลุงหมอท่านได้สร้างเหรียญชื่อว่า “รุ่นเราสู้” ซึ่งหลวงปู่ครูบาอินเป็นผู้ตั้งชื่อและได้สร้างพระปิดตาผสมเกศาหลวงปู่ ถวายให้กับหลวงปู่ครูบาอินอีกด้วย

    ในปี ๒๕๓๖ คุณลุงหมอสมสุขได้นิมนต์หลวงปู่ครูบาอินมาในงานพุทธาภิเษกที่บ้านคุณลุงหมอ ร่วมกับพระอริยเจ้าหลายรูป เช่น หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า, หลวงปู่ศรีนวล วัดเกวียนหัก, หลวงปู่เจ๊ก วัดระนาม, หลวงปู่สุภา วัดเขารัง, หลวงปู่แก้ว วัดโคกโดน, หลวงปู่ร่วง วัดศาลาโพธิ์, หลวงปู่พุฒ วัดเขาไม้แดง และอีกหลายรูป คุณลุงหมอเล่าให้ฟังว่าหลวงปู่ครูบาท่านเก่งธาตุลม คือเวลาท่านนั่งปรก ผิวท่านจะออกสีเขียว

    ผมได้ไปกราบท่านในปี ๒๕๓๙ พอผมไปถึง ท่านก็ถามผมว่ามาจากไหน ผมบอกว่ามาจากกรุงเทพฯ และเป็นลูกศิษย์คุณหมอสมสุข หลวงปู่พูดว่า “โยมเปิ้นสมสุข คิดถึง” ผมก็บอกว่าคุณลุงหมอฝากความคิดถึงมาด้วยครับ หลวงปู่ก็ยิ้มและบอกผมว่าไม่เจอกันนานพอดู

    หลวงปู่ท่านเมตตามาก ถามผมว่าจะเอาอะไร ผมบอกว่าจะมาขอข้อธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวัน หลวงปู่ได้เมตตาสอนผมว่าให้อยู่ในศีล ให้ทำกรรมดีและจะต้องเริ่มปฏิบัติ หลวงปู่บอกผมว่าสิ่งเดียวที่ผมจะเอาไปได้คือกุศลที่เราปฏิบัติตามแนวทางอนาปานสติ ซึ่งเป็นแนวทางอันจริงแท้ของพุทธเจ้าไม่มีทางอื่น ผมได้ถามหลวงปู่ว่าตอนนี้มีแนวทางในการปฎิบัติมากมายอันไหนใช่อันในไม่ใช่ หลวงปู่บอกว่าพวกนั้นไม่ใช่ทาง โยมหมอสมสุขได้สอนไว้แล้วไม่ใช่หรือ ผมก็ตอบว่า ใช่

    หลวงปู่บอกว่าเวลาเราละจากโลกเราจะไปสู่ที่เย็น ไม่ต้องไปที่ร้อน ใครทำใครก็จะได้ และบอกผมว่าจะต้องไปสอนลูกหลานให้เริ่มนะ

    หลวงปู่ได้เรียกผมเขาไปและได้เอาปากกาจุ่มน้ำมันหอมลงกระหม่อมให้ผม ผมได้ยินหลวงปู่สวดคาถาคือชินบัญชร พอลงเสร็จผมถามหลวงปู่ว่าหลวงปู่ลงอะไรให้ ท่านบอกว่าเป็นมงกุฎพระพุทธเจ้า ผมเห็นหลวงปู่เคี้ยวหมากก็เลยขอ หลวงปู่บอกว่ามันสกปรกนะ ผมบอกว่าอยากได้ ท่านก็หัวเราะและก็เคี้ยวอยู่สักพักก็ให้ผมยื่นมือมา ท่านก็คายให้ พอดีมีอาจารย์จากม.ช อยู่ด้วย อาจารย์จะมาทุกวัน ก็บอกผมว่าปกติท่านจะไม่ค่อยให้ใคร จะบ้วนลงกระโถน พวกญาติโยมจะมาเอาตอนท่านจำวัด อาจารย์ม.ชท่านเลยขอแบ่งผมไป ผมก็ไปลาหลวงปู่กลับกรุงเทพฯ

    ผมกลับมาก็มาเล่าให้คุณลุงหมอฟัง คุณลุงหมอบอกว่าที่หลวงปู่ลงกระหม่อมให้นะเป็นสิ่งที่ใช้ในการปฎิบัติเหมือนกับภาวนาครับ ให้ไปหมั่นทำแล้วจะเกิดสิ่งดีๆๆ

    ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๓๙ เพิ่งจะเริ่มเกิดวิกฤตเศรษฐกิจผมพาครอบครัวพี่สาวพี่เขยและหลานไปกราบหลวงปู่ที่วัด พี่สาวผมและพี่เขยเขาทำงานอยู่การบินไทย พวกแอร์และสจ๊วตเขานิยมไปซื้อบ้านและทำเป็นหมู่บ้านไว้ขาย ขณะพอดีเกิดปัญหาคือหมู่บ้านและที่ที่ไปซื้อเขามีปัญหา ไม่ทำต่อ พี่สาวผมหมดเงินไปร่วม ๒ ล้าน คือถูกโกง และยังมีปัญหาอีกคือเพื่อนได้ยืมเงินไปอีก ๕ แสนก็ไม่ยอมจ่ายคืน ผมจึงพาพี่มากราบหลวงปู่และได้เล่าให้หลวงปู่ฟัง

    หลวงปู่บอกกับพี่ผมว่า “เดี๋ยวมันก็มา ของของเรามันก็จะเป็นของเรา” พี่ผมและพี่เขยบอกว่าเสียดายและตอนนี้จะต้องใช้เงิน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรก็ได้แต่เล่าให้หลวงปู่ฟัง พี่ผมพอดีเตรียมผ้าไตรมาถวาย หลวงปู่ท่านก็รับและได้สวดมนต์ให้และยังลงกระหม่อมให้

    ระหว่างที่ลงพี่สาวและพี่เขย ในใจก็คิดขอให้หลวงปู่ช่วย ถ้าสำเร็จจะกลับมากราบหลวงปู่ พอลงเสร็จท่านก็พูดเป็นปริศนาไว้ว่า “เงินมันไปปิ๊ก” ผมและพี่สาวก็งง ภรรยาผมก็ถามหลวงปู่ว่าหมายถึงอะไร หลวงปู่ไม่ตอบท่านได้แจ่ยิ้มๆ

    ในวันนั้น ก่อนที่จะเข้าไปกราบหลวงปู่ผมได้ไปเช่าล็อกเกตพ่วงมากับตระกรุด ๖ ดอก ข้างหลังล็อกเก็ตเขียนว่า “ปลดหนี้” ก็นำมาให้หลวงปู่ประสิทธิ์ให้ หลวงปู่ก็ให้พรว่าขอให้มีโชคมีลาภ จากนั้นพวกผมก็ลากลับ

    หลังจากนั้นประมาณ ๗ วัน พี่สาวผมโทรมาบอกว่าเพื่อนนำเงิน ๕ แสนมาคืน พี่ผมเล่าให้ฟังว่า เพื่อนเขาบอกกับพี่สาวว่าอยู่ก็รู้สึกว่าจะต้องนำเงินที่ยืมจากพี่ผมไปเกือบ ๒ ปีมาคืน แล้วก็มาขอโทษพี่ผม

    และเรื่องที่น่าประหลาดคือบริษัทที่พี่สาวและพี่เขยไปซื้อที่ดิน ก็โทรมาบอกให้พี่ผมไปพบและบอกว่าจะคืนเงินทั้งหมดให้ภายใน ๓ เดือน

    พี่สาวบอกกับผมว่า วันพรุ่งนี้จะขึ้นไปกราบหลวงปู่ครูบาอินกะพี่เขย ตามที่ได้สัญญาไว้ พอไปถึงหลวงปู่จำผมได้ว่าผมเป็นลูกศิษย์อาหมอสมสุขก็ทักว่าสบายดีไหม พี่สาวผมและพี่เขยก็เข้าไปกราบ และเล่าให้หลวงปู่ฟังว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วมากราบหลวงปู่และขอพรในใจให้ช่วย ตอนนี้ได้ของคืนมาแล้ว หลวงปู่ก็ยิ้ม หลังจากนั้นพี่สาวก็ไปชวนพวกเพื่อนๆ การบินไทยไปกราบหลวงปู่เป็นจำนวนมาก และแม้หลวงปู่ย้ายไปวัดทุ่งปุย ก็ยังตามไปทำบุญกับหลวงปู่อยู่ไม่ได้ขาด

    ผมเองชอบซื้อยาคูลล์ไปถวายท่าน เพราะผมรู้จากเณรที่เฝ้าหลวงปู่อยู่ว่าหลวงปู่ชอบฉันยาคูลล์ และแตงโม ผมเลยจำไว้ เวลาผมไปเชียงใหม่ ทุกครั้งผมจะไปกราบหลวงปู่ครูบาอิน มีอยู่วันหนึ่งผมกับลูกน้องไปทำงานที่เชียงใหม่ ลูกน้องบอกว่าอยากจะไปไหว้พระ ผมก็เลยชวนไปกราบหลวงปู่ครูบาอิน ตอนนั้นเวลาประมาณ ๑๐ โมงเช้า ลูกน้องบอกว่าจะไปถวายเพลท่านด้วย แต่ผมบอกว่าอาจจะไปไม่ทันเพราะหลวงปู่จะพักผ่อนประมาณ ๑๑ โมง ผมเลยบอกว่าชื้อยาคูลล์ไปถวายดีกว่าเพราะหลวงปู่ชอบ และซื้อสังฆทานไปถวายท่านตอนบ่าย เพราะหลวงปู่จะพักผ่อนถึง ๔ โมง แต่ลูกน้องผมบอกว่า เขาอยากจะไปถวายเช้านี้ ให้เหยียบ ๑๖๐ เลย ผมก็บอกว่าลองดู วัดห่างจากตัวเมืองประมาณ ๔๐ กม. ผมบอกลูกน้องไปว่า ถ้าเราตั้งใจจริง ผมเชื่อว่าหลวงปู่จะต้องรอเรา

    พอผมไปถึงวัดเห็นกุฏิหลวงปู่ปิดและเณรบอกว่าหลวงปู่จำวัดแล้ว ผมก็เลยยกมือไหว้หลวงปู่หน้ากุฏิคิดในใจว่าผมตั้งใจเอายาคูลล์มาถวาย แต่มาไม่ทัน สักประมาณ ๓-๕ นาทีหลวงปู่ก็เปิดประตูและกวักมือเรียกผม ผมกับลูกน้องดีใจจนบอกไม่ถูกเข้าไปกราบเท้าหลวงปู่ครูบาอิน หลวงปู่ยังบอกว่าทำไมมาช้า ลูกน้องหันมามองผมอย่างงงๆ ว่าทำไมหลวงปู่ท่านถึงรู้ว่าเราจะมา

    ต่อไปจะพูดถึงตระกรุดกาสะท้อนจากประสบการณ์ที่ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่ครูบาอินท่านมอบให้ผมและเพื่อน

    ช่วงปี พ.ศ.๒๕๔๐ เป็นช่วงที่ทุกคนที่ทำงานต่างก็ประสบปัญหาจากวิกฤตต้มยำกุ้ง ผมและเพื่อนสนิทโดนเต็มๆ คือทุกคนในบริษัทต่างก็ใช้วิชามารเพื่อที่ตนเองจะได้อยู่ในบริษัทต่อไป ผมและเพื่อนโดนกลั่นแกล้งต่างๆ นาๆ ผมก็ไปหาคุณลุงหมอสมสุขท่านก็ให้ปัญญาและหลักคิดต่างๆ ทำให้ผมสามารถที่จะฟันฝ่าอุปสรรคมาได้

    ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เป็นญาติห่างๆ ของคุณลุงหมอ ค่อนข้างจะทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์วิกฤตนี้ ยังคิดยังกังวลใจอยู่มาก วันหนึ่งเขามาบอกกับผมว่าครูบาอาจารย์ทางเหนือจะทำตระกรุดอยู่ชนิดหนึ่งชื่อว่าตระกรุดกาสะท้อนเป็นตระกรุดที่อธิฐานและพกติดตัวถ้าคนคิดไม่ดีกับเรามันจะสะท้อนไปหาคนๆ นั้นเป็น ๑๐ เท่า เพื่อนผมฟังครั้งแรกก็งงๆ ก็เลยไปหาคุณลุงหมอสมสุขและถามท่าน ท่านบอกว่ามี แต่หาผู้ที่จะทำน้อยมาก หลวงปู่เราก็ละสังขารไปหมดแล้ว เพื่อนผมเลยถามว่าหลวงปู่ครูบาอินท่านทำได้ไหม คุณลุงหมอบอกว่าเออลืมไปเลย ท่านบอกว่าหลวงปู่ทำได้ แต่คุณลุงหมอบอกว่าให้ใช้ความดีงามและคุณธรรมของพุทธองค์สู้คนพาลดีกว่า คุณลุงหมอยังถามผมกลับมาอีกด้วย ว่าผมทำได้แล้วไม่ใช่หรือ ผมบอกว่าครับ แต่เพื่อนผมยังทำไม่ได้ เลยคิดจะไปขอตะกรุดกาสะท้อนจากหลวงปู่ครูบาอิน มาใช้ป้องกันคนคิดร้ายดีกว่า

    คุณลุงหมอท่านยังเตือนพวกเรามาด้วยว่า ตระกรุดกาสะท้อนถ้าใช่ในทางที่ดีก็จะดีแต่บางคนใช้ไปแกล้งคนอื่นเขามันจะบาป เรานั่งคุยกันสักพักก็ลากลับ ก่อนแยกกับเพื่อน เพื่อนผมถามว่า ผมมีทริปไปเชียงใหม่หรือเปล่า ถ้ามีเมื่อไหร่เขาจะตามไปด้วย ซึ่งก็หลังจากนั้นไม่นาน ผมและเพื่อนก็ได้ขึ้นไปเชียงใหม่สมความตั้งใจ

    เพื่อนเขาเตรียมแผ่นเงินไป ๔ แผ่น กะจะทำตระกรุด ๔ ดอก พอไปถึงก็ไปขอกับหลวงปู่ ท่านเหมือนรู้ท่านถามว่า จะเอาไปทำอะไร เพื่อนผมบอกว่าโดนคนเขาแกล้งจะให้ออกจากงาน กลัวตกงาน เลยมาขอหลวงปู่ทำตะกรุดให้

    หลวงปู่สอนเพื่อนผมเหมือนกับที่คุณลุงหมอสอนเลยว่า จะสู้กับคนพาลจะต้องเอาความดีงามและธรรมของพุทธองค์สู้ผมฟังถึงกับอึ้ง แต่เพื่อนผมก็เพียรขอหลวงปู่ลงตะกรุดให้จนได้ หลวงปู่อนุญาติให้ทำแค่สองดอกและให้มารับอีกเดือนหนึ่ง พอถึงเวลาผมไปแทนเพื่อนท่านก็เมตตามอบให้และยังกำชับผมให้บอกเพื่อนว่าให้ใช้ในทางที่ถูกและไม่ให้แขวนต่ำกว่าเอว ผมรับปากกับหลวงปู่แล้วก็กลับ
    พอกลับมาถึงกรุงเทพ ผมก็เอาตะกรุดมาให้เพื่อน โดยแบ่งกันคนละดอก ผมเอามาก็ไม่ได้แขวน แต่เพื่อนผมเขาแขวนแล้วก็อธิฐานว่าเขาไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนและไม่เคยกลั่นแกล้งใครขอให้คุณงามความดีที่เขาทำช่วยปกป้องเขาจากคนที่คิดไม่ดีกับเขาด้วยเถิด

    เพื่อนๆ ครับมันเหลือเชื่อจริงๆ เจ้านายที่คิดจะเอาเขาออกอยู่ๆ เป็นโรคประหลาดต้องพักรักษาตัวจนต้องออกจากงาน แต่เพื่อนผมอยู่รอดปลอดภัยในที่ทำงานไม่โดนใครบีบอีก ตอนหลังเพื่อนมันมาขอตะกรุดที่แบ่งกันกับผมคนละดอก ผมก็ให้มันไป ตอนนี้ก็เลยไม่มีตะกรุดของท่านแล้ว

    ตอนที่หลวงปู่ย้ายมาวัดทุ่งปุยใหม่ๆ ผมได้จัดผ้าป่ากองเล็กๆ โดยรวบรวมเงินมาจากเพื่อน และพวกญาติพี่น้อง ได้ประมาณสามหมื่นกว่าบาท ก็เลยขับรถไปกับเพื่อนสามคน พอไปถึงวัดผมเห็นรถทัวร์มาจากอีสานสองสามคัน ก็เลยถามชาวบ้านว่าที่วัดมีงานอะไร เขาบอกว่าญาตโยมเขาจัดผ้าป่ามา คนเต็มศาลาเลย ผมกับเพื่อนก็บอกว่าไว้พรุ่งนี้มาถวายดีกว่า แต่เพื่อนอีกสองคนบอกว่ามาแล้วต้องทำเลย แต่ผมก็ยังกังวลอยู่ว่าจะเข้าไปยังไง เพราะคนอยู่กันเต็มแน่นไปหมด เพื่อนผมพูดติดตลกว่า เราขับรถมาทั้งคืน มาถึงเช้ายังไงเราจะต้องตีตั๋วด่วนก่อน ผมก็สงสัยถามไปว่า เอ็งจะทำยังไงวะที่จะให้หลวงปู่รู้ว่าเรามา เพื่อนก็บอกว่าไม่ยากว่ะ เรามาตั้งจิตพร้อมกันทั้งสี่คนว่าเรามาแล้วขอให้หลวงปู่รู้และให้เราร่วมบุญกับญาติโยมที่เขามาจากอีสานด้วยเถอะ ผมก็บอกว่าเอาไงเอากัน

    พอตกลงกันอย่างนั้นแล้ว พวกเราก็ยืนอยู่หน้าศาลาและก็อธิษฐาน ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงพระนำสวดกำลังถวายผ้าป่าแล้วปาฎิหาริย์ก็เกิดครับ มันเหลือที่จะเชื่อแต่มันเป็นเรื่องจริงที่ผมและเพื่อนได้สัมผัสด้วยตัวเอง

    จู่ๆ เสียงพระก็หยุดและมีชาวบ้านสองสามคนเดินลงมาจากศาลาและมาถามว่ามีใครที่ไม่ได้มากับขณะอีสานหรือเปล่า พวกผมยืนกันสี่คนก็บอกว่าพวกผมครับ ชาวบ้านดูเหมือนคนในละแวกนั้นก็บอกว่าหลวงปู่ให้มาตาม พวกผมงงเป็นไก่ตาแตกเลย ผมนี้ขนลุกซู่ เดินตามชาวบ้านขึ้นบนศาลา พอหลวงปู่เห็นพวกผมทั้งสี่ก็บอกว่า มามาร่วมบุญกัน ผมก้มลงไปกราบเท้าหลวงปู่และบอกกับหลวงปู่ว่าถ้าหากผมและเพื่อนได้ล่วงเกินหลวงปู่ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ขอให้หลวงปู่อโหสิกรรมให้ด้วย หลวงปู่ครูบาอินท่านก็ยิ้ม

    หลังจากเสร็จพีธี หลวงปู่ก็ปลุกเสกพระปิดตาที่ทางคณะนำมาถวายและก็แจกกับญาติโยม ผมคลานเข้าไปรับ หลวงปู่หยิบให้ผมเกือบสิบองค์และบอกว่าอย่างนี้ดีกว่าในตู้

    ผมเคยถามคุณลุงหมอสมสุขว่าหลวงปู่ครูบาอินท่านชำนาญธาตุอะไร เวลาหลวงปู่ลงธาตุในวัตถุมงคล คุณลุงหมอบอกว่าครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติทางสายอนาปนาทุกรูปจะสำเร็จธาตุทุกองค์ คือธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ แต่หลวงปู่ครูบาอินท่านถนัดทางธาตุลม ผมก็ถามว่าคุณลุงหมอรู้ได้อย่างไรคุณลุงหมอบอกว่าตอนปี พ.ศ.๒๕๓๖ ที่ทำพิธีที่บ้านคุณลุงหมอ ท่านบอกว่าน่าตื่นเต้นมากเพราะพระอริยเจ้าที่นิมนต์มา ท่านได้ปลุกเสกธาตุให้ดู แต่ต้องใช้ตาในดูและสังเกตอินทรีย์ของแต่ละรูปหลวงปู่ครูบาอินท่านขึ้นธาตุลม อินทรีย์ของหลวงปู่จะมีสีเขียว หลวงปู่สุภาขึ้นธาตุดิน หลวงปู่พุฒขึ้นธาตุไฟ หลวงปู่เจ็กขึ้นธาตุน้ำสลับกันไปมา ลุงหมอและขณะศิษย์รัศมีพรหมได้ถ่ายรูปหลวงปู่แต่ละท่าน จะติดลำแสงอนาปาทุกรูป ถ้ามีโอกาสผมจะขอรูปจากลูกลุงหมอมาลงให้ดูนะครับ

    หลังจากคุณลุงหมอบอกผม ผมก็สังเกตว่าทุกครั้งที่ไปหาหลวงปู่ครูบาอิน เวลาที่หลวงปู่ลงกระหม่อมหรือเสกวัตถุมงคลให้ อินทรีย์ของหลวงปู่จะออกเขียว ครั้งหนึ่งหลวงปู่ถามผมผมว่าดูอะไร ผมบอกว่าอยากจะดูรังสีอนาปนา หลวงปู่ก็ยิ้ม

    ผมอยากจะแนะนำเพื่อนๆ ไปลองหาล็อกเกตที่วัดฟ้าหลั่ง รุ่นปลดหนี้ รุ่นนี้ใช้ดีมากๆ เกี่ยวกับโชคลาภ อย่างที่เล่าให้ฟังข้างต้น ข้างในล็อกเกตบรรจุเกศาของหลวงปู่ไว้มาก และอีกรุ่นหนึ่งก็คือรูปหล่อลอยองค์เหมือนหลวงปู่ครูบาอินมากๆ ครับ

    ตอนที่หลวงปู่ยังอยู่ผมเคยสอบถามหลวงปู่ว่าจำเป็นหรือเปล่าที่เราจะต้องไปไหว้พระธาตุปีเกิด หลวงปู่บอกว่ามันเป็นประเพณีของทางเหนือที่ทำกันมานานชาวเหนือเชื่อว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องทำ ท่านพูดว่า “เปิ้ลต้องไปไหว้ขวัญของตัวเปิ้ลเองทำแล้วมันดี” ผมก็เลยไปไหว้แทบทุกปี ผมกับภรรยาปีฉลูต้องไปไหว้พระธาตุลำปางหลวง ส่วนลูกสาวปีระกาต้องไหว้ พระธาตุหริภุญไชย ลูกชายปีกุนก็ไปไหว้พระธาตุดอยตุง ผมและครอบครัวก็มีแต่ความสุข เวลามีปัญหาอุปสรรคก็สามารถผ่านพ้นได้ด้วยดี และทุกครั้งที่ไปไหว้พระธาตุประจำปีเกิดก็จะมาบอกปู่ครูบาอิน ท่านก็มักจะบอกว่าเปิ้ลทำดีแล้ว

    มีอีกสองสามเรื่องที่จะแนะนำคือที่พระธาตุดอยตุงจะมีพระธาตุอีกองค์ที่หลวงปู่ครูบาชุ่ม วัดวังมุ่ยท่านได้ไปบูรณะไว้ พระธาตุนี้มีความเก่าแก่พอๆ กับพระธาตุดอยตุงครับและศักดิ์สิทธิ์มาก อย่างที่สองที่พระธาตุลำปางหลวงด้านหลังองค์พระธาตุจะมีพระปางนาคปรกศักดิ์สิทธิ์มากเช่นกัน และสำหรับท่านที่ได้มาเชียงใหม่อย่าลืมไปกราบพระเจ้าล้านตอง ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ก็ต้องลองไปอธิษฐานดู จำได้ว่าข้างๆ จะมีพระพุทธเจ้าทันใจอยากให้ไปไหว้กันนะครับ

    ในส่วนของวัตถุมงคล คุณลุงหมอท่านจะทำวัตถุมงคลเป็นที่ระลึกแด่หลวงปู่ครูอาจาย์ที่ท่านกราบขอหลักธรรมในการปฏิบัติอนาปา แล้วถวายให้กับวัด ส่วนหนึ่งก็แจกกันในกลุ่มลูกศิษย์รัศมีฯ เหรียญหลวงปู่ครูบาอินรุ่นนั้นจะเป็นเหรียญกลีบบัว ซึ่งหลวงปู่ตั้งชื่อว่า “รุ่นเราสู้” และยังมีพระปิดตาผสมเกศาของหลวงปู่อินด้วย พระชุดนี้มีเป็นแบบองค์เดี่ยวๆ และเป็นชุดอยู่ในกล่อง ด้านหน้ากล่องเขียนว่า คณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก ถวายหลวงปู่ครูบาอิน อินโท

    ผมไปกราบหลวงปู่ตอนที่อยู่วัดฟ้าหลั่ง จำได้ว่าที่วัดก็มีตู้วัตถุมงคล ผมเห็นรูปหล่อของหลวงปู่ที่เหมือนหลวงปู่มากก็เลยเช่ามา ๔ องค์และเห็นพระปิดตาเลยหยิบขึ้นมาดู เป็นรุ่นที่คุณลุงหมอสมสุขสร้างเลยเช่ามา ๕ องค์ผมนำมาให้หลวงปู่เสกอีกครั้งหลวงปู่เสกเกือบ ๑๐ นาทีแล้วบอกว่าดี ให้เอาไปใส่นะ ผมอยากจะแนะนำไปที่วัดฟ้าหลั่งไปเช่ารูปเหมือนของหลวงปู่ที่เหมือนท่านมาก ยังเหลืออยู่และพระปิดตาผสมเกศายังพอมี

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมเปิดดูรูปหลวงปู่ม่วง วัดยางงาม และมาดูรูปหลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง ก็มาสังเกตุว่า หลวงปู่ทั้งสองเวลาท่านเฉยเฉยน่าตาท่านดูดุมาก แต่เวลาท่านทั้งสองยิ้มดูน่ารักมีเมตตามาก สิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาจากคุณลุงหมอสมสุข คงอุไร โดยได้มาเพียงบางส่วนซึ่งคุณลุงหมอแนะนำวิธีดูอินทรีย์ของพระอริยะเจ้า ซึ่งผมได้ตามรอยคุณลุงหมอ ไปตระเวณไหว้พระอริยะเจ้าตามที่คุณลุงหมอแนะนำเช่น หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง หลวงปู่จ่าง วัดเขื่อนเพชร หลวงปู่ม่วง วัดยางงาม หลวงปู่พูล วัดไผ่ล้อม หลวงปู่สง่า วัดหนองม่วง หลวงปู่ครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม หลวงปู่ไสว วัดปรีดาราม หลวงปู่นนท์ วัดเหนือวน หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม หลวงปู่ทอง วัดป่ากอ หลวงปู่แดง วัดโคกทราย หลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน หลวงปู่สุภาและอีกหลายรูป ไปกราบแต่ละที่ก็ได้ขออนุญาตครูบาอาจารย์ท่านถ่ายรูปหลวงปู่ หลวงพ่อท่านไว้ เมื่อนำกลับมาพิจารณาดู ก็สามารถเห็นด้วยตาเนื้อตามที่คุณลุงหมอสมสุขบอก คือ ดวงตาของหลวงปู่ทุกองค์จะมีวงแหวนสีฟ้าล้อมรอบดวงตา สีฟ้านี้ถ้าดูให้ดีจะต่างกับผู้สูงอายุเนื่องจากผู้สูงอายุจะมีสีฟ้าเนื่องจากเป็นพวกต้อครับ อีกอย่างลักษณะดวงตาเวลาท่านมองเราจะมองช้อนขึ้น ลองดูรูปหลวงปู่ม่วงและหลวงปู่ครูบาอินดีๆ ก็จะเห็นครับ

    อีกสิ่งก็คือผิวพรรณของหลวงปู่ทั้งสองจะมีสีชมพู หลวงปู่บางรูปผิวดำแต่จะมีลักษณะเหมือนสีนำตาลเนย หลวงปู่ที่ผมกล่าวมาข้างต้นบางรูปท่านได้ละสังขารไปแล้วแต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือสังขารของท่านจะไม่เน่าเปื่อยและผิวของหลวงปู่ทุกรูปจะมีผิวเนื้อและดวงตายังคงเดิมไม่ยุบ ท่านที่ได้ไปกราบครูบาอาจารย์ลองสังเกตดูนะครับ

    ที่กล่าวมาข้างตนเป็นส่วนน้อยที่คุณลุงหมอได้เมตตาสอน ยังมีอีกหลายอย่างครับมันแล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคล คุณลุงหมอจะบอกเสมอว่าจะต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองและจะต้องมีเหตุมีผลตามหลักของพุทธศาสนาครับ

    ที่มา:
    “หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง วัดทุ่งปุย ที่ผมได้รู้จัก”
    http://www.suankhlang.com/ipb//index.php?showtopic=315 (22/6/2553)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2010
  7. maxkyman

    maxkyman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,473
    ค่าพลัง:
    +6,406
    มาติดตามกระทู้ของพี่ไก่นะครับ ได้อ่านเรื่องดีๆอีกแล้วครับ อิอิ
     
  8. อาณัติ

    อาณัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2006
    โพสต์:
    6,075
    ค่าพลัง:
    +22,243
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2010
  9. พุทธอาคม

    พุทธอาคม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +232
    ดาบที่ให้บูชา มีประวัติการจัดสร้างไหมครับ แล้วที่ให้บูชาทันหลวงปู่ครูบาอินอธิฐานจิตไหมครับ อนุโมทนาในกุศลทั้งมวลด้วยครับ
     
  10. siwarit

    siwarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +6,173
    ดาบนี้ทันหลวงปู่ครับ ส่วนประวัติอาจจะต้องรอให้คุณธีระยุทธมาเล่าให้ฟังครับ

    คุณธีระยุทธครับได้ข่าวว่าครูบาตั๋นอาพาธหรือครับ ผมเห็นมีกระทู้ร่วมทำบุญค่ารักษาพยาบาลครูบาตั๋นครับ ผมไปร่วมมาด้วยครับเห็นมีของแจกคนร่วมทำบุญเป็นรูปหล่อรุ่นแรกก้นเงิน กับล็อคเก็ตฉากทองครับ

    วันนี้ผมจะสอบ VIVA หรือเรียกว่าเป็นการสอบวิทยานิพนธ์ครับ ผมกังวลมาเป็นเดือน เมื่อคืนเข้านอนก็นึกถึงครูบาอาจารย์ตามปกติ พอเข้านอนช่วงประมาณตีห้าถึงหกโมงครึ่ง ผมฝันว่าผมไปกราบครูบาอินที่กุฎิครับ ผมจำได้ว่าประตูเข้าไปกราบครูบาอินอยู่ซ้ายมือของห้อง มีตู้กระจก พร้อมวัตถุมงคลอยู่หน้าห้องเป็นตู้กระจกทั่วไปครับ พระที่ดูแลครูบาอินก็บอกผมว่าเข้าไปหาท่านได้เลย ท่านรออยู่ พอผมเข้าไป ผมก็เรียนท่านว่าผมกำลังจะสอบให้ช่วยด้วย ท่านก็ยิ้มตามแบบของท่านและก็ให้ผมเขียนชื่อ ชื่อพ่อแม่ และท่านก็รดน้ำมนต์ให้ผม ท่านบอกว่าเอาแบบพิเศษเลยนะ พระที่ดูแลท่านอยู่ก็บอกว่า เย็นชื่นใจแน่โยม ผมรู้สึกว่าน้ำมนต์ที่รดมานั้นเย็นมาก ๆ ครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกคือ ผมรู้สึกตัวมาว่านอนอยู่ในห้องนอนผมเอง แล้วพอผมเคลิ้มหลับผมก็กลับเข้าไปในกุฏิท่านอีกครั้ง เหมือนกับว่ากลับเข้าไปเจอท่านอีกครั้งทั้งที่ตื่นขึ้นมาแล้ว ในฝันเป็นว่าผมออกไปทำธุระมา

    ผลสอบจะเป็นอย่างไรไม่รู้ครับ แต่รู้ว่ามีความมั่นใจมากขึ้น รวมถึงสมองปลอดโปร่ง จดจำอะไรหลาย ๆ อย่างได้ครับ

    ขอกราบหลวงปู่ครูบาอิน ณ ที่นี้ด้วยครับ สาธุ
     
  11. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    เรียนคุณ pattanayu

    ดาบชุดนี้ทันหลวงปู่เสกที่วัดทุ่งปุยครับ
    มีรูปถ่ายตอนเสก และพระอาจารย์อินทรก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยครับ
    เดี๋ยวผมจะมาเล่านะครับ ขออนุญตเตรีมเนื้อหาอีกนิดครับ

    ธีระยุทธ
     
  12. พุทธอาคม

    พุทธอาคม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +232
    รอฟังอย่างใจจดใจจ่อครับ:cool:
     
  13. siwarit

    siwarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +6,173
    คุณธีระยุทธครับ

    อย่าลืมเล่าถึงดาบรุ่นก่อนด้วยนะครับ แล้วดาบทั้งหมดของครูบาอินมีทั้งหมดกี่รุ่นครับ

    ขอบคุณมากครับ

    ศิวฤทธิ์
     
  14. siwarit

    siwarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +6,173
    :cool: แวะเข้ามารออ่านเรื่องราวจากคุณธีระยุทธครับ
     
  15. พุทธอาคม

    พุทธอาคม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +232
    เข้ามารออ่านเหมือนกันครับ:cool:
     
  16. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    สวัสดีครับ

    รู้สึกเกรงใจจังเลยครับ... พี่ปล่อยให้พี่ๆ เพื่อนๆ รอกัน
    ช่วงนี้งานผมยุ่งแทบบ้าเลยครับ... ไม่้รู้มันจะอะไรกันนักกันหนา
    แต่พูดก็พูด... งานยุ่งแสดงว่ายังดีที่มีงานนะครับ...

    ขอแก้ตัวด้วยการนำเอา "บันทึก" การตามหา "ประวัติ"
    ของพระรุ่นหนึ่งของหลวงปู่ครูบาอิน... แต่ตามไปตามมา เจอสองรุ่นเลยครับ
    นั่นก็คือ...

    บันทึกประวัติการสร้าง
    พระปิดตามหาอุตม์เนื้อผง และพระขุนแผนเนื้อผง (รุ่นแรก)
    หลวงปู่ครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่ง


    อันที่จริงแล้ว พระปิดตา และพระขุนแผน (รุ่นแรก) นี้ ไม่ได้มีบันทึกการสร้างเป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด
    สอบถามข้อมูลจากบรรดาลูกศิษย์ลูกหา ทั้งพระอาจารย์ปรีชา และพระอาจารย์ไพบูลย์ ก็ได้คำตอบเหมือนกันว่า
    “ไม่ทราบ” หรือ “จำไม่ได้” ...


    ด้วยเหตุนี้ ผมจึงไม่รู้จะเริ่มต้นตามหาประวัติการสร้างพระทั้งสองรุ่นนี้จากจุดไหน
    จนกระทั่งเมื่อประมาณสองปีก่อน ผมไปเจอหน้าโษณาเล็กๆ ในนิตยสาร “ร่มโพธิ์”
    ที่มีพระปิดตาของหลวงปู่ครูบาอินให้บูชา ดังนี้

    [​IMG]

    ผมตัดโฆษณานี้เก็บไว้นานมาก ตั้งใจว่า จะโทรไปติดต่อขอบูชาและสอบถามประวัติ
    แต่ยังไม่มีโอกาสได้ติดต่อไป ก็มีเหตุให้ผมต้องย้ายกลับมาอยู่บ้านที่เชียงใหม่
    ต้องขนข้าวขนของ กระจัดกระจาย เอกสารแพ็คใส่กลองไหนเป็นกล่องไหนจำไม่ได้
    สุดท้าย โฆษณาชิ้นนี้ก็หายไป... โดยที่ผมเองก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย
    โชคดีที่ผมเขียนไว้ว่า ตัดมาจากร่มโพธิ์ ฉบับที่ ๑๓๖ พ.ศ.๒๕๔๙ จึงย้อนเวลากลับไปได้บ้าง


    จนกระทั่งเมื่อหลายเดือนก่อน ผมค้นเอกสารในกล่องต่างๆ ที่เคยแพ็คไว้
    ก็มาเจอเอาโฆษณาชิ้นนี้เข้าก็ทำให้นึกได้ แต่กาลเวลาผ่านไปหลายปีแล้ว
    ไม่แน่ใจว่าทางร่มโพธิ์ จะยังมีพระปิดตารุ่นนี้ให้บูชาอยู่หรือไม่


    และไม่นานหลังจากนั้น ผมก็เปิดๆ ดูโฆษณาของร่มโพธิ์เล่มล่าสุด ก็เจอเอาโฆษณานี้อีกครั้ง
    รายละเอียดส่วนใหญ่ยังเหมือนเดิม ต่างเพียงแค่ค่าบูชาเพิ่มจาก ๒๐๐ เป็น ๓๐๐ บาท
    และนั่นคือจุดเริ่มต้น...


    ผมได้โทรศัพท์ไปขอบูชาพระชุดนี้กับคุณ ฑีฆายุ คงอ่อน ทันที
    ในตอนนั้น ผมคาดว่าน่าจะเป็นคุณฑีฆายุนี่แหละที่เป็นผู้สร้าง
    เพราะไม่เคยเห็นข้อมูลเกี่ยวกับพระรุ่นนี้จากที่อื่นเลย
    แต่พอได้คุยกับคุณฑีฆายุแล้ว จึงได้ทราบว่า
    คุณฑีฆายุไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างพระชุดนี้แต่อย่างใด
    แต่ได้รับพระนี้มาจาก “อาจารย์ชายนำ ภาววิมล” ให้นำมาแจกและจำหน่าย
    ข้อมูลจากคุณฑีฆายุคือว่า... อาจารย์ชายนำ ท่านเป็นนักเขียนรับเชิญให้กับร่มโพธิ์
    มีส่วนร่วมในการสร้างวัตถุมงคลถวายครูบาอาจารย์หลายๆ ที่
    และมักจะมีวัตถุมงคลมาฝาก มาแจก มาให้บูชา อยู่เสมอๆ
    แต่หลังๆ นี้ท่านคงจะติดภาระกิจจากหน้าที่การงานของท่าน
    จึงไม่ค่อยได้เขียนบทความให้กับทางหนังสือเหมือนเมื่อก่อน
    และที่สำคัญ ทางคุณฑีฆายุ “ไม่มีเบอร์ของท่านอาจารย์ชายนำ”


    แต่นี่ไม่ทำให้ผมยอมแพ้หรอกครับ...
    ผมได้พยายามค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของอาจารย์ชายนำอยู่พักใหญ่
    จนในที่สุดก็ได้เบอร์โทรศัพท์ของอาจารย์ชายนำจนได้
    จึงได้โทรติดต่อ และสอบถามอาจารย์เกี่ยวกับประวัติการสร้างพระปิดตารุ่นนี้
    จึงได้ทราบข้อมูลว่า... ตัวท่านเองไม่ได้เป็นผู้สร้างพระรุ่นนี้เช่นกัน
    แต่ท่านได้ให้การสนับสนุนเพื่อนคนหนึ่งให้เป็นผู้ดำเนินการสร้าง
    นั่นคือ “เฮียเล็ก” เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด
    (ต่อมา ผมจึงได้ทราบว่า เฮ้ยเล้กท่านนี้ มีชื่อว่า “คุณไพบูลย์ ลิมปนะสุคนธ์”)


    อาจารย์ชายนำ ได้มอบบล็อคพิมพ์ด้านหน้า ที่ท่านเคยใช้สร้างพระปิดตา
    ถวายหลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน จังหวัดชุมพร
    และหลวงพ่ออีกรูปหนึ่งในจังหวัดราชบุรี ที่ตาท่านบอด อาจารย์ชายนำจำชื่อท่านไม่ได้
    (ผมลองค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ตดู จึงรู้ว่าเป็น หลวงพ่ออุทัย วัดเกาะตาพุด จังหวัดราชบุรี)
    พระปิดตาของหลวงพ่อคล้อยสร้างปีไหนผมยังไม่ทราบ
    แต่พระปิดตาของหลวงพ่ออุทัยสร้างปี พ.ศ.๒๕๔๐ เรียกว่ารุ่นไตรมาส ๔๐


    เมื่อได้บล็อคด้านหน้ามาแล้ว คุณไพบูลย์ได้ให้ช่างแกะบล็อคด้านหลังขึ้นมาใหม่
    โดยมีการระบุชื่อหลวงปู่ครูบาอินไว้ชัดเจนตามรูป จึงไม่สับสนกับพระปิดตา
    ที่สร้างถวายหลวงพ่อคล้อยกับหลวงพ่ออุทัยแน่นอน...


    อาจารย์ชายนำ ท่านได้กรุณาให้เบอร์โทรศัพท์ของคุณไพบูลย์ ไว้ด้วย
    ผมจึงได้ติดต่อคุณไพบูลย์เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้ง


    คุณไพบูลย์เล่าให้ฟังว่า...
    แท้ที่จริงแล้ว ผู้ที่ทำการขออนุญาต และได้รับอนุญาตจากหลวงปู่ครูบาอิน
    ให้สร้างพระปิดตารุ่นนี้ จริงๆ แล้วคือ “หนานขวัญ” หรือ “คุณวิชยุทธ พุทธิรินโน”
    ซึ่งเป็นศิษย์ครูบาคำปัน วัดหม้อคำตวง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ไปมาหาสู่วัดฟ้าหลั่งอยู่เป็นประจำ
    เป็นผู้ขออนุญาตจัดสร้าง และหลวงปู่ก็ได้เมตตาอนุญาต
    แต่ด้วยความสนิทสนมกันกับคุณไพบูลย์ จึงได้ชักชวนมาร่วมกัน

    ในตอนนั้นมีการจัดสร้างพระปิดตาเนื้อผงพุทธคุณ สีโทนแดง จำนวน ๒,๐๐๐ องค์
    และเนื้อผงพุทธคุณ สีขาว ฝังตะกรุด ๑ ดอก จำนวนประมาณ ๑๐๐ องค์เพื่อแจกกรรมการ


    (หมายเหตุ: ข้อมูลเรื่องจำนวนการสร้างจากคุณไพบูลย์ จำนวน ๒,๐๐๐ องค์
    ไม่ตรงกับจำนวนการสร้างที่ระบุในโฆษณาข้างต้น ที่ระบุ ๓,๐๐๐ องค์
    ในขณะที่อาจารย์ชายนำ แจ้งว่ามีจำนวนการสร้างประมาณ ๕,๐๐๐ องค์
    ในความเป็นไปได้แล้ว ข้อมูลจากคุณไพบูลย์น่าจะ เป็นที่น่าเชื่อถือมากกว่า เพราะเป็นผู้ดำเนินการจัดสร้าง... )
    แต่ทั้งสามท่านให้ข้อมูลตรงกันเรื่องพระปิดตาฝังตะกรุด จำนวน ประมาณ ๑๐๐ องค์เหมือนกัน


    คุณไพบูลย์ เล่าให้ฟังอีกว่า วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง คือ
    เพื่อจะได้นำพระชุดนี้ส่วนหนึ่งมาแจกในช่วงงานทำบุญอายุของหลวงปู่
    และส่วนหนึ่งแบ่งกันไปในหมู่ผู้จัดสร้าง...

    แต่ในเอกสารโฆษณาข้างต้นระบุว่า อธิษฐานจิตเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๔๒
    ปีพ.ศ. นั้นตรงกัน แต่วันที่และเดือนอาจจะแปลกไปสักหน่อย
    เพราะหลวงปู่เกิดวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ และในแต่ละปี ทางวัดและลูกศิษย์ลูกหา
    จะจัดงานทำบุญอายุประมาณกลางเดือนกุมภาพันธฺของทุกปี
    จึงน่าแปลกที่จะอธิษฐานจิตวัตถุมงคล หลังจากผ่านวันที่ตั้งใจจะแจกมาแล้ว
    ถึง ๔ เดือน หรืออาจจะมองว่าอธิษฐานไว้ล่วงหน้าถึง ๘ เดือน ก็ถือว่าแปลกอยู่ดี
    ตรงนี้อาจจะเป็นความทรงจำที่คลาดเคลื่อน
    อาจจะเป็นการสร้างเพื่อแจกในงานใดงานหนึ่ง ในตอนนั้น
    หรืออาจะเป็นการสร้างเพื่อมอบแก่ผู้ที่มากราบสักการะหลวงปู่
    ที่มีอยู่มากมายๆ ทุกๆ วัน ไม่เลือกว่าเป็นช่วงไหนเดือนไหน ก็อาจเป็นได้


    คุณไพบูลย์ยังได้เล่าให้ฟังตรงกับอาจารย์ชายนำอีกว่า
    ได้มีการจัดสร้าง “พระขุนแผนรุ่นแรก” เนื้อผง ถวายหลวงปู่อีกด้วย

    ฟังถึงตรงนี้ ผมนี่ขนลุกซู่เลย... เพราะก่อนหน้านี้ประมาณสักเดือนหนึ่ง
    ผมได้คุยกับเพื่อนที่อยู่กรุงเทพ ขออนุญาตเอ่ยนาม คือคุณฉัตรชัย (อัสดงค์)
    เกี่ยวกับเรื่องพระขุนแผนเนื้อผงรุ่นนี้ เพราะทางคุณฉัตรชัย ได้ไปเจอ “เซียนพระ” ท่านหนึ่ง
    ที่เล่าว่าเค้ารู้จักกับคนที่สร้างพระขุนแผนรุ่นนี้ และได้เคยสอบถามจำนวนการสร้างไว้
    ตัวเลขที่ได้ตอนนั้น ฟังอยู่งงๆ สับสนพอสมควร ผมจึงไม่ได้นำมาเล่าสู่กันฟัง
    อีกอย่าง หลังจากคุยกันครั้งนั้น คุณฉัตรชัยก็ไม่ได้เจอพี่เขาอีกเลย
    จึงไม่ค่อยแน่ใจ และไม่กล้านำข้อมูลที่เราไม่ชัวร์มาเผยแพร่ต่อ
    ได้แต่คิดกันอยู่ในใจว่า หากหลวงปู่จะเมตตา เปิดเผยข้อมูลเหล่านี้
    ก็ขอให้เราได้มีโอกาสได้พูดคุย ได้พูดคุย หรือสอบถามจากผู้สร้างโดยตรงด้วยเถิด
    และวันนี้ก็สมหวังแล้ว...


    [​IMG]

    [​IMG]

    สำหรับพระขุนแผนรุ่นแรก หลังยันต์ หัวใจขุนแผน “สุนะโมโล”
    ผู้ดำเนินการจัดสร้างคือ “อาจารย์เม้ง ขุนแผน” ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในกลุ่มผู้นิยมการสักยันต์
    และนิยมเครื่องรางสายเมตตามหาเสน่ห์ จนท่านได้ชื่อว่า “อ.เม้ง ขุนแผน” นี้


    ข้อมูลจากคุณไพบูลย์ เล่าว่า พระขุนแผนรุ่นแรกนี้ มีจำนวนการจัดสร้าง
    ๑. เนื้อผงพุทธคุณสีแดง จำนวน ๒,๐๐๐ องค์
    ๒. เนื้อผงพุทธคุณสีขาว ฝังตะกรุด ๑ ดอก, ๒ ดอก, และ ๓ ดอก จำนวนรวม ประมาณ ๕๐๐ องค์
    แต่จำไม่ได้ว่า แยกเป็นตะกรุด ๑ ดอก ๒ ดอก หรือ ๓ ดอก อย่างละกี่องค์
    คือเป็นการทำไปตามจำนวนตะกรุด ไม่ได้กะเกณฑ์ว่าจะต้องสร้างแบบละกี่องค์
    จะเรียกว่า ทำไปตามใจเรื่อยๆ ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น... ก็ว่าได้

    เมื่ออธิษฐานจิตเสร็จแล้ว ได้มอบพระขุนแผนแบบไม่ได้ฝังตะกรุดให้กับทางวัดไว้จำนวนหนึ่ง
    เพื่อให้หลวงปู่แจก และให้กรรมการวัดจัดให้บูชา ส่วนที่เหลือแจกกันในกลุ่มผู้สร้าง
    ส่วนแบบฝังตะกรุดทั้ง ๓ แบบนั้น ทางผู้สร้างรับกลับไปทั้งหมด

    นี่คือข้อมูลจากคุณไพบูลย์... ที่ยืนยันว่าพระขุนแผนของหลวงปู่
    กับพระปิดตามหาอุตม์เยื้อผงรุ่นนี้ ได้รับการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่พร้อมกัน


    แต่ข้อมูลจาก คุณธิติ เปรมวงศ์ศิริ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ และเป็นเวปมาสเตอร์ของเวปไซต์ อ.เม้ง
    แจ้งว่า ถวายหลวงปู่ไว้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนทางคณะ ขอแบ่งมาอย่างละนิดละหน่อยเท่านั้น


    ไม่ว่าข้อมูลในรายละเอียดจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่เราก็สามารถสรุปได้แล้วว่า
    พระขุนแผนรุ่นแรก ของหลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท ครูบาฟ้าหลั่ง สร้างในปี พ.ศ.๒๕๔๒ แน่นอน
    และมีทั้งแบบธรรมดา และแบบฝังตะกรุด ๑-๒-๓ ดอก จำนวนรวมประมาณ ๕๐๐ องค์


    ผมมีรูปพระขุนแผนรุ่นแรกของหลวงปู่ครูบาอิน เนื้อธรรมดา (สีอมแดง) มาฝาก
    ตอนนี้ที่วัดฟ้าหลั่งก็ยังพอมีให้บูชา เหลือจำนวนไม่มากแล้วครับ
    แต่แบบฝังตะกรุด และพระปิดตาที่เล่ามาข้างต้น ที่วัดไม่มีแล้ว
    ผมติดรูปไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวได้รับพระแล้วจะรีบถ่ายรูปมาให้ชมกันครับ


    ธีระยุทธ



     
  17. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    ก่อนนอนคืนนี้...
    ขอฝากรูปเก่าๆ หาดูยาก ให้ชมกันสักรูปครับ
    เป็นรุปถ่าย ผมประมาณอายุจากสรีระสังขารของครูบาอาจารย์ทั้งสามรูป
    น่าจะประมาณปี ๓๐ กว่าๆ ... ตามลำดับคือ

    [​IMG]

    ๑. หลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท วัดฟ้าหลั่ง (พระครูวรวุฒิคุณ)
    ๒. หลวงปู่ครูบาดวงดี สุภัทโท (พระมงคลวิสุต หรือ พระครูสุภัทรศีลคุณ) วัดท่าจำปี
    ๓. ครูบาอินถา ถาวโร (พระครูถาวรศีลพรต) วัดอินทราภิบูลย์ (หนองไคร้)

    หลวงปู่ครูบาอินละสังขารไปแล้วช่วงก่อนสงกรานต์ปี ๒๕๔๖ อายุ ๑๐๒ ปี
    หลวงปู่ครูบาดวงดี ละสังขารไปเมื่อต้นปีนี้ (๒๕๕๓) สิริอายุ ๑๐๔ ปี

    ตอนนี้เหลือครูบาอินถารูปเดียวครับ อายุท่านตอนนี้ก็ เกือบ ๙๐ ปีแล้ว
    สุขภาพท่านก็ไม่ค่อยดี เดินไม่ได้ครับ ต้องนั่งล้อเข็น... แต่ความจำท่านยังดี
    มีลุกศิษย์ลูกหาไปขอท่านลงแผ่นทอง ลงตะกรุด และอธิษฐานจิตวัตถุมงคลอยู่บ่อยๆ
    ผ่านไปทางหนองตอง (ถนนเส้น ลำพูน-สันป่าตอง) อย่าลืมแวะไปกราบท่าน
    นะครับ
    อยู่ไม่ไกลจากวัดหลวงปู่จันทร์แก้วครับ

    ลืมบอกไปว่ารูปนี้เป็นรูปของคุณแพะ สันป่าตอง เซียนพระชื่อดังเชียงใหม่สายใต้ครับ
    ตอนแรกว่าจะยืมมาสะแกนเฉยๆ แต่เห็นทีจะต้องของแย่งซื้อเขาเสียแล้ว
    รูปเก่าๆ ที่รวมครูบาอาจารย์อย่างนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ครับ

    ธีระยุทธ
     
  18. chainont

    chainont เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    3,017
    ค่าพลัง:
    +2,172
    ..ขอร่วมแจมด้วยนะครับ..

    ..พระปิดตา ลพ.ทัย วัดเกาะตาพุฒ ราชบุรีครับ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. chainont

    chainont เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    3,017
    ค่าพลัง:
    +2,172
    ..ต่อมาด้วย พระขุนแผน ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง..

    ..แบบธรรมดา และฝังตะกรุด สองดอกครับ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    สวัสดีครับคุณชัยณรงค์...

    ไม่ได้ทักทายกันเสียนาน สบายดีนะครับ

    ตอนที่เขียนเรื่องนี้ ผมคิดถึงคุณชัยณรงค์ เพราะผมจำได้ว่า
    เราเคย "แย่งกัน" ปิดพระขุนแผนฝังตะกรุดองค์นี้
    แต่ผมช้ากว่าคุณชัยณรงค์ไปก้าวหนึ่ง...
    ในใจก็คิดอยู่ลึกๆ อยากให้คุณชัยณรงค์เอาภาพมาลงแจม
    แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ...

    เรื่องตามเก็บพระนี่ต้องยกให้คุณชัยณรงค์จริงๆ
    ทั้งมีโชคได้ของฟลุ๊ค ของหลง ทั้งตาคม
    ขนาดอยู่นอกเส้นทาง ไม่ใช่ในพื้นที่
    ยังมีพระทางเหนือให้เก็บเข้ารังให้คนอิจฉาได้เรื่อยๆ
    แฮะๆๆ

    พระปิดตาหลวงพ่ออุทัย กับของหลวงพ่อจ้อย น่าเก็บมารวมใน collection
    ถ้าคุณชัยณรงค์พอมีแบ่ง กระซิบบอกกันบ้างนะครับ
    ของหลวงพ่ออุทัยเคยเห็นมีโพสในเวปบ้าง
    แต่ของหลวงพ่อจ้อย ไม่เห็นเลย... แม้แต่รูปก็ยังไม่มีให้เห็น

    ช่วงหนึ่งเราเคยตามเก็บเหรียญหลังยันต์มงกุฏพระพุทธเจ้ากัน
    ครูบาอิน หลวงปู่ปรง.... เข้ามาเป็นเซ็ต
    สงสัยงานนี้คงต้องเริ่มมองหา ชุดพระปิดตาชุดนี้แล้ว

    ขอขอบพระคุณอีกครั้งที่ติดตามกระทู้ และโพสรูปมาให้ชมกันครับ

    ธีระยุทธ
     

แชร์หน้านี้

Loading...