เป็นไปได้ไหมที่พระพุทธเจ้าใช้กุศโลบาย

เรื่องตกนรกน่ะครับ 1 วันในนรก เท่ากับ 9 ล้านปีบนโลกมนุษย์ ผมว่าไม่ใช่นะ

พระพุทธเจ้าอาจไม่อยากให้คนทำเลว และหันมาทำความดีก็ได้นิ่


ใครคิดยังไงก็บอกทีครับ

 

ท่านเป็นสรรพวิญญู ซึ่งไม่มีผู้ใดทราบได้นอกจากบรรดาผู้บรรลุธรรมเท่านั้นถึงจะทราบว่าจริงหรือไม่ แต่ข้าพเจ้าเชื่อในพระพุทธเจ้าครับ....ว่าน่าจะเป็นจริง

 

ถ้าไม่เป็นจริง พระพุทธเจ้า จะสงตรัสไว้ทำไม ??

ส่วนตัว เราเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้า ยอมเป็นทาสของพระพุทธเจ้า ให้พระพุทธเจ้าเป็นนาย

บางที อาจนานกว่านั้น นานจำเราไม่สามารถ คำนวนออกมาได้

 

ข้าพเจ้าเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้า.

 

พิสูจน์สิครับ ถ้าไม่เชื่อ

 

เวลาย่องยามทุกข์ เวลาย่นยามสุข

 

อจินไตย แปลว่าสิ่งที่ไม่ควรคิด หมายถึงสิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญของปุถุชน มี 4 อย่างได้แก่

• พุทธวิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
• ฌานวิสัย วิสัยแห่งอิทธิฤทธิ์ของฌาน
• กรรมวิสัย วิสัยของกฎแห่งกรรม ที่สามารถติดตามไปได้ทุกชาติ รวมถึงการให้ผล และการรับวิบากกรรม
• โลกวิสัย วิสัยการมีอยู่ของโลก

ในทางพระพุทธศาสนาไม่แนะนำให้คิดเรื่องอจินไตย เพราะวิสัยปุถุชนไม่อาจเข้าใจได้โดยถูกต้องถ่องแท้ ทั้งเพราะความเข้าใจไม่ได้ในฐานะที่เป็นของลึกซึ้ง เป็นเรื่องทางจิต หรือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหาคำตอบที่สิ้นสุดได้ ถ้าคิดมากจริงจังในการหาคำตอบเหล่านั้นจากการคิดเดาเอาด้วยตรรกะเองจึงอาจกลายเป็นคนบ้าได้ อจินไตยในเรื่องทางจิตจึงเป็นเรื่องที่รู้ได้ด้วยการบรรลุธรรมชั้นสูงเท่านั้น

 

นั่นแหละ 1 วัน 9 ล้านปี เป็นไปได้ไงอ่ะ

แค่ปีเดียวบนโลกมนุษย์ แล้วนรกก็ทรมานมาก ผมบี้เห็บไปไม่รู้กี่ตัวอย่างนี้
อยู่กี่ล้านปีบนโลกเนี่ย ???

555+

 

ทำความดีไว้ดีที่สุดค่ะ อย่างน้อยคนทำความดีไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น ความดีเป็นเกราะป้องกันตัวเราได้ดีที่สุดค่ะ

 

ถ้ามีทั้งบาปและบุญแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน ?:'(

 

เวลาแห่งความทุกข์มักยาวนานกว่าเวลาความสุขเสมอ

 

ผมเชื่อว่า"จริง" แต่ไม่ต้องการพิสูจน์ ใครใจกล้าอนุเคราะห์เป็นธรรมทานเชิญ:d

 

อืม ผมเชื่อเรื่องนี้น่ะครับ

ถามว่าทำไมเวลานรกถึงยาวนานมาก ลองไปอ่านในพระไตรปิฎกบางพระสูตรก็จะพบว่าขนาดพรหมและอรูปพรหม พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ปาเข้า 10 องค์ก็แล้ว 15 องค์ก็แล้ว พรหมก็ยังไม่เกิด เพราะอะไรเพราะอายุของเขามากมายเป็นกัปต้องเสวยกุศลกรรมตนเองที่ก่อไว้ ขัดขวางการสำเร็จบรรลุธรรมสู่นิพพาน แต่ในทางกลับกัน นรกก็เช่นกัน ต้องยาวนานอยู่แล้วครับอย่างพระเทวทัตตรงอเวจีท่านก็ต้องเสวยกรรมอย่างมาก ที่ตนทำไว้

เพราะพระพุทธองค์เคยกล่าว โลกมนุษย์ โลกเทวดา และนรก มีรอบการหมุนไม่เหมือน เหมือนโลกที่ 1 วันมี 24 ชั่วโมง แต่นรก 9 ล้านปีเทียบกับมนุษย์ โลกนรกก็มีรอบหมุนของเขา โลกเทวดาก็มีรอบหมุนของเขา ต่างก็หมุนต่างกัน ตามลำดับชั้นของภพนั้นเอง ส่วนนิพพานไม่ต้องพูดถึงเลย

ถ้ายังสงสัยอีก ขนาดโลก 1 วันมี 24 ชั่วโมง ส่วนดาวงอังคาร 1 วันมี 48 ชั่วโมง
ดาวพุธ 1 วันมี 7 ชั่วโมง ดาวพฤหัสก็เร็วไปอีก เพราะ ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเฉพาะตน ไม่เหมือนกันครับ อิอิ

 

ท่านโกหกไม่ได้หรอกครับ มุสา ท่านรักษาศีลยิ่งกว่าพวกเราอีก

 

การพิสูจน์ความจริงมีหลายวิธี วิธีแรกอย่างที่คุณทำคือด้นเดาเอาโดยอาศัยตรรกะความรู้สึกซึ่งก็ได้ความรู้ระดับหนึ่ง แต่ความรู้เรื่องนรกสววรค์เกินระดับที่อาศัยความคิดปรุงแต่งจะเข้าใจได้ ถ้าอยากพิสูจน์ก็ต้องไม่ใช้ความคิดปรุงแต่ง ขั้นแรกต้องทำจิตให้อยู่ในอำนาจให้ได้ โดยทำสมาธิให้ใจหยุดนิ่งให้ได้ก่อน แล้วค่อยว่ากัน

 

กุศโลบาย คือ กุศล + อุบาย คือ ใช้วิธีการอันเป็นบุญเป็นกุศล

พระองค์ตรัสตามความเป็นจริง ที่ประจักษ์ด้วยพระสัพพัญญุตาญาณ
ท่านอธิบาย แจกแจงไว้ละเอียด ถึง ๓๑ ภูมิ แล้วท่านก็ได้สอนวิธีให้เรารู้ตามได้
ด้วยการพิสูจน์ด้วยตนเอง ดังอธิบายไว้ในพระไตรปิฎก และ วิสุทธิมรรค
แถมท่านยังชี้ชวนให้เหล่าสัตว์เข้ามาพิสูจน์เองด้วยซ้ำไปนะครับ

แต่พวกนักปราชญ์ นักคิด ในปัจจุบันหลายท่าน ไปอ้างว่าท่านใช้กุศโลบาย
แบบ ปุคคลาธิษฐาน (คือ กล่าวเปรียบเปรยสิ่งที่เป็นนามธรรมให้กลายเป็นตัวบุคคล)
ทั้งๆที่ บางท่านอาจไม่เคยแม้แต่จะปฏิบัติตามที่พระพุทธองค์ทรงแนะนำเป็นขั้นเป็นตอน
แต่กลับสร้างทฤษฎีของตัวเองต่อเติมไปยืดยาว ผิดบ้าง ถูกบ้าง ก็ว่ากันไป

ถ้าเราปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่าน เรื่องการเข้าใจ นรก สวรรค์ กฏแห่งกรรม
จะไม่ใช่สิ่งที่เหลือวิสัยของเราหรอกครับ หนังสือมี ตำรามี แถมสำนักกรรมฐานสมัยนี้
ก็มีมาก พระอาจารย์ ทั้งพระ ทั้งฆราวาส ในเมืองไทยก็ดาษดื่นนะครับ ลองดูครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ

 

มันเป็น ปัจ จัต ตัง ครับ

 

สังโยชน์ แปลว่า กิเลสเป็นเครื่องร้อยรัดจิตใจให้ตกอยู่ในวัฎฎะ มี 10 อย่าง

1. สักกายทิฏฐิ เห็นว่า ร่า่งกายเป็นเรา เป็นของเรา (คำว่าร่างกายนี้หมายถึง ขันธ์ 5)
2. วิจิกิจฉา ความลังเลสังสัย ในคุณพระรัตนตรัย
3. สีลัพพตปรามาส รักษาศีลแบบลูบ ๆ คลำ ๆ ไม่รักษาศีลอย่างจริงจัง
4. กามฉันทะ มีจิตมั่วสุมหมกมุ่น ใคร่อยู่ในกามารมณ์
5. พยาบาท มีอารมณ์ผูกโกรธ จองล้างจองผลาญ
6. รูปราคะ ยึดมั่นถือมั่นในรูปฌาน
7. อรูปราคะ ยึดมั่นถือมั่นในอรูปฌาน คิดว่าเป็นคุณพิเศษที่ทำให้พ้นจากวัฎฎะ
8. มานะ มีอารมณ์ถือตัวถือตน ถือชั้นวรรณะเกินพอดี
9. อุทธัจจะ มีอารมณ์ฟุ้งซ่าน ครุ่นคิดอยู่ในอกุศล
10. อวิชชา มีความคิดเห็นว่า โลกามิสเป็นสมบัติที่ทรงสภาพ