อยากรู้ ประวัติ อาจารย์ เทพย์ สาริกบุตร

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Chatchai2527, 12 พฤษภาคม 2010.

  1. Chatchai2527

    Chatchai2527 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +15
    อยากรู้ ประวัติ อาจารย์ เทพย์ สาริกบุตร
    ว่า เสียชีวิตที่ไหน เผาที่ไหน กระดูกอยู๋ที่ไหนครับ

    ใครรู้ หรือ มีแหล่งข้อมูล ช่วยบอกผมหน่อยครับ

    บอกมาในเมวก็ดีครับ

    mixberry_sorbet@hotmail.com
     
  2. 108

    108 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +2,275
    ผมเคยคุยกันพี่คนนึง แกทำหนังสือตำราพระเวทย์อาจารย์เทพขึ้นมาใหม่
    แกเคยบอกผมว่า ขออนุญาติภรรยา ของอาจารย์เทพ มาแล้ว

    ถ้าอยากรู้จักจริงๆ ผมว่า หาข้อมูลไม่ยากครับ
     
  3. Orkar

    Orkar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +952
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top bgColor=#eeeeb4 background="#EEEEB4"><TD width=130>
    <!-- [FONT=Ms Sans Serif,Tahoma] -->
    <!--
    [/FONT] -->[​IMG] </TD><TD width="90%">« Reply #352 เมื่อ 01/06/2010 , 22:16:22 » [FONT=Ms Sans Serif,Tahoma][​IMG]Edit[/FONT] <HR SIZE=1>[FONT=Ms Sans Serif,Tahoma]อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ท่านเป็นปรมาจารย์ด้านพระกริ่งคนหนึ่งในเมืองไทยทีเดียว ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าท่านเป็นนักซื้อขายพระหรือเซียนพระแต่ประการใด แต่ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการหล่อพระกริ่ง และด้านไสยเวทย์คนหนึ่งในเมืองไทยที่หาตัวจับได้ยากยิ่งเลยทีเดียว ท่านยังเป็นปรมาจารย์ทางโหราศาสตร์ที่สำคัญคนหนึ่งของเมืองไทยอีกด้วย ท่านถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๔๖๒ อาจารย์เทพย์เป็นบุคคลที่มีลักษณะพิเศษกว่าคนทั่วไป ท่านมีรกซึ่งมีลักษณะเป็นหมวกครอบศีรษะออกมาด้วยเป็นที่พิศดาร คุณหลวงวิศาลรุนกร (อั้น สาริกบุตร) ท่านเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เป็นคุณลุงของอาจารย์เทพย์ และท่านยังเป็นโหราจารย์ที่มีชื่อคนหนึ่ง ตั้งชื่อให้ว่าเทพย์เพื่อเป็นมงคล ท่านพูดเป็นคำขันว่า เจ้าหมอเทพย์คนนี้น่ากลัวจะมีวิชาดีเอาติดตัวมาด้วย คำพูดของท่านเป็นจริงเมื่ออาจารย์เทพย์เติบโตขึ้นท่านก็กลายเป็นนักวิชาการ ทางด้านโหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ของเมืองไทยคนหนึ่งมี พันเอกหลวงธรณีนิติญาณ (สวัสดิ์ อินทรพล) ซึ่งเป็นคุณลุงทางฝ่ายมารดา ถ่ายทอดวิชาหมอดู โหราศาสตร์ไทยให้ท่าน ในขณะที่คุณหลวงวิศาลฯ สอนวิชาโหราศาสตร์สากล ท่านเป็นคนวิริยะอุตสาหะจริงๆ ใช้เวลาทุกขณะค้นคว้าหาความรู้ทางด้านนนี้มาตลอด ส่วนทางด้านไสยเวทย์มีคุณพ่อของอาจารย์ซึ่งถ่ายทอดวิชาวัดปากคลองมะขามเฒ่า ให้เป็นพื้นฐาน (คุณพ่อของอาจารย์เทพย์เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลอง) นอกจากนั้นยังมีพระอาจารย์สี วัดมณีชลขันธ์ อาจารย์ผาด หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วถ่ายทอดวิชาทำยาจินดามณีอันศักดิ์สิทธิ์ และวิชาทำพระไม้โพธิ์แกะห้ามสมุทรที่มีคุณวิเศษ เป็นลูกศิษย์รักของท่านเจ้าคุณศรีสัจจาสนธิ์ วัดสุทัศน์ที่ถ่ายทอดวิชาการหล่อพระกริ่งอันดับหนึ่งในเมืองไทย และท่านยังได้ศึกษาวิชาเพิ่มเติมจากวัดประดู่โรงธรรม อยุธยา ตักศิลาที่สำคัญยิ่งของเมืองไทย ท่านได้พบกับหลวงปู่เทียม วัดกษัตริย์ตรา หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ ที่เดินทางมาศึกษาวิชาวัดประดู่เหมือนกัน และเป็นสหธรรมมิกที่สนิทสนมกันเป็นพิเศษ แลกเปลี่ยนวิชากันอยู่เสมอมิได้ขาด นอกจากนี้ท่านยังแลกเปลี่ยนวิชากับหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน (สำหรับหลวงปู่รอดนี้ เรื่องมีอยู่ว่า มีลูกศิษย์ของท่านถูกเจ้าเข้ามาตลอด ญาติจึงพามาหาหลวงปู่รอดเพื่อแก้ไข แต่ท่านได้รดน้ำมนต์ ลงตะกรุดให้ติดตัว แต่เจ้าก็ยังเข้าได้อยู่ดี จึงได้ให้ลูกศิษย์มาหาอาจารย์เทพย์ เพื่อขอคำแนะนำ อาจารย์เทพย์ได้ลงตะกรุดไปให้ดอกหนึ่งถวายหลวงปู่รอด หลวงปู่รอดจึงให้คนที่ถูกเจ้าเข้าสิงใส่ติดตัวแทนตะกรุดหลวงปู่ เป็นที่น่าอัศจรรย์เจ้าที่เคยเข้าได้มาตลอดกลับเข้าไม่ได้อีกเลยนับตั้งแต่ บัดนั้น หลวงปู่รอดจึงขึ้นมาหาอาจารย์เทพย์ถามเรื่องยันต์ในตะกรุดนั้นว่าลงอะไร อาจารย์เทพย์จึงถวายวิชาลงตะกรุดนั้นให้หลวงปู่รอดไป นับตั้งแต่บัดนั้นหลวงปู่รอดไปมาหาสู่อาจารย์เทพย์มาโดยตลอดแลกเปลี่ยนวิชา กันอยู่เสมอ ท่านมากรุงเทพเมื่อไหร่ต้องมาแวะพักค้างที่บ้านอาจารย์เทพย์มิได้ขาด อาจารย์เทพย์นับถือหลงปู่รอดเป็นครูบาอาจารย์ของท่านองค์หนึ่งเลยทีเดียว ท่านยังเป็นเจ้าพิธีที่สำคัญๆของเมืองไทยอยู่หลายพิธี ซึ่งหลายท่านยังคงไม่ทราบ เช่น พิธีมหาจักรพรรดิ์กษัตราธิราช วัดปรินายก และที่พิษณุโลก พิธีที่สำคัญและน้อยท่านที่ทราบวิธีการจัดให้ถูกต้อง และพิธีหล่อพระกริ่งจอมสุรินทร์ พระกริงเอกาทศรถ พระกริ่งจิตคุโตหลวงพ่อผาง ฯลฯ ที่กล่าวมานี้ท่านลงแผ่นทอง กำหนดฤกษ์ยามให้ และเป็นเจ้าพิธีควบคุมด้วยตัวท่านเอง พระกริ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับท่าน คือพระกริ่งวัดปรินายก พระกริ่งปวเรศน้อย วัดช่องลม(วัดสีห์ไกรสร) ท่านทำตอนที่ท่านบวชเป็นพระภิกษุ ว่ากันให้หมู่ลูกศิษย์เททองเสร็จ ยิงได้เลยยังไม่ต้องปลุกเศกผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ ปืนยิงไม่ออกแม้แต่นัดเดียว ทำให้พระกริ่งชุดนี้ เป็นที่เสาะแสวงหากันมากในหมู่นักนิยมสะสมพระเครื่อง และยังมีการปลอมออกมาหลายฝีมือทีเดียว พระกริ่งดาว ๗ ดวง ที่หล่อเพียง ๗ องค์เท่านั้น ใครที่คิดจะหาปิดประตูได้เลย เพราะอยู่กับผู้ที่มีอันจะกินระดับแนวหน้าของเมืองไทยทั้งหมด ที่เรียกกริ่ง ๗ ดาวนี้ เนื่องจากในปีนั้นมีดวงพระเคราะห์ทั้ง ๗ ดวงเคลื่อนเข้ามาอยู่ในราศีเดียวกัน และให้คุณเป็นอันมาก เรียกว่ารอกันเป็นสิบๆ ปีได้เลยกว่าจะเกิดปรากฏการแบบนี้ จึงเป็นที่มาของพระกริ่ง ๗ ดาว ส่วนพระบูชาไม้โพธ์แกะปางห้ามสมุทร หรือโพธิ์นิพพาน ท่านได้สร้างไว้เหมือนกันแต่น้อยมากๆ พระควัมบดีแกะจากไม้รักซ้อนตายพรายก้นอุดด้วยพระธาตุและผงวิเศษ พระควัมบดีแกะจากไม้หิ่งหายผี ส่วนเครื่องรางก็จะมี เสื้อยันต์ท่านทำสมัยสงครามอิน โดจีน ผ้ายันต์ต่างๆ เชือกคาดเอว (ลงแล้วเผาไฟไม่ไหม้ตามตำรา) สำหรับเครื่องรางเหล่านี้จะต้องมีเครื่องสังเวยครูตามตำรานั้นๆ เลยทีเดียวถ้าไม่มีมาท่านจะไม่ทำให้เป็นอันขาด เพราะท่านถือเรื่องการเคารพครูเป็นอย่างสูง เครื่องรางของท่านแต่ละชิ้นจึงมีราคาค่าตัวสูงพอสมควร ตะกรุดต่างๆ เช่น ตะกรุดมหาจักดิ์กษัตราธิราชที่ลงในพิธีมหาจักรพรรดิ์ที่นับดอกได้ ปีที่ทองคำตกบาทละ ๕๐๐๐ กว่า เคยมีคนเอาทองคำหนัก ๖ บาทมาแลกตะกรุดมหาจักรพรรดิ์ไป ๑ ดอก ตะกรุดคู่ชีวิต ตะกรุดดวงพิชัยสงคราม และตะกรุดอื่นๆ ประคำประเจ้าตรึงไตรภพ ที่ทำจำน้อยมากมีไม่เกิน ๒๐ กว่าเส้นเท่าที่ทราบ และหาผู้ที่รู้จริงทำได้น้อยมากเช่นกัน แม้แต่วัดกลางบางแก้วเอง สิ้นหลวงปู่บุญ ก็ไม่มีท่านใดทำต่อได้เลย ลงด้วยคาถารัตนมาลา ทั้ง ๑๐๘ คาถาและต้องท่องจบสูตรรัตนมาลาทั้งหมด ๓ ห้อง คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไส้ทำด้วยเงินลงยันต์ บ้างท่านเป็นทองคำก็มี พันดวยกระดาษสาโรยด้วยผงยันต์ปถมัง ฯลฯ ลงรักปิดทองทั้งเส้น ผมยังมีบุญที่ได้เห็นอยู่หนึ่งเส้นในชีวิต เพราะของสำคัญอาจารย์เทพย์ส่วนใหญ่ จะตกอยู่ในมือผู้ที่มีอันจะกินระดับเจ้าสัว แทบทั้งสิ้นจึงไม่มีของหลุดออกมาให้เห็น มีดเทพศาสตราที่รวบรวมชนวนพระกริ่งที่ท่านทำทั้งหมดมาหลอมเป็นใบ นำมาตบแต่งเป็นมีดจารทั้งใบหน้าหลังมีดท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ขณะที่ลงใบปลายมีดลงยันต์โอ้ฟ้าผ่าอยู่นั้น ฟ้าก็ได้ผ่าลงมาให้เห็นจริงๆ จะเห็นได้ว่าท่านเรียนวิชาอะไรก็สำเร็จตามคุณวิเศษของตำรานั้น เท่าที่ผมได้ทราบมากับตัวเองและที่เห็นในเรื่องเหล่านี้ก็จะมี อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร และอาจารย์ชุม ไชยคีรี สองท่านนี้ที่ทำได้ตามตำราจริงๆ คุณวิเศษของมีดนั้นเรื่องไล่ผี ขับคุณไสยถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา มีดของท่านยังใช้ทำความได้ด้วย (เรื่องนี้ผมได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวจากลูกศิษย์คนสนิทของท่านคนหนึ่ง ว่ายังใช้ทำความได้ดี ใช้ข่มศัตรู เพียงแต่นำรู้ถ่ายของคู่ความ คู่กรณีมาว่าคาถาที่กำกับ และพันกับด้ามมีดเท่านั้น คู่ความไม่สามารถว่าความได้เลย) วิชาทำยาจินดามณีได้รับอนุญาติจากสำนักพระราชวัง ให้ใช้พระอุโบสถวัดพระแก้วประกอบพิธี นับว่าหาได้ยากจริงๆ เท่าที่ทราบก็ไม่มีผู้ใดอีกเลยที่ทำพิธียาจินดามณี ในพระอุโบสถ วัดพระแก้วได้ นอกจากนี้ยังได้รับโปรดเกล้าจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้หล่อพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ ถวายพระองค์อีกด้วย สีผึ้งสามไฟที่เลื่องลือในด้านเมตตานิยม การเจรจาเป็นอย่างสูง พิธีสุดท้ายท่านทำที่วัดเสน่ห์หา เมื่อทำสำเร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จพระราชดำเนินมายังวัดเสน์ห์หาพอดี นับว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์เป็นอย่างมากสำหรับอาจารย์เทพย์ ที่ได้ลองทำวิชาสีผึ้งสามไฟ ใครมาขอท่านจะให้แค่เท่าหัวไม้ขีดไฟเท่านั้น และนำไปผสมกับสีผึ้งที่เตรียมมา ลูกศิษย์ที่ได้ใช้ต่างบอกเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่าวิเศษตามที่ท่านได้บอก สรรพคุณจริงๆ ระยะหลังท่านได้เลิกทำเครื่องราง เพราะสุขภาพไม่อำนวย แต่ยังคงไว้ในส่วนพระกริ่งของท่านเองที่ทำเพื่อการสร้างวัดวาอาราม บูรณปฏิสังขรณ์ ถาวรวัตถุต่างๆ ครั้งหลังนี้ท่านเลือกประกอบพิธีที่วัดตะเคียน (วัดมหาพฤฒาราม) มาโดยตลอดเพราะรู้จักสนิทสนมกับเจ้าอาวาส พระกริ่งที่เทวัดคะเคียนนี้ ที่ผมจำได้จะมี พระกริ่งนวโกฏิ (พระนวเศรษฐี) พระกริ่งปวเรศ พระชัยวัฒน์ พระบูชาหลวงพ่อดำ (พระบูชาหลวงพ่อดำนี้เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ พระจำองค์สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ ที่พระองค์เดิมเป็นพระสมัยเชียงแสนหล่อด้วยสำริด เนื้อกลับเป็นสีดำ ส่วนฐานท่านได้ให้ช่างแกะเป็นเทวดานพเคราะห์ทั้ง ๙ ดวง และแผงไม้ประดับองค์พระด้านหลัง คล้ายกับพระพุทธชินราช พิษณุโลก และถวายพระนามใหม่ว่าหลวงพ่อดำ) เหรียญนารายณ์แปลงรูป เหรียญพุทธนิมิตร ส่วนการประกอบพิธีพุทธาภิเษกท่านได้นิมนต์หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อทองอยู่ วัดหนองพะองค์ (หลวงพ่อทองอยู่นี้ท่านดังมากในเรื่องใช้กสิณดับแสงดาว และท่านยังเป็นญาติทางฝ่ายแม่ของอาจารย์เทพย์อีกด้วย) ส่วนหลวงปู่โต๊ะ ท่านเป็นสหธรรมมิกกับอาจารย์เทพย์ เวลาที่หลวงปู่โต๊ะทำผงมักจะมาทำที่บ้านของอาจารย์เทพย์เสมอ ประสพการณ์ของอาจารย์เทพย์นั้นมักจะมีในแทบทุกด้าน วิชาที่ท่านทำแต่ละอย่างนั้นถือว่าศักดิ์สิทธิ์ และเป็นวิชาชั้นสูง อย่างเช่น ทางด้านเมตตามหานิยม นั้นท่านทำให้ถึงขนาดที่ว่าเทวดายังต้องลงมารัก มาเมตตาสงสาร ให้ความช่วยเหลือ ไม่ใช่เมตตามมหาเสน่ห์แล้วจบลงด้วยการนอนร่วมเพศกันเหมือนกับอาจารย์ลวงโลก ในสมัยนี้ทำ ท่านยกอุปมาอุปมัยมาสั่งสอนลูกศิษย์โดยตลอด ในเรื่องต่างๆเหล่านี้ วิชามหาเสน่ห์ท่านก็มีแต่ไม่ได้ประสิทธิประสาทให้กับผู้ใด ท่านว่าเป็นวิชาขั้นต่ำ ท่านเคยทำวิชานี้ให้พระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขันธ์ ได้ประจักษ์เป็นบุญตามาแล้ว (เมื่อปี ๕๐ มีลูกศิษย์พระอาจารย์ติ๋ว ท่านหนึ่งโทรมาแลกเปลี่ยนประสพการณ์กับผม เล่าให้ฟังว่า มีอยู่วันหนึ่งที่พระอาจารย์ติ๋วเข็ญรถอาจารย์เทพย์ ออกมาหน้าบ้านท่านบอกอยากเห็นอะไรมั๊ย พอพูดจบท่านนั่งภาวนาคาถาสักครู่ ในขณะนั้นมีผู้หญิงสองคนเดินผ่านหน้าบ้านท่านพอดี ท่านจึงเป่าคาถาใส่ผู้หญิงสองคนนั้น ปรากฎว่าผู้หญิงสองคนนั้นเดินเข้ามาหาอาจารย์เทพย์และหอมแก้มท่านเป็นการ ใหญ่ ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันเลย พระอาจารย์ติ๋วเห็นแล้วถึงกับอึ้ง ในวิชามหาเสน่ห์ของอาจารย์เทพย์ที่ทำให้ดู) อาจารย์เทพย์ ท่านมรณะเมื่อ วันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๓๖ นับว่าเป็นการสูญเสียครูบาจารย์ที่สำคัญ ท่านหนึ่งในเมืองไทย นี่เป็นประสพการณ์เล็กๆน้อยส่วนหนึ่งที่ผมได้รับรู้ ได้เห็นมา
    [/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    ข้อมูลจากเวป
     
  4. Orkar

    Orkar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +952
    อาจารย์เทพย์ท่านเป็นคนกรุงเทพ ฯ มีศักดิ์เป็นหลานชายของหลวงวิศาลดรุณกร (อั้น สาริกบุตร) อดีตผู้อำนวยการของโรงเรียนสวนกุหลาบ คุณหลวงวิศาลดรุณกรนี้ตามประวัติชำนาญทางโหราศาสตร์มาก เพราะเป็นศิษย์ของพระเทวโลก โหรหลวงนามอุโฆษในสมัยรัชกาลที่ ๖ และคุณหลวงยังชำนาญทางวิทยาคมและพระกรรมฐาน โดยเป็นศิษย์เรียนกรรมฐานในสำนักวัดราชสิทธาราม โดยมีพระสังวรานุวงศ์เถร (ชุ่ม) เป็นอาจารย์ พระสังวราชุ่มนี้เป็นผู้ทรงกิตติคุณทางวิปัสสนาธุระองค์หนึ่ง และได้เล่าเรียนทางวิปัสสนาเพิ่มเติม แม้ทางสายมหายาน โดยคุณหลวงได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ขององทันเคียด แห่งวัดอุภัยราชบำรุง (วัดญวน) เพื่อศึกษากรรมฐานกระทำมุทราตามแบบพุทธตันตระอีกด้วย อ.เทพย์ก็ได้ความรู้จากเจ้าคุณอามิใช่น้อย ส่วนทางมารดาของท่านเองก็มีผู้ชำนาญในทางนี้คือท่าน พันเองหลวงธรณีนิติญาณ

    จำได้ว่าภายหลังบิดาท่านย้ายไปทำงานราชการแถบชานเมือง แต่อ.เทพย์ก็ยังคงวนเวียนศึกษาหาความรู้ทั้งทางโลกและทางไสยเวทพุทธาคมอยู่ในแถบพระนครนี่เอง ก็มีแถววัดสามปลื้ม วัดปทุมคงคา วัดสามจีน ย่านนี้ซึ่งมีคนดีมีวิชา เป็นพระเป็นอาจารย์สักบ้างอยู่หลายท่าน และก็ได้เรียนกับท่านมหาโต๊ะสำนักวัดราชบุรณะ และก็อาจารย์อีกหลายรูปแถบฝังธน ทั้งทางเลขยันต์และพระกรรมฐานจนมีความแตกฉาน ต่อมาราว พ.ศ. 247 กว่า ๆ ท่านพระครูใบฎีกาเทพย์ สิงหรักษ์ ฐานานุกรมในสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว. เจริญ อิศรางกูร ณ อยุธยา) วัดระฆัง ได้พิมพ์ตำราเพ็ชรรัตน์มหายันต์ขึ้น ช่วงนั้นอ.เทพย์ท่านได้แวะเวียนไปปรึกษาด้านวิชาอยู่เนือง ๆ และก็มีท่านเจ้าคุณศรี วัดสุทัศน์ ฯ อีกรูปหนึ่งที่อ.เทพย์ยกย่องเป็นอาจารย์ด้วยความเคารพ ท่านผู้นี้สนใจศึกษาไสยศาสตร์ตั้งแต่ครั้งยังบวชเป็นสามเณรกับพระพุทธวิถีนายก (บุญ) วัดกลางบางแก้ว กล่าวกันว่า ในสมัยนั้นท่านแตกฉานในวิชาทางนี้มาก ถึงขนาดยกย่องกันว่า ไม่มีคาถาอาคมบทไหนที่ไม่เคยผ่านสายตาท่านมาก่อน อ.เทพย์ได้เรียนวิชาพระยันต์ ๑๐๘ นะ ๑๔ ตามตำรับพระพนรัตน วัดป่าแก้วที่ใช้หล่อพระชัยวัฒน์ในพระราชพิธี ต่อมาได้ประยุกต์มาหล่อพระกริ่งกันจนทุกวันนี้
    วิชาทางคงกระพัน อ.เทพย์เคยไปฝากตัวศึกษาอยู่กับท่านอาจารย์ ที่จำวัดอยู่วัดน้อยทองอยู่และวัดภุมรินทร์ราชปักษา ซึ่งปัจจุบันร้างไปแล้วภายหลังสงครามโลก และก็ได้ไปสำนักวัดมณีชลขันฑ์ ลพบุรี ได้วิชาสายนี้มามากพอดู ท่านอาจารย์เทพย์ก็เป็นที่รู้จักของบรรดาพระเถรานุเถระทั้งหลายในกรุงเทพ ฯ สมัยก่อน รูปใดมีความรู้ความสามารถท่านก็ไปปรึกษาอยู่เนือง ๆ ประกอบกับได้ค้นคว้าด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่จากตำรับตำราสารพัดที่ตกทอดมาแต่โบราณ ติดขัดตรงไหนก็ไปไต่ถามผู้รู้ จนกระทั่งมีความแตกฉาน แม้สำนักวัดประดู่ทรงธรรม สำนักวัดพระญาติ ทางพระนครศรีอยุธยา ท่านก็เคยไปสืบวิชามา และก็รู้จักกับอ.เฮง อีกด้วย เด็กนักเรียนสวนกุหลาบ เทพศิรินทร์สมัยก่อนมาลงวิชาชาตรีกับอ.เฮงมิใช่น้อย

    การศึกษาวิชาของอ.เทพย์ ก็วนเวียนอยู่ในสายกรุงเก่า-กรุงเทพนี้เอง คือครูบาอาจารย์จากอยุธยาและบางกอกก็สายเดียวกัน เว้นแต่สายทางมอญซึ่งท่านไปแลกเปลี่ยนกับพระสมุห์โต๊ดวัดชนะสงคราม และก็หลวงปู่รอด ปรมาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมแห่งวัดบางน้ำวน และก็เริ่มมีลูกศิษย์ลูกหามากขึ้นตามวัยวุฒิคุณวุฒิ ท่านไม่หยุดจะเสาะแสวงหาความรู้ ทำให้ยากที่จะกำหนดครูบาอาจารย์ที่ได้เรียนวิชามาได้แน่นอน ที่สำคัญคืออาจารย์ฆราวาสซึ่งสำเร็จวิชาแก้ว ๔ ดวง ได้สอนวิชานี้ให้โดยบอกเป็นปริศนา “หกสองหกยกเสียสองตัว คุณแก้วเหนือหัวคำเดิมอย่าเสีย ฯลฯ” ให้คิดถอดถอนเพื่อหนุนธาตุทำให้บังเกิดอิทธิฤทธิ์ขึ้นมา คนใกล้ชิดอ.เทพย์เล่าว่าอาจารย์ผู้นี้บอกเคล็ดวิชาแล้วก็เดินลงน้ำหายไปอย่างไร้ร่องรอย นอกจากนี้ยังได้รู้จักกับ อ.พรหม ขมาลา (เปรียญ) สำนักวัดพระเชตุพน ซึ่งท่านผู้นี้มีส่วนสำคัญในการเสาะหาตำรับตำราต่าง ๆ เพื่อมาชำระ โดยในครั้งแรกมีพระมงคลราชมุนี (สนธิ์) วัดสุทัศน์ ฯ เป็นที่ปรึกษา แต่ท่านก็ได้มรณภาพไปเสียกลางคัน ทำให้โครงการตำราคัมภีร์พระเวทต้องชะงักไปชั่วคราว แต่ก็ได้ริเริ่มจนเสร็จ อ.พรหมผู้นี้ชำนาญทางผงวิเศษ เพราะสืบสายวิชามาจากสายสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง แม้ อ.ตรียัมปวาย (พ.อ.ประจญ กิตติประวัติ) ก็ยังรู้จักและนับถือ ใช้เวลาหลายปีจึงสำเร็จออกมาเป็นชุดคัมภีร์พระเวท ๖ เล่ม ตั้งแต่ฉบับปฐมบรรพ ถึงฉัฏฐบรรพ ชุดคัมภีร์ ๖ เล่มนี้ท่านพิมพ์เองและได้ขาดตลาดไปร่วม ๓๐ ปีแล้ว แม้ที่พิมพ์ขายอยู่ในปัจจุบันก็เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยจากคัมภีร์ชุดใหญ่ ๖ เล่มนั้น
    สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่จะมีผู้คน ลูกศิษย์ลูกหาแวะเวียนไปปรึกษา หาความรู้อยู่ไม่ขาด แรกที่เดียวบ้านอ.เทพย์อยู่ถนนเพลินจิต พระนคร ต่อมา ท่านได้ขายที่และย้ายไปอยู่แถว ลาดพร้าว บางเขน ท่านมีเรื่องต้องไปบวชในร่มเงาสมณเพศ จำพรรษาที่วัดสีหไกรสร บางกอกน้อย เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการให้ฤกษ์กับคณะปฏิวัติ พอคลี่คลายจึงได้ลาสิกขาออกมา ระหว่างบวชได้สร้างพระกริ่งที่เรียกกันว่า “กริ่งปวเรศน้อย” เสกดีมาก ๆ ถ้าจำไม่ผิดหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ (พระไพโรจน์วุฒาจารย์) รับนิมนต์มาเสกด้วย ลูกศิษย์ลูกหา อ.เทพย์ส่วนใหญ่เป็นคนใหญ่คนโต นักการเมือง ทหาร ตำรวจ ทางในรั้วในวังก็รู้จัก และไม่เพียงด้านไสยศาสตร์แม้โหราศาสตร์ท่านก็แตกฉาน ท่านเคยทำยาจินดามณีถวายพระเจ้าอยู่หัวด้วย

    สมัยก่อนใครสนใจเรื่องคงกระพัน ไปพบท่าน ท่านเสกคาถาจำพวกหัวใจ ๔ ตัว แล้วก็ลองสับให้ดูได้ อย่างเรื่องสะเดาะกุญแจนี้ มีครั้งหนึ่งอาจารย์เทพย์ไปบ้านอ.หนู (นิรันดร์) ที่ทำพระกริ่งวัดสุทัศน์ ไปนอนเล่นอยู่หรืออย่างไรนี่แหละ อยู่ ๆ ก็มีลูกศิษย์คนหนึ่งเข้ามาบอกเห็นว่าขลังนัก ลองสะเดาะประแจให้ดูหน่อย ถ้าทำได้จริงถึงจะเชื่อ อะไรทำนองนี้ สถานการณ์บังคับท่านจึงจำใจหยิบกุญแจมาใส่มือบริกรรม แล้วก็ตบไปที่กุญแจนั้น เสียงลั่นดังเปรี๊ยะปรากฏว่ากุญแจลั่นออก ข้างในแตกและพังไปเลย ปัจจุบันได้ยินว่ากุญแจนั้นก็ยังอยู่เป็นหลักฐาน แต่อยู่ที่ใครผมไม่ทราบเพราะไม่ได้ถามไว้ แล้วก็เรื่องปลุกพระภควัมให้ลุกนั่ง คือเอาพระภควัมมาใส่แช่น้ำมันหอมในขันสัมฤทธิ์ ปลุกให้พระลุกตั้งขึ้น ท่านทำไว้หลายองค์ แต่ต้องนั่งเสกนานหลายวัน ที่น่าสนใจคือมีคราวหนึ่งท่านลองเสกดอกจำปาเป็นแมลงภู่ตามคำยุของศิษย์ เอาดอกจำปาใส่ขันปิดฝาเสก เสกแล้วเสกเล่าก็ไม่เป็น จนผ่านไปหลายวัน ไม่เป็นสักที ท่านเกิดโมโหจึงเอาขันไปเททิ้ง พอเทออกเท่านั้นล่ะครับ ดอกจำปาก็บินเป็นแมลงภู่ไปทันที ใครอยากเสกอะไรก็ขอให้จำไว้เป็นอุทาหรณ์ ว่ามันไม่ใช่ของง่ายเลยนะครับ บั้นปลายอ.เทพย์ท่านป่วยเป็นเบาหวาน จนถึงที่สุดกับต้องตัดขาทั้งสองข้าง แต่ท่านก็กำลังใจดี มีธรรมะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว จนถึงวาระสุดท้ายท่านก็จากไปอย่างสงบ พระราชทานเพลิงศพที่วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน ลูกศิษย์คนสำคัญของท่านยังมีอยู่หลายคน หนึ่งในนั้นเคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง เมื่อผมยังบวชเป็นพระที่วัดบวรนิเวศ เคยไปฉันบ้านท่านผู้นี้ ยังได้พบกับ อ.ถนอม ศิษย์สำคัญคนหนึ่งของอ.เทพย์ที่บ้านท่านเลยครับ จบเรื่องท่านอาจารย์ใหญ่แต่เพียงคร่าว ๆ เท่านี้ครับ เรื่องยังมีอีกมากจำไม่หมด ตรงไหนเลอะเลือนไปก็กราบขออภัยท่านผู้เกี่ยวข้องมา ณ โอกาสนี้
    อนึ่ง ลายมืออักขระในตำราอาจารย์เทพย์นั้นมิใช่ลายมืออาจารย์เทพย์เขียนดังที่หลายคนเข้าใจ ผู้เขียนคืออ.จริน ผู้มีลายมืองดงาม กล่าวกันว่าท่านผู้นี้ก็สามารถลบผงปถมังทะลุกระดานได้ครับ





    ข้อมูลจากเวป


     
  5. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..ขนาด..หนังสือ..พุทธรัตน์มหายันต์ ๑๐๘ และ นะพิสดาร..ของ อาจารย์ เทพ...อยูในกลางกองหนังสือ..ที่ปลวกกิน..แต่หนังสือท่าน..ไม่มีร่องรอยแต่นิดเดียว..ว่ามีปลวกมาแตะ....
     
  6. Orkar

    Orkar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +952
    ต้องยอมรับเลยครับ

    ว่าท่าน เป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์ด้านนี้

    ของจริง
     
  7. namitta

    namitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,061
    ค่าพลัง:
    +3,517
    ขอนอบน้อมต่อครูบาอาจารย์ ขอรับ
     
  8. Tackled

    Tackled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,523
    ค่าพลัง:
    +6,730
    อ.เทพย์ ท่านเป็นผู้ชำระตำราไสยศาสตร์ไทย (ครูบาอาจารย์ท่าเล่าให้ฟังผิดพลาดขออภัย) ตำรับตำราท่านเยอะมากครับ ประวัติท่านตามที่คุณ orkar ลงไว้นั่นแหละครับ พระท่านสร้างไว้ส่วนใหญ่จะเข้าไปอยู่ในวังหมดครับ รู้แค่นี้แหละครับ
     
  9. Ong

    Ong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +12,861
    ได้ความรู้มากครับ
     
  10. morinaka

    morinaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +432
    :cool: ไม่ทราบว่าจะใช่ท่านนี้รึปล่าวนะครับ ^_^
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. Orkar

    Orkar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +952


    ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ
    ทราบแต่ประวัติท่าน
    ไม่เคยเห็นรูปเลย
    รอท่านผู้รู้มาตอบครับ
     
  12. ccdd

    ccdd Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +26
    ขอบคุณ คุณmorinaka มาก

    เป็นรูปอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ครับ ผมเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของท่าน เคยเรียนวิชาโหราศาสตร์กับท่าน เมื่อครั้งที่ท่านได้กรุณาไปสอนเป็นวิทยาทานให้กับผู้สนใจทั่วไปที่สมาคมโหรแห่งประเทศไทย ตรงข้ามวัดบวรนิเวศน์วิหาร ท่านเป็นนักปราชญ์ผู้คงแก่เรียนที่น่านับถือ น่าเลื่อมใสศรัทธามาก ในขณะที่พื้นฐานวิชาทางไสยศาสตร์และโหราศาสตร์ ของท่านมีความครอบคลุม ลึกซึ้งยิ่งนั้น ท่านก็ยังเปิดกว้างรับฟังความรู้และแนวคิดของคนรุ่นใหม่อย่างมีเมตตา

    ก่อนจะไปเรียนโหราศาสตร์ก้บท่านนั้น คนที่มาชวนผมได้เล่าเรื่องราวประวัติและผลงานโดยย่อของท่านให้ฟังคร่าวๆ และบอกผมว่าโอกาสที่จะมีคนที่ทั้งเป็นคนเก่ง คนดี ในระดับปรมาจารย์ในวิชาโหราศาสตร์ เช่นท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร มาสอนวิชาโหราศาสตร์ให้นี้มีน้อยมาก ควรต้องรีบไปเรียน ท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่น่านับถือที่สุดท่านหนึ่งที่ผมเคยพบมา ท่านมีความตั้งใจในการถ่ายทอดวิชาความรู้อย่างเต็มที มีการเตรียมการสอนมาเป็นอย่างดีทุกครั้ง ท่านไม่ปิดบังอำพรางความรู้ใดๆ ท่านถ่ายทอดเท่าที่ท่านรู้ให้ทั้งหมด ตอบคำถามทุกประเด็นเท่าที่ท่านมีความรู้ความสามารถจะตอบได้ ท่านปรารภในบางครั้งว่า ตระกูลของท่านนั้นผูกพันกับวิชาโหราศาสตร์มาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ (ผมเข้าใจว่าบุคคลรุ่นก่อนๆในตระกูลของท่านน่าจะมีหลายคนเป็นนักโหราศาสตร์ที่ทำงานอยู่ในรั้วในวัง) และตัวท่านเองก็รักวิชาโหราศาสตร์มาก พยายามศึกษาค้นคว้ามาตลอดชีวิต แต่น่าเสียดายที่ลูกหลานของท่านไม่มีใครสนใจจะรับช่วงวิชานี้ต่อไปเลย และคงจะสิ้นสุดลงที่ตัวท่าน ท่านจึงต้องการมากที่จะถ่ายทอดวิชานี้ให้มีผู้รับสืบทอดไปให้มากที่สุดเท่าที่ท่านจะทำได้

    มีประเด็นหนึ่งที่ผมเพิ่งทราบเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ในตอนที่ไปหาซื้อตำราที่ร้านเกษมบรรณกิจ เวิ้งนครเกษม ปรากฏว่าหนังสือบางชุดของอาจารย์เทพย์ขายหมดไปนานแล้ว จึงถามเจ้าของร้านว่าจะพิมพ์ใหม่เมื่อไหร่ เจ้าของร้านบอกว่าเล่มที่ได้ลิขสิทธิ์มาก็อาจพิมพ์ใหม่ได้ถ้ามีลูกค้าถามหาจำนวนมากพอ แต่บางเล่มก็ไม่ได้ลิขสิทธิ์มาไม่สามารถพิมพ์ใหม่ได้ ผมจึงถามเขาว่าทำไมไม่ขอซื้อลิขสิทธิ์มา เจ้าของร้านจึงพูดถึงอาจารย์เทพย์ว่า หนังสือของอาจารย์เทพย์นั้นไม่ใช่ว่าให้เงินท่านมากๆแล้วจะซื้อลิขสิทธิ์มาได้ อาจารย์เทพย์ท่านเป็นคนรวยนะ ท่านเป็นผู้ดีมีตระกูลมีสมบัติพัสถานเยอะแยะ ที่ท่านให้ลิขสิทธิ์ก็เพราะท่านต้องการให้มีการเผยแพร่วิชานี้ออกไปเป็นสำคัญ ไม่ใช่เพราะว่าท่านต้องการเงิน ส่วนบางเล่มบางชุดที่ท่านไม่ให้ท่านก็ไม่ให้ อย่างเช่นชุดที่ผมถามถึงนั้น เจ้าของร้านบอกว่าเคยไปถามอาจารย์เทพย์เหมือนกันว่าจะขอลิขสิทธิ์มาพิมพ์ใหม่ ท่านก็บอกว่าพิมพ์เท่าไรก็ขายเท่านั้นแหละ ไม่พิมพ์เพิ่มอีกแล้วชุดนี้ แล้วแต่วาสนาที่ใครจะได้ไป ฯลฯ

    ผมจึงไม่แปลกใจที่ตำหรับตำราที่ท่านเขียนบางเล่มบางชุดหาไม่ได้แล้วในท้องตลาด และก็ไม่แปลกใจว่าทำไมท่านจึงสามารถทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตให้กับการศึกษาค้นคว้าวิชาไสยศาสตร์และโหราศาสตร์และได้สร้างผลงานที่มีคุณค่ายิ่งไว้เป็นคุณประโยชน์ต่ออนุชนรุ่นหลังมากมาย โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาเรื่องการทำมาหาเลี้ยงชีพมากนัก ผมคิดว่าคงจะเช่นเดียวกับกรณีของคาร์ล กุสตาฟ จุง ปรมาจารย์ทางด้านจิตวิเคราห์ซึ่งเป็นคนสวิสในตระกูลที่รำรวย จึงสามารถทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ทำการศึกษาค้นคว้าทางด้านจิตวิเคราะห์จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต และได้สร้างผลงานทางด้านจิตวิเคราะห์ที่มีคุณค่ายิ่งไว้เป็นคุณประโยชน์ต่ออนุชนรุ่นหลังมากมายเช่นกัน โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาเรื่องการทำมาหาเลี้ยงชีพมากนัก

    เรื่องราวเกี่ยวกับอาจารย์เทพย์ สาริกบุตรที่ผมทราบมานั้น ถ้าจะเขียนทั้งหมดออกมาคงต้องเขียนเป็นบทความบทหนึ่งทีเดียว ในตอนท้ายนี้จึงขอเล่าอีกเพียงสองเรื่องคือ เรื่องที่ท่านตอบผมว่าไสยศาสตร์กับโหราศาสตร์วิชาไหนยากกว่ากัน กับเรื่องราวผลงานการทำนายของท่านที่เป็นตำนานเล่าขานกันในวงการโหราศาสตร์ยุคนั้นในช่วงเวลาที่ผมไปเรียนโหราศาสตร์กับท่าน

    เรื่องแรกเป็นคำถามที่เผมเคยเรียนถามท่านเมื่อตอนที่ไปเยี่ยมท่านที่บ้านครั้งหนึ่ง ผมถามท่านว่า ไสยศาสตร์กับโหราศาสตร์ อะไรยากกว่ากัน ท่านตอบว่าในชีวิตของท่าน ท่านรักสองวิชานี้มากที่สุด ตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ (จำไม่ได้ว่าเป็นคูณตาหรือคุณปู่ของท่าน ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดดังวัดหนึ่งในยุคนั้น และยุคนี้ ในสมัยนั้น เป็นผู้สอนท่านในวัยเด็ก) ท่านต้องไปฝึกบริกรรมเวทย์มนต์คาถาในป่าช้า โดยอยู่คนเดียวทั้งคืน ท่านบอกว่าในความเห็นของท่านวิชาไสยศาสตร์ง่ายกว่าโหราศาสตร์มาก วิชาไสยศาสตร์ต้องการเพียงความเชื่อมั่น ศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม ว่าเอง เออเอง เชื่อมั่นอย่างแท้จริง ว่าจะเป็นเช่นนั้น และก็จะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ถ้าเป็นวิชาไสยศาสตร์ ท่านบอกว่าท่านมั่นใจว่าในแผ่นดินนี้ท่านไม่แพ้ใคร แต่กับวิชาโหราศาสตร์เป็นคนละเรื่องกัน ต้องศึกษาค้นคว้ากันไม่รู้จักจบสิ้น ยังมีประเด็นปริศนา และปัญหาที่ตีความไม่ออกอีกมากมาย ทุ่มเทความรู้ความสามารถ สติปัญญากันอย่างไร โอกาสที่จะทายผิดก็ยังคงมีอยู่ค่อนข้างมากเสมอ ในขณะพูดนั้นหน้าตาของท่านแสดงความหนักใจในวิชาโหราศาสตร์ให้เห็นชัดเจน ตรงกันข้ามกับขณะที่ท่านพูดถึงวิชาไสยศาสตร์

    ส่วนผลงานชิ้นสำคัญทางโหราศาสตร์ของท่านที่พูดกันปากต่อปากทั่วไปในขณะนั้นก็คือ เรื่องเล่าที่ว่า ท่านเป็นคนทำนายว่า นายทหารหนุ่มจากครอบครัวชาวนาที่ยากจนในอีสาน ชื่อสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในอนาคตจะเป็นแม่ทัพใหญ่ไร้ผู้เทียมทานในแผ่นดินนี้ เล่ากันว่าในขณะนั้นนายทหารหนุ่ม สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เปรยกับเพื่อนๆในวงเหล้าอย่างท้อใจว่า กูนะ อนาคตคงแค่นายพันแก่ๆ เพราะเป็นเพียงลูกชาวนาอีสาน ยากจน ไร้เส้นสายใดๆ เพื่อนในวงเหล้าคนหนึ่งชื่อเทพย์ สาริกบุตรจึงขอ วันเดือนปีเกิด เวลาตกฟาก และพยากรณ์ให้เดี๋ยวนั้นเลยว่า ไม่หรอก อนาคตมึงจะเป็นแม่ทัพใหญ่ ที่มีอิทธิพลบารมี บัญชาการทุกกองทัพ เหล่าทัพในแผ่นดินนี้ โดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แล้วคอยดู

    แล้วก็ถึงวันนั้น วันที่คำทำนายของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ปรากฏเป็นความจริงขึ้นมา วันที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม และก้าวขึ้นเป็นเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ชื่อของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ยังคงเป็นชื่อที่หลายฝ่ายเรียกร้องถึงเสมอ ทุกครั้งที่เกิดกลียุคขึ้นในแผ่นดิน เพื่อให้มาจัดการพวกป่วนเมืองเหล่านี้ให้สิ้นซากไปจากแผ่นดินไทยเสียที

    ผมไม่เคยลืมวันแรกที่ได้เห็นอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ที่สมาคมโหรฯเลย กลุ่มเพื่อนที่ไปด้วยกันวันนั้น พูดคุยเห็นด้วยกันหมดทุกคนว่า เพียงเห็นครั้งแรกตอนที่ท่านอยู่นอกห้องบรรยายก็รู้ทันทีว่าคนนี้คืออาจารย์เทพย์ฯ บุคลิกลักษณะของท่านเปล่งประกายจรัสจ้า แต่ท่วงทีกริยาอาการกลับเป็นอากัปกริยาของนักปราชญ์ผู้คงแก่เรียน จุดเด่นบนใบหน้าของท่านคือดวงตาทั้งคู่ที่กล้าแข็งราวแสงพระอาทิตย์ แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาพร้อมๆกัน เพื่อนหลายคนบอกว่าเพียงมองเห็นท่านก็รู้แล้วว่าคนคนนี้เป็นคนมีวิชาอาคมกล้าแข็งแน่นอน

    เขียนมาเท่านี้ก็รู้สึกจะยาวเกินไปแล้ว จึงขอจบเพียงเท่านี้ และขอขอบคุณคุณ morinaka อีกครั้งหนึ่งที่ได้กรุณาโปสท์รูปอาจารย์เทพย์มาให้ในครั้งนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2010
  13. choke

    choke เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    938
    ค่าพลัง:
    +1,651
    คุณพ่อผมท่านได้ศึกาาวิชาตำราของท่านอาจารย์เทพยืไว้หลายฉบับ ยอมรับว่าท่านเป็นผู้ทรงคุณทั้งทางโลกและทางธรรมจริงๆครับ ยากนักที่จะหาใครเสมอเหมือน ผมอยากถามว่าหนังสือที่ท่านอาจารย์เทพย์ได้แต่งขึ้น มีหนังสืออะไรบ้างครับ อยากจะหาให้ครบชุดคุณพ่อผมอายุจะ 80 แล้วท่านบอกว่าขาดอีก 2 เล่มเท่านั้น ขอบคุณครับ
     
  14. Orkar

    Orkar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +952

    ตอนนี้ท่านมีเล่มใหนแล้วบ้างครับ
    จะได้ช่วยลองไล่เรียงดูว่าขาดเล่มใหน
    ผมคงไล่ได้ไม่ครบ
    แต่เชื่อว่าพี่ๆ หลายๆท่านในนี้
    คงพอช่วยกันได้ครับ
     
  15. choke

    choke เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    938
    ค่าพลัง:
    +1,651
    ผมซื้อฉบับรวมเล่มทั้งหมดที่ทำเป้นเล่ม 1 และเล่ม 2 ให้คุรพ่อแล้วครับ ตอนนี้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้วครับผม ขอบคุรพี่มากๆครับ
     
  16. ศรศิลป์

    ศรศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,232
    ค่าพลัง:
    +3,200
    มีพระเกจิอย่างหลวงพ่อสง่า ท่านบอกอย่างภาคภูมิใจว่าศึกษาตำรา อ.เทพย์ สาริกบุตร
    สมัยนี้อาจารย์หลายคนก็ศึกษาตำรา อ.เทพย์ แต่ไม่กล้าบอกเพราะอาย ต้องคุยว่าศึกษาตำราโบราณหายาก ศึกษาจากใบลานคาถาเก่า ผมว่าไม่น่าอายเลยถ้าศึกษาตำราของ อ.เทพย์ มันอยู่ที่เรียนแล้วทำได้ขลังมากแค่ไหน
     
  17. Orkar

    Orkar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +952
    เห็นด้วยครับ
    อาจารย์ผมเล่าว่า
    ไปหาหลวงพ่อทองสุขที่วัดสะพานสูง
    ยังเห็นตำราเขียนผงของอาจารย์เทพย์
    อยู่ในกุฎิเลยครับ
     
  18. คุรบรรลือ

    คุรบรรลือ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    214
    ค่าพลัง:
    +945
    อยากได้หนังสือวิชาตำราของท่านอาจารย์เทพย์ไว้ศึกษาครับ ไม่รู้ว่าที่ไหนมีบ้างครับ ขอท่านที่รู้ช่วยบอกด้วยครับ และราคาเท่าไรครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
     
  19. choke

    choke เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    938
    ค่าพลัง:
    +1,651
    ร้านหนังสือเก่าชั้นใต้ดิน พันธุ์ทิพย์งามวงวานครับ
    เป็นเล่มรวมทั้งหมดมีเล่ม 1 และ 2 ที่สำคัญลดราคาด้วยครับ ลองไปถามหาดูนะครับผมก็ไปได้มาจากที่นี่ครับ
     
  20. poplight

    poplight Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +84
    ขอแสดงความเคารพ อย่างสูงยิ่งครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...